22 พฤศจิกายน 2567, 20:39:08
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 36  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุยกันเรื่องจีนๆ  (อ่าน 374304 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #200 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 18:28:28 »

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=zsNDnuQoQc4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=zsNDnuQoQc4</a>
      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #201 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 18:58:32 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 11 ตุลาคม 2553, 18:26:06
อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊ง2522 เมื่อ 11 ตุลาคม 2553, 08:09:20
อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 11 ตุลาคม 2553, 07:05:43
พี่จุ๊งจะแวะมาหางโจว ด้วยหรือเปล่าครับ



อ้อ ขุนไปอยู่หังโจวนี่เอง โบราณว่าไว้ “เบื้องบนมีสวรรค์ เบื้องล่างมีซูหัง(ซูโจวกับหังโจว)" ขุนไม่ถ่ายรูปซีหูพร้อมกับเจดีย์ที่ครอบนางพญางูขาวมาฝากล่ะ งานนี้พี่ไปแถวกวางตุ้ง ฮกเกี้ยน คงไม่ไปไกลถึงหังโจว เป็นการไปพร้อมกับสมาคมเฉลิมมิตรของศิษย์เก่าชาวเหมยโจว แขนงหนึงของสมาคมชาวฮากกา จะไปเยี่ยมชมตึกโอบมังกร หอดินของชาวฮากกาที่เป้นมรดกโลก คงจะเก็บรูปมาฝากได้ เดี๋ยวต้องสำรวจกล้อง อาวุธประจำกายก่อนว่ายังเนี้ยบเหมือนเดิมมั้ย ไม่ได้ใช้มานาน แต่งานนี้ญาติไปด้วยกันหลายคน ยังไงก็จะเอารูปมาฝาก เผลอๆจะถ่ายเป็นภาพเคลื่อนไหว ขึ้นยูทูปให้ดู

ผมเชื่อว่าพี่เป็นคนจีนฮากกา ร้อยเปอร์เซนต์ครับ

เพราะวันนี้ ผมได้อ่าน  ประวัติ  จีนฮากกา หรือ จีนแคะ

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000141612
อืม คุณนพดล ชวาลกร ผู้อำนวยการศูนย์ฮากกาศึกษา เข้ากล่าวอ้างในเว็บผู้จัดการก็คือนายกสมาคมเฉลิมมิตร ศิษย์เก่าเหมยโจว แห่งสมาคมฮากกานั่นเอง ไปเยี่ยมพี่สาวครั้งนี้ก็ไปพร้อมกับสมาคมเฉลิมมิตร โดยมีคุณนพดลเป็นผู้นำทัวร์นั่นเอง เว้บนี้ต๊ะไว้ก่อน ยังไม่อ่าน หิวข้าวบารเล่ย์ หลังจากฟังเพลงทุ่งหญ้าบาร์เลย์ ต้องไปหาน้ำบาร์เลย์กินหน่อย
เอ เจ้าครูตุ๋ยมาอารมณ์ไหนกันเนี่ย
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #202 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 21:00:00 »


สามทุ่มแล้ว เจ้าของห้องยังไม่กลับมาอีก..........

ไปสำลักน้ำบาร์เลย์อยู่ไหนนิ?
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #203 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 21:21:45 »

มาแล้วจ้า ถือโอกาสไปตัดผม ล้างหู ล้างตามาด้วย
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #204 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 21:37:07 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊ง2522 เมื่อ 11 ตุลาคม 2553, 21:21:45
มาแล้วจ้า ถือโอกาสไปตัดผม ล้างหู ล้างตามาด้วย

เบาหัว สบายหู ตาสว่าง แล้ว........ก็ทำงานต่อซิท่าน

มีอะไรดีๆก็เล่ามา.........
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #205 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 21:39:08 »

ครึ้มใจขึ้นมา เลยจัดเพลงให้ฟังอีกเพลง เพลงนี้เอาทำนองมาจากเพลงพื้นบ้านเกาหลี มีเพื่อนทางเน็ตคนนึงสอนลูกให้ร้องเพลงนี้ เชิญทัศนาได้

小白船    
เรือน้อยสีขาว     

蓝蓝的天空银河里
ในทางช้างเผือกบนท้องฟ้าสีครามนั้น 
   

有只小白船
มีเรือลำน้อยสีขาวลำหนึ่ง   


船上有棵桂花树
บนเรือน้อยนี้มีต้นเบญจมาศหนึ่งต้น

白兔在游玩
มีกระต่ายขาวกำลังวิ่งเล่นรอบๆ

浆儿浆儿看不见
ไม่เห็นมีไม้พาย

船上也没帆
บนเรือก็ไม่มีใบเรือ 

飘呀飘呀,飘向西天
ลอยเอย ลอยไป   ลอยไปทางขอบฟ้าทิศตะวันตก 

渡过那条银河水
ข้ามฝั่งลำทางช้างเผือกสายนั้น

走向云彩国
มุ่งไปสู่หมู่เมฆหลากสีสันต์

走过那个云彩国
แล้วก็ผ่านหมู่เมฆหลากสีสันต์นั้น

再向那儿去
ยังคงเดินทางต่อไปตามทางเดิม

在那遥远的地方
ในสถานที่อันแสนไกลนั้น

闪着金光
ระยิบไปด้วยประกายสีทอ

辰星是灯塔
ดาวประจำเมือง(ดาวพระศุกร์) เป็นประภาคารส่องทาง

照呀照得亮 
ส่องเอยส่องทางสว่างไสว


<a href="http://www.youtube.com/v/AwQYKDe4K5E?fs=1&amp;amp;hl=en_US" target="_blank">http://www.youtube.com/v/AwQYKDe4K5E?fs=1&amp;amp;hl=en_US</a>
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #206 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 22:11:30 »

