คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย

[Manop Klabdee]

ดร.พระไพศาล  วิสาโล

[Manop Klabdee]

[Manop Klabdee]

สาธุครับ

[Manop Klabdee]

[Manop Klabdee]

ข้อคิดจากหลวงพ่อคำเขียน


สติเป็นกัลยาณมิตรกับเรา
สติเป็นนักศึกษา  กายใจเป็นตำรา
สติเป็นครูฝึกกายใจ

ถ้ากายมีสติ  กายก็มีคุณภาพ
ถ้าจิตใจมีสติ  จิตใจก็มีคุณภาพ

[Manop Klabdee]

คำสอนของ หลวงพ่อคำเขียน  สุวัณโณ

"คนเรามันหลง
เปลี่ยนหลง เป็นรู้
รู้ซื่อ ๆ
อย่า เข้าไปเป็น
ให้เป็นเพียง ผู้เห็น
และ ไม่เป็นอะไร กับอะไร"

[Manop Klabdee]

"คนเรามันหลง" ?

คนเราแรกเกิด จิตเป็นประภ้สสร และมีกรรมติดมา แต่ผลของกรรมยังไม่เกิด หรือเกิดน้อย

แต่พอมีร่างกายครบ ๓๒ ก็เริ่มสะสมความไม่พอใจ ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เพราะ ความยึดถือว่าเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา จึงมีทั้งความพอใจ  ความไม่พอใจ ก็คือบรรดาเหล่าลูกสมุนของเจตสิก นั่นเองที่มาปรุงแต่งจิต ให้เป็นไปตามเจตสิกนั้น และความต้องการของตัวเรา  ของเรา ที่หลงผิดนั่นเอง มันสะสมเพิ่มขึ้น ๆ จนเป็นทิฐิ  เป็นอัตตา

โดยเฉพาะความคิด มนุษย์ชินที่จะเป็นทาสของความคิดตั้งแต่เกิด จึงแยกรูป-นาม ไม่ออกจึงหลงอยู่แต่ในความคิดตลอด ๒๔ ชั่วโมง กลางวันก็คิด กลางคืนก็ฝัน(คิด)

ที่ว่าคนเรามันหลง ? เพราะหลงอยู่ในความคิดนั่นเอง จนเป็นเรื่องปกติทั่วไป ของมนุษย์  ที่แยกสติหรือความรู้สึกตัว กับ ความคิด ไม่ออก หรือ มีสติเป็นผู้ดูไม่ออก เลยเป็นผู้หลงอยู่ในความคิด 

มันก็เป็นความจริง ก็นี่มันก็เป็นตัวตนของเรา  เราก็เป็นคนคิด เราก็คิดเพื่อตัวเรา เพื่อครอบครัว  เพื่อสังคม ทำเพื่อตัวของเราและครอบครัว และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน มันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และมันก็เป็นจริง

แต่ จริง ๆ มันก็หลงอยู่ในความคิด เพียงแต่ท่สนคิด กระทำในทางกุศล  ก็เลยเป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไม่ดีที่สุด ยังทุกข์อยู่

ท่านต้องแยก ออกมาจากความคิดเห็นที่ผิดเสีย มันไม่มีตัวเรา  ของเราทั้งสิ้น มันเป็นธรรมชาติที่ประกอบไปด้วย รูป  กับนามเท่านั้น และรูปนาม นั้นมันก็เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา

ทุกสิ่งล้วนเป็นอนัตตา  เราอย่าไปหาในสิ่งที่เป็นอนัตตาเลย มันไม่มี ที่เห็นนั้นมันเป็นอัตตาทั้งสิ้น เมื่อเห็นเป็นอัตตา มันจึงมีตัวเรา  ของเราไปสิ้น

ปีเก่ากำลังจะสิ้นไป  ปีใหม่กำลังจะมาถึง  ขอให้ทุกท่าน จงบังเกิดดวงตาเห็นธรรม ทำลายสักกายะทิฐิที่เห็นผิดนี้ลงเสีย  ทำให้เป็นสัมมาทิฐิ

สัมมาทิฐิ เห็นชอบตาม ปฏิจขสมุปาบาท  เห็นชอบตามอริยสัจ ๔ เห็นชอบตามกฏไตรลักษณ์  แยกรูป-นาม ได้ ตามหลักการเจริญสติปัฏฐาน ๔ และเห็นชอบตาม มรรคมีองค์ ๘

สวัสดี

[Manop Klabdee]

"อนัตตา"

