23 พฤศจิกายน 2567, 01:35:18
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 41 42 [43] 44   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: สัพเพเหระ กับ RCU 15  (อ่าน 337427 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1050 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2555, 07:23:40 »

ขอบทั้งหมดจ้า
ขอบคุณนก
 เมื่อวันแม่กลับบ้านที่ชล
ไปรื้อรูปเก่า
บายนีน้หากว่างจะนำมาลงให้เพื่อนๆดุค่ะ
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1051 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2555, 11:29:59 »





      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #1052 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2555, 14:27:14 »

อ้างถึง
ข้อความของ nok15 เมื่อ 13 สิงหาคม 2555, 20:14:42
สวัสดีจ้ะนี้
                       เขินจ้ะ..เขิน
                       แต่ก็ขอบคุณจากใจด้วยภาพข้างล่างละกันนะ
                             
                               
                     
                       และขอบอกเพื่อนว่า

                               

                                                             Nokja รักนะ

ขอบใจจ้ะ ชอบจัง  รักนะ
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #1053 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2555, 14:33:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 13 สิงหาคม 2555, 23:35:03
อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 05 สิงหาคม 2555, 12:05:05

สวัสดีนก และสมาชิก ยินดีที่ไปชลแล้วประทับใจโดยเฉพาะเรื่องอาหาร หรอยท้างน้าน
เราก็ได้ลาภ(ปาก)จากนก หร่อยเหมือนกัน ขอบคุณหลายๆนะนกแสนสวยน้ำใจงาม


นกอะไร (วะ)......แต่งตัวเก่งจัง
เพื่อนที่เคยเลี้ยงบอกชื่อ "นกเจ็ดสี" เล่าว่าต้องดูแลเอาใจใส่อย่างมาก
ปล่อยไปหมดแล้วเพราะไม่อยากเกิดชาติหน้าถูกเลี้ยงขังอยู่แต่ในกรง
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #1054 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2555, 14:36:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 14 สิงหาคม 2555, 07:23:40
ขอบทั้งหมดจ้า
ขอบคุณนก
 เมื่อวันแม่กลับบ้านที่ชล
ไปรื้อรูปเก่า
บายนีน้หากว่างจะนำมาลงให้เพื่อนๆดุค่ะ

บ่ายแล้วมารอชม แสดงว่ายังไม่ว่าง ไว้มาใหม่
 bye bye
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #1055 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2555, 14:48:34 »


หลงทาง...มาดูผิดที่...ไปดูเรียบร้อยแล้วสวยๆทั้งนั้นเลย
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1056 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 07:28:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 14 สิงหาคม 2555, 14:48:34

หลงทาง...มาดูผิดที่...ไปดูเรียบร้อยแล้วสวยๆทั้งนั้นเลย
ที่ไปลงในห้อง 15  เพราะเห็นว่าห้องนี้เป็นเรื่องราวต่างๆ
จึงไปลงในห้อง15ระดมพลดีกว่า
 ดีใจที่ชอบจ้า
      บันทึกการเข้า
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #1057 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 07:34:46 »

สวัสดี ครับ เอมอร มีนา ตะวัน และเพื่อนๆ สมาชิก
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #1058 เมื่อ: 16 สิงหาคม 2555, 13:55:19 »


สวัสดียามบ่ายครับ... พี่ตะวัน..พี่ปี๊ด..พี่อร..พี่มีนา และพี่น้องทุกท่าน

หลงทางมาเหมือนกัน..

เดี๋ยวจะตามไปที่ห้อง15ระดมพลต่อครับ
      บันทึกการเข้า
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #1059 เมื่อ: 20 สิงหาคม 2555, 22:59:09 »

  สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวRCU
                 วันนี้เพิ่งคีย์คะแนนเสร็จ  เพื่อนๆที่ไม่ได้เป็นครูคงไม่ทราบว่า
  เดี๋ยวนี้ครูเขาทันสมัย  เขาไม่ต้องคิดคะแนนด้วยเครื่องคิดเลขแล้ว แต่ละโรงเรียนจะมี
  โปรแกรมคิดคะแนนแต่ละวิชาที่เราสอน เพียงแต่เรากรอกคะแนน คอมพิวเตอร์จะรวมคะแนน
  และทำเป็นเกรดให้เราเสร็จสรรพ แต่สำหรับครูใกล้เกษียณอย่างเราจะมีปัญหาตรง
  กรอกตัวเลขผิดๆถูกๆ ตาลาย  (ตะวัน กับปี๊ด คงจะแซวว่า ยายไม่ลายเหรอ)วันนี้จึงมีภาพมานำเสนอ   
                   
                ใครไม่แก่...ยกมือขึ้น


                   

                ใช่ไหม...ใช่ไหม...Huh?Huh???

                หลับฝันดีทุกคนนะคะ

                   

             
                          Nokja
               
      บันทึกการเข้า
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #1060 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2555, 00:03:59 »

                                                                      LIKE  LIKE
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1061 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2555, 12:45:15 »

อ้างถึง
ข้อความของ nok15 เมื่อ 20 สิงหาคม 2555, 22:59:09
  สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวRCU
                 วันนี้เพิ่งคีย์คะแนนเสร็จ  เพื่อนๆที่ไม่ได้เป็นครูคงไม่ทราบว่า
  เดี๋ยวนี้ครูเขาทันสมัย  เขาไม่ต้องคิดคะแนนด้วยเครื่องคิดเลขแล้ว แต่ละโรงเรียนจะมี
  โปรแกรมคิดคะแนนแต่ละวิชาที่เราสอน เพียงแต่เรากรอกคะแนน คอมพิวเตอร์จะรวมคะแนน
  และทำเป็นเกรดให้เราเสร็จสรรพ แต่สำหรับครูใกล้เกษียณอย่างเราจะมีปัญหาตรง
  กรอกตัวเลขผิดๆถูกๆ ตาลาย  (ตะวัน กับปี๊ด คงจะแซวว่า ยายไม่ลายเหรอ)วันนี้จึงมีภาพมานำเสนอ   
                   
                ใครไม่แก่...ยกมือขึ้น


                   

                ใช่ไหม...ใช่ไหม...Huh?Huh???

                หลับฝันดีทุกคนนะคะ

                   

             
                          Nokja
               
[/color][/b]สวดยอด...
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1062 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2555, 12:54:31 »

เลือกไวน์ให้ 'ใช่' เหมือนเลือกแฟน

 กลับมาคราวนี้ Taste ขอเป็นร่างทรงกูรูไวน์อีกครั้ง ในการแนะนำเลือกไวน์แบบที่เหมาะกับตัวคุณ ของแบบนี้ รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม เมื่อรู้แล้ว คุณจะกลับไปดื่มไวน์ใส่น้ำแข็ง (แบบเรา) หรือซัดผัดกระเพราะไก่ไข่ดาวแกล้มไวน์แดง (เหมือนเรา) ก็ไม่มีใครว่าอะไร (แนะนำว่า เอาไว้ดื่มเวลาอยู่คนเดียวเงียบๆ แล้วกัน) แต่ถ้าเริ่มจีบสาว และอยากให้เธอติดใจคุณ เรามีวิธีแนะนำวิธีเลือกไวน์ที่สามารถบ่งบอกความเป็นตัวคุณและคุณเธอได้
       
      สำหรับไวน์ขาว ถ้าให้ติ๊ต่างเป็นผู้หญิง
Chardonnay
       
       เธอคงเป็นอะไรที่นุ่มหวานลึก แน่นๆ เฟิร์มๆ ได้กลิ่นหอมสง่าติดจมูกแบบ Chanel N.5 เพียงแค่ได้เดินเฉียด ถ้าเธอเป็นผลไม้เปรี้ยวคงมาแนวแช่อิ่ม หวานลึก หวานนาน ถ้าเธอเป็นผลไม้หวานคงสุกงอมเต็มที่ ไวน์แบบนี้ดื่มแล้วรู้สึกเติมเต็ม อบอุ่น และสมบูรณ์

   Sauvignon Blanc
       
       คงเหมือนสาวแรกรุ่น สดใส ร่าเริง เปรี้ยวจิ๊ด จริงใจ ใสแจ๋ว ตรงไปตรงมา ไวน์แบบนี้ดื่มแล้วผ่อนคลาย ดื่มง่ายสบายใจ ไม่ต้องไปเติมด้วยอะไรมาก ไวน์จากองุ่นตัวนี้กินกับผักสด สลัดแบบไม่มีน้ำสลัด มะเขือเทศสด อร่อยถึงอร่อยมากที่สุด

