23 กันยายน 2567, 10:59:03
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 471 472 [473] 474 475 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3464263 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11800 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2557, 08:16:44 »





นิทานชาดก พระเตมีย์ใบ้

เตมิยราชกุมาร หรือพระเตมีย์ ทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้ากาสิกราช กับพระนางจันทาเทวี ในพระนครพาราณสี เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์อยู่นั้น วันหนึ่ง ได้ทรงเห็นพระราชบิดา ทรงสั่งให้ลงโทษโจร 4 คน อย่างทารุณ คือ คนหนึ่งให้เฆี่ยนด้วยแส้หนาม หนึ่งพันครั้ง คนหนึ่งให้ล่ามโซ่ตรวนขังไว้ในเรือนจำ คนหนึ่งให้เอาหอกทิ่มแทงให้ทั่วตัว และอีกคนหนึ่ง ให้เสียบด้วยหลาวแหลมจนตาย พระกุมารทรงเห็นแล้วทรงหวาดเสียว สะดุ้งกลัวยิ่งนัก ทรงระลึกชาติในหนหลังได้ว่า เมื่อชาติก่อนนั้น พระองค์เคยเป็นพระราชาแห่งเมืองนี้ เพราะบาปกรรม ที่ทรงกระทำในครั้งนั้น ทำให้พระองค์ต้องตกนรกถึงแปดหมื่นปี บัดนี้ พระองค์กลับมาเกิด ในเมืองนี้อีก ต่อไปก็คงจะได้เป็นผู้ครองเมืองนี้ และกระทำบาปกรรม เช่นเดียวกับพระบิดา ซึ่งก็จะต้องไปสู่นรกอีกแน่นอน เมื่อทรงดำริเช่นนี้แล้ว ทรงสังเวชสลดพระทัย ไม่ทรงปรารถนา ที่จะครองราชสมบัติอีกต่อไป ทรงนึกหาอุบายวิธีที่จะปลีกตัว ให้พ้นจากราชสมบัติ จนพระมนัสหดหู่ เศร้าหมองไม่มีสุข
               ครั้งนั้น เทพธิดาซึ่งเคยเป็นพระมารดาในอดีตชาติ ได้แนะอุบายให้พระกุมาร จึงทรงอธิษฐานจิตให้มั่นคง ไม่หวั่นไหวที่จะปฏิบัติตามอุบายนั้น คือ แสร้งทำเป็นคนง่อย เป็นคนหูหนวก และเป็นใบ้ แม้จะถูกทดสอบอย่างไร ก็ไม่แสดงพิรุธให้ปรากฏ ยอมทนทุกข์ทรมาน โดยไม่ปริปาก จนพระกุมารมีพระชนมายุ 16 พรรษา พวกพราหมณ์พากันทูลทำนายว่า พระกุมารเป็นคนกาลกิณี หากให้อยู่ในพระราชวังจะมีภัยเกิดขึ้น พระราชากาสิกราชจึงตรัสสั่ง ให้นำพระกุมารไปฝังเสียที่ป่าช้า โดยมอบให้นายสารถีขับรถม้า บรรทุกพระกุมารไปจัดการ เพียงผู้เดียว
               ขณะที่นายสารถีกำลังขุดหลุมนั่นเอง พระกุมารก็เสด็จลงจากรถ ทรงทดลองพระกำลัง โดยเสด็จดำเนินไปมา แล้วทรงจับท้ายรถตวัดแกว่ง เมื่อทรงเห็นว่ายังมีพระกำลังเหมือนเดิม จึงเสด็จมาหานายสารถี แล้วทรงเล่าเรื่องให้ฟัง จากนั้น ทรงแสดงธรรมเป็นอันมากแก่นายสารถี เป็นต้นว่า
               " ดูก่อนนายสารถี ถ้าท่านฝังเราเสียในป่า ท่านก็ทำในสิ่งไม่เป็นธรรม บุคคลนั่ง นอนใต้ร่มเงาของต้นไม้ใด ไม่พึงหักรานกิ่งของต้นไม้นั้น ผู้กระทำเช่นนั้น ชื่อว่า ประทุษร้ายมิตร และผู้ประทุษร้ายมิตรนั้น เป็นคนไม่ดีทราม พระราชาเป็นเสมือนต้นไม้ เราเป็นเสมือนกิ่งไม้ ตัวท่านเป็นเสมือนคนอาศัยร่มเงา ถ้าท่านฝังเราเสียในป่า ท่านก็ทำสิ่งที่ไม่เป็นธรรม บุคคลผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร จะไปสู่แห่งหนตำบลใด ย่อมพ้นภัยในที่ทั้งปวง ได้รับการกราบไหว้ บูชา จากผู้คนในที่นั้นๆ มีของกินของใช้ไม่ขาดแคลน ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ จักอยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป....."
               พระเตมิยกุมาร ทรงตั้งพระทัยเด็ดเดี่ยว ที่จะทรงผนวชในป่าคนเดียว แม้นายสารถี จะทูลอ้อนวอนหลายครั้ง เพื่อให้เสด็จกลับพระนครก็ไม่ทรงคล้อยตาม ตรัสแก่นายสารถีว่า พระบิดาทรงสละพระองค์แล้ว พระมารดาก็ทรงอนุญาตแล้ว ประชาชนก็ไม่มีใครต้องการพระองค์แล้ว พระองค์จะไม่เสด็จกลับไปอีก จะมีประโยชน์อะไรในการบริโภคกาม พระองค์บวช ยังจะมีประโยชน์กว่า จากนั้น ทรงเล่าเรื่องในอดีตชาติ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระราชา และเคยตกนรก ถึงแปดหมื่นปี ให้นายสารถีฟัง จนนายสารถีมีความเลื่อมใส ขอบวชตามพระองค์ด้วย แต่พระกุมารไม่ทรงยินยอม ตรัสสั่งให้นายสารถีนำรถ และเครื่องประดับไปคืนพระราชา และแจ้งข่าวการบวชของพระองค์ ให้พระราชบิดาทรงทราบ นายสารถีจึงจำใจจำยอม กลับพระราชวัง ตามที่พระกุมารตรัสสั่ง
               เมื่อพระเจ้ากาสิกราชได้ทรงทราบว่า พระกุมารมิได้เป็นใบ้ ทรงพูดได้เหมือนคนธรรมดา ทั้งมิได้เป็นง่อย และหูหนวกแต่ประการใด ทรงโสมนัสยินดีเป็นอย่างยิ่ง จึงตรัสสั่งเสนาข้าราชบริพาร ทั้งปวง ให้จัดเตรียมเครื่องอุปกรณ์พิธี ที่จะอภิเษกพระกุมารไว้ในราชสมบัติ แล้วพระองค์ ผู้มีนายสารถีนำทาง ก็เสด็จขึ้นม้าทรงตรงไปหาพระกุมารที่ป่าช้า โดยมีเสนาข้าราชบริพาร เป็นจำนวนมากติดตามไป เมื่อเสด็จไปถึงที่ซึ่งเคยเป็นป่าช้ามาก่อน บัดนี้ กลายเป็นสถานที่ อันน่ารื่นรมณ์ มีอาศรมอยู่หนึ่งหลัง นั่งไว้ด้วยพระฤาษีองค์หนึ่ง ซึ่งก็คือพระเตมิยฤาษี นั่นเอง
               พระเตมิยฤาษีทอดพระเนตร เห็นพระราชากำลังเสด็จมา ด้วยพระเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ จึงทรงถวายการต้อนรับ ด้วยอัธยาศัยไมตรี ทรงสนทนาไต่ถามทุกข์สุขตามธรรมเนียม พระราชาทรงอ้อนวอน ให้พระเตมิยฤาษีเสด็จกลับ ไปครองราชสมบัติ จนกว่าจะมีพระราชบุตร ราชธิดา และมีพระชนมายุมากแล้วจึงค่อยทรงผนวช ตอนนี้ยังทรงเป็นหนุ่ม ประทับอยู่ในป่าคนเดียว จะมีประโยชน์อะไรเล่า


เวลาเราประสบในสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบ  ขอให้นึกถึงพระเตมีย์ใบ้เอาไว้ เพราะถ้าพูดตอบโต้ไปแล้ว ทำให้เกิดการทะเราะวิวาท ประสบภัย  สู้สงบนิ่งเสียดีกว่า รอให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกตัว หรือใจเย็นลงด้วยเวลา เพราะความโกรธ ...มันอยู่ไม่ได้นาน มันก็หายไป เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ เราค่อยพูดคุยภายหลังได้  การวิวาท หรือผลเสียหายจะไม่เกิดขึ้น ให้นึกถึงพระเตย์มีใบ้เอาไว้ เอาชนะจิตนเองให้ได้

พูดไปสองไพเบี้ย  นิ่งเสียตำลึงทอง

เป็นพระเตย์มีใบ้  มีแต่สุข เพราะไม่ปรุงแต่ง ทะเราะ วิวาท กับใครทั้งสิ้น


สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11801 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2557, 11:17:23 »


ช่วงนี้ไปที่ไหน เจอแต่คนไปไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่

ช่วงอากาศหนาว-เย็นที่ผ่านมาทำให้ประชาชนคนไทยขณะนี้ มีอยู่ ๒ โรคที่ระบาดหนักทั้งเด็ก - ผู้ใหญ่ คือ

๑. โรคไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ ระบาดเป็นระลอกที่สองแล้ว

๒. โรคอีสุกอีใส

สมัยโบราณอีสุกอีใสจะเป็นเฉพาะเด็ก แต่ปัจจุบัน คนหนุ่ม คนสาวเป็นโรคอีสุกอีใสกันมาก

ทั้งสองโรคนี้ สามารถติดต่อกันได้ง่ายมากดังนั้นใครเป็นต้องแยกผู้ป่วย ไปหาหมอ หยุดพักทันที และถึงจะเป็นโรคประจำแต่ก็มีผุ้เสียชีวิคด้วยโรคนี้ เพราะการที่ไม่รู้ และไม่ไปหาหมอ

ระวังตนเองครับช่วงนี้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11802 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2557, 11:41:18 »

ชาติที่ 2 พระมหาชนก

       เมื่อครั้งอดีตกาลนานมาแล้ว พระมหาชนกนั้นเป็นกษัตริย์ผู้ครองเมืองมิถิลาพระมหาชนกมีพระโอรส ๒ พระองค์คือ พระอริฏฐชนก และพระโปลชนก ซึ่งพระราชโอรสองค์โตนั้นได้ทรงดำรงตำแหน่งอุปราชผู้มีสิทธิ์ขึ้นครองราชบัลลังก์สืบต่อไป ส่วนพระโปลชนกโอรสองค์รองนั้นดำรงตำแหน่งเสนาบดีวัง
 
กาลต่อมาเมื่อพระมหาชนกเสด็จสวรรคตแล้วพระอุปราชอริฏฐชนกก็ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของเมืองมิถิลา และได้ทรงสถาปนาแต่งตั้งพระอนุชาให้ดำรงอยู่ในตำแหน่งอุปราชต่อไป
 