อนัตตา สภาวะความเป็นไปตามธรรมชาติของรูป-นาม ที่ท่านไม่สามารถที่จะบังคับมันให้เป็นไปตามที่ท่านต้องการ หรือตามที่ท่านปราถนาได้

สำหรับนักปฏิบัติธรรม ท่านไม่สามารถบังคับจิตท่านให้อยู่นิ่งได้เลย  การไปบังคับ ก็เท่ากับท่านฝืนธรรมชาติ เพราะพระพุทธองค์ต้องการให้รู้ว่า รูป-นาม มันเป็นอนัตตา  ให้เห็นความจริงอันนี้ ซึ่งมันจะนำมาซึ่งการคลายความยึดมั่นถือมั่นในรูป-นาม ลงได้ เพราะแท้จริง มันไม่มีเรา มันไม่มีตัวตนของเรา ทั้งสิ้น

รูป-นาม มันเป็นเพียงธรรมชาติ ที่ประกอบไปด้วยรูป  เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และมี เจตสิก นิพพาน(สภาพว่าเปล่าจากการปรุงแต่งไปตามเจตสิก) มาประกอบจิต

รูป คือร่างกายที่ท่านเห็น ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เป็นเพียงก้อนเนื้อและของเหลวที่เป็นผลขของการรวมตัวกันของมหาธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ตามเหตุ-ปัจจัย

นาม ประกอบด้วย เวทนา  สัญญา สังขาร และวิญญาณ ที่ไม่มีรูปร่าง เป็นเพียงธรรมชาติของการรู้แจ้งอารมณ์

เจตสิก คือสิ่งที่มาประกอบจิต หรือมาปรุงแต่งจิต ให้เป็นไปตามสิ่งที่มาประสพ มีทั้งฝ่ายกุศล  อกุศล และกลาง ๆ เป็นนาม

นิพพาน เป็นนาม คือสภาพที่ไม่มีการปรุงแต่งจิต เมื่อประสพ มีแต่สติ หรือความรู้สึกตัว และมีกิริยา อาการเป็นไปตามธรรมชาติ ที่ต้องเป็นเพื่อการดำรงอยู่ เท่านั้น(ตามความเห็นของตนเอง)

ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติ เป็นเหตุ-ปัจจัยซึ่งกันและกันในการเกิด ในการดำรงค์อยู่ และในการดับ มันเป็นของมันอย่างนั้น เป็นอนัตตา อย่าไปยึดถือว่าเป็นเรา เป็นตัวตนของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นเรา เลย

จะมีแต่ทุกข์ สุขก็เพียงชั่าคราว เท่านั้น

สู้ความสุขจากการไม่ปรุงแต่งไม่ได้ มันปราณีตกว่า เพราะคิดน้อยลง หรือไม่คิด มีแต่สติเป็นส่วนใหญ่ ในการดำรงค์ชีวิตในแต่ละวัน  ไม่เป็นทาสของความคิด

วันนี้ ก็ได้เตือนตนเองอย่างนี้

สวัสดี

[Manop Klabdee]

ข้อคิดธรรม  หลวงพ่อคำเขียน  สุวัณโณ

ผู้มีสติ  จะไม่ด่วนรับ และไม่ด่วนปฏิเสธ
ผู้มีสติ  จะรู้จัก...ทักท้วงความคิด  ไม่ทำตามความคิดง่าย ๆ
ผู้มีสติ  คือผู้ไม่เป็นอะไรกับอะไร

[Manop Klabdee]

หลวงพ่อคำเขียน   พูดถึง...สติ

สติ เปิดตำรากายใจ  จนได้คำตอบ
กายใจ จะบอกความจริงแก่ผู้มีสติเอง
ไม่ต้องคิดหาเหตุผลอะไร
สติ จะนำพาเกิดญาณปัญญา รู้แจ้ง
สติ คือความรู้สึกตัวนี้ จะนำพาให้ฉลาดเกิดปัญญาได้ทุกคน

[Manop Klabdee]

มีสติให้ทันเหตุการณ์

"ใจ  จะดีได้...สติต้องดีก่อน
เช่นเวลาเราใจไม่ดี  เวลาพูดก็ไม่ดี
เวลาเราโกรธขึ้นมา  หงุดหงิดขึ้นมา
เวลาพูดก็ไม่ดี คำพูดต่าง ๆ จะมีแต่ปัญหา
เพราะใจไม่ดี  บางคนเมื่อเกิดความโกรธขึ้นมา
บางทีพูดออกไปแล้ว ด้วยอาการที่ขาดสติ
บางทีเสียใจไปตลอดชีวิตเลย
เพราะคำพูดเพียงคำเดียว
เช่นเวลาเราโกรธ เราลืมตัวไม่มีสติ
จะต้องรีบไปด่า  ไปต่อว่าเขา เดี๋ยวจะหายโกรธเสียก่อน
พอด่าว่าแล้ว เราก็มาเสียใจว่า เราไม่น่าเลย

