24 พฤศจิกายน 2567, 11:35:53
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 569 570 [571] 572 573 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3572459 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 20 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14250 เมื่อ: 24 มีนาคม 2558, 17:19:50 »



ข้อเสียของรัฐบาลที่มาจาก อดีตข้าราชการคือ การทำงานแบบเช้าชาม เย็นชาม

ตอนนี้ชาวบ้านตามชนบท ไม่มีสตางค์กันแล้ว ความยากจน เกิดขึ้น นำมาซึ่งความวุ่นวาย เพราะคนไม่มีกิน

วันนี้ พี่สาวให้ไปกินข้าวเพลที่บ้านเพราะ ได้ซื้อปลาตะโกก มาตัวหนึ่ง กิโลกว่า วันก่อนก็ซื้อปลาม้ามา สาเหตุที่ต้องซื้อเพราะ คนหาปลารู้จักกัน หาปลาจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ เอาไปขายในตลาดหมู่บ้านวัดพระนอน ไม่มีใครซื้อ สาเหตุเพราะ สตางค์ไม่มี  ต้องอยู่อย่างประหยัด  รายได้ไม่มี ก็ต้องกินผัก กินน้ำพริกกันไป  ตอนนี้นับวันแย่ลง ๆ ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ในสายตาชาวบ้าน เพราะมันไม่มีกิน  น้ำก็ไม่มี ท้องนามีแต่ดิน  ปีหน้าปลาไม่มีแน่ ๆ เพราะไม่มีน้ำ ไม่มีปลาให้วางไข่ อีกหนึ่งเดือนก็ถึงฤดูวางไข่ แล้ว

ทำนองเดียวกัน  จากการบวชเณร  ชาวบ้านถวายปัจจัยน้อยลง  คนมาทำบุญน้อยลง เพราะมันไม่มีสตางค์ กันจริง ๆ

จงระวังสถานการณ์แบบนี้  ไม่ดีเลย และเชื่อใจได้ว่า หมู่บ้านอื่น ๆ ก็เป็นอย่างนี้

ดร.สุริยา  จะว่าอย่างไร ?

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14251 เมื่อ: 24 มีนาคม 2558, 17:50:25 »



พระนพ  ธีรวโร

ท่านใช้เวลาเป็นอาทิตย์ เดินทางจากเมืองสาวัตถี ไปยังสารนาถ-พาราณาสี
 ปกติถ้าเป็น รถยนต์ จะออกเดินทางตีสี่ บางทีก็ไปถึงสี่โมงเย็น มันเป็นระยะทางที่ไกลมาก อาจจะไกลที่สุดของช่วง

ล่าสุด ออกจากวัดตีห้า ไปถึงเกือบหกโมงเย็น เลยต้องยกยอดไปวันรุ่งขึ้นเลย

คณะพระธุดงค์  ท่านกำหนดใช้เวลาเดิน ครบ ๔ สังเวชนีย์ คือ ๕๘ วัน บัดนี้ท่านก็เดินทาง ครบ ๔ สังเวชนีย์แล้ว

ท่านเดิน 1370 กิโลเมตร ใช้เวลา ๔๘ วัน

สาธุ  สาธุ  สาธุ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14252 เมื่อ: 24 มีนาคม 2558, 18:12:38 »



ขอกล่าวคำว่า สาธุ  สาธุ  สาธุ

ครับ พระนพ  ธีรวโร
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14253 เมื่อ: 24 มีนาคม 2558, 18:18:16 »



พี่สิงห์  กลับบ้าน กทม. บ่ายวันศุกร์ที่ ๒๗ มีนาคม

เช้าวันศุกร์  ไปทำบุญ วัดพระนอน กับพระใหม่

วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ มีนาคม  ไปโรงงาน  PSTC สระบุรี

พักรักษาตัวเอง ๑ เดือน เต็ม ๆ น้องสาว  เขาต้องการอย่างนั้น ก็ต้องตามใจเขา ให้เขาสบายใจ  ให้เขาได้ตอบแทนเราบ้างในยามเจ็บป่วย มีคนหุงข้าวให้กิน มีคนซักผ้าให้ พวกเขาอยากตอบแทนเราบ้าง  เราก็อยู่อย่างง่าย ไม่เรื่องมาก กินได้ทั้งนั้น ไม่ต้องถาม กินได้หมด

สิงห์บุรี  เมืองน่าอยู่ที่สุดของประเทศไทย

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14254 เมื่อ: 25 มีนาคม 2558, 06:42:19 »



อรุณสวัสดิ์ ทุกท่านครับ

วันนี้ เป็นวันพุทธ ปกติต้องไปทำงานที่โรงงานบ้านแพ้ว มีประชุม morning talks ตั้งแต่ 07:00  น. 07:30 น. 08:00 น. และ10:00 น. เพื่อทบทวนการทำงาน และสอนให้เป็นคนดี

