22 พฤศจิกายน 2567, 12:26:02
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 24 25 [26] 27 28 29  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องดี--มาแบ่งปัน  (อ่าน 613720 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Aj.O
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,241

« ตอบ #625 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2553, 12:36:22 »

คิดนอกกรอบ กับ คิดเลอะเทอะ ต่างกันตรงไหนบ้าง? (โดย OsirisEyeInSky )

คิดนอกกรอบ หากจะเปรียบก็คือการผ่านการเคี่ยวกรำจนลำเค็ญกับพื้นฐานมาก่อน ดังคำหมื่นวันฝึกกระบี่
ก่อนที่จะพ้นขีดกระบี่อยู่ที่ใจ เป็นสำนึกกระบี่ ผู้ฝึกย่อมผ่านการควงกระบี่ฝึกฝนขั้นพื้นฐานมาแล้ว
นับพันนับหมื่นครั้ง กว่าจะเป็นกระบี่ที่ไร้กระบวนท่า ใช่จะได้มาโดยง่ายดาย
  win

คิดเลอะเทอะ เปรียบได้กับการฟาดฟักระบี่หวดซ้ายป่ายขวาตามอำเภอใจเป็นการบัญญัติกระบวนท่า
ขึ้นเองจนคล้ายไร้ซึ่งกระบวนท่า ผู้ด้อยวิทยายุทธอาจชมดูแล้วเลื่อมใสนิยมว่าบรรลุมรรคากระบี่ถึงที่สุด
แต่เมื่อพบเจอกับผู้เยี่ยมยุทธของจริงเข้าย่อมมิอาจจะสู้ได้ต้องเผยธาตุแท้ของตนเองออกมา
โดนแทงทะลุสะดือ ตายไปในกระบี่เดียว
  บรึ๋ยยย
      บันทึกการเข้า

...
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #626 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2553, 14:30:46 »

หักอารมณ์ได้ดิบมั่กๆ
      บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #627 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2553, 11:10:10 »

ภาคต่อ
 ปิ๊งๆ

สัมภาษณ์พิเศษ
กอง บ.ก.เส้นทางเศรษฐี

สมชาย เหล่าสายเชื้อ จบแค่ ป.5 กุมอาณาจักรพันล้าน ดีลเลอร์ "โตโยต้า" ใหญ่สุดในเอเชีย
"ผม ไม่ได้ขายรถถูกกว่าตัวแทนจำหน่ายอื่น แต่ลูกค้าประทับใจในบริการ พอมาจอดรถปั๊บ เจ้าหน้าที่จะประกาศว่าขณะนี้มีลูกค้าท่านนั้นท่านนี้มาออกรถใหม่ ขอให้พนักงานทุกคนที่ว่างเว้นจากการทำงานมาร่วมพิธีส่งมอบรถ ซึ่งมีพนักงานมาร่วมส่งเป็นร้อยครับ"

สม ชาย เหล่าสายเชื้อ เป็นเจ้าของโชว์รูมโตโยต้าดีเยี่ยม จังหวัดอุบลราชธานี นักธุรกิจภูธร ที่มีความรู้แค่ชั้น ป.5 รับ งานทุกอย่างที่ขวางหน้าตั้งแต่เด็กล้างรถ คนขับรถน้ำอัดลม จนขยับขึ้นมาเป็นเซลส์แมน และมีความฉลาดเฉลียวชนิดหาตัวจับยากมาตั้งแต่เด็ก แม้ฐานะยากจนแต่ดิ้นรนสู้ชีวิตจนกลายเป็นเจ้าของโชว์รูมโตโยต้าใหญ่ที่สุดใน เอเชีย
คือตัวอย่างของความน่าสนใจ ที่อยากเชิญชวนห้ติดตาม...นับจากนี้