สติเกิดทีหลัง มันสายไปเสีนแล้ว
ฉะนั้น เวลาเกิดความโกรธ อย่าเพิ่งทำอะไร
ให้นับ ๑-๑๐ เสียก่อน เป็นอุบาย
เวลาโกรธอย่าเพิ่งพูด  เพราะพูดแล้วจะเสียหาย
มาแก้ไขทีหลัง บางทีมันสายไป แก้ไขไม่ได้แล้ว"

อ.กำพล  ทองบุญนุ่ม
ชมรมเพื่อนคุณธรรม

[Manop Klabdee]

อาจารย์กำพล  เป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย


สติกับความตาย

"ความรู้สึกตัวของผู้ใกล้ตายโดยมากจะหวาดกลัว  วิตกกังวล  ว้าเหว่ อ้างว้าง และมีสิ่งค้างคาใจ  จิตใจฟุ้งซ่าน  ไม่สงบ  ตายตาไม่หลับสุดท้ายตายด้วยความหหลง
การเจริญสติเนือง ๆ สม่ำเสมอ ก่อนตาย สติจะตามมาทันเวลา ก่อนจิตจะดับลงและตายไปด้วยใจสงบอย่างมีสติ ไม่หลงตาย

มนุษย์เราเผชิญความตายหลายรูปแบบ บางคนดิ้นรนต่อสู้แบบทุรนทุราย  สุดท้ายก็ตายไปด้วยใจที่เป็นทุกข์  บางคนก็ตายไปด้วยใจสงบ  ผู้ปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่มักตายด้วยใจสงบ  เพราะยอมรับกับความตาย  ด้วยความเข้าใจถึงความไม่ใช่ตัวตน  คือ อนัตตาแห่งธรรมก็ปล่อยวางได้
สติ จำเป็นต้องใช้ในทุกสถานที่  และทุกเวลา นับว่าเป็นชีวิตเราเลยก็ว่าได้  ฉะนั้นต้องหมั่นเจริญสติอยู่เนือง ๆ และเตือนตนเองอยู่เสมอให้มีสติ"

อ.กำพล  ทองบุญนุ่ม
ชมรมเพื่อนคุณธรรม

[เหยง 16]

สวัสดีครับพี่สิงห์

ช่วงนี้อยู่ไหนครับ

[Manop Klabdee]

พระวัดป่าสุคะโต  บิณฑบาตร ทุกเช้าที่ หมู่บ้าน บ้านใหม่ไทยเจริญ แก้งคร้อ  ชัยภูมิ



สวัสดีครับ คุณเหยง

อยู่บ้าน กทม. ครับ ไม่อยากไปไหน

วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ จะไปทำบุญเช้า ที่วัดพระนอน  สิงห์บุรี
วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ อยู่บ้าน สวดมนต์ อยู่กับโกฏิอัฏฐิ พ่อ-แม่ ที่บ้าน คงสวด ๑๒ ตำนาน และธัมจักรฯ

ปีใหม่นี้ ขอให้คุณเหยง และครอบครัว ประสพแด่ความสุข มีร่างกายแข็งแรง ปราศจากทุกข์ และสมหวังในทุกสิ่งที่กระทำ เทอญ

สวัสดี

[Manop Klabdee]

พระสุรินทร์  ก่อนการคิด  วัดป่าสุคะโต

ปีใหม่ ๒๕๕๘ นี้

ทุกท่าน อย่าลืม ! ทำบุญ-ใส่บาตรพระ - เณร

เพื่อเป็นสิริมงคลต่อตัวของท่านเอง และครอบครัว

เมื่อท่านใส่บาตรพระ - เณร จิตท่านก็สุข สงบ กับบุญที่ได้กระทำแล้ว

สวัสดีครับ

[Manop Klabdee]

วันนี้อาจารย์เผ่า   สุวรรณศักดิ์ศรี

ได้ส่ง ส.ค.ส. มาให้ครับ

สวัสดีปีเก่าที่กำลังจะจากไป

[Manop Klabdee]