แก่แล้ว เอาเพลงเด็กๆมาเปิดให้ฟังดีกว่า

童年
วัยเด็ก

池塘边的榕树上,知了在声声叫着夏天
บนต้นไทรริมสระน้ำ จักจั่นร้องระงมเนื่องจากเป็นฤดูร้อน

操场边的秋千上,只有蝴蝶停在上面
บนชิงช้าข้างๆสนามฝึก มีเพียงผีเสื้อเกาะอยู่

黑板上老师的粉笔还在拼命叽叽喳喳写个不停
บนกระดานดำ ชอล็คในมือของครูมีเสียงจึ๊กๆจั๊กๆของการขีดเขียนไม่หยุดหย่อน

等待着下课等待着放学等待游戏的童年
นี่คือวัยเด็กที่รอเวลาหมดชั่วโมงเรียน รอเวลาเลิกเรียน รอเวลาเล่นเกมส์

福利社里面什么都有就是口袋里没有半毛钱
ห้องสวัสดิการอะไรก็มีพร้อมหมด แต่ในกระเป๋าไม่มีแม้แต่สตางค์เดียว

诸葛四郎和魔鬼党到底谁抢到那支宝剑
คุณชายสี่ตระกูลจูเก๋อกับพรรคมารใครจะแย่งกระบี่วิเศษเล่มนั้นได้นะ

隔壁班的那个女孩怎么还没经过我的窗前
เด็กผู้หญิงชั้นเรียนข้างๆทำไมยังไม่เดินผ่านหน้าต่างห้องเรียนฉันนะ

嘴里的零食手里的漫画心里初恋的童年
วัยเด็กที่ปากเต็มไปด้วยของขบเคี้ยว มือก็ถือการ์ตูน และก็มีรักครั้งแรกในใจ

总是要等到睡觉前才知道功课只做了一点点
รอจนก่อนนอนถึงได้รู้ว่าการบ้านทำไปได้นิดเดียว

总是要等到考试后才知道该念的书都没有念
รอจนสอบเสร็จถึงจะรู้ว่าตำราที่ต้องอ่านยังไม่ได้อ่าน

一寸光阴一寸金老师说过寸金难买寸光阴
ครูเคยสอนไว้เวลาประดุจดังทองคำ ทองคำไม่สามารถจะซื้อเวลาได้

一天又一天一年又一年迷迷糊糊的童年
ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า นี่แหละวัยเด็กที่เลอะๆเลือนๆ

没有人知道为什么太阳总下到山的那一边
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมพระอาทิตย์ถึงต้องตกไปหลังเขาด้านนั้น

没有人能够告诉我山里面有没有住着神仙
ไม่มีใครสามารถบอกฉันว่าในป่าเขามีผู้วิเศษอาศัยอยู่หรือไม่

多少的日子里总是一个人面对着天空发呆
กี่วันนะที่มักจะเหม่อมองท้องฟ้าอยู่คนเดียวและเคลิบเคลิ้ม

就这么好奇就这么幻想这么孤单的童年
นี่คือวัยเด้กที่ขี้สงสัยก็ปานนั้น มีจินตนาการก็ปานนั้น และโดดเดี่ยวก็ปานนั้น

阳光下蜻蜓飞过来一片片绿油油的稻田
ในแสงแดด แมลงปอบินเข้ามา มองออกไปเป็นนาข้าวที่เขียวขจี
 
水彩蜡笔和万花筒画不出天边那一条彩虹
สีน้ำ สีเทียนและกระบอกปริซึมเขียนรุ้งกินน้ำสายนั้นไม่เป็นรูป

什么时候才能像高年级的同学有张成熟与长大的脸
เมื่อไรนะ ถึงจะเหมือนเด็กชั้นโตที่มีใบหน้าที่มีประสบการณ์และเติบใหญ่
 
盼望着假期盼望着明天盼望长大的童年
นี่คือวัยเด้กที่รอคอยแต่ปิดเทอม รอคอยแต่วันพรุ่งนี้ รอคอยแต่เติบใหญ่

一天又一天一年又一年盼望长大的童年
นี่คือวัยเด็กที่รอคอยแต่ปิดเทอม รอคอยแต่วันพรุ่งนี้ รอคอยแต่เติบใหญ่


<a href="http://www.youtube.com/v/MXGBrDYKhYA?fs=1&amp;amp;hl=en_US" target="_blank">http://www.youtube.com/v/MXGBrDYKhYA?fs=1&amp;amp;hl=en_US</a>
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #207 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 06:21:20 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊ง2522 เมื่อ 11 ตุลาคม 2553, 21:21:45
มาแล้วจ้า ถือโอกาสไปตัดผม ล้างหู ล้างตามาด้วย

แต่อย่าเพิ่ง ล้างมือ   ในอ่างทองคำนะครับพี่
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #208 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 06:31:36 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊ง2522 เมื่อ 11 ตุลาคม 2553, 18:58:32
เอ เจ้าครูตุ๋ยมาอารมณ์ไหนกันเนี่ย

ละเมอมาจากห้องพี่หนุนมั้งคะ .. เหอ ๆ ๆ ๆ
    เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #209 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 06:32:54 »

พี่จุ๊งเล่าสนุกดีค่ะ ..   หลั่นล้า

ส่วนพี่แหลมก็เป็นฝ่ายแสงสีที่เยี่ยมมาก
เห็นภาพแล้วใจละลาย .. สวยเหลือเกิน
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #210 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 08:07:15 »

สวัสดีครับผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน วณิพกกลับมาประจำการอีกแล้ว คราวนี้หยิบคว้าเรื่องที่คนอื่นเล่ามาเล่าต่อตามถนัด

กระผมเขียนเรื่องต่อไปนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เพราะเรื่องเล่าและบทความเกี่ยวกับเจ้าแม่ทับทิม เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว หรือเทพธิดาแห่งท้องทะเลต่างๆ ก็มีให้ฟังให้อ่านกันมากมายอยู่แล้ว แต่ในหลายแง่มุม กลับสร้างความสับสนมากกว่าจะให้ความกระจ่าง ตัวอย่างเช่นนักเขียนไทยผู้หนึ่ง เริ่มต้นก็เขียนถึงเกาะเหมยโจว 湄洲岛 (แต้จิ๋วว่า..ไบ่จิว) เป็น เกาะหมีจิวเสียแล้ว เลยไม่รู้ว่าท่านหมายถึงเกาะอะไร?