      พระเจ้าอริฏฐชจกนั้นแต่เดิมก็มีความรักใคร่กลมเกลียวกันดีกับพระอนุชาโปลชนก แต่ทว่าเมื่อดำรงอยู่ในตำแหน่งพระราชาแล้วก็ได้ถูกบรรดาเสนาอำมาตย์มุขมนตรีฝ่ายคนชั่วพากันประจบสอพลอ
      และเท็ดทูลยุยงพระราชาอยู่เสมอเพื่อหวังความดีความชอบกลั่นแกล้งคนดี จนกระทั่งพระเจ้าอริภฐชนกนั้นก็ทรงเชื่อด้วยความหูเบา มิได้ใคร่ครวญด้วยพระองค์เองเสียก่อน แม้กระทั่งพระอนุชาโปลชนก          ผู้เป็นอุปikชก็ยังถูกยุยงจากบรรดาเสนาชั่วกล่าวหาว่า พระอุปราชนั้นคิดการกบฏหมายจะลอบปลงพระชนม์เพื่อชิงราชบัลลังก์
      แต่แรกนั้นพระเจ้าอริฎฐชนกก็มิทรงเชื่อ แต่ทว่าเมื่อมีการยุยงเพ็ดทูลครั้งแล้วครั้งเล่าพระเจ้าอริฏฐชนกก็เริ่มที่จะเชื่อฟังในคำเพ็ดทูลนั้นในที่สุดพระเจ้าอริฏฐชนกจึงได้ทรงมีพระราชโองการให้จับตัวพระอุปราชโปลชนกไปคุมขังไว้โดยที่มิได้มีการตั้งข้อหาความผิดอย่างชัดแจ้งนัก
      ฝ่ายพระอุปราชโปลชนกนั้นก็บังเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นยิ่งนัก ที่แม้กระทั่งความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องก็ยังคลอนแคลนไปได้ด้วยเพราะความหูเบาเชื่อในคำยุยงส่งเสริมของพวกประจบสอพลอ
ขณะที่อยู่ในห้องคุมขัง พระโปลชนกก็ทรงตั้งสัตย์อธิฐานต่อเทพยดาฟ้าดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า
      “ข้าพเจ้านั้นมิได้เคยมีความคิดที่จะมุ่งร้ายต่อพระเชษฐาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับถูกลงโทษทั้งที่ไม่มีความผิดเช่นนี้ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์และสัตย์ซื่อของข้าพเจ้า ขอให้พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง
 และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จึงดลบันดาลให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากโซ่ตรวนขื่อคาทั้งปวงนี้ด้วยเถิด”
      ครั้นสิ้นคำอธิฐานนั้นก็เกิดอัศจรรย์ขึ้นในทันใดบรรดาโซ่ตรวนขื่อคาอันเป็นเครื่องจองจำทั้งปวงนั้นก็ได้หลุดออกจากพระวรกายของพระโปลชนกอย่างง่ายดาย อีกทั้งประตูเรือนจำที่ลั่นดาลไว้แน่นหนาก็สามารถเปิดออกเองได้
      พระโปลชนกจึงหลบหนีออกจากที่คุมขังไปยังนอกเมือง คอยซุ่มซ่อนตัวอยู่บริเวณชายแดนและรวบรวมกำลังคนไว้เป็นอันมากบรรดาเสนาอำมาตย์ฝ่ายที่เป็นคนดี เมื่อได้ล่วงรู้ว่าพระโปลชนกหนีออกไปได้ก็พากันออกจากราชสำนักติดตามไปร่วมผนึกกำลังด้วยบรรดาชายฉกรรจ์ที่เป็นสามัญชนคนธรรมดาและล่วงรู้ความเป็นไปของการถูกกลั่นแกล้งใส่ร้ายพระอุปราชนั้น ก็พากันชักชวนไปขอสมัครเป็นพรรคพวกของพระโปลชนกจนกระทั่งกำลังคนนั้นมีเพิ่มพูนแข็งแกร่งมากขึ้น
      ทางฝ่ายเสนาอำมาตย์ฝ่ายคนชั่วนั้นก็ได้ทราบข่าวการตั้งกองกำลังคนอย่างลับๆของพระโปลชนก และได้กราบทูลให้พระอริฏฐชนกได้ทรงทราบ แต่ทว่าทางมิถิลานครก็มิกล้าที่ จะส่งกองกำลังไปปราบปรามด้วยเกรงว่าจะเกิดศึกสงครามกลางเมืองขึ้นอีก ทั้งยังเกิดความขลาดมิกล้าจะยกทัพไปปราบปรามด้วยเพราะเกรงกองกำลังอันแข็งแกร่ง และฝีมือในการรบของพระโปลชนก
     ในเวลาต่อมาพระโปลชนกจึงยกกองทัพเข้ามาประชิดติดมิถิลานคร แล้วก็ส่งสาสน์ออกไปท้า                 พระเชษฐาผู้เป็นกษัตริย์ออกไปชนช้างด้วยกันพระอริฏฐชนกได้ทรงตระหนักดีว่าการศึกครั้งนี้เห็นทีจะเกิดความพ่ายแพ้พระอนุชาของพระองค์เป็น แน่ ด้วยเพราะตระหนักดีว่าพระอนุชาโปลชนกนั้นได้ซ่องสุมเตรียมกำลังพลไว้เป็นช้านาน กับอีกทั้งได้แบกความแค้นเคืองไว้เป็นเวลานานแล้วในเวลานั้นพระอัครมเหสีของพระอริฏฐชนกกำลังทรงพระครรภ์อยู่ พระอริฏฐชนกจึงทรงตรัสสั่งเสียพระอัครมเหสีด้วยความเป็นห่วงเป็นใยยิ่งนักว่า
     “หากแม้ในการศึกครั้งนี้พี่ต้องพ่ายแพ้แก่อนุชาของพี่เอง ขอให้น้องหญิงจงดูแลรักษาครรภ์และดูแลลูกของเราให้จงดีเถิด” พระอัครมเหสีแม้จะทรงสังหรณ์พระทัยแต่ก็มิสามารถที่จะทัดทานอันใดได้ ซึ่งในที่สุดการศึกครั้งนั้นพระเจ้าอริฏฐชนกก็ถูกพระอนุชาโปลชนกประหารสิ้นพระชนม์บนคอช้างนั้นเองขณะที่การศึกสงครามกำลังดำเนินไป บรรดากองทัพใหญ่ของพระโปลชนกก็บุกเข้ายึดนครมิถิลา บรรดาชาวบ้านชาวเมืองและไพร่พลทั้งปวงต่างก็แตกกระจัดกระจายหนีข้าศึกออกนอกเมืองไปกันเป็นอันมาก
      พระอัครมเหสีนั้นทรงปลอมพระองค์ด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆอุ้มท้องพลางร้องห่มร้องไห้หลบหนีออกจากพระราชวังปะปนไปกับชาวบ้านชาวเมืองด้วยความเด็ดเดี่ยว แม้จะเสียขวัญเพียงใดก็ตาม
      พระนางเทวีนั้นทรงดำริว่าจะมุ่งไปยังเมืองกาลจัมปาหาทางพำนักพักอยู่ที่นั่นจนกว่าจะมีพระประสูติกาล ด้วยความเหน็ดเหนื่อยตรากตรำและอิดโรยเป็นยิ่งนัก พระนางเทวีจึงได้เข้าไปพัก ณ ศาลาริมทางแห่งหนึ่ง พร้อมกับความวิตกกังวลในใจด้วยมิรู้ว่าหนทางสู่เมืองกาลจัมปานั้นอยู่แห่งใดกันแน่  เวลานั้นพระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์จู่ๆ ก็ให้บังเกิดร้อนอาสน์จึงเล็งทิพยเนตรส่องดูก็รู้ได้ว่าพระกุมารในพระครรภ์ของพระเทวีนั้นเป็นพระโพธิสัตว์ผู้เปี่ยมด้วยบุญญาธิการสูงส่งนัก จึงจำเป็นต้องให้ความอนุเคราะห์ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่พระนางเทวี
      พระอินทร์จึงนิรมิตองค์เป็นผู้เฒ่าขับเกวียนผ่านมา และอาสานำพระนางเทวีผู้ทรงพระครรภ์แก่แล้วเดินทางสู่เมืองกาลจัมปาในบัดดล  ครั้นถึงเมืองกาลจัมปาแล้วพระอินทร์ในร่างผู้เฒ่าก็ผละจากไป พระนางเทวีจึงได้เข้าไปนั่งพักในศาลาหน้าเมืองเพื่อคิดอ่านว่าจะทำการอันใดต่อไปในเมืองที่มิรู้จักผู้ใดเลยนี้ ในขณะนั้นเองได้มีพระอาจารย์ผู้หนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวเมืองกาลจัมปาได้ผ่านศาลานั้นพร้อมกับลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง
     ครั้นเมื่อเห็นสตรีท้องแก่ผู้หนึ่งนั่งอยู่ในศาลาด้วยท่าทางอิดโรยเหนื่อยยาก ทั้งๆ ที่มีรูปโฉมงดงามผิวพรรณผุดผ่องราวกับเป็นคนมีเชื้อชาติดีมีสกุล แม้จะอยู่ในเสื้อผ้าที่เก่าขาดและมอมแมมเพียงใดแต่ก็มีรัศมีเปล่งประกายดูประหลาดยิ่งนัก พระอาจารย์จึงได้เข้าไปสอบถาม พระนางเทวีจึงได้บอกกล่าวเล่าว่า
      “ตัวข้าพเจ้านั้นต้องอุ้มท้องหนีภัยจากข้าศึกระเหเรร่อนมาตามลำพังด้วยเพราะว่าเป็นสามีนั้นตายเสียแล้ว”พระอาจารย์มีความเวทนาสงสารจึงได้ชักชวนพระนางเทวีไปพำนักพักอยู่ด้วยที่บ้านของตน
       พระนางเทวีเห็นว่าพระอาจารย์นั้นมีลักษณะเป็นคนดีน่าเลื่อมใส จึงได้ตกลงติดตามพระอาจารย์ไปพำนักพักอยู่ที่บ้านเมืองของพระอาจารย์ด้วยโดยพระอาจารย์ได้บอกแก่ลูกศิษย์ลูกหาทั้งปวงว่าสรีท้องแก่ผู้นี้เป็นญาติผู้น้องของตน
      ไม่กี่เดือนต่อมาพระนางเทวีก็คลอดพระกุมารน้อยออกมาเป็นทารกชายผู้มีผิวพรรณหมดจดงดงามเป็นยิ่งนัก พระนางเทวีจึงได้ตั้งพระนามพระราชกุมารน้อยว่าพระมหาชนกครั้นเมื่อพระมหาชนกเจริญวัยขึ้นก็ได้เล่นกับเด็กๆ เพื่อนบ้านในละแวกนั้น
      ครั้งหนึ่งมีเด็กคนหนึ่งคิดรังแกพระมหาชนกด้วยความคะนองแต่พระมหาชนกก็ต่อสู้เอาชนะได้เด็กที่แพ้นั้นจึงไปร้องไห้ฟ้องพ่อแม่ว่าถูกเด็กที่ไม่มีพ่อรังแกเอา เมื่อพระมหาชนก ได้ฟังเช่นนั้นจึงไปซักไซร้ไล่เลียงพระราชมารดาว่า ใครเป็นบิดาของตน
      พระนางเทวีจึงแสร้งปดว่าท่านลุงอาจารย์นั้นแหละคือบิดาของพระมหาชนก แต่แรกนั้นพระมหาชนกทรงเชื่อ แต่ครั้นพวกเด็กๆและชาวบ้านยังล้อเลียนว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อเช่นนั้นก็เกิดความคลางแคลงสงสัย แต่ด้วยความที่ทรงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด แม้คาดคั้นเอาจากพระมารดาก็คงมิสามารถที่จะได้คำตอบอันแท้จริงแน่พระมหาชนกจึงใช้อุบายถามมารดาในวันหนึ่งขณะที่กำลังกินนมจากพระมารดาว่า
“ท่านแม่จ๋า บิดาของลูกเป็นใครขอให้บอกความจริงมาเถิด” พระนางเทวีจึงแสร้งว่า
“ก็แม่บอกลูกแล้วไงว่า ท่านอาจารย์นั่นแหละคือบิดาของลูก” พระมหาชนกได้ยินเช่น นั้นก็กล่าวว่า
“เแต่แม่ให้ลูกเรียกท่านอาจารย์ว่าลุงเสมอมานี่น่า หากท่านแม่ไม่บอกความจริงแก่ลูกๆจะกัดหัวนมแม่ให้ขาดเดี๋ยวนี้”
      ว่าแล้วพระกุมารน้อยก็แกล้งใช้ฟันขบนมมารดาให้แรงกว่าเดิม พระนางเทวีบังเกิดความเจ็บและกลัวลูกจะกัดแรงขึ้นกว่าเก่า จึงจำต้องบอกเล่าความจริงทั้งหมดให้พระกุมารน้อยทราบโดยละเอียดเมื่อพระมหาชนกทราบเรื่องราวเช่นนั้น จึงมีขวัญกำลังใจมากขึ้นและมิทรงโกรธกริ้วเด็กๆ เพื่อนบ้านที่ล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีพ่ออีก นับจากนั้นพระกุมารน้อยได้มุมานะศึกษาเล่าเรียนในวิชาการทุกแขนงมิว่าจะเป็นอักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์ และยุทธศาสตร์การต่อสู้ทั้งหมดทั้งมวลจนครบ ๑๘ ประการ
      เมื่อเรียนจบครบสิ้นทุกกระบวนความแล้ว ขณะนั้นพระมหาชนกมีพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา มีความสง่างามเยี่ยงหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์โดยแท้  พระมหาชนกได้กราบทูลต่อพระราชมารดาว่าพระองค์นั้นมีความมุ่งมั่นตั้งใจจะไปยังเมืองมิถิลาเพื่อชิงราชบัลลังก์คืนเป็นการแก้แค้นแก่พระราชบิดาของตน
พระนางเทวีจึงได้มอบสมบัติอันมีค่าที่นำติดตัวซุกซ่อนมาจากมิถิลานครให้แก่พระโอรสอันมี
      แก้ววิเชียรดวงหนึ่ง
      แก้วมณีดวงหนึ่ง
      แก้วมุกดาดวงหนึ่ง

 พระนางเทวีต้องการให้โอรสนำแก้วอันล้ำค่าทั้ง ๓ ดวงนั้นไปขายเพื่อเป็นทุนในการซ่องสุมกำลังผู้คน แต่ทว่าพระมหาชนกไม่ยินยอมที่จะรับแก้วทั้ง ๓ ดวงนี้ไป พระนางเทวีจึงได้นำเงินทองออกมาให้พระราชโอรสเตรียมซื้อสำเภากับสินค้าเพื่อล่องเดินทางไปเช่นเดียวกับพวกพ่อค้าทางเรืออื่นๆ
     “ลูกรักของแม่เอ๋ย เจ้าอยากไปมิถิลานครก็ขอให้เจ้าจงเดินทางโดยสวัสดิภาพเถิด แต่อย่าคิดจองเวรจองกรรมแก้แค้นหรือชิงราชบัลลังก์คืนเลยนะลูกแม่”
      พระมหาชนกจึงกราบทูลพระมารดาว่าตนขอเดินทางครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็ด้วยหวังจะเดินทางท่องเที่ยวผจญภัย เผชิญโลกกว้างตามประสาลูกผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น
      ครั้นเมื่อพระมหาชนกออกเรือเดินทางไปได้ ๗ วัน ๗ คืนแล้ว ก็ปรากฏมรสุมใหญ่ที่กลางทะเลโหมกระหน่ำทำให้เรือบรรทุกสินค้าอับปางลง ท่ามกลางเสียงร้องคร่ำครวญโหยไห้ของบรรดาลูกเรือ
     ที่ขวัญเสียตื่นตระหนกตกอยู่ในความหวาดกลัวเมื่อรู้ว่าความตายใกล้จะมาถึงแล้ว
     พระมหาชนกนั้นทรงตั้งสติมั่นมิได้คร่ำครวญด้วยความหวาดหวั่นเluยขวัญแต่อย่างใด
     ทรงพยายามเสวยอาหารไว้เพื่อให้อิ่มท้องแล้วเตรียมผ้าชุบน้ำมันมานุ่งไว้เพื่อมิให้ผ้าอุ้มน้ำแล้วพระมหาชนกก็ทรงปีนขึ้นอยู่บนยอดเสากระโดงในขณะที่เรือโคลงเคลงใกล้จะคว่ำลง
      ครั้นเมื่อเรือคว่ำแล้วก็กระโจนจากยอดเสากระโดงไปไกลได้ถึง ๑ เส้นกับ ๑๕ วา ด้วยพละกำลังอันวิเศษจึงสามารถว่ายอยู่ห่างไกลในบริเวณที่กระแสน้ำกำลังดูดเรือจมลงไปใต้มหาสมุทร
     ในขณะที่บรรดาผู้ลอยคออยู่กลางทะเลต่างก็เสียชีวิตไปกันหมดสิ้นแล้ว แต่ทว่าพระมหาชนกยังทรงพยายามว่ายน้ำและลอยคออยู่ได้กลางทะเลนานถึง ๗ วัน ๗ คืนเลยทีเดียว
      ในวันที่ ๗ นั้นยังทรงระลึกได้ว่าเป็นวันอุโบสถ พระมหาชนกได้ทรงสมาทานโดยอธิฐานอุโบสถ             แม้ขณะกำลังรอความตายที่ใกล้เข้ามาแทบทุกทีนั้นด้วย
      ขณะนั้นนางเมขลาเทพธิดาแห่งท้องสมุทรผู้มีแก้วประจำตัวอยู่ ๑ ดวง ได้เห็นความอดทนของพระมหาชนกจึงได้ช่วยพระมหาชนกขึ้นจากทะเลนำไปส่งถึงพระอุทยานใหม่ของพระโปลชนกในมิถิลานคร
      ขณะนั้นพระโปลชนกกษัตริย์แห่งมิถิลานครได้เสด็จสวรรคตไปเป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืนแล้ว และระหว่างนั้นกำลังเป็นงานพิธีเลือกคู่ของพระราชธิดาพระองค์เดียว ซึ่งจำต้องคัดสรรหาบุรุษผู้
เหมาะสมมาอภิเษกสมรส เพื่อจะได้ให้ผู้มาเป็นพระสวามีขึ้นเสวยราชบัลลังก์สืบต่อมา
บรรดาเสนาอามาตย์มุขมนตรีทั้งปวงต่างก็เสนอตนเข้ามาให้พระราชธิดาเลือกคู่ แต่ทว่าก็ยังมิมีผู้ใดถูกพระทัยองค์หญิงเลยแม้แต่คนเดียว
      ต่อมาจึงได้ป่าวประกาศออกไปทางนอกวัง ให้บรรดาคฤหบดี เศรษฐี และลูกหลานของผู้มีตระกูลทั้งปวงเข้ามาในงานพิธีเลือกคู่ แต่ทว่าองค์หญิงก็ยังมิถูกพระทัยผู้ใดอีก
      บรรดาอำมาตย์ราชปุโรหิตผู้อาวุโสแห่งราชสำนักจึงได้กราบทูลหารือกับองค์หญิงว่า เมื่อคัดเลือกเอาตามพระทัยก็ยังมิถูกใจเช่นนี้เห็นทีจะต้องจัดพิธีบวงสรวงสังเวยเทพยดาอารักห์ของเมืองด้วยการเสี่ยงราชรถออกไป ถ้าราชรถไปเกยผู้ใดแสดงว่าผู้นั้นย่อมมีบุญ และควรแก่การอัญเชิญมาครองราชย์ต่อไป เพราะมิเช่นนั้นหากขืนรอช้าอยู่ราชบัลลังก์จะว่างไปนานมิเป็นการสมควรอย่างแน่นอน องค์หญิงจึงเห็นดีงามด้วยตามธรรมเนียมโบราณของราชสำนัก
      “ขอให้พวกท่านได้จัดพิธีบวงสรวงเทพยดาและเสี่ยงจากราชรถตามธรรมเนียมแต่ดั้งแต่เดิมเถิด”
      เมื่อทางราชสำนักได้จัดพิธีบวงสรวงแล้วก็ปล่อยรถมงคลเทียมม้าออกไปจากราชวังในบัดดล
     พระมหาชนกนั้นกำลังนอนพักอยู่ที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ในอุทยานหน้าเมือง ขณะที่ราชรถแล่นเข้ามาในอุทยานและวิ่งวนรอบพระมหาชนกเป็นจำนวน ๓ รอบ จึงหยุดนิ่งสงบลงที่เบื้องปลายพระบาทของ                 พระมหาชนก
      บรรดาคณะอำมาตย์ราชปุโลหิตที่ติดตามราชรถมานั้น ก็สั่งให้เจ้าพนักงานประโคมดนตรีขึ้นอย่างกึกก้อง ด้วยกำหนดว่าถ้าชายผู้นี้เป็นผู้ไม่มีบุญก็จะต้องตื่นขึ้นมาพร้อมกับความตระหนกตกใจและเร่งรีบหนีไปในทันที แต่ถ้าเป็นผู้มีบุญก็จะไม่มีอาการแตกตื่นแต่อย่างใด
      ครั้นเมื่อเจ้าพนักงานประโคมดนตรีเสียงดังกึกก้องไปทั่วอุทยานแล้ว พระมหาชนกก็สะดุ้งตื่นขึ้นเปิดผ้าคลุมหน้าออกดูเห็นมีพวกปุโรหิตและชาวบ้านชาวเมืองมากมายมารุมล้อมในอุทยาน ก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น พระมหาชนกจึงชักผ้าขึ้นปิดหน้านอนต่อไป
      ราชปุโรหิตจึงได้คลานเข้าที่เบื้องปลายพระบาทเลิกผ้าคลุมออกแล้วพิจารณาดูลักษณะ ของพระบาทสักครู่หนึ่ง ก็ป่าวประกาศแก่ฝูงชนทั้งปวงว่า ชายผู้มีบุญนี้อย่าว่าแต่จะสามารถครองราชบัลลังก์มิถิลาได้เลย ต่อให้ราชสมบัติของ ๓ โลก เขาผู้นี้ก็สามารถที่จะปกครองดูแล ได้
 จากนั้นพนักงานจึงประโคมดนตรีขึ้นบรรเลงอีกครั้งหนึ่งเป็นเสียงกึกก้องกังวานทั่วไป แล้วราชปุโรหิตก็กราบทูลอัญเชิญพระมหาชนกให้เข้าพระราชวังไปอภิเษกสมรสกับองค์หญิง แล้วขึ้นครองเมืองมิถิลาต่อไป
      ข้างฝ่ายพระราชธิดาของพระโปลชนกนั้น เมื่อทราบว่าผู้มีบุญมาครองเมืองแล้วก็ยังใคร่อยากทดสอบว่าบุรุษผู้มีบุญผู้นั้นจะมีปัญญาด้วยหรือไม่ จึงให้มหาดเล็กไปทูลเชิญมาเข้าเฝ้า
      แต่ทว่าพระมหาชนกยังคงใส่พระทัยในการชมปราสาทราชมณเฑียร มิสนพระทัยที่จะไปเข้าเฝ้า                พระราชธิดาแม้ว่าจะมีคนมาเชิญถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา
      ครั้นเมื่อชมปราสาทราชมณเฑียรเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระมหาชนกจึงเสด็จขึ้นตำหนักหลวง เมื่อนั้นองค์หญิงจึงเสด็จออกมารับ แล้วยื่นพระหัตถ์ให้พระมหาชนกจับขณะพากันขึ้นไปยัง พระตำหนัก                          พระมหาชนกได้เรียกประชุมบรรดาเสนาอำมาตย์มุขมนตรีและปุโรหิตทั้งปวง พร้อมกับรับสั่งถามว่า                พระราชาได้มีรับสั่งใดไว้ก่อนเสด็จสวรรคต
      เสนาอำมาตย์ทูลว่า “ขอเดชะพระโปลชนกนั้นได้ตั้งปริศนาไว้นับ ๑๐ ข้อพระเจ้าข้า”
 