เซลส์ดีเด่น
เดินหน้าล่าฝัน

"ผม เป็นคนเรียนเก่งมาก คือเรียนชั้นละ 2 ปี" คุณสมชาย เปิดประเด็นด้วยการยิงมุขเรียกเสียงหัวเราะ ก่อนเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาแบบเปิดเผยว่า ตัวเขาความจำไม่ค่อยดี ลักษณะเหมือนคนความจำสั้น เรียนได้ไม่เกิน 10 นาที เริ่มรู้สึกเบลอคล้ายมีอาการผิดปกติทางสมอง เวลาสอบไล่ทีไร มักได้ลำดับบ๊วยอยู่เสมอ หรืออาจได้รองบ๊วยบ้าง ถ้าเทอมนั้นมีคนขาดสอบ
แต่ด้วยความที่ไม่เป็นเด็กเกเร คุณครูจึงเมตตานำข้อสอบมาให้ทำถึงที่บ้าน ไม่อย่างนั้นคงไม่จบ ป.5
เมื่อค้นพบว่าการเอา ดีทางเรียนหนังสือคงลำบาก จึงตัดสินใจยุติการเรียนในระบบแล้วออกมาหางานทำ...ทำงานสุจริตทุกอย่างที่ ได้เงิน
"ขาย มาแล้วแทบทุกอย่าง ตั้งแต่ หัวอาหารสัตว์ ยาปราบศัตรูพืช ปุ๋ย ปลาร้า ยาเส้น หนังสือพิมพ์ กระทั่งน้ำอัดลม" คุณสมชาย เล่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนให้ข้อมูลน่าสนใจว่า ช่วงที่เขาทำงานอยู่กับ "เป๊ปซี่" ส่งสินค้าให้ตามร้านค้าในตัวจังหวัดอุบลราชธานีนั้น เคยได้รับรางวัลเป็นพนักงานขายดีเด่น ทำยอดขายได้มากที่สุดถึง 1,222 ลัง ต่อวัน
คู่สนทนาแทบตกเก้าอี้ เมื่อได้ยินสถิติของยอดขายดังกล่าว จึงถามไถ่ถึงเทคนิคส่วนตัว คุณสมชาย จึงบรรยายให้เห็นภาพที่ดูเหมือนง่ายว่า
"อาศัย ตื่นเช้าและกลับดึก การออกจากบ้านแต่เช้าทำให้มีโอกาสไปไกลกว่า และสามารถเพิ่มรอบการทำงานได้มากกว่าคนอื่น และต้องไม่มองว่าร้านนี้ซื้อเท่าไหร่ ผมขายให้หมด 10 ลัง ก็ขาย ครึ่งลังก็ขาย เวลาผ่านไปร้านไหน ต้องเข้าไปสวัสดีครับ เป๊ปซี่มาเยี่ยมครับ ทำอย่างนี้ทุกร้านต้องขายได้ทุกร้าน คนอื่นเขาอาจไปเยี่ยม 50-60 ราย ต่อวัน แต่ผมต้องเยี่ยมให้ได้ 300-400 ราย ต่อวัน"
คุณสมชายเป็นพนักงานขายดีเด่น ติดต่อกันนาน 3 ปี จึงตัดสินใจลาออก เพื่อ "ล่าฝัน" ครั้งยังเยาว์

"เป็นความฝันตั้งแต่เป็นเด็กว่า อยากเป็นเจ้าของบริษัทรถยนต์ เคยไปเกาะกระจกโชว์รูม แล้วคิดว่า จะทำอย่างไรถึงจะได้เป็น จนเข้ากรุงเทพฯ เห็นแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้าเต็มไปหมด เลยวิเคราะห์เองว่ารถแท็กซี่ ต้องวิ่งวันละ 24 ชั่วโมง รถจึงต้องทนทาน ถ้าได้เป็นตัวแทนของโตโยต้า คงทำงานไม่ยาก เพราะผลิตภัณฑ์เขาดี" เจ้าของเรื่องราว เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มธุรกิจในฝัน
และ ก่อนก้าวขึ้นเป็นตัวแทนจำหน่าย คุณสมชายเคยทำงานเป็นเซลส์ขายรถยนต์โตโยต้าประจำดีลเลอร์แห่งหนึ่งในจังหวัด อุบลราชธานีมาก่อน แต่กว่าจะได้เข้ามาจับงานขาย ด้วยความที่จบเพียงชั้น ป.5 เขาจึงต้องเริ่มต้นด้วยการทำหน้าที่ปัดกวาดและทำงานทุกอย่างตาม แต่เถ้าแก่ บัญชาเสียก่อน
ครั้นเมื่อวันเวลาผ่านไปได้ราว 15 ปี เขาจึงมีโอกาสผงาดขึ้นเป็น "เถ้าแก่" เองบ้าง
"พอ ถึงวันที่ทำได้อย่างฝัน เลยใส่ทุกอย่างเข้าไปเต็มที่ โชว์รูมของผม มีร้านอาหาร ห้องรับรอง ร้านเสริมสวย ร้านกาแฟ คาราโอเกะ เรียกว่าครบวงจร แต่เดิมมีพื้นที่ 22 ไร่เศษ ลงทุนไป 800 ล้าน บาท และตอนนี้กำลังขยายไปอีก 60 ไร่" คุณสมชาย เล่าน้ำเสียงไม่โอ้อวด แต่ท้าทายต่อว่า
"ถ้าใครเจอโชว์รูมหรือศูนย์ บริการที่ไหนดีกว่าของผม ผมให้แสนนึงเลย"










