24 พฤศจิกายน 2567, 06:33:50
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 24 25 [26] 27 28 ... 44   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: สัพเพเหระ กับ RCU 15  (อ่าน 338593 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #625 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2554, 11:06:25 »

 
  เอิ่มม     ยังอยู่ได้ตั้งหลายปีเนอะ
      บันทึกการเข้า
roong15
Full Member
**


Peaceful and Useful Life
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514

« ตอบ #626 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2554, 11:16:49 »


สวัสดีครับพี่น้องทุกคน
 
ตอนต่อไป (ไม่เรียงลำดับ แต่เรียงตามใจของผู้โพสท์)

จากหนังสือชวนม่วนชื่น
แปลจาก  หนังสือ Opening The Door of Your Heart ของพระอาจารย์พรหมวังโส
โดยคุณ ศรีวรา อิสระ





เด็กนักเรียนห้อง ข

เมื่อหลายปีก่อนมีการทดลองอย่างลับๆ เกี่ยวกับการศึกษาในโรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ
ที่โรงเรียนนี้เขาแบ่งนักเรียนที่อยู่ชั้นเดียวกันออกเป็นสองห้องเรียน
มีการสอบประจำปีตอนปลายภาคการศึกษาเพื่อแบ่งกลุ่มนักเรียนสำหรับปีการศึกษาหน้า
โดยจะไม่มีการประกาศผลสอบให้ผู้ใดทราบ เฉพาะคุณครูใหญ่และนักจิตวิทยาเท่านั้นจึงจะทราบความจริง
เด็กที่สอบได้ที่หนึ่งได้ถูกจัดให้อยู่ห้องเดียวกับเด็กที่สอบได้ที่สี่และห้า แปดและเก้า สิบสองและสิบสาม ตามลำดับ
ส่วนเด็กที่ได้ที่สองและสามถูกจัดให้อยู่ห้องเดียวกับเด็กที่สอบได้ที่หกและเจ็ด สิบและสิบเอ็ดตามลำดับ
สามารถกล่าวได้ว่าด้วยวิธีการแบ่งเช่นนี้ เด็กๆ ทั้งสองห้องมีความเท่าเทียมกันในด้านความสามารถ
คุณครูผู้สอนเด็กๆ ในปีการศึกษาหน้าถูกคัดเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อให้มีความสามารถทัดเทียมกัน
แม้แต่อุปกรณ์การเรียนในห้องเรียนทั้งสองก็เหมือนกัน

ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าเทียมกันที่สุดยกเว้นสิ่งเดียว คือ ห้องเรียนหนึ่งถูกเรียกว่า ‘ห้อง ข’

ความจริงห้องเรียนทั้งสองมีนักเรียนที่มีความสามารถทัดเทียมกัน
แต่ตามความรู้สึกของทุกคน นักเรียนห้อง ก เป็นเด็กฉลาด
ส่วนนักเรียน ห้อง ข ก็ไม่ค่อยจะฉลาดนัก
ผู้ปกครองบางคนของนักเรียนห้อง ก ทั้งประหลาดใจและพอใจที่ลูกๆ ของตนสอบได้ดีมาก
เลยตอบแทนด้วยการให้รางวัลและคำชมเชยยกย่อง
ในขณะที่ผู้ปกครองบางคนของนักเรียนห้อง ข ดุว่าลูกของตนว่าขี้เกียจ ทำงานหนักไม่พอ
แล้วตัดสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่เคยให้ลูกเสีย
แม้แต่คุณครูห้อง ข ก็สอนนักเรียนห้อง ข ด้วยวิธีการที่แตกต่างจากห้อง ก
คือ ไม่คาดหวังอะไรนักหนาจากนักเรียนของตัว
ภาพลวงตานี้ถูกรักษาไว้อย่างเป็นความลับตลอดปีการศึกษาจนกระทั่งถึงการสอบปลายภาค


ผลสอบที่ปรากฏทำให้รู้สึกหนาวได้ทีเดียว
แต่ไม่น่าประหลาดใจนัก นักเรียนห้อง ก ทำข้อสอบได้ดีกว่านักเรียนห้อง ข มาก
ราวกับว่านักเรียนห้อง ก ในปีนี้เป็นนักเรียนที่ได้คะแนนสูงครึ่งแรกของชั้นเรียนในการสอบประจำปีการศึกษาที่แล้ว
เขาได้กลายเป็นเด็กนักเรียนห้อง ก ไปจริงๆ
ส่วนนักเรียนอีกกลุ่มหนึ่งนั้น แม้ว่าจะมีความสามารถทัดเทียมกับนักเรียนห้อง ก ในปีที่แล้ว

บัดนี้ก็ได้กลายเป็นนักเรียนห้อง ข ไปจริงๆ ตามคำบอกย้ำตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ด้วยวิธีปฏิบัติที่ได้รับจากคนรอบข้าง
และด้วยความเชื่อที่เขาคิดว่าเขาเป็น จึงกลายมาเป็นสิ่งที่เขาเป็นจริงๆ


ขอกราบขอบพระคุณ พระอาจารย์พรหมวังโส
และผู้แปล คุณ ศรีวรา อิสระ
และผู้เผยแพร่ 

เครดิต คุณnatty จากเวป Goldhips.com



      บันทึกการเข้า

Peaceful and Useful Life
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #627 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2554, 11:35:42 »


อ่านแล้วสะดุดใจ มีห้อง ก ห้อง ข  งั้นก็มีโรงเรียน ก โรงเรียน ข
เห็นหลายโรงเรียนเปลี่ยนไปใช้ชื่อโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแทน
แต่เวลาเรียกก็ยังมีเลข 1, 2... จะเรียนดีขึ้นมั้ยเนี่ย?   งง งง
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #628 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2554, 11:48:25 »


    ตะวัน..เจ้าของกระทู้ไปไหนเนี่ย เพื่อนๆถามถึง
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #629 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2554, 19:59:36 »

แวะมาทักทานเพือนๆค่ะ
ได้อ่านเรื่องห้อง ข เราห้อง  จ ค่ะ
      บันทึกการเข้า
roong15
Full Member
**


Peaceful and Useful Life
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514

« ตอบ #630 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2554, 22:23:35 »


สวัสดีตะวัน และพี่น้องทุกคน

เอาของฝากจากพี่ตุ๊มาให้ดูกันครับ

ขอบพระคุณ พี่ตุ๊อรสา และคนอื่นๆ ที่ส่งให้พี่ครับ


เรื่อง   สาเหตุที่ผู้ชายนอนกรน


1.