ปริศนาต่างๆ นั้นมีดังนี้
ข้อ ๑. ถ้าผู้ใดทำให้พระราชธิดาสิวลีมีความยินดีได้ก็ให้ยกพระราชสมบัติแก่คนผู้นั้น

      ข้อ ๒. ผู้นั้นจะต้องรู้จักบัลลังก์ ๔ เหลี่ยมว่าที่ใดเป็นทางศีรษะ ที่ใดเป็นทางเท้า
      ข้อ ๓. ผู้นั้นต้องสามารถโก่งคันธนูเมืองได้
      ข้อ ๔. ผู้นั้นต้องหาขุมทรัพย์ได้ ซึ่งขุมทรัพย์นั้นมีดังนี้

๑. ขุมทรัพย์แห่งหนึ่งอยู่ในที่พระอาทิตย์ขึ้น
๒. ขุมทรัพย์แห่งหนึ่งอยู่ในที่พระอาทิตย์อัสดง
๓. ขุมทรัพย์แห่งหนึ่งอยู่ภายใน
๔ ขุมทรัพย์แห่งหนึ่งอยู่ภายนอก
๕. ขุมทรัพย์แห่งหนึ่งมิได้อยู่ข้างนอกและมิได้อยู่ข้างใน
๖. ขุมทรัพย์แห่งหนึ่งอยู่ในที่ลง
๗. ขุมทรัพย์แห่งหนึ่งอยู่ในที่ขึ้น
๘. ขุมทรัพย์แห่งหนึ่งอยู่ระหว่างไม้ทั้ง ๔
๙. ขุมทรัพย์แห่งหนึ่งอยู่ประมาณโยชน์หนึ่ง
๑๐. ขุมทพัย์แห่งหนึ่งอยู่ที่ปลายงา
      พระมหาชนกนั้นได้แก้ปริศนาข้อแรกได้แล้วด้วยเพราะขณะเมื่อทรงเสด็จขึ้นพระตำหนักนั้นองค์หญิงสิวลีเป็นผู้ยื่นพระหัตถ์เข้ามาให้แสดงว่ามีความยินดีในพระองค์แล้ว  ส่วนปริศนาข้อที่ ๒ พระมหาชนกได้ถอดปิ่นจากศีรษะให้องค์หญิงสิวลี ซึ่งองค์หญิงก็รู้เท่าทันว่าพระมหาชนกต้องการสิ่งใดจึงนำปิ่นนั้นไปวางที่บัลลังก์ ๔ เหลี่ยม พระมหาชนกจึงตอบได้ว่าทางใดเป็นศีรษะทางใดเป็นทางเท้า
      ส่วนปริศนาข้อที่ ๓ นั้น พระมหาชนกก็สามารถโก่งคันธนูเมืองได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่ธนูคันนี้ต้องใช้คนถึง 1000 คนจึงจะสามารถโก่งคันธนูได้
      ส่วนปริศนาข้อที่ ๔ เป็นการค้นหาขุมทรัพย์ทั้ง ๑๐ ขุม
      ขุมทรัพย์ที่ ๑ อยู่ในที่พระอาทิตย์ขึ้น
บรรดาเสนาอำมาตย์เคยเสาะแสวงหาอย่างไรก็มิอาจพบ แต่พระมหาชนกได้แสดงปัญหาว่าที่ใด
      ข้อนี้พระมหาชนกได้ทรงแสดงปัญหาว่าเวลาที่พระปัจเจกโพธิจะกลับในทางใด หากพระราชาเคยไปส่งในทางนั้นก็ให้ไปขุดทรัพย์สมบัติ ณ ที่นั้น
      บรรดาเสนาอำมาตย์ที่เคยพากันไปขุดหาทรัพย์สมบัติบริเวณทิศตะวันตกของวังแล้วไม่พบ จึงได้พากันกระทำตามคำของพระมหาชนกด้วยการไปขุดยังบริเวณที่พระราชาเคยประทับยืนส่งพระปัจเจกโพธิทุกๆ เช้า ซึ่งก็ปรากฏว่าพบทรัพย์สมบัติมากมายอีกครั้งหนึ่ง
     ขุมทรัพย์ที่ ๓ อยู่ภายใน
พระมหาชนกได้แก้ว่าให้ไปขุดที่ใกล้ประตูพระราชนิเวศน์ซึ่งก็ปรากฏว่ามีทรัพย์สมบัติฝังอยู่บริเวณนั้นจริง
      ขุมทรัพย์ที่ ๔ อยู่ภายนอก
     พระมหาชนกได้ให้คนไปขุดที่ประตูพระราชนิเวศน์แต่เป็นบริเวณด้านนอก และก็ได้พบทรัพย์สมบัติขุมใหญ่อยู่ ณ บริเวณนั้นเช่นกัน
      ขุมทรัพย์ที่ ๕ มิได้อยู่ข้างนอกและมิได้อยู่ข้างใน
 ในข้อนี้พระมหาชนกได้ให้คนขุดลงที่ธรณีประตูพระราชนิเวศน์แล้วก็พบทรัพย์สมบัติถูกฝังไว้ในนั้นจริง
      ขุมทรัพย์ที่ ๖ อยู่ในที่ลง
     ข้อนี้พระมหาชนกให้ขุดหาทรัพย์สมบัติในบริเวณที่พระราชาองค์ก่อนได้เสด็จลงจากคชสารเป็นประจำ ซึ่งก็ได้พบทรัพย์สมบัติฝังอยู่เป็นจำนวนมาก ณ ที่นั้น
      ขุมทรัพย์ที่ ๗ อยู่ในที่ขึ้น
      ข้อนี้พระมหาชนกให้ขุดที่ประตูขึ้นพระราชนิเวศน์และก็พบว่ามีทรัพย์สมบัติถูกฝังอยู่ในพื้นดินใต้ประตูพระราชนิเวศน์จริง
     ขุมทรัพย์ที่ ๘ อยู่ระหว่างไม้ทั้ง ๔
     ข้อนี้พระมหาชนกได้ให้ขุดหาที่บริเวณทวารประตูทั้ง ๔ แห่ง ที่มีพระแท่นทำด้วยไม้รัง ซึ่งพวกทหารก็พบทรัพย์สมบัติทั้ง ๔ แห่งเป็น จำนวนมาก
     ขุมทรัพย์ที่ ๙ อยู่ประมาณโยชน์หนึ่ง
      ข้อนี้พระมหาชนกให้ขุดหาจากบริเวณพระแท่นบรรทมวัดออกไปทั้ง ๔ ศอก คือทั้ง ๔ ทิศ ซึ่งก็พบทพัย์สมบัติเป็นจำนวนมาก
      ขุมทรัพย์ที่ ๑๐ อยู่ที่ปลายงา
     ข้อนี้พระมหาชนกให้ขุดหาที่โรงคชสาร โดยขุดตรงบริเวณที่พระยาเศวตกุญชรนั้นยืนอยู่ และปลาย        งาโค้งลงจรดดิน ณ บริเวณใดก็ให้ขุดบริเวณนั้น ซึ่งเมื่อขุดแล้วก็พบทรัพย์สมบัติเป็นจำนวนมากเช่นเดิม

      ด้วยพระปฏิภาณอันปราดเปรื่องของพระมหาชนกนี้ ทำให้บรรดาข้าราชบริพารและพสกนิกรทั้งปวงต่างก็ยกย่องสรรเสริญแซ่ซ้องพระปัญญาบารมีของพระมหาชนกกันทั่วไปทั้งนคร
ครั้นเมื่อจัดพิธีอภิเษกและพิธีเฉลิมฉลองเสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว พระมหาชนกก็จัดให้สร้างโรงทาน                ทั้ง ๖ แห่ง และจ่ายแจกพระราชทรัพย์บำเพ็ญบุญกุศลเป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน และได้เปิดเผยความจริงแก่คนทั้งปวงว่า พระองค์นั้นเป็นพระราชโอรสของพระราชาอริฏฐชนกผู้เป็นเชษฐาของพระเจ้าโปลชนก                ผู้สื้นพระชนม์ไปไม่นานนี้นั่นเอง
      จากนั้นพระมหาชนกก็ครองคู่อยู่กับเจ้าหญิงสิวลีอัครมเหสีอย่างมีความสุข ทรงปกครองบ้านเมือง                ให้ร่มเย็นเป็นสุขโดยถ้วนหน้า
      วันหนึ่งพระมหาชนกเสด็จประพาสอุทยานได้ทรงสังเกตเห็นมะม่วงต้นหนึ่งมีลูกดกเต็มต้น จึงได้เก็บมาเสวยลูกหนึ่งแล้วก็ประพาสสวนต่อไปจนกระทั่งเย็นย่ำ
      ครั้นเมื่อเสด็จกลับออกไปในเพลาเย็นก็ต้องแปลกพระทัยที่เห็นมะม่วงต้นเดิมนั้นดูทรุดโทรมผิดไปจากเดิม ลูกดกที่เต็มต้นก็หายไป กิ่งก้านที่งดงามก็หักรานยับเยินสิ้นไป
      เมื่อตรัสถามพนักงานผู้รักษาสวนก็ตอบว่า บรรดาพสกนิกรนั้นพากันมาแย่งยื้อเก็บมะม่วงต้นนี้ไปกิน เพราะเห็นว่าเป็นต้นที่พระราชาได้เสวย
      ในฉับพลันทันใดนั้นเองพระมหาชนกจึงได้ดำริว่า มะม่วงต้นนี้ต้องได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนก็เพราะมีลูกเหมือนกับเช่นพระองค์ที่มีพระราชสมบัติมากมาย ซึ่งจะต้องได้รับภัยและได้รับทุกข์ร้อนในวันหนึ่งเช่นกันนับจากนั้นพระมหาชนกจึงทรงจำศีลบำเพ็ญภาวนาอยู่แต่ในพระตำหนักมิออกว่าราชกิจราชการอีกต่อไป
     ครั้นเมื่อเวลาล่วงเลยไปถึง ๕ เดือนแล้ว พระมหาชนกก็ให้พระกัลบกปลงพระเกศาและพระมัสสุออกเสียทั้งหมดจากนั้นทรงนุ่งห่มผ้ากาสาวะเตรียมเสด็จออกจากพระราชวังไปบำเพ็ญพรตในป่า
      ขณะนั้นพระสีวลีอัครมเหสีได้เสด็จขึ้นมาเข้าเฝ้าบนตำหนักหลวงด้วยเพราะมิได้พบหน้า พระสวามีเป็นเวลา ๕ เดือน ตั้งแต่พระองค์ทรงบำเพ็ญศีลภาวนาอยู่แต่ในพระตำหนัก โดยสั่งห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน
      องค์หญิงสิวลีนั้น เมื่อขึ้นไปบนตำหนักก็พบแต่เครื่องทรงของกษัตริย์วางทิ้งไว้ จึงเฉลียวใจว่าเมื่อครู่นี้ทรงสวนกับพระปัจเจกโพธิองค์หนึ่ง จึงคิดว่าเป็นพระมหาชนกพระสวามีของพระนางเป็นแน่
      ดังนั้นองค์หญิงสิวลีจึงพานางสนมกำนัลวิ่งตามพระมหาชนกไปพร้อมกับกันแสงร่ำไห้เรียกหาผู้เป็นพระสวามีของพระนาง
องค์หญิงสิวลีได้ทำอุบายให้คนจุดไฟขึ้นทั่วพระนคร แล้วกราบทูลเชิญให้พระมหาชนกเสด็จกลับเข้าวังก่อนที่ไฟจะไหมพระราชวังและทรัยพ์สมบัติเสียหมด แต่ทว่าพระมหาชนกก็มิใส่ใจในทรัพย์สมบัตินั้นยังคงเสด็จต่อไปมิหันหลังกลับ
     พระสิวลีอัครมเหสีจึงให้บรรดาเสนาอำมาตย์มุขมนตรีผู้ใหญ่มาวิงวอนขอร้องให้พระมหาชนกเสด็จ คืนกลับวัง แต่ทว่าพระองค์ก็ยังคงเสด็จมุ่งสู่ป่าดงพงไพร แต่ครั้นเมื่อเห็นว่าคณะของอัครมเหสีและข้าราชบริพารยังตามติดมาไม่หยุดยั้งจึงได้ทรงขีดเส้นหนึ่งบนพื้นดิน แล้วกล่าวว่า ถ้าเห็นว่าพระองค์ยังเป็นพระราชาอยู่ก็ขอให้ทุกคนจงเชื่อฟังหากบุคคลใดข้ามเส้นนี้ตามไปจะต้องได้รับพระราชอาญาเป็นแน่
      เมื่อเป็นดังนั้นคณะข้าราชบริพารก็มิกล้าที่จะตามติดพระองค์ต่อไปอันเป็นการล่วงละเมิดพระราชกระแสรับสั่ง
      พระสิวลีอัครมเหสีนั้นทรงมีปฏิภาณไหวพริบล้ำเลิศเป็นยิ่งนัก ขณะที่ทรงกันแสงนั้น ก็ได้ทรงกลิ้งเกลือกพระวรกายลงกับพื้นดินจนกระทั่งเส้นที่ขีดบนพื้นดินนั้นจางหายจึงสามารถชักชวนคนทั้งปวงติดตามพระมหาชนกไปได้อีก
เมื่อพระมหาชนกทรงเสด็จเรื่อยไปจนเข้าเขตเมืองปุนันนครและได้ทรงเก็บเนื้อชิ้นหนึ่ง ซึ่งสุนัขคาบวิ่งหนีเจ้าของมาแล้วทำตกลงบนพื้นดิน เมื่อพระอัครมเหสีทอดพระเนตรเห็นพระสวามีหยิบชิ้นเนื้อจากพื้นทรายขึ้นปัดฝุ่นแล้วใส่ลงในบาตรก่อนจะนำไปนั่งฉันใต้ร่มไม้แห่งหนึ่งนั้น ก็ให้บังเกิดความสลดหดหู่ใจและมั่นใจแล้วว่าชะรอยพระสวามีคงจะมุ่งมั่นฝักใฝ่ในทางธรรม ปรารถนาจะประพ ฤติองค์เป็นนักบวชโดยไม่กลับคืนสู่พระนครเป็นแน่แล้ว
  แต่ด้วยความอาลัยรักพระอัครมเหสีจึงยังทรงตามเสด็จพระมหาชนกเรื่อยไป
 พระมหาชนกได้ทรงสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงเล็กๆ คนหนึ่ง ใส่กำไลมือทั้งสองข้าง มือข้างหนึ่งใส่กำไลเส้นเดียวกำไลนั้นก็ไม่เกิดเสียงอันใด ในข้อที่มืออีกข้างหนึ่งใส่กำไลสองเส้น กำไลทั้งสองก็กระทบกันดัง             กรุ๊งกริ๊งตลอดเวลา พระมหาชนกจึงดำริว่าสตรีนั้นเป็นมลทินของการประพฤติพรหมจรรย์สมควรที่จะให้             พระอัครมเหสีหยุดติดตามและแยกทางไปเสียอีกทางหนึ่ง
      ครั้นเมื่อถึงทาง ๒ แพร่ง พระมหาชนกจึงตรัสแก่พระมเหสีว่า “น้องหญิงเอ๋ย น้องจงเลือกเอาเถิดว่าจะไปทางซ้ายหรือทางขวา ขอให้เราแยกทางเดินกันนับแต่นี้เถิด”
      พระนางสิวลีทรงเลือกทางซ้าย ครั้นเมื่อพระมหาชนกเสด็จแยกทางไปยังเบื้องขวาแล้ว พระอัครมเหสีก็ยังแอบตามเสด็จไปทางเบื้องหลังของพระมหาชนกอีกด้วยความอาลัยรักอย่างลึกซึ้งและมิอาจหักห้ามพระทัยได้
      เมื่อถูกพระสวามีตัดรอนความสัมพันธ์อย่างสิ้นเยื่อขาดใยเช่นนั้น พระอัครมเหสีถึงกับร้องไห้ฟูมฟายปิ่มว่าจะขาดใจ แม้จะร่ำไห้จนสิ้นสติไปก็มิอาจจะทำให้พระมหาชนกหันหลังกลับมาดังเดิมได้
      พระนางสิวลีอัครมเหสีจึงทรงได้คิดว่าพระมหาชนกผู้เป็นพระสวามีของพระนางนั้นสามารถสละได้ซึ่งราชบัลลังก์และทรัพย์สมบัติทั้งหลายทั้งปวง แล้วเหตุไฉนตัวพระนางนั้นจะยังมีความอาลัยอาวรณ์ในทรัพย์สมบัติทั้งปวงอยู่อีกเล่า  เมื่อดำริได้ดังนั้นพระนางสิวลีจึงรับสั่งต่อข้าราชบริพารและนางข้าหลวงทั้งปวงว่า พระนางจะออกตามเสด็จพระมหาชนกไปบรรชาด้วยเช่นกัน ขอให้อภิเษกเจ้าองค์อื่นขึ้นเสวยราชย์ต่อไปเถิด  หลังจากนั้นพระนางสิวลีก็เสด็จออกบวช ครั้นเมื่อสิ้นพระชนม์ในภพนี้แล้ว ก็ได้ไป
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11803 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2557, 12:10:30 »





