24 พฤศจิกายน 2567, 07:46:06
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 633 634 [635] 636 637 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3570135 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 19 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15850 เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2559, 18:25:46 »



พวกไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ออกข่าวว่า รัฐบาล จะล้มบัตรทอง  มันไม่เป็นความจริงครับ เพราะเขาเขียนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ

ของเดิม มันมีปัญหา โรงพยาบาลอำเภอเจ้ง เพราะค่าใช้จ่ายบุคคลากรมาก และมีแต่คนแก่-เด็ก มากกว่าคนหนุ่ม จึงขาดทุน อยู่ไม่ได้ บริการทางการแพทย์คุณภาพลดลง ได้ข่าวว่ากระทรวงสาธารณสุข จะแยกงบบุคคลากรออกมาจากค่าพยาบาล เพื่อให้โรงพยาบาลอยู่ได้ ไม่ขาดทุน เพราะมันเป็น fix cost และเป็นเงินจำนวนมากด้วย

รอดูครับ ว่าเขาจะปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างไร? ไม่มีการยกเลิกบัตรทองแน่นอน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15851 เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2559, 07:26:14 »

ในสมัยพุทธกาลมีสามเณรน้อยองค์หนึ่ง ชื่อติสสะ
อายุ ๗ ปี มาบวชเพื่อศึกษาเล่าเรียน และปฏิบัติธรรมอยู่ในสำนักพระสารีบุตรเถระ อัครสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นระยะเวลาหนึ่งปี

สามเณรท่านนี้ได้รับการพยากรณ์จากพระสารีบุตรว่า " ชะตาถึงฆาต" จะต้องมรณภาพ ภายใน ๗ วันขอให้ปลงอายุสังขารเสีย พอสามเณรได้ฟังดังนั้น ในฐานะนักปฎิบัติธรรม ท่านก็มิได้สะทกสะท้าน หรืออาลัยในชีวิตแต่อย่างใด ไหน ๆ ก็จะละสังขารแล้ว ก็ใคร่จะขออำลาพระอาจารย์ไปโปรดโยมบิดา มารดาสัก ๓ วัน เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณเป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก็ออกเดินทาง กะว่าจะใช้เวลาไปกลับให้ทันก่อนกำหนด เพื่อฟังธรรมจากพระสารีบุตรเป็นครั้งสุดท้าย ในระหว่างการเดินทาง เนื่องจากในช่วงเวลานั้นเป็นหน้าแล้ง น้ำในลำธาร ห้วยหนอง เหือดแห้ง สามเณรได้เห็นปลาน้อย จำนวนหนึ่ง ดิ้นกระแด่ว ๆ ใกล้จะถึงเวลาตายอยู่ในบ่อน้ำที่กำลังแห้งเหือด ด้วยจิตที่เป็นเมตตา ท่านได้นำจีวรช้อนตักปลาฝูงนั้น ไปปล่อยในแม่น้ำสายใหญ่ แล้วจึงเดินทางต่อไป หลังจากโปรดโยมบิดา มารดา และเดินทางกลับมายังสำนักแล้ว

พอครบกำหนดตามที่พระสารีบุตรพยากรณ์เอาไว้ ก็เข้าไปกราบลาเพื่อขอฟังธรรมก่อนละสังขาร แต่พระสารีบุตรกลับไม่แสดงธรรมโปรด และได้กล่าวกับสามเณรว่า "กรรมดี ที่เณรได้ช่วยชีวิตฝูงปลา ซึ่งบังเอิญเป็นเจ้ากรรมของเณรแต่อดีตชาติ ประกอบกับบุญกุศลที่เณรได้ทำไว้ด้วยการถือเพศบรรพชิตในปัจจุบัน ทำให้เจ้ากรรมนายเวรเกิดความปีติ ทั้งสองฝ่ายได้ยินยอมให้กรรมหนักถึงตายของเณรหลุดพ้น ด้วยการ "อโหสิกรรม" ต่อกัน เณรได้พ้นกรรมบัดนี้แล้ว"

ดวงชะตานั้นเปลี่ยนได้ด้วยกรรมใหม่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ทาน ศีล การสวดมนต์เจริญภาวนา ดังคำสอนหลวงตาม้าว่า "เอ็งเริ่มไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ดวงเอ็งก็เปลี่ยนแล้ว ให้ฝากดวงไว้กับพุทธะ ธัมมะ สังฆะ มันอยู่ที่ตัวแกเอง"

