23 พฤศจิกายน 2567, 04:52:38
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 666 667 [668] 669 670 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3551625 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 20 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16675 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2560, 07:05:50 »



สำหรับหลวงพ่อเทียน
ท่านพูดคำว่า" รู้ "
รู้ ยังไม่เห็น

ตอนรู้ยังอยู่ภายใต้อำนาจของความคิด
แม้นความรู้ตัว
ก็ยังอยู่ภายใต้การครอบงำของความคิด

อันนี้สำคัญ
เมื่อเห็นนั้นเห็นด้วยอาการ
เมื่อรู้นั้นรู้โดยความคิด
ยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของความคิด
เพราะฉะนั้นการปฏิบัติที่รู้ตัวนี้
จึงมีปัญหาอยู่ในตัวมันเอง

เมื่อเราไม่รู้ตัว
คือก่อนนี้เราลืมตัว
ไปด้วยด้วยตามสบายตามที่กิเลสชั้นนำ
แต่พอรู้ตัวขึ้นมา
ก็เกิดปัญหาในตัวมันเอง
เพราะเป็นการรู้ภายใต้ความคิด
ดังนั้นพอเริ่มรู้ตัว
ก็เริ่มสร้างปัญหาในตัวมันเอง
แต่เป็นปัญหาที่จะนำไปสู่การสิ้นปัญหา

สติปัฏฐานไม่ใช่เรื่องของการคิดเอา

 แต่อาศัยความคิดและ
ความรู้ตัวทันท่วงทีต่อการเกิดการคิด
หรือการเคลื่อนไหวของอินทรีย์ต่างๆ

ไม่ต้องรู้ตัวหนังสือสักตัวเดียวก็ได้

ไม่ต้องรู้เลยก็ได้

สัมผัสได้ทางจิต

ความรู้สึกตัวนี้แหละ

ไม่จำเป็นต้องมานั่งนึกว่า

มันเป็นอนัตตาได้อย่างไรไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน

จุดนี้ ได้โยงมาสู่สิ่งสำคัญอันหนึ่งที่ว่า
เมื่อจิตสงบแล้ว
ให้พิจารณาว่า
มันไม่เพียงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา

เพราะมันเป็นอยู่แล้ว

เป็นกฎธรรมชาติที่เป็นเองอยู่แล้ว

ตรงนี้มาถึงทางแยกที่สำคัญ

คือการพิจารณาด้วยความคิด

ปรีชาญาณของผู้ไม่รู้หนังสือ
เขมานันทะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16676 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2560, 07:09:37 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

อาหารเช้า จำเป็นสำหรับร่างกาย จงรับประทานอาหารให้เป็นยา
- ครบ ๕ หมู่ ตรงเวลา ๒ มื้อ คือเช้า - กลางวัน (มื้อเย็นไม่รับประทานก็อยู่ได้ และไม่ยุ่งยากในชีวิต)
- ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับอายุ
- นอนหัวค่ำ
- สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น และ
- ภาวนา

ทำได้ดังนี้ ความสงบสุขจะเกิดกับท่านทั้งร่างกาย และจิตใจ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16677 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2560, 08:53:53 »



วันที่ ๑๓ ตุลาคม
ได้เข้าไปกราบ วางพวงดอกดาวเรือง บนพานหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ ๙
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16678 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2560, 08:55:24 »



ได้ถือโอกาส ดูความด้าวหน้าของการสร้างพระเมรุมาศ ถึงจะดูอยู่ก่าง ๆ ก็ตาม
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16679 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2560, 08:56:55 »



ต้องขิขอบคุณกัลยาณมิตร ที่ถ่ายภาพให้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16680 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2560, 08:58:46 »



วันนี้ เป็นวันเสด็จสวรรคตครบ ๑ รอบปี
ประชาชนมาระลึกถึงพระองค์  มากนาบลาพระองค์ จำนวนมากครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16681 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2560, 09:01:02 »



สิ่งที่จะทำให้พระองค์ได้ คือทำความดีเพื่องสังคม เพื่อประเทศไทย และภาวนา
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16682 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2560, 09:02:28 »