เมื่อวันจันทร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ พี่สิงห์ ไปแข่งขันกอล์ฟ Super Senior Pro. อายุมากกว่า ๖๐ ปีขึ้นไป

มีนักกอล์ฟอาชีพ เข้าแข่งขันจำนวน ๙๖ ท่าน ตัดเข้ารอบ ๔๐ ท่าน ที่จะได้เงินรางวัล

พี่สิงห์ ไม่เคยไปเล่นเลย และต้องกินยาไข้หวัดเพราะรู้เลยว่าไข้ขึ้น

แต่ก็ตีประคองตัว และเป็น ๑ ใน ๔๐ ท่านที่ได้รับเงินรางวัล

แต่เนื่องจากกลับมาก่อน จึงไม่ทราบผลการแข่งขันว่าอยู่อันดับที่เท่าไร ใน ๔๐ โปร.ที่ได้รับเงินรางวัลในการแข่งขันครั้งนี้

แต่มี ๒ เบอร์ดี้ แต่พาร์ ๕ ตีออก แปด เพราะลูกตกน้ำ ที่เหลือได้พาร์เป็นส่วนใหญ่ พัตดีมาก แต่ ตี shot สองไม่ดีเพราะไข้ขึ้น แต่ก็พาร์ ไม่มีสามพัต ส่วนมากพัตเดียวเพราะตีไม่ on

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #11804 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2557, 16:09:43 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 03 กุมภาพันธ์ 2557, 17:59:43
สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อย ที่รัก

ตอนนี้ที่โรงแรมแขกเต็มไหม?

เห็นนกแอร์บินวันละ สองเที่ยว และยังมีการบินไทย Air Asia Bangkok Air อีก  คนคงไปกระบี่แยะ

เอาไว้กลับจากอินเดีย เดือน มีนาค่อยไปกระบี่

สวัสดีค่ะ
[/quot

                        พี่สิงห์ค่ะ  อ่านข่าวรายวันที่พี่โพสมาจบเร็วกว่าเรื่องสร้างโรงงานทำเสาไฟฟ้าอีก
                         อ่านไปมาหลายเที่ยว  เหมือนฝึกสมองเลยค่ะ
                   ที่ร.ร ยังมีแขกพักเต็มทุกวัน ตั้งแต่พ.ย มาแล้วบางวันล้น ต้องหา ร.ร อื่นให้
                     เห็นแขกมาพักแล้วชม เราก็พลอยรู้สึกมีความสุขไปด้วย
                        พี่สิงห์ชวนเพื่อนมาเที่ยวด้วยซิค่ะ นกแอร์เริ่มต้นที่1120แอร์เอเชียก็ขึ้นจากดอนเมือง
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11805 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2557, 18:08:25 »



สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อยที่รัก

เป็นข่าวดี ที่โรงแรมเต็ม จะได้ทำงานแบบสนุก และรักษามาตรฐานการบริการเอาไว้ เพื่อลูกค้าที่ยั่งยืน

พี่สิงห์ ขอมอบดอกไม้ให้ เป็นดอกภู่ระหงษ์ สีชมพู ที่พี่ตุ๊-พี่วสันต์ เพื่อนบ้าน ปลูกเอาไว้หน้าบ้าน

ดีแล้วที่ติดตามอ่าน เป็นการฝึก ความจำในการอ่าน และให้ตัวเองมีอะไรทำ

พี่สิงห์ ก็เขียนจากความจำ เป็นการฝึกสมองไม่ให้ลืม

จัดเวลาได้ จะไปเยี่ยมครับ

สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11806 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2557, 18:19:13 »



ดร.สุริยา

ได้ยินแต่ข่าว ทางฝ่ายรัฐบาล สั่งฟ้องแกนนำ กปปส.ที่ทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง

ทำไม? คนมันจึงเป็นอย่างนี้ หาแต่เรื่องวิวาท ผลักใสให้เกิดศัตรู

นั่นละพฤติกรรมของจิตมนุษย์ละ ที่ ริษยา  คิดเข้าข้างตนเอง หาเหตุให้วุ่นวาย เพื่อเอาผลประโยชน์แห่งตนเป็นหลัก โดยไปหาข้ออ้าง ต่าง ๆ  นา ๆ มาเป็นเหตุผล เพื่อสนองตัณหาของจิตตน

นี่ละจิตมนุษย์ ขี้อิจฉา - ริษยา และตระหนี่ ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน

ทำไม ไม่ให้อภัย เอาชนะจิตตนเองกันบ้าง !

เพราะมันทำยากไง ในการทำดี  ก่อกุศล ทำเพื่อผลประโยชน์ของผู้อื่น จิตมนุษย์มันไม่ชอบ

แต่ก็ทำได้  ด้วยการฝึกให้มีเมตตา  กรุณา  มุฑิตา และอุเบกขา ด้วยการให้ทาน  ถือศีล เป็นจุดเริ่มต้นในการชำระจิตให้เป็นผู้ให้ ก่อนที่จะเริ่มต้นภาวนาเจริญสติ จนถึงขั้นวิปัสสนาปัญญา

แต่อนิจจา พวกรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เขาคิดตรงข้ามหมดเลย ทำเพื่อตนเองและพวกพ้องเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐ ไม่ว่าจะได้มาด้วยวิธีใด

ระวังสักวัน กรรมจะตามทันเมื่อ คนอื่นเขาก็คิดแบบเดียวกับตนเองได้เหมือนกัน

ดอกพุทธรักษา เป็นสีขาว สีแห่งพุทธศาสนา สีแห่งสันติไม่ประพฤติชั่ว คือไม่ผิดศีล ทำตนให้เป็นปนะโยชน์ เกื้อกูล ต่อสัตว์โลก

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11807 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2557, 20:46:00 »

ศีล   สมาธิ  ปัญญา


สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

ค่ำนี้ขอมอบ ศีล  สมาธิ  ปัญญา  ให้ทุกท่านได้ทบทวน  การทบทวนบ่อย ๆ จะทำให้จิตของเราเจริญ มีสติมากขึ้น เพราะมันได้เรียนรู้ สามมารถจะทำให้เกิดการพิจารณาแบบโยนิโสมนสิการได้  จนกระทั่งเข้าใจในธรรมนั้น หรือเห็นธรรมนั่นเอง

ศีล คือความเป็นปกติของพฤติกรรมของมนุษย์ที่จะไม่ล่วงเกิน หรือทำให้มนุษย์และสัตว์เดรฉานเดือนร้อนจากการกระทำของตนทางกาย  วาจา ที่อาจพลั้งเผลอ กระทำไปได้ เพราะศีลเป็นข้อปฏิบัติที่เราจะละเว้นการกระทำที่เป็นอกุศล หรือความชั่วนั่นเอง การกระทำทางกาย  ทางวาจา นั้นเป็นสิ่งที่มันอาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ เพราะในแต่ละวินาที นาที  ชั่วโมง วัน เราต้องอยู่ในสังคมของมนุษย์และสัตว์ ถ้าเราต้องการอยู่อย่างสันติ  สงบสุข เราจึงต้องมีศีล เป็นเกราะป้องกัน หรือเป็นแนวทางในการปฏิบัติบังคับจิตตนเอง ไม่กระทำด้วยการรักษาศีลให้มั่น อย่างน้อยต้องมีมหาศีล หรือศีล ๕ นั่นเอง และอย่าลืม ผู้ที่มีศีล ๕ งดงาม จะได้รับการสรรเสริญจากมนุษย์และเทวดา เมื่อตายไปย่อมไม่ตกนรกอเวจี แน่นอน ครับ

สมาธิ คือเครื่องมือในการปฏิบัติ ตามมรรคมีองค์ ๘ อย่างหนึ่ง ที่จะเป็นเครื่องมือในการฝึกจิตมนุษย์ เอาชนะจิตตนเอง ในความอยาก หรือตัณหา ได้ ด้วยการเจริญสติ(ความระลึกได้ ในกาย  เวทนา  จิต ธรรม) จนเป็นสมาธิ(อารมณ์จดจ่อเป็นหนึ่งเดียว) จนสามารถบรรลุญาณที่ ๑ เป็นปฐมญาณ คือ ละนิวรณ์ ๕ ได้ มีวิตก วิจารณ์ มีปีติ มีเวทนา และมีสติ-สัมปัญญะ และเมื่อสามารถเจริญสติต่อไปจนละวิตก วิจารณ์ได้ คือไม่มีการปรุงแต่งในความคิด มีปีติ ที่เกิดจากการไม่ปรุงแต่ มีเวทนา มีสติ-สัมปชัญญะ ก็เข้าญาณที่ ๒ คือทุติยญาณ และเมื่อสามารถละปีติเสียได้ แต่ยังมีเวทนา มีสติ-สัมปชัญญะ ก็เข้าสู่ญาณที่ ๓ คือ ตติยญาณ และเมื่อเจริยสติเป็นสมาธิต่อไปจนสามารถละทุกข์ ละสุขเสียได้ มีสติ-สัมปชัญญะ สมบูรณ์เป็นเอกคตา หรือเป็นจิตประภัสสร  จิตนั้นก็ควรแก่งานที่เหมาะจะเจริญวิปัสสนาปัญญา ท่านก็เข้าสู้ญาณที่ ๔ จตุตญาณ

ปัญญา คือความรู้ที่เกิดจากปัญญาภายใน ที่เรียกว่าวิปัสสนาปัญญา ที่จิตมันเห็นธรรม คือความจริงในธรรมชาติ เกิดรู้ในวิชชา ๘ การเกิด-ตายของสัตว์โลกเป็นต้น ท่านก็จะตรัสรู้เป็นพระอรหันต์ได้ (อันนี้ ไม่สามารถเขียนมากได้ เพราะตนเองยังไม่รู้  ยังทำไม่ได้ ได้แต่ศึกษาในสิ่งที่พระอานนท์ กล่าวไว้เท่านั้น ในพระไตรปิฎก)

อะไร จะสุขเท่ากับ ความสุขที่เกิดจากการปรุงแต่งน้อย ๆ อยู่กับสติเป็นส่วนใหญ่ เป็นความสุขถาวร ในภาคหน้าได้ อีกไม่มีอีกแล้ว ครับ

ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #11808 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2557, 21:48:26 »

พี่สิงห์ปฏิบัติธรรมมามากจนอ่านออกว่าคนอื่นที่เพิ่งเดินเตาะแตะ จะเดินไปไหน
ใช่ค่ะ ติ๋มกำลังใช้ทศชาติเพื่อทำโยนิโสนมัสการ พี่สิงห์เขียนมาเหมือนตาเห็นจิตของคนอื่น
กราบขอบคุณที่ส่งขึ้นให้อ่านอีก
ตอนนี้กำลังจะเริ่มอ่านชาติที่สามค่ะ
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11809 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2557, 06:40:20 »



สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

ธรรมของพระพุทธองค์นั้น มีอย่างเดียว คือความเป็นจริงแห่งธรรมชาติ ที่เราต้องมองให้เห็นจากภายใน ที่เรียกว่าวิปัสสนาปัญญา ให้ได้ จะหาได้เองจากการภาวนาเจริญสติ จนเป็นสมาธิ ติดตามดูจิตตนเองและจิตของผู้อื่น(ถ้าเรามีสติ จะทราบได้เอง) หรือปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ ก็จะรู้ได้เช่นเดียวกัน แต่จะเร็วหรือช้าเท่านั้น