2.


3.


4.


5.


6.


7.


8.


ราตรีสวัสดิ์ครับ

ขอให้นอนกรนดังๆนะครับ



 sleep sing sleep




      บันทึกการเข้า

Peaceful and Useful Life
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #631 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2554, 16:20:53 »

เข้าใจนะรุ่ง
 อยากกรนบ้างละสิ
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #632 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2554, 17:07:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 31 พฤษภาคม 2554, 16:20:53
เข้าใจนะรุ่ง
 อยากกรนบ้างละสิ
เรานอนกรนทู้กคืนเลย..ผลตรงข้าม คือ หน้าบวม เพราะถูกสกิดด้วย ฝ่ามืออรหันต์..คือหน้าหันไปตามฝ่ามือ
ตื่นเช้า หน้า เลยอืด....ไม่หวานชื่น เหมือที่รุ่ง ว่า ซักกะหน่อย
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #633 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2554, 20:58:41 »

ต้องมีเทคนิค ตะวัน
ไปฝึกอีกหน่อย
แต่ก่อนอื่นหาที่อยุ่ใต้เตียงให้ได้ก่อนดีไหม
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #634 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2554, 21:12:46 »


ค...ฅน

ในวันแรกที่พระเจ้าสร้างโลก พระเจ้าได้สร้างควายขึ้นคู่หนึ่ง และบอกกับควายว่า 

       ' วันนี้เราได้สร้างเจ้าขึ้นในฐานะของควาย เพื่อทำงานหนักกลางทุ่งนา ท่ามกลางแสงแดดจ้าทั้งวัน แล้วเราจะให้เจ้ามีชีวิตยืนยาว 50 ปี' 

       ควายย้อนกลับว่า ' ชีวิตที่ยากลำบากเช่นนี้ จะให้มีอายุยาวถึง 50 ปี น่ะหรือ ? ฮึ! เมินเสียเถอะ ขอแค่มีอายุเพียง 20 ปี ก็พอแล้วล่ะ เอาคืนไปเลย 30 ปี ถ้าได้ก็โอเค' 

       และพระเจ้าตอบตกลง 

       วันต่อมาพระเจ้าสร้างสุนัขขึ้น และบอกกับมันว่า 'เราสร้างเจ้าขึ้นในฐานะของสุนัข หน้าที่ของเจ้าคือ   นั่งอยู่ที่ประตูบ้านและเห่าเมื่อมีคนเข้ามา แล้ว เราจะให้เจ้ามีอายุยืนถึง 20 ปี' 

       สุนัขได้ฟังก็พูดขึ้นว่า 'นั่งเฝ้าหน้าประตูบ้าน 20 ปี! ช่างเป็นชีวิตที่น่าเบื่ออะไรเช่นนี้ ขอคืนชีวิต 10  ปี ก็แล้วกัน'

       พระเจ้าตอบตกลง 

       วันต่อมาพระเจ้าสร้างลิงขึ้น และบอกกับมันว่า 'เราสร้างเจ้าขึ้นในฐานะของลิง หน้าที่ของเจ้าคือ สร้างความสนุกสนาน และใช้เล่ห์เหลี่ยมของลิงหลอกล่อคนให้หัวเราะ   แล้วเราจะให้เจ้ามีอายุยืน 20 ปี'

       ลิงได้ฟังจึงตอบว่า ' อะไรนะ..ทำให้คนหัวเราะ ทำหน้าลิงและเล่ห์กลต่างๆ   ตั้ง 20 ปี น่ะเหรอ ? ไม่เอาด้วยหรอก ขอคืนชีวิตไป 10 ปี เหลือแค่ 10 ปี ก็แล้วกัน' 

       พระเจ้าตอบตกลง 

       วันต่อมาพระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้น และบอกว่า 'เราสร้างเจ้าขึ้นในฐานะที่เป็นมนุษย์ หน้าที่ของเจ้าคือ กิน นอน เที่ยว   เล่นสนุกสนาน โดยไม่ต้องทำงานใดๆ เราจะให้เจ้ามีชีวิต 20 ปี'

       มนุษย์ได้ฟังก็ต่อรองว่า  ' ชีวิตที่สบายเช่นนี้ แล้วท่านจะให้เรามีชีวิตแค่ 20 ปี น่ะเหรอ เอาอย่างนี้ดีกว่าเราขอชีวิตที่ควายคืนชีวิตให้ท่าน 30 ปี สุนัข 10 ปี    และลิง 10 ปี มาเป็นของเรา เพื่อให้เรามีอายุยืนถึง 70 ปี ตกลงไหม ?

       พระเจ้าตอบตกลง 

       นั่นเป็นเหตุผลว่า...

          ทำไมชีวิตของเราในช่วง 20 ปีแรก จึงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน กิน นอน เล่น และไม่ต้องทำอะไรมากมาย 
        30 ปีต่อมา ต้องทำงานหนักทั้งวัน เพื่อสร้างครอบครัว 
        10 ปีต่อมา เกษียณอยู่ที่บ้าน เฝ้าหน้าบ้าน และตะคอกคนที่ผ่านไปมา 
        10 ปีต่อมา เป็นปู่/ย่า ตา/ยาย ที่ต้องทำหน้าลิง และเล่ห์กลต่างๆ เพื่อหลอกล่อหลาน!