ชาวจีนฮกเกี้ยน แต้จิ๋ว กวางตุ้งและไหหลำ มีความคุ้นเคยกับทะเลมาช้านาน เพราะสถานที่ตั้งของบ้านเมือง มีอาณาเขตติดกับทะเล ด้วยเหตุนี้ กลุ่มคนที่มีใจนักสู้ หรือบางครั้งเพราะความจำเป็น เนื่องจากมีภัยสงครามหรือเกิดภาวะข้าวยากหมากแพง กลุ่มคนชุดแรก ซึ่งเปรียบเหมือนหน่วยกล้าตาย ก็ออกทะเลเพื่อหาที่ทำกินในแผ่นดินใหม่ กลายเป็นคนจีนโพ้นทะเลหัวเฉียว 华侨 รุ่นทวดรุ่นปู่ของคนเชื้อสายจีนทุกวันนี้

แม้พวกเขาจะคุ้นเคยกับทะเล แต่ก็มีความเกรงกลัวสุดๆ คนแต้จิ๋วรุ่นก่อนพูดว่า “เกี่ยจุ๊งชุกไฮ่ซาฮุงเหมี่ย” 行船出海三分命 หมายถึงว่าแล่นเรือออกเดินทางในมหาสมุทร โอกาสมีชีวิตเหลือแค่ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ก่อนออกเดินทาง พวกเขาและญาติพี่น้อง จะไปบนบานศาลกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย โดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กราบไหว้บูชาก่อนออกเดินทาง หากเป็นคนแต้จิ๋ว ก็ไม่พ้นปึงถ่าวกง 本头公 ตั่วเหล่าเอี๊ย 大老爷 (เจ้าพ่อเสือ) และหมาโจ้ว 妈祖

หมาโจ้ว 妈祖 เป็นสำเนียงแต้จิ๋ว หากเป็นจีนกลาง ออกเสียงว่า "มาจู่"  ขอเพื่อนๆ อย่าเพิ่งขำ เพราะเรากำลังเขียนเลียนเสียงภาษาจีน ไม่ได้หมายถึงภาษาไทย

ม่า 妈 หรืออาม่า 阿妈 แต้จิ๋วหมายถึงคุณย่าหรือคุณยาย โจ้ว 祖 หมายถึงบรรพบุรุษหรือคุณทวด เวลาอ่านด้วยกัน ต้องผันเสียงคำแรก จึงกลายเป็น “หมาโจ้ว” แปลตรงๆ ว่าคุณย่าทวดหรือคุณยายทวด แต่ในที่นี้ มีความหมายพิเศษ หมายถึงเทพสตรีองค์หนึ่งที่ชาวเรือเคารพนับถือเป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่า “หมาโจ้ว” หรือ “มาจู่” เป็นผู้คุ้มครองชาวเรือให้ปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งปวง
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #211 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 08:10:14 »

เทพมาจู่หรือหมาโจ้ว 妈祖 ไม่ได้เป็นเทพมาตั้งแต่ต้น ท่านเกิดเป็นมนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ ในวันที่ 23 เดือน 3 ตามปฏิทินทางจันทรคติอย่างจีน ปี ค.ศ. 960 ปีนั้นเป็นปีแรกแห่งศักราชเจี้ยนหลง 建隆 ซ่งไท่จู่จ้าวควงอิ้น 宋太祖赵匡胤 ขึ้นครองราชย์เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซ่ง 宋 (เริ่มราชวงศ์ซ่งเหนือ 北宋)

มาจู่เป็นคนเกาะเหมยโจว 湄洲岛 แต่ข้อมูลบางแห่งระบุว่าไม่ได้เกิดบนเกาะ แต่บ้านเกิดอยู่แถวอ่าวใกล้เกาะเหมยโจว 湄洲湾畔 อำเภอผูเถียน 莆田 มณฑลฝูเจี้ยน 福建 หรือฮกเกี้ยนนั่นเอง พ่อของนางแซ่ลิ้ม(หลิน) ชื่อหลิ่มเต็ก 林德 แต่บางแห่งระบุหลิ่มหงวง 林愿 แม่แซ่เฮ้ง(หวางสื้อ 王氏) ตอนเกิด ดินฟ้าอากาศมีปรากฏการณ์มหัศจรรย์ แต่กระผมจะไม่บรรยาย เพราะเป็นความเชื่อแต่โบราณ

มาจู่ยามเด็กไม่ร้องไห้โยเย อยู่นิ่งๆ เงียบๆ พ่อแม่เลยตั้งชื่อว่าโม่ 默 (แต้จิ๋วว่ามิก) แปลว่าเงียบ ต่อมาจึงเรียกกันว่า หลินโม่เหนียง 林默娘 หรือแต้จิ๋วว่า หลิ่มหมิกเนี้ย

โม่เหนียงเฉลียวฉลาดตั้งแต่เด็ก ความจริงต้องเรียกพรสวรรค์ถึงจะถูก คือมีคุณสมบัติพิเศษที่เด็กธรรมดาไม่มี อายุ 8 ขวบพ่อส่งเสียให้เรียนหนังสือ พออายุเพียงแค่ 12 ขวบ ก็สามารถอ่านตำราได้สารพัด ไม่ใช่หนังสือนวนิยาย ขอบอก.. แต่เป็นระดับจิง 经 สื่อ 史 จื่อ 子 จี๋ 集 (ยังไม่ขออธิบาย)
พออายุได้ 13 ปี เล่ากันว่า ปรากฏนิมิตของผู้วิเศษ เสวียนทงเจินเหยิน 玄通真人 (ตรงนี้เข้าสู่ความเชื่อแบบเต๋าแล้ว) ผู้วิเศษถือว่าแม่นางโม่เหนียงมีคุณสมบัติพิเศษ จึงถ่ายทอดเคล็ดลับวิชาให้ โม่เหนียงบำเพ็ญฝึกฝนเช้าเย็น ไม่นานก็บรรลุเต๋า