เมื่อธรรมของพระพุทธองค์ เป็นแนวธรรมชาติและเป็นจริง อะไรที่แตกต่าง ย่อมไม่ใช่ธรรมของพระพุทธองค์  พระพุทธองค์ท่านก็สอนให้เราพิจารณาให้เป็น ให้เห็นจริงตามนั้น จะประกอบไปด้วยประโยชน์ เป็นไปในทางก่อกุศล  ไม่เบียดเบียนผู้อื่นและสัตว์เดรฉาน

ขอเพียงมีศรัทธา มีวิริยะ  มีขันติ มีสติ เป็นสมาธิ และใช้ปัญญา เป็นอย่างน้อย

พี่สิงห์ ขอมอบดอกลีลาวดี ที่พี่ตุ๊-พี่วสันต์ ปลูกเอาไว้หน้าบ้านให้เธอค่ะ

สวัสดียามเช้าค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11810 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2557, 07:16:26 »




สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

วันนี้ พี่สิงห์  มาทำงานที่โรงงานบ้านแพ้ว  สมุทรสงคราม  พี่สิงห์  ยังมีความจำเป็นต้องทำงาน เพราะต้องมีรายได้  ชีวิตจึงจะอยู่ได้เพราะปัจจัยต่าง ๆ ในการดำรงค์ชีวิต  ต้องใช้เงินเป็นส่วนใหญ่ เพราะรายจ่ายประจำมันมีทุกคน ในสภาพปัจจุบัน แม้แต่พระ-เณร ท่านก็มีรายจ่ายประจำเหมือนกัน

เช้านี้มาถึงโรงงานเวลา 06:20 น. มีนัดกับพนักงานแพล้นคอนกรีต เพื่ออบรมให้ความรู้ และอบรมเรื่องการทำงาน ให้มีทิศทางการทำงานไปในทางเดียวกัน  ก็ต้องมีการประชุม ว่ากล่าว ตักเตือน และสอนการทำงานกันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการดูแลร่างกาย เรื่องอาหารการกินของพนักงาน เพราะอาหารเป็นตัวก่อโรค และความเจ็บป่วยเป็นหลัก ก็ต้องสอนให้เข้าใจในการกิน และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ต้องสอนให้คนงานพยายามรักษา ศีล ๕ จะได้บ้างไม่ได้บ้างไม่เป็นไร ขอเพียงย้ำเตือนมาก ๆ จิตมันก็จำได้ เพราะจะเป็นประโยชน์ยิ่ง

อีกประการที่จะต้องมีการย้ำเตือนกันเสมอนอกจากศีล ๕ อาหารการกิน และความรับผิดชอบแล้ว ก็ต้องสอนเรื่องการทำลายทิฏฐิ  คือต้องสอนให้เขาเป็นคนที่น้ำไม่เต็มแก้ว(สามารถรับความรู้เพิ่มเติม ไม่ปิดกั้นตนเองทางความคิด) เป็นคนคิดในทางบวก คือคิดดี  ไม่เป็นกบในกระลาครอบ เพราะคนส่วนใหญ่อย่าลืม คำถามที่ท้าวมหาพหรม ถามพระพุทธองค์ คือ อะไรเป็นสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้มนุษย์ประสบทุกข์ นั่นก็คือ เพราะความอิจฉา  ริษยา และความตระหนี่  นี่ละมันจึงเป็นต้นตอแห่งตัณหา(ความทะยานอยาก) ตามมา

ดังนั้น พระพุทธองค์ จึงเริ่มต้นสอนให้คนรู้จักการให้ทาน  การให้ทานนั้นจะมีอานิสงค์มากก็ต่อเมื่อทั้งผู้ให้ผู้รับต้องบริสุทธิใจทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ให้นั้น ก่อนให้  ขณะให้ และหลังให้ ต้องมีจิตที่บริสุทธิ์ ให้ด้วยความเต็มใจ ให้ด้วยความเคารพ เมื่อให้แล้ว ตนเองและครอบครัวก็ไม่เดือดร้อน เป็นอย่างน้อย  ส่วนผู้รับก็เป็นบุคคลที่สมควรที่จะได้รับการอนุเคราะห์ และรับด้วยความเต็มใจ  และรู้ในบุญคุณที่เขาให้นั้น  ด้วยการตอบแทนในสิ่งที่ควรประพฤติไปในทางกุศล ก็จะได้อานิสงค์ทั้งสองฝ่าย เป็นอย่างน้อย

อย่าลืมเราต้องรู้จักเป็นผู้ให้ เป็นผู้เสียสละ เป็นผู้อนุเคราะห์ ก่อนในการชำระจิตใจตนเอง

เพราะจิตของทุกคน จะคิดเข้าข้างตนเอง  อยากได้ อยากเอา ไม่ต้องการให้ใครดี หรือได้รับในสิ่งที่ดีกว่าเรา

เราจึงต้องฝึกจิตตนเองให้เป็นผู้ให้ เป็นผู้อนุเคราะห์ เป็นผู้เสียสละ ทำประโยชน์ให้สังคม ก่อนเสมอ

สิ่งที่อย่างน้อยควรมีในฐานะพุทธศาสนิกชนม์ คือ ต้องมีศรีทธา จาคะ ศีล สุตะ วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา

สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11811 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2557, 19:33:27 »



หลานชายเต๋า  ไปทำงานเป็นผู้จัดการ บ.โทรคมนาคม ไม่รู้ว่าค่ายไหน ที่พม่า เมืองย่างกุ้ง

ค่าย DTAC

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

วันนี้อากาศที่บ้านแพ้ว สมุทรสงคราม กทม. อากาศหนาว ลมแรง  ระวังสุขภาพกันด้วยครับ ในช่วงนี้ และเป็นช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ กำลังระบาดพอดี  ไปไหน  อยู่ในชุมชนต้องใส่หน้ากากป้องกันครับ และต้องใส่เสื้อหนา ๆ สร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย ด้วยครับ

สำหรับพี่สิงห์  เนื่องจากต้องใช้เสียงทั้งวัน สอนหนังสือ ประชุม มีคนมาพบทั้งวัน ใช้แต่เสียง ผลคือเจ็บคอ เสียงแหบ คงหลอดลมอักเสบแน่ ๆ

ก็ต้องพักผ่อนให้มาก พรุ่งนี้ต้องเดินทางไปทำงานที่สุราษฎร์ธานี แล้วเดินทางไปนครศรีธรรมราช ตอนเย็น ต่อครับ

เดินทาง  อากาศเปลี่ยน  ใช้เสียง  จะไหวหรือเปล่า ยังไม่รู้เลยครับ

เพิ่งกลับจากสมุทรสงคราม มาถึงบ้านแล้วครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11812 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2557, 19:50:23 »

สรุปข่าววันที่ 5 ก.พ.57 เวลา 06.00-18.00 น.

หน้าหลัก » ข่าวทั่วไทย » กทม.ศาลอาญา อนุมัติออกหมายจับ 19 แกนนำ กปปส. ข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน "สุเทพ" ส่งทนายพบอัยการขอเลื่อนคดีชุมนุมปี53  ศรส. ขีดเส้นเจรจาเปิด มท.
15.00 น. วันนี้ ไม่เป็นผล สั่งจับกุมทันที เผยพบหลักฐานเตรียมเนรเทศ "สาธิต เซกัล" ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เร็วๆ นี้

การเมือง
07.00 น. หลังจากที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ได้เพราะสำนักงานเขตถูกปิดล้อม ชาวเขตราชเทวีจึงรวมตัวกันจัดกิจกรรมหย่อมบัตรเลือกตั้งจำลอง ก่อนนำรายชื่อประชาชนที่อยากใช้สิทธิไปเรียกร้องกับทางเขตฯ ขณะที่ ผช.ผอ.เขตยืนยัน วางตัวเป็นกลาง
12.13 น. "ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) "ชี้จัดทหาร-ตร. 30 กองร้อยรปภ.สป.กห.เหตุม็อบพุ่งเป้าตัวนายกฯ อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำกัดเส้นทาง-เวลาเข้าออกเมืองทอง สกัดช่วงม็อบบุก
13.46 น. กกต.เผย ผู้ใช้สิทธิ์ ลต. 46 เปอร์เซ็นต์ บัตรเสีย 12 เปอร์เซ็นต์ กทม. โหวตโนมากสุด 16 เปอร์เซ็นต์ ด้าน ฉะเชิงเทรา ฉีกบัตร 2 ใบ
13.50 o. ผอ.ศรส. ขีดเส้นตายกลุ่มผู้ชุมนุม คืนพื้นที่กระทรวงมหาดไทยบ่ายนี้ หากขัดขวางจะดำเนินการจับกุมขั้นเด็ดขาด พร้อมระบุ เห็นด้วย กกต.กำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปหลังเลือกตั้ง ส.ว.
14.35 น. ตร.ได้ชื่อและตัวผู้ก่อเหตุ ยิงปะทะแยกหลักสี่ได้แล้ว 3 คนจาก 21 คนที่ปรากฏในคลิป เตรียมขออนุมัติศาลออกหมายจับในไม่ช้า ส่วนคดีอื่นยังไม่คืบ พยานหลายปากยังไม่มาให้การ และหลักฐานไม่ชัดเจน...
14.48 น. "สุเทพ" ส่งทนายพบอัยการขอเลื่อนคดีชุมนุมปี53 อ้อนคน กทม. ขออย่าโกรธ เดินทางไม่สะดวกสบายบ้าง หากจะโกรธให้โกรธ "ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ" อ้าง หากไม่มี 2 คนนี้ จะไม่มีม็อบและพร้อมกลับบ้าน
16.24 น. "วรงค์" แนะรัฐแยกคุณภาพข้าว ขายเรียกความเชื่อมั่นข้าวไทย จี้รัฐชัดเจนทำจำนำข้าวต่อหรือไม่ แนะโรงสีปล่อยกู้รัฐพ่วงเงินแม้วใช้หนี้ชาวนา
16.30 น. ศรส. ขีดเส้นเจรจาเปิด มท.
15.00 น. วันนี้ ไม่เป็นผล สั่งจับกุมทันที เผยพบหลักฐานเตรียมเนรเทศ "สาธิต เซกัล" ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เร็วๆ นี้
16.40 น. "ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.)" เผยทยอยเก็บเข้าของ คืนสะพานพระราม 8 ให้แก่ประชาชน-ลดความเดือดร้อน เปิดจราจรเป็นปกติ
16.48 น. ศาลอาญา อนุมัติออกหมายจับ 19 แกนนำ กปปส. ข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
17.10 น. เจรจาม็อบมหาดไทยรอบ 2 เหลว สมศักดิ์ โกศัยสุข แนวร่วม กปปส. ยืนยัน ไม่ยอมเจรจา เพราะมติ กปปส. ไม่มีการให้คืนพื้นที่
17.25 น. ศาล รธน.ไม่รับคำร้อง "สุเทพ" กปปส. ขัด ม.68 ระบุ ไม่มีมูล เพราะเป็นสิทธิชุมนุม ตาม รธน. ให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอาญา ดำเนินการเอง
18.00 น. "เชียงใหม่ บ้านเกิดของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบว่า ถึงแม้จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากถึงร้อยละ 75.05 หรือคิดเป็น 827,808 คน จากผู้มีสิทธิ์ทั้งสิ้น 1,103,059 คน แต่ก็น้อยกว่าการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. 54 ที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์มากถึงร้อยละ 83.13 หรือ 1,002,547 คน จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1,205,955 คน ที่สำคัญจำนวนผู้ประสงค์ไม่ลงคะแนนในปีนี้ มีมากกว่าการเลือกตั้งในปี 2554 ถึงกว่า 6 เท่า"

เศรษฐกิจ
06.00 น. เปิดตัว "เชิดศักดิ์" เผยปรับกลยุทธ์ระยะสั้นใหม่ ซีทีเอชหวังรายได้ 5 พันล้าน
06.15 น.  เปิดผลสำรวจเอสเอ็มอี-บางกอกเจมส์ส่อหืดจับ ตลาดแพทินั่มยอดทรุด 80%
08.48 น. ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก นักลงทุนแห่ช้อนซื้อเก็งกำไร หลังร่วงหนักเมื่อวันจันทร์ ดาวโจนส์ปิดที่ 15,445.24 จุด เพิ่มขึ้น 72.44 จุด หรือ +0.47%
09.52 น. ทองลงบาทละ 50 บาท ทองแท่งขายออกบาทละ 19,500 บาท รูปพรรณขายออกบาทละ 19,900 บาท หลังตลาดนิวยอร์กปรับตัวขึ้น นักลงทุนเทขายทอง เข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง
10.00 น. นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ เผยการเมืองส่อเค้ารุนแรงต่อเนื่อง การเมืองไร้ทางออก ฉุดนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทย หนีไปเพื่อนบ้านแทน เหตุกังวลในเรื่องความไม่ปลอดภัยจากสถานการณ์ทางการเมือง วอนทุกฝ่ายยุติปัญหา หวั่นกระทบหนัก
11.49 น. กนง.ปรับลดจีดีพีปี 57 เหลือ 3% หลังการเมืองยืดเยื้อ จำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ติดตามตลาดการเงินใกล้ชิด ขณะที่ความไม่แน่นอนระยะสั้นมีสูง ทั้งจากการเมือง-ภาวะตลาดการเงินโลก เคาะ มีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย 2.25% หนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
12.44 น. หุ้นเช้าปิดบวก 7.27 จุด ที่ 1,284.11 จุด ดัชนีรีบาวด์ในกรอบแคบ แนวโน้มเสี่ยงแกว่งตัวลง หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีนไม่ดีบวกการเมืองกดดัน แนะขายทำกำไร
12.48 น. ธปท. แจ้งแบงก์พาณิชย์ปิดให้บริการในสาขาที่อยู่ใกล้พื้นที่ชุมนุม 41 สาขา ในวันนี้ (5 ก.พ. 57).
12.50 น. เที่ยวบินที่ AK1424 กัวลาลัมเปอร์-ย่างกุ้ง TG 303 สุวรรณภูมิ-ย่างกุ้ง และ FD 2751 ดอนเมือง-ย่างกุ้ง ลงจอดท่าอากาศยานเชียงใหม่ด่วน หลังสภาพอากาศย่างกุ้งแย่ ลงจอดไม่ได้
13.30 น. จังหวัดตาก หารือเมียนมาร์ เตรียมเปิดจุดผ่อนปรนชายแดนบ้านวาเล่ย์ ฝั่งไทย กับบ้านวาเล่ย์ใหม่ ของเมียนมาร์ พร้อมเปิดตลาดนัดท้องถิ่นไทย-เมียนมาร์ ช่วยชาวบ้านให้มีรายได้
14.03 น. ชาวนาอ่างทองระดมพลเตรียมปิดถนนสายเอเชีย พรุ่งนี้ เริ่มตั้งแต่ 09.00 น. กดดันให้รัฐเร่งจ่ายจำนำข้าว พร้อมเร่งเดินหน้าฟ้องรัฐบาล
14.25 น. ธปท.แจงฐานะแบงก์พาณิชย์แกร่ง กำไรปี 56 แตะ 2.2 แสนล้าน ปรับตัวดีตามภาวะเศรษฐกิจ คาดสินเชื่อปีนี้โตร้อยละ 8-10 ภายใต้เศรษฐกิจชะลอลง มั่นใจ SME ต่างจังหวัดสภาพคล่องสูง ขณะที่แบงก์มีมาตรการช่วยเหลือ
14.52 น. วรงค์ ฉะรัฐบาล สัญญาซื้อขายจำนำข้าวไม่มีจริง ไม่มีประเทศไหนในโลกทำ ขณะที่ นิวัฒน์ธำรงล้มสัญญา เพราะกลัวคุก จี้รัฐบาลเลิกโกหกประชาชน แฉไม่มีการทำข้าวถุงจริง เป็นเพียงตัวเลขในกระดาษ
16.10 น. สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เรียกร้องรัฐบาลระงับการขายข้าวจีทูจี และการขายในทางลับทุกรูปแบบ ชงเสนอขายผ่านตลาดเอเฟต ลดปัญหาความไม่โปร่งใส ห่วงสถานการณ์ราคาข้าวไทยที่ราคายังสูงกว่าคู่แข่ง  คาดปี 57 ยอดส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เพราะรัฐบาลเร่งระบายข้าวใช้หนี้ชาวนา
16.26 น. เปิดตัวผู้ผลิต เซตท็อปบ็อกซ์ทีวีดิจิตอลอีกหนึ่งราย ยันผ่านการรับรองคุณภาพจาก กสทช. เคาะราคากล่องละ 1,495 บาท มั่นใจประชาชนไม่ได้ซื้อเพราะของถูก
16.35 น. ธ.ก.ส.ประกาศพร้อมยืดหนี้ให้เกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว และให้กู้เงินก้อนใหม่เพื่อใช้ลงทุนในการผลิต หวังบรรเทาความเดือดร้อน ลดปัญหาการพึ่งพาเงินกู้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยสูง
17.21 น. หุ้นปิดบวก 3.41 จุด ปิดที่ 1,280.25 จุด หลังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ-จีน ออกมาดี การเมืองผ่อนคลายหลัง กปปส. ปิด 2 เวที
17.22 น. รอง ผอ.อคส. หอบหลักฐานให้ ตร. ยัน ข้าว 3.5 ล้าน กก. หายจริง หากพบหายอีก ก็จะแจ้งความดำเนินคดีอีก

