จุ๊ง2522
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 781
|
|
« ตอบ #175 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 08:50:56 » |
|
กลุ่มที่สองเป็นภูเขาเรืองนามของพุทธศาสนา
สี่ขุนเขาเรืองนามแห่งพุทธศาสนา จีนเรียกว่า “โฝเจี้ยวซื่อต้าหมิงซาน” 佛教四大名山 เชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของพระโพธิสัตว์ทั้งสี่ ได้แก่ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(หรือพระโพธิสัตว์กวนอิม) และพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ รายนามขุนเขาทั้งสี่แห่งมีดังนี้คือ
1. เอ๋อร์เหมยซาน 峨嵋山 หรือเขาง้อไบ๊(หง่อไบ๊) เป็นขุนเขาทางทิศตะวันตก อยู่ที่มณฑลเสฉวน(ซื่อชวน) 四川 สูงจากระดับน้ำทะเล 3,099 เมตร เป็นที่สถิตของพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ หรือผู่เสียนผูซ่า(โผวเฮี้ยงผ่อสัก) 普贤菩萨
2. อู่ไถซาน 五台山 เป็นขุนเขาทางทิศเหนือ อยู่ในมณฑลซานซี 山西 สูงจากระดับน้ำทะเล 3,058 เมตร เป็นที่สถิตของพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ หรือเหวินซูผูซ่า(บุ่งซู้ผ่อสัก) 文殊菩萨
3. ผู่ถัวซาน 普陀山 เป็นขุนเขาทางทิศตะวันออก อยู่บนเกาะโจวซาน 舟山岛 นอกชายฝั่งทะเลมณฑลเจ้อเจียง 浙江 เขาผู่ถัวซาน สูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 284 เมตร เป็นที่สถิตของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือกวนอินผูซ่า(กวงอิมผ่อสัก) 观音菩萨
4. จิ่วหัวซาน 九华山 เป็นขุนเขาทางทิศใต้ อยู่ในมณฑลอันฮุย 安徽 สูงจากระดับน้ำทะเล 1,342 เมตร เป็นที่สถิตของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์หรือตี้จั้งหวางผูซ่า(ตี่จั่งอ๊วงผ่อสัก) 地藏王菩萨
|
|
|
|
จุ๊ง2522
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 781
|
|
« ตอบ #176 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 08:54:26 » |
|
คนจีนและคนไทย ส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ จะต่างกันก็เพียงว่า คนไทยนับถือพุทธแบบเถรวาท นั่นคือยึดถือพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าดั้งเดิม นับแต่ครั้งที่มีการทำปฐมสังคายนาโดยพระอรหันต์เถระ หลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้วประมาณ 3 เดือน ส่วนคนจีนนับถือพุทธแบบมหายาน โดยมีพัฒนาการไปตามกาลเวลา ซ้ำมีการต่อเติมเสริมแต่งและปรับให้เข้ากับจริตของคนจีน ที่คุ้นเคยกับการกราบไหว้บูชาสิ่งที่เป็นธรรมชาติ เคารพเทพเจ้าที่มาจากวีรบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว อีกทั้งสักการะภูติผีปีศาจด้วยเกรงกลัวต่ออำนาจชั่วร้าย
นอกจากนี้แล้ว คนจีนยังนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกส่งต่อมาแต่ครั้งบรรพกาล จนเกิดมีเทพเจ้าต่างๆ มากมาย แต่ภายหลังเกิดมีนักพรตที่มีวิสัยทัศน์ ทำการจัดระเบียบจัดชั้นเทพเจ้าของจีน ให้มีที่มาที่ไปเข้าใจกันดีขึ้น แล้วยกประโยชน์ให้ท่านเล่าจื๊อ(เหล่าจื่อ) 老子 ขึ้นเป็นศาสดาแห่งเต๋า โดยมีเต้าเต๋อจิงที่เล่าจื๊อรจนาไว้เป็นพระคัมภีร์ ทั้งที่ในบันทึกประวัติศาสตร์ ท่านเล่าจื๊อเป็นปฏิปักษ์กับการจัดระเบียบอย่างที่สุด เพราะท่านสนับสนุนให้อยู่กันตามธรรมชาติ ผู้ปกครองประเทศไม่ควรต้องออกกฏหมายหรือตราข้อบังคับขึ้นใช้ต่อประชาชน ให้ประชาชนมีเสรีภาพ หมายถึงว่าให้ปกครองโดยมิต้องตรากฏหมายไปปกครองประชาชน เรียกว่าอู๋เหวยเอ๋อร์จื้อ 无为而治
ไม่เพียงเท่านี้ ในช่วงชุนชิวจั้นกั๋ว 春秋战国 เกิดมีนักปราชญ์จีนชื่อขงจื๊อ(ขงจื่อ) 孔子 ซึ่งพยายามขายความคิดความอ่าน หรือปรัชญาการเมืองของท่าน ให้กับบรรดาเจ้าเมืองต่างๆ ที่ต่างต้องการตั้งตัวเป็นใหญ่ แต่ปรัชญาของขงจื๊อเป็นสิ่งดีงาม จึงเข้าไม่ได้กับความสกปรกทางการเมือง ที่สุดขงจื๊อก็เลยอกหัก ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นเพราะผู้ปกครองทุกแว่นแคว้น ต่างเป็นแบบปากว่าตาขยิบ จีบขงจื๊อไปร่วมบริหารบ้านเมือง แต่พอเอาเข้าจริง ก็เพียงต้องการใช้ภาพความเป็นคนดีมีจริยธรรมของขงจื๊อให้เป็นประโยชน์ แต่การบริหารบ้านเมือง เจ้าเมืองแต่ละแคว้น ต่างทำตามใจตนเอง