       
       Chenin Blanc
       
       จะมาแนวสาวมั่นหญิงเก่ง มีสาระ คิดเยอะ เจอแต่ละครั้งมีอะไรให้คิดให้เดา เปรี้ยวแบบรู้จริง มีสาระต้องคิดก่อน องุ่นแบบนี้ได้ดื่มด้วย อยู่ด้วยแล้วสนุก นึกถึงประเภทยำไทยทั้งหลายแหล่สารพัดรส (ห้ามเผ้ด) เช่น ยำก้านคะน้า หรือยำวุ้นเส้น

       สำหรับไวน์แดงถ้าให้ติ๊ต่างเป็นผู้ชาย

       
       Cabernet Sauvignon
       
       หลายคนบอกว่าไวน์ตัวนี้เป็นราชาแห่งไวน์ ไม่ว่าจะบินเดี่ยว หรือจะเอาองุ่นตัวนี้ไปผสมกับอะไร ก็ดูดีไปหมด ทำให้ไวน์รสชาติเข่ม เดิน กลมกล่อมขึ้นทันตา ถ้าเปรียบเทียบก็เป็นผู้ชายคุยสนุก เฮฮาแบบมีสาระ หนุ่มใหญ่มาดมั่น ทำได้หลายอย่าง เก่งทุกทาง และเป็นผู้นำเสมอ เป็นองุ่นที่ทำง่าย กินง่ายที่สุด รสชาติพัฒนาไปได้หลายแนวทาง

       
      Merlot
       
       หนุ่มนักกีฬา กล้ามบึ้ก รักษาสุขภาพ ทำอะไรก็ดูดีได้ด้วยตัวเอง หรือไปไหนกับใคร ใครก็รัก มักใช้เป็นส่วนผสมสำคัญๆ ของไวน์ดีๆ ดูแลตัวเองอยู่เสมอ อายุมากยิ่งดูดี เป็นหนึ่งพันธุ์องุ่นในเขตบอร์โด รสนุ่มนวล นำไปเก็บบ่มได้ คุณภาพดีในระยะเวลาสั้นกว่าไวน์จากพันธุ์องุ่นโครงเนื้อปานกลางถึงหนาเต็มพร้อมกับกลิ่น Tannin อ่อนๆ และความอ่อนนุ่มที่ตกค้างอยู่ในปากหลังจากดื่ม โดยปกติจะมีส่วนผสมของผลไม้ประเภทสีดำและแดง (พลัมและแบล็คเบอร์รี่)สมุนไพร ช็อคโกแลต และมีกลิ่นของถังไม้โอ๊คเป็นส่วนประกอบ

       
       Syrah
       
       น่าจะเป็นผู้ชายเจ้าชู้ สาวตรึม กระล่อนโรแมนตึก เพราะความหวานลึกซะขนาดนั้น เป็นพันธุ์องุ่นชนิดเดียวที่ปลูกทางตอนเหนือของเขต Rhone ไวน์ที่ผลิตจากองุ่นนี้จะมีกลิ่น รสแรง โครงเนื้อเข้มข้นหนาเต็ม สีเข้ม และรู้สึกว่ามีกลิ่นเหมือนกับดอกไวโอเล็ต หากเก็บไว้นานมมากขึ้นจะมีกลิ่นคล้ายพริกไทย และกลิ่นหนังสัตว์ ใครอยากคบหากับหนุ่มคนนี้ก็ต้องทำใจไว้สักหน่อย เพราะรสชาติของเขา อาจจะเปลี่ยนไปตามอารมณ์

       นี่เป็นตัวอย่างแบบลำลอง ข้อสังเกตง่ายๆ อย่างหนึ่งเวลาที่อยากรู้ว่าไวน์ขวดนั้นที่เราดื่มเหมาะกับอาหารจานนั้นหรือไม่ ต้องลองชิมดูว่า 'รสชาติ' หรือ 'กลิ่น' ของทั้งสองอย่าง เวลากินพร้อมกัน มันให้ความรู้สึก 'ข่ม' หรือ 'ให้เกียรติ' เมื่อของมันอยู่ในปากด้วยกันแล้ว ก็เหมือนเป็นแฟนกัน ถ้าเวลาเจอกันเอาแต่หาเรื่องทะเลาะกัน แบบนี้ไม่รู้จักกันตั้งแต่แรกดีกว่า ถ้าเป็นแบบหนุ่มสาวออกเดทครั้งแรก ก็รู้สึกว่ามันเข้าคู่กันแบบแปลบๆ ไวเป็นไฟลามทุ่ง จนคนรอบข้างหมั่นไส้ นั่นแหละครับ 'ใช่'
       
       ขอบคุณข้อมูลจากพ็อกเกตบุ๊ก Why, Wine? จากคอลัมนิสต์และกูรูชื่อดังที่รักไวน์เป็นชีวิตจิตใจ โดย ดร.กุลเดช สินธวณรงค์

For the taste ; this is not easy to say cos each person does not like the same thing ,
About the WINE , this is very complicated ,,,,
Cos the wine has many tastes as ,,,,,,
ALCOHOL , hot
ACIDITE , sour ( if some wine which has too excessive sour , most of person don't like it ; in this case there are in many WHITES WINSE when the grapes don't have the maturity due to the bad climat as "CHARDONNAY" which made in FRANCE,,,CHABLIS ,BURGUNDY,MACON )
TANIN (for red wine) , astringent ( this sensation UNPLEASNT , VERY DRY IN THE TONGUE ) which is the problem of the young person who drinks red wine in the first time, this astringent which has in particular in RED WINE due to many TANINS IN THE RED WINE , ESPECILY in BORDEAUX WINE as MEDOC or HAUT MEDOC which content many PERCENTAGES of CABERNET SAUVIGNON,
the problem of excessive "astringent" come from the grapes NO MATURITY due to the bad climat which the winter so long or not enoug sunshine in the vineyard "estate" .
For the example , BORDEAUX RED WINE has many grapes varieties in the wine , CABERNET SAUVIGNON MERLOT ,CARBENET FRANC , SOME PETIT VERDOT and some malbec ,,,,,,
CABERNET SAUVIGNON , this grape variety has many problems to have MATURITY AT BORDEUX ( MEDOC or HAUT MEDOC "left bank at bordeux") in ten years (2000 -2010 ) , THE MATURITY OF CABERNET SAUVIGNON HAD ONLY 2 TIMES (2005 + 2009 Huh?!!! ) , this is WHY MOST OF BORDEAUX WINE HAVE EXCESSIVE ASTRINGENTS (in comparative with CABERNET SAUVIGNON IN USA or AUSTRALIA ( most of them have the maturity ) .
but it is true that there are MANY TECNICALS OF OENOLOGY TO REDUCE THE TANIN IN WINE BY THE WINE MAKER ,,,,!?
MERLOT , this grape variety has OFTEN THE MATURITY ( often time very SUPPLE + MELLOW) and there are in the most of RIGHT BANK AT BORDEAUX WHICH POMEROL ,SAINT-EMILION ,FRONSAC ,all COTES DE BORDEAUX .
this is WHY MOST OF PERSONS who drink wines LIKE POMEROL + SAINT- EMILION
CABERNET FRANC . this grape variety has less astringent than CABERNET SAUVIGNON (more maturity ) , and use to mix with CABERNET SAUVIGNON or MERLOT 0.
PETIT VERDOT ,this grape variety give more colour and some spicy in wine, use to mix with CABENET SAUVIGNON IN LEFT BANK ( medoc , haut medoc) ,
MALBEC , this grape variety gives more colours VERY DEPTH and very supple ,there are many in the RIGHT BANK as FRONSAC ,COTES DE BORDEUX .
NOW, you must ASK the composition of BORDEAUX WINE which YOU WANT TO BUY ,,,,,!?

