23 กันยายน 2567, 13:03:28
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 468 469 [470] 471 472 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3464402 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11725 เมื่อ: 27 มกราคม 2557, 11:51:00 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

วันนี้เป็นวันที่สาม ที่พี่สิงห์ มาซ้อมกอล์ฟ เพื่อออกกำลังกายที่สนามซ้อมกอล์ฟออลสตาร์  วงสวิงดีขึ้นมาก ตีได้ impact มาก และตรงเกินวัยย์ ๖๓ ปี

วันนี้ต้องกินข้าวเพลที่สนาม  แต่แม่ครัวยังทำไม่เสร็จเลย เพราะมัวแต่ไปจ่ายตลาด กินแบบง่ายๆ คือก๋วยเตี๋ยว และส้มตำ ไม่ได้กินมานานแล้วครับ

วันนี้พี่ติ๋ว  ได้โทรศัพท์มาหา ถามความเป็นอยู่เพราะทราบข่าวจาก ดร.กุศล  ยังสบายดีครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #11726 เมื่อ: 27 มกราคม 2557, 17:05:43 »

ผมพบปัญหาเดียวกับพี่สิงห์เลยครับ แต่เปลี่ยนโจทก์จำเลย ผู้กล่าวหาผู้ถูกกล่าวหากัน ต้องอดทนครับ คนเราอาจเห็นไม่ตรงกันได้ มีสิทธิที่จะแสดงความเห็น แต่ต้องไม่ไปละเมิดรบกวนสิทธิผู้อื่น หากเราไม่เคารพสิทธิผู้อื่น ก็ยากที่จะเรียกร้องให้ผู้อื่นเคารพสิทธิของเรา ดังนั้น การใช้สิทธิที่ดีต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ถ้าผมเป็นพี่อาจโทรแจ้งเจ้าหน้าที่มาจัดการ ถ้าทนไม่ไหว แต่ถ้าทนได้จะทนแบบพี่ถือเป็นการฝึกจิตแบบหนึ่งครับ

สุขสันต์ตรุษจีนครับ
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11727 เมื่อ: 27 มกราคม 2557, 20:35:25 »


สวัสดีครับ ป๋าพธู

พี่สิงห์  อดทนมาหลายปีแล้ว  อยู่บ้านไม่มีความสุขเลย มีแต่เสียงที่ไม่น่ารื่นรมภ์เลย เมื่อก่อนอยู่บ้านแบบมีความสุข เพราะมันเงียบ  ไม่มีใครส่งเสียง หรือทำความรำคาญให้กันและกันเลย

แต่พอมีเพื่อนบ้านเห็นใจ  คนที่ไม่รู้จะไปเปิดอู่ที่ไหน  ไม่มีที่ทำมาหากิน ก็อนุญาติให้เขามาปิดอู่ซ่อมรถในที่ส่วนกลางของหมู่บ้านรั้วติดกัน  ซ่อมรถเราไม่ว่า  แต่มันเป็นที่มั่วสุมทางการเมืองของฝ่ายแดง  ที่มีวาจาไม่สุภาพเลย  แถมเปิดวิทยุดังลั่น มีแต่คำด่า  คำว่าคนโง่  ที่ไปสนับสนุน ปปปส. พรรคประชาธิปัติย์ มีแต่คำหยาบ  แต่เวลาแดงชุมนุน  ผมก็ไม่เห็นไปประท้วง แถมไปมั่วเอาข้าวกำนันสุเทพ  มากินเสียด้วยซ้ำ มาอวดเก่งเอาอีตรงบ้านผม นี่ละ  ทุกคนมีบ้าน ก็ไม่ไปสุมหัวกันที่บ้านเพราะกลัวเมียไล่ออกจากบ้าน  ตกเย็นก็ตั้งวงกินเหล้ายันห้าหกทุ่ม วันอาทิตย์ก็ไม่หยุด ผมทนได้อย่างไรไม่รู้เหมือนกัน

ไปร้องตำรวจ  ไปฟ้องเขต  ก็จะหาว่าผมรังเกคนไม่มีที่ทำกิน  จะไปขอร้องเขาก็ไม่ฟัง ผมได้แต่นิ่งไม่พูดด้วย

จะทำรุนแรงโวยบ้าง ก็ผิดศีลธรรม เพราะมันเป็นไปในทางอกุศล  ดร.สุริยา  ก็ไม่เห็นด้วย

ได้แต่ทน ท.ทหารอดทน เท่านั้นเอง

ใครจะซื้อบ้านผมบ้างครับ หลังการบินไทย ๓๗ ตารางวา มีรถใต้ดินผ่าน ออกได้ทั้งวิภาวดีรังสิต และลาดพร้าว  มีตลาดลุงเพิ่มอีก ของกินมากมาย

ขายได้ผมจะได้ ไปอยู่ต่างจังหวัดเสียที

นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมต้องไปทำงานต่างจังหวัด เพราะกลับมาบ้านมันไม่เป็นสุข

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11728 เมื่อ: 27 มกราคม 2557, 20:48:39 »



สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

ช่วงนี้ จิตใจเป็นอกุศล  เลยไม่สามารถเขียนธรรมะ ได้

แต่เพราะมีศีล จึงยังมีการประพฤติทางกาย  วาจา ที่เป็นปกติได้ เพราะศีลเป็นตัวควบคุม

