26 พฤศจิกายน 2567, 17:25:05
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 652 653 [654] 655 656 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3581794 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #16325 เมื่อ: 07 มกราคม 2560, 20:15:20 »

          สวัสดีค่ะพี่สิงห์ มองรอบๆตัวคนบ้านน้ำท่วมลำบากจริงนะค่ะ ที่นี่ คนกระบี่ก็มีเอาน้ำเอาข้าวกล่องไปแจก  พี่มีวิธีคิดมีมุมมองแบบจิตใจดี ถือว่าการหยุดนิ่ง รอ ก็ได้ชารทแบต
ในตัวให้วันรุ่งขึ้นทำงานต่อได้
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16326 เมื่อ: 09 มกราคม 2560, 07:19:41 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อย ที่รัก

ปัญหาน้ำท้วม ทุกพื้นที่ในประเทศไทย มาจาก
- การทำถนน ไม่รู้กี่ชั้น ปิดกั้นทางน้ำไหลตามธรรมชาติ
- การถมที่สร้างหมู่บ้าน ศูนย์การค้า...อีกมาก ปิดกั้นทางน้ำไหลตามธรรมชาติ และที่เก็บน้ำแก้มลิงตามธรรมชาติ
- แม่น้ำ คลอง ทางระบายน้ำ แคบลงเพราะการรุกล้ำ มีต้นไม้ วัชพืชปกคลุม ไม่ได้รับการดูแลจากหน่วยงานรัฐ
- ไม่สร้างทางระบายน้ำเลย มีแต่ถมให้เล็กลง
- ป่าไม้ลดลง แก้มลิงตามธรรมชาติลดลง สระ หนอง บึง ที่เก็บน้ำแบบโบราณ ไม่มีแล้ว
- ปรชากรเพิ่มขึ้น เลยต้องการอาคาร ที่อยู่อาศัยเพิ่ม พื้นที่เก็บน้ำลดลง

ถ้า ประชาชน หมู่บ้าน อบต. ยังนิ่งดูดายแบบนี้ มันก็จะเห็นภาพฝนตก น้ำท้วม ประชาชนเดือดร้อนแบบที่เห็นทุกปี และมากขึ้นเมื่อฝนตกทั้งวัน

ตัวเมืองอยู่บนไหล่เขาที่ดอน น้ำก็ท้วม ที่นาในชนบท มีแต่ถนนเป็นตาหมากรุกสร้างขวางการไหลของน้ำทั้งนั้น ทั้งประเทศ  มีนต้องรื้อระบบกันใหม่หมด ต้องเปลี่ยนความคิดคนของรัฐทั้งหมดในการทำถนน และก่อสร้างอาคาร

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16327 เมื่อ: 18 มกราคม 2560, 20:19:48 »


สถูปย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้าง พ.ศ. 300 ที่ศรีลังกา

สวัสดี ทุกท่านครับ

ห่างหายไปหลายวัน เพราะไม่รู้จะเขียนอะไร? และไม่มีใครมาอ่าน  นับวันมันคงต้องยุติตามกาล ทุกสิ่งมีสองด้านเสมอ ไม่จิรังยั่งยืน เป็นไปตามธรรมชาติ

คนก็เช่นเดียวกัน มีสุข มีทุกข์ และมีไม่ทุกข์ไม่สุข  สลับสับเปลี่ยนอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย

ดังนั้น การดำรงชีวิต จึงต้องพยายามสร้างเหตุ-ปัจจัยที่ดี ผลมันจะดี การสร้างเหตุ-ปัจจัยที่ดี คือการดำรงชีวิตตามมรรคมีองค์ ๘

วันที่ ๗ กพ. พี่สิงห์  ออกเดินทางไปพุทธคยา รัฐพิหาร อินเดีย เพื่ออุปสมบท ที่วัดไทยพุทธคยา

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16328 เมื่อ: 20 มกราคม 2560, 08:30:31 »


พระพุทธรูป ไม้แกะสลักที่วัดในประเทศศรีลังกา

สวัสดี ทุกท่านครับ

พี่สิงห์ จะบวชพระวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ณ วัดไทยพุทธคยา

