22 พฤศจิกายน 2567, 21:11:42
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 10 11 [12] 13 14 ... 36  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกันเรื่องจีนๆ  (อ่าน 374501 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #275 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2553, 08:22:16 »

อันนี้โรคเก่า สมองมีปัญหา วันไม่ดีคืนไม่ดีก็กำเริบที
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #276 เมื่อ: 17 ตุลาคม 2553, 20:22:07 »



สวัสดีเฮียจุ๊ง
ดีขึ้นหรือยังครับนี่

อยู่ๆอาการมันเกิดขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย
ไปหาหมอด้วยหรือปล่าว
ให้หมอเช็คหน่อยไม่ดีหรือ
แล้วอีกไม่กี่วันก็จะเดินทางไปเยี่ยมพี่สาวที่เมืองจีนอีกด้วย
สุขภาพต้องพร้อมๆนะเฮียจุ๊ง เป็นห่วงว่ะ


 รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #277 เมื่อ: 17 ตุลาคม 2553, 20:26:13 »

กินเบียร์แล้วจะหายรึเปล่า?
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #278 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2553, 20:44:51 »


เห็นว่าตอนนี้อาการดีแล้วไม่ใช่หรือ?.......ท่านจุ๊ง

หาเรื่องมาลงสัก 2-3 เรื่อง ก่อนไปจีน ได้ป่ะ......
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #279 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2553, 23:18:15 »

ได้เลย เดี๋ยวจะหาดู
      บันทึกการเข้า
เย่อ-ซีมะโด่ง70
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU70(2530)
คณะ: คณะหอฯ แผนกครุศาสตร์
กระทู้: 1,273

« ตอบ #280 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2553, 23:42:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 15 ตุลาคม 2553, 14:53:24

รปภ.....แปลว่า รอเป็นภูต หรือเปล่า? น้องเย่อ
  gek น่าน น่าน...ชวนไปนู๊นนนนเลย  รออยู่...แต่ให้เวลาผมหน่อยเถ๊อะ บ่ฮู้บ่หัน เหนื่อย
      บันทึกการเข้า
เย่อ-ซีมะโด่ง70
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU70(2530)
คณะ: คณะหอฯ แผนกครุศาสตร์
กระทู้: 1,273

« ตอบ #281 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2553, 23:44:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 13 ตุลาคม 2553, 13:25:23
อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 13 ตุลาคม 2553, 13:18:47
อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 13 ตุลาคม 2553, 12:39:25
เจอแล้ว.....


สู้ว๊อยยย......ยังไหว.[/center]

พี่เหลือ สองนิ้ว  เองเหรอ



เหลือสองนิ้ว
กร๊ากกกก  กร๊ากกกก


 เหอๆๆ เหอๆๆ เหอๆๆ
gek  ไรอ่ะ.?   งง งง เอิ่มม เอิ่มม
      บันทึกการเข้า
เย่อ-ซีมะโด่ง70
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU70(2530)
คณะ: คณะหอฯ แผนกครุศาสตร์
กระทู้: 1,273

« ตอบ #282 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2553, 23:45:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊ง2522 เมื่อ 16 ตุลาคม 2553, 08:22:16
อันนี้โรคเก่า สมองมีปัญหา วันไม่ดีคืนไม่ดีก็กำเริบที
gek หายไว ๆนะครับ... ปิ๊งๆ บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #283 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 00:07:34 »


.....ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะครับ เฮียจุ๊ง น้องรัก.....
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #284 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 22:10:33 »

ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงครับ ตอนนี้ก็ดีแล้ว อ่านนิยายจีนจบไปเรื่องนึง วันก่อนรับปากท่านแหลมเปี๊ยบว่าจะหาเรื่องเล่ามาทิ้งท้ายก่อนไปพักฝนที่จีน เดี๋ยวลองหาดูว่ามีสำเนาเรื่องของสี่ยอดหญิงงามจีนในประวัติศาสตร์เจ้าของสมญา จันทราหลบเร้นหาย บุปผาสะเทิ้นอาย มัจฉาหมอบหลบลี้ ห่านป่าร่วงธรณีหรือเปล่า จำได้ว่าแอบเก็บไว้ เดี๋ยวขอเวลาขุดก่อน
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #285 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 22:14:37 »

รอฟัง     หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #286 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 22:30:17 »

ขุดขึ้นมาก็เจอเลย ขอเกริ่นไว้หน่อยว่าหญิงงามในประวัติศาสตร์จีนมีไม่น้อย โดยมากจะงามพอที่จะล่มเมืองได้เลย แต่ที่ได้รับการยกย่องจริงมีไม่มาก ทั้งนี้บางคนอาจจะไม่ได้รับการยกย่องอาจจะเพราะมีจิตใจโหดร้าย หรืออาจจะไม่มีบทบาทมากนักในหน้าประวัติศาสตร์จีน

沉鱼、洛雁、闭月、羞花

ตัวหนังสือจีนสี่คู่แปดตัวอักษรที่ปรากฏอยู่ข้างบนนี้ อ่านว่าเฉินหวี  ลั่วเอี้ยน  ปี้เอวี้ย  ซิวฮวา  ถ้าผมจำไม่ผิด ท่านอาจารย์ถาวร สิกขโกศล ได้แปลเป็นไทย แถมยังรจนาให้คล้องจองกันว่า
 