ทั่วไทย
06.30 น. ภาคเหนือมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ ขณะที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีฝนได้บางแห่ง ส่วน กทม.มีเมฆบางส่วน โดยมีหมอกในตอนเช้า
08.28 น. บก.จร.แจ้งยังคงปิดจราจรตามจุดตั้งเวทีของกปปส.ทั้ง 5 จุดหน้าศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ แยกปทุมวัน แยกศาลาแดง แยกอโศก และแยกราชประสงค์ รวมถึงสะพานพระราม 8 กลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่เคลียร์พื้นที่ หลังมีมติจะเปิดการจราจร พร้อมเปิดช่องจราจรพิเศษบนถนนบรรทัดทอง จากแยกเพชรพระราม ถึงแยกเจริญผล เป็น 3 ช่องทาง
10.42 น. อุกอาจ มือปืนโหดควงลูกซองห้านัด ยิงถล่มอู่ติดตั้งแก๊สรถยนต์กลางเมืองอ่างทอง เจ้าของมึน ไม่เคยมีเรื่องกับใคร คาดขัดแย้งทางธุรกิจ
12.01 น. ม็อบชาวนาภาคตะวันตก ยังคงปิดถนนพระราม 2 แยกวังมะนาวต่อไป ขณะที่ชาวนาจาก จ.พิจิตร เตรียมรวบรวมรายชื่อ ก่อนมุ่งหน้าเที่ยงคืนวันนี้ เพื่อถวายฎีกา สำนักพระราชวัง
12.20 น. เมืองจันท์ส่อแล้งหนัก ประกาศภัยแล้งแล้ว 8 อำเภอ ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 4 หมื่นครัวเรือน ด้าน ปภ.และท้องถิ่น เร่งช่วยเหลือแก้ปัญหาแจกจ่ายน้ำอุปโภค - บริโภค
12.51 น. ระทึก! 4 โจร ชักมีดสปาต้า ปล้น กิตติมา ณ ถลาง ผู้ประกาศข่าวสาว กลางวันแสกๆ ข้างสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ตร.สน.ห้วยขวาง เร่งล่าตัว
14.03 น. ชาวนาอ่างทองระดมพลเตรียมปิดถนนสายเอเชีย พรุ่งนี้ เริ่มตั้งแต่ 09.00 น. กดดันให้รัฐเร่งจ่ายจำนำข้าว พร้อมเร่งเดินหน้าฟ้องรัฐบาล
14.17 น.ตร.รวบหนุ่มพิการขาลีบ พร้อมยาบ้าเกือบพันเม็ด เตรียมนำส่งลูกค้า สารภาพรับจ้างส่งยา เพราะป่วยโรคร้าย ต้องหาเงินรักษาตัว เจ้าหน้าที่คุมตัวดำเนินคดี
14.48 น. ไฟไหม้กุฏิ 100 ปี วัดดัง สมุทรสาครวอด เสียหายทั้งหลัง ชาวบ้านบ่นเสียดาย เพราะเป็นกุฏิไม้สักทั้งหลัง คาดความเสียหายประมาณ 6 ล้าน
14.58 น. หนุ่มวัย 30 คิดสั้น กระโดดจากสะพานลอยคนข้าม บริเวณหน้าเนติบัณฑิตยสภา ถ.กาญจนาภิเษก ตกลงมาถูกรถชนซ้ำ เสียชีวิตคาที่
16.07 น. 3 ไอ้โม่งอาวุธปืนครบมือ ปล้นทรัพย์เจ้าของธุรกิจรับซื้อไม้ยางพารา ได้ทรัพย์สินไปกว่า 800,000 บาท ตร. คาดเป็นคนในพื้นที่ เหตุรู้ความเคลื่อนไหวเป็นอย่างดี
16.22 น. ตามรวบแก๊งบุกปล้นบ้านเสี่ยรับเหมา จ.สมุทรปราการ ฉกทรัพย์หลายแสน ซัดทอดอดีตหุ้นส่วน เป็นผู้จ้างวาน เพราะแค้นถูกเบี้ยวเงินส่วนแบ่งประมูลงานก่อสร้าง ยังให้การภาคเสธ ขอให้การในชั้นศาล ขณะที่ ตร.เชื่อมีพยานหลักฐานเอาผิดได้
16.47 น. ระทึก! เพลิงไหม้ รถบรรทุกชิ้นส่วนยางรถยนต์ บริเวณ ถ.มอเตอร์เวย์ มุ่งหน้ากรุงเทพฯ กม. 31+900 เกิดกลุ่มควันปกคลุมทั่วบริเวณ จนท.ปิดจราจรชั่วคราว เบื้องต้นสามารถเปิดเดินรถได้ตามปกติแล้ว
16.56 น. กลุ่มชาวนา จ.กาญจนบุรี รวมตัวปิดแยกไฟแดง 2 แห่ง บนถนนกาญจนบุรี-อู่ทอง พร้อมยื่น 3 ข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาล ก่อนสลายตัวและเตรียมชุมนุมอีกครั้ง 7 ก.พ. นี้
17.09 น. ชาวบ้านพาฝูงวัวหนีแล้ง เข้าไปหากินในป่าอุทยานฯ ทับลาน จ.นครราชสีมา ถูกเสือตะปบเจ็บปางตาย 2 ตัว ถูกลากหายไปอีก 1 ตัว ทีมสำรวจแจ้งเตือนห้ามนำสัตว์ไปเลี้ยงในเขตอุทยานฯ ทับลานเด็ดขาด เนื่องจากจะไม่ปลอดภัย ซ้ำเป็นการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ
17.19 น. กทม.ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมงานเทศกาลวันมาฆบูชา ประจำปี 2557 เชิญร่วมตั้งโต๊ะหมู่บูชา และประดับธงธรรมจักร
17.22 น. รอง ผอ.อคส. หอบหลักฐานให้ ตร. ยัน ข้าว 3.5 ล้าน กก. หายจริง หากพบหายอีก ก็จะแจ้งความดำเนินคดีอีก

การศึกษา-สาธารณสุข-วัฒนธรรม
08.00 น. นักประสาทวิทยาศาสตร์เผยผลวิจัยเหตุใดมุนษย์จึงหัวเราะเมื่อถูกจี้ ซึ่งเป็นเพราะสมองส่วนหน้าของเราบอกให้หัวเราะ เช่นเดียวกับเวลาที่สมองคอยเตือนให้เรารู้สึกเจ็บ เพื่อแสดงให้เห็นศัตรูเห็นว่าเรายอมจำนวนแล้ว นอกจากนี้ ลิงกอริลลา ก็เป็นสัตว์ที่หัวเราะได้เช่นกันเมื่อถูกจี้
09.32 น. L’Oreal funds เครือข่ายทุนของเครื่องสำอางแบรนด์ดัง มอบทุนการศึกษา "INSEAD L’Oreal MBA Scholarship" สำหรับนักศึกษาต่างชาติเรียนต่อระดับปริญญาโท ที่สถาบัน INSEAD ในฝรั่งเศส
10.00 น. คณะธุรกิจ มหาวิทยาลัยรัฐมิชิแกนของอเมริกา เตือนผู้ที่ยังต้องใช้โทรศัพท์มือถือกลับมาทำงานที่บ้านจนดึกดื่น จะโดนดูดผลาญเรี่ยวแรงไปจนทำงานไม่ไหวในวันรุ่งขึ้น
14.23 น. มหาวิทยาลัยเกษตรจัดงานประชุมวิชาการครั้งที่ 52 มอบรางวัลผลงานวิจัยดีเด่นแก่นักวิจัยจากสาขาสถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ และมีผลงานรางวัลระดับดีและชมเชยรวม 34 รางวัล 15.55 น. ศธ.ยันยึดเงินประกัน "เสิ่นเจิ้นฯ" 120 ล้านบาท แม้ไม่คุ้มค่า หลังส่งมอบแท็บเล็ตล่าช้า ขณะจ่อฟ้องร้องค่าเสียหายเพิ่มกรณีฉีกสัญญาทิ้ง เล็งประสานทูตจีนดำเนินคดีอีกทาง
16.33 น. องค์การยูนิเซฟ แถลงการณ์ประณามเหตุการณ์สังหารเด็กชายสามพี่น้อง ในจังหวัดนราธิวาส ห่วงสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่ชายแดนใต้ เผยตั้งแต่ปี 2547 ถึงเดือนธันวาคม 2556 มีเด็กเสียชีวิตทั้งสิ้น 62 คน และบาดเจ็บอีก 387 คน

ต่างประเทศ
11:00น. บัน คี มูน เลขาธิการใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในไทย แก้ปัญหาความแตกแยกทางการเมืองด้วยการพูดคุย
11:40น. บริษัท ไมโครซอฟท์ ประกาศแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์เมื่อเกือบ 40 ปีก่อน เตรียมก้าวลงจากตำแหน่งประธานบริษัท
14:42น. ผู้เชี่ยวชาญรู้สึกกังวลกับเชื้อไข้หวัดนกสายพันธ์ เอช10เอ็น8 ซึ่งเป็นสายพันธ์ุล่าสุดที่คร่าชีวิตมนุษย์ ต่อจาก เอช5เอ็น1, เอช9เอ็น2 และ เอช7เอ็น9 ซึ่งกำลังระบาดในจีน
15:20น. พนักงานของการรถไฟใต้ดินกรุงลอนดอน เริ่มการประท้วงหยุดงาน 48 ชั่วโมงแล้วเมื่อคืนวันอังคาร เพื่อต่อต้านแผนปิดสำนักงานขายตั๋ว ซึ่งจะทำให้มีพนักงานหลายร้อยตำแหน่ง
16:27น. กระทรวงต่างประเทศแห่งลิเบียเผย ลิเบียทำลายอาวุธเคมีที่ใช้การได้ทั้งหมดในประเทศแล้วเมื่อเดือนก่อน หลังจากเริ่มการทำลายตั้งแต่สมัยรัฐบาลของพันเอก กัดดาฟี
16:59น. ตำรวจนิวยอร์กจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย 4 ราย ซึ่งคาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเฮโรอีนที่พบในบ้านพักที่ ฟิลิป ซีร์มัวร์ ฮอฟฟ์แมน นักแสดงชื่อดังเสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
17:40น. เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ตกลงร่วมกันในวันพุธว่าจะจัดวันรวมญาติ สำหรับครอบครัวที่พลัดพรากจากกันในช่วงสงครามเกาหลีขึ้น ในปลายเดือนก.พ.นี้

ไลฟ์สไตล์
10.00 น. นายกแพทยสภาอาวุโส วอนเพื่อนร่วมวิชาชีพรักษาความลับคนไข้ เพิ่มความระมัดระวัง คิดก่อนแชร์ หวั่นถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย
11.00 น. 5 ประตูไซส์เล็ก 134 แรงม้า 220 นิวตันเมตร 0-100 ใน 8.2 วินาที ทดสอบ BMW 1-Series 116i M-Sport แฮตชแบคในร่างทรง M-Technic
11.11 น. สัปดาห์นี้ เทรนด์@โฮม ไทยรัฐออนไลน์ มีไอเดียเก๋ๆ มาจัดการกับเศษขยะที่เหลือให้กลายเป็นชั้นชิงช้าไม้น่ารักๆ...!