ไม่ได้ประชุม มาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ ละอายแก่ใจ  ได้เรียนให้ผู้จัดการโรงงานทราบว่า อาจารย์ไม่ได้ทำงานเพื่อความสบายใจ ไม่ขอรับเงินเดือน มันจะยุติธรรมดีทั้งสองฝ่าย

ได้ทราบข่าวว่า กรุงเทพฯ ฝนตกหนัก น้ำระบายลงเจ้าพระยาไม่ทัน น้ำท้วมระดับสูงมาก  ในหลายพื้นที่ ก็หวังว่าที่บ้าน น้ำคงไม่เข้าบ้าน ถ้าเข้าก็มีข้าวของจมน้ำ ก็ต้องทำความสะอาดกันใหม่ เสียหายก็ทิ้งไป ทำได้แค่นี้

กรุงเทพฯ ก็เหมือน สุโขทัย และอีกทุกพื้นที่ ที่ทำเขื่อนป้องกันน้ำท้วม คือน้ำจะท้วมเวลาฝนตกหนัก เพราะเขาทำเขื่อนไม่ให้น้ำท้วมก็จริง แต่ลืมไปว่าน้ำแม่น้ำไม่ท้วม แต่น้ำฝนนี่ละระบายออกได้น้อย เพราะมันระบายตามธรรมชาติไม่ได้ ไปปิดกั้นมันหมด ผลคือ น้ำท้วมเพราะน้ำฝน

ต้องสูบน้ำทิ้งอย่างเดียว ด้วยเงินลงทุนสูบน้ำทิ้ง

เขื่อนป้องกันน้ำท้วมของอดีตรัฐบาลยิ่งลักษณ์  ชาวบ้านเขาไม่ต้องการเพราะฝนตก น้ำท้วมทุกที เพราะน้ำมันลงแม่น้ำไม่ได้ ท่านลืมทำที่ระบายน้ำลงแม่น้ำ

กทม. ถ้าท่อไม่ตัน ต้องใช้เวลาสูบน้ำทิ้ง ครึ่งวันถึงหนึ่งวัน น้ำจึงจะแห้ง แต่ที่อื่น ๆ ไม่มีระบบสูบน้ำทิ้ง ต้องขอความช่วยเหลือจาก กรมชลประทานในการสูบน้ำทิ้ง

มันเป็นอย่างนี้ละท่าน  ผมถึงบอกว่า เขื่อนกั้นน้ำที่ทำมานั้น มีแต่ทุกขลาภ ทั้งนั้น คือ ฝนตกหนักน้ำก็ท้วม  ถึงหน้าน้ำ น้ำจะท้วมระดับสูงกว่าเดิมอีก เพราะไปกั้นน้ำไม่ให้ไปอยู่ตามแก้มลิงธรรมชาติ จะบังคับใหเน้ำอยู่ในแม่น้ำ ระดับมันก็สูง ยิ่งท้วมหนักกว่าเดิม เข้าไปอีก

สร้างปัญหาให้ธรรมชาติ  จนยากแก่การแก้ไขเสียแล้ว บันดาความเจริญ คือ เขื่อน  ถนน การถมที่สร้างโรงงาน อยู่อาศัย  ใส่เงินอีกแสนแสนล้านก็แก้ปัญหาน้ำท้วมไม่ได้ เพราะต้องแก้ทุกจุด นี่ละกรรมที่ตัวเองก่อเพราะ "อวิชชา" ละ

พายุผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง ลูกเดียวน้ำก็ท้วม ณ ปัจจุบัน เพราะน้ำไม่มีที่ไป

ในอดีต พายุต้องสาม สี่ลูกขึ้นไป น้ำจึงจะท้วม ผมจำได้ว่า น้ำไม่ท้วมเป็นสิบ สิบปี จนประชาชนทั่วไปลืมน้ำท้วม ปลูกบ้านชั้นเดียว ตามสมัยนิยม ไม่ปลูกสองชั้นตามที่ปู่-ย่า ตา- ยายปลูกบ้านใต้ถุนสูง และทุกบ้านต้องมีเรือพาย ในหน้าน้ำ แต่น้ำท้วมระดับต่ำมากไม่เกินหัวเข่า และท้วมไม่นานเกินสองอาทิตย์ก็หายไปเพราะน้ำมีอิสสระในการไหล เป็นการเฉลี่ยระดับน้ำในพื้นที่ใหญ่ จึงท้วมไม่รุนแรง

แต่ปัจจุบัน มันตรงกันข้ามหมดเลย  นี่ละคนเก่งและเห็นประโยชน์เฉพาะตน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14255 เมื่อ: 25 มีนาคม 2558, 06:56:48 »