มัจฉาจมวารี   ปักษีตกนภา
จันทร์หลบโฉมสุดา   มวลผกาละอายนาง

ประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีนนั้น ปรากฏสาวงามในแต่ละยุคแต่ละสมัยเป็นจำนวนมาก  แต่ที่เลื่องลือระบือนามจนเป็นตำนานเล่าขานนั้น มีอยู่สี่นางด้วยกันคือ ไซซี หวางเจาจวิน เตียวเสี้ยน และสนมเอกหยางกุ้ยเฟย และเป็นที่มาของอุปมาอุไมยดังกล่าวข้างต้น

ยอดหญิงงามคนแรกนั้น มีนามว่าไซซี(สำเนียงแต้จิ๋ว) 西施 (ซีซือ) นางมีความงามอย่างอมตะ เรียกว่างามข้ามสหัสวรรษเพราะคนทั่วโลกหลายชาติหลายภาษาในสหัสวรรษใหม่  ก็ยังไม่ลืมที่จะเปรียบเทียบหญิงงามว่า งามเหมือนไซซี ตัวอย่างเช่นครูเพลงสุรพล สมบัติเจริญผู้ล่วงลับไปแล้ว ตอนท่านยังมีชีวิตอยู่ได้แต่งและร้องเพลงชื่อ “มอง” ไว้ว่า

“มอง... เธอสาวเธอสวยฉันจึงได้มอง
หากเธอไม่สวยฉันจะไม่มอง
หากเธอไม่แจ่มฉันจะไม่จ้อง
ฉันจะไม่มองให้หัวใจเต้น... 
ต่อให้เทพีที่อยู่บนฟ้า
ต่อให้สีดาก็ยังเป็นสอง
ต่อให้ไซซีที่โลกยกย่อง
ถ้าเจอะกันสองต่อสอง
ฉันว่าพระอินทร์ยังต้องมองเธอ..” 

กล่าวกันว่ายามไซซีไปซักล้างที่ริมธาร ปลาในลำธารก็ยังตกใจในความงามของไซซีกระทั่งจมลงไปในน้ำ เลยได้รับการเปรียบเปรยว่างามจนมัจฉาจมวารี ไซซีมีชีวิตอยู่ในสมัยปลายชุนชิว ราว 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช ห่างจากปัจจุบันประมาณ 2,500 ปี ขออนุญาตถอดความเป็นภาษาไทยย่อๆ เพื่อประโยชน์ของผู้อ่านบางท่าน ขอท่านที่รู้ภาษาจีน อย่าเพิ่งรำคาญ...

ประมาณปี 496 ก่อนปีค.ศ. อู๋อ๋อง(อู๋หวาง)เหอหลีว์ 吴王阖闾 แห่งแคว้นอู๋ 吴 ได้รับบาดเจ็บจากการรบกับแคว้นเยว่ 越 ฟูไช 夫差 ผู้เป็นบุตรได้ขึ้นเป็นอู๋อ๋องแทนบิดา ประกาศจะต้องล้างแค้นให้ได้ อีกสองปีต่อมา ฟูไชให้อู๋จื่อซวี 伍子胥 เป็นแม่ทัพไปตีแคว้นเยว่ ปรากฏว่าคราวนี้ทัพของแคว้นเยว่ถูกตีแตกย่อยยับ โกวเจี้ยน 越王勾践 อ๋องแห่งแคว้นเยว่เชิญตัวฟั่นหลี่ 范蠡 และเหวินจ่ง文种 มาปรึกษา ขุนนางทั้งสองแนะให้ยอมจำนนเพื่อผ่อนหนักเป็นเบา แล้วค่อยหาทางแก้ภายหลัง

โกวเจี้ยนและฮูหยิน ต้องยอมลดตัวลงไปเป็นคนเลี้ยงม้าของอู๋อ๋องฟูไช เวลาฟูไชจะเสด็จโดยรถม้า โกวเจี้ยนยอมเป็นผู้จูงม้าของรถพระที่นั่ง แสดงให้เห็นว่ายอมสวามิภักดิ์ ครั้งหนึ่งฟูไชไม่สบาย โกวเจี้ยนขอไปเยี่ยมไข้ฟูไชด้วยความเป็นห่วง และไม่มีใครคาดถึง โกวเจี้ยน...  นั่นแน่.. มีคนดักคอผมว่า ฉวยโอกาสทำร้ายฟูไช คำตอบคือ.. ไม่ใช่ครับ

ยังมีต่อ..

      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #287 เมื่อ: 19 ตุลาคม 2553, 22:33:24 »

โดยไม่มีใครคาดถึง โกวเจี้ยนเอา “อึ” 粪便 ของฟูไชในกระโถนขึ้นมาชิม เล่นเอาขุนนางของฟูไช และทหารรักษาพระองค์อ้วกแตกกันเป็นแถว แต่โกวเจี้ยนตีหน้าเฉย เก็บอาการอย่างดี พร้อมกราบทูลอู๋อ๋องฟูไชว่า..  “ข้าพเจ้าเคยศึกษาวิชาแพทย์มาบ้าง ได้ชิมอุจจาระของท่านอ๋องแล้ว บอกได้ว่าอีกไม่กี่วัน อาการป่วยของท่านอ๋องก็จะหาย...”  อู๋อ๋องถึงกับอึ้งกิมกี่ อ้าปากค้าง ประทับใจโกวเจี้ยนมาก รับสั่งว่าที่ผ่านมาข้าฯ เข้าใจท่านผิด บัดนี้รู้แล้วว่า ท่านมีความจริงใจ หลังจากนี้ ข้าฯ จะปล่อยตัวเจ้าและฮูหยินกลับบ้าน..” เห็นไหมครับท่าน การเมืองนั้น เล่นเล่ห์เล่นเหลี่ยม ลูกล่อลูกชนกันตั้งแต่สองพันกว่าปีที่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งเป็นกันในปัจจุบันนี้