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15852 เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2559, 07:33:21 »



มนุษย์ ประกอบไปด้วย รูป-นาม

รูป ก็คือร่างกาย ที่มีธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ประกอบกันขึ้นเป็นร่างกาย ที่เขาเรียกว่ามนุษย์(ในภาษาไทย)

นาม ก็คือ จิต สามารถรู้อารมณ์ได้ ที่ประกอบไปด้วย เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ นามนั้นไม่มีตัว ไม่มีตน

นามต้องอาศัยรูป  รูปก็ต้องอาศัยนาม  ธรรมชาติมันสร้างมาแบบนั้น

สภาวะอารมณ์ การรู้แจ้งทางอารมณ์ หรือผัสสะทางทวารทั้งหกนั้น คือสภาวะธรรม ที่ปรุงจิต หรือธรรม นั่นเอง

ดังนั้นอาหารของรูป-นาม พระพุทธองค์  จึงแบ่งออกเป็น ๔ อย่าง คือ
- อาหารกาย
- อาหารทางผัสสะทวารทั้งห้า ตา หู จมูก ลิ้น กาย
- อาหารใจ
- อาหารทางวิญญาณ

อาหารกาย นั้น กินมากที่ประกอบไปด้วยความอยาก ก็มีโทษ กินแบบไม่รู้จักกิน หรือกินน้อยเกินไป ร่างกายมันก็อยู่ไม่ได้
ด้งนั้น อาหารกายต้องกินด้วยสัมมาสติ รู้จักกิน กินอาหารให้เป็นยา กินเพื่อความคงอยู่ของรูปที่ดี ตามที่มันต้องการที่ไม่ประกอบด้วยความอยาก
พระพุทธองค์ จึงยกข้อเปรียบเทียบให้ฟังให้ได้คิด คือ มีสองคนผัว-เมีย พร้อมด้วยลูกน้อย ต้องเดินทางผ่านทางธุรกันดาร มีเสบียงจำกัด ไม่มีผู้คนอาศัย เมื่อมาถึงกลางทางเสบียงหมด ลูกน้อยเสียชีวิตลง เพื่อที่ตนเองจะได้มีชีวิต สามารถเดินทางไปถึงที่หมายได้ จึงต้องตัดสินใจ เอาเนื่อลูกน้อยมาตากแห้งทำเป็นเสบียงกิน ขณะกินเนื้อลูกน้อย มีแต่ความโศก เศร้า ทุกขเวทนา แต่ก็ต้องจำเป็นต้องกินเพื่อให้มีชีวิตรอด ไม่ได้กินเพื่อความอร่อยเลย และไม่อยากกินด้วย แต่ต้องกิน

เมื่อเราจะกินข้าวทุกครั้งนึงถึงเรื่องนี้ เราจะกินแบบมีสติ กินเท่าที่จำเป็น กินอาหารที่มีประโยชน์ กินให้เป็นยา ไม่กินตามใจปราถนา หรือความอยาก มันก็จะห่างไกลโรค เรื้อรังได้  เพราะโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับรูป ในปัจจุบันนั้น มาจากอาหารที่กินอยู่ทุกวันนี้เอง  นี่คือความจริง ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15853 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2559, 05:10:38 »



อรุณสวัสดิ์ ทุกท่านครับ

การใส่บาตร นอกจากจะเป็นการบำรุงพระพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นการฝึกชำระจิตใจ ให้เป็นผู้รู้จักให้ เสียสละ

อย่าลืมว่า การให้นั้นมันจะตรงข้ามกับความตระหนี่ ขี้เหนี๋ยว

สาเหตุที่ทำไม? คนจึงมีความโลภ มีความอิจฉา ซึ่งนำมาด้วยความทุกข์  คำตอบคือ ก็เพราะความตระหนี่ อิจฉา ริษยา นี่ละเป็นต้นเหตุ

ดังนั้น เราต้องฝึกจิตของเราให้เป็นผู้ให้ รู้จักการเสียสละ คือการใส่บาตรพระตอนเช้า  โดยเฉพาะถ้าท่านมีลูก ควรฝึกลูกให้หัดใส่บาตรพระ นั่นละคือสิ่งที่ประเสริฐที่ท่านให้กับลูกท่าน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15854 เมื่อ: 15 กรกฎาคม 2559, 07:23:37 »