บั้นปลายของชีวิต ขงจื๊อเลยอุทิศตนให้กับการศึกษา เปิดมหาวิทยาลัยแห่งแรกของโลก สอนหนังสือให้กับคนทุกระดับชั้น ไม่จำเป็นต้องพ่อรวยเส้นใหญ่ ขงจี๊อจึงกลายเป็นบรมครูของชนชาวจีน และกลายเป็นเทพเจ้า โดยที่ท่านไม่เคยแอบอ้างตนว่าเป็นศาสดา
ที่พรรณนาเสียยืดยาว ก็เพื่อเพียงให้เกิดความเข้าใจว่า คนจีนส่วนใหญ่ นับถือคติความเชื่อแบบผสมผสานทั้ง 3 อย่าง คือพุทธแบบมหายาน คติความเชื่อแบบเต๋า และหลักจริยธรรมของขงจื๊อ รวมเรียกว่าสามศาสน์ จีนเรียกว่าซันเจี้ยว แต้จิ๋วว่า "ซำก่า" 三教
|
|
|
|
จุ๊ง2522
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 781
|
|
« ตอบ #177 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 08:56:26 » |
|
พุทธสายเถรวาทแบบไทย พม่า ลาว และเขมร ยึดถือพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จออกบวช กระทั่งได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น ท่านเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ทรงพระนามว่าเจ้าชายสิทธัตถะ และแม้ว่าในพระไตรปิฎก จะระบุไว้ว่า ในภัทรกัปนี้ มีพระพุทธเจ้ากำเนิดขึ้นก่อนแล้ว 3 พระองค์ และองค์พระสมณะโคดม สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์ที่ 4 อีกทั้งยังจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในอนาคตอีก 1 พระองค์ มีชื่อว่าพระศรีอาริยเมตไตร ชาวพุทธสายเถรวาท ก็กราบไหว้บูชาเพียงแค่องค์พระสมณะโคดม
แต่พุทธศาสนาสายมหายาน ซึ่งเจริญรุ่งเรืองในจีน ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่นและเวียตนาม กลับยึดถือว่า มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วนับหมื่นนับแสนพระองค์ในอดีต และยังจะมีผู้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอีกนับจำนวนไม่ได้ นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่บำเพ็ญเพียรเป็นพระโพธิสัตว์อีกนับจำนวนไม่ถ้วน
ทั้งๆ ที่ต่างก็เป็นศาสนาพุทธ แต่เพียงเริ่มต้นกล่าวถึง ก็มีความแตกต่างกันแล้ว หากกระผมจะยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ ถ้าชาวพุทธเราไปนมัสการพระพุทธชินราช ที่พิษณุโลก เราจะเห็นองค์พระประธานเพียงองค์เดียว เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า แต่ถ้าหากเราไปวัดพุทธอย่างจีน เช่นวัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ เราจะเห็นองค์พระประธานถึงสามองค์ องค์กลางคือองค์พระศากยมุนี เบื้องซ้ายขององค์ศากยมุนี คือองค์พระไภษัชคุรุพุทธเจ้า และเบื้องขวาขององค์ศากยมุนี คือองค์พระอมิตาภพุทธเจ้า
|
|
|
|
จุ๊ง2522
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 781
|
|
« ตอบ #178 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 08:59:36 » |
|
ในพุทธศาสนา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เปี่ยมด้วยพระเมตตากรุณา แม้จะเป็นถึงเจ้าชาย มีปราสาทราชวังหลายหลังผลัดเปลี่ยนเป็นที่ประทับตามฤดูกาล แต่พระพุทธองค์ก็ยอมสละได้ทั้งสิ้น ทรงเสด็จออกบวช บำเพ็ญเพียร กระทั่งได้ตรัสรู้ธรรมอันประเสร็ฐ และทรงแสดงธรรมต่อเวไนยนิกร เป็นเวลาอีก 45 พรรษา ก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