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม กรรม ๓ อย่างนี้ ที่พี่สิงห์ เคยล่วงเกินทุกท่าน จะโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม ขอทุกท่านจงโปรดเมตตา ยกโทษให้ด้วย ครับ

ส่วนกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ทุกท่านเคยล่วงเกิน พี่สิงห์  จะโดยเจตนา หรือไม่เจตนา พี่สิงห์  ยกโทษให้ทุกท่านทั้งหมดทั้งสิ้น อย่าได้มีเวรมีกรรมแก่กันและกันเลย เทอญ

สาธุ สาธุ สาธุ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16329 เมื่อ: 22 มกราคม 2560, 11:42:32 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

พี่สิงห์ อยู่นครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ ๒๐ -๒๔ มค. เพื่อ start-up โรงงานก่อนเดินทางไปบวช ที่อินเดีย ครับ

อย่าลืม อหการที่รูป-นาม ที่หลงว่าเป็นเรา ต้องเสพ มี ๔ ชนิด คือ

- อาหารกาย พระพุทธองค์ ท่านให้คิดเสมอว่า กินอาหารนั้นเปรัยบได้กับกินเนื้อบุตร ตนเองเพราะจะกินแบบไม่ชอบ คิดถึงบุตร กินเพื่อมีชีวิตอยู่เท่านั้น มีแต่ทุกข์ระทมใจเวลากิน

- อาหารทางผัสสะ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย พระพุทธองค์ท่านสอนว่าจงระวังเพราะจะเกิดทุกข์ตลอดเวลาเมื่อผัสสะ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏทัพพะ จงมีสติ ระวังจิตตนเองให้ดี

- อาหารใจ เมื่ อเกิดธัมมารมณ์ จงมีสติอย่าเผลอจากกาย เพราะจิตจะหลงไปอยู่ในความคิด พระพุทธองค์ทรงเปรียบได้กับไฟบัลไลกัน มีแต่ความน่ากลัว ถ้าใครตกลงไปในกองเพลิง ใจคนนั้นเป็นเช่นนั้น จงมีสติ

- อาหารวิญญาณ การเกิดทุกคราวมีแต่ทุกข์ อายตนะผัสสะกันเกิดวิญญาณ ก็มีแต่ทุกข์เช่นกัน พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบได้มหาโจรที่โเนหอกแทง สลบ ฟื้น แทงใหม่จนสลบ ฟื้น...ไม่ตาย มีแต่ทุกข์ทรมารเพราะหอก

ดังนั้น เมื่อมีทางสายเอกแห่งพระนิพพาน คือสติปัฏฐาน ๔ จงเดินไปตามทางนั้นเถิด จะได้ไม่ต้องมาเกิดอีกเลย

สาธุครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16330 เมื่อ: 23 มกราคม 2560, 07:03:20 »



 ธรรมะจากชีวิตวันหนึ่งคืนหนึ่ง ตอน รู้ทันจิต ชีวิตเป็นสุข

 พระสุรินทร์ ก่อนการคิด ปุจฉา “ตอนนี้อาจารย์รู้ว่าอาจารย์ใกล้จะตายนี่ อาจารย์วางใจอย่างไร?

อ.กำพล ทองบุญนุ่ม วิสัชนา “ก็ไม่เห็นต้องวางเลย ตายก็คือตาย อันดับแรกก็คือการยอมรับมันว่ากลุ่มของขันธ์ ๕ กองสังขารมันเป็นแบบนี้แหละ มันเป็นธรรมดาของมันอย่างนี้ การจะยอมรับได้นี้ เราต้องรู้ความจริงของมันก่อน ไม่ใช่ว่ายอมรับตะพึดตะพือไป ถ้าไม่รู้ความจริงแล้วมันยอมไม่ได้หรอก ผมไม่ได้ไปทำอะไรไม่ได้ไปทำใจอะไรเลย มันก็อยู่กันเหมือนคนละโลก ขันธ์๕ มันก็ทำหน้าที่ หิวบ้าง ถ่ายบ้างไปตามเรื่องตามราว ร้อน หนาว ปวด เวทนามันก็ต้องทำหน้าที่ รูปก็ทำหน้าที่ไป เวทนาถ้ามันไม่ทำหน้าที่มันก็หายไปขันธ์หนึ่ง จิตมันก็ต้องคิด เราไม่ไปร่วมอะไรกับมัน มันไม่ใช่เรื่องของเรา