โกวเจี้ยนกลับถึงแคว้นเยว่ 越 ตั้งปณิธานแน่วแน่ที่จะล้างอายให้ได้ จึงทุ่มเททำนุบำรุงบ้านเมืองให้เข้มแข็ง ออกตรวจสภาพความเป็นอยู่ของราษฎรอยู่เสมอ และเพื่อเตือนสติตนเอง ตกค่ำจะหนุนขอนไม้ต่างหมอน ทั้งยังแขวนดีสัตว์ที่มีรสขมไว้ เวลากินข้าวก็หมั่นชิมรสขมของดีนั้น (กันลืม) จึงเป็นที่มาของวลี.. นอนหนุนขอน ชิมดีขม 卧薪尝胆

นอกจากนี้ โกวเจี้ยนยังคัดเลือกสาวงามของแคว้นเยว่มาได้สองคน คนหนึ่งชื่อซีซือ(ไซซี) 西施 อีกคนชื่อเจิ้งต้าน 郑旦 มาฝึกระบำและมารยาท จากนั้นฟั่นหลี่ได้นำสาวงามสองคนนี้ไปถวายให้อู๋อ๋องฟูไช 吴王夫差  เพื่อให้อู๋อ๋องลุ่มหลง จะได้ไม่สนใจกิจการบ้านเมือง ขุนนางอู๋จื่อซวี 伍子胥 พยายามเตือนสติอู๋อ๋องฟูไช แต่ฟูไชหลงเสน่ห์ไซซีจนหัวปักหัวปำ เลยบอกให้อู๋จื่อซวีไปตายซะ (ประทานกระบี่ให้)

เพียงไม่กี่ปีที่โกวเจี้ยนซุ่มฟิตอยู่ที่แคว้นเยว่ แคว้นเยว่ก็มั่งคั่งเข้มแข็ง ส่วนแคว้นอู๋มีแต่ผุกร่อน เพราะผู้นำประเทศเอาแต่ปรนเปรอตัวเอง สร้างปราสาทราชวังใหญ่โต ดนตรีระบำรำฟ้อน ฟุ่มเฟือยสารพัด แต่อาณาประชาราษฎร์แห้งเหี่ยวหัวโต ในราวปี 473 ก่อนปีค.ศ. แคว้นอู๋ก็สิ้นชาติ เพราะถูกแคว้นเยว่ล้มล้าง

ในบันทึกของจีนนั้น มีเรื่องราวของไซซีน้อยมาก แต่มีเรื่องเล่าต่อมาว่า เมื่อแคว้นอู๋ถูกทำลายแล้ว ฟั่นหลี่ 范蠡 ได้พาไซซี 西施 หนีไปครองรักด้วยกันอย่างสงบ เพราะฟั่นหลี่ไม่อยากเป็นอย่างอู๋จื่อซวี... “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล”

      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #288 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553, 05:16:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊ง2522 เมื่อ 19 ตุลาคม 2553, 22:10:33
ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงครับ ตอนนี้ก็ดีแล้ว อ่านนิยายจีนจบไปเรื่องนึง วันก่อนรับปากท่านแหลมเปี๊ยบว่าจะหาเรื่องเล่ามาทิ้งท้ายก่อนไปพักฝนที่จีน เดี๋ยวลองหาดูว่ามีสำเนาเรื่องของสี่ยอดหญิงงามจีนในประวัติศาสตร์เจ้าของสมญา จันทราหลบเร้นหาย บุปผาสะเทิ้นอาย มัจฉาหมอบหลบลี้ ห่านป่าร่วงธรณีหรือเปล่า จำได้ว่าแอบเก็บไว้ เดี๋ยวขอเวลาขุดก่อน

ขอถามครับ  ที่พี่จุ๊งอ่านนิยายจีน คืออ่านที่เป็นภาษาจีนหรือเปล่าครับ  หรือพี่อ่านฉบับแปล
ตอนนี้ ผมอ่านข้อเขียนของหลายๆคน เกี่ยวกับนิยายกำลังภายในของจีนใน เวปผู้จัดการ  ทำให้อยากกลับมาอ่านอีกรอบ หลังจากเคยไปเช่าหนังสือมาอ่านสมัยอยู่หอ
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #289 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553, 05:30:45 »

นอนหนุนขอน ชิมดีขม 卧薪尝胆

ถ้าพี่แหลม ก็ต้องเป็น

กินของขม  ชมเด็กสาว
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #290 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553, 07:54:31 »