กีฬา
06.40น.หนุ่มๆ น้ำลายหกกันเป็นแถว เมื่อ "อิรินา เชย์ค" โชว์เซ็กซี่อีกครั้ง ด้วยการโพสต์รูปตัวเอง กับชุดว่ายน้ำสุดพิเศษ ใช้ถุงมือบังเนินอกอันอวบอึ๋ม สร้างสีสันก่อนศึกโอลิมปิก ฤดูหนาว ในบ้านเกิด
08.47น.ผ่านไปครึ่งฤดูกาลแล้ว สำหรับ ศึกฟุตบอลลีกในทวีปยุโรป ซึ่งมีนักเตะหลายคน ฉายแววโชว์ฟอร์มสุดยอดออกมาให้เห็นเด่นชัดมากขึ้น พิสูจน์ได้จากการได้รับตำแหน่ง "แมน ออฟ เดอะแมตช์" หรือ MOM ในแต่ละเกมที่ผ่านมา และ "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" ขอเปิดโผ 10 แข้งครองแชมป์ MOM มากที่สุด มาให้ได้ชมกัน
10.00น.หมอวารินทร์ ตัณฑ์ศุภศิริ หัวหน้านักกีฬาไทยชุดโอลิมปิกเกมส์ฤดูหนาวเลือก “กาย” คเณศ สุจริตกุล นักสกีวัย 21 ปี ทำหน้าที่ถือธงชาติไทยเข้าสู่สนามในพิธีเปิดโซชิเกมส์ 2014 วันที่ 7 ก.พ.นี้  ส่วนวาเนสซา เมย์ นักสกีสาวไทยอีกคน คาดว่าฝ่ายจัดเตรียมให้แสดงโชว์ไวโอลินในหมู่บ้านนักกีฬา
10.30น.เวทีลุมพินีแห่งใหม่ ถนนรามอินทรา กม. 2 ที่ทุ่มทุนสร้างกว่า 380 ล้านบาท ได้ฤกษ์เปิดใช้งานวันแรก อังคารที่ 11 ก.พ.นี้ ส่วนวิกสังกะสีแห่งเก่า ถนนพระราม 4 ที่ใช้งานมายาวนานกว่า 57 ปี จัดศึกอำลา วันที่ 7 ก.พ. ด้านสนามมวยเวทีราชดำเนิน ที่โดนม็อบปิดถนน จนต้องปิดวิกไป 3 เดือน จะกลับมาเริ่มชกอีกครั้งวันที่ 9 ก.พ.
11.15น."อัดนัน ยานูไซ" เผย รู้สึกยินดีที่แมนฯยูไนเต็ด คว้าตัว "ฆวน มาตา" มาร่วมทีม เชื่อ ประสบการณ์ของแข้งกระทิงจะสามารถช่วยให้เขาพัฒนาเป็นนักเตะที่ดีขึ้นได้
11.45น."อัลบาโร เนเกรโด" เชื่อ ทัพเรือใบสีฟ้า ยังมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ แต่ยกให้ พลพรรคปืนใหญ่ อาร์เซนอล เป็นทีมเต็ง 1 ในตอนนี้
12.15น.คณะกรรมการโอลิมปิกออสเตรีย เล็งเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด หลังพบจดหมายขู่ลักพาตัว "เบอร์นาเด็ต ไซลด์" และ "ยาไนน์ ฟลอค์" 2 นักกีฬาสาว ระหว่างเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว "โซชิ เกมส์ 2014" ที่ประเทศรัสเซีย
12.45น."โธมัส แฟร์มาเลน" ปราการหลังทีมชาติเบลเยียม ของทีมอาร์เซนอล ตกเป็นเป้าหมายเสริมทัพของ "เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก" ทีมดังในรัสเซีย ที่หวังคว้าตัวไปร่วมทีม ก่อนที่ตลาดซื้อขายนักเตะของลีกรัสเซียจะปิดสิ้น ก.พ.นี้
13.15น.ทัพปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมยื่นข้อเสนอ 37 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อคว้าตัว "วิลเลียม คาร์วัลโญ" กองกลางทีมสปอร์ติง ลิสบอน มาเสริมทัพหลังจบฤดูกาลนี้
13.45น."ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ" เผย "ปาทริซ เอฟรา" อดีตเพื่อนร่วมทีมปิศาจแดง เป็นคนแนะนำให้ย้ายไปค้าแข้งในลีก เอิง ฝรั่งเศส กับทีมโมนาโก
14.15น.เหล่าสาวกชอบใจเมื่อ "จอห์น เทอร์รี" ปราการหลังวัยเก๋า ตอบตกลงเตรียมต่อสัญญาอยู่รับใช้ "สิงโตน้ำเงิน" เชลซี ไปอีก 1 ปี
14.45น."ไนกี้" สปอนเซอร์หลักของชุดทีมชาติบราซิล จับมือกับ 5 สโมสรดังในลีกสูงสุดแดนแซมบ้า เปิดตัวชุดแข่งใหม่ภายใต้ธีมสีเหลือง ต้อนรับศึกฟุตบอลโลก 2014
15.15น."อินเดียนา เพเซอร์ส" ฟอร์มสุดแกร่ง หลังบุกไปเฉือนชนะ "แอตแลนตา ฮอว์กส์" ถึงถิ่น 89-85  ในศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ คว้าชัยชนะเป็นนัดที่ 3815.45น."เซร์คิโอ เซเกา" แข้งเด็กโปรตุกีส โชว์พฤติกรรมสุดเถื่อน ชกผู้เล่นทีมฝ่ายตรงข้าม จนลงไปกองคาสนาม ก่อนจะตามไปเตะซ้ำ ระหว่างลงแข่งเกมรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนมีคลิปเผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์
16.15น."เชน ลอง" หัวหอกทีมชาติไอร์แลนด์ ยืนยัน สามารถปรับตัวกับทีมฮัลล์ ซิตี้ ได้แล้ว พร้อมตั้งเป้าช่วยทีมหนีตกชั้นในฤดูกาลนี้ให้ได้
17.15น."เดอะ สเตรทส์ไทมส์" สื่อดังเมืองลอดช่อง ระบุ พบชื่อ "Thanom" ผู้ตัดสินชาวไทย ในอุปกรณ์สื่อสารของ "เอริก ดิง ซี หยาง" นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีล้มบอล
17.45น."หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เตรียมขยายสัญญาให้กับ "จอร์แดน เฮนเดอร์สัน" กองกลางจอมขยัน ในช่วงปิดฤดูกาลนี้ หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลนี้

วิทยาการ
08.00 น. ยืนยันแล้วว่ามาแน่นอน หลังจาก ซัมซุง ร่อนบัตรเชิญสื่อเตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ กาแลคซี่ เอสห้า โดยใช้ชื่องานว่า Unpacked 5 ในงานโมบาย เวิลด์ คองเกรส ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
12.00 น. รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมทำโครงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนให้แก่ผู้ใช้รถ ทั้งระบบแจ้งเตือนการจำกัดความเร็ว การหลีกเลี่ยงการชน เป็นต้น คาดจะเสนอเป็นนโยบายในปี 2017
16.00 น. อะโดบี ย้ำความสำเร็จ ประกาศว่าได้รางวัลเอ็มมีอวอร์ดส ประจำปี 2556 สาขาเทคโนโลยีและวิศวกรรม จากการพัฒนาระบบด้านเนื้อหาวิดีโอส่วนบุคคล (Personalizing Video Content) โดย: ไทยรัฐออนไลน์5 กุมภาพันธ์ 2557, 18:00 น.

ข่าวอื่นๆใน กทม.

สรุปข่าววันที่ 5 ก.พ.57 เวลา 06.00-18.00 น.กทม.เชิญพุทธศาสนิกชนร่วมงานเทศกาลมาฆบูชา 57หนุ่มเครียดคิดสั้น กระโดดสะพานลอย รถชนซ้ำดับสยองระทึก! 4โจรชักสปาต้า ปล้นผู้ประกาศสาวช่อง9

หมวดข่าว

การเมืองกีฬาบันเทิงไลฟ์สไตล์วิทยาการเศรษฐกิจการศึกษาต่างประเทศข่าวทั่วไทยรู้จักคน รู้จักข่าวคลังภาพหน้าหลัก » ข่าวทั่วไทย » กทม.ดูไทยรัฐออนไลน์ มือถือ | เว็บไซต์ไทยรัฐ | Terms & Conditions | โหลดเกมฟรี |   

copyright © 2010-2011 Trend VG3 Co., Ltd
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #11813 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2557, 22:27:22 »

สวัสดีค่ะพี่สิงห์
กราบขอบคุณสำหรับดอกไม้ ลีลาวดี
สดชื่นนะคะที่ตื่นมาก็มีดอกไม้บานรอให้มาชม
เมืองไทยเราโชคดี มีดอกไม้ให้ชมตลอดปี เอาไปบูชาพระ ควบคู่กับทำความดีๆได้ทุกๆวัน
วันนี้กำลังอ่านชาติที่สาม "เมตตาบารมีค่ะ"
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11814 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2557, 05:51:00 »

อ้างถึง
ข้อความของ ติ๋ม จันทร์ฉาย เมื่อ 05 กุมภาพันธ์ 2557, 22:27:22
สวัสดีค่ะพี่สิงห์
กราบขอบคุณสำหรับดอกไม้ ลีลาวดี
สดชื่นนะคะที่ตื่นมาก็มีดอกไม้บานรอให้มาชม
เมืองไทยเราโชคดี มีดอกไม้ให้ชมตลอดปี เอาไปบูชาพระ ควบคู่กับทำความดีๆได้ทุกๆวัน
วันนี้กำลังอ่านชาติที่สาม "เมตตาบารมีค่ะ"


ต้นพระศรีมหาโพธิ์  พุทธคยา  อินเดีย

สวัสดียามเช้าค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

ที่สนามกอล์ฟ President ตอนนี้ดอกไม้สวย ๆ กำลังออกดอก สวยงามมาก เช่นสุพรรณิกา ประดู่ เต็ง เป็นต้น

อย่าลืมผู้ที่จะปฏิบัติธรรม เพื่อศึกษาธรรมชาติของจิต เพื่อแยกสติ-ความคิด ให้ออกนั้น ควรจะได้ศึกษาชาดกสิบทัศน์ หรือบารมี ๑๐ เพราะต้องเอาบารมี ๑๐ ทัศน์ มาเป็นตัวอย่าง ที่จะเอาชนะใจตนเอง ไม่หลงกระทำตามความคิด

บารมี ๑๐ ทัศน์ เป็นคุณสมบัติของพระโพธิ์สัตว์

และเราสามารถเอามาใช้ประโยชน์ต่อตัวของเราได้

ขออนุโมทนา

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11815 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2557, 08:10:34 »



ดอกทับทิม


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

พี่สิงห์ อยู่สนามบินดอนเมือง เพื่อเดินทางไปทำงานที่ สุราษฎร์ธานี

พระเตมีย์ใบ้

มีวานมีหลายเรื่อง ที่ถ้ากระทำก็จะเป็นไปในทางอกุศล หรือ

ทุกวันเราย่อมประสบกับสิ่งที่ไม่รัก ไม่ชอบ โดยเฉพาะ ราคะ โทสะ โกรธ เราต้องให้จิตเรานึกถึงพระเตมีย์ใบ้ให้ทัน เพราะถ้าไม่ทัน หลงอยู่ในความคิดที่จิตมันไม่ชอบ ในสิ่งที่ประสบนั้น มีแต่วิวาท  ความวุ่นวายใจ  ทุกข์ใจ  แต่ถ้าจิตมันนึกถึงพระเตมีย์ใบ้ได้  จะทำให้เกิดอุเบกขาได้ หรือเมื่อประสบ ขอให้เรานับ ๑ ถึง ๑๐ ไปเรื่อย ๆ จนจิตมันอยู่ที่การนับ เราจะมีสติ หรือภาวนา พุทธ - โธ จนจิตมันอยู่ที่การภาวนา หรือมีสติที่กาย  เราก็จะมีอุเบกขาได้ และจะผ่านพ้นวิกฤต นั้นไปได้

ลองพิจารณา และฝึกจิตของท่านดู เราก็จะละ ราคะ โทสะ  โกรธะ และไม่หลงอยู่ในความคิดของตนเองได้

นี่ละประโยชน์ของการศึกษา บารมี ๑๐ ทัศน์ อุเบกขาบารมี อย่างพระเตมีย์ใบ้

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #11816 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2557, 11:22:24 »

อากาศอบอุ่นกำลังจะถูกปะทะด้วยอากาศหนาวเย็นที่พัดลงมา ทำให้เกิดฝนตกแบบ"ชะช่อมะม่วง"
รวมทั้งมีหมอกหนาในตอนเช้า ขับรถ ข้ามถนน ต้องระมัดระวังอันตรายจากการมองไม่เห็นในระยะใกล้



พยากรณ์อากาศ ประจำวันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ลมตะวันตกเฉียงเหนือในระดับบนยังคงพัดพาความหนาวเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย และมีลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนได้บางแห่ง
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้
[/b]

ภาคเหนือ  มีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาหลายพื้นที่

ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส

ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-20 กม./ชม. 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากทางตอนล่างของภาค

อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. 

ภาคกลาง  อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า
โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค

อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค
อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆบางส่วน
อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆบางส่วน โอกาสมีฝนตกเล็กน้อย
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. 
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11817 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2557, 19:32:52 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

ขอบคุณมาก

พี่สิงห์ อยู่นครศรีธรรมราช วันนี้เดินทางไกลทั้งสุราษฎร์ และ นครศรีธรรมราช

อากาศร้อน  ฝนไม่ตกมานานมากผลคือ ต้นยาง ส้มใบเหลือง เพราะขาดน้ำ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11818 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2557, 19:55:59 »











คุณสุภา (เปี๊ยก)  ส่งมาให้ทาง Line

ต้องให้ ดร.สุริยา  อธิบาย เพราะผมไม่ทราบอะไร !

ใครช่วย ทำ ส.สะสาง คดีความในศาลให้ทีเถอะ
เพราะมีแต่คนออกหมายจับ เพื่อความแตกแยก และวิวาท ของคนในชาติ
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #11819 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2557, 23:55:36 »

ขอเป็นกำลังใจให้พี่สิงห์และญาติมิตรซีมะโด่งทุกท่านค่ะ ช่วยไม่ได้มากได้แต่อธิษฐานจิตอันเป็นกุศลส่งมาให้ค่ะ

ชาติที่ 4 พระเนมิราช (อธิษฐานบารมี)
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11820 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2557, 05:39:39 »

สวัสดียามเช้าครับ คุณน้องจันทร์ฉาย ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

ขอบคุณมากค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย

เช้านี้ขอนำ บารมี ๑๐ ทัศน์ ของพระพุทธองค์ ที่ท่านทรงเล่า อยู่ในชาดก มาสรุป ให้ทุกท่านได้พิจารณา เพื่อให้จิตมันทราบเอาไว้ใช้งานภายหลัง ครับ

สวัสดี



บารมี ๑๐ ประการ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า    


               พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงสะสมความดีไว้มาก ทรงระลึกชาติและตรัสเล่าไว้ว่า ตลอดภพชาติอันยาวนานในอดีต ทรงสะสมบุญบารมีไว้ถึง ๑๐ ประการ เรียกว่า ทศบารมี ดังนี้

๑. ทานบารมี คือ บารมีที่เกิดจากการให้ทาน พูดง่ายๆ "ใจกว้างเหมือนทะเล" มีอะไรก็ช่วยกัน แบ่งปันกันไป ไม่หวงกินหวงใช้ เสียสละกันไป อย่าว่าแต่ข้าวของสมบัตินอกกายเลย แม้แต่เลือดเนื้อชีวิตก็สละได้ อาจเปรียบกับคนในยุคนี้ เช่น บางคนเคยสละโลหิตไปให้คนอื่นหลายต่อหลายครั้ง

๒. ศีลบารมี คือ ความบริสุทธิ์ของกาย วาจา ใจ ที่ตั้งใจรักษาไว้อย่างดีขนาดเอาชีวิตเลือดเนื้อเป็นเดิมพัน ถ้าจะให้ทำลายศีลแล้ว ยอมตายเสียดีกว่า ผู้ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ จะต้องมีความบริสุทธิ์ถึงขนาดนี้

๓. เนกขัมมบารมี คือ การตัดอาลัยจากเรื่องครอบครัว แล้วออกบวชประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อเป็นผู้สร้างสันติสุขแก่ส่วนรวม

๔. ปัญญาบารมี คือ ศึกษาให้แจ้งทั้งทางโลกทางธรรม สมฐานะของพระสัพพัญญู ศาสดาผู้รู้แจ้งในโลก

๕. วิริยะบารมี คือ มีความเพียร ซึ่งมิใช่หมายถึงเพียรทำมาหากิน แต่เพียรที่จะขัดเกลานิสัย ชำระล้างกิเลสออกจากตนเอง รู้ว่านิสัยอย่างไรไม่ดีก็เลิกเสีย บำเพ็ญเพียรสร้างความดีให้ยิ่งขึ้นไป มีความเพียรอย่างยิ่งยวดขนาดเอาชีวิตเป็นเดิมพันทีเดียว

๖. ขันติบารมี คือ มีความทรหดอดทนเป็นเลิศ แม้จะถูกล้างผลาญชีวิต ก็อดทนไม่โกรธ ทนเพื่อความดีอย่างเอาชีวิตเข้าแลก

๗. สัจจบารมี คือ มีความจริงใจต่อการปฏิบัติธรรม ต่อการทำความดี

๘. อธิษฐานบารมี คือ อธิษฐานตั้งมั่นต่อการทำความดี มีโครงการระยะยาวอย่างมั่นคง ทำตามปณิธานนั้นอย่างแน่วแน่ ถ้าไม่สำเร็จในชาตินี้ ก็จะทำต่อไปในชาติหน้าจนถึงที่สุด

๙. เมตตาบารมี คือ มีจิตปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นมีความสุข ไม่ผูกโกรธใคร ถึงจะถูกตามจองล้างถึงชีวิตก็ไม่ถือโทษไม่เคืองแค้นใคร เปี่ยมด้วยความปรานีต่อเพื่อนมนุษย์ ต่อสัตว์โลกทั้งหลาย ถือเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมด

๑๐. อุเบกขาบารมี คือ มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม มั่นคง เหมือนภูเขาไม่เขยื้อนด้วยแรงลม