 ผมมองว่าเป็นเรื่องของมัน เรื่องของเรามันจบไปแล้ว มันทำงานของมันไป และผมเองก็ไม่ได้เอาขันธ์ ๕ ไปทำงานอะไรแล้ว ไม่ได้ไปพูดธรรมะ ขันธ์ ๕ มันจะทำงานของมันเอง มันจะทำขนาดไหน หนักหรือเบาก็เรื่องของมัน ส่วนเรื่องดูแลรักษานี่ เราก็ช่วยเหลือมันได้นิดหน่อย คุณเอ๋ก็ได้จัดการช่วยเหลือ เลยทำให้ขันธ์ ๕ พอจะยืดอายุไปได้หน่อย มีการเสริมยาที่จะต้องช่วยเหลือมัน แม้บางส่วนมันทำงานไม่ได้แล้วก็หายามากระตุ้นให้มันลุกขึ้นมาๆ มาทำหน้าที่ มันหมดแล้วเวลาจะถ่ายก็กินยา หายใจก็ช่วยปั๊มมัน

สรุปเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว อาจจะไม่อยู่นะ อยากจะบอกสั้นๆ 2 ตอนว่า “รู้ทันจิตชีวิตเป็นสุข ถ้าปล่อยวางจิต ชีวิตไม่ทุกข์” ขี้เกียจคิดแล้วผม (หัวเราะ) มันไม่ค่อยอยากจะคิด สังเกตดูเวลาเราคิดนิดเดียวจิตมันรู้สึกเหนื่อย พอไม่คิดมันสบาย เวลาผมนอนไม่หลับ ก็นอนธรรมดามันไม่เหนื่อยอะไร แต่พอคิดปุ๊บ เอาแล้วจิตมันต้องทำงาน”
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16331 เมื่อ: 29 มกราคม 2560, 20:24:54 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16332 เมื่อ: 30 มกราคม 2560, 07:28:44 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16333 เมื่อ: 30 มกราคม 2560, 07:30:18 »



สวัสดี ทุกท่านครับ

พี่สิงห์  ยังทำงานอยู่นครศรีธรรมราช จนถึง ๓๑ มกราคม ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16334 เมื่อ: 30 มกราคม 2560, 20:42:56 »

.
หลวงพ่อไปให้คีโม รอบนี้ยาแรง
เม็ดเลือดขาวลงไปเหลือศูนย์เลย
ตอนนี้ขึ้นมายังไม่เต็มที่
เลยต้องห่างๆพวกเรา สักเดือนสองเดือน
แต่เม็ดเลือดหลวงพ่อขึ้นเร็วนะ
เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง
เกล็ดเลือดอะไรอย่างนี้ก็ขึ้นเร็ว

คนอื่นเค้าไปปลูกถ่ายไขกระดูก
ให้ยาเสร็จแล้วต้องอยู่โรงพยาบาล ๔ ถึง ๖ สัปดาห์
หลวงพ่ออยู่ ๒ สัปดาห์เนี่ย ออกมาแล้ว
รีบหนีออกมา อยู่นานแล้วก็ป่วยมาก
มาอยู่วัดสบาย อยู่กับธรรมชาติเนี่ย สบาย
ที่นี่อากาศดีกว่ากรุงเทพฯ กรุงเทพฯสกปรก

ในวัด มีสัตว์ให้ดูเยอะนะ
อยู่โรงพยาบาลเห็นแต่พยาบาล เดี๋ยวก็มาๆ
มาทีไรเราเจ็บตัวทุกทีแหละ
จิ้มตรงโน้นจิ้มตรงนี่ไปเรื่อยนะ

