แดนอาทิตย์อุทัยกับครั้งแรกของผม 5-14 พฤศจิกายน 2553

[am]

กำหนดการไปญี่ปุ่นของผม  วางแผนกันเอง ไม่เกี่ยวกับทัวร์ครับ

ออกเดินทางวันที่ 4 พ.ย. ตอนสี่ทุ่ม
กลับถึงกรุงเทพวันที่ 15 พ.ย. ตอนหกโมง


5 พ.ย. นอน Tokyo
6 พ.ย. นอน Nikko
7 พ.ย. นอน Naruko
8 พ.ย. นอน Kyoto
9 พ.ย. นอน Kyoto
10 พ.ย. นอน Kyoto
11 พ.ย. นอน Kyoto
12 พ.ย. นอน Hakone
13 พ.ย. นอน Tokyo
14 พ.ย. นอนบนเครื่องบิน

[am]

ผมกลับมาถึงบ้านเราตั้งแต่เช้าวันจันทร์ที่ 15 พ.ย. 53 แล้วก็แจ้นไปทำงานเลยครับ ไม่ได้พัก
ภาพรวม ชอบมากๆ สวยงามจริงๆ แต่ไม่ใช่เมืองไทยไม่สวยนะ คนละแบบกัน
เดี๋ยวทยอยลำดับเรื่องราวไว้เป็นข้อมูลสำหรับเพื่อนๆที่จะไปเที่ยวนะครับ

ผมออกเดินทาง คืนวันพฤหัสที่ 4 พ.ย. 53 เวลา 22.30 ถึงสนามบิน Haneda ที่เพิ่งเปิดเป็นอินเตอร์ ตอนหกโมงครึ่ง
ตอนแรก คิดว่าไฟลท์นี้จะทำให้มีเวลาเที่ยวมากขึ้น เพราะไปถึงเช้าแล้วเที่ยวเลย แต่เอาเข้าจริงๆก็มีข้อเสียในเรื่องที่ไม่ได้พักผ่อน
วันแรกเดินขาลากเลย กลางคืนก็ไม่ค่อยได้นอน ก่อนเครื่องจะลงราวๆชั่วโมงครึ่ง ก็ปลุกแจกอาหารเช้าแล้ว มีเวลานอนจริงๆสัก 4 ชั่วโมง
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหลับตลอดเวลา   ถ้าใครจองได้ไฟลท์ที่ออกเดินทางตอนเช้าแล้วไปถึงบ่ายแก่ๆก็ไม่ต้องเสียใจนะครับ เพราะไม่ต้องหักโหมเกินไป

สนามบิน Haneda เป็นสนามบินที่ไม่ใหญ่มาก เล็กกว่านาริตะบานเลย แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และที่ดีที่สุดคือ ใช้เวลาเดินทางเข้าโตเกียวราวๆ 20 นาที อันนี้เวิร์คมาก  ขอบอก  การเดินทางเข้าเมืองที่สะดวกที่สุดมี 2 วิธี (ตอนแรกเข้าใจว่ามีแค่ Tokyo Monorail)  คือ Tokyo Monorail ราคา 470 yen  และ subway Kekyu line (ไม่รู้เขียนถูกรึป่าว) แต่บวกลบคูณหาร ราคาไม่ต่างกันเท่าไร  รถ Monorail แพงกว่าเกือบ 200 yen (ประมาณ 70 บาท)

ข้อดีอีกอย่างของสนามบิน Haneda คือ ผู้คนไม่พลุกพล่าน ไฟลท์ไม่ค่อยเยอะ กราวด์โฮสเตทที่คอยให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวก็ทำหน้าที่ได้ดีมากเลยครับ พร้อมช่วยเหลือทุกอย่าง ยิ้มเก่งไม่แพ้คนไทย

สรุปแล้ว ไม่ผิดหวังที่เลือกมาลงที่ Haneda

เดี๋ยวจบเรื่องสนามบิน ค่อยไปต่อเรื่องเที่ยว วันแรก ชิมลางที่โตเกียวก่อนเลย

[am]

การเดินทางเข้าเมือง จากสนามบินฮาเนดะ มีรถไฟฟ้า 2 สาย คือ รถไฟฟ้ารางเดี่ยว(สุดสายที่สถานี Hamamatsucho) และรถไฟฟ้าใต้ดิน(ไปต่อรถที่สถานี Shinagawa)