แต่ใจนั้น ต้องใช้สติ  ถึงจะไม่ปรุงแต่งได้  ได้แต่คิดในทางที่ดี  ไม่รู้จะทำอะไรก็อ่านพระไตรปิฎก เพิ่มความรู้ให้กับตนเอง เพื่อให้ใจมีธรรมะ เวลาประสบเหตุการณ์จะได้งัดธรรมะ มาใช้ประโยชน์ได้

เวลาขับรถ ก็ฟัง CD อ่านหนังสือ ของท่าน ดัง  ตริณ เรื่อง เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน  ก็เป็นเรื่อง ที่นำมาจาก คำสอนของพระพุทธองค์ เอามาขยายความใหม่ ให้เป็นไปตามความคิดเห็นของตนเอง  แต่จริง ๆ แล้ว คำสอนของพระพุทธองค์  ไม่ต้องตีความ เข้าใจได้ตรงอยู่แล้ว เพราะพอใส่ความคิดเข้าไปมันก็เป็นโมหะ  บางทีผม ว่ามันก็ไม่ใช่เหมือนกัน ที่ท่านดันตริณ เข้าใจ แต่มีเป็นส่วนน้อย

พรุ่งนี้ ก็ต้องพักผ่อนอยู่บ้านอีกหนึ่งวัน เพื่อให้หาย แต่เช้ามืดจะลองไปออกกำลังกายตีกอล์ฟ ที่สนามกอล์ฟ President ดูว่า ร่างกายคืนมาหรือยัง วันนี้เดินจงกรมออกกำลังกายที่หน้าบ้านหนึ่งชั่วโมง  ดูแล้ว มันไม่เป็นอะไร  จึงน่าจะไปตีกอล์ฟได้  แปดโมงครึ่งแดดออกก็ตีเสร็จพอดี  กลับมากินข้าวเพลที่บ้านได้ทัน

ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #11729 เมื่อ: 27 มกราคม 2557, 22:04:10 »

จริงค่ะพี่ปํอง
แล้วก็ที่สำคัญกว่าคือ อย่าเกลียดใครเลย เราควบคุมได้มากกว่าไม่ให้คนอื่นเกลียด เราควบคุมความคิดคนอื่นไม่ได้ ได้แค่พยายามไม่ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ค่ะ พี่ป๋องว่าจริงไหม


อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 27 มกราคม 2557, 00:57:17
อย่าไปทำให้คนเขาเกลียดโดยเด็ดขาด ไม่มีอะไรดีสักนิดเดียว
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #11730 เมื่อ: 27 มกราคม 2557, 22:08:07 »

หายไข้หายมึนแล้วค่ะพี่สิงห์ แต่ยังมีอาการคัดจมูก และลองออกกำลังกายดูแต่รู้สึกว่ายังไม่ไหวค่ะ
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 26 มกราคม 2557, 07:29:23
สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

ร้านเขาค้อทะเลภู ของคุณสนธิ์   ชมดี  จะเป็นร้านขายสินค้า แบบธรรมชาติ ไม่มีการปรุงแต่ง ผัก-พืช ปลูกเอง หรือรับซื้อจากชาวบ้าน ที่เขาค้อ เพชรบูรณ์ ส่วนข้าวนั้นใช้ข้าวไร่ สีเป็นข้าวกล้อง รับประทานอยาก เพราะแข็ง แต่มีประโยชน์

พี่สิงห์ หวังว่าอาการไข้หวัดใหญ่ของเธอ  คงจะใกล้หายเป็นปกติดีแล้ว

ว้นนี้พี่สิงห์  ประเมินดูแล้ว  ยังไม่น่าไว้ใจ  จึงไม่ได้ไปตีกอล์ฟ เช้านี้ ร่างกายยังไม่พร้อม ในเรื่องของการเดิน  ต้องพักฟื้นอีกสองวัน ถึงจะพร้อม

วันนี้ได้ใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน ได้แผ่ส่วนกุศลให้เธอหายเจ็บไข้โดยเร็ว

สวัสดี
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #11731 เมื่อ: 27 มกราคม 2557, 23:48:03 »


พี่สิงห์ที่เคารพ,
พี่อย่าขายนะคะ บ้านพี่!
เพราะถึงขาย ย้าย หนี ไม่ใช่การแก้ปัญหา
ปัญหาเพื่อนบ้านที่เมืองไทย หนิงเข้าใจคะ
แต่พี่อย่าลืมว่า ทุกอย่างก็ไม่จีรังด้วยเช่นกัน
พี่อยู่มาก่อน พวกเค้ามาเปิดอู่ มามั่วสุม..
ใครจะรู้อู่อยู่ได้นานอีกเท่าไร คนอยู่คือพี่!!

หนิงเกลียดเพื่อนบ้านที่ภูเก็ต พวกเค้าไม่น่ารัก
ลักขโมย..หนิงสาบแช่งขอให้อย่าได้เจริญ
ฮ่ะ,กลับมาคราวนี้ คนลูกสาวที่เคยดีๆผอมดำเป็นซากศพ
โรคตับคุกคามมา2-3ปีตาเหลืองเหมือนซากศพจริงๆค่ะ.
ฝ่ายน้องชาย..เจองูเห่า สงสัยพญางูจากบ้านหนิง
ตามเลื้อยไปกัด เกือบตายเหมือนกัน!!