ดีเยี่ยม ไม่เป็นรอง
ที่หนึ่ง...เท่านั้น

ความมั่นใจว่าอาณาจักรของเขา "ดีเยี่ยม" ไม่เป็นรองใครนั้น คุณสมชายมีข้อมูลมายืนยัน โดยแจงให้ฟังดังตัวอย่าง
"ลูกค้า ที่มาซื้อรถที่ดีเยี่ยม จะรู้สึกเหมือนไปซื้อรถที่ห้างสยามพารากอน เพราะผมสร้างโชว์รูม ที่หรูหรา สง่างาม แค่เดินผ่านห้องน้ำ ฝาชักโครกยกขึ้นอัตโนมัติ น้ำไหลใส่มือไม่ต้องบิด ทุกอย่างอัตโนมัติหมด"

"โต โยต้าดีเยี่ยมไม่ได้ขายรถถูกกว่าตัวแทนจำหน่ายอื่น แต่ลูกค้าประทับใจในบริการ พอมาจอดรถปั๊บ เจ้าหน้าที่จะประกาศว่าขณะนี้มีลูกค้าท่านนั้นท่านนี้มาออกรถใหม่ ขอให้พนักงานทุกคนที่ว่างเว้นจากการทำงานมาร่วมพิธีส่งมอบรถ ซึ่งมีพนักงานมาร่วมส่งเป็นร้อยครับ" คุณสมชาย เล่าจบประโยคนี้ มีปฏิกิริยาตื่นเต้นจากคนฟังในวันนั้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนสำทับถึงความดีเยี่ยมในแบบของเขาต่อว่า

"ลูกค้า ที่มาซื้อรถ ต้องรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของโชว์รูมมูลค่านับพันล้านบาทที่เปิด 365 วัน จะมาเมื่อไหร่ก็ได้ มีคาราโอเกะ ร้านเสริมสวย ไว้คอยให้บริการฟรีหมด เขาต้องรู้สึกว่าเสียเงินซื้อรถแล้วคุ้มค่า แล้วเวลาลูกค้าเข้ามาหาโชว์รูม ไม่ต้องเดินนะครับ มีรถกอล์ฟพาเที่ยวชมแต่ละจุด เรียกว่าลูกค้าทุกคนเป็นวีไอพีเหมือนกันหมด"
สนทนา มาถึงตรงนี้มีคำถามทำไมต้องใช้คำว่า "ดีเยี่ยม" เจ้าของกิจการมูลค่าพันล้านบาท จึงอธิบายด้วยเสียงดังฟังชัดว่า เป็นความตั้งใจจริงของเขาที่ต้องการอยู่ใน "อันดับหนึ่ง" เท่านั้น ทั้งๆ ที่สมัยเรียนหนังสือเขาครองอันดับบ๊วยมาตลอด

"ตอน เปิดบริษัท มีการมอบนโยบาย ผมบอกกับลูกน้องว่า ต้องการที่หนึ่งอย่างเดียว ที่สองก็ไม่เอา ปรากฏว่าทุกคนในบริษัทออกอาการมึนงง และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะในประเทศไทยมีตัวแทนจำหน่ายโตโยต้าถึง 200 กว่าแห่ง"