.
*** ... เราภาวนาน
เวลาเจ็บป่วย เวลาลำบากทางร่างกายเนี่ย
เราเห็นผลของการปฏิบัติ
ใจเราไม่เดือดร้อน แต่ร่างกายนะเดือดร้อน
บางทีไปผ่า ผ่าโน้นผ่านี้ มีผ่าเรื่อยๆ
ผ่าใส่พอร์ต เพื่อจะให้คีโม
เจาะคอ เส้นเลือดที่คอไปดูดสเต็มเซลล์
อะไรอย่างนี้นะ เดี๋ยวก็ผ่าถอดออก
เดี๋ยวผ่าใส่สายอื่น เดี๋ยวเอาสายออก อะไรอย่างนี้นะ
บางทีก็เจาะโน่นเจาะนี่ไปเรื่อย

หมอชอบถาม
พอทำเสร็จแล้วจะถาม หลวงพ่อหลับเหรอ
ไม่หลับหรอก ใครจะหลับลงเน๊าะ จิ้มเอาๆ
(หมอถาม)ทำไมหลวงพ่อนิ่งจังเลย

.
พอใจเราสงบนะ เราก็แยกขันธ์ไป
ที่ต้องเจ็บมากมันก็เจ็บน้อย

แต่หมอเค้าก็เก่งนะ เค้าก็มี(ให้)ยาชามีอะไร
แต่เจอ(หมอ)บางคนใจร้อนนะ
ฉีดยาชาปุ๊บก็ผ่าเลย แล้วถามว่าเจ็บมั้ย
บอก เจ็บสิ

.
อาศัยเราฝึก ใจเราร่มเย็น
ที่จะต้องป่วยมากๆ มันก็ป่วยน้อยหน่อย
ที่จะป่วยนานๆ ก็ป่วยสั้นหน่อย
ที่ต้องเจ็บเยอะ ก็เจ็บน้อยหน่อย

ถ้าเราภาวนาไปเราจะรู้เลย
อย่างเวลาที่เจ็บปวดเนี่ย
จิตเข้าไปขยายความรู้สึกเจ็บปวดเนี่ยเยอะมากเลย

ไปทดลองเวลาทำฟันน่ะนะ
ทำฟัน เจ็บ
ถ้าใจเราหวั่นไหว ใจเรากลัว มันก็จะเจ็บมาก
ทำใจสบายๆ ดูกายอยู่ส่วนหนึ่ง
ความเจ็บปวดอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่ส่วนหนึ่งนะ
มันรู้สึกว่าเจ็บพอทนได้

เมื่อก่อนเคยสอนพวกผู้หญิง
ตอนนั้นหลวงพ่อยังไม่ได้บวชหรอก
เพื่อนๆผู้หญิง มีประจำเดือนนะ ปวด
โอ้ย กินยา(เพราะ)ปวดมาก
สอนให้เค้าแยกขันธ์นะ
ไม่ต้องกินยาแล้ว เหลือปวดนิดเดียว
แล้วเค้าบอก โง่มาตั้งนานนะ ตั้งแต่วัยรุ่น
รู้สึกปวดมาตลอดเลย
ที่แท้จิตไปขยายความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

เนี่ยเรารู้กายอย่างที่กายเป็น
รู้เวทนาที่แทรกอยู่ในกาย
หรือเวทนาแทรกอยู่ในจิต
รู้อย่างที่เค้าเป็น (เจ็บ)ไม่เท่าไหร่
เวทนาทางกาย พอเรารู้แล้ว แยกออกไปแล้ว
เจ็บก็ไม่เท่าไหร่

เวทนาทางใจก็เหมือนกัน ถ้าแยกเป็นนะ
เวลามีความสุขมากมาย กระดี๊กระด๊า
เรามีสติระลึกรู้ ว่าจิตมีความสุข
เราจะพบว่าความสุขหายไปซะเยอะเลย