มันจึงไม่จริงที่ว่า...อย่าทำอะไรให้คนเกลียด
เกลียดได้คะ เกลียดหนิงหนิงไม่ว่าอะไรเลย!!
แต่หนิงจะเกลียดกลับเป็นสิบเท่าร้อยเท่า
ขอให้ไปลงนรกซะเถอะ!!
เราห้ามคนไม่ให้เกลียดไม่ได้ เท่าๆกับบังคับให้
คนมารักไม่ได้ฉันท์ใด เรื่องแบบนี้ต้องให้ต้องจ่าย
เท่ากันค่ะ...ไม่มากกว่าน้อยกว่า..
คิดเสร็จ ก็กินอิ่มนอนหลับคะพี่ท่าน.
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11732 เมื่อ: 28 มกราคม 2557, 09:04:04 »



สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

เช้านี้ออกรอบตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟ President มาถึงสนามกอล์ฟก่อนหกโมงเช้าเล็กน้อย  กว่าจะมองเห็นลูกกอล์ฟก็ 06:20 น. จึงนั่งรับประทานอาหารเช้า เป็นข้าวกล่อง นำมาจากบ้าน

เช้านี้อากาศดี คือไม่หนาว กำลังดี ไม่มีลม สามารถเดินได้ครบ ๑๘ หลุมตีเสร็จในเวลา 08:40 น. เลยมีเวลาซ้อมพัต ก่อนขึ้น คลับเฮ้าส์เพื่ออาบน้ำและขับรถกลับบ้าน

วันนี้มีคนเล่นไม่มากนัก สนามเปิด ๔ คอส เพราะบ่ายมีปิดสนามแข่งขันการกุศล

วันนี้คงเลิกกินยาขยายหลอดลม และแก้ไอ เพราะไม่มีอาการแล้ว คงเหลือแต่ยาแพ้อากาศ คงกินอีกสักสองวันก็คงไม่ต้องกินยาแล้ว คงจะหายเพราะสามารถตีกอล์ฟได้ดีอยู่ เหลือเพียงออกกำลังกายเดินจงกรม  รำชิกง-โยคะให้มากขึ้น เป็นปกติเท่านั้น

ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วง

วันนี้เช้าพี่สาวที่อยู่ฟลอลิดา  อเมริกา  ก็โทรศัพท์ มาหา

สวัสดีทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11733 เมื่อ: 28 มกราคม 2557, 11:30:12 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

โรคตับแข็งมันก็แปลก คนกินเหล้าทุกวัน ก็ยังอยู่ได้

จริง ๆ มาอาศัย ช่องทางระหว่างบ้านสองหลังเปิด แบบผิดกฏหมาย ไม่ได้รับความยินยอมจากบ้างข้างเคียง
พี่สิงห์ จะเอารถเข้าบ้านแต้ละทีไม่ต้องพูดถึง ถนนกว่าง สองคันยังต้องจอดกนึ่งคัน ถึงจะสวนกันได้  เขาจะเอารถมาจอดขวางที่หน้าบ้าน ต่อให้ ดร.สุริยา  ก็ถอยรถเข้าบ้านไม่ได้  พี่สิงห์  อดทนมานานมากเรื่องจอดรถขวางหน้าบ้าน เราใจดีคนก็เลยได้ใจ

อย่างที่ยอก ต่อให้พระนักปฏิบัติธรรม ท่านก็ทนไม่ได้  ท่านก็ไปหาที่สงบที่อื่น  แต่พี่สิงห์  ไม่มีที่ไป เพราะนี่คือบ้าน  เมื่ออื่นก่อนน้องสาวมาอยู่ด้วย  ก็อยู่ไม่ได้กลัวมีเรื่องเพราะมีแต่คนเอาเปรียบ  ส่งเสียงดังทั้งวัน มาสุมหัวกัน คุยกัน แบบไม่มีวาจาสุภาพเลย  มีแต่คำด่า ฝ่ายตรงข้าม เช้า-กลางวันหนึ่งชุด เย็นพวกกินเหล้าอีกหนึ่งชุด แบบรากงอก  มันริดรอนเสรีภาพของเราจริง ๆ

คนคิดไม่เหมือนกัน  แต่อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน  นี่ไม่มีคุณสมบัติผู้ดีเลย เป็นไพร่จริง ๆ  อย่าง ดร.สุริยา ไม่เิกนสามวันเผ่น แน่ๆ เพราะทนไม่ได้

ไม่รู้พี่สิงห์  ทนได้ไง หลายปีแล้ว เป็นกรรมจริง ๆ ที่เราต้องอยู่บ้าน

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11734 เมื่อ: 28 มกราคม 2557, 11:44:54 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

ยินดีด้วยที่หายแล้ว  แต่คงต้องพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายอีกสามสี่วัน จึงจะเป็นปกติ

พี่สิงห์  งดกินยาแล้ว เพราะอาการไม่มี  ตอนนี้สามารถตีกอล์ฟได้แล้ว กำลังเร่งฟื้นฟูร่างกาย ให้เป็นปกติ

ตั้งแต่ไม่สบายไม่ได้เปิดแอร์นอนเลย  เมื่อคืนลองเปิดแอร์นอน มีน้ำมูกนิด ๆ เพราะอากาศเย็น  ก็ต้องให้ร่างกายมันปรับตัวเอง

ใครไม่รู้หรอกว่า เมื่อบ้านไม่น่าอยู่แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน ? ในเมื่อคนเขาไม่รู้จักความเกรงใจ เอาแต่ได้  ไม่นึกว่ามาเบียดเบียนเขา มาอาศัยเขา แต่มีแต่นำทุกข์มาให้