เมื่ออายุได้ 16 ปี ขณะที่โม่เหนียงกำลังเล่นกับเพื่อนบ้านที่ข้างบ่อน้ำ พลันมีเทพปรากฏกายขึ้น พร้อมถ่ายทอดยันตร์วิเศษให้โม่เหนียง หลังจากนั้น โม่เหนียงก็ยิ่งมีวิชาแก่กล้า สามารถล่วงรู้ดินฟ้าอากาศ มักบอกชาวเรือแถบนั้นให้รู้ถึงภัยจากลมพายุล่วงหน้า ทั้งยังมีมนตร์วิเศษ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บ บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับชาวบ้าน อีกทั้งสามารถขอฝนให้ตกยามฝนแล้ง และเรียกฝนให้หยุดยามฝนชุก ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้

ส่วนเรื่องอิทธิฤทธิ์มากไปกว่านั้น เช่นสามารถสยบปีศาจตาทิพย์และหูทิพย์มาเป็นบริวาร กระผมจะไม่ขอขยายความ ขอเพียงให้รู้ว่าท่านมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เกินจะบรรยาย

แต่ใดๆ ในโลกไม่เที่ยง วันหนึ่งท่านช่วยแม่ถักแหจับปลาอยู่ แต่แล้วก็นั่งหลับ แม่เหลือบไปเห็นเข้า เลยแตะไหล่เพื่อปลุกให้ตื่น ปรากฏว่าเป็นเรื่อง....

ที่แท้พี่ชายและพ่อของโม่เหนียงออกทะเลไปหาปลา โม่เหนียงรู้ด้วยญาณวิเศษว่าพี่ชายและพ่อกำลังประสบกับวาตภัย จึงเข้าสมาธิส่งพลังจิตไปช่วย ขณะที่แม่ปลุกนั้น โม่เหนียงเพิ่งช่วยพ่อได้สำเร็จ ยังไม่ทันได้ช่วยพี่ชาย ก็ตื่นจากภวังค์ เป็นอันว่าช่วยพี่ชายไม่ทัน

    ไม่ถึงตายก็ไม่วายชีวาวาตม์
ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ
ถึงที่ตายไม่วายชีวาวัน
นอนยิงฟันนิ่งแน่ซี้แหงเอย

      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #212 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 08:14:13 »

อภินิหารของโม่เหนียง 默娘 ในการช่วยเหลือชาวประมงและนักเดินเรือ เป็นที่โจษจันตั้งแต่แม่นางยังมีชีวิตอยู่ ผู้มีประสบการณ์รอดชีวิตกลับมา ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ได้แต่ขนานนามให้โม่เหนียงเป็น “ทงเสียนหลิงหนี่ว์” 通贤灵女 หรือ “หลงหนี่ว์” 龙女 แปลว่าเทพธิดาผู้รู้แจ้ง หรือเทพธิดาพญามังกร

ปี ค.ศ. 987 โม่เหนียงอายุได้ 28 ปี (นับหัวนับท้ายแบบจีน) โม่เหนียงรู้ว่าใกล้ถึงวันลาจากแล้ว จึงบอกชาวบ้านให้รู้ตัว ถึงวันที่ 9 เดือน 9 ตามปฏิทินอย่างจีน โม่เหนียงขึ้นเขาเหมยซาน 湄山 สำเร็จเป็นเซียนล่องลอยสู่สวรรค์ ชาวบ้านได้ยินเสียงดนตรีขับกล่อมอยู่เป็นฉากหลัง

ความดีงามและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของโม่เหนียง ไม่เคยจืดจางไปจากศรัทธาของชาวบ้าน เมื่อโม่เหนียงจากไป ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันสร้างศาลเจ้าหลินโม่เหนียง 林默娘庙 เป็นที่รำลึก แต่แรงศรัทธาไม่หยุดเพียงแค่นั้น ชาวบ้านชาวช่องในเมืองในมณฑลต่างๆ ก็พากันสร้างศาลเจ้าโม่เหนียงในกาลต่อมา แต่อาจมีชื่อเรียกไม่เหมือนกัน เพราะ....

ปี ค.ศ. 1155 สมัยราชวงศ์ซ่งใต้ กษัตริย์ซ่งเกาจง 宋高宗 พระราชทานสมัญญาให้เป็น ฉงฝูฟูเหยิน 崇福夫人
ปี ค.ศ. 1190 กษัตริย์ซ่งกวงจง 宋光宗 พระราชทานสมัญญาให้เป็น หลิงฮุ่ยเฟย 灵惠妃
ปี ค.ศ. 1278 สมัยราชวงศ์หยวน กษัตริย์หยวนสื้อจู่ 元世祖 (กุบไลข่าน) ให้เป็น เทียนเฟย 天妃
ปี ค.ศ. 1680 สมัยจักรพรรดิคังซี พระราชทานให้เป็น เทียนซ่างเสิ้งหมู่ 天上圣母
ปีรุ่งขึ้น ค.ศ. 1681 พระราชทานให้เป็น เหยินฉือเทียนโฮ่ว 仁慈天后

จากนั้นในปีต่อๆ มา สมัญญาของท่านโม่เหนียงก็ยาวขึ้นๆ จนถึงสมัยจักรพรรดิเสียนเฟิง 咸丰 สมัญญาของโม่เหนียงต้องเขียนเป็นตัวอักษรจีนถึง 64 คำ

เวลาผ่านไปเป็นร้อยเป็นพันปี โม่เหนียงก็ถูกชาวบ้านยกเป็นย่าทวดยายทวด จึงเรียกว่าหมาโจ้วหรือมาจู่ 妈祖
ศาลเจ้าโม่เหนียง จีนใช้คำว่าเมี่ยว 庙 ก็ให้เปลี่ยนมาเป็น “กง” 宫 หมายถึงวัง คำว่ากงนี้ แต้จิ๋วออกเสียงว่า “เก็ง” ฉะนั้นศาลเจ้าอาม่า 阿妈(หมายถึงศาลหลินโม่เหนียง) คนแต้จิ๋วก็เรียกว่า “หมาเก็ง” 妈宫
ส่วนเทียนโฮ่ว 天后 แต้จิ๋วออกเสียงว่า “เทียงโหว” เสิ้งหมู่ 圣母 แต้จิ๋วว่า “เซี้ยบ้อ” ก็เอามาสมาสเป็น “เทียงโห่วเซี้ยบ้อ” 天后圣母 ก็หมายถึงท่านโม่เหนียงเหมือนกัน