ABOUT THE SWEET TASTE ,I see that there are many confusions of the interpretation about it (taste),,,,,???!!!
NORMALLY , there is "NO SWEET TASTE "IN RED WINE or WHITE WINE ,,,,,,especially IN FRENCHS WINES ( exceply ALSACE WHITE WINE ,,,!!!)
COS there is less than 2 grammes of RESIDUAL SUGARS IN WINE (when the fermentation is compltete ),in this case the wine can't have the SWEET TASTE( impossible !? )
But many wines which have too much MATURITY ( more sugars in the grapes , and LOW ACIDITY , this wine give sensation SOFT, FAT, ONCTUOUS .I see that in many wines of USA CHARDONNAY (white wine) , CABERNET SAUVIGNON MERLOT (red wine ),CHILI RED WINE , AUSTARLIA RED WINE .
WHEN THE MATURITY (too much ), THIS WINE CAN HAVE THE PROBLEM TO KEEP THE WINE FOR LONG TIME,that means the wine have too much alcohols ,but LOW IN ACIDITY , the wine is not BALANCE ,,,,,,?!
COS THE BALANCE ( alcohol + acidity for white wine) OR ( alcohol +acidity +tanin for red wine ) IS VERY IMPORTANT TO KEEP THE WINE FOR LONG TIME , and THE WINE MUST BE CONCENTRATED TOO .
DRINK ALWAYS WITH MODERATION ,,,,!?
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1063 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2555, 15:31:29 »

"บทเรียนมีคุณค่าจากผู้สูงอายุ"

> > > อาจารย์ท่านหนึ่งของ Cornell ชื่อ Karl Pillemer ซึ่งได้ไปสัมภาษณ์ชาวอเมริกันที่อายุเกิน 70 ปีขึ้นไปมากกว่า 1,200 คน
 โดยคำถามเด็ดนั้นอยู่ที่ว่า “จากประสบการณ์ชั่วชีวิตคุณ อะไรคือบทเรียนสำคัญที่สุดที่อยากจะฝากไว้ให้ลูกหลาน”

> > > แล้วก็นำมาเขียนเป็นหนังสือชื่อ 30 Lessons for Living ครับ
แต่เขาได้คัดเลือกบทเรียนสำคัญ 10 ประการที่โดดเด่นเอาไว้ครับ
 โดยบทเรียนทั้ง 10 ประการ ประกอบด้วย

> > >
> > > 1. ให้เลือกอาชีพโดยดูจากความต้องการภายในมากกว่าผลตอบแทนด้านการเงิน โดยบรรดาผู้สูงวัยกล่าวว่าความผิดพลาดสำคัญในการเลือกอาชีพของเขา คือ การเลือกอาชีพโดยดูจากผลตอบแทนมากกว่าสิ่งที่ชอบและคุณค่าของอาชีพ
> > >
> > > 2. ให้ปฏิบัติต่อร่างกายเหมือนกับต้องใช้งานไปอีกร้อยปี โดยให้ลดและเลิกพฤติกรรมที่ทำร้ายร่างกายเราไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่ดี หรือไม่ออกกำลังกาย พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราเสียชีวิตในฉับพลัน แต่ทำให้เราเกิดความทรมานเมื่อสูงวัย
> > >
> > > 3. ตอบตกลงต่อโอกาสที่เข้ามา โดยเมื่อมีโอกาสหรือความท้าทายเข้ามา ต้องอย่าปฏิเสธครับ เพราะส่วนใหญ่มักจะมาเสียใจหรือเสียดายในภายหลัง
> > >
> > > 4. เลือกคู่ด้วยความระมัดระวัง อย่ารีบร้อนตัดสินใจ ใช้เวลาในการดูและทำความรู้จักคนที่เราจะอยู่ด้วย อย่ารีบด่วนตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกันจนกว่าจะรู้จักอีกฝ่ายหนึ่งอย่างถ่องแท้
> > >
> > > 5. เที่ยวให้มากไว้ (ชอบมากครับ) เมื่อมีโอกาสให้เดินทาง ครับ คนสูงวัยส่วนใหญ่จะมองย้อนกลับมายังโอกาสต่างๆ ที่ได้ท่องเที่ยวเดินทาง และมองว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ และมีคุณค่าของชีวิตเลยทีเดียว
> > >
> > > 6. ให้พูดในสิ่งที่อยากจะพูด เนื่องจากเรามักจะเสียใจและเสียดาย ว่าไม่ได้พูดในสิ่งที่เราอยากจะพูดกับหลายๆ คน เมื่อไม่มีโอกาส เราจะมีโอกาสแสดงความรู้สึกที่แท้จริงต่อผู้อื่นได้ ก็ต่อเมื่ออีกคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นนะครับ
> > >
> > > 7. เวลาเป็นของมีค่า ชีวิตของเรานั้นแสนสั้น แต่ไม่ใช่ให้มานั่งเศร้า นะครับ แต่ให้ทำในสิ่งที่สำคัญและมีค่าเดี๋ยวนี้ เนื่องจากยิ่งเราอายุมากขึ้น เราจะพบว่าเวลายิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วขึ้น
> > >
> > > 8. ความสุขเป็นสิ่งที่เราเลือกเอง ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากเงื่อนไขต่างๆ คำแนะนำหนึ่ง ก็คือ จงรับผิดชอบต่อความสุขของตัวเราเองตลอดชีวิตเรา
> > > 9. การใช้เวลามานั่งกังวลต่อสิ่งต่างๆ นั้นเป็นการเสียเวลา ดังนั้น ให้หยุดกังวลครับ หรือไม่ก็พยายามลดความกังวลลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลในสิ่งที่ไม่เกิดขึ้น
> > >
> > > 10. คิดเล็ก-อย่าคิดใหญ่ ค่อยๆ ซึมซับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นสิ่งที่ดีในชีวิตเรา และมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้นครับ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1064 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2555, 11:29:52 »



         วังเอ๋ยวังเวง
 หง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขาน
 ฝูงวัวควายพ่ายลาทิวากาล
 ค่อย ค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน
​ ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ​
 ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน
 ทิ้งท้องทุ่งให้มืดมัวทั่วม​ณฑล
 และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดีย​วเอย


      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Soponเท่านั้น
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,405

« ตอบ #1065 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2555, 22:31:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 21 สิงหาคม 2555, 15:31:29
"บทเรียนมีคุณค่าจากผู้สูงอายุ"

> > > อาจารย์ท่านหนึ่งของ Cornell ชื่อ Karl Pillemer ซึ่งได้ไปสัมภาษณ์ชาวอเมริกันที่อายุเกิน 70 ปีขึ้นไปมากกว่า 1,200 คน
 โดยคำถามเด็ดนั้นอยู่ที่ว่า “จากประสบการณ์ชั่วชีวิตคุณ อะไรคือบทเรียนสำคัญที่สุดที่อยากจะฝากไว้ให้ลูกหลาน”

> > > แล้วก็นำมาเขียนเป็นหนังสือชื่อ 30 Lessons for Living ครับ
แต่เขาได้คัดเลือกบทเรียนสำคัญ 10 ประการที่โดดเด่นเอาไว้ครับ
 โดยบทเรียนทั้ง 10 ประการ ประกอบด้วย