พี่สิงห์  ใจดีเกินไป  ได้แต่อดทน อดทน เป็นกรรมของเรา  แต่ถ้ามันต้องเป็นอย่างนี้ตลอดชีวิต  มันก็ไม่ไหว เพราะเราก็ต้องทนอยู่  จนกว่าจะตายจากไป  สมาธิมันยังไม่แข็งพอที่จะไม่รับรู้อะไร

จะช้าจะเร็วก็ต้องจากบ้านนี้ไป  อยู่ต่างจังหวัด พี่สิงห์  ชอบความสงบเพราะอยู่คนเดียวมานาน  ไม่พูดกับใครเลยก็อยู่ได้  ไม่ต้องฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ ก็อยู่ได้  ไม่พบผู้คนเลยก็อยู่ได้

ได้อีกทีต้องไปซื้อที่อุดหู  เวลาอยู่บ้าน มีเท่าจริง ๆ

สวัสดี

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11735 เมื่อ: 28 มกราคม 2557, 18:17:30 »

พระพุทธองค์ ยังหนี !

สมัยหนึ่ง ภิกษุในเมืองโกสัมพี ทะเราะวิวาทกัน  ไม่ยอมคืนดีกัน มีวาทะที่เชือดเฉือนกัน ไม่แบ่งปันภาลสักการะกัน ต่าง ๆ นาๆ พระพุทธองค์ จึงทรงใช้ภิกษุรูปหนึ่งไปตามคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมา ภิกษุทั้งสองฝ่ายยอมรับว่า วิวาททางวาจาจริง

พระพุทธองค์จึงตรัสสอน สาราณิยธรรม ๖ ประการ และหน้าที่ของภิกษุในการ ปฏิบัติญาณที่ ๑-๗ เพื่อบรรลุโสดาบัน เป็นเบื้องต้น

แต่เมื่อทรงสั่งสอนจบ ภิกษุทั้งสองฝ่ายก็ยังมีวาทะต่อกัน ไม่ยอมคืนดีกัน

ในที่สุดพระพุทธองค์ ก็ทรงจากไป ปรีกวิเวกโดยลำพังพระองค์เดียวในป่า

ความคิดของคนที่ไม่เหมือนกัน  มีทิฏฐิไม่เหมือนกัน  ต่างไม่ยอมละทิฏฐิให้แก่กันนั้น  มันจึงอยู่ร่วมกันไม่ได้ ขนาดภิกษุ รักษาศีล ๒๒๘ ข้อ และมีพระพุทธองค์ ทรงสอน ยังไม่ลดทิฏฐิลงได้เลย ฉันใดฉันนั้นครับ

ถึงแม้เรารู้พฤติกรรมของคน  คนคิดไม่เหมือนกัน  จนเราต้องยอมเป็นผู้แพ้ไปเสียทุกอย่าง ธรรมชาติของคนนั้น ยิ่งเรายอมแพ้ เขาก็จะยิ่งได้ใจ เกิดความหึกเหิม ที่สามารถเหยียบฝ่ายตรงข้ามให้จมดินได้ นี่คือ จิตมนุษย์ ที่หลงตัวเอง หลงอยู่ในความคิดและมีทิฏฐิสูง เอาเปรียบคน

มีทางเดียวเราก็ต้องหนีเข้าป่า แบบพระพุทธองค์

กรณีบ้านเมืองเราขณะนี้ก็เช่นกัน รัฐบาลก็คิดเข้าข้างตนเองในส่วนที่ได้เปรียบ เพื่ออำนาจรัฐ  ที่สามารถจะทำอะไรใจตามพรรคพวกตนเองได้  ถ้าถืออำนาจรัฐอีกครั้ง

ส่วนฝ่ายตรงข้าม  ต้องการหากติกาทำอย่างไร ไม่ให้ฝ่ายรัฐบาล มาออกกฏหมายตามใจชอบ โกงกินตามใจชอบ  ทำอะไรโดยไม่ยึดเสียงส่วนน้อย ไม่รักษากฏหมาย เห็นแก่พวกพ้อง ผิดกฏหมาย ผิดประเพณี

เมื่อความคิดมันตรงข้ามกันอย่างนี้ มาหาทางจบด้วยการเจรจาไม่ได้หรอก  ต้องแตกกันไปข้างหนึ่งนั่นคือจุดจบ

สวัสดี


      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #11736 เมื่อ: 28 มกราคม 2557, 20:14:21 »


พี่สิงห์ที่เคารพ,

ปัญหาเพื่อนบ้าน ที่เยอรมันนีถึงฟ้อง ถึงมีกรณี
เค้าจึงระมัดระวังกันมาก ว่า หากมีอะไรที่ก้ำเกินสิทธิ์กัน
รักษาสิทธิ์กันไว้ มากกว่านี้ก็เลิกคุยคะ!ฟ้องก็เสียเงิน
เสียเวลา!