แต่ที่ไม่เหมือนกัน คือชื่อเจ้าแม่ทับทิม องค์นี้ไม่ใช่ท่านโม่เหนียง เป็นคนละองค์ ขอพี่น้องอย่าสับสน

ตอนหน้าจะกล่าวถึงเจ้าแม่ทับทิม




โม่เหนียง



หลงหนี่ว์
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #213 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 08:18:29 »

คุณงามความดีของมาจู่หลินโม่เหนียง 林默娘 ส่งผลให้เมืองในมณฑลต่างๆ ที่มีชายฝั่งทะเล เช่นฝูเจี้ยน 福建 เจ้อเจียง 浙江 กว่างตง 广东และไห่หนาน 海南 พากันตั้งศาลสักการะมาจู่เป็นจำนวนมาก ช่วงปลายราชวงศ์ชิง 清 เกิดกบฏไท่ผิง 太平起义 แต่ก่อการไม่สำเร็จเป็นเหตุให้พวกกบฏถูกปราบปรามอย่างหนัก คนจีนส่วนหนึ่งจึงหนีตายออกนอกประเทศ โดยแล่นเรือมาทางอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และภาคใต้ของประเทศไทย บ้างก็ไปไกลถึงอเมริกาและยุโรป ที่ไปญี่ปุ่น ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ก็มี

ความจริงชนชาวจีนมีการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานมาเป็นเวลาช้านาน แต่ที่เป็นระลอกใหญ่มาก ก็คือช่วงหลังกบฏไท่ผิง เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วนี่เอง

ชาวจีนที่หนีตายภัยสงคราม หรือหนีตายความแห้งแล้ง ข้าวยากหมากแพง แต่ก็เอาชีวิตไปทิ้งในทะเลก็มีจำนวนไม่น้อย ส่วนพวกที่รอดตาย ก็เชื่อว่าเป็นเพราะมาจู่คุ้มครอง เพราะการเดินเรือเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว มีอันตรายมากกว่าปัจจุบันหลายเท่าตัว การสวดภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ระหว่างเดินทาง จึงเป็นความหวังและกำลังใจ ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น เมื่อมาถึงแผ่นดินใหม่ โดยเฉพาะเมื่อได้ดิบได้ดีในภายหลัง ก็ชักชวนกันสร้างศาลมาจู่ 妈祖庙 ในต่างแดนเพื่อแสดงกตัญญูกตเวทิตา และเป็นที่ยึดเหนี่ยวในยามประสบเภทภัย วัฒนธรรมมาจู่จึงเผยแพร่ในยังดินแดนต่างๆ ของโลก ที่มีคนเชื้อสายจีนอาศัยอยู่ ฉะนั้นขอให้เพื่อนๆ ตั้งหลักให้ดี เพราะบางครั้งชื่อศาลเจ้าอาจไม่เหมือนกัน หรือพระนามขององค์เทพอาจเรียกต่างกัน แต่ก็มีต้นกำเนิดมาจากท่านหลินโม่เหนียง 林默娘 หรือแต้จิ๋วว่าหลิ่มหมิกเนี้ย แต่ไม่ควรไปเพิ่มเติมพระนามของท่าน เพราะความเข้าใจผิด

ชาวฮกเกี้ยนในมณฑลฝูเจี้ยน มักเรียกท่านโม่เหนียงว่าเทียนโฮ่วเสิ้งหมู่ 天后圣母 หรือมาจู่ 妈祖 (ออกเสียงแบบจีนกลาง) ชาวแต้จิ๋วเรียกคล้ายกัน แต่ออกเสียงเป็น “เทียงโห่วเซี้ยบ้อ” และ “หมาโจ้ว” ชาวเค่อเจียหรือคนแคะเรียก “สุยหมู่เหนียง” 水母娘 ส่วนชาวไหหลำเรียก “โผจู่” 婆祖

พูดถึงชาวไหหลำ 海南人 เลยต้องพูดถึงเทพแห่งท้องทะเลอีกหนึ่งองค์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเจ้าแม่ทับทิม 

      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #214 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 08:22:56 »

เกาะไหหลำ ปัจจุบันเป็นมณฑลหนึ่งของประเทศจีน 海南省 มีพื้นที่ 32,198 ตารางกิโลเมตร ขนาดใกล้เคียงประเทศเบลเยี่ยม มีประชากรประมาณ 2.35 ล้านคน

ชาวไหหลำ นับถือมาจู่เหมือนชาวฮกเกี้ยน ไต้หวันและแต้จิ๋ว แต่ชาวไหหลำยังมีเทพแห่งท้องทะเลเวอร์เชิ่นของตนเองอีกต่างหาก แต่เกิดหลังมาจู่หลินโม่เหนียงราวห้าร้อยกว่าปี

หากพิจารณาแผนที่เกาะไหหลำ เล็งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นเมืองเหวินชาง 文昌市 ซึ่งเป็นเมืองติดทะเล ด้านหน้ามีลักษณะเป็นอ่าวเว้าเข้ามาในแผ่นดิน ตรงจุดหนึ่งมีชื่อว่า “ชิงหลันกั่ง” 清澜港 ลึกเข้าไปในชิงหลันกั่ง ค่อนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเหวินชาง มีเมืองอีกเมืองหนึ่งชื่อตงเจียว 东郊 บริเวณนี้แหละ ที่เป็นที่มาของตำนานเทพทางทะเลของชาวไหหลำ มีชื่อว่า “สุยเหว่ยเสิ้งเหนียง” 水尾圣娘 ชาวแต้จิ๋วเรียกว่า “จุ๋ยบ๋วยเนี้ย”