น้ำท้วมใหญ่ ครั้งที่ผ่านมา มันเป็นเรื่องของ อุบัติเหตุทางความคิด ที่คาดการณ์ผิด เห็นประโยชน์ส่วนตนเพียงคน คนเดียว และมีรัฐบาลที่ไม่มีความคิด จึงประสพน้ำท้วมรุนแรงมาก ๆ จนทำให้ทุกคนกลัวอยู่ในจิตใจ

ในอดีต ฝนแล้ง ไม่มีน้ำดื่ม ชาวบ้านต้องอพยพหนีไปหาแหล่งที่มีน้ำอุดสมบูรณ์ ใหม่ ชาวบ้านเขาไม่กลัวน้ำท้วม เพราะมีเรือพาย ปลูกบ้านสูง ปลูกข้าวหนีน้ำได้ และอุดมสมบูรณ์ ไม่อดตาย มีทั้งปลา-ผัก และน้ำลดลงพื้นดินมีแต่ปุ๋ย ปลูกพืชดี แต่ถ้าแล้งมันอดตายจริง ๆ และแมลงก็มาก ดินก็ไม่ดี  

ชาวนาจึงชอบน้ำท้วม ดีกว่าหน้าแล้ง น้ำไม่ท้วม

ผลที่ตามมาคือ เวลาหน้าฝน  จะระบายน้ำทิ้งทะเลจนหมด ดังที่ท่านเห็นในปีนี้ ท่านกลับไปโทษฝนแล้ง ลืมว่า ท่านปล่อยน้ำทิ้งลงทะเลไปเองจนหมดอ่าง

ผลที่ตามมาคือ น้ำไม่มีใช้  ปลูกอะไรไม่ได้เลย และปลาตายหมดเพราะไม่มีน้ำให้อาศัย เมื่อมันตาย มันก็ไม่มีลูกหลานของมันในการสืบพันธุ์ นั่นเอง

นอกจากนี้น้ำในอ่างน้อย ในแม่น้ำก็น้อย ยิ่งจับปลาได้ง่าย ผลคือ ปลาธรรมชาติมันจึงเกือบจะหมดอยู่แล้ว  ไม่จับก็ไม่มีกิน เพราะไม่มีเงิน

กรรมละลูกหลานไทย ในอนาคต โดย พ่อ-แม่ คนรุ่นนี้สร้างกรรมเอาไว้ให้เสียแล้ว โดยเฉพาะนักการเมืองที่เห็นประโยชน์ส่วนตน สร้างปัญหาเอาไว้มาก บาป จริง ๆ

แต่นักการเมืองพวกนี้ ก็ไม่รู้ตัว อยากกลับ มาเป็นใหญ่มีอำนาจอีก เพราะประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น ประชาชนผู้ต้องการเงิน-ผลประโยชน์ ก็เลือกกันเข้าไป แต่อนาคต ลูกหลาน จะด่าเอา ยังไม่รู้ตัวกันอีกเพราะไปสร้างปัญหาให้เขาเ าไว้จนแก้ยากเสียแล้ว

พี่สิงห์  หมดภาระแล้ว ปลดออกจากบ่าแล้ว กำลังก้าวไปหาความตาย ต้องปลีกวิเวกแล้ว

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14256 เมื่อ: 25 มีนาคม 2558, 07:15:32 »



บ้านพี่สิงห์

วิภาวดี-รังสิต ซอย ๒๒ หลังการบินไทย ตลาดลุงเพิ่ม น้ำไม่ท้วม

พี่วสันต์  แจ้งให้ทราบ โชคดีไป

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14257 เมื่อ: 25 มีนาคม 2558, 08:15:23 »



ร่างกายของเรานี้เป็นก้อนทุกข์ เต็มไปด้วยโรค ไม่สวยงามอันใดเลย อย่าไปยินดีกับมัน อย่าไปยึดถือมันว่า เป็นเรา เป็นตัวตนของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นเรา เลย  เพราะมันเป็นความเห็นที่ผิด

ขันธ์ ๕ นี้ เราไม่สามารถสั่งการ บังคับมันได้เลย มันเป็นธรรมชาติที่ต้องเจ็บ ต้องแก่ต้องเสื่อมโทรมลงไป และต้องตาย ไปเป็นธรรมดา เรากำลังก้าวไปสู่ความตายทุกวัน

ดังนั้น ต้องอยู่ด้วยความไม่ประมาท กระทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ เกิดกุศล ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ได้ชื่อว่าทำองค์มรรคให้เกิดขึ้นแล้ว