ก็อ่านนิยายในเน็ต หรือจะพูดง่ายๆว่าฟังเขาอ่านนิยาย เรื่องเล่าในเน็ตมีอยู่2แบบ คือนักเล่ามืออาชีพอาจจะเอาเรื่องเก่าๆ ปรัมปรามาเรียบเรียงใหม่และก็เล่าเองแบบเล่านิทานเหมือนวณิพกแบบยาขอบในสามก๊กฉบับวณิพก หรือไม่ก็อาจจะเป็นการที่ผู้เล่าเอาเรื่องที่เขาแต่งมาแล้วมาอ่านในลักษณะการเล่า อาจจะใส่ไข่บ้างหรือจัดบรรยากาศประกอบเรื่องเล่าบ้างตามถนัด อย่างกำลังภายในนี่ที่เอามาเล่าหรืออ่านแบบเล่าที่มากที่สุดก็เห็นจะมีของกิมย้ง กิมย้งแต่งนิยายกำลังภายใน15เรื่อง ถูกนำมาถ่ายทอดทางเสียงทุกเรื่องทั้งภาคภาษาจีนกลางและภาษากวางตุ้ง บังเอิญสมัยเด็กเข้าโรงหนังทีบ้านที่เบตงจะมีหนังประเภทงิ้วกวางตุ้งมาฉายประจำ บางทีฟังพวกนี้ก็ทำให้รำลึกถึงความหลังสมัยเด็ก อ้อ นอกนั้นก็จะมีของโก้วเล้งอยู่บ้าง ไม่มากนักที่เห็นก็จะมีเรื่องฤทธิ์มีดสั้น เซียวฮื้อยี้ ชอลิ่วเฮียง เล็กเซี่ยวหงส์ ส่วนของคนอื่นก็จะมีเรืื่องนางพญาผมขาว และเจ็ดกระบี่เทียนซานของเนี่ยอู้เซ็งหรือเหลียงอวี่เซิง ส่วนนิยายอ่านนี่สามารถโหลดมาได้เกือบทุกเรื่อง อย่างของหวงอี้ สมัยก่อนโหลดมาเพียบ เพียงแต่เรื่องของหวงอี้ อ่านแล้วเครียด เลยขี้เกียจอ่าน ขนาดที่เขาแปลมายังอ่านไม่กี่เรื่องเลย ต้นฉบับภาษาจีนก็อ่านยากใหญ่ อีกอย่างนิยายที่โหลดมา บางทีเขารีบพิมพ์ ไม่มีตรวจปรูํฟ อ่านแล้วงงประจำ ใช้ฟังสบายกว่ากันเยอะเลย แต่ต้นฉบับก็โหลดมาด้วยเพื่อประกอบการฟัง อ้อ นิยายกำลังภายในใหม่แปลเป็นไทยที่พอหาฟังได้ก็มีเรื่องมือสังหารเนี่ยเสี่ยวอู๋

นิยายจีนตอนนี้ที่ติดตามฟังก็จะเป็นนิยายแบบแนวเต๋า แบบพวกที่ฝึกเซียนน่ะ มีการฝึกวิชามาร และการต่อสู้เข่นฆ่ากันเหมือนกำลังภายใน ลัทธิเต๋าเชื่อว่าคนเราจะประกอบไปด้วย3วิญญาณ6ดวงมาลย์ คนเราสามารถฝึกจิตได้ เมื่อถึงระดับจะต้องผ่านอุปสรรคจากฟ้าผ่าจากเทพอสนีให้ได้ แล้วจะมีโอกาสขึ้นสู่พิภพที่เหนือกว่าพร้อมกับอายุที่ยืนยาว บ้างเป็นพันปี บ้างเป็นหมื่นปี พวกสัตว์ พวกต้นไม้ก็สามารถฝึกตนได้เหมือนกันก็สามารถไปสู่พิภพใหม่ได้เช่นกัน ตอนนี้มีนิยายแนวนี้ออกมาเยอะ ในเน็ตติดกันงอมแงม ติดตามฟังมา3-4เรื่อง ฟังจบแค่เรื่องเดียว นอกนั้นผู้แต่งยังแต่งไม่จบ ผู้เล่าก้เลยชะงัก นิยายพวกนี้แปลเป็นไทยไม่รู้จะนิยมมากน้อยขนาดไหน แต่กำลังภายในตอนนี้อิ่มตัว อ้อ นิยายกำลังภายในอันดับหนึ่งในเน็ตจากเว็บwww.tingchina.com ต้องนับเรื่องแปดสุดยอดเส้าหลิน เป็นเรื่องอิงประวัติศาสตร์ที่คิดว่าแต่งได้ไม่แพ้กิมย้งเลยหล่ะ โดยเฉพาะวิชาเฉพาะตัวของพระเอกก็คือวิชานิทราสวัสดิ์ จะเป็นการฝึกวิชาเมื่อนอนหลับ และเมื่อถึงระดับ7สามารถเข้าไปในความฝันผู้อื่นได้ เรื่องพวกนี้ถ้าเล่าแล้วยาว
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #291 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553, 09:22:04 »

หาเรื่องสี่ยอดหญิงงามเรื่องอื่นนอกจากมัจฉาจมวารีไม่เจอ แต่ดูเนื้อเรื่องเลยนึกถึงวันเทศกาลเดือนห้าของจีนหรือที่ไทยรู้จักกันในชื่อวันกินบะจ่าง เลยเอามาเสริม

ตวนอู่ วันกวีแห่งชาติ    รำลึกถึงชวีหยวน

วันขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 ในปฏิทินการเกษตรของจีนเรียกว่าวันตวนอู่ 端午   端 คือช่วงต้น   เดือน 5 เรียกว่าเดือน 午   และเวลา 午  ถือเป็นเวลา 阳  จึงเรียกว่าวัน  端阳อีกชื่อหนึ่ง     และเดือน 5  ซ้อนกับวันที่ 5จึงเรียกวันฉงอู่ 重午ด้วย  ถือเป็นหนึ่งใน 3 เทศกาลใหญ่ของชาวจีน(อีก 2 เทศกาลคือ 春节วันตรุษจีน และ中秋节วันไหว้พระจันทร์)   วันนี้มีเรื่องราวของวีรชนผู้รักชาติเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มากมาย     เป็นวันที่รำลึกถึง อู่จื่อซวี่ วีรชนผู้รักชาติในสมัยชุนชิว    เป็นวันที่รำลึกถึงชวีหยวน  กวีผู้รักชาติในสมัยจ้านกว๋อ  ปลายสมัยราชวงศ์โจว     เป็นวันที่รำลึกถึงเฉาเอ๋อ ธิดากตัญญูในสมัยตงฮั่น     และเป็นวันที่รำลึกถึงชิวจิ่น วีรสตรีในสมัยการปฏิวัติประชาธิปไตยของ ดร.ยัดซุนเซ็น    คนไทยเรารู้จักกันว่าเป็นวันกินบะจ่าง
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #292 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553, 09:25:20 »