เล่ากันว่าสมัยราชวงศ์หมิง ศักราชเจิ้งเต๋อ 明正德 (ค.ศ.1506-1521) ที่เมืองตงเจียว 东郊 ใกล้ท่าเทียบเรือชิงหลันกั่ง 清澜港 มีชาวประมงแซ่พาน潘 ได้ออกเรือไปจับปลา วันหนึ่งขณะที่กำลังลากแหอยู่นั้น ก็รู้ลึกถึงความหนักของแหอวน จึงดีใจว่าคงจะได้ปลาจำนวนมากในคราวนี้ แต่ครั้นดึงขึ้นมาบนเรือ ก็พบเพียงท่อนไม้ท่อนหนึ่ง จึงเหวี่ยงท่อนไม้กลับลงไปในน้ำ เมื่อทำการลากแห่อีกครั้ง ปรากฏว่าท่อนไม้นั้น ก็ติดแหอวนขึ้นมาอีก ชาวประมงแซ่พาน ก็จึงอธิษฐานว่าหากช่วยให้เขาจับปลาได้มาก เขาก็จะนำท่อนไม้นี้ กลับไปแกะสลักเป็นเทพยดาเอาไว้บูชา ซึ่งเขาก็ได้ตามประสงค์

ชาวประมงกลับถึงบ้าน เอาท่อนไม้วางไว้กลางแจ้งตากแดดตากฝน ไม่ทันได้เอาไปแกะสลักตามที่บนเอาไว้ เพราะวันๆ ก็เอาแต่ทำมาหากิน ต่อมาท่อนไม้นั้นถูกย้ายไปย้ายมา จนไปวางอยู่หน้าเล้าหมู เป็นเหตุให้หมูตายอย่างไม่มีสาเหตุ รวมทั้งคนที่บังเอิญไปลบหลู่ท่อนไม้นั้นโดยไม่ตั้งใจ ก็มีอันไม่สบาย ทำให้ชาวประมงแซ่พานนึกขึ้นมาได้ ว่าคงเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่แท้ เลยรีบจุดธูปขอขมา พลันก็มีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นคือ ทุกวันยามตะวันโพล้เพล้ บนต้นลำไยหน้าบ้านชาวประมงแซ่พาน จะปรากฏสตรีหน้าตาอิ่มบุญเปี่ยมด้วยเมตตาประทับอยู่บนต้นไม้ ชาวบ้านรู้เข้าก็เลยร่วมด้วยช่วยกัน จัดสร้างเป็นรูปเทพยดาสตรี ส่วนสถานที่ตั้งของศาลเจ้า เด็กประทับทรง 乩童 วิ่งไปชี้จุดตรงหมู่บ้านชายน้ำชื่อ “โพเหว่ยชุน” 坡尾村 ไกลออกไปหลายลี้ ชาวบ้านเลยขนานนามองค์เทพว่าพระแม่ชายน้ำ(พระแม่ปลายน้ำ) สุยเหว่ยเสิ้งเหนียง 水尾圣娘 จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “จุ๋ยบ๋วยเนี้ย” หรือ “จุ๋ยบ๋วยเซี้ยเนี้ย” ส่วนสำเนียงไหหลำจะออกเสียงเป็น “ตุ้ยบ๋วยเต่งเหนี่ยง”

เมื่อชาวไหหลำอพยพถิ่นฐานมาเมืองไทย ก็นำความเชื่อเรื่องพระแม่ชายน้ำมาสร้างศาลเจ้าในเมืองไทย ลักษณะคล้ายกับการจำลองศาลหรือวังของมาจู่

ศาลเจ้า “ตุ้ยบ๋วยเต่งเหนี่ยง” หรือ “จุ๋ยบ๋วยเนี้ย”  ที่คนส่วนใหญ่รู้จัก อยู่เชิงสะพานซังฮี้ฝั่งพระนคร และเนื่องจากองค์เทพมีเครื่องประดับประจำองค์เป็นพลอยสีแดง เลยพากันเรียกว่าเจ้าแม่ทับทิม ผิดถูกอย่างไร ผมต้องขอให้ลูกหลานชาวไหหลำเป็นผู้ชี้แนะ

แต่ที่ผมเห็นว่า ไม่น่าจะถูกต้อง ก็เนื่องจากมีการเหมาเรียกเทพที่เกี่ยวข้องกับทะเล เป็นเจ้าแม่ทับทิมไปทั้งหมด จึงเห็นว่าคนไทยเชื้อสายจีนยุคใหม่ ได้ชื่อว่ามีการศึกษาที่ดีกว่า หากจะรักษาประเพณีเก่าแก่ของบรรพบุรุษ ก็ยังควรทำความเข้าใจให้ถูกต้อง




สุยเหว่ยเสิ้งเหนียง


      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #215 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 08:27:15 »

ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณ รวมทั้งชาวแต้จิ๋ว อะไรๆ ก็อาจมีเทพมีเจ้าสถิตอยู่ เช่นประตูก็มี "หมึ่งซิ้ง" 门神 เตาก็มี "เจ๊าซิ้ง" 灶神 แต่ไม่ถึงกับมีกับคำว่า "กง" หรือ "ม่า" ต่อท้าย หมายถึงว่าผมไม่เคยได้ยินเขาเรียก "หมึ่งสิ่งกง" และ "หมึ่งสิ่งม่า"

ถ้าจะมี ก็คงจะเป็นคำว่า "ปึงท้าว" หรือ "ปุงท้าว" 本头 เรียกเต็มๆ ว่า "ปึงถ่าวกงม่า" หรือ "ปุงถ่าวกงม่า" 本头公妈 หมายถึงบรรพบุรุษของชาวแต้จิ๋ว ที่ถูกยกให้เป็นเซียนเป็นเทพไปแล้ว

แต่ชาวแต้จิ๋ว ก็เหมือนชาวจีนทั่วไปสมัยก่อน คือถือเพศชายเป็นใหญ่ มักเรียกแค่อากง เช่น "ปึงถ่าวกง" 本头公 หรือเจ้าที่เจ้าทาง ก็เรียก "แป๊ะกง" 伯公  เลยมีคำเปรียบเปรยที่เด็กรุ่นหลังไม่ค่อยรู้จัก ใช้ในกรณีที่บ้านใดภรรยาเป็นใหญ่กว่าสามี (สามีไม่กล้าหือ เกรงใจภรรยา) คนแต้จิ๋วจะพูดว่าบ้านนี้ "ปึงถ่าวม่าเฮี่ยง" 本头妈显

คำว่า "เฮี่ยง" 显 หมายถึง "เหียงเล้ง" 显灵 แปลว่าศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์เดช (ไม่ได้แปลว่าเสียงดัง) คำนี้ ภาษาไทยเอามาใช้ทับศัพท์ว่า "เฮี้ยน" คุ้นๆ มั้ยครับ?