อ่านจบแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาเป็น .... กันต่อไปนะพี่น้อง
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #635 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2554, 21:16:36 »

กำลังจะถึงวัยเฝ้าหน้าบ้าน และตะคอกคนที่ผ่านไปผ่านมาพอดี
เลยต้องรีบหาเรื่องที่ไม่ต้องอยู่เฝ้าบ้าน
ไปท่องเที่ยวไงคะ
      บันทึกการเข้า
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #636 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2554, 21:41:14 »

๑๐๐ ปี 'พ่อหมอ' ศ.นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว
โดย : ทิพย์พิมล เกียรติวาทีรัตนะ





ย้อนรอยชีวิตร้อยปีของคุณหมอคนสำคัญ คนที่มีลูกเป็นหมื่นเป็นพันทั่วประเทศ
มีแต่คนเรียกว่า"พ่อเสม,คุณพ่อหมอเสม" แม้สลัดเสื้อกาวน์ไปแล้วร่วม50ปี

ผมคงเป็นคนที่มีพี่น้องเยอะที่สุดในโลก" ชัชวาลย์ พริ้งพวงแก้ว
พูดประโยคนี้ออกมาในตอนหนึ่งของงานแถลงข่าว
"๑ คนยืนหยัด ๑ ศตวรรษ เสม พริ้งพวงแก้ว" ที่จะมีขึ้นในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้


 สถาปนิกเจ้าของบริษัทชัชวาลย์ เดอเวเกอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล วัย 72
ทายาทคนที่ 2 จากทั้งหมด 5 คนของ ศาสตราจารย์นายแพทย์เสม พริ้งพวงแก้ว
 บอกต่ออีกว่า ถ้านับจริงๆ เขาคงมีพี่น้องเรือนพัน เรือนหมื่นทั่วประเทศไทย
 เพราะใครๆ ทั้งที่รู้จักและไม่เคยมักจี่ มักจะเรียกพ่อบังเกิดเกล้าของเขาว่า "พ่อเสม"


 "แต่ผมเป็นลูกในไส้นะ" กรรมการมูลนิธิหมอเสม พริ้งพวงแก้ว กล่าวติดตลก


 ทำไมใครๆ ก็เรียกพ่อเสม ลูกนอกไส้อีกคนอย่าง นพ.วิชัย โชควิวัฒน
 ประธานคณะกรรมการจัดงาน ๑ คนยืนหยัดฯ ช่วยไขข้อข้องใจว่า


 "สมัยที่ท่านเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลหญิง ท่านผลักดันให้เกิดโรงเรียนพยาบาลหลายแห่งในต่างจังหวัด
เช่น โคราช อุบล พิษณุโลก ซึ่งการเรียนพยาบาล จะเอาเด็กผู้หญิงที่จบ ม.6สมัยนั้นหรือ ม.4 สมัยนี้
 มาเป็นนักเรียนประจำ จึงต้องมีคนดูแล ท่านซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการโรงพยาบาลจึงต้องเป็นคนดูแลนักเรียน
 และทำหน้าที่เสมือนพ่อของนักเรียนพยาบาลทุกคน ด้วยความผูกพัน นักเรียนทุกคนก็จะเรียกผอ.ว่าคุณพ่อ
 เพราะท่านจะทำหน้าที่เป็นพ่อจริงๆ ดูแลลูกรุ่นหนึ่ง 30-50 คนเป็นอย่างดี นี่น่าจะเป็นจุดตั้งต้นของการเป็นคุณพ่อ
และท่านเองก็จะเรียกทุกคนที่ท่านเมตตาว่า ลูก"

 

 

มือปราบอหิวาต์


 พรุ่งนี้ ศ.นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว จะมีอายุครบ 100 ปี แต่คงไม่มีโอกาสมาร่วมในงาน ๑ คนยืนหยัดฯ
ที่บรรดาลูกๆ กว่า100 องค์กรร่วมกันจัดให้ เพราะตอนนี้ท่านนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี
ด้วยโรคหลอดเลือดสมองตีบมาตั้งแต่ตุลาคม ปีที่แล้ว


 ข่าวล่าสุดจากชัชวาลย์ บุตรชายคนที่สองบอกว่า ร่างกายซีกซ้ายไม่มีความรู้สึก
แต่ยังมีสติรับรู้ทุกอย่าง หากการสื่อสารทำได้จากการอ่านปากเท่านั้น


 "สองเดือนก่อนถ้าใครมาเยี่ยมท่านจะจับและบีบมือ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว"


 สำหรับคนรุ่นหลังที่ไม่เคยแม้กระทั่งจะได้ยินชื่อ นพ.เสม มาก่อน คงไม่รู้ว่า "ปัจจุบัน" ของเราหลายๆ อย่าง
มีที่มาจากสมองและสองมือของนายแพทย์วัย 1 ศตวรรษท่านนี้


 โดยเฉพาะเรื่องหยูกยาและเจ็บไข้ได้ป่วย


 ย้อนกลับไปเมื่อ 70 กว่าปีก่อน "เด็กเทพ(ศิรินทร์)" ผู้ได้ทุนการศึกษาประเภทขยันหมั่นเรียนอย่างนายเสม พริ้งพวงแก้ว
 สอบได้ที่คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ปัจจุบันคือคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล)
และทันทีที่เรียบจบ สนามแรกของคุณหมอใหม่หมาด คือ อ.อัมพวา ที่มีคดีอุกฉกรรจ์สูงกว่าอำเภอใดๆ ในสมุทรสงคราม

 "กรมสาธารณสุขเขาให้ตั้งโรงพยาบาลเอกเทศ หมายถึงโรงพยาบาลที่ทำทุกอย่างด้วยตัวเองหมด"
 นพ.เสมเคยเล่าเอาไว้ จุดประสงค์สำคัญคือ ป้องกันอหิวาต์ที่กำลังระบาดในอัมพวาตอนนั้น
ซึ่งขณะนั้นไม่มียารักษาใดๆ เลยนอกจาก "น้ำเกลือ" ที่เข้าไปชดเชยน้ำให้แก่ผู้ป่วยอหิวาต์


 โรงพยาบาลเอกเทศของแพทย์ฝึกหัดใหม่วัย 24 ตอนนั้น ก็คือ ศาลาวัดดีๆ นี่เอง
 หมอหนุ่มเลยต้องเข้าตลาด ซื้อเสื่อ ซื้อหมอน มุ้ง เตียงสำหรับคนไข้ ตรงกลางเตียงต้องเจาะรูไว้
สำหรับคนไข้อหิวาต์ที่ถ่ายพรวดลงมาจะได้ไม่เลอะศาลาวัด ส่วนข้างล่างก็เอาถังปี๊บน้ำมันก๊าดรองไว้