"แต่ ผมก็ฝ่าฟันจากอันดับ 80 กว่ามาเป็น 50 กว่า เดี๋ยวนี้ขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งแล้ว หมายความว่าความพึงพอใจจากลูกค้าของผมมาเป็นอันดับหนึ่งครับ" คุณสมชาย เล่าก่อนยิ้มปลื้ม
ถาม ไถ่ถึงหลักในการบริหารคน คุณสมชายบอกเขามักพูดคุยให้คนที่เข้ามาสมัครเข้าทำงานเข้าใจว่า ชีวิตของทุกคนมีคุณค่าเหมือนกัน เมื่อเข้ามาแล้วทุกคนจะเป็นทั้งลูก ทั้งน้อง ซึ่งได้รับการดูแลอย่างดี แต่ทุกคนต้องตั้งใจทำงานด้วย
"ผม บอกลูกน้องเสมอว่าคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่สามารถเลือกเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่มีความมุ่งมั่น อะไรที่คุณกลัวอย่าไปกลัว ให้เดินเข้าหามันเลย"

"มี ช่างคนหนึ่งมาปรึกษาผม บอกทำงานอยู่ 3 ปี อยากเป็นเซลส์แต่ทำไม่ได้ ผมบอกยังไม่ลอง แล้วรู้ได้ยังไงว่าทำไม่ได้ ปรากฏเดือนแรกเขาขายได้ 22 คัน เดือนที่สองได้อีก เดือนที่สามก็ได้อีก เทคนิคที่ผมบอกเขาไปคือคุณต้องฉกฉวยโอกาส มาถึงแต่เช้า เที่ยงไม่กิน เย็นเพื่อนเลิกงานแล้ว ก็ยังไม่กลับรอจนค่ำมืด สุดท้ายช่างคนนั้นกลายเป็นท็อปเซลส์ไปเลย" คุณสมชาย เล่าให้ฟัง









ฉกฉวยทุกโอกาส
เชื่อมั่น ทำได้
บุคลิก โดดเด่นของนักธุรกิจพันล้านท่านนี้ที่มีการกล่าวขานกันมากในหมู่ผู้ใกล้ชิด นั่นคือการใส่ใจในรายละเอียด โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับ "คนรอบตัว" ในทุกระดับ

ยก ตัวอย่างเมื่อครั้งการก่อสร้างโชว์รูมใหญ่ที่สุดในเอเชียใกล้เสร็จ เขาถือโอกาสเชิญช่างอิฐ-หิน-ปูน-ทราย รวมถึงผู้รับเหมาทุกคนมารับเลี้ยงโต๊ะจีน เพื่อแทนคำขอบคุณที่ทุกคนมาช่วยสร้างให้ฝันของเขาเป็นจริง
"ผม บอกกับช่างทุกคนว่า หากไม่มีพวกท่านโชว์รูมของผมคงไม่มีทางสำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง ก่อนจะออกใบประกาศให้พวกเขาเก็บไว้เป็นที่ระลึก หากวันไหนมีโอกาสผ่านไปมา สามารถเข้ามาเยี่ยมเยียนใช้บริการได้ทุกเวลา"
"ปรากฏช่างคนหนึ่งซาบซึ้งใจ อยากอุดหนุนผม จึงขอจองรถ 1 คัน กระทั่งจบงานเลี้ยง ผมขายรถให้กับผู้รับเหมาได้ทั้งหมด 55 คัน" คุณสมชาย เล่าเหมือนไม่ตื่นเต้น แต่ทำเอาคู่สนทนาตกใจแทบจะพลัดตกจากเก้าอี้เป็น ครั้งที่สอง
ความ ละเอียด อ่อนของคุณสมชาย ยังไม่หมดแค่ นั้น เพราะช่วงเวลาที่เขากำลังมีความสุขกับอาณาจักรตรงหน้า แต่เขาก็ไม่เคยละเลย ระลึกถึง "ผู้มีพระคุณ" ซึ่งมีส่วนผลักดันให้เขาก้าวมาถึงฝั่งฝันดังเช่นทุกวันนี้
"ตอน จะเปิดโชว์รูมผมส่งจดหมายไปยังผู้มีพระคุณหลายๆ ท่าน ขอให้สละเวลามาเลือกรถไปใช้ตามชอบ โดยผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง แต่ทุกท่านไม่ขอรับ ให้เหตุผลกลับมาว่า ให้ผมเก็บเอา ไว้ทำทุน"
"ช่วง ปีใหม่ผมจึงนำเงินสด 2 ล้านบาท ไปมอบให้กับพวกท่านอีก คราวนี้ทุกท่านรับไว้ แต่พอถึงเทศกาลตรุษจีน พวกท่านก็นำเงินก้อนนั้นกลับมามอบให้ผมเป็นแต๊ะเอีย" คุณสมชาย เล่า
ย้อน ถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งต้องฝ่าฟันมรสุม "ต้มยำกุ้ง" เมื่อครั้งปี 2540 คุณสมชาย ย้อนความทรงจำให้ฟังว่า ช่วงเวลานั้นสถาบันการเงิน 65 แห่งต้องปิดตัวลง นักธุรกิจแทบทุกวงการ ล้วนตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขา แต่หากมัวพร่ำบ่นว่าแย่ คงหมดกำลังใจไปนานแล้ว
"ผม ไม่เคยท้อ เพราะท้อแล้วไม่มีประโยชน์ ท้อแล้วมันทำให้หมดกำลังใจ เราต้องรีบอาบน้ำ แล้วเติมกำลังใจให้ตัวเอง ใหม่ เพราะคนเราขาดกำลังใจไม่ได้ ปัญหาคือความสำเร็จปลอมตัวมาทดสอบเรา เหมือนข้อสอบ" คุณสมชาย บอกจริงจัง ก่อนเผยกลยุทธ์เมื่อครั้งนั้น