[am]

เดินออกมาจาก ตม. แล้วออกประตู ก็เห็นป้ายรถไฟทั้งสองสายเลยครับ อยู่ซ้ายมือกะขวามือ หาง่าย

[am]

วันแรกที่ไปถึง เหมือนคนป่าเข้ากรุงเลยอ่ะ สับสนนิดหน่อย
เริ่มแรกก็บนสถานี Tokyo monorail เลย  แต่ใครบอกว่าคนญี่ปุ่นตัวใครตัวมัน.. ไม่จริงเลย
หนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนสถานี ไอ้เราก็งงว่าขึ้นถูกฝั่งรึเปล่า  พอเข้าไปถามเขา เขาก็บอกด้วยความเต็มใจ แถมตอนรถไฟฟ้ามาถึง ก็หันมาพยักหน้าว่า "ขบวนนี้แหละ ขึ้นได้เลย"
ยังไม่พอ  ตอนลง ลงที่สถานีเดียวกัน  เดินมาถึงบันไดทางลง ก็หันมาหาเราอีก แล้วทำหน้าตาทำนองว่า "เป็นไง จะไปไหนกัน จะให้ช่วยอ๊ะป่าว"  เราก็เลยเข้าไปถาม ..กลัวว่าเขาจะเสียน้ำใจ ..55

จากการทำการบ้าน(หาข้อมูล..:-) ) เขาบอกเอาไว้ว่า ไม่ควรเอากระเป๋าแบบลากไปญี่ปุ่น อีตอนลากก็สบายดี อีตอนที่ต้องขึ้นลงบันไดนี่สิ อ้วกแน่ๆ ผมเลยแบกเป้ไป 3 ใบ (2 คน)  แต่แค่นี้ก็เล่นเอาเหนื่อย นี่ขนาดไปฟิตว่ายน้ำมาแล้วนะ    แต่เหนื่อยแค่วันแรก เพราะผมใช้บริการส่งกระเป๋า ส่งเป้ใบใหญ่ไป Kyoto ล่วงหน้าทันทีที่ผมไปถึงโรงแรมเลย จะได้เที่ยวสบายขึ้น

[seree_60]

ตามมาชมครับ น้อง
พี่จะชอบญี่ปุ่นมากๆเลยครับ
ชอบที่บ้านเมืองเขาสอาด คนมีวินัย และมีน้ำใจช่วยเหลือ นักท่องเที่ยวอย่างดี
พี่ประทับใจมาก

[am]

ผมไปครั้งแรกก็ประทับใจเลยครับพี่

วันแรก ขึ้นจากรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานี Asakusa เดินหาโรงแรมไม่เจอ เพราะป้ายโรงแรมไม่มีภาษาอังกฤษ ต้องถามลุงร้านขายของชำ
ผมพักที่ Toyoko Inn Asakusa เนื่องจากว่าในวันรุ่งขึ้นจะเดินทางไป Nikko ด้วยรถไฟสาย Tobu Nikko (ยังไม่ใช้ JR Pass)

เครือโรงแรม Toyoko Inn มีโรงแรมทั่วญี่ปุ่น แต่ก็สไตล์โรงแรมญี่ปุ่นทั่วไปที่มีพื้นที่ห้องไม่ใหญ่มาก อุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ออกแบบให้ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุด รวมอาหารเช้า แต่อย่าวาดภาพบุฟเฟต์ในโรงแรมแบบบ้านเรานะครับ เดี๋ยวจะผิดหวัง ค่าโรงแรม 8,800 yen ต่อคืน (เอา 2.7 หาร จะได้เป็นเงินบาทโดยประมาณ) ที่นี่ผมสมัครเป็นสมาชิกของเครือโรงแรมนี้ด้วย(ค่าสมาชิก 1,500 yen) เพราะมีโปรแกรมจะพักโรงแรมในเครือที่ Kyoto ด้วย ได้ลด 30% คุ้มเกินคุ้ม

เที่ยวในญี่ปุ่น หลังจากลงรถไฟฟ้าแล้ว ส่วนใหญ่ก็มีแต่ "เดิน"  ครับ  ขนาดทำใจไว้แล้ว ไปฟิตไว้แล้ว พอเอาจริงๆ วันแรกเดินแทบตาย ปวดขา ปวดเอวไปหมดเลยครับ