ธรรมที่พระพุทธองค์ทรงบรรลุแล้วนั้น เป็นธรรมที่สุขุมลุ่มลึก ยากที่จะเห็นและล่วงรู้ด้วยปัญญาที่พิจารณาด้วยตัวเองได้ เนื่องจากเป็นธรรมที่สงบ ประณีต ผู้มีวิสัยเป็นบัณฑิตเท่านั้น จึงมีโอกาสที่จะรู้แจ้งได้ พูดง่ายๆ ก็คือ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ไม่อาจจะเข้าถึงหรือเข้าใจได้ง่ายๆ ฉะนั้น เมื่อพุทธศาสนาเผยแผ่มาถึงเมืองจีน จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับจริตของผู้คน ภาษาสันสกฤตในพระคัมภีร์ ก็จัดการแปลให้เป็นภาษาจีน โดยนักบวชชาวเอเชียกลางและชาวจีนหลายท่าน ส่วนพระเมตตากรุณา หรือพระปัญญาบารมีของพระพุทธองค์ ก็แตกหน่อเป็นพระโพธิสัตว์หลายพระองค์ เพื่อให้ปุถุชนผู้อ่อนแอ สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย และเลือกสวดอ้อนวอนขอพรได้ตรงกับความต้องการของผู้ตกทุกข์ได้ยาก
ตัวอย่างเช่น พระเมตตาพระกรุณาของพระพุทธองค์ ก็แปรเปลี่ยนเป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือพระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งชาวพุทธที่เป็นชาวบ้านธรรมดา สามารถมองเห็นดวงหน้าที่อิ่มเอิบและสงบ เปี่ยมด้วยมหาเมตตามหากรุณา ชาวประชาพากันกราบไหว้ ด้วยหวังจะได้รับความเมตตากรุณาตามการสวดอ้อนวอน เรียกสิ่งนี้ว่าเป็นบุคลาธิษฐาน นั่นคือยกบุคคลหรือสิ่งที่จับต้องได้เป็นที่ตั้ง แทนที่จะยกธรรมะเป็นที่ตั้ง
ปีหนึ่งๆ มีผู้หลั่งไหลไปนมัสการพระโพธิสัตว์กวนอิม 观音菩萨 ณ เขาผู่ถัวซาน 普陀山 บนเกาะโจวซาน 舟山岛 นอกฝั่งมณฑลเจ้อเจียง 浙江 เพราะเชื่อกันว่า ผู่ถัวซานคือเขาโปตาละกะในตำนานของอินเดีย เป็นที่สถิตขององค์พระโพธิสัตว์กวนอิม พระโพธิสัตว์ที่เป็นเลิศทางแผ่พระเมตตากรุณา 以慈悲著称 ผู้ที่แต่งงานกันมานาน แต่ยังไม่มีลูก ก็ไปกราบไหว้อ้อนวอนขอให้มีลูก เพราะเห็นว่าท่านเปี่ยมด้วยมหาเมตตามหากรุณา ผู้มีความทุกข์ก็ไปสวดอ้อนวอนให้พ้นทุกข์ คนยากจนก็ไปอ้อนวอนขอให้ร่ำรวย โดยเหล่าสาธุชนต่างหวังจะได้รับความเมตตากรุณาจากท่าน
|
|
|
|
จุ๊ง2522
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 781
|
|
« ตอบ #179 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 09:03:37 » |
|
พระพุทธองค์สอนว่าคนเราจะพ้นทุกข์ได้ก็ด้วยปัญญา จะพ้นจากความยากจนได้ก็ด้วยความเพียร แต่มนุษย์ก็มักทำตรงกันข้าม ไปอ้อนวอนขอหวยขอเลข โดยหวังรวยทางลัด ที่สุดก็ยิ่งจนลงไปอีก หรือไม่ก็กินเหล้าดับทุกข์ ผลก็คือทุกข์ทวีซ้ำสองซ้ำสาม ขอสาธุชนโปรดพิจารณา
จะขอกล่าวถึงพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า มีพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ เป็นบุคลาธิษฐาน องค์นี้แหละ ที่ชาวพุทธพากันไปกราบไหว้ เพื่อขอให้มีสติปัญญา ทั้งนี้
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ 文殊菩萨 เชื่อกันว่าสถิตอยู่ ณ เขาอู่ไถซาน 五台山 มณฑลซานซี 山西 ได้ชื่อว่าเป็นเลิศทางสติปัญญา 以智慧著称 เขาอู่ไถซาน อาจเรียกว่าชิงเหลียงซาน 清凉山 เพราะมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี
พระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่ง ที่คนไทยไปนมัสการกันมามากแล้ว คือพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ 普贤菩萨 เชื่อกันว่าสถิตอยู่ ณ เขาเอ๋อเหมยซาน 峨嵋山 มณฑลเสฉวน 四川 พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ ได้ชื่อว่าเป็นเลิศในปณิธานและการปฏิบัติธรรม 以行愿著称
และพระโพธิสัตว์องค์สุดท้าย ในกลุ่มของ 4 ขุนเขาเรืองนาม คือพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ซึ่งจีนเรียกว่า “ตี้จั้งผูซ่า” หรือ “ตี้จั้งหวางผูซ่า” 地藏王菩萨 หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ตี่จั่งอ๊วง” 地藏王 (ตี้จิ้งหวาง) เชื่อกันว่าสถิตอยู่ ณ เขาจิ่วหัวซาน 九华山 มณฑลอันฮุย 安徽 ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีเรื่องราวพิสดาร กล่าวคือมีปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ แม้แต่อบายภูมิเช่นนรก ท่านก็เสด็จลงไปโปรดสัตว์ จึงถือว่าท่านเป็นเลิศทางมีมหาปณิธานอันยิ่งใหญ่ 以悲愿著称 พวกนักการเมืองโสมมโกงกินชาติ ก็ควรสวดอ้อนวอนต่อท่าน ขอให้พาพ้นจากนรก