เรื่องราวของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่จังหวัดปัตตานีของไทย เป็นเรื่องละเอียดอ่อนไหว แต่ผมจะใช้ความระมัดระวังอย่างที่สุด

คำว่า “ลิ้ม” มาจากแซ่ลิ้ม หรือจีนกลางว่า “หลิน” 林 ส่วนกอเหนี่ยว น่าจะเป็นสำเนียงฮกเกี้ยน จีนกลางอ่านว่า “กูเหนี่ยง” 姑娘 แต้จิ๋วอ่านว่า “โกวเนี้ย”

จะเห็นได้ว่าเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มีชื่อแซ่คล้ายกับมาจู่ “หลินโม่เหนียง” 林默娘 หรือ “หลิ่มหมิกเนี้ย” แต่ที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ เรื่องราวของลิ้มกอเหนี่ยว เกิดหลังเรื่องราวของหลินโม่เหนียงประมาณ 600 ปี และลิ้มกอเหนี่ยว ไม่ปรากฏชื่อจริง เพราะลิ้มกอเหนี่ยว หรือหลิ่มโกวเนี้ย มีความหมายว่า “แม่นางแซ่ลิ้ม” ฉะนั้น ผู้มีจิตศรัทธาจึงควรทำความเข้าใจแต่ต้น ว่าทั้ง 2 ท่านเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ต่างยุคต่างสมัย และกลายเป็นเทพในหัวจิตหัวใจของผู้ศรัทธาในภายหลัง แต่เป็นเทพคนละองค์ ไม่ควรเหมาเป็นเทพองค์เดียวกัน

ชื่อ “ลิ้มกอเหนี่ยว” น่าจะเป็นสำเนียงฮกเกี้ยน โดยพิจารณาจากพงศาวดารเมืองปัตตานี พ.ศ. 2445 (คัดลอกตามอักขระเดิม) ความว่า....

“.....แลนายช่างผู้หล่อปืนสามกะบอกนั้น สืบความได้ว่าเดิมเปนจีนมาจากเมืองจีน เปนชาติหกเคี้ยมแส้หลิม ชื่อเคี่ยม เข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านกะเสะ จีนเคี่ยมคนนี้มาได้ภรรยามลายู จีนเคี่ยมก็เลยเข้าสุหนัดนับถือศาสนามลายูเสียด้วย พวกมลายูสมมติเรียกกันว่า หลิมโต๊ะเคี่ยม ตลอดต่อมาจนถึงทุกวันนี้
แลในตำบลบ้านกะเสะซึ่งหลิมโต๊ะเคี่ยมอยู่มาก่อนหน้านั้น พลเมืองที่อยู่ต่อมาจนเดี๋ยวนี้ยังนับถือหลิมโต๊ะเคี่ยม ว่าเปนต้นตระกูลของพวกหมู่บ้านนั้น แลยังกล่าวกันอยู่เนืองๆ ว่า เดิมเปนจีน หลิมโต๊ะเคี่ยม นายช่างหล่อปืนนี้มาอยู่ในเมืองปัตตานีหลายปี น้องสาวลิ้มโต๊ะเคี่ยมชื่อเก๊าเนี่ยว ตามมาจากเมืองจีน มาปะหลิมโต๊ะเคี่ยมที่เมืองปัตตานีอยู่เฝ้าอ้อนวอนหลิมโต๊ะเคี่ยม ให้ละเสียจากเพศมลายู กลับไปเมืองจีน หลิมโต๊ะเคี่ยมก็ไม่ยอมไป เก๊าเนี่ยวซึ่งเป็นน้องสาวแต่เฝ้าอ้อนวอนหลิมโต๊ะเคี่ยมมานั้นประมาณหลายปี ลิ้มโต๊ะเคี่ยมก็ไม่ยอมไป แขงอยู่ เก๊าเนี่ยวซึ่งเป็นน้องสาว มีความเสียใจลิ้มโต๊ะเคี่ยมผู้พี่ชาย ผูกคอตายเสีย
ครั้นเก๊าเนี่ยวน้องสาวผูกคอตายแล้ว หลิมโต๊ะเคี่ยมผู้เป็นพี่ก็จัดแจงศพเก๊าเนี่ยวน้องสาวฝังไว้ในตำบลบ้านกะเสะ ทำเป็นฮ๋องสุยปรากฏอยู่ตลอดมาจนเดี๋ยวนี้ พวกจีนก็เลยนับถือว่าเปนผู้หญิงบริสุทธิ์อย่างหนึ่ง เปนคนรักชาติตระกูลอย่างหนึ่ง ได้มีการเซ่นไหว้เสมอทุกปีมิได้ขาด ที่ศพเก๊าเนี่ยวนี้..."