อู่จื่อซวี่ 伍子胥 เดิมเป็นคนเมืองฉู่ 楚     ครอบครัวถูกกษัตริย์โหดฉู่ผิงหวาง ประหารสิ้น     อู่จื่อซวี่ หนีรอดไปอยู่ที่เมืองอู๋ ซึ่งเป็นคู่แค้นกับเมืองฉู่    อู่จื่อซวี่ มีร่างกายสูงใหญ่บุคลิกเหนือคนธรรมดา    แต่ไม่ได้รับความสนใจจากอ๋องเหลียวแห่งเมืองอู๋    แต่องค์ชายกวาง กลับเห็นคุณค่าของอู่จื่อซวี่ จึงรับไว้เป็นคนสนิท     ต่อมาอู่จื่อซวี่ ร่วมมือกับจวนจู ช่วยเหลือองค์ชายกวาง     ฉวยโอกาสช่วงที่กำลังทหารส่วนใหญ่ไปทำศึกกับเมืองฉู่     วางแผนจัดงานเลี้ยงให้จวนจู ปลอมเป็นคนส่งอาหาร     แล้วซ่อนกระบี่สั้นในท้องปลานึ่งลอบสังหารอ๋องเหลียว ยึดบัลลังค์ได้สำเร็จ (เรื่องนี้บริษัทชอว์บราเดอร์ ได้นำมาสร้างเป็นหนังบู๊ถึง 2 ครั้ง     ครั้งแรกนำแสดงโดยหวังหยู่     ครั้งที่ 2 นำแสดงโดยเดวิดเจียง     ส่วนกระบี่ที่ซ่อนอยู่ในท้องปลานึ่ง     ก็คือกระบี่ไส้ปลาที่ปรากฏในนิยายบู๊ลิ้มของโกวเล้งอยู่หลายเรื่อง)     

หลังจากองค์ชายกวาง ได้นั่งบัลลังค์ก็คือจักรพรรดิ์ เหอหลู 吴阖庐    ที่ใช้ซุนอู่ 孙武 เป็นเสนาธิการทหาร    โจมตีจนยึดเมืองฉู่ได้สำเร็จ    อู่จื่อซวี ได้ขุดเอาศพของฉู่ผิงหวาง ขึ้นมาเฆี่ยนตี 300 ไม้เป็นการแก้แค้น     จักรพรรดิ์ เหอหลู แต่งตั้งซุนอู่เป็นเสนาธิการฝ่ายทหาร     อู่จื่อซวี เป็นเสนาธิการฝ่ายการเมือง    ทำสงครามจนตนเองได้ครองความเป็นจ้าวในสมัยชุนชิว     แต่เหอหลูเสียชีวิตในสนามรบระหว่างทำสงครามกับเมืองเยว่ 越       บุตรชายของเหอหลู   ฟูไช 夫差 ผูกใจเจ็บแค้นต่อเมืองเยว่    ใช้เวลา 3 ปีสะสมเสบียงระดมกำลังทหารเข้าโจมตีเมืองเยว่    ปิดล้อม อ๋องเยว่ โกวเจี้ยน 勾践 ไว้ที่เขาไขว้จีซาน      อ๋องเยว่ โกวเจี้ยน รู้ว่าไม่อาจต้านทานกำลังของเมืองอู๋ จึงขอเจรจาสงบศึก      โดยเสนอตัวเองและครอบครัวเป็นตัวประกัน      อู่จื่อซวี่  เสนอว่า    โจรไม่อาจปล่อยเอาไว้     ศัตรูไม่อาจให้ความปรานี     โกวเจี้ยน เป็นคนไม่ซื่อปากพูดอย่างใจคิดอย่าง      ถ้าหากไม่ฉวยโอกาสนี้กำจัดเสียต้องเป็นภัยในภายหลัง      แต่ฟูไชเป็นคนชอบเอาหน้า     ประกอบกับโกวเจี้ยนใช้เงินทองซื้อตัวป๋อพี คนสนิทของฟูไช ไว้     จึงทำให้ฟูไชยอมรับเงื่อนไขสงบศึก     รับโกวเจี้ยน ไว้เป็นตัวประกัน     ให้ทำหน้าที่เป็นคนเลี้ยงม้า     คนในครอบครัวของโกวเจี้ยน ก็ต้องทำงานเหมือนสามัญชน     โกวเจี้ยน ก้มหน้าทนรับความอดสูอยู่ 3 ปี     ฟูไชเห็นว่าโกวเจี้ยน ไม่มีทีท่าจะคิดการใหญ่จึงยอมปล่อยตัวให้กลับเมืองเยว่     ซึ่งก็ได้รับการทัดทานอย่างหนักจากอู่จื่อซวี่ 
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #293 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553, 09:28:45 »

โกวเจี้ยน กลับมาจากเมืองอู๋  มอบงานบ้านงานเมืองให้ขุนนางคนสนิท    ฟ่านหลี่ 范蠡 และเหวินจ่ง 文种  ดูแล   เพื่อเตือนไม่ให้ลืมความอัปยศใน 3 ปีที่เมืองอู๋    จึงย้ายไปทำไร่ทำนาใช้ชีวิตร่วมกับสามัญชนที่เขาไขว้จีซาน     นอนพื้นปูด้วยฟางหญ้าหนุนขอนไม้แขวนดีขมไว้ตรงหน้า     ทุกครั้งก่อนกินข้าวจะต้องกลืนดีขมก่อนทุกครั้ง     ในประวัติศาสตร์เรียกว่า   นอนพื้นหนุนขอนกลืนดีขม    ในขณะเดียวกันก็หมั่นส่งเครื่องบรรณาการไปเอาใจฟูไช     แล้วยังส่งหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองเยว่ ไซซี (西施)    ไปยั่วยวนฟูไช จนลุ่มหลงชนิดโงหัวไม่ขึ้น(ไซซี เป็นหนึ่งในหญิงงามล่มเมืองในประวัติศาสตร์จีน    และเรื่องนี้ก็ได้สร้างเป็นภาพยนต์หลายครั้ง)

