22 พฤศจิกายน 2567, 20:19:27
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 29  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องดี--มาแบ่งปัน  (อ่าน 614430 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ลูกพิ้ง
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,287

« ตอบ #175 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2550, 11:06:50 »

อ้างจาก: "Max"
มีอยู่อันนึงชอบมากๆ

ปะ ไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า เพราะจะได้เห็นทุกวัน

เด๋วพรุ่งนี้จะจดมาอ่ะ


:shock: อะไรอ่ะ MAX จดมายัง...จะรออ่านน๊า :wink:
บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #176 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2550, 13:07:34 »

วันนี้เป็นเรื่องดีๆ ของตัวเองที่ตั้งแต่อยู่กรุงเทพมา 10 กว่าปียังไม่เคยได้เห็นปรากฏการณ์แบบนี้เลย อยากเอามาโชว์ แม้มันจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ก็อยากบอกว่า ได้ดีใจมากที่ได้เห็นแบบนี้...

เมื่อคืนฝนตกหนักมาก คิดว่า น่าจะทั่วกทม. ตอนเช้าที่ตื่นมาก็ไปทำงานปกติ แต่ก็รู้สึกว่า อากาศเย็นๆ ขึ้นทางด่วนจากด่านบางนา แล้วลงที่อนุสาวรีย์ชัยฯ วันนี้นึกไงไม่รู้ไม่เลี้ยววกลอดใต้ทางด่วนเพื่อเข้าด้านหลังบริษัท...แต่เลือกจะตรงดิ่งเข้าพหลโยธินเพื่อเข้าด้านหน้าบริษัท แล้วก็แปลกนะ มีรถเราวิ่งลงคันเดี๊ยในเวลานั้น แถมตำรวจกันรถลงจากทางด่วนให้เลี้ยวซ้ายติดไฟแดงรอวิ่งไปทางพญาไท...แบบว่า จังหวะเหมาะมาก...นั่งๆ อยู่ตาก็เหลือบขึ้นไปบนสะพานลอย...แล้วพี่ก็ตาค้าง...เพราะมันจะมองเห็นตึกใบหยกสูงเสียดฟ้า...แล้วอะไรรู้มั้ย...ถ้าใครพักเมื่อเช้านี้นะ คงนึกว่าอยู่บนสวรรค์ เพราะก้อนเมฆมันปิดหลายส่วนของตึก มันลอยเป็นเมฆกลุ่มใหญ่มาก...(คล้ายทะเลหมอกนะ) แล้วเห็นแค่เสาและยอดของตึกใบหยก...เห็นแล้วมันตื่นเต้นมากสำหรับพี่เอง ที่อยู่กทม.มาตั้งนาน ไม่เคยเห็นภาพแบบนี้...เลยหยิบมือถือมาถ่าย...มันอาจจะไกลนะ แต่ก็อยากให้คนอื่นๆ ที่ไม่เคยเห็นได้เห็นเหมือนพี่....ใครเคยเจอแบบนี้บ้างมั้ย บอกหน่อยนะคะ...



บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #177 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2550, 08:34:22 »

ชอบภาพชุดนี้มากๆ ได้มาจาก foward mail ครับ
ใครเป็นเจ้าของมิทราบ แต่อนุญาตมา post ให้หลายๆ คนได้ดูล่ะกัน

ตาแคม





บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #178 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2550, 08:41:41 »

-----





บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #179 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2550, 08:46:55 »

-----





บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #180 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2550, 08:48:37 »

-----



ตาแคม  :wink:
บันทึกการเข้า
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #181 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2550, 10:25:21 »

ชอบภาพสุดท้ายว่ะ   ตาแคม
บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #182 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2550, 11:00:48 »

Forward ให้ผมได้หรือเปล่าครับ พี่ตา cam

...
บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #183 เมื่อ: 15 ตุลาคม 2550, 12:04:22 »

e-mail อะไรเด๋วส่งไปให้

ตาแคม
บันทึกการเข้า
party
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,875

« ตอบ #184 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2550, 08:35:39 »

ไม่รู้จะโพสที่กระทู้ไหนดี...

ขอให้ในหลวงทรงหายจากอาการประชวรในเร็ววัน อยู่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตราบนานเท่านาน.......ขอจงทรงพระเจริญ...


รักในหลวงมากคะ
บันทึกการเข้า

http://happinessparty.multiply.com/
<embed src=\\\"http://images.multiply.com/multiply/horizontal-headshot-badge.swf\\\" type=\\\"application/x-shockwave-flash\\\" wmode=\\\"transparent\\\" FLASHVARS=\\\"user_id=happinessparty&enc=U2FsdGVkX1.XgxV7rEZX6q1u2Jyr2y9bKY8Amx,Hc,GTybsHCwE8.8sOCJWnoHQj
party
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,875

« ตอบ #185 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2550, 08:41:03 »

---ใครที่พอจะแวะผ่านไปที่ BTS อโศก เจออาม่า ก้อช่วยอุดหนุนกันหน่อยนะคะ พอดีเพื่อน(หล้า) forward mail มาให้ สงสารแกอะ ว่างๆจะแวะไปช่วยแน่นอน ---

 :cry:  :cry:  :cry:

วันนี้ขอ เอาขนมปังอาม่า มาให้ดูหน่อยค่ะ

 อาม่า อายุน่าจะสัก 65 up
 แต่ไม่รู้เท่าไหร่ เพราะไม่กล้าสัมภาษณ์แกมากนัก (เป็นโรคแพ้คนแก่)
 ที่ต้องนำมาแนะนำให้เพื่อนรู้จักกันก็เพราะว่า

 วันหนึ่ง อาม่าขายขนมปัง ตรงทางลงรถไฟฟ้าสถานี อโศก ตามปกติ
 แต่ที่ไม่ปกติก็คือ วันนั้น อาม่า ต้องยืนถือไม้เท้าคู่ใจของแก พร้อมกับ
หิ้วขนมปังใส่ถุงก๊อบแก๊บใบโต
 เร่ขาย ให้กับผู้คนรอบด้านที่เดินผ่าน
 คิดดูสิคะ คนที่จะกล้าซื้อขนมปังแกคงมีไม่เยอะ
นอกจากคนที่เคยอุตหนุนกันเป็นประจำ เพราะจากสภาพแล้วคนคงกลัวว่า
 ของจะไม่สะอาดบ้างหละ ไม่น่ากินบ้างหละ คุณภาพไม่ดีบ้างหละ
 เห็นแล้วก็อดสงสารแกไม่ได้
(ก่อนหน้านี้ผ่านเจอแกทุกวันแต่ยังไม่คิดจะซื้อเพราะเป็นโรคกลัวคนแก่)
 วันนั้น เลยเดินเข้าไปอุตหนุนขนมปังแกไป 4 ก้อน
 เลยได้ถามแกว่า
 B: อาม่า ทำไมวันนี้ อาม่าต้องมายืนขายด้วยหละ แล้วเก้าอี้หายไปไหน
 อาม่า: อ๋อ วันนี้เห็นเจ้าหน้าที่เค้ามาบอกว่า ห้ามนั่งขาย
เพราะมีผู้ใหญ่จะผ่าน