> > >
> > > 1. ให้เลือกอาชีพโดยดูจากความต้องการภายในมากกว่าผลตอบแทนด้านการเงิน โดยบรรดาผู้สูงวัยกล่าวว่าความผิดพลาดสำคัญในการเลือกอาชีพของเขา คือ การเลือกอาชีพโดยดูจากผลตอบแทนมากกว่าสิ่งที่ชอบและคุณค่าของอาชีพ
> > >
> > > 2. ให้ปฏิบัติต่อร่างกายเหมือนกับต้องใช้งานไปอีกร้อยปี โดยให้ลดและเลิกพฤติกรรมที่ทำร้ายร่างกายเราไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่ดี หรือไม่ออกกำลังกาย พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราเสียชีวิตในฉับพลัน แต่ทำให้เราเกิดความทรมานเมื่อสูงวัย
> > >
> > > 3. ตอบตกลงต่อโอกาสที่เข้ามา โดยเมื่อมีโอกาสหรือความท้าทายเข้ามา ต้องอย่าปฏิเสธครับ เพราะส่วนใหญ่มักจะมาเสียใจหรือเสียดายในภายหลัง
> > >
> > > 4. เลือกคู่ด้วยความระมัดระวัง อย่ารีบร้อนตัดสินใจ ใช้เวลาในการดูและทำความรู้จักคนที่เราจะอยู่ด้วย อย่ารีบด่วนตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกันจนกว่าจะรู้จักอีกฝ่ายหนึ่งอย่างถ่องแท้
> > >
> > > 5. เที่ยวให้มากไว้ (ชอบมากครับ) เมื่อมีโอกาสให้เดินทาง ครับ คนสูงวัยส่วนใหญ่จะมองย้อนกลับมายังโอกาสต่างๆ ที่ได้ท่องเที่ยวเดินทาง และมองว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ และมีคุณค่าของชีวิตเลยทีเดียว
> > >
> > > 6. ให้พูดในสิ่งที่อยากจะพูด เนื่องจากเรามักจะเสียใจและเสียดาย ว่าไม่ได้พูดในสิ่งที่เราอยากจะพูดกับหลายๆ คน เมื่อไม่มีโอกาส เราจะมีโอกาสแสดงความรู้สึกที่แท้จริงต่อผู้อื่นได้ ก็ต่อเมื่ออีกคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นนะครับ
> > >
> > > 7. เวลาเป็นของมีค่า ชีวิตของเรานั้นแสนสั้น แต่ไม่ใช่ให้มานั่งเศร้า นะครับ แต่ให้ทำในสิ่งที่สำคัญและมีค่าเดี๋ยวนี้ เนื่องจากยิ่งเราอายุมากขึ้น เราจะพบว่าเวลายิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วขึ้น
> > >
> > > 8. ความสุขเป็นสิ่งที่เราเลือกเอง ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากเงื่อนไขต่างๆ คำแนะนำหนึ่ง ก็คือ จงรับผิดชอบต่อความสุขของตัวเราเองตลอดชีวิตเรา
> > > 9. การใช้เวลามานั่งกังวลต่อสิ่งต่างๆ นั้นเป็นการเสียเวลา ดังนั้น ให้หยุดกังวลครับ หรือไม่ก็พยายามลดความกังวลลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลในสิ่งที่ไม่เกิดขึ้น
> > >
> > > 10. คิดเล็ก-อย่าคิดใหญ่ ค่อยๆ ซึมซับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นสิ่งที่ดีในชีวิตเรา และมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้นครับ

นี่ก็จากผู้สูงอายุเหมียนกัลล์

Found on the Refrigerator One Morning :
 My Dear Wife,
 You will surely understand that I have certain needs that you, being 57 years old, can no longer satisfy. I am very happy with you and I value you as a good wife. Therefore, after reading this letter, I hope that you will not wrongly interpret the fact that I will be spending the evening with my 18 year old secretary at the Comfort Inn Hotel. Please don't be upset----I shall be home before midnight.
 
When the man came home late that night, he found the following letter on the dining room table:
 My Dear Husband,
I received your letter and thank you for your honesty about my being 57 years old. I would like to take this opportunity to remind you that you are also 57 years old. As you know, I am a math teacher at our local college. I would like to inform you that while you read this, I will be at the Hotel Fiesta with Michael, one of my students, who is also the assistant tennis coach. He is young, virile, and like your secretary, is 18 years old.
As a successful businessman who has an excellent knowledge of math, you will understand that we are in the same situation, although with one small difference - 18 goes into 57 a lot more times than 57 goes into 18.
Therefore, I will not be home until sometime tomorrow.
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1066 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2555, 23:11:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ Soponเท่านั้น เมื่อ 27 สิงหาคม 2555, 22:31:37
อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 21 สิงหาคม 2555, 15:31:29
"บทเรียนมีคุณค่าจากผู้สูงอายุ"

> > > อาจารย์ท่านหนึ่งของ Cornell ชื่อ Karl Pillemer ซึ่งได้ไปสัมภาษณ์ชาวอเมริกันที่อายุเกิน 70 ปีขึ้นไปมากกว่า 1,200 คน
 โดยคำถามเด็ดนั้นอยู่ที่ว่า “จากประสบการณ์ชั่วชีวิตคุณ อะไรคือบทเรียนสำคัญที่สุดที่อยากจะฝากไว้ให้ลูกหลาน”

> > > แล้วก็นำมาเขียนเป็นหนังสือชื่อ 30 Lessons for Living ครับ
แต่เขาได้คัดเลือกบทเรียนสำคัญ 10 ประการที่โดดเด่นเอาไว้ครับ
 โดยบทเรียนทั้ง 10 ประการ ประกอบด้วย

> > >
> > > 1. ให้เลือกอาชีพโดยดูจากความต้องการภายในมากกว่าผลตอบแทนด้านการเงิน โดยบรรดาผู้สูงวัยกล่าวว่าความผิดพลาดสำคัญในการเลือกอาชีพของเขา คือ การเลือกอาชีพโดยดูจากผลตอบแทนมากกว่าสิ่งที่ชอบและคุณค่าของอาชีพ
> > >
> > > 2. ให้ปฏิบัติต่อร่างกายเหมือนกับต้องใช้งานไปอีกร้อยปี โดยให้ลดและเลิกพฤติกรรมที่ทำร้ายร่างกายเราไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่ดี หรือไม่ออกกำลังกาย พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราเสียชีวิตในฉับพลัน แต่ทำให้เราเกิดความทรมานเมื่อสูงวัย
> > >
> > > 3. ตอบตกลงต่อโอกาสที่เข้ามา โดยเมื่อมีโอกาสหรือความท้าทายเข้ามา ต้องอย่าปฏิเสธครับ เพราะส่วนใหญ่มักจะมาเสียใจหรือเสียดายในภายหลัง
> > >
> > > 4. เลือกคู่ด้วยความระมัดระวัง อย่ารีบร้อนตัดสินใจ ใช้เวลาในการดูและทำความรู้จักคนที่เราจะอยู่ด้วย อย่ารีบด่วนตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกันจนกว่าจะรู้จักอีกฝ่ายหนึ่งอย่างถ่องแท้
> > >
> > > 5. เที่ยวให้มากไว้ (ชอบมากครับ) เมื่อมีโอกาสให้เดินทาง ครับ คนสูงวัยส่วนใหญ่จะมองย้อนกลับมายังโอกาสต่างๆ ที่ได้ท่องเที่ยวเดินทาง และมองว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ และมีคุณค่าของชีวิตเลยทีเดียว
> > >
> > > 6. ให้พูดในสิ่งที่อยากจะพูด เนื่องจากเรามักจะเสียใจและเสียดาย ว่าไม่ได้พูดในสิ่งที่เราอยากจะพูดกับหลายๆ คน เมื่อไม่มีโอกาส เราจะมีโอกาสแสดงความรู้สึกที่แท้จริงต่อผู้อื่นได้ ก็ต่อเมื่ออีกคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นนะครับ
> > >
> > > 7. เวลาเป็นของมีค่า ชีวิตของเรานั้นแสนสั้น แต่ไม่ใช่ให้มานั่งเศร้า นะครับ แต่ให้ทำในสิ่งที่สำคัญและมีค่าเดี๋ยวนี้ เนื่องจากยิ่งเราอายุมากขึ้น เราจะพบว่าเวลายิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วขึ้น
> > >
> > > 8. ความสุขเป็นสิ่งที่เราเลือกเอง ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากเงื่อนไขต่างๆ คำแนะนำหนึ่ง ก็คือ จงรับผิดชอบต่อความสุขของตัวเราเองตลอดชีวิตเรา
> > > 9. การใช้เวลามานั่งกังวลต่อสิ่งต่างๆ นั้นเป็นการเสียเวลา ดังนั้น ให้หยุดกังวลครับ หรือไม่ก็พยายามลดความกังวลลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลในสิ่งที่ไม่เกิดขึ้น
> > >
> > > 10. คิดเล็ก-อย่าคิดใหญ่ ค่อยๆ ซึมซับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นสิ่งที่ดีในชีวิตเรา และมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้นครับ

นี่ก็จากผู้สูงอายุเหมียนกัลล์

Found on the Refrigerator One Morning :
 My Dear Wife,
 You will surely understand that I have certain needs that you, being 57 years old, can no longer satisfy. I am very happy with you and I value you as a good wife. Therefore, after reading this letter, I hope that you will not wrongly interpret the fact that I will be spending the evening with my 18 year old secretary at the Comfort Inn Hotel. Please don't be upset----I shall be home before midnight.
 