   อู่จื่อซวี่  คัดค้านเรื่องนี้อีกเช่นกันและพยายามว่ากล่าวตักเตือนฟูไช     จนฟูไชโกรธประทานกระบี่ให้อู่จื่อซวี่ จัดการกับตัวเอง    อู่จื่อซวี่  ประคองกระบี่แหงนหน้าหัวเราะกล่าวว่า     เราติดตามจักรพรรดิ์เหอหลู  ทำศึกตั้งแต่เหนือจรดใต้     จนเหอหลูได้ครองความเป็นจ้าว     นึกไม่ถึงว่าวันนี้ท่านอ๋องเชื่อฟังคนประจบสอพลอ     มอบความตายให้แก่ข้า     แผ่นดินอู๋ คงถึงกาลสูญสิ้นแน่แล้ว    กล่าวจบก็ใช้กระบี่ควักเอาหัวใจของตนเองส่งให้ฟูไช    ก่อนตายยังสั่งกับคนสนิทว่า     หลังจากเราตายแล้วให้ควักเอาดวงตาของเราติดไว้ที่หน้าประตูเมือง     เราจะเบิ่งตามองดูกองทัพเมืองเยว่ บุกเข้าโจมตีเมืองอู๋ ในวันข้างหน้า     ฟูไชโกรธจึงสั่งให้ทหารห่อศพของอู่จื่อซวี่   โยนทิ้งน้ำเป็นอาหารปลาในวันขึ้น 5 ค่ำเดือน 5    หลังจากอู่จื่อซวี่ ตายแล้ว    โกวเจี้ยน นำกองทัพเมืองเยว่ โจมตีเมืองอู๋  สำเร็จ     ครองความเป็นจ้าวคนสุดท้ายในสมัยชุนชิว    ต่อมาชาวบ้านต่างทำพิธีรำลึกถึงจิตใจที่ยอมพลีชีพเพื่อชาติของอู่จื่อซวี่ ในวันขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 ของทุกปี
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #294 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553, 09:49:20 »

屈原   ชวีหยวน กวีผู้รักชาติและประเพณีกินบ๊ะจ่าง  แข่งเรือมังกร

ชวี หยวน 屈原แซ่ชวี 屈 ชื่อผิง 平 ชื่อรองว่าหยวน 原 เป็นคนเมืองฉู่ มีชีวิตอยู่ในช่วงกลางค่อนปลายในยุคจ้านกว๋อ  ห่างจากอู่จื่อซวี่ ประมาน 200 ปี  ในสมัยนั้น เมืองฉู่เป็นเมืองใหญ่มีประชากรประมาน 5 ล้านคน   เคยเป็นเมืองที่เข้มแข็งที่สุดใน 7 พยัคฆ์รัฐสงคราม 战国七雄 แต่พอมาถึงสมัยฉู่ฮว๋ายหวาง กษัตริย์ผู้โง่เขลา   การเมืองอ่อนแอบ้านเมืองระส่ำระสาย   ช่วงนั้นเป็นช่วงที่รัฐฉิน   เข้มแข็งขึ้นเป็นพยัคฆ์ตัวใหม่และมีนโยบายรุกราน  ชวีหยวนเป็นขุนนางใหญ่ของรัฐฉู่ ในช่วงนี้   ชวีหยวนเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ได้รับการศึกษาอย่างดี   รอบรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในทุกแขนงและเป็นผู้มีลิ้นการทูตเป็นเลิศ   ชวีหยวนเสนอนโยบายภายในให้ปฏิรูปการปกครอง  ขจัดพวกนายทาสที่กดขี่และเหล่าขุนนางที่มีอิทธิพล   ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนยากจน   ส่งเสริมให้คนดีมีความสามารถมีโอกาสเข้ามารับใช้บ้านเมือง   ต่อภายนอกชวีหยวน เสนอให้ใช้นโยบาย 合纵 ของ  苏秦  คือ   ทำสนธิสัญญารวม 6 รัฐต่อต้านฉิน   ตรงข้ามกับจางอี้ 张仪ขุนนางใหญ่ของเมืองฉินที่เสนอนโยบาย 连横 คือแยกสลาย 6 รัฐสามัคคีฉิน   อ๋องฉิน เป็นคนฉลาดและเทยอทะยาน  ทำนุบำรุงรัฐฉินจนเข้มแข็งมั่งคั่งดีวันดีคืน   จนสามารถซื้อตัวขุนนางต่างๆในรัฐฉู่   ให้คัดค้านนโยบายของชวีหยวน  จนในที่สุดอ๋องฉู่ ล้มเลิกสนธิสัญญารวม 6 รัฐ   ไปทำสนธิสัญญากับรัฐฉิน   ปลดชวีหยวนลงเป็นขุนนางชั้นผู้น้อย   และเนรเทศชวีหยวนไปอยู่ชายแดนที่กันดาร  ชวีหยวนพยายามทำหนังสือ ตักเตือนอ๋องฉู่ หลายครั้ง   นอกจากจะไม่เป็นผลยังถูกเหล่าขุนนางกังฉินใส่ร้ายว่าหลงตัวเองบังอาจหมิ่น อ๋องฉู่  จนในที่สุดถูกเนรเทศไปอยู่ที่ มี่หลัวเจียง 汨罗江   ลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง


หมายเหตุ การทำสนธิสัญญารวม 6 รัฐต่อต้านฉิน ตามความหมายในภาษาจีนจะแปลว่าแนวประสานทางดิ่ง ส่วนการแยกสลาย 6 รัฐสามัคคีฉินในภาษาจีนแปลว่าแนวประสานทางราบ ทั้งนี้ชื่อเอามาจากการมองในแผนที่การทหาร รายละเอียดค่อนข้างจะมีเอ่ยถึงบ่อยในนิยายกำลังภายในเรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซี  
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #295 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553, 09:53:11 »

ชวีหยวนเป็นผู้มีความสามารถในด้านงานเขียนและกาพย์กลอน   ช่วงที่ถูกเนรเทศได้ใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขอย่างใกล้ชิด     และได้เห็นความทุกข์ยากของมวลชน   เนื่องจากความโง่เขลาเบาปัญญาของผู้ปกครอง    จึงได้เขียนบทกวีขึ้นมากมาย   ที่สะท้อนถึงความทุกข์ยากของมวลชนอันเนื่องจากมีผู้ปกครองที่โง่เขลาเบา ปัญญา   และสอดแทรกทัศนะที่สะท้อนถึงจิตใจที่รักชาติของตนเอง   ชวีหยวนได้ประพันธ์บทกวีขนาดยาวไว้ถึง 20 กว่าเรื่อง    ที่มีคุณค่าต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองในยุคนั้น  ในช่วงแรกที่ชวีหยวน ถูกเนรเทศมาอยู่บริเวณตอนเหนือของแม่น้ำฮั่นสุ่ย   ได้ใช้ชีวิตร่วมทุกข์สุขกับชาวบ้านอย่างกลมกลืน     และใช้เวลาว่างศึกษาบทเพลงพื้นบ้านของเมืองฉู่     และในช่วงนี้เองที่ชวีหยวน ได้เขียนบทกวีหลีเซา 离骚    ที่บรรยายถึงความทุกข์ระทมที่ต้องถูกเนรเทศไปอยู่แดนไกล   ความทุกข์ยากของประชาชนที่มีกษัตริย์โง่เขลา    และความเคียดแค้นต่อพวกขุนนางที่ประจบสอพลอ   บทกวีหลีเซาเป็นบทร้อยกรองขนาดยาว      มี 373 บทมีตัวอักษรถึง 2500 ตัว    ถือเป็นบทกวีร้อยกรองขนาดยาวชิ้นแรกในประวัติศาสตร์จีน  ชวีหยวนจึงถูกยกย่องให้เป็นปฐมกวีของจีน   และในวันตวนอู่ ก็ถือเป็นวันกวีแห่งชาติอีกด้วย

ชวีหยวนยังคงเฝ้าคอยว่าสักวันหนึ่ง ราชสำนักคงจะให้ความเชื่อถือและเรียกใช้ตนอีกครั้ง     แต่ก็ไม่มีข่าวคราวใดจากราชสำนัก   ต่อมาชวีหยวน ถูกเนรเทศมาอยู่บริเวณตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียง      ชีวิตที่ระหกระเหินนานปีทำให้ชวีหยวนมีสุขภาพทรุดโทรม     ผมเผ้าขาวหงอก      วันหนึ่งขณะที่ชวีหยวนเดินอยู่ริมแม่น้ำมีชาวเรือผู้หนึ่งเข้ามาถามว่า     ท่านคือขุนนางชวีหยวนใช่หรือไม่     ทำไมจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้     ชวีหยวนตอบว่า     โลกนี้มีแต่ความโสมม     มีเพียงเราเท่านั้นที่ยังสดใส     ขุนนางในราชสำนักล้วนงมงาย     มีแต่เราที่ยังจงรักภัคดีอย่างบริสุทธิ์ใจ     เราจึงถูกเนรเทศมาตกระกำลำบากอย่างนี้     ชาวเรือผู้นั้นพูดว่า     ในเมื่อคนทั้งโลกล้วนโสมมและงมงาย     ทำไมท่านถึงไม่ร่วมหัวจมท้ายกับพวกเขาเหล่านั้น     การทำตัวดีเด่นแตกต่างจากผู้อื่น     จึงต้องประสบเภทภัยเช่นนี้      ชวีหยวนกล่าวว่า     ตัวเรายอมจมลงสู่ก้นแม่น้ำเป็นอาหารของปูปลา     แต่ไม่ยอมให้จิตใจที่บริสุทธิ์ต้องแปดเปื้อนไปกับพวกคนชั่ว
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #296 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553, 09:56:31 »