วันนี้หนิงขับรถไปว่ายน้ำ ฟังวิทยุ เค้าพูดถึงปัญหาเพื่อนบ้าน
ว๊ายยย , in trendจริงแท้ กำลังคุยกับพี่หยกๆ เค้าให้ผู้ฟัง
โทรเข้า แจ้งว่ารู้สึกไม่ดียังไง มีสาระพัดเลยคะพี่สิงห์
แต่มีหมอคนนึง เค้าน่ารักมาก เค้าเล่าว่าเพื่อนบ้านติดกัน
ชอบเปิดเสียงดัง วิทยุ stereo เตือนแล้ว แจ้งตำรวจแล้ว
เลิกคบก็แล้ว เค้าบอก เค้าต้องกลับการคิดใหม่...ว่า,
ครอบครัวหูตึงนี้ ก็ต้องอยู่ข้างๆเค้าต่อไปในอนาคต?
เค้าก็ต้องปรับตัวให้ได้??พอครอบครัวนี้ตื่น,ทำเสียงดัง
สติแรกของหมอคนนี้คือ...อ้าาาา,ครอบครัวหูตึงตื่นแร้ะ!
ตื่นเช้าจริง ดีจริงปลุกเรา ไม่ต้องใช้นาฬิกา ...ชีวิต,ก็ปรับ
ก็คุ้นเคยกันไป..หมอเค้ามีกำลังกว่า เค้าเปลี่ยน Isoliertfenster
หน้าต่างกระจก3ชั้นอย่างดีกันเสียงดี...ชีวิตเค้าก็ดีขึ้น!
เพื่อนบ้าน ก็ยังเป็นเพื่อนบ้านที่ไม่คบไม่หา อีกNiveauของระดับ
แต่...อยู่ข้างๆกันได้ค่ะ.

จะยุพี่สิงห์,engineerใหญ่ ผู้มีกำลังกว่า รู้กว่า เอาตัวรอดดีกว่า
ให้ถือเรื่องนี้เป็น"project"คะ...ทำบ้านสิพี่!!ทำบ้านให้กันเสียง
กันคนร้ายๆต่างระดับ ต่างNiveau ใช้ผนังซิเมนต์เสริมเหล็ก
แปะโฟมทับ เปลี่ยนหน้าต่าง กั้นคะ,กั้นพวกเค้าด้วยวัตถุ ด้วยเทคนิค
ที่...ช่างซ่อมรถ ไม่มีทางตามวิศวกรใหญ่อย่างพี่ ทัน!
ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น บ้าน,คือปราสาทราชวังของพี่!!
ไม่ต้องคบ ไม่ต้องหา ไม่จำเป็นต้องสมาคมเสวนาด้วย...ไม่จำเป็นคะ
อย่าว่าแต่ต้องทะเลาะ !! คนระดับนี้ การคิด การพูด มีความจำกัด
มีความแคบตีบ พี่สิงห์ไม่ต้องไปอะไรด้วยเลย

อ้อ,ติดป้ายหน้ารั้วบ้านด้วยคะ"ห้ามจอดรถขวางประตู"
สิทธิ์ทุกอย่างของพี่..ได้บอกกล่าวแล้ว แล้วรอคะ!
      บันทึกการเข้า


suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #11737 เมื่อ: 28 มกราคม 2557, 20:32:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ ติ๋ม จันทร์ฉาย เมื่อ 27 มกราคม 2557, 22:04:10
จริงค่ะพี่ปํอง
แล้วก็ที่สำคัญกว่าคือ อย่าเกลียดใครเลย เราควบคุมได้มากกว่าไม่ให้คนอื่นเกลียด เราควบคุมความคิดคนอื่นไม่ได้ ได้แค่พยายามไม่ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ค่ะ พี่ป๋องว่าจริงไหม


อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 27 มกราคม 2557, 00:57:17
อย่าไปทำให้คนเขาเกลียดโดยเด็ดขาด ไม่มีอะไรดีสักนิดเดียว
จริงอย่างที่สุดเลยครับน้องติ๋ม
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11738 เมื่อ: 28 มกราคม 2557, 20:44:59 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

เพราะความเป็นวิศวกร  นี่ละพี่สิงห์  เลยไม่ทำอะไรกับบ้าน  ให้มันเป็นบ้านที่สวยงามเลย เพราะ

- อย่างไรเราก็อยู่ได้ เคยนอนกองฟางในหน้าหนาวสมัยเด็ก ๆ เพราะมันหนาว

- เวลาอยู่พ่อ-แม่ พี่-น้อง ที่บ้าน จะนอนเรียงแถวหน้ากระดาน นอนกลางมุ้ง ไม่มีห้องนอนเป็นส่วนตัว

- ใช้น้ำมันดีเซลเป็นน้ำมันจุดตะเกียง เพราะน้ำมันก๊าดมันแพง

- ใช้ส้วมขุด  ไม่มีกระดาษชำระ ต้องใช้ไม้

- อื่น ๆอีกมาก

ดังนั้น  อย่างไรก็อยู่ได้  เพราะเราไม่มีเงินมากนัก  ไม่มีบ้านสวย ๆ ขนาดม่านที่บ้านติดตั้งแต่หมอแพท มาเรียน ม.๑ บดินทร์ พี่สิงห์  ยังไม่มีปัญญาเปลี่ยนใหม่เลย  เพราะอย่างไรเราก็อยู่ได้  วอมซ่ออย่างไรก็อยู่ได้  และจะไม่รับแขกที่บ้าน เพราะมันไม่น่าดูเท่าไร

การอยู่คนเดียว  ทำเองทั้งหมด มานาน นี่ละ ทำให้อย่างไรเราก็อยู่ได้  ไม่คิดมาก

อดทนไม่กี่ปีเท่านั้นเอง  ก็จากกันแล้ว  ทนมาได้หลายปีแล้ว ก็สู้ทนต่อไป  ให้รู้ว่า คนดีมันอยู่ไม่ได้ให้รู้ไป