When the man came home late that night, he found the following letter on the dining room table:
 My Dear Husband,
I received your letter and thank you for your honesty about my being 57 years old. I would like to take this opportunity to remind you that you are also 57 years old. As you know, I am a math teacher at our local college. I would like to inform you that while you read this, I will be at the Hotel Fiesta with Michael, one of my students, who is also the assistant tennis coach. He is young, virile, and like your secretary, is 18 years old.
As a successful businessman who has an excellent knowledge of math, you will understand that we are in the same situation, although with one small difference - 18 goes into 57 a lot more times than 57 goes into 18.
Therefore, I will not be home until sometime tomorrow.
เปี๊ยกระวังไว้บ้างนะเฟ็ย...อย่ามัวไปเยี่ยม ตอ.เพลินๆ...
.18.into..57 มันต้องต่างจาก 57.into...18 แน่นอน ตะเล่งตะเล้ง...
ชอบๆมีอีกไหม.....
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1067 เมื่อ: 26 กันยายน 2555, 20:41:29 »

ชมการถายทอดสด 2012 SIFE World Cup Live !

ขอเชิญชวนทุกท่านชมการถ่ายทอดสด เพื่อสัมผัสบรรยากาศและร่วมเป็นกำลังใจให้กับทีม SIFE โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตัวแทนประเทศไทยสู่ การประกวด 2012 SIFE World Cup ณ.กรุงวอชิงตัน ดีซี

ท่านสามารถชมการถ่ายทอดสดพิธีเปิด และร่วมลุ้นในพิธีประกาศรางวัลทีมเข้ารอบแรก รอบรอง และพิเศษสุด ร่วมลุ้น ร่วมเชียร์ การนำเสนอโครงการในการประกวดรอบชิงชนะเลิศ  เพื่อชมทีมที่ใช้ความรู้ความสามารถ และกลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเป้าหมายให้ประสบความสำเร็จสูงสุดและได้เป็น SIFE World Cup Champion ปีนี้ ได้ที่ http://www.sife.org/worldcup/live.asp  (ลิงค์จะใช้งานได้ทันทีที่มีการถ่ายทอด)

 

ตารางการถ่ายทอดสดดังต่อไปนี้ (เวลาประเทศไทย)

·        พิธีเปิด 2012 SIFE World Cup (Opening Ceremony)

-         วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม 2555 เวลา 05.30 น. – 07.00 น.

·        พิธีประกาศผลรางวัลทีมเข้ารอบรองชนะเลิศ (Opening Round Award Ceremony)

-         วันอังคารที่ 2  ตุลาคม 2555 เวลา 04.00 น. – 05.30 น.

·        พิธีประกาศผลรางวัลทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ (Semi Final Round Award Ceremony)

-         วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2555 เวลา 00.15 น. – 00.30 น.

·        การนำเสนอโครงการ 4 ทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ (Final Round Competition)

-     วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2555 เวลา 00.30 น. – 04.00 น.

·        พิธีประกาศผลรางวัลรอบชิงชนะเลิศ (Final Round Award Ceremony)

-         วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2555 เวลา 04.00 น. – 05.00 น.

สำหรับกำหนดการ 2012 SIFE World Cup ฉบับเต็ม และ ข้อมูลเพิ่มเติมท่านสามารถดูได้ที่ www.sife.org/worldcup


 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1068 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2555, 12:40:03 »



         

        ยาแก้ปวด ยาธาตุ และส้ม 1 ถุง

        " อย่าหนีนะ   ไอ้เด็กขี้ขโมย"

        เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่านฉันกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว   ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแค่แวบเดียว   แม่ถามฉันว่า

        " อ้าว นั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ"
        " ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันละ"

        ป้าคนนั้นชื่อว่า ' ป้าหนอม ' เป็นแม่ค้าขายของชำสารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่ มีฐานะจัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ   ในละแวกเดียวกันและเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจแถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย   ใครต่อราคาของมากเกินไปหรือถามราคาแล้วไม่ซื้อ ป้าแกจะโวยวายชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว เสียงเอะอะดังมากขึ้น ฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ขวบ   ไล่เลี่ยกับฉันซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่   และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือ   แม่จึงเดินเข้าไปถาม

        " พี่หนอม มีไรหรอคะ"
        " ก็ไอ้เด็กเวรนี่นะสิ มันมา   ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ   พอฉันหยิบส่งให้ มันก็วิ่งหนีมาเลย   เงินก็ไม่จ่าย"

        พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที   และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้

        " ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ   แล้วนี่จะทำไงต่อ"แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่
        " เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย   พ่อแม่ไม่สั่งสอน ยังเด็กตัวแค่นี้ก็ริจะเป็นขโมยซะแล้ว   ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินหละ"

        ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อยๆ   ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่าแม่มองฉันแล้วมองเด็ก   คนนั้น   ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้   แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง   แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า

        " อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอม   เด็กมันคงอยากซื้อยาแต่ไม่มีเงินนะ   เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะ   กี่บาทกันละ"ในที่สุดเรื่องก็จบลง   โดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายาแก้ปวดกับยาธาตุ     แล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด   แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่
        " ใจดีกับเด็กขี้โขมยแบบนี้   ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ"แม่ไม่ได้ตอบอะไร แต่พอเดินห่าง   จากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า
        " ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละ"
        เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่   แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า
        " แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอ   ผมก็เลยต้อง..."

        แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง   แล้วยื่นผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็กคนนั้นถุงหนึ่ง   แล้วบอกว่า
        " ทีหลังอย่าขโมยของใครนะ   ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ   น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆ   นี่เอง ถามคนแถวนี้ก็ได้   รู้จักน้าแทบทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไป   ฝากคุณแม่ซิ    คนป่วยนะต้องกินผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย"

        แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม   เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง   ก่อนที่จะรับส้มพร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป    หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน   ฉันก็ถามแม่ทันที
        " ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนั้นด้วยละ   รู้จักกันเหรอจ้ะ"

        แม่ยิ้ม   แล้วตอบฉันว่า “ ไม่รู้จักหรอก     แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขายอยู่แถวบ้านเราน่ะลูก   แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอก   แม่ซื้อขนมแกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง"
        " แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่"   ฉันถามต่อ   แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า

        " แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆ   กับลูก   จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ   รู้คุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหน และคนที่มีความรับผิดชอบนะ   จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ   เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น"

        ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า
        " แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก   แม่จะให้เขารึเปล่า"
        " ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร"
        " แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรอ    บ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านป้าหนอมเขานะแม่"
        " ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนัก   แต่การที่ได้ช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากน่ะ   มันทำให้แม่มีความสุข   แล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ   แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว   ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก"

        แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า
        " จำไว้นะลูก คนเรานะ   ต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคนอื่นแก้ตัวเสมอ   อย่างเด็กคนนั้น...แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะรักคุณแม่ของแกจริงๆ   แม่ถึงช่วยแกเอาไว้"

        แล้วแม่ก็พูดต่อว่า
        " ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งที่ผิด   ใช่...แม่ไม่เถียง    แต่บางครั้งคนเราก็ต้องมองด้านอื่นๆ   บ้างอย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง   ตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ   แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ"

        หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆ   กันต่อ   ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้อีกเลย   จนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น    ทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งทั้งน้ำตาว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริงๆ

        หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด    แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนั้นเอง    เงินเดือนก็พอประมาณ   สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก    ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้า    เพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้างหลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20   ปีเพื่อส่งฉันเรียน แม่ยอมปิดร้าน แต่ก็ยังรับงานเล็กๆ   น้อยๆ    ของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน   แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้องยอมตามใจแม่

        ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี   แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย    เริ่มจากปวดหัวบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆ   ไม่กี่วันก็หาย    หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนานขึ้นเรื่อยๆ   ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอ    แล้วฉันก็พาแม่ไปหาหมอในเมือง   หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก    แค่ทำงานหนักมากเกินไป   หมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆ    จะได้หายเร็วๆ

        หลังจากกินยาตามที่หมอสั่ง   อาการปวดหัวของแม่ก็หายไป   ฉันเริ่มสบายใจขึ้น   แต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน    แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีก   คราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว  ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย   ฉันกังวลใจมาก   พอถามหมอ    หมอก็บอกว่าต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ    เพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่าโรงพยาบาลต่างจังหวัด

        หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯ   ทันที    ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง   หลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่ามีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน   หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้    หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต    ฉันตกใจมากขอให้หมอผ่าตัดให้ทันที    แต่หมอบอกว่าโรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อม    ที่จะผ่าตัดเนื้องอกในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า    ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้น   ฉันก็ตกลง

        หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว    แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที   ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจอยู่ด้านนอก   ทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่    และจากคำพูดของหมอที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้    หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง   เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมาก    โอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก   แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จก็ตาม อีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมองค่อนข้างสูง     เป็นหลักแสนบาท    เมื่อรวมกับค่ายา   ระหว่างพักฟื้น คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ    ห้าแสนบาท

        ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ   ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน    ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย    แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่ให้หาย   ส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง

        หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง   เป็นโชคดีของแม่ที่การผ่าตัดประสบผลสำเร็จ    และไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ   ทางโรง    พยาบาลบอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้   ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน   ปรากฏว่าเป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาท เป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น

        ฉันแปลกใจมาก   จึงสอบถามกับนางพยาบาล    นางพยาบาลบอกว่าคุณหมอที่เป็นคนผ่าตัด   และเป็นเจ้าของไข้บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่    โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ   ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ   นางพยาบาลบอกว่าหลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัวไปต่างประเทศทันที    เพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดสมองที่อเมริกา

        แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่    โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ฉันพร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ    ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

        เมื่อกลับถึงบ้าน   ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น    เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน    เนื้อความในจดหมายมีดังนี้

        ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร   ภู่จันทร์
        ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้

             ค่าผ่าตัด                      0   บาท
             ค่ายาทั้งหมด                0   บาท
             ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ      0   บาท
             รวมเป็นเงินทั้งหมด      0   บาท

        ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว   เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วย ยาแก้ปวด ยาธาตุ และส้ม 1 ถุง
        ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนานๆ   นะครับคุณน้า
                                                                           นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1069 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2555, 15:12:26 »

พระโอวาทของพระอรหันต์จี้กง...
 
1. ชีวิตย่อมเป็นไปตามวิถีแห่งกรรมที่ลิขิต (ละชั่วทำดี) วอนขออะไร
2. วันนี้ไม่รู้เหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้ กลุ้มเรื่องอะไร
3. ไม่เคารพพ่อแม่แต่เคารพพระพุทธองค์ เคารพทำไม
4. พี่น้องคือผู้ที่เกิดตามกันมา ทะเลาะกันทำไม
5. ลูกหลานทุกคนล้วนมีบุญตามลิขิต ห่วงใยทำไม
6. ชีวิตย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ ร้อนใจทำไม
7. ชีวิตใช่จะพบเห็นรอยยิ้มกันได้ง่าย ทุกข์ใจทำไม
8. ผ้าขาดปะแล้วกันหนาวได้ อวดโก้ทำไม
9. อาหารผ่านลิ้นแล้วกลายเป็นอะไร อร่อยไปใย
10. ตายแล้วบาทเดียวก็เอาไปไม่ได้ ขี้เหนียวทำไม
11. ที่ดินคือสิ่งที่สืบทอดแก่คนรุ่นหลัง โกงกันทำไม
12. โอกาสจะได้กลายเป็นเสีย โลภมากทำไม
13. สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือศีรษะเพียง 3 ฟุต ข่มเหงกันทำไม
14. ลาภยศเหมือนดอกไม้ที่บานอยู่ไม่นาน หยิ่งผยองทำไม
15. ทุกคนย่อมมีลาภยศตามวาสนาที่ลิขิต อิจฉากันทำไม
16. ชีวิตลำเค็ญเพราะชาติก่อนไม่บำเพ็ญ แค้นใจทำไม (บำเพ็ญไวไว)
17. นักเล่นการพนันล้วนตกต่ำ เล่นการพนันทำไม
18. ครองเรือนด้วยความขยันประหยัดดีกว่าไปขอพึ่งผู้อื่น สุรุ่ยสุร่ายทำไม
19. จองเวรจองกรรมเมื่อไรจะจบสิ้น อาฆาตทำไม
20. ชีวิตเหมือนเกมหมากรุก คิดลึกทำไม
21. ฉลาดมากเกินจึงเสียรู้ รู้มากไหม
22. พูดเท็จทอนบุญจนบุญหมด โกหกทำไม
23. ดีชั่วย่อมรู้กันทั่วในที่สุด โต้เถียงกันทำไม
24. ใครจะป้องกันมิให้มีเรื่องเกิดขึ้นได้ตลอด หัวเราะเยาะกันทำไม
25. ฮวงซุ้ยที่ดีอยู่ในจิตไม่ใช่อยู่ที่ภูเขา แสวงหาทำไม
26. ข่มเหงผู้อื่นคือทุกข์ รู้ให้อภัยคือบุญ รู้กันทุกคนถามใครทำไม
27. ทุกสิ่งจบลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม
 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1070 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2555, 09:33:07 »

สมุดปกขาว

ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
"ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน่อย..ได้มั๊ยคะ"
คุณแม่คนใหม่เอ่ยขึ้น..
เมื่อห่อผ้าน้อย ๆ ..อยู่ในอ้อมกอดเธอ เธอค่อย ๆ คลี่ผ้าที่ห่อออก..
เพื่อมองใบหน้าเล็ก ๆ ..
กรี๊ดดดด.....เธอกรีดร้อง
หมอต้องอุ้มเด็ก..ออกไปอย่างรวดเร็ว
เด็กทารกที่เกิดมา...ไม่มีใบหู**
และแล้ว....กาลเวลาพิสูจน์ว่า.... การได้ยินของเจ้าหนู..ไม่มีปัญหา
ปัญหา..มีเฉพาะสิ่งที่มองเห็นภายนอก คือ....ใบหูที่หายไป
หลายครั้ง..ที่เจ้าหนูกลับจากโรงเรียน แล้ววิ่งมาบอกแม่
เธอรู้ว่า..หัวใจลูกปวดร้าวแค่ไหน...
เจ้าหนูพูดโพล่งออกมา..อย่างน่าเศร้า
"พวกเด็กตัวโต ..พวกมันล้อผมว่า..
--ตัวประหลาด--"
จนกระทั่ง... เจ้าหนูเติบโตขึ้น..หล่อเหลา.. เป็นที่รักของเพื่อน ๆ..
เค้ามีพรสวรรค์ ในด้านอักษรศาสตร์.. วรรณคดี..และดนตรี..
เค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น...
แต่เพราะเจ้าสิ่งนั้น... ทำให้เค้า..ไม่อยากเจอใคร
"ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก" แม่กล่าว..ด้วยความสงสารลูก
พ่อของเด็กชาย.. ปรึกษากับหมอประจำครอบครัว
และได้รับข่าวดีจากหมอว่า...
"ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้บริจาค..แต่ใครล่ะ..
จะเสียสละใบหู..เพื่อเด็กน้อยคนนี้" คุณหมอกล่าว
จนกระทั่ง ...2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูกชาย..
"ลูกเตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่..หาคนบริจาคใบหู ที่ลูกต้องการได้แล้ว...แต่นี่เป็นความลับ"

การผ่าตัด..สำเร็จด้วยดี และแล้ว...คนคนใหม่ก็เกิดขึ้น..
....เค้ากลายเป็น..ผู้มีพรสวรรค์...
เป็นอัจฉริยะในโรงเรียน...ในวิทยาลัย
จนเป็นที่กล่าวขานกัน..รุ่นต่อรุ่น
ต่อมาได้แต่งงาน... และทำงาน.. เป็นข้าราชการในสถานทูต
วันหนึ่ง.. ชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อว่า..
"พ่อครับ.. ใครเป็นคนมอบใบหูให้ผมมา ใครช่างให้ผมได้มากมาย..
แต่ผมไม่เคยทำอะไร.. เพื่อเค้าได้เลยสักนิด"
"พ่อไม่เชื่อว่า.. ลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอก..
เรื่องนี้..เป็นความลับ เราตกลงกันแล้ว" พ่อตอบ..

หลายปีผ่านไป....มันยังคงเป็นความลับ
และแล้ว..วันนึง..วันที่มืดมิดที่สุด.. ผ่านเข้ามา..ในชีวิตของลูกชาย
แม่เค้าได้เสียชีวิตลง..
เค้ายืนข้าง ๆ พ่อ... ใกล้ศพของแม่
พ่อเรียกเค้า..
"มานี่สิลูก..มานั่งใกล้ ๆ นี่"
พ่อลูบผมแม่อย่างช้า ๆ..และนุ่มนวล
ผมสีน้ำตาลแดง..ถูกเสยขึ้น จนมองเห็นใบหน้า..
ที่มองดูเหมือนคนนอนหลับ
...และแล้ว.. สิ่งที่ทำให้ลูกชาย..ถึงกับต้องตะลึง..
...ใบหูของแม่...หายไป!..
แม่ไม่มีใบหู...
"นี่เป็นคำตอบ.. ที่ลูกอยากรู้มาตลอดชีวิต"...
พ่อกระซิบผ่านลูกชาย
"แม่บอกพ่อว่า..เธอดีใจ.. ที่ได้ทำอย่างนี้..ตั้งแต่วันผ่าตัด..
แม่ไม่เคยตัดผมอีกเลย..
ไม่มีใคร..มองเห็นว่า.. เธอไม่สวยจริงมั๊ย?