ธัญพืช อาหารเช้านี้

อาหารทางด้านผัสสะ

ได้แก่อาหารของ ตา หู จมูก กาย
ทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมง ทุกวัน ตาต้องเห็นรูป เมื่อเห็นก็เกิดการรู้แจ้งทางตาที่เรียกว่ามโนวิญญาณ ประกอบกับสัญญาที่เคยประสพมาก่อน จึงเกิดการปรุงแต่งอารมณ์ เกิดเวทนา ตามมา คือชอบ ชัง เฉย ๆ ในทำนองเดียวกัน หูได้ยินเสียง จมูกได้ดมกลิ่น กายได้สัมผัสทางกาย ก็เกิดเวทนา สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ชอบชัง มันจะเกิดขึ้นตลอดเวลาเพราะเราตูเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้ดมกลิ่น กายได้สัมผัส อยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับเราจะมีความรู้สึกทางไหน(สติ) นั่นเอง

พระพุทธองค์ จึงทรงสอนให้ระวังตา  หู  จมูก  กาย เอาไว้ให้ดี ด้วยการมีสติ ไม่ชอบ ไม่ชัง จึงทรงเปรียบเทียบเป็นนิยายว่า  มีแม่โคนมตัวหนึ่ง มีผิวหนังอ่อนบางมาก แม่โคอยู่ในร่มก็โดนแมลงกัดต่อย เจ็บแสนสาหัส อยู่กลางแดดก็โดนแสงแดดเผา เจ็บแสนสาหัส  เวลากลางคืนก็โดนยุงกัดเจ็บปวดแสนสาหัส  ชีวิตของไม่แค่ต้องเจ็บปวดตลอดเวลา  เมื่อเรานึกถึงนิยายเรื่องนี้  จะทำให้เราต้องระวังตา หู จมูก กาย ของเรา ไม่หลงไปปรุงแต่งตาม เพราะเราต้อง เห็น ได้ยินเสียง ได้ดมกลิ่น ได้สัมผัสทางกายตลอดเวลา เช่นกัน การปรุงแต่ง ล้วนนำทุกข์มาให้ เข่นเดียวกับแม่โคที่ถูกทรมารตลอดเวลา


สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15855 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2559, 15:56:49 »



วันอังคารที่ ๑๙ กรกฎาคม เป็นวันวิสาขะบูชา
เป็นวันที่พระพุทธองค์ ทรงประสูติ  ทรงตรัสรู้ และทรงปรินิพพาน

เราพุทธศาสนิกชนม์  ควรเข้าวัด ทำบุญ  น้อมนำเอาธรรมของพระพุทธองค์  มาปฏิบัติ โดยเฉพาะ ดำเนินชีวิตตาม มรรค มีองค์ ๘

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15856 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2559, 16:01:22 »

พี่วปอ 47 ครับ ผมขออนุญาตส่งสรุปเสวนาร่างรัฐธรรมนูญก่อนลงประชามติ จัดโดยสวตท เพื่อให้เป็นความรู้ก่อนลงมติ 7 สค ครับ อย่างน้อยรู้ไว้บ้างยังดีกว่าไปลงมติโดยไม่รู้ครับ การประชาสัมพันธ์เขาน้อยมาก

สรุปเสวนา "เข้าใจร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก่อนลงประชามติ" @ ศ สังเวียน
เมื่อ 13 กรกฎาคม 2559

ปัญหาหลักของไทย
1. ปท. ไม่เจริญ
2. เหลื่อมล้ำ
3. สังคมแตกแยก

สาเหตุ
1. corruption
2. คุณภาพการศึกษา
3. การบังคับใช้ กม. *ค. โปร่งใส /ความไม่เป็นธรรม / วินัย
4.. จริยธรรมการเมือง
5.ระบบราชการหย่อนประสิทธิภาพ
6 .ไม่มียุทธศาสตร์พัฒนา ปท. ต่อเนื่อง (ex. SG/ MY)
7. ค่านิยม: materialist/ short term/ no social responsible