ขอบคุณตนเองที่ได้มากราบลา พระองค์ท่าน อีกครั้ง

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16683 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2560, 20:09:38 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16684 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2560, 20:11:09 »



วันที่ ๒๖ ตุลาคม วันถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ ๙
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16685 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2560, 20:12:06 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16686 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2560, 20:12:56 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16687 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2560, 15:06:51 »

ขอบคุณมาก ครับ ที่เตือนสติ

ต่อไปนี้ ผมจะไม่ยุ่ง กับข้อเขียนต่าง ๆ ในสื่อออนไลน์ ที่ผมไม่ได้ตรวจสอบ จนผมจะเลิกใช้ internet แล้ว ทั้ง ๆ ที่ไม่ท่องเนตเลย แต่เพื่อนฝูงชอบส่งมา ส่วนมากผมจะไม่อ่านเลย เพราะตรวจสอบไม่ได้  จึงขอร้องอย่าหวังดีกับผมเลย ส่งมาก็ไม่อ่าน

โลก internet มีแต่เสียเงิน แต่การทำงานยังมีอยู่  ขอใช้ internet ทำงานอย่างเดียว กลุ่มต่าง ๆ อยากลาออกให้หมด แต่เพื่อนฝูงขอร้อง ก็ทนอยู่ในกลุ่มไปอย่างนั้น  ตอนนี้ควบคุมตนเองได้ ไม่อ่านไลน์ จะไม่มีอะไรเตือนผมทางไลน์ facebook อยากให้การใช้โทรศัพท์ติดต่อกันอีกครั้งแทน ไลน์

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16688 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2560, 09:12:39 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
เสร็จสิ้นพระราชพิธี ถวายพระเพลิง เก็บอัฏฐิ บรรจุพระสรีรังคาร ในกลวงรัชกาลที่ ๙ สมบูรณ์แล้ว เสร็จสิ้นการไว้ทุกข์  ได้ออกจากทุกข์แล้วในวันนี้ ๓๐ ตุลาคม
เป็นการเริ่มต้นรัชกาลใหม่ รัชกาลที่ ๑๐ อย่างเต็มตัว ในวันนี้
ขอให้ทุกท่านน้อมนำคำสอนของในหลวงรัาชกาลที่ ๙ มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน อยู่ในสังคม และดำรงค์ชีวิต และ
น้อมนำคำสอนของสมเด็จพระสังฆราชที่เทศนาก่อนถวายพระเพลิงพระบรมศพ ที่ท่านสอนให้อยู่ด้วยความไม่ประมาท ให้มีสติ ในการดำรงชีวิต ทำงาน ให้มีสติในศีล  ภาวนา ปัญญา ไม่หลงอยู่ในความคิดตนเองมี่ประกอบไปด้วยความโลภ ความโกรธ และความหลง เป็นดังนี้ได ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านทรงทราบได้ ท่านก็จะมีจิตเบิกบาน จากไปด้วยสุขใจ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16689 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2560, 15:25:05 »

ถึงแม้ตาบอด
 แต่ถ้าใจไม่บอดก็จะรับรู้ได้ว่า.......

เมื่อวานนี้ วันที่ 29ตุลาคม 2560
คุณวินทร์ เลียววาริณ
 นักเขียนรางวัลซีไรต์ ได้โพสต์ เฟซบุ๊ค

 "งบประมาณจัดงานระราชพิธี 
90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
 แค่ซื้อความสามัคคี
ของคนในชาติอย่างเดียวก็คุ้มเกินคุ้ม

คนไทยรักกันมากขึ้นเพราะงานนี้ มีแต่คนใจบอดเท่านั้น ที่มองไม่เห็น"

 “วันนี้เป็นวันสุดท้ายของพระราชพิธีศักดิ์สิทธิ์ ความจริงก็ไม่อยากโพสต์อะไรอีก อยากปล่อยให้กาลเวลาช่วยลดทอนความโศกเศร้าของชาวไทยลงไปเองทว่ามีประเด็นหนึ่งที่อาจค้างคาใจหลายคน ก็ขอเสริมความเห็นสักนิดนั่นคือเรื่องการตั้งคำถามว่า ราคาของพระราชพิธี 90 ล้านเหรียญสหรัฐฯสิ้นเปลืองเกินไปหรือไม่ ทำไมไม่เอาไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์กว่านี้