จงจำไว้..
~สิ่งมีค่า..ที่แท้จริง ~
ไม่ได้อยู่ที่..การมองเห็น.. หากแต่อยู่ที่..
~สิ่งที่เรา..มองไม่เห็น~
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
~ความรัก..ที่แท้จริง~
ไม่ได้อยู่ที่.. เราได้ทำอะไร.. แล้วมีคน..รับรู้..
หากแต่อยู่ที่.. สิ่งที่เรา..กระทำ..แล้วไม่มีใคร..รับรู้ ..

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
~ความรัก~
บางครั้ง.. ไม่จำเป็น.. ต้องพูดพร่ำเพรื่อ..
หากแต่อยู่ที่....การกระทำ.. ซึ่งเรา..อาจรับรู้..
เพียงแค่..ฝ่ายเดียว..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
อ่านจบแล้ว..ใช้สมอง..ตรึกตรองสักนิด..
ถ้าพรุ่งนี้..เราตายไป..
บริษัท..ก็สามารถหาคนมาแทนเราได้ภายในไม่กี่วัน..
แต่ครอบครัวเรา..ต้องสูญเสีย..และคิดถึงเรา..ไปตลอด

ฉะนั้น..จงเรียนรู้ที่จะออกแบบชีวิตที่จะสามารถมีเวลาใส่ใจในงาน รวมถึง..มีเวลาที่ดีๆให้กับครอบครัวด้วยนะครับ..!!!!
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Soponเท่านั้น
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,405

« ตอบ #1071 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2555, 22:26:12 »

เหอๆๆ

A Russian woman married an Aussie gentleman and they lived happily ever after in Sydney .

The poor lady was not very proficient in English, but did manage to communicate with her husband.

The real problem arose whenever she had to shop for groceries. One day, she went to the butcher and wanted to buy chicken legs.

She didn't know how to put forward her request, so, in desperation, clucked like a chicken and lifted up her skirt to show her thighs.
Her butcher got the message and gave her the chicken legs

Next day she needed to get chicken breasts, again she didn't know how to say it, so she clucked like a chicken and unbuttoned her blouse to show the butcher her breasts.
The butcher understood again and gave her some chicken breasts.

On the 3rd day, the poor lady needed to buy sausages. Unable to find a way to communicate this, she brought her husband to the store....
(Please scroll down.)
>
>
>
>
>
>
>
>
What were you thinking?
>
>
>
>
>
>
Her husband speaks English.....hellooo!

I worry about you sometimes! เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1072 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2555, 10:03:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ Soponเท่านั้น เมื่อ 30 ตุลาคม 2555, 22:26:12
เหอๆๆ

A Russian woman married an Aussie gentleman and they lived happily ever after in Sydney .

The poor lady was not very proficient in English, but did manage to communicate with her husband.

The real problem arose whenever she had to shop for groceries. One day, she went to the butcher and wanted to buy chicken legs.

She didn't know how to put forward her request, so, in desperation, clucked like a chicken and lifted up her skirt to show her thighs.
Her butcher got the message and gave her the chicken legs

Next day she needed to get chicken breasts, again she didn't know how to say it, so she clucked like a chicken and unbuttoned her blouse to show the butcher her breasts.
The butcher understood again and gave her some chicken breasts.

On the 3rd day, the poor lady needed to buy sausages. Unable to find a way to communicate this, she brought her husband to the store....
(Please scroll down.)
>
>
>
>
>
>
>
>
What were you thinking?
>
>
>
>
>
>
Her husband speaks English.....hellooo!

I worry about you sometimes! เหอๆๆ

ข้าไม่คิดสัปดนเหมือนเอง หรอก ที่จะไปเปิดอะไร ทำนองนั้น เพราะข้าพูดอังกฤษได้ว่ะ....55555
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #1073 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2555, 10:04:57 »

ข้อคิดดีๆ ในการดำเนินชีวิต

นิทานสีขาว เรื่อง หนึ่งนาที

ครอบครัวหนึ่งมีลูกชายชื่อเจี๊ยบ
เป็นเด็กไม่ค่อยกระตือรือร้น
ทำอะไรชักช้า และค่อนข้างขี้เกียจ
ทุกๆ เช้าเมื่อแม่เรียกให้ตื่นไปโรงเรียน
เจี๊ยบจะงัวเงียบอกว่า “ขออีก 1 นาทีครับแม่”
พอลงมาข้างล่างแทนที่จะรีบกินข้าวเช้า
ก็ไปเปิดโทรทัศน์นั่งดูการ์ตูน
พอแม่เรียกให้มากินข้าวก็บอกว่า
“เดี๋ยวแม่ ขออีก 1 นาที”
จนแม่เอ่ยปากว่าจะทำโทษนั่นล่ะ
เจี๊ยบจึงจะมานั่งกินข้าวที่โต๊ะอาหารได้สักที
“คอยดูเถอะเจี๊ยบ”
พ่อ ซึ่งมองลูกชายคนเดียวอย่างระอาพูดขึ้น
“สักวันแกจะต้องเจอเรื่องที่แม้ 1 นาทีก็ให้ไม่ได้
ถ้าถึงวันนั้นแล้วแกจะรู้สึก”

การขอเวลา 1 นาทีทำให้เจี๊ยบไปโรงเรียนสายทุกวัน
และการทำโทษให้วิ่งรอบสนาม
ก็ไม่ได้ทำให้เจี๊ยบจดจำเลยแม้แต่น้อย
เขากล้าต่อรองเวลาแม้แต่กับครู
“ไปเข้าห้องเรียนได้แล้วเจี๊ยบ”
ครูร้องเตือนเมื่อเห็นเจี๊ยบยังเดิน
เอ้อระเหยลอยชายอยู่ในสนามหญ้า
ทั้งๆ ที่ออดเรียกเข้าชั้นเรียนดังไปพักหนึ่งแล้ว
“ขออีก 1 นาทีครับครู” เจี๊ยบบอกโดยไม่ทุกข์ร้อน

วันหนึ่งเป็นวันหยุด แม่บอกเจี๊ยบตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
ว่าจะไปเยี่ยมยายที่บ้านสวน
เจี๊ยบชอบบ้านสวนของยายจึงขอตามแม่ไปด้วย
แต่พอรุ่งเช้าเจี๊ยบก็ตื่นสาย ไม่ว่าแม่จะขึ้นไปปลุกกี่ครั้ง
เจี๊ยบก็พูดว่า “ขออีก 1 นาที...ขออีก 1 นาที” ตลอด
จนในที่สุดแม่ก็ตัดสินใจไปบ้านสวนของยายคนเดียว
เพราะถ้าออกช้ากว่านั้นจะหารถโดยสารไปยาก
สักพักเจี๊ยบก็เดินงัวเงียลงมาจากห้องนอน
เมื่อไม่เห็นแม่อยู่ในบ้านจึงถามพ่อว่า “แม่ล่ะครับพ่อ”
“ แม่ไปบ้านยายแล้ว” พ่อบอก
“ อ้าว ทำไมไม่รอผม” เจี๊ยบร้อง
เขาอยากไปบ้านสวนของยายมาก
“แม่รอแกจนรอไม่ได้อีกแล้ว รู้รึเปล่าว่า
แค่ 1 นาทีที่แกขอก็ทำให้แม่ตกรถได้
นี่ยังไม่รู้เลยว่าแม่จะได้นั่งรถอะไรไป
ถ้าโชคดีก็ได้ไปรถสายประจำ แต่ถ้าไปไม่ทัน
ก็ต้องขึ้นรถที่วิ่งเป็นทางผ่าน แล้วรถสายนั้นน่ะ
ขับอันตรายจะตายชัก” พ่อบ่นเจี๊ยบด้วยความเป็นห่วงแม่
“แหม ไม่แย่ขนาดนั้นหรอกน่าพ่อ” เจี๊ยบบอก