วันแรก เริ่มด้วยวัดที่ Asakusa  (Asakusa Kannon Temple และ Asakusa Shrine และ Gate อะไรสักอย่าง) เป็นแมทช์บังคับ ใครมาแถวนี้ก็ต้องไปที่นี่ คนญี่ปุ่นเองก็มากันเยอะมากครับ

[am]

พรุ่งนี้มาต่อครับ

[หนุน'21]

เข้ามาตามชม
ท่องแดนอาทิตย์อุทัย
ครั้งแรกของน้อง am ด้วยนะครับ
ญี่ปุ่นไปคราวใดก็มีความสุข
ได้ดู ได้รู้ ได้เห็น เป็นประสบการณืที่ดีครับ

 

[ภาณุ ปาตานี]

ตามด้วยคนครับ

[seree_60]

		อ้างถึง			ข้อความของ am เมื่อ 22 พฤศจิกายน 2553, 22:24:33
	ผมไปครั้งแรกก็ประทับใจเลยครับพี่ วันแรก ขึ้นจากรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานี Asakusa เดินหาโรงแรมไม่เจอ เพราะป้ายโรงแรมไม่มีภาษาอังกฤษ ต้องถามลุงร้านขายของชำ ผมพักที่ Toyoko Inn Asakusa เนื่องจากว่าในวันรุ่งขึ้นจะเดินทางไป Nikko ด้วยรถไฟสาย Tobu Nikko (ยังไม่ใช้ JR Pass) เครือโรงแรม Toyoko Inn มีโรงแรมทั่วญี่ปุ่น แต่ก็สไตล์โรงแรมญี่ปุ่นทั่วไปที่มีพื้นที่ห้องไม่ใหญ่มาก อุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ออกแบบให้ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุด รวมอาหารเช้า แต่อย่าวาดภาพบุฟเฟต์ในโรงแรมแบบบ้านเรานะครับ เดี๋ยวจะผิดหวัง ค่าโรงแรม 8,800 yen ต่อคืน (เอา 2.7 หาร จะได้เป็นเงินบาทโดยประมาณ) ที่นี่ผมสมัครเป็นสมาชิกของเครือโรงแรมนี้ด้วย(ค่าสมาชิก 1,500 yen) เพราะมีโปรแกรมจะพักโรงแรมในเครือที่ Kyoto ด้วย ได้ลด 30% คุ้มเกินคุ้ม เที่ยวในญี่ปุ่น หลังจากลงรถไฟฟ้าแล้ว ส่วนใหญ่ก็มีแต่ "เดิน"  ครับ  ขนาดทำใจไว้แล้ว ไปฟิตไว้แล้ว พอเอาจริงๆ วันแรกเดินแทบตาย ปวดขา ปวดเอวไปหมดเลยครับ วันแรก เริ่มด้วยวัดที่ Asakusa  (Asakusa Kannon Temple และ Asakusa Shrine และ Gate อะไรสักอย่าง) เป็นแมทช์บังคับ ใครมาแถวนี้ก็ต้องไปที่นี่ คนญี่ปุ่นเองก็มากันเยอะมากครับ

น้องแอม
พี่แก่แล้ว เดินไม่ค่อยเก่ง พี่ไปโตเกียวนานหลายปีแล้ว แต่ไปกับทัวร์
ปีที่แล้วไปเอง ที่ฮอกไกโดเกาะเดียว เช่ารถขับ สบายเยอะเลยครับ
คราวหน้าลองไปดู ดีมากๆเลยครับ
รถเช่าเขามี GPS ให้ด้วยแต่เป็นภาษาญี่ปุ่น ต้องหาคนญี่ปุ่นมาตั้งให้
(ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย นอกจาก อริกาโตะ)
แต่มีคนยินดีช่วยเหลือตลอด จึงประทับใจมาก
นี่ก็กำลังหาโอกาส อยู่ว่า อยากไปญี่ปุ่นอีก
คราวนี้ว่าจะไปแถว นิกโก้ เซนได ตระเวณไปทั่วตอนเหนือของโตเกียว
เพราะไม่ชอบเมืองใหญ่

[am]