"ช่วง เศรษฐกิจไม่ดี หลายคนคิดว่าไม่มีโอกาสเพราะตลาดเต็ม แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น กลับกันคือ ต้องเร่งขยายงาน เพราะคู่แข่งก็คือคู่แข่งอยู่ดี จึงต้องแตกต่างทำงานให้มากกว่าคนอื่น เมื่อมีคนตกงานมาสมัครงานกันมาก เลยสามารถคัดคนได้" คุณสมชาย เล่า ก่อนฝากมุมมองไว้ด้วยว่า คนที่ประสบความสำเร็จมักฉกฉวยโอกาสจากโชคร้าย แต่คนที่ประสบความสำเร็จมากกว่าจะฉกฉวยในทุกโอกาส

แม้ จะจบการศึกษาในระบบเพียงแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หาก แต่ว่ามาวันนี้ กลับได้เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โตไม่น้อยหน้าใคร คงมีใครหลายคนตั้งคำถามถึงเคล็ดลับในการทำงาน ซึ่งคุณสมชายมักแนะนำให้คนเหล่านั้นจุด "ไม้ขีดไฟ" ก้านแรกให้กับชีวิตของตัวเอง เสียก่อน และต้องมีความเชื่อมั่นว่าหากคนอื่นทำได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนอย่างเราทำไม่ได้ จากนั้นจึงลงมือปฏิบัติทันที
"ผม มักบอก ทุกคนว่าไม่มีใครชอบให้คนอื่นมาดูถูก แต่เราอย่าดูถูกตัวเอง ต้องบอกกับตัวเอง ว่าเราเป็นคนมีศักยภาพ พ่อแม่ยังรอความหวังจากเรา ญาติพี่น้องยังรอความหวังจากเรา"

"ถ้า เราไม่จุดไม้ขีดไฟชีวิตตอนนี้ หรือไม่ปรับปรุงตัวให้มีความแตกต่างจากคนอื่น ปีหนึ่งๆ มีคนจบปริญญาตรี 600,000 คน ที่พร้อมจะมาเป็นคู่แข่ง ฉะนั้น คุณต้องถีบตัวเอง ไม่มีใครเขาสร้างบริษัทมูลค่าร้อยล้านพันล้านบาท เพื่อรอให้คุณทำงานให้เรื่อยๆ เฉื่อยๆ หรอก"