 "วันแรกที่พ่อไปถึงไม่มีคนไข้มาสักคน วันที่ 2 ก็ยัง 3 ก็ยัง จนกระทั่งวันที่ 11 ก็มีคนหามร่องแร่งๆ มา บอกว่า
หมอรักษาให้ที เราก็รีบให้น้ำเกลือ คนไข้ซึ่งไม่มีชีพจรแล้ว หน้าซีด เขาก็นึกว่าตายแล้ว จะเอาไปฝัง
แต่เอามาให้หมอดูก่อนว่าหมอเก่งหรือเปล่า พอให้น้ำเกลือเสร็จเรียบร้อยตลอดวันตลอดคืน
เราไม่ได้นอน พอให้น้ำเกลือไป คนป่วยก็ลุกขึ้นมาขอกินน้ำ ไอ้ญาติก็ตกใจ
นึกว่า เอ..มันเกิดใหม่นี่หว่า หลังจากนั้นแกก็หาย" นพ.เสมเล่าไว้ในหนังสือ "เกียรติประวัติแพทย์ไทย ฝากไว้ให้คนรุ่นหลัง"


 ปรากฎว่า "นายผ่อง" หรือคนไข้รายนั้นเป็นหัวหน้านักเลงในอัมพวา
ก็ไปเที่ยวเล่าว่าหมอคนนี้รักษาชีวิตเขาไว้ ถ้าคนไหนเป็นอหิวาต์ไปหาเขาให้หมด


 โรงพยาบาลเอกเทศและชื่อของหมอเสมเริ่มเป็นที่รู้จักนับแต่นั้น จนรู้ไปถึงหูส่วนกลาง

 

 

คลอดโฮงยา ณ ชายแดน


 3 ปีถัดมา หมอเสมเจอ "งานหนัก" ที่สุด คือ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ที่ "ไกลปืนเที่ยง" มากๆ ในสมัยนั้น


 "เพื่อนๆ เขายังล้อเราเล่นเลยว่า ลื้อย้ายไปเชียงรายนี่ก็ดีนะ เอาหม้อไปด้วยใบหนึ่ง จะได้เอากระดูกใส่กลับมา"
 

หมอเสมให้คำจำกัดความถึงชีวิตที่นั่นในวันแรกว่า เหมือนนับต้นชีวิตใหม่จากศูนย์
เพราะตอนนั้นโรงพยาบาลกำลังก่อตั้ง พยาบาลก็ไม่มี ได้แฉล้ม พริ้งพวงแก้ว ศรีภรรยาเป็นพยาบาล
เพราะเรียนจบด้านนี้มา แต่ภายใน 5 ปี ส่วนกลางก็ส่งผู้ช่วยมา โรงพยาบาลหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "โฮงยา"
 จึงขยายไปอย่างรวดเร็ว จากที่เคยคลอดกับหมอตำแย หลายคนก็หันมาคลอดที่โฮงยามากขึ้น
 จนต้องสร้าง "ตึกสูติกัม" (ชื่อเรียกตาม รัถนิยม สมัยจอมพลป.พิบูลสงคราม)
 

"ป้ามาอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่ปี 2486 ตอนนั้นอายุ 14 ปีมาช่วยโรงครัว อยากมาทำงานกับพ่ออุ้ยเสม
 เพราะบูชาน้ำใจท่าน เราทำงานโฮงยาสนุก ทำกันทั้งกลางวันกลางคืน
 เวลามีคนไข้มากลางคืนพวกเราก็ออกไปช่วยกันหมด พ่ออุ้ยเสมเอาใจใส่ดูแลพวกเราดี
ท่านมาตรวจโรงครัวทุกวัน เรื่องค่าจ้างถ้าพ่ออุ้ยให้เราก็รับ ให้เท่าไหร่ก็ได้ เราไม่ได้สนใจ พวกเราอยากมาช่วยเหลือท่าน"
ใบแก้ว เหล็กแก้ว ลูกจ้างโรงพยาบาลยุคแรก ฟื้นความหลังถึงตำนานโฮงยาที่ยังเล่ามาจนถึงทุกวันนี้


 รวมระยะเวลา 14 ปีที่หมอเสมบุกเบิกการแพทย์ที่เชียงราย จนกลายมาเป็นต้นแบบงานสาธารณสุขหลายอย่าง
 เช่น ร่วมผลักดันและก่อตั้งโรงพยาบาลประจำจังหวัดชายแดน โดยไม่ต้องอาศัยงบประมาณรัฐบาล
โดยโรงพยาบาลเชียงรายฯ เป็นแห่งแรกที่เริ่มด้วยเงินทุนสะสมของโรงพยาบาล ไปพร้อมๆ
กับการต่อสู้เพื่อสิทธิของโรงพยาบาลในการใช้เงินทุนสะสมที่หามาได้เอง
ไม่ต้องส่งรายได้คืนให้กระทรวงการคลัง มีผลให้โรงพยาบาลจังหวัดและอำเภอทั่วไป
มีสิทธิบริหารเงินดังกล่าวด้วยตัวเอง เฉกเช่นปัจจุบัน


 นอกจากนี้ ยังริเริ่มการแบ่งผู้ป่วยออกจากกัน เช่น มีตึกหญิง ตึกชาย ตึกคลอด ตึกผ่าตัดและตึกสงฆ์
ก่อนที่กรุงเทพฯ จะตั้งโรงพยาบาลเฉพาะอย่างโรงพยาบาลหญิงและโรงพยาบาลสงฆ์

ตามหา "ปราจีน-บุรี"


 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะยังรับราชการอยู่เชียงราย จอมพลป.พิบูลสงคราม
ได้ไปเยือนโรงพยาบาลเชียงรายฯ และได้พบปะคุณหมอเสม และนั่นก็เป็น "งานช้าง" ประการถัดมาของท่าน