ถ่ายรูปที่นารุโกะ กับ นิกโกะ มาเยอะเลยครับ
เดี๋ยวค่อยๆไล่ลงให้ชมครับ สวยสุดๆ

วันนี้มีธุระมาต่างจังหวัด เลยไม่สะดวกในการโหลดรูปครับผม

เดี๋ยวคราวหน้า ถ้ามีแผนจะไปฮอกไกโด ต้องขอคำแนะนำจากพี่ด้วยครับ

[am]

ทางเข้าวัด จะเจอคนเต็มไปหมด คนญี่ปุ่นก็เยอะ คนไทยก็หลายคน
ไฮไลท์ก็คือ Kaminarimon Gate หรือ ประตูสายฟ้าฟาด (ตามข้อมูลทั่วไปเขาเรียกว่า "ประตูสายฟ้า" แต่ผมว่ามันห้วนไปหน่อย เลยเรียกเองแบบนี้)  หามุมถ่ายรูปยากมาก เพราะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว

[am]

ภายในก็คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว คนญี่ปุ่นเขาก็จะมีวิธีไหว้คล้ายๆกับบ้านเรา เพียงแต่ไม่ได้ก้มลงไปกราบ
อ้อ..ที่วัดนี้ไม่เสียค่าเข้าครับ (ต่างจากวัดที่เมืองอื่นที่ส่วนใหญ่จะเสียค่าเข้าประมาณคนละ 500 yen)
ภายในวัดก็มีที่ให้เดินดูชมนิดหน่อยครับ แต่ไม่ได้มีไฮไลท์อะไรมาก

[am]

เสร็จาก Asakusa ผมเดินออกมาข้างนอกเพื่อหามื้อกลางวันถูกๆกิน แต่ความอร่อยนี่ไม่ได้คาดหวังเลย
หารสชาดแบบบ้านเราคงเป็นเรืองยากส์....  มองไปฝั่งตรงข้าม เห็นร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ แต่หน้าร้านมีเลขตัวเบ้อเร่อ "260"
ก็เลยไม่รอเช้าที่จะเดินเข้าไปลองชิมดู ราคาก็มีตั้งแต่ 260 - 1000 yen  เราก็เลือกเอาเมนูที่น่าจะพอกินได้ แต่ไม่แพงมาก 400 yen ก็พอรับไหว  ปรากฎว่าได้ก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่มากๆๆๆๆ ใครกินไม่จุ รับรองกินไม่หมด
แต่เอาเถอะ ..กินเพื่อมีแรงเที่ยว

[am]

อันนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวหน้ามันเทศ รสชาดจืดๆหน่อย มีพริกป่นมาช่วยเพิ่มให้มีรสชาดขึ้นมาหน่อย

[am]

จาก Asakusa ผมนั่งรถไฟใต้ดินสาย Ginza Line มาลงที่สถานี Ueno ค่าโดยสาร 1 สถานี 150 yen
แล้วเดินตรงไปที่ Ueno Park  เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่มาก ข้างในมีที่ให้เที่ยวหลายแห่ง ทั้ง Tokyo Museum สวนสัตว์ Western Are Museum และอีกหลายแห่ง  แต่ผมชั่งน้ำหนักดูแล้ว หากเที่ยวหมดสงสัยจะใช้เวลาสัก 2 วัน และไม่ได้คลั่งไคล้ Museum ขนาดที่จะต้องเที่ยวให้ได้ ดังนั้น จึงพยายามทำใจมองผ่านๆไป เพราะมีที่ที่จะต้องเที่ยวอีกเยอะ ที่วางแผนมาจากบ้าน ต้องปรับใหม่ตลอด เพราะมักจะใช้ระยะเวลามากกว่าแผนทุกที

ปัญหาอย่างหนึ่งที่ลืมไปก็คือ หน้าหนาว ที่โตเกียวก็มืดเร็ว  ราวๆสี่โมงกว่าก็เริ่มมืดแล้วครับ  พอราวๆห้าโมงเย็นก็มืดตี๊ดตื๋อเลย ทำให้เวลาสำหรับเที่ยวน้อยลงไปเยอะ

ใน Ueno มีวัดและศาลเจ้า 2-3 แห่ง  ที่สำคัญไม่เสียเงินค่าเข้า ผมเลยเลือกไปเที่ยววัดดีกว่า