ร่างใหม่
- เน้นความเป็นสากลมากขึ้น *อะไรที่ไม่ได้เขียนห้ามไว้ สามารถทำได้หมด
- การออก กม. ที่จำกัดสิทธิ ต้องผ่านการรับฟังความเห็น ปชช./ ไม่ขัดหลักนิติธรรม / ไม่เกินจำเป็น
- ยืนยันว่าไม่มีการลดสิทธิประโยชน์ด้านบัตรทอง/ การศึกษา /ประกันสังคม / เบี้ยผู้สูงอายุ
-รัฐจัดการศึกษาและดูแลเด็กเล็กฟรีรวม 14 ปี + คำสั่ง คสช. อีก 3 ปี (ม.ปลาย) รวมเป็น 17 ปี
- เพิกถอนสิทธิลงเลือกตั้งตลอดชีวิต สำหรับผู้ทุจริตในการเลือกตั้ง/ต่อหน้าที่ (เดิมเว้นวรรค 5 ปี)
- ยังเป็นระบบ 2 สภาเหมือนเดิม คือ สส. และ สว. โดยสส. 500 (แบ่งเขต 350 & บช. รายชื่อ 150) เป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียวเหมือนเดิมและกาบัตรใบเดียว แต่เพิ่มเติมเรื่องการนำคะแนนที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเขตได้ลงคะแนนไว้ทุกคะแนน (ทั้งคนที่ได้ /ไม่ได้รับเลือกเป็น สส เขต) ไปรวมนับคะแนนจากเขตอื่นทั่วประเทศเพื่อกำหนดจำนวน สส. ทั้งหมดที่พรรคนั้น ๆ จะได้แล้วนำจำนวน สส. เขตที่พรรคนั้นได้ไปหักออก ก็จะได้ สส. บช. รายชื่อ
- สว. จำนวน 200 คน
- การเลือก สว. จะตั้งกลุ่มตามความรู้ / เชี่ยวชาญ / อาชีพการงาน ฯลฯ ปชช. สามารถสมัครเองได้ จากระดับอำเภอ --> จังหวัด --> ประเทศ *5 ปีนี้ ขอให้มี สว. 250 คน ทั้งจากการเลือกและสรรหาโดย คสช.
- คสช. สนช. กรธ. จะพ้นตำแหน่งก่อนรัฐบาลใหม่เข้ามาทำหน้าที่

ด้านเศรษฐกิจ
- ไม่ได้บอกว่าไทยใช้ระบบ ศก. อะไร (เดิมระบุ ระบบเสรีอย่างเป็นธรรม) แต่เน้นว่า เป็นระบบที่ ปชช. พึงได้ประโยชน์ไปด้วยกัน
- นำหลัก sufficiency eco มาใช้เตือนสติ
- *รัฐไม่ประกอบกิจการแข่งเอกชน
- *ส่งเสริมธุรกิจ ขนาดกลาง-ย่อม
- *พัฒนาวัตถุและจิตใจและตวามอยู่เย็นเป็นสุขของ ปชช. อย่างสมดุล
- กม. ยุทธศาสตร์ชาติ  ต้องเสร็จใน 120 วัน หลังรธน. ผ่าน --> ยุทธศาสตร์ชาติ (20 ปี) เสร็จในอีก 12 เดือน
- ดังนั้น เท่ากับว่าหลัง รธน. ผ่าน ยุทธศาสตร์ชาติต้องเสร็จใน 16 เดือน --> เมื่อมี ครม. เข้ามา การทำงานต้องสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงการทำ งปม. ด้วย
- กระบวนการ/ ระยะเวลาอนุมัติ งปม. แผ่นดิน สั้นลง --> แผนต่างๆ เดินหน้าเร็วขึ้น --> กำหนดระยะเวลาจัดทำ กม. หลายฉบับสั้นลงและบทลงโทษในกรณีทำไม่เสร็จ -->ขอเห็นชอบหนังสือสัญญา รปท. ต้อง พจณ. ให้เสร็จใน 60 วัน (เหมือน รธน. 50) ถ้าไม่เสร็จถือว่าเห็นชอบ

Q&A
- หากร่าง รธน ไม่ผ่าน?  จะให้คนอื่นมาร่าง โดยไม่มีกำหนดเวลา หรือว่าจะร่างจากฉบับใด ไม่จำเป็นต้องประชามติใหม่ และไม่กำหนด process ใดๆ
- การได้มาของตุลาการ? ที่ผ่านมาการทำงานได้รับการยอมรับ และมีระบบตรวจสอบกลั่นกรองที่ ok
- จำกัดจำนวน สส.? จำนวน สส. ที่พรรคจะได้ ขึ้นอยู่กับคะแนนที่ ปชช. ลงให้
- ถ้ารับร่าง จะมีผลต่อ ปชช. อย่างไรและ ปชช ได้อะไร?  ร่างนี้เน้นป้องกันแก้ปัญหา ปท./ สิทธิ ปชช. ไม่น้อยกว่าเดิม/ ให้ความสำคัญและการมีส่วนร่วมของ ปชช./ ถ้ารัฐธรรมนูญใช้ได้เร็ว ก็จะมีการเลือกตั้ง และได้รัฐบาลจากการเลือกตั้ง
- เน้นย้ำว่ารัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นการวางอนาคต ปท.
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15857 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2559, 16:03:44 »