"คน ที่รู้จักใช้เวลา คือคนที่รู้จักใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพราะเวลามันผ่านแล้วผ่านเลย ย้อนกลับมาไม่ได้ กลับมาเถิดวันวานมีแต่เสียงเพลง ชีวิตจริงมันไม่มีหรอกครับ" คุณสมชาย ฝากแง่คิดทิ้งท้ายอย่างนั้น

ที่มา : นิตยสารเส้นทางเศรษฐี วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553               
      บันทึกการเข้า
telek78
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2538
กระทู้: 1,924

เว็บไซต์
« ตอบ #628 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2553, 22:18:03 »

ภาษาอังกฤษเน่ยะยากจังเน๊าะ ทำยังไงก็ไม่เนี่ยนซะที
      บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #629 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2553, 22:12:21 »

เกียร์ ไม่จำเป็นต้องเป็นวงกลม
Clyaton Boyer เป็นผู้เปลี่ยนความคิดนี้ซะใหม่

เชิญชมเกียร์ของเค้า ที่ประดิษฐ์จากไม้ ชอบมั่ก...

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=WYcqJ5HdxA4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=WYcqJ5HdxA4</a>
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #630 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2553, 23:45:14 »

มีgapเยอะคะ
ในห้องเครื่องยนตร์
ต้องประหยัดที่ นี่?
      บันทึกการเข้า


หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #631 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2553, 21:23:06 »

ดีใจครับ. ลงคีย์บอร์ดไทย iPad ได้แล้ว
      บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
telek78
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2538
กระทู้: 1,924

เว็บไซต์
« ตอบ #632 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2553, 12:29:22 »

ดีใจด้วย

เดี๋ยวจะไปหาซื้อ ไอเป็ด คู่แข่ง ไอแพ็ด มาใช้
      บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #633 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2553, 12:39:25 »

ไอเดียเฟืองเท่ดี แต่รอบเร็วๆมีปัญหาแน่ๆ วงกลมดีที่สุด
      บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #634 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2553, 13:33:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ หลิม 81 เมื่อ 01 พฤศจิกายน 2553, 21:23:06
ดีใจครับ. ลงคีย์บอร์ดไทย iPad ได้แล้ว

ถ้า work ว่าจะถอยด้วย
      บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #635 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2553, 17:41:20 »

เป็นกรูจะรอ tablet ว่ะ..เจ๋งๆทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะพวกหน้าจอประมาณ 7"

ที่กรูตั้งใจ จะรอ tablet แล้วเปลี่ยนโทรศัพท์เป็นรุ่นธรรมดาๆ น่าจะใช้งาน work กว่า smart phone
      บันทึกการเข้า
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #636 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2553, 20:08:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 03 พฤศจิกายน 2553, 17:41:20
เป็นกรูจะรอ tablet ว่ะ..เจ๋งๆทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะพวกหน้าจอประมาณ 7"

ที่กรูตั้งใจ จะรอ tablet แล้วเปลี่ยนโทรศัพท์เป็นรุ่นธรรมดาๆ น่าจะใช้งาน work กว่า smart phone

ลอง. tablet มาแล้วครับ มันไม่ได้อารมณ์สัมผัสเลยแม้แต่น้อย
      บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #637 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 16:32:02 »

ไม่ใช่ตอนนี้ คอยดูปีหน้า tablet มีอะไรดีๆอีกเพียบรออยู่..
      บันทึกการเข้า
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #638 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 17:27:58 »

อ้างถึง
ข้อความของ ppornson เมื่อ 05 พฤศจิกายน 2553, 16:32:02
ไม่ใช่ตอนนี้ คอยดูปีหน้า tablet มีอะไรดีๆอีกเพียบรออยู่..