คนเรานั้นเมื่อเกิดมาแล้ว เปรียบเหมือน เรากำลังลงเรือรั่วที่กำลังพายเรือข้ามแม่น้ำไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ้เรือกำลังมีน้ำไหลเข้าเรือ ต้องจมลงก่อนที่จะถึงฝั่ง
เรือเปรียบได้กับชีวิตมนุษย์ เรากำลังก้าวไปหาความตาย
แม่น้ำเปรัยบได้กับวัฏฏะสงสาร ที่ต้องเกิดมาชดใช้กรรม สร้างกรรมดี แก่ เจ็บ ตาย และกลับมาเกิดใหม่ วนเวียนมิรู้จบสักกี่สิบชาติ
ฝั่งน้ำเปรียบได้กับพระนิพพาน ที่กำลังรอเราอยู่
เรือรั่วเปรียบได้ชีวิตของเรา อย่าไปมัวยินดีเพลิดเพลินในกามคุณ ๕ อยู่เลย เพราะเมื่อตายมันเอาไปไม่ได้ ทั้งทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ต้องทิ้งเอาไว้บนโลก สิ่งที่จะติดตัวเราเอาไปได้คือ คุณความดี ต่าง ๆ ที่ได้กระทำเอาไว้เท่านั้น

เมื่อสำเหนียกได้ดังนี้ ขอทุกท่านจงประกอบแต่กรรมดี ดำรงชีวิตอยู่ด้วย มรรคมีองค์ ๘ ประการ หรือ ย่อให้สั้นลงเหลือเพียง ศีล  สมาธิ  ปัญญา ท่านก็ได้ชื่อว่าอยู่ด้วยความไม่ประมาท เห็นแสงแห่งพระนิพพาน อยู่ไม่ไกลเลย ขึ้นฝั่งได้แน่นอน ไม่ต้องรอคอยในน้ำ ในวัฏฏะสงสาร เกิด-ตาย วนเวียนอยู่ร่ำไป

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14258 เมื่อ: 25 มีนาคม 2558, 08:37:14 »


ทุกท่านจงดู ท่านเอาอะไรไปไม่ได้เลย ทุกอย่างที่ท่านหามาทั้งชีวิต ถูกทิ้งเอาไว้ทั้งหมด ท่านเอาไปได้แต่กรรม เท่านั้นที่ติดจิตท่านไปเพราะมันเป็นนามธรรม

วิจิกิจฉา - ความลังเลสงสัย

สำหรับทุกท่านที่ยัง เกิดความลังเลสงสัย
ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ไม่เชื่อเรื่องกรรม ว่าทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว
สวรรค์-นรก มีจริงหรือ โลกหน้ามีจริงหรือ ?
ท่านยังมีอวิชชาในจิต

ขอท่านจงละสิ่งเหล่านั้นเสีย เพราะมันไม่มีประโยชน์อันใดต่อท่านเลย จะรู้ ไม่รู้ จะจริงไม่จริง ก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ คือ

ทุกท่านกำลังประสพทุกข์ เปรียบได้กับ

พระราชา ถูกลูกศร ยิงใส่ที่อก กลับร้องสั่งทหารว่า เจ้าจงไปตามจับคนยิงนั้นให้ได้ แล้วสืบสวนดูว่า ทำไมต้องยิงเรา เราทำอะไรให้ท่านขัดเคือง เจ้าจงรีบไปดำเนินการด่วน

แทนที่พระราชา ที่ถูกศรยิงที่อก สิ่งที่ต้องกระทำเฉพาะหน้าคือ ต้องถอนลูกศรออก อุดเลือดไม่ให้ไหล ตามหมอมารักษา พระราชาก็มีโอกาสรอดชีวิต  แต่ถ้าพระราชามัวไปสืบสวนหาคนร้าย สืบเรื่อง ต่าง ๆ ลูกศรที่คาอกอยู่ ก็จะทำให้พระราชาตายลงเท่านั้นเอง

เมื่อทุกท่านกำลังประสพทุกข์อยู่ อย่าไปสงสัยในสิ่งที่กล่าวมาแล้้วเลย มันไม่ก่อประโยชน์อันใด  จงหาหนทางพ้นทุกข์ให้เกิดขึ้นเถิด ท่านก็จะได้พ้นจากวัฏฏะสงสารนี้ไปได้

การเกิดทุกครั้งมีแต่ทุก อย่าไปหลงอยู่ในวัฏฏะสงสารอยู่เลย

ทางสายเอก พระพุทธองค์ ก็ทรงบอกให้ท่านแล้ว เพียงแค่ขอให้ท่านมีศรัทธา วิริยะ เท่านั้น ก็จะถึงฝั่งพระนิพพานได้ ด้วยตัวของท่านเอง

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14259 เมื่อ: 25 มีนาคม 2558, 17:14:40 »


แม่นกต้องเลี้ยงลูกสามตัวนั้น มันไม่ง่ายเลย

สวัสดียามเย็นทุกท่านครับ

อาหารเย็นของพี่สิงห์ คือน้ำมะพร้าว

ส่วนอาหารของนกนั้นส่วนใหญ่เป็นหนอน แมลงต่าง ๆ แต่ปีนี้ฝนแล้ง หนอน แมลงมันหายาก พี่สิงห์ สังเกตมาหลายวันแล้ว ทั้งเช้า กลางวัน เย็น นกกระจอก  นกเิ้ยง นกเขา นกกิ้งโครง นกเอ้ยงสาลิกา  ต่างก็มากินดอกหญ้า เพราะอาหารมันไม่มีจะกิน