ชาติหกเคี้ยมแส้หลิมชื่อเคี่ยม หมายถึงเป็นจีนเชื้อสายฮกเกี้ยนแซ่ลิ้ม ชื่อเคี้ยง
หลิมโต๊ะเคี่ยม แต้จิ๋วอ่านว่า “หลิ่มเต่าเคี้ยง” จีนกลางว่า “หลินเต้าเฉียน” 林道乾
เก๊าเหนี่ยว สำเนียงแต้จิ๋วก็คือ “โกวเนี้ย” จีนกลางว่า “กูเหนี่ยง” 姑娘 แปลว่าแม่นาง นางสาว หรือสาวน้อย ไม่ใช่เป็นชื่อตามที่บันทึกระบุ หากแต่เป็นเรื่องธรรมดา ที่คนจีนในสมัยราชวงศ์หมิงจะไม่ให้ความสำคัญกับชื่อของผู้หญิง เรียกเพียงแค่สกุล(แซ่)เท่านั้น

เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล กระผมจะไม่ขอต่อเติมเสริมแต่ง เพียงแต่ใคร่ขอให้เยาวชนรุ่นใหม่ ที่มีการศึกษาที่ดีกว่าคนรุ่นก่อนได้ใคร่ครวญให้รอบคอบ ว่าควรจะแห่ตามกันไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วบ้านทั่วเมือง มีใครมาบอกว่าเจ้าที่ไหนเฮี้ยน หรือเทพที่ไหนดัง ก็แห่ตามกันไป หากแต่แก่นแท้ของธรรมะ ละชั่ว ประพฤติดี ทำจิตใจให้สะอาดผ่องใส กลับละเว้นไม่ปฏิบัติ อย่างนี้แล้ว การไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอศีลขอพร ก็ไม่ต่างอะไรกับการไปท่องเที่ยวทัศนาจรเท่านั้น

ตำนานเรื่องคำสาปของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนคนไทยบางกลุ่ม คนไทยเชื้อสายจีน คนไทยมุสลิม ไทยอิสานหรือไทยล้านนา ก็เป็นคนไทยเหมือนกัน เราจึงควรเคารพข้อแตกต่างเพียงส่วนน้อย แต่ส่วนใหญ่เราเหมือนกัน มีชาติที่เป็นเอกราชเดียวกัน ใช้ภาษาไทยเป็นเหมือนกัน มีพระมหากษัตริย์องค์เดียวกัน เรื่องตำนานคำสาปของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ผมจึงขออนุญาตไม่กล่าวถึง

หากสามารถกล่าวอะไรได้อีกในตอนท้าย ก็เพียงแต่ขอให้เพื่อนๆ ได้พิจารณาเรื่องราวให้รู้ชัดก่อนแล้วค่อยเชื่อ อย่าได้หลงเชื่อสิ่งใดๆ เพียงเพราะการชักชวนกันไป
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #216 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 08:56:05 »

ดูช่องจีน เห็นว่ากำลังจะทำพิธีจุดคบเพลิงเอเชี่ยนเกมส์กวางเจา ไม่แน่ใจว่าวันนี้หรือเปล่า อืม จุดคบเพลิงจริงๆด้วย กำลังถ่ายทอดสดอยู่พอดี
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #217 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 09:10:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊ง2522 เมื่อ 12 ตุลาคม 2553, 08:56:05
ดูช่องจีน เห็นว่ากำลังจะทำพิธีจุดคบเพลิงเอเชี่ยนเกมส์กวางเจา ไม่แน่ใจว่าวันนี้หรือเปล่า อืม จุดคบเพลิงจริงๆด้วย กำลังถ่ายทอดสดอยู่พอดี

น่าจะจุดไปแล้ว วัน หรือ สองวันที่แล้วนะครับ
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #218 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 09:15:42 »

ขุนดูอยู่หรือเปล่า เห็นเขากำลังกล่าวสุนทรพจน์กัน อาจจะจุดไปแล้ว แต่วันนี้ส่งมอบคบเพลิงมั้ง
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #219 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 09:20:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ จุ๊ง2522 เมื่อ 12 ตุลาคม 2553, 09:15:42
ขุนดูอยู่หรือเปล่า เห็นเขากำลังกล่าวสุนทรพจน์กัน อาจจะจุดไปแล้ว แต่วันนี้ส่งมอบคบเพลิงมั้ง

ไม่ได้ดูครับ ตอนนี้อยู่ที่ทำงาน  ผมเคยเห็นข่าวว่ามีพิธีจุดคบเพลิงที่ปักกิ่ง
      บันทึกการเข้า
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #220 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 09:34:41 »

พูดแล้วก็อิจฉาประเทศจีนนะ หน้าที่หูจิ่นเทากับเวินเจียเป่าก็คือกล่าวสุนทรพจน์ เดินเช็คแฮนด์และก้ปลอบโยนราษฏร อย่างอื่นมีหน่วยงานเฉพาะทำหมด ดูข่าวจีน จะเจอการแจ้งและตอบคำถามนโยบายด้านต่างๆต่อผู้สื่อข่าวและต่างชาติ จากโฆษกหน่วยงานต่างๆอยู่เสมอ เมื่อไรประเทศไทยจะสามารถเป็นระบบแบบนี้ได้บ้างนะ
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #221 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 09:56:02 »



มาครับ...อ่านเพลินเลย

พี่ว่าเมืองไทยเราก็มีระบบนะ เฮียจุ๊ง
แต่คนไม่ทำตามระบบไง
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
จุ๊ง2522
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 781

« ตอบ #222 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 10:05:39 »

ครับพี่หนุน ทำอะไรตามใจตนคือคนไทย
ดูข่าวด่วนจีนแล้ว ยืนยันว่าพิธีจุดคบเพลิงเพิ่งจุดเมื่อเช้านี้ที่ปักกิ่ง มีหูจิ่นเทาจุดคบเพลิง ประธานสหพันธ์์อะไรเอเชียมาเป็นพยาน
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #223 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 12:04:12 »


หวัดดีตอนเที่ยงครับ........ท่านจุ๊ง..พี่หนุน..ครูตุ๋ย..น้องหยี..น้องขุน และพี่น้องทุกท่าน

เรื่องแน่นเอี้ยดเลยท่านจุ๊ง.........ขอเวลาอ่าน 2 วันนะ.
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #224 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2553, 12:09:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 12 ตุลาคม 2553, 06:32:54
พี่จุ๊งเล่าสนุกดีค่ะ ..   หลั่นล้า

ส่วนพี่แหลมก็เป็นฝ่ายแสงสีที่เยี่ยมมาก
เห็นภาพแล้วใจละลาย .. สวยเหลือเกิน


น้องหยี.....

เสียดายที่ลงภาพต้นฉบับไม่สะดวก..........เพราะเป็นภาพใหญ่ กินความจำเยอะอ่ะครับ.
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 36  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><