Skip to main content
เว็บไซต์ประชามติ
หน้าแรก
มติรัฐธรรมนูญ
มติน่าสนใจอื่นๆ
ข่าว
เกี่ยวกับเรา / ติดต่อเรา

ร่วมลงประชามติ: ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นคนจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เว็บไซต์ประชามติ ชวนคิด หากทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2558 ไม่ผ่าน ควรทำอย่างไร?
7 เรื่องน่ารู้ก่อนลงประชามติ 7 สิงหา
 
| editor | Submitted 2016-05-30
 
หลายคนยังคงสับสนและงุนงงในหลายประเด็นสำหรับการออกเสียงประชามติที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 เพื่อการเตรียมความพร้อม เราข้อย้ำเตือน 7 ประเด็นก่อนเข้าคูหาลงประชามติ
 
1. อาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2559 เป็นวันลงประชามติ
อย่าหลงอย่าลืม กกต.กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2559 วันนี้วันเดียวเท่านั้นเป็นวันออกเสียงประชามติ
 
2. เริ่มออกเสียง ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น.
วันออกเสียงประชามติคูหาลงคะแนนเริ่มเปิดเวลา 08.00 น. และจะปิดลงในเวลา 16.00 น. อย่าลืมเตรียมบัตรประจำตัวประชาชน, บัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุ, บัตรหรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายและมีเลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือบัตร ให้พร้อมเพื่อแสดงตนในการไปออกเสียง
 
3. ไม่มีการลงคะแนนล่วงหน้าหรือลงคะแนนนอกประเทศ
ย้ำอีกครั้งวันออกเสียงประชามติจะเกิดพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 เท่านั้น ไม่มีการออกเสียงล่วงหน้า และไม่มีการออกเสียงนอกประเทศไทย (link is external)
 
4. ออกเสียงเสียงนอกพื้นที่ได้ ถ้าไม่สะดวกกลับบ้าน
สำหรับใครก็ตามที่ไม่สามารถออกเสียงประชามติที่บ้านตามที่อยู่ในสำเนาทะเบียนบ้าน สามารถลงทะเบียนออกเสียงนอกพื้นที่ได้ โดยลงทะเบียนผ่าน 3 ช่องทางคือ (1) ยื่นผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต (2) ยื่นทางไปรษณีย์ (3) ยื่นด้วยตนเอง ที่สำนักงานเขต สำนักทะเบียนอำเภอหรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น ซึ่งวันที่ 17 กรกฎาคม 2559 จะเป็นวันประกาศบัญชีรายชื่อผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัด (คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม)
 
5.  ลงทะเบียนออนไลน์ออกเสียงนอกเขต ถึง 30 มิถุนายน 2559
ช่องทางในการลงทะเบียนออกเสียงประชามตินอกพื้นที่แบบออนไลน์น่าจะเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายดายที่สุด ผู้ที่ต้องการออกเสียงนอกพื้นที่สามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ที่ http://election.dopa.go.th (link is external) ภายในเวลา 24.00 น. ของวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ทั้งนี้ทาง กกต.จะแจ้งไปที่บ้านของผู้ลงทะเบียนเพื่อยืนยันการใช้สิทธินอกเขต หาก กกต.ไม่ติดต่อมาอย่าลืมทวงถาม ไม่งั้นต้องกลับไปใช้สิทธิที่บ้าน 
 
6. อายุ 18 ปี บริบูรณ์ในวันออกเสียงมีสิทธิออกเสียง (เกิดไม่เกิน 7 สิงหาคม 2541)
ใครที่อายุ 18 บริบูรณ์ในวันออกเสียงประชามติ (เกิดไม่เกิน 7 สิงหาคม 2541) ก็มีสิทธิไปลงคะแนนเสียงได้แล้ว โดยก่อนวันออกเสียง กกต.จะจัดส่งหนังสือแจ้งเจ้าบ้านเพื่อแจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงไม่เกินวันที่ 22 กรกฎาคม 2559 ซึ่งหากรู้ว่าตัวเองมีสิทธิแต่ไม่มีรายชื่อ ต้องไปเพิ่มรายชื่อต่อนายทะเบียนอําเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น ภายในวันที่ 27 กรกฎาคม 2559
 