ตอนนี้ประเทศไทย เดือดร้อนทั้งคน สัตว์ ต้นไม้ ไม่มีอาหารจะกิน  ต้นไม้  นก มันอดตายได้ เพราะมันเรียกร้องอะไร ไม่ได้

แต่คน อดตายไม่ได้  ฉะนั้นต้องระวังขโมย  โจร  จะชุกชุมละคราวนี่

สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14260 เมื่อ: 25 มีนาคม 2558, 20:32:20 »



แม่นก มีลูกน้อยสามตัว
แม่นกต้องหาอาหารวันละหลาย ๆ เที่ยว จนกว่าลูกจะอิ่มและตนเองก็อิ่มด้วย
แต่กว่าลูกจะบินได้ใช้เวลาเป็นเดือน แม่นกต้องทำงานหนัก เพื่อลูกนั่นเองจะได้ไม่อดตาย แต่สุดท้ายเมื่อแม่นกแก่ลง ลูกก็ไม่ได้ช่วยแต่ประการใด เพราะธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น

สมัยโบราณ ไม่มีการคุมกำเหนิด ชาวบ้านจะมีลูกมาก ถึงสิบกว่าคน พ่อ-แม่ก็จำต้องทนเลี้ยงลูกให้รอดจนเติบใหญ่ แถมต้องเสียเงินหาคู่ครองแบ่งสมบัติให้ลูก ๆ อย่างยุติธรรม พ่อ-แม่ทำได้และเต็มใจทำยิ่ง เพราะมันเป็นหน้าที่ ทำให้เขาเกิดก็ต้องเลี้ยงดู ให้ดีด้วย

แต่ยุคปัจจุบัน มันตรงกันข้าม พ่อ-แม่ จะมีลูกไม่เกินสองถึงสามคนก็พอแล้ว เพราะกลัวไม่มีเงินเลี้ยงลูก และตนเองก็ไม่ได้เลี้ยงลูกต้องไปทำงาน ลูกจึงเลี้ยงโดยคนใช้ ปู่-ย่า ตา-ยาย ญาติพี่น้อง

ผลคือ นิสัยของลูกยุคปัจจุบัน กับลูกในสมัยโบราณ จึงต่างกันในเรื่องของความกตัญญูต่อพ่อ-แม่

นี่ละสังคมยุคปัจจุบัน สังคมแห่งความเจริญทางด้านวัตถุ  แต้จิตใจกลับเสื่อมลง

ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14261 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 06:00:31 »


เด็กนักเรียน๘๗ ชีวิตบวชเณร-ศีลจาริณี วัดป่าสุคะโต ๓ อาทิตย์

การปลูกบ้านนั้น ท่านอย่าไปกังวลถึงลูกหลานเลย
เท่าที่สังเกตุ การปลูกบ้าน จะปลูกเพื่อตนเองเป็นหลัก เพราะ มันจะล้าสมัย และสังคมเปลี่ยนไป มันเป็นยุค ๆ จริง ๆ

เมื่อก่อน หางบาง ดอนแฝก และทุกหมู่บ้าน จะอยู่รวมกันเป็นหมู่บ้าน ประกอบไปด้วยพี่-น้อง ประมาณสิบกว่าหลังคาเรือน หรือ ขยายต่อกันไปเป็นบ้านใหญ่ ๆ เพื่อ อยู่ร่วมกัน ป้องกันโจรปล้นบ้าน อาชีพ ทำนาเป็นหลัก

แต่ปัจจุบัน หมู่บ้านเหล่านั้นหายไปหมดไม่เหลือเลย กลายเป็นที่ว่าง ทุกคนมาถึงยุคใหม่ มาปลูกบ้านริมถนน บ้านใครบ้านมัน เพราะไม่มีโจรปล้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่รวมกันในหมู่พี่-น้อง เหมือนเดิม  ไม่มีการแบ่งปันอาหารซึ่งกันและกัน รวมทั้งการช่วยเหลือกันทำนา หรือลงแขก ทำนา สร้างบ้าน มันหมดไปจากสังคมไทย ทุกอย่างต้องจ้างด้วยเงิน แม้กระทั่งมัคคนายกวัด

สังคมยุคปัจจุบัน จึงขาดความอบอุ่น หนุ่ม-สาวแต่งงาน จะไม่อยู่กับพ่อ-แม่ จึงไม่มีเรื่องราวระหว่างลูกสะไภ้กับแม่ผัว ทุกคนจะไปปลูกบ้านใหม่