 
 จากนโยบายสร้างชาติของจอมพลป. ที่ให้ส่งเสริมการสมรสและการเพิ่มประชากร จนก่อตั้ง
"โรงพยาบาลหญิง" สำหรับดูแลผู้หญิงและเด็กโดยเฉพาะ นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว วัย 40 ปี
 ถูกเรียกตัวให้มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลดังกล่าวในปี พ.ศ.2494
และทำให้กิจการเติบโตขึ้นเป็นลำดับ จนสร้างสถิติผลงานด้านการรักษาใกล้เคียงกับโรงพยาบาลศิริราช
โดยเฉพาะการทำคลอด ได้ในเวลา 5 ปี


 ต่อมาก็ได้เป็นบุคคลสำคัญผู้ผลักดันให้เกิด "โรงเรียนพยาบาล" ของโรงพยาบาลหญิง
 และได้ขยายออกไปสู่หัวเมืองต่างๆ ด้วยเล็งเห็งว่าพยาบาลมีบทบาทสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหมอ


 และงานในโรงพยาบาลหญิงนี่เองที่ทำให้เกิดการผ่าตัดแฝดสยาม (Conjioned Twins)สำเร็จเป็นครั้งแรกในเอเชีย
 ช่วงพ.ศ.2500 เมืองไทยมีแฝดสยามเกิดหลายคู่ แต่มีอยู่ 5 คู่ที่คุณหมอเสมผ่าตัดแยกร่างได้สำเร็จ คู่แรกชื่อ นภิศ-ปริศนา ผลภิญโญ ที่คุณหมอเสมกับ พ.ท.นพ.หลวงนิย์เวชวิศิษฐ์ อธิบดีกรมการแพทย์สมัยนั้น ไปเจอเข้าตอนออกตรวจราชการที่ขอนแก่น


 อ.จิราพร เครือโสภณ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมศิษย์วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีกรุงเทพ ผู้ช่วยคนสำคัญของนพ.เสม สมัยนั้น คือ คนที่อุ้มแฝดนภิศ-ปริศนา ขึ้นเครื่องไปผ่าตัดที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา


 "คุณพ่อหมอเสมเขาค้นคว้าว่าที่นั่นทำได้ เลยส่งดิฉันไปแล้วให้รายงานผลอย่างละเอียด และพอสำเร็จท่านก็เอาองค์ความรู้เหล่านั้นมาศึกษาและมีความมั่นใจในคู่ต่อมาคือ วันดี-ศรีวัน ดวงแก้ว ผลการผ่าตัดเรียบร้อยดี แต่โชคร้ายที่ 1 อาทิตย์ต่อมาแฝดศรีวันเสียชีวิตเพราะปอดแฟบ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการผ่าตัดที่เป็นการผ่าตัดแยกตับ"


 มาถึงคู่ถัดมาคือ ปราจีน-บุรี สองสาวฝาแฝดที่ตับติดกันเช่นเดียวกับสองคู่แรก การผ่าตัดครั้งนี้เป็นไปด้วยดี ส่งผลให้คู่นี้ยังมีชีวิตยืนยาวมาจนถึงวันนี้ 50 กว่าปีแล้ว แต่...


 "เราตามหาตัวไม่เจอค่ะ อย่างไรรบกวนติดต่อกลับด้วยนะคะ อยากเจอจริงๆ" อ.จิราพร บอก

 

 

คำพ่อสอน


 สำหรับ "คุณหมอตลอดชีวิต" ท่านนี้ งานเข้ามากลบทับโลกส่วนตัวไว้หมด แต่ก็ยังมีแง่งามบางมุมที่ลูกชายอยากจะนำมาแบ่งปันกัน


 "ตอนคุณพ่อรับราชการ คุยกันแทบนับคำได้ คุณพ่อจะทำงาน 6 วันครึ่ง วันอาทิตย์เป็นวันที่เราจะได้ทานข้าวกลางวันกัน จะมีเวลาได้คุยกันตอนนั้น พอบ่ายสองท่านก็จะไปอ่านหนังสือ อีกทีก็ตอนกลับจากทำงาน ประมาณสามถึงสี่ทุ่ม ผมกับน้องชายจะไปนวดคุณพ่อ เพราะท่านทำงานหนัก ยืนตลอด เลยเป็นคนขี้เมื่อย เราจะนวดจนท่านเริ่มง่วง กรนแล้วค่อยๆ เดินออกมา แต่บางทีคุณพ่อยังไม่หลับก็ตะโกนไล่หลังมาว่า ไปแล้วเหรอลูก เราก็ต้องกลับมานวดใหม่" ชัชวาลย์ พริ้งพวงแก้ว เล่าไปยิ้มไป


 แม้จะได้ใช้เวลาด้วยกันตอนนวด แต่พ่อลูกก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะเป็นเวลาแห่งการพักผ่อนของพ่อจริงๆ

 "ถึงเราจะไม่ได้คุย แต่เราก็ติดต่อด้วยการสัมผัสกันครับ"


 จนกระทั่งนพ.เสม เกษียณอายุราชการตอนอายุ 54 ปี พ่อเสมกับลูกๆ ถึงจะได้รู้จักกันจริงๆ ตอนนั้น รวมทั้งคำสอนต่างๆ ที่พรั่งพรูออกมามากมาย


 "สามข้อ ความขยันหมั่นเพียร ความกตัญญู และความซื่อสัตย์สุจริต ท่านจะเน้นมากสมัยเรียน ตอนทำงานแล้ว ท่านก็จะให้ปรัชญาในการดำรงชีวิตว่า ในการแก้ปัญหาต่างๆ อย่าคิดคนเดียว มันคิดไม่ออก เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก ทำอะไรให้ทำกันเป็นทีม ใครถนัดทางไหนก็ทำตามนั้น แล้วถ้าสำเร็จหรือได้รับรางวัล อย่าไปรับรางวัลคนเดียว เพราะความสำเร็จไม่ใช่เราคนเดียวที่ทำ ที่ผ่านมาผมเลยไม่ค่อยทำงานหนัก เพราะมีแต่คนช่วย(ยิ้ม)" ประธานกรรมการบริษัทชัชวาลย์ เดอเวเกอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เล่าคำพ่อ