มันก็เป็นตรรกะเดียวกับทำไมเราต้องลงทุนหลายหมื่นล้านดอลลาร์พัฒนาโครงการอวกาศ ซึ่งพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรมมานานแล้วว่าคุ้มกว่าคุ้ม

ผมไม่รู้ว่าตัวเลข 90 ล้านเหรียญนี้มาจากไหน สมมุติว่าจริงไปก่อนก็แล้วกัน ถ้าจริง 90 ล้านเหรียญสหรัฐฯถือว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับผลที่ได้รับแค่ซื้อความสามัคคีของชาติอย่างเดียวก็คุ้มเกินคุ้ม คุ้มซูเปอร์คุ้มคนไทยรักกันมากขึ้นเพราะงานนี้ มีแต่คนใจบอดจึงมองไม่เห็น

ต่อให้ต้องจ่ายหมื่นล้านแสนล้านเพื่อรวมใจคนไทยเข้าด้วยกัน ก็ยังถือว่าถูก มันถูกกว่าราคาโครงการประชานิยมทั้งหลายนับพันๆ เท่า และยั่งยืนกว่า

นอกจากความสามัคคีแล้ว พระราชพิธีนี้ยังยกระดับภาพลักษณ์ประเทศ ภาพลักษณ์คนไทย การท่องเที่ยว การส่งเสริมวัฒนธรรมไทยไปยังนานาชาติ ฯลฯ ซึ่งหากคำนวณเป็นเม็ดเงิน น่าจะเป็นเงินหลายแสนล้าน และยั่งยืนไปอีกนานแสนนาน

"นี่เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ทรงประทานแก่เรา"

เป็นการง่ายที่จะวิพากษ์ แต่ไม่ง่ายที่จะวิเคราะห์ ดังนั้นเราก็ไม่ต้องไปใส่ใจหรือโมโห

พระราชพิธีจบแล้ว ต่อแต่นี้เราควรเอาพลังงานทั้งหมดมาช่วยกันดำเนินตามรอยพระบาทกันดีกว่า
อย่าทำลายสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น สิ่งดีๆ ที่แม้พระองค์ไม่ทรงอยู่แล้ว ยังคงมอบให้เรา

.………………..
วินทร์ เลียววาริณ
ราษฎรในรัชกาลที่ 9”

ผมก็เห็นด้วยกับ คุณวินทร์  เลียววาริณ

นอกเหนือจากความสามัคคีที่เกิดขึ้นแล้ว การท่องเที่ยว...ต่าง ๆ ตามมามีมูลค่ามากกว่า ดีกว่าหมดไปเกือบล้าน ล้านบาท กับการสร้างเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ทำให้น้ำท้วมนานขึ้น สูงขึ้น จนน้ำมาจ่อคอหอยคน กทม.เหมือนท่อส่งน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา เขื่อนชัยนาท มาส่งให้คน กทม. รวดเร็วขึ้น เพราะน้ำไม่มีที่ไป หาประโยชน์ไม่ได้เลย จนอนาคต กทม. ไม่น่าอยู่เพราะน้ำจะต้องท้วมแน่นอน และกับอีกหลาย ๆ โครงการที่สูญเสียไป ยังสู้เงินที่เอามา จัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวง ร.๙ เทียบกันไม่ได้เลยในผลประโยชน์ที่ได้รับ

มานพ   กลับดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16690 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2560, 17:55:20 »

ศาสตรจารย์กิตติคุณ ดร.สุรพล วิรุฬรักษ์

บัดนี้เริ่มมีฝรั่งวิพากษ์วิจารณ์ว่าการพระบรมศพฟุ่มเฟือย

เมื่อสดับตรับฟังแล้วก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นของคนวัตถุนิยม ดังนั้นจะขอตอบในแนววัตถุนิยมนี้ดูบ้าง แม้จะเป็นการไม่สู้สมควร แต่ก็ขอแสดงความคิดนี้ให้กระจ่าง การลงทุนในการนี้อาจแบ่งได้เป็นการพระเมรุส่วนหนึ่ง พระราชพิธีส่วนหนึ่ง และการบริหารจัดการทั้งปวงอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งประมาณการได้ไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ตลอดเวลาประมาณ 380 วัน มีประชาชนทั่วประเทศร่วมแรงร่วมใจ 67 ล้านคน มาร่วมงานได้ประมาณ 20 ล้านคน    เมื่อเอาเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท  หารด้วยจำนวนประชากรไทย 67 ล้านคน เป็นเงินลงทุน 14.925... บาทต่อคน ฟุ่มเฟือยมั้ย?