 คิดดูสิ เพราะผู้ใหญ่จะผ่าน ถึงขึ้นทำให้แกต้องยืนถือไม้เท้าเร่ขาย ใจดำจริง
ร้านแกก็ไม่ได้ทำให้กรุงเทพแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่

 มาต่อกันที่ ขนมปังอาม่า ดีก่า เดี๋ยวจะเสียอารมณ์
 ตอนแรกกะลังคิดอยู่ว่าจะเอาขนมปังไปแจก เพื่อนพี่น้อง ที่ออฟฟิตกิน
เพราะมันตั้ง 4 ก้อน และไม่รู้ว่าจะอร่อยไหม
 เพราะหน้าตาของขนมปังนั้นดูบ้านๆธรรมดา บรรจุในถุงแกง
ที่ถูกมัดปากถุงแบบที่แม่แบ่งขนมจากบ้าน ให้ไปโรงเรียนตอนสมัยอนุบาล
 แต่จากที่อาม่าจับขนมปังมัดใส่ถุงแบบนั้น ทำให้ ขนมปังของอาม่า สะอาด และนุ่ม
มากๆ (เพราะอาม่าขายอยู่ข้างถนน)
 พอได้กัดขนมปังเข้าไปรู้สึกได้เลยว่า โอ้แม่เจ้า!! นี้มัน อร่อยกว่า
แบรนด์ดังๆ หลายเจ้าเลยนะเนี้ย(แต่ไม่รู้ว่าอาม่ารับมาจากไหน หรือว่าทำเอง
เพราะเป็นโรคแพ้คนแก่)
 ที่สำคัญ กว่าความอร่อย ก็คือ ปริมาณที่ เกินราคา เพราะมันแค่ 10 บาท
แต่ใส้บานตะไท
 ขนมปังอาม่า มี หลายไส้มากๆค่ะ แต่ราคา 10-12 บาท
(ใส้กุ้งไม่รู้เท่าไหร่ไม่เคยซื้อเพราะใส่หัวหอมใหญ่)
 ถูกจนไม่รุ้จะถูกยังไง เพราะ ไส้เยอะ แป้งน้อย เหนียวนุ่ม
 เวลาเปิดขาย ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่ช่วง 8.30 - 10.00 น. ก็เห็นแกอยู่แล้ว
น่าจะมาเช้ากว่านั้น (วันจันทร์ ไม่ขาย, เสาร์-อาทิตย์ ไม่ทราบค่ะ)

 ใครผ่านไปแถวๆนั้น แวะช่วยแกอุตหนุนหน่อยนะคะ
เพราะแกจะต้องขายขนมปังให้หมดก่อนถึงจะกลับได้
 ขนาดวันที่เราไปทำงานสาย เกือบ 11 โมงแล้ว แกยังนั่งขายอยู่เลย
 บางวันเหลือเยอะๆ ก็ช่วยซื้อหมดไม่ได้ จะกินทุกวันก็มะไหวอีก ได้แต่ช่วยแก
2-3 ชิ้น ไปวันๆ(แต่รับประกันของแกอร่อยจริงๆ ไม่งั้นไม่กล้าแนะนำ)
 สุดท้าย ฝากทุกคนดูแลคนชรา ที่บ้านด้วยนะคะ

 ปล. ใครไปซื้อขนนมปังแล้วรักคนแก่ ฝากถามแกด้วยว่า ทำขนมเองหรือเปล่า
อร่อยมากๆ


 :cry:  :cry:  :cry:
บันทึกการเข้า

http://happinessparty.multiply.com/
<embed src=\\\"http://images.multiply.com/multiply/horizontal-headshot-badge.swf\\\" type=\\\"application/x-shockwave-flash\\\" wmode=\\\"transparent\\\" FLASHVARS=\\\"user_id=happinessparty&enc=U2FsdGVkX1.XgxV7rEZX6q1u2Jyr2y9bKY8Amx,Hc,GTybsHCwE8.8sOCJWnoHQj
Max
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,435

« ตอบ #186 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2550, 10:46:53 »

ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไรนะครับ ผมเรียกว่ากลอนแล้วกัน

คือไปเจอที่หนังสือพิมพ์มาอครับ อ่านแล้วก็ ... เลยตัดเก็บไว้ มาปะไว้ที่

หน้าตู้เสื้อผ้า เพราะคิดว่าต้องเห็นทุกเช้าก่อนออกจากห้องครับจะได้เตือนใจตัวเองครับ


"วันที่รอคอย"

วันก่อน .... หลายครั้งลูกบอกว่ามีงานใหญ่

วันั้น .... ไม่เป็นไรพ่อแม่ดูตัวเองได้

วันนี้ .... แค่พาหลานมาเยี่ยมบ้าง...ช่างชื่นใจ

วันหน้า .... หรือวันไหนที่เจ้ามา .... กราบหน้าเมรุ
บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #187 เมื่อ: 17 ตุลาคม 2550, 16:46:54 »

Subject: คำสอนของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

       สิ้นบุญพระอริยะสงฆ์ผู้เป็นแม่ทัพธรรมไปอีก 1 รูป หลังจากเราสูญเสียท่านพุทธทาส เมื่อไม่
นานมานี้
       วันนี้ น.ส.พ. คม ชัด ลึก ได้รวบรวมคำสอนบางส่วนของท่านปัญญานันทะภิกขุมาน้อมนำเพื่อ
เตือนสติพุทธศาสนิกชนให้ปฏิบัติตนตามแนวทางที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

      1. อยู่ได้นานก็เท่านั้นแหละ ไม่เกินร้อยปี ถึงเกินไปกว่านั้นก็จะต้องมีความแก่ แก่หง่อม แล้ว
ก็ต้องดับด้วยกันทั้งนั้น
      2. วันนี้มีเพื่อแก้ไขมิใช่แก้ตัว มัวเพ้อเจ้ออยู่ทำไม
      3. เพราะเราเกิดมาเพื่อหน้าที่ เราอยู่เพื่อหน้าที่ คือ อยู่เพื่องาน งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน
บันดาลสุข ฉะนั้น เราต้องทำงาน
      4. เมื่อจะพูดอะไร จะทำอะไร จะคิดสิ่งไร จะไปกับใครที่ไหน เราก็นึกเสียก่อนว่ามันถูก
หรือผิด ดีหรือชั่ว เสื่อมหรือเจริญ
       ทำแล้วจะได้ประโยชน์ หรือสูญเสียประโยชน์อย่างไร อย่างน ี้ เรียกว่า เราเดินตามพระ