 แต่ที่พ่อย้ำบ่อยที่สุดเห็นจะเป็นเรื่อง อุปสรรค


 "ท่านจะพูดตลอดเวลาว่า ความสำเร็จมักแฝงมากับอุปสรรค ฉะนั้นอย่าไปกลัวอุปสรรค อุปสรรคเล็ก ความสำเร็จก็เล็ก อุปสรรคใหญ่ความสำเร็จจะยิ่งใหญ่"


 ตลอดเวลาที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล คุณหมอเสมมักจะปรารภเรื่องหนึ่งอยู่บ่อยๆ ว่า "บ้านเมืองเราจะไปไม่รอด ถ้าสังคมเรายังเป็นอยู่อย่างนี้" นี่เป็นอีกหนึ่งห่วงของท่าน


 "ท่านพูดว่า สังคมตอนนี้เหมือนสังคมแมลงวัน มันไม่มีหมู่ มีคณะ ต่างคนต่างอยู่ อยู่ในที่ที่มีสิ่งปฏิกูล ท่านอยากเห็นสังคมเป็นสังคมของผึ้งที่มีแต่ความสะอาด สามัคคี ขยันหมั่นเพียร และยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง"


 ชัชวาลย์ยังย้อนอดีตไปเมื่อหลายปีก่อนถึงเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้คุณพ่ออาการทรุดลงเรื่อยๆ


 "ช่วงนั้นกำลังหาเสียงเลือกตั้ง คุณพ่อชอบนโยบายของนักการเมืองคนนั้นมากที่ชูเรื่อง 30บาทรักษาทุกโรค
ท่านเลยไปคุยกับคุณหมอประเวศ (วะสี) ว่าจะเอายังไงกันดี อยากรู้ว่าประชาชนคิดยังไง เลยประกาศออกสื่อถามชาวบ้านว่ารู้สึกอย่างไรต่อการเมือง ต้องการ/ไม่ต้องอะไร อยากเห็นสิ่งใดบ้าง ปรากฎว่ามีจดหมายส่งมาที่บ้านคุณพ่อล้านกว่าฉบับ"


 ทุกฉบับคุณหมอเสมเป็นคนอ่านเอง โดยมีผู้ช่วยเก็บเป็นข้อมูลให้ แล้วก็สร้างศาลาจัดเก็บจดหมายเหล่านั้นไว้เป็นอย่างดี วันหนึ่งเมื่อนักการเมืองซึ่งได้กลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนนั้นมากราบสวัสดีที่บ้านและเห็นภูเขาจดหมายเหล่านั้น จึงขออนุญาตนำกลับไปโดยให้เหตุผลว่าจะนำไปวิจัยพัฒนานโยบายพัฒนาบ้านเมืองต่อไป


 "ด้วยเหตุผลนี้คุณพ่อเลยขัดไม่ได้ ทั้งที่ท่านตั้งใจจะนำจดหมายพวกนี้เผาไปพร้อมกับท่านเมื่อเสียชีวิตลง ก่อนจากไปนายกฯ คนนั้นยังรับปากกับคุณพ่อด้วยว่าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง" ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นก็มีเหตุการณ์ปล้นปืนที่ภาคใต้และแก้กฎหมายเพื่อเอื้อธุรกิจตัวเอง


 "ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ทรุด ถือเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ของท่าน" ชัชวาลย์ กล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ


 หาก 100 ฝน 100 หนาวที่คุณหมอเสม พ่ออุ้ยเสม พ่อเสม หรือ คุณพ่อหมอเสม ผ่านมา ก็ยังมีความภูมิใจที่ท่านทิ้งไว้ข้างหลังมากมาย โดยเฉพาะ "ลูก"


 "ท่านมีลูกเป็นพันเป็นหมื่น นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าท่านภูมิใจอย่างยิ่ง และท่านจะเรียกคนเหล่านั้นว่า อภิชาตบุตร ตามคำสอนที่ท่านให้ไว้แก่คู่แต่งงานใหม่เสมอๆ ว่า ต้องทำให้ลูกที่เกิดมาแล้ว ดีกว่าเราให้จงได้"   

..................................................................................


(หมายเหตุ : ข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ "เกียรติประวัติแพทย์ไทยฝากไว้ให้คนรุ่นหลัง :
ชีวิตและผลงานศาสตราจารย์นายแพทย์เสม พริ้งพวงแก้ว"
และ ร่วมงาน "หนึ่งคนยืนหยัด หนึ่งศตวรรษ เสม พริ้งพวงแก้ว ได้ในวันพรุ่งนี้ ณ หอประชุมใหญ่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย")



 

 
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #637 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2554, 14:13:41 »


  ต้องไปหาหนังสือมาอ่านเพิ่มเติม 
      บันทึกการเข้า
roong15
Full Member
**


Peaceful and Useful Life
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514

« ตอบ #638 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2554, 17:11:35 »


สวัสดีตะวัน และพี่น้องทุกคน

เอาของฝากจากพี่ตุ๊มาให้ดูกันครับ

ขอบพระคุณ พี่ตุ๊อรสา และคนอื่นๆ ที่ส่งให้พี่ครับ



Your Vacation Planner for 2011


There’s that new beach in Japan…






Or the “Skywalk” at the Grand Canyon







If you’re not afraid of heights, there’s "Tema Park" in Las Vegas











Or tennis at Dubai…













Like hiking?

