ใน ปีที่ 278 ก่อนค.ศ. กองทัพฉินกรีฑาทัพรุกรานฉู่     รัฐฉู่ล่มสลายชวีหยวนจบบทกวีบทสุดท้ายชื่อฮว๋ายซา     แล้วใช้ก้อนหินถ่วงตัวเองจมลงสู่แม่น้ำมี่หลัวเจียง  ในวันที่ 5 เดือน 5    หลังจากที่ชวีหยวน จมร่างลงสู่แม่น้ำมี่หลัวเจียง แล้ว     ชาวบ้านแถบนั้นพายเรือวนเวียนค้นหาอยู่บนแม่น้ำหลายวัน     บางคนพายไปจนถึงทะเลสาบต้งถิงหู     แต่ก็ไม่พบซากศพของชวีหยวน     ชาวเรือบางคนเอาข้าวเหนียวปั้นที่เตรียมมาเป็นเสบียงโยนลงไปในแม่น้ำเป็น อาหารปลา      เพื่อให้ปลาเหล่านั้นกินอิ่มแล้วไม่มาทำร้ายซากศพของชวีหยวน      มีผู้เฒ่าคนหนึ่งเทเหล้ากำมะถันลงไปในน้ำเพื่อมึนเมาพวกสัตว์น้ำ     จะได้ไม่มาทำร้ายซากศพของชวีหยวนเช่นกัน      จากนั้นในวันที่ 5 เดือน 5 ของทุกปีชาวบ้านในบริเวณนั้นจะทำการรำลึกถึงชวีหยวนด้วยการ      พายเรือบนแม่น้ำมี่หลัวเจียง     โยนข้าวเหนียวปั้นและเทเหล้ากำมะถัน     ก่อเป็นประเพณีแข่งเรือมังกร    กินขนมจ้งจื่อดื่มเหล้ากำมะถันในวันเทศกาลตวนอู่

พูดถึงการเอาข้าว เหนียวปั้นเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายๆกำปั้นห่อด้วยใบไผ่ที่เรียกกันว่าจ้ง จื่อ   มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นคงยากที่จะระบุชัดได้    เป็นวิธีการพกข้าวห่อของคนสมัยโบราณ   จ้งจื่อ มี 2 ชนิดชนิดหนึ่งเอาข้าวเหนียวผสมน้ำด่าง     ห่อด้วยใบไผ่เป็นรูปสามเหลี่ยมเล็กๆ      นึ่งสุกแล้วมีสีอมเหลืองรสกร่อยๆเมือกๆ     เรียกว่าจีจ้ง รสชาติไม่ดีนักเวลากินต้องจิ้มน้ำตาล    ชนิดนี้กินเพื่อล้างท้องฆ่าเชื้อโรค     เนื่องจากเดือน 5 อากาศร้อนจัดมีโรคระบาดชุก     คนจีนเชื่อกันว่าด่างสามารถล้างท้องและฆ่าเชื้อโรคได้     ส่วนอีกชนิดหนึ่งคือบะจ่างที่นิยมในบ้านเรา     ส่วนใหญ่นิยมใส่ใส้พุทรา    เม็ดบัว   ถั่วลิสง     เนื้อหมู      ถ้าเป็นของคนกวางตุ้งจะใช้ใบบัวห่อเป็นรูปกะทง      แทนที่จะห่อเป็นรูปสามเหลี่ยมด้วยใบไผ่    แต่ส่วนผสมและการปรุงรสก็จะคล้ายๆกัน     ปัจจุบันประเพณีเทศกาลตวนอู่ ได้เผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวางถึงนานาประเทศ    และบะจ่าง ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลตวนอู่     นอกจากนี้ในอดีตยังเป็นสัญลักษณ์การขอแต่งงานต่อหญิงสาวของชายหนุ่มอีกด้วย
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #297 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 00:52:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊ง2522 เมื่อ 20 ตุลาคม 2553, 19:51:48
อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 20 ตุลาคม 2553, 16:13:08
พี่จุ๊งเดินทางเมื่อไรคะ ??     หลั่นล้า

พรุ่งนี้แหละ ตอนนี้เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ลาแล้วหนาบ้านใหม่ กลับไปคืนสูเหย้าแล้ว อีก10วัน ถึงจะเข้าสู่ภาวะปกติ


เดินทางไป-กลับ โดยสวัสดิภาพ ครับท่านจุ๊ง

เที่ยวให้สนุก ถ่ายรูปมาเยอะๆ........ของฝากไม่ต้อง (มาก).
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #298 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 01:09:45 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 20 ตุลาคม 2553, 05:30:45
นอนหนุนขอน ชิมดีขม 卧薪尝胆

ถ้าพี่แหลม ก็ต้องเป็น

กินของขม  ชมเด็กสาว

แบบเต็มๆเลยก็ได้........น้องขุน

" กินของขม ชมเด็กสาว เล่นของเก่า เล่าความหลัง "

ขมเป็นยา กาแฟที่กินวันละหลายแก้วก็ขม
ชื่นชมความสวยความงามก็เป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชน
ส่วนตัวชอบสะสมแสตมป์ บางชุดเก่ากว่าร้อยปี
ความหลังความหน้า ก็บอกกล่าวเล่าคุย ที่เว็บหอตั้งเยอะ

ก็ครบแล้วนี้.

แต่......คิดว่าตัวเองยังไม่แก่หรอกครับ..........HA....HA.


      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #299 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2553, 01:28:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ Leam เมื่อ 21 ตุลาคม 2553, 00:52:30
อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊ง2522 เมื่อ 20 ตุลาคม 2553, 19:51:48
อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 20 ตุลาคม 2553, 16:13:08
พี่จุ๊งเดินทางเมื่อไรคะ ??     หลั่นล้า

พรุ่งนี้แหละ ตอนนี้เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ลาแล้วหนาบ้านใหม่ กลับไปคืนสูเหย้าแล้ว อีก10วัน ถึงจะเข้าสู่ภาวะปกติ


เดินทางไป-กลับ โดยสวัสดิภาพ ครับท่านจุ๊ง

เที่ยวให้สนุก ถ่ายรูปมาเยอะๆ........ของฝากไม่ต้อง (มาก).


เดินทางปลอดภัยค่ะ
     หึหึ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
  หน้า: 1 ... 10 11 [12] 13 14 ... 36  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><