โดน ป.ปลา tag ไว้จนไม่รู้ว่าเจ้าตัวลืมไปหรือยัง แต่ว่าผมต้องวิ่งเข้าออกห้องน้ำอยู่หลายรอบทั้งท้องเสีย ท้องผูก ถ่ายเหลวถ่ายแข็งอยู่หลายวัน (ของเค้าแรงจริงจริงนะคู๊ณ) ก็คงต้องมาบอกเล่าเก้าสิบสิบเอ็ดสิบสองให้พี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ได้อ่านประวัติอันน่าติดตามของชีวิตน้อย ๆ ของผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ธรรมดา (นี่โฆษณาตัวเองเต็มที่) บอกก่อนนะครับว่าเรื่องของผมยาวมาก ๆ (ว่าจะออกแข่งกับแฮรี่ พอตเตอร์ ซักหน่อย) ไปกันเลยครับ
ชีวิตมหัศจรรย์กับผองเพื่อนทั้งยี่เจ็ดของนายวี "ภาคกำเนิดนายวี"
สวัสดีครับทุก ๆ ท่าน ผมของแทนตัวเองว่า"ผม" นะครับ ทุกคนอาจจะงงแล้วว่า "ผม" เนี่ยะคือใคร แล้วใครคือ "ผม" แล้วผมเกี่ยวอะไรกับ "ผม" อะไร ๆ เอาครับสรุปก่อนที่ทุกคนจะงงกับผมไปมากกว่านี้
ผมก็คือ "เด็กชาย"ที่เพิ่งได้กลายเป็นตัวเต็มวัยที่ใช้คำนำหน้าว่า"นาย"เมื่อสิบปีที่แล้วนามว่า "ทวีศักดิ์" ส่วนนามสกุลนี่คุณพ่อให้ใช้ครับว่า "เชี่ยวชาญศิลป์"
สถานที่แรกที่ได้มุดออกจากท้องคุณแม่ออกมาดูโลกภายนอกก็คือ "ห้องคลอดที่ (เท่าไหร่ไม่รู้จำไม่ได้) โรงพยาบาลหัวเฉียว เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรา อยุธยามหดิลก ฯ (ที่เหลือร้องต่อเองนะครับ ผมรู้ว่าทุกคนร้องต่อได้ ใช่ไหมครั ^_^)" ตอนนี้ขอให้ทุกท่านอ่านสถานที่เกิดของผมอีกครังครับ อ๊ะ ๆ อย่าลักไก่ครับ กลับไปอ่านซะดี ๆ
โอเคครับก็ไม่มีอะไรหรอกครับแค่จะบอกว่าผมเป็นคนกรุงเทพฯแต่กำเนิดครับ (ไม่ได้พูดสำเนียงทองแดงนะ สำเนียงภาคกลางแท้ ๆ เลยนะจะบอกให้) เชื่อไหมครับ
ไม่เชื่อตามมาดูสูจิบัตร (ไม่ใช้มรณะบัตรนะครับ) ของผมได้ พอดีไม่ได้เก็บไว้กับตัว เลยเอามาอวดไม่ได้ อีกอย่างนะครับผมไม่มีเชื้อสายคนไทยอยู่ในสายเลือดเลยครับ ถึงตรงนี้ทุกท่านอาจจะงง หรือคิดในใจว่า "บ๊ะไอ้นี่ยังไงของมัน อยู่ในไทยแท้ ๆ ไม่มีสายเลือดไทยได้ไง" หรืออาจจะคิดว่า "ฮั่นแน่ จะอวดล่ะสิว่าเป็นลูกครึ่ง" ขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่าไม่ได้โอ้อวดอะไรนะครับ เป็นเรื่องจริง ๆ ไม่ได้อิงนิยาย (ขี้เกียจตอบนักข่าวครับว่าเป็นเรื่องจริงไม่ได้สร้างกระแส)
คืออย่างนี้ครับ อากง กับ อาม่าเนี่ยะเป็นคนจีนในมเลเซียครับ (เออากงกับอาม่า ภาษาไทยเรียกว่าอะไรอ่ะ คือเป็นพ่อกับแม่ของผมของผมครับ งงม่ะ น่าจะเรียกว่า ปู่กับย่า) เข้ามาลงหลักปักฐานที่ อ.เบตง จ.ยะลา ครับ
ส่วนเอ่อ พ่อกับแม่ของแม่ของผม น่าจะเรียกว่า ตากับยาย (ใช่ไหมครับ พอดีผมเรียกเป็นภาษาจีนกวางใส ว่า หง่ายก้ง กับ ห่ายผ๋อ อ่ะครับเลยไม่แน่ใจว่าภาษาไทยเค้าเรียกว่าไง)ทั้งสองท่านมาจากเมืองจีนแผ่นดินใหญ๋ ลงเรือมาเหมื่อนดังเช่นคนจีนหลาย ๆ คนที่มาเมืองไทย ซึ่งทั้งสองท่านก็ลงหลักปักฐานที่ อ.เบตง จ.ยะลาเหมือนกันครับ แต่ผมไม่รู้จักทั้ง คุณตากับคุณปู่เลยครับเพราะท่านทั้งเสียไปตั้งแต่ผมยังไม่เกิด ถ้าหากใครเคยไปเบตงจะรู้เลยว่าเป็นเมืองที่มีคนจีนเยอะมาก แทบจะพูดจีนกันทั้งอำเภอ (ใช่ไหมครับพี่มัฮดี)