ผลได้ทางวัตถุนิยมคือ
ได้รักษาสืบทอดศาสตร์แห่งประเพณีของชาติให้แก่ผู้ที่ต้องปฏิบัติงานไว้สืบสานต่อไปประมาณ 10,000 คน แก่ช่างและศิลปินทุกสาขาอีกประมาณ 10,000 คนเช่นกัน ได้พระเมรุมาศเป็นอาคารสถาปัตยกรรมไทยที่วิจิตรเกินบรรยาย 1 กลุ่มอาคาร

ผลพลอยได้ทางวัตถุนิยมคือ ประชาชนกว่า 20 ล้านคนที่ดั้นด้นมาถวายบังคมพระบรมศพ ได้ถวายเงินเป็นปัจจัยนำไปทำบุญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลประมาณ 1,000 ล้านบาท เงินจำนวนนี้จะนำไปสร้างอาคารที่โรงพยาบาลศิริราชที่ทรงประทับรักษาพระองค์ อาคารนี้ย่อมแข็งแรงเช่นอาคารคอนกรีตทั่วไปอยู่รับใช้ประชาชนได้กว่า 100 ปี

นอกจากนี้การพระบรมศพยังเป็นโอกาสให้มีการสื่อสารให้คนทั้งโลกได้ทราบและเรียนรู้ศาสตร์แห่งพระราชาที่เป็นคำตอบในการรักษาโลกมิให้เป็นพิษต่อมวลมนุษยชาติเพราะวัตถุนิยม

สรุป
ลงทุนเพราะคตินิยมมูลค่า 1,000 ล้าน ได้อาคารพยาบาลมนุษย์อันเป็นวัตถุนิยมมูลค่า 1,000 ล้าน ได้ใจคนไทย 67 ล้าน ได้เผยแพร่ศาสตร์แห่งพระราชาที่องค์การสหประชาชาติยกย่องว่าเป็นคุณแก่มนุษยชาติแก่คนทั้งโลก
จึงไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย

การพระบรมศพครั้งนี้
เป็นการแสดงสัญลักษณ์อารยธรรมไทย
เป็นการเทอดพระเกียรติคุณอันล้นพ้น
เป็นการแสดงผลแห่งการกระทำความดี
เป็นการแสดงพลังไทย
เป็นการแสดงพลังแผ่นดิน

:ศาตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุรพล วิรุฬรักษ์:
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16691 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2560, 05:58:50 »

พระอาจารย์ไพศาลวิสาโล

คนเราไม่จำเป็นต้องตายอย่างทุกข์ทรมานก็ได้   แม้ก่อนตายร่างกายจะเจ็บป่วย แต่หากมีการตระเตรียมที่ดีพอ ก็สามารถตายอย่างสงบ ไม่ทุรนทุรายได้  ประการแรกได้แก่การตระเตรียมด้านจิตใจ ซึ่งควรทำแต่เนิ่น ๆ ขณะที่มีสุขภาพดี  เช่น หมั่นทำคุณงามความดี ละเว้นความชั่ว  ทำหน้าที่ที่รับผิดชอบด้วยความใส่ใจ ไม่ให้คั่งค้าง    รวมทั้งหมั่นฝึกจิตให้มีสติ สมาธิ และรู้จักปล่อยวาง