      5. พระปิดตาไม่ได้มีไว้เพื่อฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก แต่มีเพื่อให้เรา ปิดตาจากสิ่งไม่ดี ปิดหูจาก
การฟังสิ่งที่ไม่ดี และปิดปากไม่พูดสิ่งที่ไม่ดี
      6. พระปางลีลามีไว้เพื่อเตือนว่า เราต้องเดินก้าวไปข้างหน้า อย่าหยุด ถ้ายังไม่ถึงที่หมาย
เราต้องก้าวต่อไป เราต้องทำงาน
       พระอยู่ในใจเรา เราต้องช่วยเหลือตัวเอง พระที่แขวนบนคอไม่สามารถช่วยเราได้
      7. การทำงานคือการพักผ่อน ทำงานเพื่องาน ไม่ใช่ทำงานเพื่ออะไร คนโง่ทำงานแล้วทุกข์
คนฉลาดทำงานแล้วสุข
      8. มีหน้าที่สอนต้องสอน ถ้าไม่สอนก็โง่ ทำแบบโง่ๆ เขามาแล้วกี่คนก็ต้องสอน 1 คนก็ต้อง
สอน
      9. ชีวิตคืออะไร...เกิดมาทำไม...อยู่เพื่ออะไร...ก่อนตายทำความดีเสียบ้าง...อย่าอยู่
กันไปแบบรกโลก...หนักแผ่นดิน ถึงจะมีราคา
      10. อยากให้ทุกคนเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี...และไปสู่สถานที่ดี
      11. เกิดมาชาติหนึ่ง...ตายก็ไม่เสียใจแล้ว...เพราะได้สร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์...ตลอด
กาลนาน....
      12. ฉันเกิดมาเพื่องาน...อยู่เพื่องาน...ชีวิตเป็นงาน...งานคือชีวิต...ชีวิตคืองาน
บันดาลสุข...ทำงานให้สนุกเป็นสุขขณะทำงาน...ไม่หวังอะไร...ทำเพื่อให้...ไม่ได้เพื่อจะเอา...
      13. จงอย่าใช้ชีวิตอยู่ให้หนักบ้านเมือง...ทำชีวิตให้มีประโยชน์...ดำรงตนเป็นคนให้...ไม่
ใช่เป็นคนเอา...ถ้าทุกคนช่วยกันให้...บ้านเมืองก็เจริญ...แต่ถ้าคิดแต่จะเอา...บ้านเมืองก็ฉิบหาย
      14. มีทุกข์...มีปัญหาอย่าไปแก้ที่อื่น...ต้องแก้ที่ตัวเอง...ให้ใจตัวเองแก้ไขตัวเอง...ทำ
ตัวเองให้เจริญ...มีประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง...ไม่อยู่รกแผ่นดิน
บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #188 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2550, 23:17:50 »

 
อ้างถึง   

1. เมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัทถะ หนีเทียว แล้วได้มีมีคนสนิทชวนไป ไหว้ เทพ

มีหญิงแก่ท่านนึง ร้องไห้ ไหว้เทพ เพื่อขอให้ลูกชาย ที่หายไป กลับมาเนื่องจาก สามีตาย และสะใภ้ ก็ทำอะไรไม่ค่อยได้

เจ้าชาย ก็คิดว่า ถ้าเทพมีอำนาจจริง เทพนั้นๆ ต้องใจร้ายมากๆ เพราะไม่ช่วยผู้คนที่มาอ้อนวอน ด้วยน้ำตา ที่มากมาย หลายพันปี น้ำตาที่หรั่งรินรวมกัน มากกว่ามหาสมุทร อันกว้างใหญ่ หรือว่า เทพนั้นๆ ไม่ได้มีอำนาจจริง แต่ผู้คนก็ยังมาอ้อนวอน ในเทพ ที่ไม่สามารถช่วยคนเหล่านั้นได้เลย

2. เมื่อครั้ง มีนายพราน ยิงธนูถูกนก ตกลงมา แต่ยังไม่ตาย แล้วเจ้าชาย ก็ไปเก็บนก มาปลอบ แล้วรำพึงว่า เราตัวใหญ่ขนาดนี้ หากโดนศรยังเจ็บมาก นกน้อย ตัวเล็กมาก โดนศร จะเจ็บขนาดไหน นายพรานช่างใจร้ายมาก เมื่อนายพรานมาพบ ก็ขอสิทธิ์ ว่านกที่ถูกยิงตก เป็นสิทธิ์ ของนายพราน แต่เจ้าชายไม่ยอม ด้วยเหตุผลที่ว่า ท่านเป็นผู้พรากชีวิต แต่เราเป็นผู้รักษาชีวิต ผู้พราชีวิต ย่อมไม่มีสิทธิ์ในชีวิต เราต่างหากทีเป็นผู้รักษาชีวิต ย่อมมีสิทธิ์ในชีวิตนั้น เรื่องนี้ร้อนถึง อำมาต ต้องเปิดประชุม ว่าใครจะเป็นผู้ได้สิทธิ์ ในนกตัวนั้น ปรากฎว่า เจ้าชายสิทธัทถะ ชนะ

3. เมื่อเจ้าชายเห็น เหล่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย ต่างค่อยๆกินกัน เป็นห่วงโซ่ไปเรื่อยๆ เจ้าชายก็รำพึงว่า ชีวิต นึง เกิดมา เพื่ออีกชีวิต นึง โลกเราก็เป็นเช่นนี้หนอ

ปล. เรื่องที่เล่าฟังจาก cd ไม่รับรองความถูกต้อง แต่ ชอบมักๆ


Copy เขามาอีกที ... :wink:
บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #189 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2550, 13:29:10 »

โอ้..ชอบรูปมั่กๆ..
บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #190 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2550, 08:30:19 »

ชายชาวอินเดียคนหนึ่ง เดินเข้าไปในธนาคารกลางเมืองนิวยอร์ค
ถามหาเจ้าหน้าที่สินเชื่อ ชายคนนี้บอกกับเจ้าหน้าที่สินเชื่อว่า
เขาจะต้องไปทำธุระที่ประเทศอินเดีย ประมาณ 2 สัปดาห์
ก็เลยจะขอกู้เงินสัก 170,000 บาท