( กรณีของ ดร.กุศล  ยื่นหนังสือประท้วงไปสองฉบับแล้ว  ครั้งที่สาม ดร.กุศล  จะไปแจ้งความ) พี่สิงห์ ทำแบบนั้นไม่ได้

พี่สิงห์  ขอชดใช้กรรมในชาตินี้ให้หมดไปดีกว่า อย่างวันนี้ ก็ต้องหนีออกจากบ้านไปซ้อมกอล์ฟ  สบายใจกว่า  กำลังพิจารณาอยู่ว่า  ถ้าสามารถไปวัดปลายนาได้ (ตอนนี้ยังไปไม่ถูก) เวลาอยู่กรุงเทพฯ กลางวันจะไปอยู่วัดแทน กลับมากลางคืนก็ปิดประตูนอน  ทำได้เท่านี้จริง ๆ

วิธีอื่น ๆ คิดได้  แต่ทำไม่ได้ครับ

ขอบคุณมาก

สวัสดี
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11739 เมื่อ: 28 มกราคม 2557, 21:01:37 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

วันนี้หยุดกินยา แล้วรู้สึกโล่งดี  ยอมทนเอาหน่อยให้ร่างกายมันปรับตัวเองให้ได้

อาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่ได้ไปทำงานที่ PSTC สระบุรี วันจันทร์

ไม่ได้ไปทำงานที่ บ. เอเซียคอนกรีต (1999) จำกัด วันพุธ

ไม่ได้ไปทำงานที่นครศรีธรรมราช วันศุกร์-เสาร์

ดังนั้น พรุ่งนี้ต้องไปทำงานที่ บ.เอเซียคอนกรีต (1999) จำกัด ที่โรงงานบ้านแพ้ว  สมุทรสงคราม  ขับรถมากหน่อย

และศุกร์ - เสาร์ ต้องไปทำงานที่ นครศรีธรรมราช ตามปกติ

อีกไม่เกินสองปี เป็นอย่างช้า  ในการทำงาน รอเวลาให้ ประกันชีวิต ชุดสุดท้ายครบอายุ ไม่ต้องจ่ายเบี้ยอีกแล้ว และ
สิ้นเดือนหน้า ก็จ่ายประกันสังคม ครบ ๑๘ ปี  มีสิทธิขอบำนาญ  เอาไว้กินยามชราภาพได้(ถึงแม้จะไม่กี่สตางค์ ก็ยังชีพได้ ไม่เดือดร้อน) และมีเงินค่าทำศพ แถม
บวกกับ เงินประกันชีวิต  ที่เขาจะต้องจ่ายคืนครบตามสัญญา สามฉบับ และจ่ายคืนทุกปี จนกว่าจะตาย  ก็อยู่ได้แล้วที่บ้านนอกสิงห์บุรี ไม่ต้องพึ่งใคร เวลาตายก็มีเงินจากประกันชีวิตให้ทำศพ  เวลาเจ็บป่วยก็พึ่ง ๓๐ บาท รักษาทุกโรค มันก็ยังดีกว่าไปขอข้าวเขากิน หรือพึ่งชาวบ้าน

เราก็อยู่ของเราได้  ปล่อยวางทุกอย่าง เหลือเพียงระวังตนเอง ไม่ให้เป็นภาระของใคร  ของสังคม และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เราก็รักษาศีล  ปฏิบัติธรรม ของเรา เท่าที่เราจะมีวิริยะ  มันก็จะปล่อยวางไปเอง ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้ปฏิบัติตาม มรรคมีองค์ ๘ หรือ ศีล  สมาธิ ปัญญา เพราะไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้อง  ต้องกังวล  มีเพียวตัวเราคนเดียว ที่จะต้องดูแล "รูป-นาม" จนกว่าจะละโลกนี้ไป

ค่ำนี้ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #11740 เมื่อ: 28 มกราคม 2557, 22:21:29 »



พี่สิงห์ที่เคารพ,
ภาพลักษณ์ของการมองเรื่องนี้..หนิงในฐานะที่
ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตต่างประเทศ ในเขตที่เจริญ
สวยงาม ได้รับความคิด ความเชื่อในแบบฉบับของเค้า
โดยที่เรา ก็ยังเป็นเราอยู่!
หนิงมองย้อนกลับว่า ที่เมืองไทย ไม่นิยมทำอะไรเอง!
อย่าว่าแต่สร้างบ้าน แปงเมือง..รักษา บูรณะ ทำให้ดูดี
ติดนิสัยการต้องจ้าง จ้างช่าง ช่างจริง ช่างปลอมไม่รู้
ขอให้เราไม่ต้องทำเองล่ะ เป็นใช้ได้!
สมัยวัยเด็ก หนิงอยู่บ้านพักข้าราชการ..ของหลวง
เราผู้อยู่ อยากทำ อยากซ่อม ติดที่ไม่มีเงินมากพอเหลือเฟือ
จะจ่ายเรื่องแบบนี้?รึความคิดที่ว่า..ไว้ทำ ไว้ซ่อม เวลามีบ้านเอง?
ด้วยเวลาผ่านไป เราก็เติบโต รู้คิดขึ้น กล้าแม้แต่จะคิดว่า
บ้านเอง โห,ยากมากๆที่จะมีได้ แต่ไม่ใช่เกินเอื้อม ขอให้ตั้งใจ??
ชาติไหนนี่ ถึงจะมีบ้านเอง?พ่อหนิงมีภารกิจเลี้ยงดูลูกให้ร่ำเรียน
ให้มาก ให้สูง เพื่อ..เพื่ออะไรคะพี่ หากไม่ใช่เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
สบายขึ้น กว่าชีวิตที่เคยเป็นมา??หากนี่ ไม่ใช่เป้าหมาย..
หนิงคงทำให้พ่อแม่ผิดหวัง??ไม่ใช่ผิดหวังเพราะไม่สามารถมีบ้านได้
แต่ผิดหวังเพราะชีวิตของลูกๆไร้เป้าหมาย?ขาดทิศทาง?
ขาดเครื่องนำ?ชีวิตหนิงตอบแทนคุณพ่อแม่ทางอ้อมด้วยการ
สานฝัน สานจินตนาการในสิ่งที่สูงสุดที่พ่อแม่ปลูกฝังมา..สำเร็จ?