รอ..ฉันรอเธอแต่ไม่รู้เธออยู่หนใจ เธอจะมา เธอจะมาเมื่อไหร่ ที่ฉันนัดไว้ทำไมไม่มา รีบหน่อย รีบหน่อย รีบหน่อย
      บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #639 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 18:57:01 »

ด้วยความที่ไม่ชอบหิ้วอะไรหลายอัน
Tablet ไม่อยู่ในสิ่งที่อยากได้เลย

เอาสมาร์ทโฟน ใหม่ก็น่าจะพอแล้ว
รอดู OS ที่เป็น Andriond version 2 ขึ้นไปเท่านั้น
      บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #640 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2553, 16:51:19 »

จริงๆไม่ใช่อะไรหรอก อยากได้อะไรที่มันทำงานเอกสารได้ เช่น word excel หรือ แก้ไขรูป present ได้แบบเล็กๆน้อยๆน่ะ

สามารถเช็คเมล์ได้ตลอดเวลาด้วย

เพราะทำงานนอกสถานที่เยอะ และเกี่ยวกับงานเอกสารและ present มากกว่า เลยมองว่า smart phone ที่มีอยู่มันเล็กไปหน่อยสำหรับงานแบบนี้ พิมพ์ก็ยาก แต่ถ้าหน้าจอประมาณ 7" แล้วฟังก์ชั้นครบ ระบบ touch  ไม่ค่อยซีเรียสน่ะ เหมือนคอมพ์เครื่องเล็กๆน่ะ แต่จะให้ยกมาโทรมันก็แปลกๆ หรือต้องใส่สายคุยตลอดก็แปลกอีก

เลยว่า ถ้ามีวาสนาได้ซื้อ ก็จะเปลี่ยนโทรศัพท์เป็นแบบติงต๊องไปเลย เครื่องเล็ก ใช้โทรเข้าออกอย่างเดียว อีกเครื่องไว้ทำงาน
      บันทึกการเข้า
telek78
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2538
กระทู้: 1,924

เว็บไซต์
« ตอบ #641 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2553, 20:45:37 »

นั่นสิ เทคโนโลยีน่าจะทำได้ แต่คงกั๊กเรื่องการทำเอกสารไว้หน่อย
เอาไว้โมเดลหน้า จะเอามาบวกเพิ่มแล้วขายอีก
      บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #642 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2553, 23:08:43 »

แนะนำรุ่นนี้เลยครับ
น่าจะมีครบอย่างที่ต้องการ



<a href="http://www.youtube.com/watch?v=udlxr8t1nZM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=udlxr8t1nZM</a>








 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า
telek78
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2538
กระทู้: 1,924

เว็บไซต์
« ตอบ #643 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2553, 23:12:53 »

เออ... ถ้ากดปุ่มผิด กดให้ความร้อน ตอนโทร หน้าจะพองมั้ย
      บันทึกการเข้า
หลิม 81
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,840

« ตอบ #644 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2553, 20:20:29 »

ถ้าซักผ้าได้ด้วย. ซื้อเลย
      บันทึกการเข้า

@ ปีนี้ปีของผม @
telek78
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2538
กระทู้: 1,924

เว็บไซต์
« ตอบ #645 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2553, 20:40:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ หลิม 81 เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2553, 20:20:29
ถ้าซักผ้าได้ด้วย. ซื้อเลย

อ้าว บ้านหลิม ไหนบอกว่า ว่าที่ภรรยาเป็นคนซักไม่ใช่เหรอ
      บันทึกการเข้า
ppornson
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,724

« ตอบ #646 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2553, 09:27:37 »

น้องมันเป็นห่วงภรรยา กลัวจะทำงานหนัก..

(ดูตอนแรกก็เชื่ออยู่ พอเอาเลนส์มาต่อได้เนี่ยะหงายท้องเลย...555)
      บันทึกการเข้า
Apirat T.
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,357

« ตอบ #647 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2553, 10:30:03 »

บันทึกช่วยจำของ "เหลียงจี้จาง"
ที่มา: Forward Mail


“เหลียงจี้จาง”เป็นพิธีกรดังของ TVB ในฮ่องกงและเป็นนักเขียนด้วย บันทึกช่วยจำที่เขาเขียนให้ลูก

ได้รับการเผยแพร่เป็นวงกว้างเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากแสดงถึงความห่วงหาอาทรที่พ่อมีต่อลูกเฉกเช่นคุณพ่อทั่วๆไป

มุมมองของเขาบางเรื่อง(แบบสังคมฮ่องกง) แม้บางคนจะเคยประสบมาบ้างเหมือนกัน อ่านแล้วก็ยังอดอึ้งไม่ได้ เลยถ่ายทอดสู่กันฟัง...