Or maybe you want something tamer…like a bike ride









Your Vacation Planner for 2011
Brought to you by your friendly life insurance agent




 sing หลั่นล้า sing
      บันทึกการเข้า

Peaceful and Useful Life
roong15
Full Member
**


Peaceful and Useful Life
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514

« ตอบ #639 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2554, 18:59:51 »


ตอนต่อไป (ไม่เรียงลำดับ แต่เรียงตามใจของผู้โพสท์)

จากหนังสือชวนม่วนชื่น
แปลจาก  หนังสือ Opening The Door of Your Heart ของพระอาจารย์พรหมวังโส
โดยคุณ ศรีวรา อิสระ




แล้วฉันจะเป็นสุข

บางทีหินที่มีค่าที่สุดที่เราสมควรต้องใส่ลงไปใน ‘โถ’ ของเราก่อนสิ่งอื่นๆ ดังเช่นที่เล่าในเรื่องที่แล้ว
คือ ความสุขภายใน หากตัวเราเองยังไม่มีความสุข เราย่อมไม่มีความสุขที่จะมอบให้แก่ผู้อื่น
แล้วทำไมพวกเรามากมายจึงให้ความสำคัญกับความสุขน้อยเหลือเกิน
เลื่อนมันไปจนเป็นอันดับท้ายๆ? (หรือแม้กระทั่งหลังจากอันดับท้ายสุด ดังเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้)


เมื่ออาตมาอายุ ๑๔ ปี อาตมากำลังเตรียมตัวสอบระดับ O-Level ที่โรงเรียนมัธยมในลอนดอน
พ่อ แม่ และครูของอาตมาแนะนำให้อาตมาหยุดเล่นฟุตบอลในตอนเย็นและวันหยุดสุดสัปดาห์
เพื่อจะได้อยู่บ้านและใช้เวลากับการทำการบ้าน ท่านอธิบายความสำคัญของการสอบ O-Level
และบอกว่าถ้าอาตมาสอบได้คะแนนดี อาตมาจะมีความสุข


อาตมาเชื่อฟังคำแนะนำ และอาตมาก็สอบได้ดี แต่มันไม่ได้ทำให้อาตมามีความสุข
เพราะความสำเร็จนั้นมีความหมายเพียงแค่ว่า บัดนี้ อาตมาจะต้องเรียนหนักขึ้นไปอีกเป็นเวลาสองปี
เพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบ A-Level พ่อแม่และครูจึงแนะนำไม่ให้ออกเที่ยวยามค่ำคืนและในวันเสาร์อาทิตย์
และไม่ให้ไล่จีบผู้หญิง แต่ให้อยู่บ้านเพื่อท่องหนังสือ ท่านอธิบายความสำคัญของการสอบ A-Level
และบอกว่าถ้าอาตมาสอบได้คะแนนดี อาตมาจะมีความสุข


ครั้งนี้เช่นกันที่อาตมาเชื่อฟังคำแนะนำ และอาตมาก็สอบได้ดี
แล้วก็อีกครั้งเช่นกันที่มันไม่ได้ทำให้อาตมามีความสุขเท่าไหร่
เพราะบัดนี้อาตมาจะต้องเรียนหนักที่สุดอีกตั้งสามปีที่แสนจะยาวนาน
เพื่อจะได้ปริญญาจากมหาวิทยาลัย แม่และอาจารย์ (ถึงเวลานี้พ่อของอาตมาก็ได้จากไปเสียแล้ว)
แนะนำอาตมาให้อยู่ไกลๆ จากบาร์ และงานเลี้ยงต่างๆ ในมหาวิทยาลัย
จะได้ให้เวลาเต็มที่กับการเรียน ท่านบอกอาตมาว่า ปริญญาจากมหาวิทยาลัยสำคัญมาก
และถ้าอาตมาทำได้ดี อาตมาจะมีความสุข

มาถึงจุดนี้ อาตมาชักจะเริ่มสงสัยเสียแล้วล่ะ

อาตมาเห็นเพื่อนรุ่นพี่บางคนที่เรียนหนักมากและได้รับปริญญาแล้ว
เดี๋ยวนี้พวกเขากำลังทำงานแรกของเขาอย่างหนักยิ่งเพื่อจะได้เก็บหอมรอมริบให้ได้เงินมากพอที่จะซื้อของจำเป็น
เช่นรถยนต์ เขาบอกอาตมาว่า “เมื่อพี่มีเงินมากพอที่จะซื้อรถสักคัน พี่จะมีความสุข”

แต่เมื่อเขาหาเงินได้มากพอ และได้ซื้อรถยนต์คันแรกแล้ว เขาก็ยังไม่มีความสุขอยู่นั่นแหละ
คราวนี้เขาทำงานหนักเพื่อจะซื้อของอื่นๆ ซึ่งจะทำให้เขามีความสุข
หรือไม่เขาก็กำลังวุ่นวายสับสนเรื่องความรัก เสาะแสวงหาคู่ชีวิต เขาบอกอาตมาว่า
“ถ้าพี่ได้แต่งงานลงหลักปักฐานแล้ว พี่จะได้มีความสุขซะที”


เมื่อแต่งงานแล้ว เขาก็ยังคงไม่มีความสุข เขาต้องทำงานหนักขึ้นไปกว่าเก่า รับงานพิเศษเพิ่มขึ้น
เพื่อเก็บหอมรอมริบไว้เป็นค่ามัดจำสำหรับห้องชุดหรือบ้านเล็กๆ สักหลัง
เขาบอกอาตมาว่า “ถ้าเรามีบ้านของเราเองเมื่อไหร่ เราจะมีความสุข”


เป็นเรื่องที่น่าเสียใจว่า การที่ต้องผ่อนจ่ายชำระค่าบ้านเป็นรายเดือนนั้นย่อมทำให้พวกเขาไม่ถึงซึ่งความสุข
ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้เขาเริ่มตั้งครอบครัว มีลูกที่ทำให้เขาต้องตื่นกลางดึก กลืนกินเงินทั้งหมดที่เขาเจียดไว้
เพิ่มความวิตกกังวลนานาประการแก่เขาอย่างมหาศาล
คราวนี้คงจะเป็นอีกยี่สิบปีข้างหน้าหรอกที่เขาจะสามารถทำอะไรอย่างที่เขาต้องการได้
เขาจึงบอกอาตมาว่า “เมื่อใดที่ลูกๆ โตพอที่จะออกจากบ้านไปตั้งตัวเองได้ เมื่อนั้นแหละเราจึงจะมีความสุข”


กว่าลูกๆ จะโตพอที่จะจากบ้านไป พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็ใกล้ถึงเวลาที่จะปลดเกษียณ
ดังนั้นเขาจึงต้องเลื่อนเวลาแห่งความสุขออกไปอีก เขาต้องทำงานหนักเพื่อจะอดออมไว้ใช้ในยามแก่
เขาบอกอาตมาว่า “เกษียณเมื่อไหร่ เราก็จะได้มีความสุขสักที”

แน่นอนว่าเมื่อเขาเกษียณแล้ว หรืออาจจะก่อนด้วยซ้ำ เขาจะเริ่มสนใจศาสนาและเริ่มไปโบสถ์
โยมเคยสังเกตไหมว่า มีคนแก่ๆ จำนวนเท่าไหร่ที่ครอบครองม้านั่งในโบสถ์น่ะ?
อาตมาถามเขาว่าเขาไปโบสถ์กันทำไม เขาตอบว่า “เพราะว่าตายแล้วเราจะมีความสุข!”