เจ้าหน้าที่สินเชื่อบอกกับเขาว่า การกู้ยืมเงินจะต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ดังนั้นชายชาวอินเดียยื่นกุญแจรถเฟอร์รารี่รุ่นใหม่ล่าสุด

ที่จอดอยู่หน้าธนาคาร พร้อมกับเสนอให้ใช้รถคันนี้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
เจ้าหน้าที่สินเชื่อจึงตกลงให้กู้เงินโดยใช้รถค้ำประกัน

ผู้จัดการธนาคาร กับเจ้าหน้าที่สินเชื่อต่างก็ขบขันชายชาวอินเดีย
ที่เอารถเฟอร์รารี่ราคา 8,500,000 บาท มาค้ำประกันเงินกู้เพียงแต่ 170,000 บาท

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารก็นำรถเฟอร์รารี่ขับเข้าไปจอดที่ลาดจอดรถชั้นใต้ดินของธนาคาร

สองสัปดาห์ผ่านไป ชายชาวอินเดียก็กลับมาที่ธนาคารพร้อมด้วยเงิน 170,000 บาท
และดอกเบี้ยอีก 500 บาท นำมาชำระคืนให้กับธนาคาร

เจ้าหน้าที่สินเชื่อพูดว่า 'ท่านครับ เรารู้สึกดีใจมากที่คุณจัดการธุระของคุณได้เสร็จเรียบร้อย
และการกู้เงินในครั้งนี้ก็เสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี แต่ผมสงสัยอะไรนิดหน่อย ตอนที่คุณไปแล้ว
เราได้เช็คประวัติของคุณดู ก็พบว่าคุณร่ำรวยเป็นอภิมหาเศรษฐีคนนึงเลย
แต่ทำไมคุณถึงต้องมากู้เงินกับเราแค่ 170,000 บาทด้วยล่ะครับ'

ชาวชาวอินเดียตอบกลับไปว่า 'ไม่มีที่ไหนในนิวยอร์คอีกแล้ว ที่ผมจะสามารถจอดรถ
ทิ้งไว้ได้ถึง 2 สัปดาห์
ด้วยเงินเพียง 500 บาท พร้อมกับความมั่นใจเต็มร้อยว่ารถผมจะไม่หาย'

ที่มา : Forward mail

ตาแคม  Cool
ปล. เรื่องนี้อยากให้อ่านแนวความคิดเฉยๆ
แต่ในความเป็นจริงๆ มันรวยขนาดนั้น เป็นห่วงแค่รถเหรอเป็นไปไม่ได้
บ้านมันต้องมีของเยอะกว่านี้อยู่แล้ว และรวยขนาดนี้ที่บ้านต้องมีที่จอด
และก้อคนเฝ้าอยู่แล้น
บันทึกการเข้า
mmwindoo_79
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 254

« ตอบ #191 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2550, 15:37:24 »

ชาวอินเดียคนนั้นเป็นนักการเมือง!?
บันทึกการเข้า
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #192 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2550, 21:05:28 »

บทความเบาๆ พอจะใช้เป็นยากล่อมประสาทแด่ตัวข้าพเจ้าเอง :?  :!:  :?:
(พอดีเห็นว่าน่าสนใจ เลยก็อปเค้ามาจากเวบนึง)
http://mikkaze.spaces.live.com/blog/cns!671D38CB05A971D2!242.entry

ความสุขชั่วเวียนธูป ความทุกข์ชั่ววูบเทียน

รู้สึกอย่างนึงเลยว่า คนที่คิดประโยคนี้นี่คิดได้ไงกันฟระ โดนใจโจ๋อย่างแรงครับพี่น้อง...
        ความสุขชั่วเวียนธูป......ความทุกข์ชั่ววูบเทียน
ชีวิตจริงๆ มันก็เป็นเหมือนคำพูดนี้เปี๊ยบเลย เวลามีความสุขทำไม๊..ทำไมมันช่างผ่านไปเร็วนักนะ แต่พอมีทุกข์ปุ๊บ ทุกสิ่งทุกอย่างจะถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง จนอาจตั้งตัวไม่ทัน แต่มันก็คือสัจธรรมของการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง
        เมื่อไหร่ที่มีความสุขเข้ามา จนจิตใจเบิกบานล่ะก็ จนบางทีจากที่นั่งๆอยู่อาจลอยจนหัวจะชนฝาเพดาน ....เคยเป็นกันมั้งมั้ย...(เราเคยรู้สึกแบบนี้มั่งป่าวหว่า) แต่พอทุกข์เท่านั้นแหละ เหมือนแผ่นดินจะแยก ฟ้าจะถล่ม ไม่ก็อยากรู้สึกว่าเมื่อไหร่อีโลกร้อนจะทำให้น้ำท่วมโลกซะทีนะ จะได้เลิกคิดให้ปวดสมอง....(เว่อร์ไปปะเนี่ย)
        แต่พอโตขึ้น ตอนนี้กลับขอเปลี่ยนความคิดซะใหม่ว่า เวลามีความสุขทีไร ต้องคอยระแวงกับตัวเองว่า ฮั่นแน่.....ต่างดาวจะมาบุกโลกแล้ว....ไม่ช่ายยยย มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นตามมาแน่นอน ทำจาย...ทำจาย...แล้วก็ยิ้มสู้เข้าไว้
          เพราะมันก็อยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวซะจริงๆ แต่ก็อยากบอกว่า เวลานั้นช่างมีค่านัก จะเก็บ จะถ่ายรูปไว้ จะอัดคลิบวีซีดี (ไม่ใช่หนัง...นะ) เพื่อให้จดจำอยู่ในร่องสมอง มันก็ดีไม่น้อย เพราะว่าเวลาทุกข์เมื่อไรจะได้มีเรื่องดีๆที่อยู่ในความทรงจำที่พอระลึกได้บ้าง จะได้บรรเทาความเครียดหรืออมทุกข์ให้หายไปหน่อยก็ยังดี
       ถ้าอย่างนั้นลองคิดในมุมใหม่ดีมั้ยล่ะ เพียงแค่เลื่อนมาแค่ 1มม. เท่านั้น.....
       ไม่ว่าจะมีความสุข หรือมีความทุกข์ จงคิดไว้ว่านั่นไม่ใช่ความสุขและไม่ใช่ความทุกข์ แต่มันคือสถานการณ์ธรรมดาที่เกิดขึ้นปกติ ที่พิสูจน์จิตใจของเรามากกว่า ให้แข้มแข็งขึ้น ให้แกร่งขึ้น แล้วอาจได้มุมมองใหม่ที่ดีกับชีวิตก็ได้ ดังนั้นในทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตคุณ ไม่ว่ามันจะทำให้คุณยิ้มได้อย่างไม่มีเหตุผล หรือร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด แต่ในทุกๆสถานการณ์ ไม่มี 1+1 = 2 และในทุกๆสถานการณ์ ไม่ใช่สีขาวหรือสีดำ เพียงแต่ว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมันมีตั้งหลายสี มีตั้งหลายมุมมอง เพียงแต่คุณมองมันในมุมมองแบบไหน เพราะทุกอย่างล้วนให้ประโยชน์และแง่คิดที่ดีกับชีวิตเสมอ
           .....เชื่อผมมั้ยล่ะ เพียงแค่เลี่อนไป 1 มม. เท่านั้น.
บันทึกการเข้า

