อสุภสูตร
(นำ)
หันทะ มะยัง อะสุภะสุตตะปาฐัง ภาณามะ เส.
(รับ)
อะสุภานุปัสสี ภิกขะเว วิหะระถะ,
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เธอทั้งหลายจงเป็นผู้พิจารณาตามเห็นซึ่งอารมณ์ โดยความเป็นของไม่งามอยู่เป็นปรกติเถิด,
อานาปานัสสะติ จะ โว อัชฌัตตัง ปะริมุขัง สุปะติฏฐิตา โหตุ,
จงเข้าไปตั้งสติอยู่เฉพาะหน้าด้วยดี ในลมหายใจเข้าออก,
สัพพะสังขาเรสุ อะนิจจานุปัสสิโน วิหะระถะ,
จงพิจารณาตามเห็นความไม่เที่ยง ในสังขารทั้งปวงอยู่เป็นปรกติเถิด,
อะสุภานุปัสสีนัง ภิกขะเว กายัส๎มิง วิหะระตัง,
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เมื่อเธอทั้งหลายตามพิจารณาเห็นอยู่ซึ่งอารมณ์, โดยความเป็นของไม่งาม โดยปรกติมีอยู่ในกาย,
โย สุภายะ ธาตุยา ราคานุสะโย โส ปะหิยะติ,
ย่อมละความเคยชินในความกำหนัด, (ราคานุสัย) เพราะเห็นความงาม โดยความเป็นสักว่าธาตุเสียได้,
อานาปานัสสะติ อัชฌัตตัง ปะริมุขัง สุปะติฏฐิตายะ,
เมื่อเธอทั้งหลาย, เข้าไปตั้งสติไว้ด้วยดีเฉพาะหน้าในลมหายใจเข้าออก,
เย พะหิรา วิตักกาสะยา วิฆาตะปักขิกา เตนะ โหนติ,
ย่อมทำให้วิตกทั้งหลาย อันมีมาจากภายนอกให้นอนลง ความคิดอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความคับแค้นย่อมไม่มี เพราะวิตกนั้น,
สัพพะสังขาเรสุ อะนิจจานุปัสสีนัง วิหะระตัง,
เมื่อเธอทั้งหลาย, ตามพิจารณาเห็นซึ่งความไม่เที่ยง, ในสังขารทั้งปวงอยู่ประจำ,
ยา อะวิชชา สา ปะหียะติ ยา วิชชา สา อุปัชชะติ,
ย่อมละอวิชชาเสียได้ ย่อมทำวิชชาให้เกิดขึ้น,
อะสุภานุปัสสี กายัส๎มิง อานาปาเน ปะฏิสสะโต,
ภิกษุผู้ตามพิจารณาเห็นอยู่ซึ่งอารมณ์, ในกายว่าไม่งามโดยปรกติ, มีสติอยู่เฉพาะที่ลมหายใจเข้าออก,
สัพพะสังขาระสะมะถัง ปัสสัง อาตาปี สัพพะทา,
มีความเพียรพยายามอยู่ทุกเมื่อ, พิจารณาเห็นอยู่ซึ่งความสงบลงแห่งสังขารทั้งปวง,
สะ เว สัมมัททะโส ภิกขุ ยะโต ตัตถะ วิมุจจะติ,
ภิกษุนั้นแล, เป็นผู้เห็นโดยชอบ พยายามอยู่, ย่อมหลุดพ้น เพราะเหตุนั้น,
อะภิญญาโวสิโต สันโต สะเว โยคาติโค มุนี,
ภิกษุนั้นแล, เป็นผู้จบอภิญญา สงบระงับแล้ว, เป็นผู้ล่วงส่วนแห่งโยคะเสียได้ (กิเลสเป็นเครื่องประกอบ) ชื่อว่าเป็นมุนี,
อิติ...ด้วยประการฉะนี้....แล,