อีกภาพนึง,บ้านที่เคยอยู่ อาศัย ใครจะทำให้สวย ใครจะทำให้สะอาด
ถ้าไม่ใช่-->เรา...ผู้อยู่อาศัย!! จะเป็นแจ๋ว เป็นกรรมกร ใครจะมอง
หนิงไม่แคร์หรอกพี่สิงห์ แต่"นิสัย"นี้ติดตัวมาจากวัยเด็ก จับไม้กวาด
จับผ้าขี้ริ้ว พี่น้องคนอื่นอาจเต๊ะท่า นั่งมอง ก็ไม่เป็นไร เราทำ เราได้..
ได้ความสุขใจ เก็บบ้านจัดบ้าน อยู่สะอาด อยู่สบาย?? พอมีครอบครัว
มีบ้านเอง "นิสัย"นี้ยังอยู่คะพี่สิงห์ไม่ได้ไปไหน!!
ต้องทา ต้องกวาดเก็บเอง อยากแต่ง อยากทำ
มีแรง มีกำลังกว่าสมัยก่อน..ในวัยเด็ก มีหรือหนิงจะไม่ทำ??
ความโชคดีตรงนี้ หนิงเรียนรู้ว่า ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้
ไม่ใช่"Selbstverständlichkeit"ที่ทุกคนมีได้เท่าเทียม
ไม่ใช่พี่...อิสระเสรีภาพในการจะอยู่ รูปแบบของการอยู่
อยู่อย่างสะอาด เป็นระเบียบ สวยงาม...หนิงเลือกได้คะ
แล้วเรื่องอะไร ถึงจะไม่ลงมือ..ในสิ่งที่เคยเป็นฝัน ให้เป็นจริง?

คนที่เคยมีโอกาสไปต่างประเทศ ไปชมบ้านสวยเมืองสวย
ต้องคิดเป็นคะ ที่จะบอกตัวเองได้..ว่าเราจะกลับไปทำบ้านเรา
ให้สวยได้ ให้ดีให้ได้ ด้วยกำลังของเรา...แต่ละคนทำส่วนของ
ตัวเองตรงนี้ได้...หนิงไม่เชื่อคะ,ว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง!
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11741 เมื่อ: 29 มกราคม 2557, 07:26:09 »



สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ทุกท่าน

พี่สิงห์ เป็นนักคิด เป็นนักพัฒนา เป็นนักทดลอง และเป็นนักขโมยความคิดดี ๆ ที่เห็น ที่เขาประสบความสำเร็จ มาปรับปรุงตนเอง และลูกน้องอยู่เสมอ เป็นนิจ  ไม่เคยหยุดนิ่งเลย เพราะคืดเสมอว่า "การหยุดนิ่ง  คือการก้าวถอยหลัง" เพราะคนอื่นเขาก็พัฒนาไปข้างหน้าตลอดเวลา ดังนั้น พี่สิงห์  จะต้องมีแนวคิดใหม่ ๆ วิธรการทำงานใหม่ ๆ เสมอ ตลอดเวลา

แต่ในบางครั้ง เราต้องยอมรับในข้อจำกัด องค์ความรู้ใหม่ ๆ กำลังเงิน  และบุคคลากรเท่าที่เรามี  เราจะจัดการอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นหลัก พี่สิงห์  คิดเสมอ ในการทำงานให้สำเร็จสักงานหนึ่งนั้น  ทุกคนทำได้หมด แต่ใครจะทำงานนั้นในต้นทุนที่ประหยัดที่สุด และในเวลาที่เหมาะสม ต่างหาก

แต่โดยนิสัย  เป็นคนอยู่ง่าย ๆ แต่รักการมีความเป็นระเบียบ  มีวินัย  มีขั้นตอนในการทำงาน แต่ ขอยึดหลักพอเพียง - พุธศาสนา เป็นแนวในการดำรงชีวิต  จึงสามารถอยู่ได้  ไม่พึงใคร  สิ่งที่เธอบอกมานั้น พี่สิงห์  ทำเองหมด ไล่ตั้งแต่ เก็บกวาด  ถูบ้าน  ซักผ้า  รีดผ้า ซ่อมบ้าน ไม่เคยจ้างใครเลย  แต่ถ้าจะต้องเสียเงินมาทำในสิ่งที่เกินความจำเป็น ขอคิดก่อนว่าคุ้มไม่คุ้ม

อย่าลืมว่า พี่สิงห์ เป็นอาจารย์สอน 5ส. เป็นอาจารย์สอน TPM ในการดูแลเครื่องจักร - อุปกรณ์