...
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #193 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2550, 07:54:11 »

อ้างจาก: "Aj.O"
บทความเบาๆ พอจะใช้เป็นยากล่อมประสาทแด่ตัวข้าพเจ้าเอง :?  :!:  :?:
http://mikkaze.spaces.live.com/blog/cns!671D38CB05A971D2!242.entry

ความสุขชั่วเวียนธูป ความทุกข์ชั่ววูบเทียน

รู้สึกอย่างนึงเลยว่า คนที่คิดประโยคนี้นี่คิดได้ไงกันฟระ โดนใจโจ๋อย่างแรงครับพี่น้อง...
        ความสุขชั่วเวียนธูป......ความทุกข์ชั่ววูบเทียน
ชีวิตจริงๆ มันก็เป็นเหมือนคำพูดนี้เปี๊ยบเลย เวลามีความสุขทำไม๊..ทำไมมันช่างผ่านไปเร็วนักนะ แต่พอมีทุกข์ปุ๊บ ทุกสิ่งทุกอย่างจะถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง จนอาจตั้งตัวไม่ทัน แต่มันก็คือสัจธรรมของการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง
        เมื่อไหร่ที่มีความสุขเข้ามา จนจิตใจเบิกบานล่ะก็ จนบางทีจากที่นั่งๆอยู่อาจลอยจนหัวจะชนฝาเพดาน ....เคยเป็นกันมั้งมั้ย...(เราเคยรู้สึกแบบนี้มั่งป่าวหว่า) แต่พอทุกข์เท่านั้นแหละ เหมือนแผ่นดินจะแยก ฟ้าจะถล่ม ไม่ก็อยากรู้สึกว่าเมื่อไหร่อีโลกร้อนจะทำให้น้ำท่วมโลกซะทีนะ จะได้เลิกคิดให้ปวดสมอง....(เว่อร์ไปปะเนี่ย)
        แต่พอโตขึ้น ตอนนี้กลับขอเปลี่ยนความคิดซะใหม่ว่า เวลามีความสุขทีไร ต้องคอยระแวงกับตัวเองว่า ฮั่นแน่.....ต่างดาวจะมาบุกโลกแล้ว....ไม่ช่ายยยย มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นตามมาแน่นอน ทำจาย...ทำจาย...แล้วก็ยิ้มสู้เข้าไว้
          เพราะมันก็อยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวซะจริงๆ แต่ก็อยากบอกว่า เวลานั้นช่างมีค่านัก จะเก็บ จะถ่ายรูปไว้ จะอัดคลิบวีซีดี (ไม่ใช่หนัง...นะ) เพื่อให้จดจำอยู่ในร่องสมอง มันก็ดีไม่น้อย เพราะว่าเวลาทุกข์เมื่อไรจะได้มีเรื่องดีๆที่อยู่ในความทรงจำที่พอระลึกได้บ้าง จะได้บรรเทาความเครียดหรืออมทุกข์ให้หายไปหน่อยก็ยังดี
       ถ้าอย่างนั้นลองคิดในมุมใหม่ดีมั้ยล่ะ เพียงแค่เลื่อนมาแค่ 1มม. เท่านั้น.....
       ไม่ว่าจะมีความสุข หรือมีความทุกข์ จงคิดไว้ว่านั่นไม่ใช่ความสุขและไม่ใช่ความทุกข์ แต่มันคือสถานการณ์ธรรมดาที่เกิดขึ้นปกติ ที่พิสูจน์จิตใจของเรามากกว่า ให้แข้มแข็งขึ้น ให้แกร่งขึ้น แล้วอาจได้มุมมองใหม่ที่ดีกับชีวิตก็ได้ ดังนั้นในทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตคุณ ไม่ว่ามันจะทำให้คุณยิ้มได้อย่างไม่มีเหตุผล หรือร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด แต่ในทุกๆสถานการณ์ ไม่มี 1+1 = 2 และในทุกๆสถานการณ์ ไม่ใช่สีขาวหรือสีดำ เพียงแต่ว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมันมีตั้งหลายสี มีตั้งหลายมุมมอง เพียงแต่คุณมองมันในมุมมองแบบไหน เพราะทุกอย่างล้วนให้ประโยชน์และแง่คิดที่ดีกับชีวิตเสมอ
           .....เชื่อผมมั้ยล่ะ เพียงแค่เลี่อนไป 1 มม. เท่านั้น.


ดีจัง

ตาแคม  :wink:
บันทึกการเข้า
iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #194 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2550, 08:17:40 »

อ้างจาก: "Aj.O"
บทความเบาๆ พอจะใช้เป็นยากล่อมประสาทแด่ตัวข้าพเจ้าเอง :?  :!:  :?:
http://mikkaze.spaces.live.com/blog/cns!671D38CB05A971D2!242.entry