เงินเป็นปัจจัยสำคัญในยุคนี้ ต่อการดำรงชีวิต

เห็นบ้านที่เคยใหญ่โต สวยงาม รุ่นพ่อ-แม่ กลายเป็นที่ว่าง  ความอบอุ่นที่เคยเห็น ที่เคยได้รับ ประเพณีดี ๆ มันหมดไปจากสังคมไทย เพียงคนรุ่นเดียวเอง

ดังนั้น ยุคใครยุคมัน จริง ๆ สังคมมนุษย์

สวัสดียามเช้าทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14262 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 07:15:10 »



สวัสดียามเช้า ทุกท่านครับ

รู้สึกว่า ยังเจ็บจากแผลภายในแสดงว่า มันยังติดกันไม่สมบูรณ์ หรือเรานั่ง ยืน ไม่ถูกท่า จึงทำให้กล้ามเนื้อท้องตึง เลยทำให้เจ็บ เป็นครั้งคราว

วันนี้ จะลองเดินทางไกล  ไปโรงงาน  PSTC สระบุรี เป็นการทดสอบตัวเอง และไปดูความก้าวหน้าในการสร้าง ขยาย โรงงาน สำหรับผลิต Hollow core slabs เพราะเครื่องจักรที่สั่งซื้อจะมาถึงต้นเดือนกรกฎาคม  ปีนี้

ปีนี้เหมาะแก่การลงทุน คือเหล็กราคาถูก  น้ำมันถูก ค่าเงินยูโรตกต่ำ และสินค้ายุโรป ลดราคา โดยเฉพาะทางสเปน เพราะเศรษฐกิจ ตกต่ำมาก คนไม่มีงานทำ

ดังนั้น  ใครที่พอจะลงทุนได้  อย่าชักช้า  รีบ ๆ เสียแต่ตอนนี้

พี่สิงห์  มีภาระที่จะต้องดูแลการสร้างโรงาน ผลิต Hollow core slabs  ๔ แห่งด้วยกัน และต้องถ่ายทอดความรู้ในการออกแบบ การผลิต และขาย ให้กับพรรคพวก  เมื่อนั้นจึงจะ ล้างมือปลีกวิเวกได้ เพราะทุกคนต้องลงทุนในอาชีพใหม่นี้ คนละไม่ต่ำกว่าสามสิบล้าน บาท มันเป็นเงินมากโขอยู่  จึงยังต้องช่วยเขาต่อไปอีก  จนกว่าจะหาคนมาทดแทนได้ในอนาคต

เมษายนนี้ คงจะเริ่มต้นไปบรรยายที่ ม.วลัยลักษณ์ และสอนหนังสือ ถ้าไม่ทำอย่างนี้ เราก็จะไม่มีวิศวกรชำนาญงานทางคอนกรีตอัดแรงไว้ใช้งาน ของเราได้ เราแก่ลงทุกวัน  ต้องหาคนมาแทน

ก็หวังว่า  จากการที่เคยสอนวิศวกรของ ม.รังสิต ๒๒ คนมาแล้ว คงจะมีแววหลายคนมาช่วยงาน ทางด้านนี้ได้ มากขึ้น เราก็จะเลิกไปอย่างมีความสุข

สวัสดี

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #14263 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 10:08:11 »

สวัสดีครับพี่สิงห์

รักษาสุขภาพ ตามที่น้องสาวพี่บอกคือสิ่งต้อทำครับ
สุขภาพดีนำทางทุกอย่าง เมื่อเรายังแข็งแรงครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #14264 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 10:10:07 »

ข้อเสียของรัฐบาลที่มีอดีตข้าราชการเป็นผู้นำคือ

ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ในขณะที่ประชาชนตกทุกข์ได้ยาก
เพราะข้าราชการบำนาญก็จะได้เงินเพิ่มเช่นกัน ประมาณ 4% ของฐานเงินบำนาญที่ได้รับอยู่
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #14265 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 10:14:20 »

คสช.ขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการไปแล้ว 1 ครั้งหลังทำการยึดอำนาจ
นี่ก็จะขึ้นเงินเดือนอีกแล้วในวันที่ 1 เมษายน 58 หากไม่มีเงินให้รอตกเบิก

ชาวบ้านที่เป็นเกษตรกรขายข้าวเปลือกสดได้ราคา 6,300-6,600 บาท/เกวียน
เทียบกับช่วงประกันที่ขายได้ประมาณ 11,000 - 12,000 บาท/เกวียน
และปีที่ผ่านมา ประสบภัยแล้วจนถึงวันนี้ บางรายไม่ได้เพาะปลูก จนต้องกู้หนี้ยืมสินธนาคาร หรือกู้นอกระบบ

จริงๆ แล้วยังไม่น่าจะเพิ่มเงินเดือนให้ข้าราชการ แต่เพื่อเอาใจ ก็เป็นแบบนี้ละครับ
เพราะที่สุดไม่มีเงินจ่ายเงินเดือน ก็เริ่มรีดเอาภาษีในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงเศรษฐกิจเงินฝืด
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #14266 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 10:16:02 »