ในรูปเป็นทางเข้า Toshogu Shrine  แต่น่าเสียดายที่ตัววิหารอยู่ในระหว่างการบูรณะ เลยไม่ได้รูปสวยๆมาฝากกัน

[am]

ใช้เวลาอยู่ใน Ueno Park นานพอสมควร  เลย่ต้องกระหืดกระหอบไปที่ Imperial Palace เนื่องจากเปิดถึงแค่สี่โมงเย็น
ไฮไลท์อยู่ที่ สะพาน Nijubashi  จากสถานี Tokyo เดินไปอีกนานพอสมควรกว่าจะถึง  เกือบ 20 นาทีแน่ะ  ถึงตอนนี้ผมเริ่มขาลากแล้วครับ  ในขณะที่ยังเหลือหนทางอีกยาวไกล

ไปถึงสะพานราวๆสามโมงครึ่ง  รปภ.เขาตรงเวลามาก พอใกล้ๆสี่โมงเย็น ก็เริ่มมาไล่นักท่องเที่ยวให้ออกจากบริเวณใกล้ๆสะพาน แต่ก็ไล่ด้วยรอยยิ้มนะ ไม่ค่อยโหด

[am]

ลานด้านหน้าพระราชวังไม่มีเวลาปิดครับ เขาจัดเป็นสวนสนสไตล์ญี่ปุ่น สามารถนั่งพักผ่อน ออกกำลังกาย และเดินเที่ยวได้ตลอด  ใครชอบต้นสนเหมือนผม รับรองไม่ผิดหวัง

[am]

นี่ก็สวย

[seree_60]

รอชมไปเรื่อยๆ..ครับ

[am]

อันนี้ก็งาม สวยๆงามๆเต็มไปหมดเลย

[seree_60]

		อ้างถึง			ข้อความของ am เมื่อ 24 พฤศจิกายน 2553, 22:24:04
	อันนี้ก็งาม สวยๆงามๆเต็มไปหมดเลย

สวยจริงๆครับน้อง...ชอบๆๆ
ขอเสนอหน่อยนะครับ..พี่ว่าภาพมันเล็กไปหน่อย
เลยชมความสวยงามได้ไม่เต็มที่
หากจะตัดภาพให้ใหญ่ขึ้นอีกนิด ก็จะสมบูรณ์แบบมากเลยครับ

[am]

ผมมีแผนที่จะเดินทางไป Nikko ในวันรุ่งขึ้น แต่ยังไม่ใช้ตั๋ว JR Pass (7 days) เนื่องจากคำนวณดูแล้วเอาไว้ใช้วันหลังๆดีกว่า
แต่ต้องทำการ activate ตั๋วไว้ก่อนครับที่สถานีโตเกียว (จริงๆสามารถทำได้เกือบทุกสถานีแหละครับ) เพราะจะเริ่มใช้ตอนอยู่ต่างจังหวัด  แต่กว่าจะหา office เจอ ก็เล่นเอาเหนื่อย เพราะสถานีโตเกียวมันใหญ่มาก คนญี่ปุ่นเองก็ยังรู้ไม่หมดเลยครับ ดังนั้น ไม่มีเหตุผลที่จะเขินอายหากต้องถามทาง  ผมว่าขนาดใหญ่ไม่แพ้สนามบินเลย แล้วผมยังดันไปเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วนด้วยอีก เลยวุ่นวายหนักเข้าไปใหญ่

[am]

ที่ที่ผมขาลากมากๆๆๆๆอีกแห่งคือ ที่ถนนแห่งนี้ครับ ถนน Ameyayoko ใครเป็นนักช็อปก็เชิญได้ที่นี่เลยครับ
มีทั้งของใช้ ของสด เช่น ผลไม้ ผัก และอาหารทะเล รวมทั้งเป็นแหล่งอาหารเย็น มือเย็นของผมในวันนี้คือ ข้าว+ไก่ย่าง ราคา 600 yen

อ้อ มีคำแนะนำอีกอย่าง ผมว่า "ส้ม" ของญี่ปุ่นอร่อยมาก ไม่มีเม็ดด้วย  ผมได้กินครั้งแรกก็ในอีก 4 วันข้างหน้า ที่โตเกียวไม่ได้ลอง