สำหรับผู้ที่เชื่อว่า ‘เมื่อฉันได้สิ่งนี้ๆ แล้ว ฉันจึงจะมีความสุข’
ความสุขของเขาจะเป็นแค่ความฝันในอนาคตเท่านั้น
มันจะเป็นเหมือนสายรุ้งที่อยู่เบื้องหน้าเราเพียงไม่กี่ก้าว แต่เราไม่มีวันเอื้อมถึง
เขาจะไม่มีวันเข้าถึงความสุขที่เขาต้องการไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า


ขอกราบขอบพระคุณ พระอาจารย์พรหมวังโส
และผู้แปล คุณ ศรีวรา อิสระ
และผู้เผยแพร่ 

เครดิต คุณnatty จากเวป Goldhips.com


 sing หลั่นล้า sing

      บันทึกการเข้า

Peaceful and Useful Life
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #640 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2554, 20:48:51 »

จริงค่ะ
เพราะแล้วฉันก็จะเป็นสุข กับเขาด้วยเหมือนกันมานานแล้ว
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #641 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2554, 21:04:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ roong15 เมื่อ 04 มิถุนายน 2554, 17:11:35

สวัสดีตะวัน และพี่น้องทุกคน

เอาของฝากจากพี่ตุ๊มาให้ดูกันครับ

ขอบพระคุณ พี่ตุ๊อรสา และคนอื่นๆ ที่ส่งให้พี่ครับ



Your Vacation Planner for 2011


There’s that new beach in Japan…






Or the “Skywalk” at the Grand Canyon







If you’re not afraid of heights, there’s "Tema Park" in Las Vegas











Or tennis at Dubai…













Like hiking?

















Or maybe you want something tamer…like a bike ride









Your Vacation Planner for 2011
Brought to you by your friendly life insurance agent




 sing หลั่นล้า sing

พี่รุ่งคะ
ดูแล้ว จ้างก็ไม่ไป อยู่บ้านดีกว่า กลัวตก อิๆ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
roong15
Full Member
**


Peaceful and Useful Life
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514

« ตอบ #642 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2554, 21:36:25 »



สวัสดีครับตะวัน และพี่น้องทุกคน

เพิ่งแวะไปเยี่ยมพี่ป๋องมา ก็เลยขอยืมคลิปนี้มาแปะไว้ในห้องนี้ครับ

Beetlejuice - Day-o (Banana Boat Song)

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=AQXVHITd1N4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=AQXVHITd1N4</a>

ขอบคุณพี่ป๋องครับ


 sing หลั่นล้า emo42ๆ)
 



      บันทึกการเข้า

Peaceful and Useful Life
roong15
Full Member
**


Peaceful and Useful Life
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514

« ตอบ #643 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2554, 21:39:02 »


 
 สวัสดีครับน้องป้อม
 
 ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ  มาบ่อยๆนะครับ


 sing sing
      บันทึกการเข้า

Peaceful and Useful Life
roong15
Full Member
**


Peaceful and Useful Life
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514

« ตอบ #644 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2554, 21:25:40 »



สวัสดีตะวัน และพี่น้องทุกคน

เอาของฝากจากพี่ตุ๊มาให้ดูกันครับ

ขอบพระคุณ พี่ตุ๊อรสา และคนอื่นๆ ที่ส่งให้พี่ครับ


It's incredible!
ตัวอย่างหนึ่งของความพยายาม
สุดยอดมาก
อยากให้ทุกคนได้ดู



can you do it too?


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=5GNzBFnUAdo" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=5GNzBFnUAdo</a>

 sing หลั่นล้า sing
      บันทึกการเข้า

Peaceful and Useful Life
seree_60
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ชีวิต คือ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คือ ชีวิตเรา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,865

« ตอบ #645 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2554, 22:46:49 »

ขอบคุณมาก รุ่ง ตามดูตลอดครับ
      บันทึกการเข้า

iss u.Don"t be sure that the world is wide
       until you check it out by your self.
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #646 เมื่อ: 07 มิถุนายน 2554, 23:24:44 »

สาธุ ที่เรายังโชคดี กว่าเธอ .......thank
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #647 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2554, 16:01:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ roong15 เมื่อ 06 มิถุนายน 2554, 21:39:02

 
 สวัสดีครับน้องป้อม
 
 ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ  มาบ่อยๆนะครับ


 sing sing

ตามดูตลอดอยู่แล้วค่ะ พวกพี่ๆมีอะไรน่าสนใจมาให้ดูเสมอนี่คะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #648 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2554, 12:47:58 »


  มาอ่าน มาดู มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย  win
      บันทึกการเข้า
roong15
Full Member
**


Peaceful and Useful Life
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514

« ตอบ #649 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2554, 14:17:27 »

สวัสดีตะวัน น้องป้อม หมอนี้ Pete และพี่น้องทุกคน (บางทีพี่ตุ๊อาจจะแอบมาอ่านแตไม่โพสท์อะไร)

เอาของฝากจากพี่ตุ๊มาให้ดูกันครับ

ขอบพระคุณ พี่ตุ๊อรสา และคนอื่นๆ ที่ส่งให้พี่ครับ

*****************************************

เรื่องน่าสนใจสำหรับคุณผู้หญิง

New Fitting Room at Department Store....WoW!


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=jDi0FNcaock" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=jDi0FNcaock</a>


Rumor has that if you don't make the purchase then the mirror will show you naked.



      บันทึกการเข้า

Peaceful and Useful Life
  หน้า: 1 ... 24 25 [26] 27 28 ... 44   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><