ผมว่า คนไทยต้องอดทนไปจนกว่าจะสิ้นปีนี้
เพื่อรอดูภาวะเศรษฐกิจอีกครั้ง เพราะทั่วโลกเจอเหมือนกันคือ เศรษฐกิจซบเซา บวก เงินฝืด



22,900 win win
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14267 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 16:21:39 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

ขอบคุณมาก ๆ ที่แวะมาคุยกัน

จริง ๆ ไม่น่าขึ้นเงินเดือนข้าราชการเลย ตอนนี้ ตามที่คุณเหยง ว่า ไม่รู้ใครเป็นคนชงเรื่อง  สงสัยกระทรวงการคลัง อยากอัดฉีดเม็ดเงิน  แต่อย่ามารีดภาษีก็แล้วกัน

เพราะอาชีพที่มั่นคง คือข้าราชการ ในตอนนี้

ปีนี้ แล้งนี้ ไม่มีข้าว  ไม่มีพืชผัก เพราะตามคลอง หนองบึง ไม่มีน้ำเลยสักหยด ผมถึงบอกปีหน้าไม่มีปลาน้ำจืดกิน เพราะ ปลามันไม่มีพ่อ-แม่วางไข่ เพราะกรมชลประทานไม่ยอมปล่อยน้ำ ไปเลี้ยงปลาธรรมชาติ ที่มีอยู่กลัวชาวนาปลูกข้าว ผลคือปลาธรรมชาติตายหมด ไม่มีสืบพันธุ์  ปลาในแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำก็ตื่น จับง่าย ดังนั้นหน้าปลางวางไข่เดือนพฤษภาคม  ไม่มีปลาวางไข่ตามธรรมชาติ  ปลาบางชนิดอาจจะสาบสูญไปเลย นี่ละผลพวงพวกกลัวน้ำท้วม

พี่สิงห์  ว่ามันจะอดทนกันไม่ไหว แล้วนา มันไม่มีกินจริง ๆ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14268 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 18:02:02 »


พระอาทิตย์อัศดง ภูเขาทองวัดสระเกษ

สวัสดียามเย็น ทุกท่านครับ

วันนี้วันที่ ๒๖ มีนาคม วันสถาปนา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คณะกรรมการสมาคม คงเป็นตัวแทนชาวซีมะโด่ง ไปใส่บาตร ต้อนรับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนรสชสุดาสยามราชกุมารี ที่บริเวณหอประชุมจุฬาฯ

วันนี้ เช้าได้อวยพรวันเกิด คุณน้องจอย  แห่งการบินไทย เป็นปกติทุกปีที่เคยทำมา

และวันนี้ไปทำงานที่โรงงาน PSTC และไปขอบิณฆบาตรเสาเข็ม S-0.22×0.22×6.00 m. จำนวน 28 ต้น เอาไปตอกหลังคารูปโดม ให้โรงเรียนอินทร์บุรี โดยเสริมเหล็ก dowel bars 4-DB12mm. × 2.00m. เวลาตอกจะส่งลงไปอีก 1.00 m.และทุบหัวเสาเข็ม 0.50m. ระดับเสาเข็มจะจมลงไป 7.00  m. มากกว่านี้กลัวตอกไม่ลง และเอาเสาเข็มเข้าหน้างานไม่ได้ ทางเข้ามันจำกัด เพียงแค่นี้ (อาคารเดิม ก็ตอกประมาณนี้ลงบ้าง ไม่ลงบ้าง) เลยตอกให้ได้ระดับเท่ากัน

และได้พาคนตอกเสาเข็ม ไปดูหน้างานเรียบร้อยแล้ว หลังสงกรานต์ จะตอกเสาเข็ม

สวัสดี


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14269 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 20:04:14 »



ดร.สุริยา

ใช้เสาเข็มสี่เหลี่ยมตัน - 0.22x0.22x 6.00 m.
เสริมเหล็ก dowel bars 4- DB12mm. x 2.00 m.
ระดับปลายเสาเข็มอยู่ที่ 7.00 m. หรือ 7.50 m. ต่ำจากระดับผิวดินเดิม
(อาคารเดิม ก็อยู่ประมาณนี้ เสาเข็มยาวมากกว่านี้เข้าลำบาก)
รับน้ำหนักปลอดภัยแรงกดต้นละ 20 ตัน
รับน้ำหนักปลอดภัยแรงดึงได้ต้นละ 8 ตัน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14270 เมื่อ: 27 มีนาคม 2558, 05:59:38 »



อรุณสวัสดิ์ ทุกท่านครับ

วันนี้ วันพระ ไปทำบุญวัดพระนอน

ชวนหลานสาว ครูแพรว  บรรจง  ไปทำบุญด้วย เขาจะไปญี่ปุ่น วันที่ ๒ เมษายน ไปเรัยนภาษา และ ปริญญาเอกทางปฐมวัยย์