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงขณะที่เจี๊ยบกำลังอาบน้ำอยู่
เขาก็ได้ยินเสียงพ่อร้องเอะอะอยู่ชั้นล่าง
จึงรีบวิ่งลงมาดู หน้าของพ่อซีดขาวราวกับกระดาษ
“รถที่แม่นั่งประสบอุบัติเหตุ แม่อาการสาหัส
เราต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้” พ่อพูดเสียงแตกพร่า
เจี๊ยบตกใจจนหน้าซีดตามพ่อไปอีกคน
เขารีบขึ้นไปแต่งตัวโดยไม่มีคำว่า ‘ขออีก 1 นาที’
เหมือนเช่นทุกครั้ง

ทันทีที่สองพ่อลูกไปถึงโรงพยาบาล
ก็ช่วยกันตามหาแม่ในห้องฉุกเฉิน
มีคนเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้หลายคน
นอนร้องโอดโอยอยู่บนเตียง
พ่อกับเจี๊ยบเดินเข้าไปดูหน้าคนเจ็บในแต่ละเตียง
ด้วยความใจหาย แล้วก็พบแม่นอนแน่นิ่งอยู่ที่เตียงในสุด
เลือดสีแดงไหลอาบอยู่เต็มหน้าแม่
และพยาบาลกำลังจะเข็นแม่ไป

“แม่ แม่” เจี๊ยบร้องเรียกแม่เสียงดังลั่น
น้ำตาไหลทะลัก บุรุษพยาบาลเข้ามากันเขาไว้
เพราะเกรงว่าจะกีดขวางทางของรถเข็น

“แม่ แม่ ตื่นสิแม่ผมอยู่นี่ อยู่ตรงนี้”
เจี๊ยบยังคงร้องเรียกแม่เขาต่อไป
และทุบตีบุรุษพยาบาลที่จับตัวเขาไว้
“ปล่อยผม ผมจะไปหาแม่”

พยาบาลคนหนึ่งหันมาบอกพ่อของเจี๊ยบ
ซึ่งยืนกุมมือแม่อยู่ว่า
“เราต้องพาภรรยาของคุณไปผ่าตัดด่วน
เธอเสียเลือดไปมากจากอุบัติเหตุครั้งนี้”

คำพูดนั้นทำให้เจี๊ยบรู้ทันทีว่า
เขาจะไม่ได้เห็นหน้าแม่อีก
“เดี๋ยวครับ ขอเวลาให้ผมอยู่กับแม่สัก 1 นาที
ได้โปรดให้ผมได้บอกแม่ว่าผมรักแม่
ให้ผมได้กอดแม่อีกสักครั้ง”
เจี๊ยบร้องอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา
แต่ไม่มีใครฟังเสียงของเด็กชายเจี๊ยบ
พยาบาลและบุรุษพยาบาลเข็นเตียงของแม่
เข้าห้องผ่าตัดและหายไปในนั้นเป็นเวลานาน
ก่อนที่แพทย์จะออกมาแจ้งข่าวร้าย...
แม่ของเจี๊ยบเสียชีวิตในระหว่างการผ่าตัด

เจี๊ยบมารู้อีกในภายหลังว่ารถคันที่แม่นั่ง
ไปประสบอุบัติเหตุนั้นไม่ใช่รถเมล์สายประจำไปบ้านยาย
แต่เป็นรถสองแถวที่ขับโดยคนขับรถที่ขาดความรับผิดชอบ
คนๆ นั้นอยากได้เงินมากๆ แต่ไม่สนใจ
ความปลอดภัยของผู้โดยสาร แม่ของเจี๊ยบมาคนสุดท้าย
จึงต้องนั่งเบียดอยู่นอกสุด และกระเด็นออกไปไกล
เมื่อรถประสบอุบัติเหตุ...พ่อโกรธคนขับรถมาก
บอกจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่เจี๊ยบไม่โกรธคนขับรถเลย
เขาโกรธและเกลียดตนเอง ด้วยเพิ่งเข้าใจว่า
เวลา 1 นาทีที่เขาเคยขออย่างพร่ำเพรื่อนั้น
มีค่ามากมายเพียงไร เพราะ1 นาทีที่ได้มาในวันนี้
ต้องแลกกับเวลาทั้งหมดในชีวิตของแม่
ถ้าเจี๊ยบตื่นทันทีที่แม่เรียก ถ้าเขาไม่ขอแค่ 1 นาที
เพื่อให้ได้นอนต่อ แม่ก็คงไม่ตกรถประจำทาง
จนต้องไปนั่งรถปิศาจคันนั้น กระทั่งถึงคราวที่
เจี๊ยบต้องการเวลาจริงๆ เขากลับไม่มี
แม้เพียง 1 นาทีที่จะได้อยู่กับแม่...
ไม่มีแม้เพียงวินาทีด้วยซ้ำไป...ไม่มีเลย...

เธอทั้งหลาย

"เงยหน้ามองเข็มวินาทีอันเล็กๆ
ที่เดินอยู่ในนาฬิกาสิ...นั่นล่ะ คือเวลาในชีวิตของคนเรา

ทันทีที่เธอคิดว่า ‘เดี๋ยว ขอเวลาอีกหน่อย’ หรือ
‘เดี๋ยว เอาไว้ทำวันหลัง’ รู้ไว้เลยว่า
เธอกำลังสูญเสียสิ่งดีๆ ในชีวิตไปมากมาย
คนที่ตื่นแต่เช้ามาทำงานย่อมทำงานได้มากกว่า
คนนอนตื่นสายอย่างไม่ต้องสงสัย
เด็กที่ทำการบ้านเสร็จมาจากโรงเรียน
ก็ได้วิ่งเล่นในตอนเย็นกับเพื่อนๆ อย่างเต็มที่
คนที่รู้คุณค่าของเวลามักได้เปรียบคนอื่น
และเสียสิ่งดีๆ ในชีวิตไปน้อยมาก

แน่นอนว่าชีวิตของคนแบบนี้
ย่อมปรีดิ์เปรมไปด้วยความสุขสมหวัง
เข็มวินาทีเดินเร็วกว่าจังหวะการหายใจเสียอีก
ชีวิตของคนเราก็เป็นอย่างนั้น
มักมีอะไรเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
และบางทีก็เกิดขึ้นเร็วเสียจนตั้งตัวไม่ทัน
เราไม่มีทางรู้ล่วงหน้าเลยว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร
แต่ถ้าวันนี้เราไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
ไม่พูดว่า ‘เดี๋ยว’ และใช้เวลาอย่างคุ้มค่า
ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไรเราก็ไม่กลัวที่จะรับมือกับมัน
และไม่ต้องตั้งคำถามที่ไร้ประโยชน์ในภายหลังว่า
“เมื่อวานเรามัวทำอะไรอยู่”
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1074 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2555, 16:12:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ seree_60 เมื่อ 01 พฤศจิกายน 2555, 10:03:12
อ้างถึง
ข้อความของ Soponเท่านั้น เมื่อ 30 ตุลาคม 2555, 22:26:12
เหอๆๆ

A Russian woman married an Aussie gentleman and they lived happily ever after in Sydney .

The poor lady was not very proficient in English, but did manage to communicate with her husband.

The real problem arose whenever she had to shop for groceries. One day, she went to the butcher and wanted to buy chicken legs.

She didn't know how to put forward her request, so, in desperation, clucked like a chicken and lifted up her skirt to show her thighs.
Her butcher got the message and gave her the chicken legs

Next day she needed to get chicken breasts, again she didn't know how to say it, so she clucked like a chicken and unbuttoned her blouse to show the butcher her breasts.
The butcher understood again and gave her some chicken breasts.

On the 3rd day, the poor lady needed to buy sausages. Unable to find a way to communicate this, she brought her husband to the store....
(Please scroll down.)
>
>
>
>
>
>
>
>
What were you thinking?
>
>
>
>
>
>
Her husband speaks English.....hellooo!
>  
I worry about you sometimes! เหอๆๆ

ข้าไม่คิดสัปดนเหมือนเอง หรอก ที่จะไปเปิดอะไร ทำนองนั้น เพราะข้าพูดอังกฤษได้ว่ะ....55555
เกือบไป เหมือนกัน เปี๊ยก  แต่เผอิญเป็นสาวไทย  ไม่ใช่สาวรัสเซีย
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 41 42 [43] 44   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><