7. การลงประชามติมีสองคำถาม
เน้นย้ำกันอีกที่ 7 สิงหาคมนี้ การลงประชามติมีสองคำถาม คำถามแรกคือ "ให้ความเห็นชอบ หรือ ไม่เห็นชอบ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ฤชุพันธ์ ทั้งฉบับ" และคำถามที่สองคือ ให้ความเห็นชอบ หรือ ไม่เห็นชอบ ประเด็นเพิ่มเติมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่า “เห็นชอบหรือไม่ ให้ ส.ว.แต่งตั้งร่วมกับ ส.ส.เลือกนายกรัฐมนตรีในระหว่าง 5 ปีแรกของรัฐธรรมนูญนี้”
 
 
Tags:
ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559ร่างรัฐธรรมนูญมีชัยเว็บไซต์ประชามติ
ประชามติ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15858 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2559, 16:05:54 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15859 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2559, 20:15:17 »


 
นิสิตใหม่ จุฬาฯ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15860 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2559, 20:15:53 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15861 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2559, 20:16:34 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15862 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2559, 20:17:12 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15863 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2559, 20:17:42 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15864 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2559, 20:18:14 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15865 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2559, 20:18:57 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15866 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2559, 20:29:48 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15867 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2559, 20:30:21 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15868 เมื่อ: 17 กรกฎาคม 2559, 08:47:06 »



สวัสดี ทุกท่านครับ
วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ที่ผ่านมา วศ. จุฬาฯ 2513 ได้จัดงานทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้กับเพื่อน ๆ ที่เสียชีวิต ประมาณ 30 ท่านด้วยกันที่ โรงแรมเจ้าพระยา

มี ดร.พิมวรินทร์ เป็นประธาน ครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15869 เมื่อ: 17 กรกฎาคม 2559, 10:56:35 »



ปีนี้เปลี่ยนรูปแบบ มาจัดงานตอนกลางวัน เพื่อน ๆ เลยมากันมากเป็นพิเศษ สองร้อยกว่าชีวิตด้วยกัน

ช่วงเพลก็จัดการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เพื่อน ๆ ที่เสียชีวิต และเชิญภรรยา ลูกมาร่วมงานด้วย

พี่สิงห์  เลยต้องรับหน้าที่มัคนายก จำเป็น เพราะคงจะไม่มีใครอาราธนาพระ ตามพิธีกรรมทางพุทธศาสนาได้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15870 เมื่อ: 17 กรกฎาคม 2559, 10:58:20 »



แก่ ๆ กันแล้ว จัดกลางวันแบบนี้ดีครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15871 เมื่อ: 17 กรกฎาคม 2559, 13:04:37 »



ความสงบหาได้ที่ใจ

“จะหาสถานที่ที่เพียบพร้อมทั้งความสงัด
และมีคนที่น่ารักเรียบร้อยถูกใจเรานั้น
เป็นเรื่องยาก เพราะแม้แต่พ่อแม่ที่รักเรามาก
หรือคู่ครองที่มีความรักให้เรามากมาย
ก็ยังทำบางสิ่งที่ขัดอกขัดใจเรา หรือพูดจา
กระทบกระทั่งกัน ทำให้เราขุ่นมัว การอยู่ในที่
ที่ไม่มีอะไรมากระทบกระทั่ง ไม่มีเสียงดัง
ไม่มีคนพูดจาหรือมีพฤติกรรมขัดอกขัดใจเราเลย
เป็นเรื่องยาก  เราจึงไม่สามารถหวังความสงบ
จากสถานที่ได้ ไม่ว่าบ้าน สำนักงาน หรือแม้แต่วัด   
ถ้าต้องการความสงบก็ต้องพยายามหาที่ใจเรา”

พระไพศาล วิสาโล
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15872 เมื่อ: 17 กรกฎาคม 2559, 13:08:37 »