               ทรงบำเพ็ญความดี รักษาความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ เป็นปี หลายภพ หลายชาติ ฉะนั้น บารมีทั้ง ๑๐ ทัศ จึงเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ จากชั้นบารมี เป็นอุปบารมี และปรมัตถบารมีตามลำดับ จนครบถ้วน ๓๐ ทัศ หรือที่เรียกว่า บารมี ๓๐ ทัศ

               ในชาติสุดท้ายที่ท่านเกิดเป็นพระเวสสันดรนั้น เนื่อง จากท่านสะสมบุญมามาก จึงเลือกได้เลยว่า จะเป็นเทวดาชั้นใดก็ได้ ท่าน ไปเกิดเป็นเทวดาอยู่ในชั้นดุสิต ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ของนักสร้างบารมีทั้งหลาย


 เมื่อพระบรมโพธิสัตว์พิจารณาเห็น พุทธการกธรรม หรือ บารมีสิบทัศ อันเป็นเครื่องบ่มโพธิญาณให้แก่รอบแล้ว พระโพธิสัตว์ก็จะลุยหน้าสั่งสมบารมีทั้งสิบประการนี้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง เพื่อมุ่งไปให้ถึงเป้าหมายสูงสุด นั่นก็คือ การตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ในแต่ละภพแต่ละชาตินั้น ก็มีความยิ่งหย่อนในการสร้างบารมีไม่เท่ากัน ดังนั้น จึงได้มีการแบ่งระดับของบารมีออกไปตามความยิ่งหย่อนของการบำเพ็ญบารมี ไว้ทั้งหมดสามระดับด้วยกัน ซึ่งในแต่ละระดับนั้น จะมีชื่อเรียกดังต่อไปนี้
 
บารมีระดับต้น เรียกว่า “บารมี”

บารมีระดับกลาง เรียกว่า “อุปบารมี”

บารมีระดับสูงสุด เรียกว่า “ปรมัตถบารมี”

        บารมีระดับต้น หรือที่เรียกสั้นๆว่า บารมี คือ บารมีที่เกิดจากการสั่งสมบุญอย่างยิ่งยวดของพระโพธิสัตว์ ยกตัวอย่าง เช่น การบริจาคทรัพย์หรือการถวายทานด้วยวัตถุสิ่งของที่พระโพธิสัตว์กระทำอย่างเต็มที่เต็มกำลัง หรือการรักษาอุโบสถศีล (ศีลแปด)-ทุกวัน อย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ เป็นต้น แม้พระโพธิสัตว์จะสั่งสมบารมีอย่างยิ่งยวดเยี่ยงนี้ ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นการสั่งสมบารมีในระดับที่หนึ่ง หรือบารมีระดับต้น เท่านั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะยังมีการสั่งสมบารมีที่เข้มข้นยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก นั่นก็คือ การบำเพ็ญบารมีระดับกลาง หรือ อุปบารมี นั่นเอง

         สำหรับบารมีระดับกลาง หรือ อุปบารมี หมายถึง บารมีที่พระโพธิสัตว์จะต้องบำเพ็ญให้ยิ่งยวดยิ่งกว่าบารมีระดับต้น เพราะการที่พระโพธิสัตว์จะได้มาซึ่งบารมีระดับกลางหรืออุปบารมีนั้น พระโพธิสัตว์จะต้องมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวเป็นอย่างมาก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะนอกจากพระโพธิสัตว์จะยินดีในการบริจาคทรัพย์อย่างเต็มที่เต็มกำลังแล้ว พระโพธิสัตว์ยังมีความยินดีที่จะบริจาคแม้กระทั่งอวัยวะเลือดเนื้อในร่างกายของท่าน เพื่อให้ได้มาซึ่งอุปบารมีอีกด้วย ยกตัวอย่าง เช่น การบริจาคดวงตาของตัวเองให้เป็นทาน เป็นต้น ดังนั้น บารมีระดับกลาง หรือ อุปบารมี จึงจัดเป็นบารมีที่ทำได้ยากยิ่งขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

         ส่วนบารมีระดับสูงสุด หรือ ปรมัตถบารมี คือ บารมีที่พระโพธิสัตว์จะต้องบำเพ็ญอย่างยวดยิ่งและยิ่งยวด ชนิดที่เรียกว่า ยิ่งกว่าบารมีระดับใดๆทั้งสิ้น เพราะการที่พระโพธิสัตว์จะได้มาซึ่งบารมีระดับสูงสุดหรือปรมัตถบารมีนั้น พระโพธิสัตว์จะต้องเอาชีวิตของท่านเข้าแลกกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่านอกจากพระโพธิสัตว์จะยินดีในการบริจาคทรัพย์ อวัยวะ และเลือดเนื้อในร่างกายของท่านแล้ว แม้ชีวิตของท่านเอง ท่านก็ยินดีที่จะสละให้ เพื่อให้ได้มาซึ่งการบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ดังนั้น ปรมัตถบารมีนี้ถือเป็นการบริจาคในสิ่งที่ให้ได้ยากที่สุด เพราะถ้าเป็นคนธรรมดาสามัญก็คงไม่มีใครยอมสละชีวิตของตนเองอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ บารมีที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตหรือปรมัตถบารมี จึงจัดเป็นบารมีระดับสูงสุดแบบยวดยิ่ง

        เมื่อเราได้ทราบถึงรายละเอียดของบารมีทั้งสามสิบทัศ (ซึ่งประกอบด้วยบารมีสิบทัศ อุปบารมีสิบทัศ และ ปรมัตถบารมีสิบทัศ)-แล้ว เราจะเห็นได้ว่ากว่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจะได้มาตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระโพธิสัตว์จะต้องบ่มบารมีทั้งสามสิบทัศให้แก่รอบ แบบย้ำๆซ้ำๆ และทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนกระทั่งบารมีทั้งสามสิบทัศเต็มเปี่ยมบริบูรณ์

        ดังนั้น การสั่งสมบารมีของพระโพธิสัตว์ จึงอุปมาเหมือนกับคนคั้นน้ำมันจากเมล็ดพืชด้วยเครื่องหีบน้ำมัน ซึ่งกว่าคนคั้นน้ำมันจะได้น้ำมันมาแต่ละหยดละหยาดนั้น เขาจะต้องหมุนเครื่องหีบให้วนกลับไปกลับมาหลายครั้งหลายหนแบบซ้ำๆย้ำๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำมันจากเมล็ดพืช ฉันใด พระโพธิสัตว์ทั้งหลายกว่าจะได้มาตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระโพธิสัตว์จะต้องบ่มบารมีทั้งสามสิบทัศให้แก่รอบแบบย้ำๆซ้ำๆ และทำอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนกระทั่งบารมีทั้งสามสิบทัศเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ฉันนั้น

         ซึ่งการที่พระโพธิสัตว์ให้ความสำคัญกับการพิจารณา ตรวจดูบารมีทั้งสามสิบทัศอย่างละเอียดถี่ถ้วนเช่นนี้ ทั้งนี้ก็เพราะพระโพธิสัตว์ตั้งใจที่จะกลั่นกรองเอาเฉพาะบารมีที่เป็นที่สุดของที่สุด ที่จะทำให้พระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเร็วที่สุด

         เมื่อพระโพธิสัตว์ตรวจตรา และพิจารณาดูบารมีทั้งสามสิบทัศอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว พระโพธิสัตว์ก็จะสั่งสมบุญทุกๆบุญอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อให้กาย วาจา และใจ สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้นไป จนกระทั่ง บุญต่างๆที่พระโพธิสัตว์ได้สั่งสมอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ได้กลั่นตัวเป็นบารมีทั้งสามสิบทัศในที่สุด

         ด้วยเหตุที่พระโพธิสัตว์มีความตั้งใจอย่างแรงกล้า ที่จะบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้นี้เอง จึงทำให้พระโพธิสัตว์มีความเพียรพยายามเป็นอย่างมาก แม้หนทางแห่งการสร้างบารมีนั้นจะยากลำบากและยาวนานสักเพียงใด แต่ท่านก็ยังคงเชิดคางและเดินหน้าลุยสร้างบารมีต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่ง อาจหาญ ร่าเริง บันเทิงอยู่ในการสร้างบุญสร้างบารมี อย่างชนิดที่เรียกว่า เป้าหมายเป็นหลักอุปสรรคไม่มี ตราบจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง นั่นก็คือ...การเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต

        ดังนั้น พระโพธิสัตว์แต่ละท่านจึงต่างลุยหน้าสร้างบารมี ตั้งแต่บารมีในระดับเบื้องต้นสิบทัศเรื่อยมา จนมาถึงบารมีระดับกลางหรืออุปบารมีอีกสิบทัศ จนกระทั่งมาถึงปรมัตถบารมีที่เป็นที่สุดของที่สุดแห่งบารมี เมื่อใดที่พระโพธิสัตว์สร้างบารมีครบทั้งสามสิบทัศ เมื่อนั้นหนทางแห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะเป็นความจริงได้ในที่สุด

        ถ้าจะให้สรุปการสร้างบารมีทั้งสามสิบทัศในเชิงปฏิบัติ เพื่อการบรรลุธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็สามารถที่จะสรุปเป็นข้อได้อย่างคร่าวๆถึงสิบประการด้วยกัน ส่วนว่า...แต่ละบารมีจะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น เราคงต้องติดตามกันในตอนต่อไป
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11821 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2557, 07:42:00 »


สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

เช้านี้พี่สิงห์ ได้เดินจงกรมออกกำลังกาย ฝึกชิกง-โยคะ และรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว

อย่าลืมทุกเช้า ขอแนะนำ
- เดินจงกรมออกกำลังกาย ฝึกชิกง-โยคะ
- รับประทานอาหารเช้า อย่างราชา ไม่เกิน 07:30 น.
- ถ่ายอุจจาระ

ถ้าท่านกระทำ ๓ อย่างนี้ได้ ท่านมีชัยไปกว่าครึ่ง ที่จะห่างไกลจากโรคเรื้อรัง ความดัน เบาหวาน หลอดเลือหัวใจตีบตัน

และถ้าจะให้สมบูรณ์ นอนหัวค่ำ นอนอย่างมีสติ ไม่คิด ไม่วิตกกังวล นอนให้หลับสนิท ท่านจะห่างไกลโรค เพราะร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่

อย่าลืมโรค ต่างๆ เกิดจากการที่ร่างกายของเราอ่อนแอ จากการนอนไม่หลับ คือพักผ่อนไม่เพียงพอ

ลืมไป อ.อาหาร เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จงกินเพื่อยู่  อย่าอยู่เพราะต้องการกินตามใจอยาก เพราะมันจะมีแต่โรคตามมา จงกินตามที่ร่างกายมันต้องการ ถ้าท่านมีสติ ท่านจะรู้ได้เองว่า ร่างกายมันต้องการอะไร ควรจะกินอาหารอย่างไร กินปริมาณเท่าใด

ขอให้ท่านพิจารณาด้วยครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #11822 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2557, 15:24:58 »

          พี่สิงห์ค่ะ เห็นผักสลัดแล้วคิดถึงตอนที่พี่ไปกระบี่ ก็ได้ซื้อตุนไว้แล้ว ผลไม้ก็ีมี ขาดแต่ข้าวต้ม
                     พี่ทานเช้าน้อยจัง แต่ได้ประโยชน์ล้วนบวกกับจิตใจบริสุทธ์ทำให้หลังเที่ยงจนถึงเวลานอน
                     สบายท้องหรือค่ะ เจ้าของสวนส้มโชกุนแถวคลองท่อมมาทำฟาร์มผักปลูกแบบไฮโดรโปนิค
                     ไว้ส่งตามร.ร ฟา์ร์มอยู่ติดร.รที่เปี๊ยกพัก เมอริไทม์ ไว้มาคราวหน้าจะพาไปดูค่ะ(แล้วซื้อด้วย)
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11823 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2557, 15:35:12 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

พี่สิงห์  อยู่สนามบินนครศรีธรรมราช  กำลังจะเดินทางกลับ กทม. เพราะมีงานบวช หลาน(ลูกสาว สายน้องสาวพ่อ) ที่สิงห์บุรี  ในฐานะญาติก็ต้องไป เพื่อตระกูล  รู้ต้องไป  ถ้าไม่รู้ก็อีกเรื่องหนึ่ง

สายการบิน Nok Air เต็ม พอดีมีคนเลื่อนการเดินทาง จึงได้โอกาสนั้นแทน เพราะสำรองอันดับหนึ่ง แต่ต้องจ่ายค่าตั๋วแพงมาก

คนนครฯ เดินทางมากทุกวัน Nok Air บินวัละ ๖ เที่ยว Air Asia บินวันละ ๓ เที่ยว เท่ากับ ๙ เที่ยวบินต่อวัน

การชุนุมของ กำนันสุเทพ  เป็นอย้างไร ไม่รู้ทั้งสิ้น  แต่คงสู้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ที่ท่านยึดนโยบายได้เปรียบ ไม่สนใจเสียงคัดค้าน  ใครคัดค้านก็เล่นงานทางกฏหมาย  ไม่ดีเลย มีแต่หนทางวิวาท ฉิบหายสิ้น  คงใช้เวลาอีกนาน  เศรษฐกิจ หรือประเทศไทยคงล้มจมเสียก่อน

แต่อย่างไรเชื่อว่าจะสดุดขาตนเองจากนโยบายประกันราคาข้าว ที่โกงกันมโหฬาร ผลคือ ไม่มีเงินจ่าย เพราะไม่มีใครให้กู้ กู้ไปก็เป็น NPL ไม่มีเงินใช้หนี้  ข้าวก็หาย ๒-๓ แสนตัน ข้าวก็เสีย  ขายไม่ได้  ขายขาดทุน  งานนี้ต้องมีคนติดคุกแน่ ๆ ท่านนายกยิ่งลักษณ์  โดนแน่ ๆ นี่ละกรรมที่เห็นผลทันตา ระวังเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน

สวัสดีครับ

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11824 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2557, 19:18:35 »

อ้างถึง
ข้อความของ Dtoy16 เมื่อ 07 กุมภาพันธ์ 2557, 15:24:58
         พี่สิงห์ค่ะ เห็นผักสลัดแล้วคิดถึงตอนที่พี่ไปกระบี่ ก็ได้ซื้อตุนไว้แล้ว ผลไม้ก็ีมี ขาดแต่ข้าวต้ม
                     พี่ทานเช้าน้อยจัง แต่ได้ประโยชน์ล้วนบวกกับจิตใจบริสุทธ์ทำให้หลังเที่ยงจนถึงเวลานอน
                     สบายท้องหรือค่ะ เจ้าของสวนส้มโชกุนแถวคลองท่อมมาทำฟาร์มผักปลูกแบบไฮโดรโปนิค
                     ไว้ส่งตามร.ร ฟา์ร์มอยู่ติดร.รที่เปี๊ยกพัก เมอริไทม์ ไว้มาคราวหน้าจะพาไปดูค่ะ(แล้วซื้อด้วย)


สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อย ที่รัก

พี่สิงห์  กระเพาะอาหารมันชินเสียแล้ว ที่ไม่ต้องรับประทานมื้อเย็น เพราะมันไม่คิด ไม่มีวิตกกังวลอะไร เพราะจิตมันรู้แล้วว่า มื้อเย็นเป็นมื้ออันตราย  ไม่กินมื้อเย็นกลับเป็นผลดีกับร่างกายที่ทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้ ได้พัก เป็นเวลา 18 ชั่วโมง

มื้อเย็นเป็นมื่อที่เกินจำเป็นสำหรับร่างกาย

พี่สิงห์  ยังอยากจะกินมื้อเดียวเลย เชื่อได้ว่าอยู่ได้ เพราะพระพุทธองค์และเหล่าพระอรหันต์ ท่านฉันอาหารมื้อเดียว ผลคือ อาพาธน้อย ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาอาหาร เดินเหินคล่องแคล้ว

ขอบคุณมาก ที่เข้ามาทักทาย

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 471 472 [473] 474 475 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><