ความสุขชั่วเวียนธูป ความทุกข์ชั่ววูบเทียน

รู้สึกอย่างนึงเลยว่า คนที่คิดประโยคนี้นี่คิดได้ไงกันฟระ โดนใจโจ๋อย่างแรงครับพี่น้อง...
        ความสุขชั่วเวียนธูป......ความทุกข์ชั่ววูบเทียน
ชีวิตจริงๆ มันก็เป็นเหมือนคำพูดนี้เปี๊ยบเลย เวลามีความสุขทำไม๊..ทำไมมันช่างผ่านไปเร็วนักนะ แต่พอมีทุกข์ปุ๊บ ทุกสิ่งทุกอย่างจะถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง จนอาจตั้งตัวไม่ทัน แต่มันก็คือสัจธรรมของการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง
        เมื่อไหร่ที่มีความสุขเข้ามา จนจิตใจเบิกบานล่ะก็ จนบางทีจากที่นั่งๆอยู่อาจลอยจนหัวจะชนฝาเพดาน ....เคยเป็นกันมั้งมั้ย...(เราเคยรู้สึกแบบนี้มั่งป่าวหว่า) แต่พอทุกข์เท่านั้นแหละ เหมือนแผ่นดินจะแยก ฟ้าจะถล่ม ไม่ก็อยากรู้สึกว่าเมื่อไหร่อีโลกร้อนจะทำให้น้ำท่วมโลกซะทีนะ จะได้เลิกคิดให้ปวดสมอง....(เว่อร์ไปปะเนี่ย)
        แต่พอโตขึ้น ตอนนี้กลับขอเปลี่ยนความคิดซะใหม่ว่า เวลามีความสุขทีไร ต้องคอยระแวงกับตัวเองว่า ฮั่นแน่.....ต่างดาวจะมาบุกโลกแล้ว....ไม่ช่ายยยย มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นตามมาแน่นอน ทำจาย...ทำจาย...แล้วก็ยิ้มสู้เข้าไว้
          เพราะมันก็อยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวซะจริงๆ แต่ก็อยากบอกว่า เวลานั้นช่างมีค่านัก จะเก็บ จะถ่ายรูปไว้ จะอัดคลิบวีซีดี (ไม่ใช่หนัง...นะ) เพื่อให้จดจำอยู่ในร่องสมอง มันก็ดีไม่น้อย เพราะว่าเวลาทุกข์เมื่อไรจะได้มีเรื่องดีๆที่อยู่ในความทรงจำที่พอระลึกได้บ้าง จะได้บรรเทาความเครียดหรืออมทุกข์ให้หายไปหน่อยก็ยังดี
       ถ้าอย่างนั้นลองคิดในมุมใหม่ดีมั้ยล่ะ เพียงแค่เลื่อนมาแค่ 1มม. เท่านั้น.....
       ไม่ว่าจะมีความสุข หรือมีความทุกข์ จงคิดไว้ว่านั่นไม่ใช่ความสุขและไม่ใช่ความทุกข์ แต่มันคือสถานการณ์ธรรมดาที่เกิดขึ้นปกติ ที่พิสูจน์จิตใจของเรามากกว่า ให้แข้มแข็งขึ้น ให้แกร่งขึ้น แล้วอาจได้มุมมองใหม่ที่ดีกับชีวิตก็ได้ ดังนั้นในทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตคุณ ไม่ว่ามันจะทำให้คุณยิ้มได้อย่างไม่มีเหตุผล หรือร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด แต่ในทุกๆสถานการณ์ ไม่มี 1+1 = 2 และในทุกๆสถานการณ์ ไม่ใช่สีขาวหรือสีดำ เพียงแต่ว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมันมีตั้งหลายสี มีตั้งหลายมุมมอง เพียงแต่คุณมองมันในมุมมองแบบไหน เพราะทุกอย่างล้วนให้ประโยชน์และแง่คิดที่ดีกับชีวิตเสมอ
           .....เชื่อผมมั้ยล่ะ เพียงแค่เลี่อนไป 1 มม. เท่านั้น.


อืม เนอะ ฮี่ ฮี่...เจ๋งจริงๆ เมื่อวาน Aj.O ฮัดเช่ยมั่งปะ อิอิ...
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

iamfrommoon
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2535
คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 8,396

เว็บไซต์
« ตอบ #195 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2550, 17:30:19 »


>
>1.ผ้าขี้ริ้วยอมสกปรกเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด
>
>เสน่ห์ของคนอยู่ที่ยอมลำบากเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุข พ่อแม่ยอมเหนื่อยเพื่อ
>ให้ลูกหลานอยู่สุขสบายความสุขแท้ของคนคือการได้ยืนแอบยิ้มอยู่เบื้องหลัง
>ความสำเร็จ
>
>2.ผ้าขี้ริ้วดูดซับความสกปรกได้
>
>แต่ก็สลัดความสกปรกออกจากตัวได้ตลอดเวลา เสน่ห์ของคนอยู่ที่รู้ตัวเองว่า
>สกปรก ถึงเวลาต้องชำระล้างแล้ว มิใช่อมความสกปรกไว้แล้ว แกล้งบอกว่าตนเอง
>สะอาด
>
>3.ผ้าขี้ริ้วเป็นผ้าที่สะอาดที่สุด>

>ในขณะที่คนมองว่าสกปรกที่สุด เหมือนคนที่ฝึกหัดขัด เกลาตนเอง รู้จักถ่อมตน
>และอ่อนโยน ไม่โอหังอวดดีให้เป็นที่รังเกียจหมั่นไส้ของคนอื่น เขาจะเป็นคน
>ที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะมาจากสกุลใด การศึกษามากหรือน้อยก็ตาม เป็นผู้ใฝ่รู้
>แต่ไม่อวดดี เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง
>
>4.ผ้าขี้ริ้วถึงจะเป็นผ้าไม่มีราคา
>
>แต่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ได้ เหมือนคนที่พยายามทำตนให้มีคุณค่า ด้วยการทำงานมิ
>ใช่ด้วยการประจบ ทำตนให้มีประโยชน์ ให้มีค่า ไม่ใช่งอมืองอเท้า น้อยเนื้อ
>ต่ำใจในวาสนาชะตาชีวิต ต้องสร้างกำลังใจให้ตนเองอย่ารอคอยจากคนอื่น
>
>5.ผ้าขี้ริ้วไม่เกี่ยงงอนว่าจะถูกใช้เช็ดถูอะไร
>
>เหมือนคนที่ยอมตัวอาสาทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ปริปากบ่น รู้จักอาสาคน
>อาสาทำงาน ต้องตั้งใจทำงานโดยไม่เกี่ยงงอน ไม่ว่าจะเป็นงานใด ๆ ก็ตาม คนที่
>ตกงานเพราะไม่ยอมทำงาน
>
>6.ผ้าขี้ริ้วยอมให้ถูกใช้งานในที่สกปรกที่สุด
>
> เหมือนคนที่ยอมทำในสิ่งที่คนทั้งหลายรังเกียจ ที่เขาเห็นว่าเป็นงานชั้นต่ำ
>แต่ก็ตั้งใจทำให้เป็นของมีค่าขึ้นมาได้ หรือยินดีในการบริการ เหมือนค นที่
>อิ่มเอิบเมื่อได้บริการรับใช้คนอื่น รับใช้สังคม ดีใจเมื่อคนยินดีมาใช้
>บริการความรู้ ความสามารถของตน และยินดีที่ได้เสนอตัวเข้าไปบริการมากกว่า
>เข้าไปบริหาร
>
>7.ผ้าขี้ริ้วพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสะอาด
>
>เหมือนคนควรพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จของคนอื่น ต้องมีความพอใจ
>ที่จะทำงานปิดทองหลังพระ เป็นนายอินหรือนางอิน ผู้ปิดทองหลังพระ มีความสุข
>และภูมิใจที่ได้มอบความสำเร็จให้คนอื่น มีมากที่ผู้น้อยบางคน ทำงานแล้วทำ
>ให้ผู้ใหญ่เล็กลง ขณะที่ตัวเองโตขึ้น
>
>8.ผ้าขี้ริ้วทนทานต่อการขัดถูซักล้างไม่เปราะบาง
>
>เหมือนคนที่มีความอดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด
>ก็อดทนได้ เพื่อให้สำเร็จ ประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น มีจิตใจหนักแน่นไม่เปราะ
>บางหักง่าย คือไม่เป็นคนทุกข์ง่ายใจเบา แต่นิ่งและหนักแน่นคงดุจแผ่นดิน
>
>9.ผ้าขี้ริ้วแม้จะถูกมองว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว
>
> แต่ไม่ทำตัวให้ขี้เหร่ เหมือนคนที่รู้ตัวเองว่า กำลังถูกึนปรามาสสบประมาท
>จะต้อ งตั้งใจเอาชนะอุปสรรค ครงนั้นให้ได้ ไม่พ่ายแพ้ต่อคำปรามาสของผู้อื่น
>รู้ตัวตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรและมีกำลังใจในสิ่งนั้น มองเห็นคุณค่าจากสิ่ง
>ที่คนทั้งหลายมองว่าไร้ค่า เมื่อมีปัญหาให้หัดมองสองด้านเสมอ ผ้าขี้ริ้วมี
>เสน่ห์เพราะยอมสัมผัสกับสิ่งสกปรก
>
>เราต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าและมองเห็นค่าของตัวเองก่อน แล้วเราจะไม่รู้สึก
>ท้อแท้หมดหวัง
>
>ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน หากทนความทุกข์ยากลำบาก ยอมสัมผัสกับงานที่ต่ำต้อย
>ได้ก็จะมีเสน่ห์ และมีความหมาย ทุกคนจึงควรพากเพียรพยายามสร้างเสน่ห์ให้กับ
>ชีวิต อย่างที่ผ้าขี้ริ้วสร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง คุณเห็นด้วยไหม ที่ว่าเรา
>ต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าและมองเห็นค่าของตัวเองก่อน แล้วเราจะไม่รู้สึก
>ท้อแท้หมดหวัง
บันทึกการเข้า