ประการต่อมาคือการตระเตรียมด้านการดูแลร่างกายในยามเจ็บป่วย   เช่น  เมื่อเจ็บป่วยจนถึงระยะท้ายของชีวิต ก็ควรพิจารณาว่า การรักษาเยียวยาอย่างใดที่อนุญาตให้ทำได้  อย่างใดที่ไม่อนุญาตให้ทำ ทั้งนี้เพื่อไม่เพิ่มทุกขเวทนา หรือสร้างความเจ็บปวดโดยไม่จำเป็น ไม่ก่อภาระแก่ครอบครัวมากเกินไป อีกทั้งยังเอื้อให้ตนเองได้ทำสิ่งที่มีคุณค่าหรือมีความหมายต่อชีวิตก่อนสิ้นลม

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2000210520236844&id=100007437465296
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16692 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2560, 06:58:35 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

โลก(มนุษย์)เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาไปตามกาล

แต่กายก็ต้องดูแล ด้วยอาหารที่รับประทานต้องก่อประโยชน์ ไม่กินตามความคิดตนเองที่ประกอบไปด้วยความอยาก

สำหรับใจนั้น ก็ดูแลด้วยการระลึกรู้อยู่เสมอว่าเขาคิดอะไร? ให้เท่าทันเขา และอย่าหลงไปกับความคิดนั้นเกินไป ทำเฉพาะที่สมควรกระทำ มีประโยชน์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และตนเอง

มีกิจอันใด ก็ทำไปตามนั้น อย่าทำในสิ่งที่เพิ่มพูนความอยากของตนเอง หรือทำตามความคิดของตนเอง ให้มีความปกติ ในอัตภาพ อยู่กับความเป็นจริงในชีวิต ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นด้วยเหตุ-ปัจจัย และดับไปเมื่อเหตุ-ปัจจัยไม่มี

ระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย วาจา อย่าเผลอ กลงกระทำไปในสิ่งที่ประสพ หรือผัสสะ เพียรระลึกให้ทันจิตตนเอง ด้วยสตินี่ละ สุขนัก

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16693 เมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2560, 06:54:57 »



 โอวาทสุดท้ายของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ก่อนที่ท่านจะเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านกล่าวว่า
"..พวกญาติโยมพากันมามาก มาดูพระเฒ่าป่วย ดูหน้าตาสิ เป็นอย่างนี้ละญาติโยมเอ๋ย ไม่ว่าพระไม่ว่าคน พระก็มาจากคน มีเนื้อมีหนังเหมือนกัน คนก็เจ็บป่วยได้ พระก็เจ็บป่วยได้ สุดท้ายก็คือ ตาย ได้มาเห็นอย่างนี้แล้ว ก็จงพากันนำไปพิจารณา เกิดมาแล้ว ก็แก่ เจ็บ ตาย

แต่ก่อนจะตาย
ทานยังไม่มีก็ให้มีเสีย
ศีลยังไม่เคยรักษาก็รักษาเสีย
ภาวนายังไม่เคยเจริญ ก็เจริญให้พอเสีย
จะได้ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ด้วยความไม่ประมาท
นั้นละจึงจะสมกับที่ได้เกิดมาเป็นคน
เท่านี้ละ พูดมากก็เหนื่อย"

นี้คือ โอวาทที่ท่านฯ ให้ไว้แก่ชาวพรรณานิคม จ.สกลนคร ตั้งแต่นั้นจนวาระสุดท้ายท่านไม่ได้พูดอีกเลย ..." ภายหลังญาติโยมทางวัดป่าสุทธาวาสได้จัดรถมารับองค์ท่านและมรณภาพที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร ในคืนวันนั้นเอง

ภาพประกอบวาดโดย เอ ท่องถิ่นธรรม จากหนังสือ "บูรพาจารย์" พิมพ์ปี ๒๕๔๕
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16694 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2560, 17:30:02 »



สวัสดี ทุกท่านครับ
วันที่ 1-14 ธันวาคม อยู่พุทธคยา รัฐพิหาร อินเดีย มาร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎกนานาชาติ ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #16695 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2560, 19:42:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 01 ธันวาคม 2560, 17:30:02


สวัสดี ทุกท่านครับ
วันที่ 1-14 ธันวาคม อยู่พุทธคยา รัฐพิหาร อินเดีย มาร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎกนานาชาติ ครับ

สวัสดี

ขออนุโมทนาด้วยครับ พี่สิงหื
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16696 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2560, 06:09:30 »