ใครเคยเป็นมั้ย
มีความสุข มีความสุข
พอรู้ทันนะ มันหายไปเฉยๆ เหลือนิดเดียว
เวลามีความทุกข์ก็เหมือนกัน
ทุกข์จะเป็นจะตาย
จะฆ่าตัวตายแล้ว ทุกข์มาก
ดูลงไปนะ เหลือทุกข์เล็กนิดเดียว
แต่สุข ทุกข์ ยังย้อมใจเราได้อยู่

สุข ทุกข์ ยังย้อมใจเราได้อยู่
พอฝึกไปถึงจุดหนึ่งเนี่ย
สุข ทุกข์ ก็ย้อมใจไม่ได้
ดี ชั่ว ก็ย้อมใจเราไม่ได้
จะเหลือแต่ความรับรู้ที่ตรงๆ
ไม่มีการขยายความรู้สึก

ค่อยๆฝึกศาสตร์อันนี้
ฝึกจิตฝึกใจไป ถึงวันหนึ่งมันได้ใช้ประโยชน์

.
วันหนึ่ง
พวกเราทุกคนจะต้องเข้าสงครามใหญ่
สงครามใหญ่ของเรามี ๒ ครั้ง

ครั้งหนึ่ง
สงครามทางกาย คือตอนที่จะตาย
ตอนนั้นนะ จะทุกข์ทรมานมาก
ช่วยตัวเองไม่ได้ บางคนก็ดิ้นเร่าๆ

ถ้าเราฝึก
เราเห็นร่างกายมันเจ็บป่วย
เห็นความเจ็บปวดก็อยู่อีกส่วนหนึ่ง
ร่างกายอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่ส่วนหนึ่ง
จะตาย ก็เห็นธาตุขันธ์มันแตกมันด้บไป
มันไม่ใช่เราตาย

.
สงครามใหญ่อีกครั้งหนึ่งนะ
คือเวลาจะข้ามภพข้ามชาติ
ตอนจะจบเป็นพระอรหันต์นะ
สงครามนั้นน่ากลัว สงครามใหญ่
น้อยคนที่ผ่าน มีน้อย
ผ่านยากกว่าสงครามตอนจะตายซะอีก
สงครามตอนจะตาย
ผ่านไปแล้วเดี๋ยวไปเกิดอีก มาสู้อีก

สงครามทางใจเนี่ย แตกหัก
วาระนั้น มันจะเห็นทุกข์ ทุกข์แสนสาหัส
ทุกข์ อย่างที่ไม่เคยทุกข์มาก่อนเลย
มันจะเห็นจิตเป็นตัวทุกข์
ไม่ใช่เห็นว่า ร่างกายเป็นทุกข์บ้างเป็นสุขบ้าง
จิตเป็นทุกข์บ้างเป็นสุขบ้าง
ถึงตรงนั้น จิตนั้นแหละคือตัวทุกข์
ขันธ์คือตัวทุกข์ งั้นไม่มีที่จะหนีเลย

เข้าฌาน จิตไปอยู่ในพรหมโลก
เข้าฌานมันก็มีจิตอีก มันก็มีทุกข์อีก
มันไม่มีที่หลบที่หลีกเลยนะ
มันเผชิญกันเต็มที่ตรงนั้น
กำลังไม่พอ ถอย เสื่อมลงไป
สะสมกำลังอีก อีกหลายปีกว่าจะขึ้นมาได้อีก

เราไม่รู้ว่า
สงครามแตกหักตรงนี้ จะเกิดเมื่อไหร่นะ
ทางร่างกายจะตาย ตอนไหนยังไม่รู้
ทางจิตใจ จะแตกหักข้ามภพข้ามชาติ
วัฏฏะมันจะถล่มลงไป ตอนไหนไม่รู้
ไม่มีอะไรที่รู้เลย ว่าตัวเองพร้อม

.
ฝึกทุกวัน ถือศีล ๕
ฝึกจิตใจให้อยู่กับตัวเอง รู้สึกตัวไป
ดูกาย-ดูใจทำงาน เจริญปัญญา
เห็นรูปเห็นนามทำงาน ไม่ใช่ตัวเรา
เนี่ยปัญญาก็เกิดเป็นขั้นๆไป