คุณตากับคุณยายเป็นจีนกวางใส (หรือกวางศรี แล้วแต่จะเรียก) คุณปู่เป็นจีนแคะ คุณย่าเป็นจีนแต้จิ๋ว ผมเลยรับมาจากหลาย ๆ ส่วนเลยครับ พูดง่าย ๆ มีหลายสำเนียงในตัวเดียวกัน
แอบเอาเรื่องสมัยคุณพ่อคุณแม่รู้จักกันมาเล่าให้ฟังครับ คือสมัยก่อนคงยังไม่มี internet หรือ computer มา chat กันแน่นอน ทางหนึ่งที่หนุ่มสาวสมัยนั้นจะรู้จักกันก็คือ penfriend ครับและสื่อกลางก็คือ นสพ. หรือหนังสือพิมพ์ (ไม่ใช่ "น้ำสรงพระ" นะครับ) แม่ผมนี่ตัวยงเลย มีเพื่อนปากกา (penfriend) เต็มเลยครับทั้ง คนจีนในจังหวัดใกล้เคียงเช่น ภูเก็ต สงขลา หรือที่ต่างประเทศเช่น มาเลเซีย และ สิงคโปร(โตก) อ่อลืมบอกไปว่าพ่อกับแม่เค้าใช้ภาษาจีนครับในการติดต่อครับ และแล้วพ่อกับแม่ก็มารู้จักกัน และมาทำมาหากินในกรุงเทพ ฯ ครับจนได้ให้กำเนิดบุตรชายน่ารักน่าชังสามคน ซึ่งผมเป็นคนที่สองของลูกทั้งสามคนนั้นครับ
เวลาลูกคลอดออกมาแล้วก็ต้องมีตั้งชื่อกันใช่ไหมล่ะครับ และวิธีการตั้งชื่อก็แตกต่างกันออกไปใช่แต่ล่ะบุคคล ของครอบครัวผมก็เหมือนกัน อย่างพี่ชายกับน้องชายผมเนี่ยะพ่อกับแม่ไปให้พระตั้งให้ครับ ชื่อก็เลยไพเราะเพราะพริ้งเลยที่เดียว
ส่วนผมครับชื่อ ทวีศักดิ์ นี่พ่อผมคงจะขี้เกียจไปให้พระตั้งให้ ในช่วงเวลาที่ต้องบอกชื่อกับพนักงานแจ้งเกิด คงมีอะไรดลบันดาลใจให้พ่อเหลือบไปเห็นป้ายชื่อของหมอทำคลอดให้ผมครับ ลองทายซิครับว่าหมอคนนั้นชื่ออะไร (ให้เวลาคิดสองนาทีมากไปหรือเปล่าครับ ถ้ามากไปก็อ่านต่อเลยครับ) หมอเค้าก็ต้องชื่อ ทวีศักดิ์ อยู่แล้วใช่ไหมล่ะครับ เนี่ยะล่ะที่มาของชื่อผม
ส่วนชื่อเล่มผมเนี่ยะหลายคนอาจจะสงสัยว่าเป็นคนจีน จี๊น จีนขนาดนี้ทำไมมีชื่อเล่นว่าวี เป็นฝรั้ง ฝรั่งขนาดนี้ แน่นอนครับก็เหมือนกับเพื่อนหลาย ๆ คนที่เมื่อเข้าวงการก็ต้องเปลี่ยนชื่อให้เรียกง่ายขึ้น (จริง ๆ แล้วสงสารเพื่อนตอนห้องเชียร์อ่ะครับ เพราะว่าตั้งแต่บอกชื่อเล่นจริง ๆ ไปไม่เคยมีใครเรียกถูกตั้งแต่ครั้งแรกซักกะที)เพราะงั้นชื่อเล่นที่พ่อแม่ตั้งให้ก็มีเฉพาะที่บ้าน ญาติ ๆ แล้วเพือนตอนประถมกับมัธยมที่เรียกเท่านั้นครับ แต่พอมาถึงตอนนี้ก็คิดว่าไม่น่าเปลี่ยนเลยอ่ะ แต่ก็ช่างมันเถอะเนอะ (แหน่ แอบพยักหน้าตามอ่ะดิเห็นนะ)
ตอนผมเกิดใหม่ ๆ พ่อกับแม่บอกว่าผมร้องไห้เก่งมากเลยครับ เห็นบอกว่าร้องไม่หยุดร้อยวันเลยอ่ะ (อันนี้ท่าทางพ่อจะโม้ซะแล้ว) ก็เลยจะถูกญาติล้ออ่ะครับว่าเป็น tao fu mui แปลเป็นไทยตรง ๆ ว่า เด็กหญิงเต้าหู้
ทำไมต้องเด็กหญิงเต้าหู้ อยากรู้ไหมครับ ถ้าอยากรู้ติดตามตอนต่อไปครับ (สงสารคนอ่านอ่ะ ตาคงลายแล้วลายอีก เป็นทางม้าลาย ที่เหมือนเอา หล้ากันป.ปลามายืนสลับกันไปเรื่อย ๆ )นี่แค่กำเนิดนะครับ ยังมีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นอีกมากมายรอให้ทุกท่านมาสัมผัสชีวิตอันน่ามหัศจรรย์ของผู้ชายคนนี้อีกเยอะครับ (โฆษณาปิดด้วย)
รู้ตัวว่าพิมพ์ผิดเยอะมาก เพราะว่ามันไหลออกมาจากหัวแล้วพิมพ์เลย จะทยอย ๆ แก้คำผิดเรื่อย ๆ นะครับ