@@ธรรมชาติสร้างความขัดแย้ง เพื่อให้คนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ดียิ่งขึ้น@@@

portpatt
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #196 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2550, 17:54:31 »

อ้างจาก: "Aj.O"
บทความเบาๆ พอจะใช้เป็นยากล่อมประสาทแด่ตัวข้าพเจ้าเอง :?  :!:  :?:
(พอดีเห็นว่าน่าสนใจ เลยก็อปเค้ามาจากเวบนึง)
http://mikkaze.spaces.live.com/blog/cns!671D38CB05A971D2!242.entry

ความสุขชั่วเวียนธูป ความทุกข์ชั่ววูบเทียน

รู้สึกอย่างนึงเลยว่า คนที่คิดประโยคนี้นี่คิดได้ไงกันฟระ โดนใจโจ๋อย่างแรงครับพี่น้อง...
        ความสุขชั่วเวียนธูป......ความทุกข์ชั่ววูบเทียน
ชีวิตจริงๆ มันก็เป็นเหมือนคำพูดนี้เปี๊ยบเลย เวลามีความสุขทำไม๊..ทำไมมันช่างผ่านไปเร็วนักนะ แต่พอมีทุกข์ปุ๊บ ทุกสิ่งทุกอย่างจะถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง จนอาจตั้งตัวไม่ทัน แต่มันก็คือสัจธรรมของการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง
        เมื่อไหร่ที่มีความสุขเข้ามา จนจิตใจเบิกบานล่ะก็ จนบางทีจากที่นั่งๆอยู่อาจลอยจนหัวจะชนฝาเพดาน ....เคยเป็นกันมั้งมั้ย...(เราเคยรู้สึกแบบนี้มั่งป่าวหว่า) แต่พอทุกข์เท่านั้นแหละ เหมือนแผ่นดินจะแยก ฟ้าจะถล่ม ไม่ก็อยากรู้สึกว่าเมื่อไหร่อีโลกร้อนจะทำให้น้ำท่วมโลกซะทีนะ จะได้เลิกคิดให้ปวดสมอง....(เว่อร์ไปปะเนี่ย)
        แต่พอโตขึ้น ตอนนี้กลับขอเปลี่ยนความคิดซะใหม่ว่า เวลามีความสุขทีไร ต้องคอยระแวงกับตัวเองว่า ฮั่นแน่.....ต่างดาวจะมาบุกโลกแล้ว....ไม่ช่ายยยย มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นตามมาแน่นอน ทำจาย...ทำจาย...แล้วก็ยิ้มสู้เข้าไว้
          เพราะมันก็อยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวซะจริงๆ แต่ก็อยากบอกว่า เวลานั้นช่างมีค่านัก จะเก็บ จะถ่ายรูปไว้ จะอัดคลิบวีซีดี (ไม่ใช่หนัง...นะ) เพื่อให้จดจำอยู่ในร่องสมอง มันก็ดีไม่น้อย เพราะว่าเวลาทุกข์เมื่อไรจะได้มีเรื่องดีๆที่อยู่ในความทรงจำที่พอระลึกได้บ้าง จะได้บรรเทาความเครียดหรืออมทุกข์ให้หายไปหน่อยก็ยังดี
       ถ้าอย่างนั้นลองคิดในมุมใหม่ดีมั้ยล่ะ เพียงแค่เลื่อนมาแค่ 1มม. เท่านั้น.....
       ไม่ว่าจะมีความสุข หรือมีความทุกข์ จงคิดไว้ว่านั่นไม่ใช่ความสุขและไม่ใช่ความทุกข์ แต่มันคือสถานการณ์ธรรมดาที่เกิดขึ้นปกติ ที่พิสูจน์จิตใจของเรามากกว่า ให้แข้มแข็งขึ้น ให้แกร่งขึ้น แล้วอาจได้มุมมองใหม่ที่ดีกับชีวิตก็ได้ ดังนั้นในทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตคุณ ไม่ว่ามันจะทำให้คุณยิ้มได้อย่างไม่มีเหตุผล หรือร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด แต่ในทุกๆสถานการณ์ ไม่มี 1+1 = 2 และในทุกๆสถานการณ์ ไม่ใช่สีขาวหรือสีดำ เพียงแต่ว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมันมีตั้งหลายสี มีตั้งหลายมุมมอง เพียงแต่คุณมองมันในมุมมองแบบไหน เพราะทุกอย่างล้วนให้ประโยชน์และแง่คิดที่ดีกับชีวิตเสมอ
           .....เชื่อผมมั้ยล่ะ เพียงแค่เลี่อนไป 1 มม. เท่านั้น.