ขั้นแรก
เห็นว่า รูปนามขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา
ปัญญาต่อไปก็เห็นว่า
รูปนาม/ขันธ์ ๕ เนี่ย เป็นตัวทุกข์

ทีแรก
มันเห็นกายเป็นตัวทุกข์ก่อน(ภูมิธรรมพระอนาคามี)
เห็นกายเป็นตัวทุกข์ ก็ไม่กลับมาเกิดในโลก
ที่ติดอยู่ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย
ไม่เพลิดเพลินในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกายแล้ว

ภูมิพระอนาคามี
พอใจในความสุขความสงบของจิต
ชอบนั่งสมาธิ ชอบสงบ วันๆ ไม่อยากยุ่งกับใคร
สงบ สบาย รู้แจ่มแจ้งเลยว่า
ถ้าจิตอยาก ถ้าจิตยึด จิตจะทุกข์
ถ้าจิตไม่อยาก จิตไม่ยึด จิตจะไม่ทุกข์

ภูมิธรรมที่พระอนาคาฯรู้นะ
ว่ากายเนี้ย เป็นตัวทุกข์
ถ้าจิตอยากในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส
ในโผฏฐัพพะคือสิ่งสัมผัสกาย
จิตทยานออกไป จิตจะทุกข์
มีความอยากแล้วทุกข์
แต่ไม่เห็นนะ ว่าตัวจิตเป็นตัวทุกข์ เนี่ยไม่เห็น

ตรงที่เห็นว่าตัวจิตเป็นตัวทุกข์เนี่ย
ยากที่สุดเลย
ถ้า(เห็น)จิตเป็นตัวทุกข์ตัวเดียวนะ
ขันธ์ทั้งหมดมันจะเป็นตัวทุกข์
เพราะขันธ์ทั้งหมดเกิดไปจากจิตดวงเดียว
อาศัยจิตดวงเดียวนี้ รูปนามก็เกิดขึ้น
มีรูปนามก็มีผัสสะ
มีผัสสะก็มีจิตขึ้นมาอีก
มันจะเกิดผัสสะได้ก็ต้องอาศัยจิตอีก
จิตคนละชนิดกัน
จิตทำงานได้เยอะแยะหลายแบบ

.
รู้สึกตัวไปนะ

เมื่อวานมีคนถามนะว่า
รู้สึกตัว..กับรู้..มันต่างกันยังไง

ถ้าหัดใหม่ๆ
หลวงพ่อสอนให้รู้สึกตัวไปก่อน
ให้รู้เฉยๆนะ เดี๋ยวจะไปหลงอยู่ในว่าง
(หมายถึง: รู้โดยไม่แทรงแซง
ไม่ไปหลงอยู่ในความว่าง-ผู้ถอดความ)

แต่การวางของใจเนี่ยไม่เหมือนกัน

รู้สึกตัว
มันจะมีรูปมีนามเนี่ย (จิต)มันจะดูไป
มันจะมีความจงใจรู้สึกอยู่หน่อยหนึ่งนะ

แต่..รู้..เนี่ย จิตจะไม่แสวงหาอารมณ์ที่ถูกรู้
คนละระดับกัน
ตอนแรกก็รู้สึกตัวก่อน

รู้ แปลว่า
เห็นรูปนามเค้าทำงานของเค้าเอง ไม่ได้เจตนา(จะรู้)
คนละระดับกัน(กับรู้สึกตัว)

_/|\_ _/|\_ _/|\_

#หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

วัดสวนสันติธรรม 2 มกราคม 2560

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ 68
File: 600102
พระธรรมเทศนาระหว่างนาที 0:30-- 12:29

ดาวน์โหลดไฟล์เสียงธรรมะได้ที่
Dhamma.com
.....
กราบคุณพระรัตนตรัยด้วยความเคารพอย่างสูง
กราบพ่อแม่ครูอาจารย์ ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
.....
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16335 เมื่อ: 30 มกราคม 2560, 20:43:33 »