|
|
|
|
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์
คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927
|
|
« ตอบ #180 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 10:09:57 » |
|
เข้ามาอ่านแล้วแต่ยังไม่จบ เดี๋ยวกลับมาอ่านใหม่ครับ ขอบคุณมาก
เฮียจุ๊ง คุณ......เยี่ยม
|
“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้ อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
|
|
|
|
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์
คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927
|
|
« ตอบ #182 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 11:08:36 » |
|
กลับมาอ่านต่อแล้วหละจุ๊ง แต่ไม่เห็นเพลงที่จะให้ฟังเลย
พี่หนุนชอบอ่านสิ่งที่จุ๊งเขียนนะ มันเป็นการพูดคุยที่ออกจากความรู้สึกนึกคิด มันสะท้อนความคิดและตัวตนของคนที่คุยกันเลยแหละ พี่หนุนชอบคุยมากกว่าชอบเขียนว่ะ
แต่ชอบมุมมองของจุ๊งที่เกี่ยวกับความเป็นไปของบ้านเมืองเรานะ ทั้งศิลปวัฒนธรรม ขนบประเพณี และวีถีปฏิบัติ วัน สองวันก่อน ได้ยินว่ากระทรวงศึกษาของพี่แมว กำลังเข็นนโบาย ให้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่ 2 ของประเทศ พี่ว่า ก็ OK นะเป็นการเปิดโลกการติดต่อสื่อสารให้กว้างมากขึ้น แล้วจะมีภาษาที่ 3 รึป่าวนี่
เดี๋ยวกลับไปอ่านที่ค้างไว้ก่อนดีกว่า
|
“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้ อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #183 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 11:13:41 » |
|
สวัสดียามสายครับ.......ท่านจุ๊ง..พี่หนุน และพี่น้องทุกท่าน
พี่น้องคุยกันเพลินเลย......ดีครับ
มีภาพชุดภูเขาสวยของจีนอยู่พอดี......บ่ายๆถ้าไม่ติดอะไร จะลงให้
|
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #185 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 14:08:26 » |
|
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #186 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 14:08:53 » |
|
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #187 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 14:09:20 » |
|
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #188 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 14:10:10 » |
|
end of set.1
|
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #190 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 14:31:03 » |
|
บางเรื่องราว...ยิ่งรับรู้ยิ่งปวดร้าว มิสู้แสร้งเฉยชา.
|
|
|
|
|
จุ๊ง2522
Full Member
ออฟไลน์
กระทู้: 781
|
|
« ตอบ #192 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 16:03:03 » |
|
สุภาษิตจีนเก่า "ในวงเหล้าเจอมิตรรู้ใจ พันจอกยังน้อยไป" สุภาษิตจีนใหม่ "ในวงเหล้ากินกันพันจอก คนรู้ใจยังน้อยนิด"
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #193 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 16:39:04 » |
|
ตามนัดหมาย.........
รออีกสามเพลา คงมิช้านานเกินไปดอกนะ.......ท่านพี่
|
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #195 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 16:41:05 » |
|
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #196 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 16:41:58 » |
|
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #197 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 16:42:54 » |
|
|
|
|
|
Leam
|
|
« ตอบ #198 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2553, 16:43:58 » |
|
|
|
|
|
|
|