ชอบจริงๆค่ะ ถูกต้องที่สุด
บันทึกการเข้า
portpatt
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #197 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2550, 17:56:52 »

อ้างจาก: "iamfrommoon"

>
>1.ผ้าขี้ริ้วยอมสกปรกเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด
>
>เสน่ห์ของคนอยู่ที่ยอมลำบากเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุข พ่อแม่ยอมเหนื่อยเพื่อ
>ให้ลูกหลานอยู่สุขสบายความสุขแท้ของคนคือการได้ยืนแอบยิ้มอยู่เบื้องหลัง
>ความสำเร็จ
>
>2.ผ้าขี้ริ้วดูดซับความสกปรกได้
>
>แต่ก็สลัดความสกปรกออกจากตัวได้ตลอดเวลา เสน่ห์ของคนอยู่ที่รู้ตัวเองว่า
>สกปรก ถึงเวลาต้องชำระล้างแล้ว มิใช่อมความสกปรกไว้แล้ว แกล้งบอกว่าตนเอง
>สะอาด
>
>3.ผ้าขี้ริ้วเป็นผ้าที่สะอาดที่สุด>

>ในขณะที่คนมองว่าสกปรกที่สุด เหมือนคนที่ฝึกหัดขัด เกลาตนเอง รู้จักถ่อมตน
>และอ่อนโยน ไม่โอหังอวดดีให้เป็นที่รังเกียจหมั่นไส้ของคนอื่น เขาจะเป็นคน
>ที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะมาจากสกุลใด การศึกษามากหรือน้อยก็ตาม เป็นผู้ใฝ่รู้
>แต่ไม่อวดดี เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง
>
>4.ผ้าขี้ริ้วถึงจะเป็นผ้าไม่มีราคา
>
>แต่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ได้ เหมือนคนที่พยายามทำตนให้มีคุณค่า ด้วยการทำงานมิ
>ใช่ด้วยการประจบ ทำตนให้มีประโยชน์ ให้มีค่า ไม่ใช่งอมืองอเท้า น้อยเนื้อ
>ต่ำใจในวาสนาชะตาชีวิต ต้องสร้างกำลังใจให้ตนเองอย่ารอคอยจากคนอื่น
>
>5.ผ้าขี้ริ้วไม่เกี่ยงงอนว่าจะถูกใช้เช็ดถูอะไร
>
>เหมือนคนที่ยอมตัวอาสาทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ปริปากบ่น รู้จักอาสาคน
>อาสาทำงาน ต้องตั้งใจทำงานโดยไม่เกี่ยงงอน ไม่ว่าจะเป็นงานใด ๆ ก็ตาม คนที่
>ตกงานเพราะไม่ยอมทำงาน
>
>6.ผ้าขี้ริ้วยอมให้ถูกใช้งานในที่สกปรกที่สุด
>
> เหมือนคนที่ยอมทำในสิ่งที่คนทั้งหลายรังเกียจ ที่เขาเห็นว่าเป็นงานชั้นต่ำ
>แต่ก็ตั้งใจทำให้เป็นของมีค่าขึ้นมาได้ หรือยินดีในการบริการ เหมือนค นที่
>อิ่มเอิบเมื่อได้บริการรับใช้คนอื่น รับใช้สังคม ดีใจเมื่อคนยินดีมาใช้
>บริการความรู้ ความสามารถของตน และยินดีที่ได้เสนอตัวเข้าไปบริการมากกว่า
>เข้าไปบริหาร
>
>7.ผ้าขี้ริ้วพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสะอาด
>
>เหมือนคนควรพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จของคนอื่น ต้องมีความพอใจ
>ที่จะทำงานปิดทองหลังพระ เป็นนายอินหรือนางอิน ผู้ปิดทองหลังพระ มีความสุข
>และภูมิใจที่ได้มอบความสำเร็จให้คนอื่น มีมากที่ผู้น้อยบางคน ทำงานแล้วทำ
>ให้ผู้ใหญ่เล็กลง ขณะที่ตัวเองโตขึ้น
>
>8.ผ้าขี้ริ้วทนทานต่อการขัดถูซักล้างไม่เปราะบาง
>
>เหมือนคนที่มีความอดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด
>ก็อดทนได้ เพื่อให้สำเร็จ ประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น มีจิตใจหนักแน่นไม่เปราะ
>บางหักง่าย คือไม่เป็นคนทุกข์ง่ายใจเบา แต่นิ่งและหนักแน่นคงดุจแผ่นดิน
>
>9.ผ้าขี้ริ้วแม้จะถูกมองว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว
>
> แต่ไม่ทำตัวให้ขี้เหร่ เหมือนคนที่รู้ตัวเองว่า กำลังถูกึนปรามาสสบประมาท
>จะต้อ งตั้งใจเอาชนะอุปสรรค ครงนั้นให้ได้ ไม่พ่ายแพ้ต่อคำปรามาสของผู้อื่น
>รู้ตัวตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรและมีกำลังใจในสิ่งนั้น มองเห็นคุณค่าจากสิ่ง
>ที่คนทั้งหลายมองว่าไร้ค่า เมื่อมีปัญหาให้หัดมองสองด้านเสมอ ผ้าขี้ริ้วมี
>เสน่ห์เพราะยอมสัมผัสกับสิ่งสกปรก
>
>เราต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าและมองเห็นค่าของตัวเองก่อน แล้วเราจะไม่รู้สึก
>ท้อแท้หมดหวัง
>
>ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน หากทนความทุกข์ยากลำบาก ยอมสัมผัสกับงานที่ต่ำต้อย
>ได้ก็จะมีเสน่ห์ และมีความหมาย ทุกคนจึงควรพากเพียรพยายามสร้างเสน่ห์ให้กับ
>ชีวิต อย่างที่ผ้าขี้ริ้วสร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง คุณเห็นด้วยไหม ที่ว่าเรา
>ต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าและมองเห็นค่าของตัวเองก่อน แล้วเราจะไม่รู้สึก
>ท้อแท้หมดหวัง


ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #198 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2550, 19:07:22 »

Need time to read!!...thank you nong,nong.
p.nn
บันทึกการเข้า


ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #199 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2550, 16:47:30 »

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=prachaya555&group=28

 Shocked
บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 29  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><