เห็นว่ามีประโยชน์ครับ

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16336 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2560, 07:45:30 »

      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #16337 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2560, 15:58:29 »

กราบสวัสดีค่ะพี่สิงห์. พี่จับภาพจากทีวีหรือค่ะตัวเองไม่ได้ดู รู้เลยค่ะช่วงเวลานั้นเราหายร้อนที่เห็นท่านยิ้มแย้มแก้มแดงมากลุ่มเพื่อนอักษร
ประมาณ28คนวันงานอุทยานร2ท่านเสด็จมาจุด
ลานกวีซึ่งเป็นที่โล่งกลางแจ้งมีเพียง
พัดลมไอน้ำสำหรับท่าน คนถวายทูลว่าวันนี้
พวกเราเปนปลา3แดด ท่านเลยหัวเราะ สมจริง
ท่านหลายแดดกว่าท่านเดินทุกจุดชาวบ้านก็มาเฝ้าท่านหยุดอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย. อ้อปานนี้
พี่มาอินเดียและบวชแล้วในวันที่8กราบอนุโมทนากับพี่สิงห์ ขอจงสำเร็จ สำเร็จ
สาธุ สาธุ ค่ะ
      บันทึกการเข้า

เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #16338 เมื่อ: 10 กุมภาพันธ์ 2560, 21:59:01 »

หลวงพี่

ผมขออนุโมทนาบุญ ในโอกาสที่หลวงพี่ได้บวช ณ ประเทศอินเดียครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16339 เมื่อ: 01 มีนาคม 2560, 19:38:17 »



พระธรรมโพธิวงศ์
พระอุปัชฌา  นำกราบต้นพระศรีมหาโพธิ์ และพระบูชา และสวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16340 เมื่อ: 01 มีนาคม 2560, 19:39:28 »



ถวายผ้าไตร
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16341 เมื่อ: 01 มีนาคม 2560, 19:40:36 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16342 เมื่อ: 01 มีนาคม 2560, 19:41:51 »



ขอบรรพชา เป็นสามเณร
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16343 เมื่อ: 01 มีนาคม 2560, 19:43:49 »


ขอบคุณ โยมวัฒนา-โยม รศ.ประกายแก้ว ที่ทำหน้าแทนเหมือนคุณพ่อ-คุณแม่ ถวายผ้าไตร ในการบรรพชา
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16344 เมื่อ: 01 มีนาคม 2560, 19:48:17 »



ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึก ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อบรรพชาเป็นสามเณร เสร็จ

ทางวัดไทยพุทธคยา รับบวชพระ บรรพยาเป็นสามเณร บวชเป็นแม่ชี ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์  ให้ทุกท่านติดต่อไปทางวัด ในเวบไซท์วัดไทนพุทธคยา พระอาจารย์ป้อม แต่จะต้องกำหนดสึกเมื่อออกจากอินเดีย เพราะพระอุปัชฌา ท่านอยู่อินเดีย ไม่สามารถดูแลในเมืองไทยได้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16345 เมื่อ: 01 มีนาคม 2560, 19:50:56 »



ท่านเจ้าคุณพระธรรมโพธิวงศ์ ทำพิธีปลงผม ให้ และมีพระสวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และสังฆคุณ โดยท่านเจ้าคุณนำสวด
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #16346 เมื่อ: 01 มีนาคม 2560, 19:51:34 »

ตอนนี้หลวงพ่อมานพ จำวัดอยุ่ที่วัดพระนอน จะลาสิกขาวันที่ 12 มี.ค.2560 ใครประสงค์ไปตักบาตร ขอเรียนเชิญ
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16347 เมื่อ: 01 มีนาคม 2560, 19:51:52 »



โยมวัฒนา
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16348 เมื่อ: 01 มีนาคม 2560, 19:52:47 »



คุณโยม รศ.ประกายแก้ว
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #16349 เมื่อ: 01 มีนาคม 2560, 19:53:31 »



ผมเอาไปลอยในแม่น้ำคงคาเมืองพาราณาสี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 652 653 [654] 655 656 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><