สติธรรมชาติที่เป็นเอง
ไม่มีเจตนาหรือจงใจ

การที่จะไม่เข้าไปเป็นไปจมในกาย ในความคิดปรุงแต่ง
ไม่ใช่เกิดจากการที่ดึงจิตออกมา หรือคิดเอาเองว่าไม่ไปเป็น
แต่เกิดจากการเจริญสติ สัมปชัญญะมาอย่างต่อเนื่อง
จนจิตตั้งมั่นขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ไม่มีเจตนาจะให้ตั้งมั่น
ทั้งยังประกอบด้วยการสังเกต ตระหนักว่า สิ่งที่สติระลึกได้นั้น
ถูกรู้สึกอยู่ เป็นสิ่งที่ถูกรู้ โดยสั่งสมไปเรื่อย จนเห็นความต่าง
ระหว่าง รู้ กับสิ่งที่ถูกรู้ เมื่อนั้นจิตจึงเกิดปัญญาในระดับหนึ่ง
โดยไม่เข้าไปเป็นในสิ่งที่ถูกรู้นั้น จึงสามารถเห็นความจริงได้ว่า
สิ่งนั้นไม่ใช่เรา ไม่อยู่ในอำนาจ มีความเปลี่ยนแปลงเสมอๆ
นี่จึงเป็นปัญญาเพื่อการถอดถอนความเห็นผิด ว่ากายใจนี้เป็นตน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16697 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2560, 06:13:15 »



เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๐

ได้ไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ น.อ.โชติศิลป์   ศรียาภัย (เสธต๊ะ) ที่ฌาปนสถานกองทัพเรือสัตหับ วัดสัตหีบ ชลบุรี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16698 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2560, 15:11:32 »



สวัสดี วันสิ้นปี ๒๕๖๐ แด่ทุกท่านครับ

วันนี้วันสิ้นปีเก่า อากาศ กทม.เย็น มีลมสดชื่น
กรรมใดที่พี่สิงห์ ได้ล่วงเกินทุกท่านด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี  จะโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม ขอทุกท่านจงโปรดยกโทษให้พี่สิงห์  ด้วยครับ

และกรรมใดที่ทุกท่านเคยล่วงเกินพี่สิงห์ จะโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม พี่สิงห์  ยกโทษให้ทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่มีเวร ำม่มีกรรมต่อกัน

และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ พี่สิงห์  ขอให้ทุกท่านจงยึดเอาพระพุทธ  พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง ดำเนินชีวิตอยู่ในมรรค ๘ มีจิตที่ประกอบไปด้วย เมตตา กรุณา มุฑิตา  อุเบกขา จะพยแต่ความสงบสุข ทั้งกาย ทั้งใจ มีสติ ทุกท่านเทอญ

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑ ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16699 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2560, 15:49:30 »

ใจใหม่รับปีใหม่

ปีใหม่มาแล้ว อย่าให้ใหม่แต่ปี  ใจเราก็ควรจะใหม่ด้วย   ถ้าปีใหม่มาแล้ว แต่ใจยังถูกล่ามกับอดีต  หมกมุ่นอยู่กับความผิดหวัง ความพลัดพรากสูญเสีย  หรือความเจ็บปวดในปีที่ผ่านมา  นั่นแปลว่าใจเรายังเก่าอยู่  ถ้าตัวอยู่ปีใหม่ แต่ใจอยู่ปีเก่า  เราจะไม่สามารถพาชีวิตไปข้างหน้าได้เลย 

ชีวิตก็จะจมปลักอยู่กับอดีต ดังนั้นเราจึงควรปล่อยวางเรื่องร้าย ๆ ในอดีต   อย่าปล่อยให้มันล่ามใจเรา  มองไปข้างหน้าด้วยใจที่สดใส เบิกบาน และมีความหวัง  จะไม่ดีกว่าหรือหากเราเอาประสบการณ์จากอดีตมาเป็นบทเรียน เพื่อนำพาชีวิตให้ประสบความสุขความเจริญในปีใหม่นี้

พระไพศาล​ วิสาโล
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 666 667 [668] 669 670 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><