 

ลูกรัก..

ที่พ่อเขียนบันทึกช่วยจำฉบับนี้ให้ลูก มีเหตุผลอยู่ 3 ประการ คือ

      1. สรรพสิ่งล้วนอนิจัง จะมีชิวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดไม่มีใครบอกได้ พ่อจึงคิดว่า บางเรื่องพ่อน่าจะสั่งเสียไว้แต่เนิ่นๆ ย่อมจะดีกว่า

      2.เพราะพ่อเป็นพ่อของลูก ถ้าพ่อไม่บอกลูก ไม่มีใครหรอกที่เขาจะบอกลูกแบบที่พ่อบอก

      3.สิ่งที่พ่อบันทึกไว้นี้ ล้วนเป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดที่พ่อได้เรียนรู้มา มันจะทำให้ลูกไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนรู้มันอีก

 
ในชีวิตของลูก ขอให้จำสิ่งต่างๆเหล่านี้ไว้ให้ดี
 
1.คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา

ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูกต้องหวงแหนและขอบคุณเขาแล้ว

ยังต้องคอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะคนเราทุกคน ทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์

เขาทำดีกับลูก ใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูกเสมอไป

ลูกต้องตระหนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกินไป (น่ากลัวไหม)


2.ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้

            ถ้าเข้าใจจุดนี้ หากวันใดคนข้างกายของลูกไม่ต้องการลูกอีกต่อไป

หรือวันใดที่ลูกต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ลูกจะได้เข้าใจ ว่านี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย


3. ชีวิตนี้แสนสั้น

            หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า พรุ่งนี้ลูกจะพบว่าชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น

ดังนั้น ยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็วเท่าใด เวลาที่ลูกจะได้รับความสุขจากชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

            หาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน


4.ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ

โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมากที่สุดจากลูกไป

ขอให้รอคอยอย่างอดทน ให้เวลาช่วยชะล้าง ให้จิตใจค่อยๆตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูกจะค่อยๆจางหายไป..

            อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ

5.แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง

แต่ไม่ได้หมายความว่า หากไม่ขยันเรียน แล้วจะได้ดี

            ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้ หากปราศจากอาวุธสู้.. จำไว้


6.พ่อจะไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ เพราะพ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของลูกเช่นกัน

  เมื่อลูกโตพอจนเป็นอิสระได้แล้ว พ่อก็หมดหน้าที่แล้วเช่นกัน

หลังจากนั้นไป ลูกจะนั่งรถเมล์หรือจะนั่งรถเบ๊นซ์ จะกินหูฉลามหรือจะกินบะหมี่ยำๆ ลูกต้องเลือกเอง


7.ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา

  เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน..

ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น


8.พ่อซื้อล๊อตเตอรี่มาตลอดชีวิต ยังคนจนเหมือนเดิม แม้แต่รางวัลเลขท้ายยังไม่เคยถูกเลย

  นี่เป็นบทพิสูจน์ว่า คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องขยันขันแข็งอย่างเดียวเท่านั้น

  ในโลกนี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้องเสียตังค์


9.ญาติ มิตร หรือสหาย ล้วนเป็นกันชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้น

จงหวนแหนโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกันและแสนมีค่านี้ เพราะในชาติหน้า

ไม่ว่าท่านจะรักใครหรือชังใคร ท่านก็จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก

(หมายเหตุ ถึงพบกันก็ไม่รู้จักกัน เพราะระลึกชาติไม่ได้ นี่เป็นเกราะคุ้มกันของธรรมชาติ จะได้ไม่ทุกข์ข้ามชาติ ฉะนั้น ใครที่ระลึกชาติได้ ถือว่าอาภัพสุดๆ)

      บันทึกการเข้า
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #648 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2553, 11:51:33 »

โดนใจเลยอ่ะ
      บันทึกการเข้า
telek78
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2538
กระทู้: 1,924

เว็บไซต์
« ตอบ #649 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2553, 16:51:39 »

 สะใจจัง
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 24 25 [26] 27 28 29  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><