วันนี้ พี่สิงห์  กลับบ้าน กทม. กับครูแพรว  หลานสาว

อย่าลืมดำรงชีวิตด้วย ศีล  สมาธิ  ปัญญา

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14271 เมื่อ: 27 มีนาคม 2558, 11:58:24 »


พระนอนจักรสีห์

วันนี้ ก่อนเพล พาครูแพรว  ไปไหว้พระที่วัดพระนอนอจักรสีห์
และไปกินก๊วยเตี๋ยวปลาคลุกคลิก ที่หน้าวัด
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14272 เมื่อ: 27 มีนาคม 2558, 14:27:40 »


พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ที่ขุดพบที่สารนาถ
เป็นพระพุทธรูปที่สวยที่สุด สร้างสมัยปาละราว ๆ พ.ศ.400-500

สวัสดี ทุกท่านครับ

บ่ายนี้ ได้เวลา กลับบ้านที่ กทม. เสียที
รวมเวลาที่มาอยู่สิงห์บุรี ๒๗ วัน
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่ต้องอยู่เฉย ๆ ทีวีไม่ได้ดู  ต้องอาศัยผู้อื่นดูแลเรื่องอาหารเสื้อผ้า และอื่น ๆ เพราะเราช่วยตัวเองไม่ได้มากเท่าไร

ก็ต้องขอขอบคุณ คุณหมอวิฑิต  คุณวีรยา  น้องสาว และคุณประเสริฐ-เด็กหญิงบัส  ที่ดูแล ในการพักรักษาตัวอยู่สิงห์บุรี

ทำให้ตระหนักได้ว่า ขนาดเรายังช่วยตัวเองได้  ยังต้องทำใจยอมรับสภาพว่าเราป่วย

แต่ถ้าเราแก่กว่านี้  ช่วยตัวเองไม่ได้เลยอย่างคุณปู่ทวี  ป่วยเป็นโรคเบาหวาน  จะยิ่งเวทนายิ่ง  ตอนเวลาท่านมีสติ ถามท่าน ท่านบอกไม่คิดอะไร  แต่เวลาเบาหวานขึ้นพูดทั่งวัน ทั้งคืนสองวันไม่หลับนอนเลย  ถึงแม้จะให้ยานอนหลับก็ตาม มันก็ไม่หลับ  ป่วยแบบนั้นต้องยอมรับความจริง ต้องชนะใจตนเอง  มีคนดูแลนับว่าบุญมาก

เราอย่าเป็นโรคเบาหวานเสียเลยจะดีกว่า
โรคความดัน  หัวใจ อัมพฤกษ์ หลอดเลือดตีบก็เช่นกัน จงห่างไกล
ถ้าต้องเป็น ท่านต้องมีเงินจ้างคนดูแล เพราะลูกหลานจะไม่ดูแลเพราะต้องทำงาน ต้องใช้เงินมาก

ถ้าไม่อยากเป็น ต้องระวังอาหาร ต้องออกกำลังกาย  นอนหัวค่ำ และเจริญสติภาวนา  จึงจะพอช่วยได้บ้าง

อย่าอยู่อย่างประมาท  ตามใจตนเอง  ตามใจปากเลย  ตัวเรา ลูก-หลาน จะลำบาก เพราะเราเป็นต้นเหตุ มันไม่ดีเลย

ความแก่  ความเจ็บ  ความตาย เราต้องประสพ  เพราะเรากำลังเดินไปหามันทุกก้าวย่าง

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14273 เมื่อ: 27 มีนาคม 2558, 17:46:52 »



สวัสดียามเย็น ทุกท่านครับ

พี่สิงห์  อยู่บ้าน ที่กรุงเทพฯ แล้วครับ

จากไปอยู่สิงห์บุรีเสีย ๒๗ วัน

ตอนนี้ต้องทำประตูบ้านใหม่ เพราะของเดิม ดันไม่ไหว คุณหมอห้ามออกแรง

รถยังไม่ขับ
ขอพักอีกหนึ่งอาทิตย์ เราก็ไม่มีอะไรจะไปไหน ? ถ้าไม่ไปซ้อมกอล์ฟ ตีกอล์ฟ แล้ว ไม่มีอะไรต้องใช้รถทั้งสิ้น

ต้องคิดว่าเรายังเป็นผู้ป่วย ต้องสามเดือนไปแล้วจึงจะปกติดังเดิม

ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วง ยังระลึกถึงกัน

สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #14274 เมื่อ: 27 มีนาคม 2558, 21:03:15 »


ค่ำคืนของเมืองพ่ราณาสี แม่น้ำคงคา

ราตรีสวัสดิ์ ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 569 570 [571] 572 573 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><