"การเจริญสติ อย่าไปเอาผิดเอาถูก
อย่าไปชอบไม่ชอบ
อย่าไปหาเหตุหาผล
ให้รู้สึกตัวซื่อ ๆ ไป
พอมีสติรู้เห็น...ความคิดก็จบลง"

หลวงพ่อคำเขียน   สุวัณโณ

[Manop Klabdee]

"ความเมตตา  ความมีน้ำใจ
สามารถยกจิตยกใจของเรา
ให้ออกจากความทุกข์และ
ความเจ็บปวด อีกทั้งสามารถขัด
เกลาจิตใจเราให้งอกงามได้"

พระไพศาล  วิสาโล

[Manop Klabdee]

สวัสดี ส่งท้ายปีเก่า ๒๕๕๗ ทุกท่านครับ

หนึ่งปีที่กำลังจะผ่านไป

ถ้าพี่สิงห์ ล่วงเกินทุกท่านด้วย กาย วาจา ใจ ก็จงโปรดได้อโหสิกรรม ยกโทษให้ด้วย จะได้หมดสิ้นกรรมไปพร้อมกับปี ๒๕๕๗ ที่กำลังจะลาจากไปในไม่กี่ชั่วโมงนี้

อะไร ๆ ที่เราไม่ชอบก็ให้มันผ่านไป มันเป็นอดีตไปแล้ว

แต่จิตคนส่วนใหญ่ อะไร ที่ไม่ดี มันชอบจำเอาไว้เสมอ และชอบเก็บเอามาให้เกิดความทุกข์ใหม่เสมอ ไม่หยุดหย่อน

แต่สิ่งที่ดีงาม เป็นกุศล กลับไม่เอามาจดจำ  จิตมันก็เป็นอย่างนี้ละ

นี่ละ "อนัตตา" ของรูป-นาม ที่เราบังคับมันไม่ได้ แต่หลงไปยึดว่า เป็นเรา เป็นของเรา ไปสิ้น

สวัสดี

[Manop Klabdee]

[Manop Klabdee]

เป็นคำคมที่ผู้เขียนลืมไปว่า "ท่านคิดได้  แต่ทำไม่ได้ เพราะรูป-นาม เป็นอนัตตา ท่านสั่งการ บังคับมันให้เป็นไปตามที่ต้องการไม่ได้"

สวัสดี

[Manop Klabdee]

[Manop Klabdee]

ปีเก่า ๒๕๕๗ กำลังจะผ่านไป มีหลายสิ่งหลายอย่างในปี ๒๕๕๗ ที่อยากจะทำแต่ไม่ได้ทำ ด้วยเหตุ-ปัจจัย ทำให้เราเสียสัจจะ เสียความตั้งใจไป เช่น ตั้งใจไปสวดสาธยายพระไตรปิฎก ที่พุทธคยา ก็ไม่ได้ไป เป็นต้น

ไม่เป็นไร เป็นเพราะกิจอย่างอื่นเข้ามากระทันหัน จึงไปไม่ได้

และไม่ได้ไปยึดมั่นถือมั่นกับมันมากนัก

หลายสิ่งหลายอย่าง ตั้งใจดี แต่ไม่ได้ทำ นับว่าเสียหายมาก ก็ขอลอยให้มันผ่านไปกับปีเก่า ๒๕๕๗

๒๕๕๘ เริ่มต้นใหม่ได้ ต้องระวังความคิดให้มาก ไม่หลงไปกับมันเช่นปี  ๒๕๕๗ เป็นบทเรียน

สวัสดี

[Manop Klabdee]

[Manop Klabdee]

วันนี้ วันที่ ๓๑ ธันวาคม เป็นวันสิ้นปี ๒๕๕๗

ค่ำนี้ ได้ทำน้ำพระพุทธมนต์ สวดมนต์ ๑๒ ตำนานจบแล้ว

ยังเหลือสวดมนต์พระสูตร ธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสุตตัง และบทสวดให้พรพระ และชะยันโต ที่จะต้องสวดข้ามปีในช่วง ห้าทุ่มครึ่ง ถึงเที่ยงคืนครึ่ง
 ขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๘ เพื่อเป็นสิริมงคล ตามธรรมเนียมประเพณี

ส่วนน้ำพระพุทธมนต์นั้น จะเอาไว้ล้างหน้า อาบน้ำตอนเช้ามืด และเดินทางไปทำบุญเช้าที่วัดพระนอน  สิงห์บุรี  ออกจากบ้าน ตีสี่

สวัสดีปีเก่า ๒๕๕๗ ทุกท่านครับ