มองดีมีสุข

“คนเราส่วนใหญ่ทุกข์ก็
เพราะความคิดหรือมุมมอง 
ถ้ามองไม่เป็น เห็นแต่ข้อเสีย
หรือข้อผิดพลาด ถึงจะได้
โชคลาภมากมายเพียงใด 
ใจก็มีแต่ความหงุดหงิดขึ้งเครียด
ความสุขนั้นบ่อยครั้งมารออยู่ข้างหน้าแล้ว
แต่ผู้คนกลับปล่อยให้มันผ่านเลยไป
เพราะมัวจดจ่ออยู่กับจุดเล็ก ๆ ที่เป็นลบ
แค่ไม่กี่จุดเท่านั้น  หากมองข้ามมันไปบ้าง
ความสุขก็จะมานั่งในใจเราทันที”

พระไพศาล วิสาโล
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15873 เมื่อ: 17 กรกฎาคม 2559, 13:10:04 »



 ดูแลใจให้ดี

“ทุกครั้งที่เราทุกข์ใจอย่าเพิ่งโทษสิ่งภายนอกตะพึดตะพือ ให้กลับมาดูใจเราด้วยว่าใจเราไปเปิดทางยินยอมหรือผสมโรงให้ความทุกข์ต่างๆ จากภายนอกเข้ามาเล่นงานใจเราหรือเปล่า ถ้าจะตอบอย่างฟันธงก็คือ ใช่ ฉะนั้นถ้าเราไม่อยากทุกข์ใจ ก็อย่ามัวเรียกร้องคนโน้นคนนี้ให้พูดดีๆ กับเรา อย่าทำสิ่งที่ไม่ดีกับเรา

อันนั้นมันเป็นไปได้ยาก เราควบคุมบังคับบัญชาคนอื่นไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือดูแลใจเราให้ดี อย่าเปิดช่องให้ความทุกข์หรือสิ่งเลวร้ายเข้ามาเล่นงานจิตใจเราได้ คนอื่นเขาทำได้อย่างมากก็แค่ต่อว่าด่าทอเรา ขโมยเงินเรา โกงเงินเรา เอาทรัพย์สินของเราไป หรือแม้กระทั่งทำร้ายร่างกายเรา แต่ว่าเขาไม่สามารถทำให้เราทุกข์ใจได้ แต่ที่เราทุกข์ใจก็เพราะเราทำตัวเอง หรือใจเรานั่นแหละเข้าไปปรุงแต่งผสมโรง

เงินหายก็หายแต่ของ ใจไม่เสีย เราทำได้ หรือว่าถูกทำร้ายร่างกายแต่ใจไม่ทุกข์ เราก็ทำได้เช่นกัน ขอเพียงแต่ดูแลรักษาใจให้ดีเท่านั้น”

พระไพศาล วิสาโล
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #15874 เมื่อ: 17 กรกฎาคม 2559, 13:14:15 »



แง่คิดจากบัวบาน

“เมื่อเห็นดอกบัวบาน ใจเราก็พลอยเบิกบานไปด้วย และถ้าพิจารณาอีกสักนิด ก็จะได้แง่คิดสำหรับชีวิตด้วย บัวนั้นถือกำเนิดจากโคลนตม ถ้าไม่มีโคลนตม ก็ไม่มีดอกบัว

ใช่หรือ ไม่ว่าทุกข์กับธรรม แยกจากกันไม่ได้ ไม่มี ทุกข์ ก็ไม่พบธรรม เมื่อใดที่มี ความทุกข์ ก็ขอให้ตระหนักว่า นั่นคือโอกาสที่จะดอกบัวจะเบ่งบานกลางใจเรา บัวเกิดในน้ำ แต่ก็สามารถเจริญเติบโตจนพ้นน้ำและชูดอกได้ อย่างสวยสดงดงาม คนเราก็ เช่นกัน แม้จะเกิดท่ามกลางกิเลส แต่ ก็สามารถยกจิตเหนือกิเลสได้

น้ำไม่อาจจับต้องใบบัวฉันใด เราก็พึงรักษาใจมิให้อกุศลและ ความทุกข์แปดเปื้อนฉันนั้น ด้วยคุณสมบัติพิเศษดังกล่าว บัวจึงถูกเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ ของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หลุดพ้นจากกิเลสสิ้นเชิง ดังนั้นเมื่อเรา เห็นดอกบัว ขอให้ถือดอกบัวเป็นครูที่สอนธรรมอันลึกซึ้งแก่เรา”

พระไพศาล วิสาโล
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 633 634 [635] 636 637 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><