อะไรที่ไม่รู้  ไม่ได้ทำให้บังเกิดผลมาก่อน  จะไม่สอนเด็ดขาด เพราะมันจะเป็นการท่องตำราไปสอน  พี่สิงห์  ต้องเอาความรู้นั้นออกมาจากจิตภายใน เอาออกไปสอน  มันจึงสอนได้ตลอดเวลา  ไม่มีวันหมด ไม่มีการลืม เพราะมันออกมาจากจิตที่ฝึกมาดีแล้วทั้งสิ้น

นั่นละคือ สิ่งที เจ้านายเขาจ้างพี่สิงห์  ยังให้ทำงาน  เพราะเขารู้ว่าเรามีดีอะไร  จะทำอะไรให้เขาได้ ต่างหาก

ยิ่งตอนนี้ พี่สิงห์  ไม่ได้หลงอยู่ในความคิดตนเอง จะกระทำในสิ่งที่ พระพุทธองค์ใช้คำว่า สัพพัญญู  พึงกระทำตามนั้น ที่ประกอบไปด้วยประโยชน์ เป็นกุศล  อยู่ในศีล ไม่ทำให่ใครเดือดร้อน เป็นที่ตั้ง  ไปถามใคร ใครก็ต้องตอบว่า สมควรกระทำแล้ว

แต่มีแต่คนที่  ยังหลงอยู่ในความคิด  คอยจะมาบังคับ  แนะนำ ให้ทำในสิ่งที่เขาคิด

พี่สิงห์  รับฟังได้  แต่จะทำหรือไม่  เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

พี่สิงห์  พูดกับ ดร.กุศล  เสมอว่า  ระวังตนเองเป็นสิ่งที่สมควรที่สุด  อย่าไปคิดแทนคนอื่น จะมีแต่ทุกข์มาให้ มันเป็นความจริงเสมอ

สำหรับลูกน้องตนเองนั้น พี่สิงห์  นึกเสมอ พระพุทธองค์ ทรงสอนว่า มนุษย์เป็นสัตว์ที่ประเสริฐสมควรฝึกได้

มันเป็นความจริง  แต่ก็มีข้อยกเว้น กับบุคคลที่มากไปด้วยทิฏฐิ  หลงอยู่ในความคิดตนเองเป็นหลัก หรือเป็นคนที่เปรียบเสมือน น้ำที่เต็มแก้ว เอาน้ำเติมอีกไม่ได้แล้ว  ก็จะต้องสอนเปลี่ยนมิจฉาทิฏฐิ  ของเขา ให้เป็น สัมมาทิฏฐิ หรือน้ำไม่เต็มแก้ว ให้ได้ เพราะมนุษย์นั้นฝึกได้ (ยกเว้น ตัวอย่าง ครูทั้งหก ในสมันพุทธกาล  มันเปลี่ยนไม่ได้  ยอมตาย)

พี่สิงห์  กินข้าวเช้าแล้ว  กำลังจะทำงานที่โรงงานบ้านแพ้ว  สมุทรสงคราม

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #11742 เมื่อ: 29 มกราคม 2557, 17:06:10 »


พี่สิงห์ที่เคารพ,
รู้สิคะ ว่าพี่สิงห์สอน ๕ส.
จึงไม่เชื่อเมื่อพี่บอกว่าบ้านพี่ พี่ไม่ได้ทำอะไรให้ดูดี
จะเพราะเรื่องแบบนี้ ไม่อยู่ในความสนใจพี่ รึเพราะ
อาจไม่คุ้มกับการต้องเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่อาจไม่สำคัญ!
เรื่องสำคัญก่อนหลังของคนจึงแตกต่างกันไป...
บางคนต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อทำมาหากิน สมองเค้าสายตาเค้า
blockทุกอย่าง...focusเพียงเรื่องเดียว เรื่องมีเงิน เรื่องมีรายได้
มาจับจ่าย ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่ากิน
ค่าเสื้อผ้า?ค่าลูก ค่าบันเทิง?ความที่ทุกอย่างเร่งรีบจำกัดคะ
เวลาเท่ากัน รายได้ตายตัว?ทำให้ทุกอย่างไม่เจาะละเอียด?
พอคร่าวๆ?พออยู่ได้ พอใช้ได้?ได้สิพี่ ใครก็ทำได้ อยู่แบบง่ายๆ
สบายๆ ทำง่ายกว่าอยู่แบบทุกอย่างได้รับการคัด การเลือก การสัน
การอยู่แบบนี้ ทุกสายตาที่กวาดไป ไม่ปล่อยให้มีอะไรหลุดรอด...
มันคือความพิถีพิถันคัดเลือกอย่างตั้งใจ อย่างละเอียด ทีนี้พี่พอจะ
นึกภาพออกมั้ยคะ ว่าทำไมชีวิตแม่บ้านที่โน่นจึงแตกต่างจากแม่บ้าน
ในอุดมคติที่ไม่มีอะไรทำ?

ความสะอาด สวยงาม ความเป็นระเบียบ ความเรียบร้อย
สิ่งเหล่านี้วัดได้ด้วยจิต ด้วยสายตาเท่านั้นคะ...หนิงเข้าใจเมื่อ
ใครบอกว่าเค้าต้องดูแลเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า ไม่มีเวลามาทำ
มาจัดให้สวยงามดูแล...รึเค้าขาดทุนรอนที่จะมาซ่อม มาบำรุง
หนิงฟังarguementล้านแปดประการได้ทั้งนั้นคะ..ทำไมถึงทำไม่ได้!!
แต่น่าทึ่งกว่าหากเค้าจะแจงสิ่งที่เค้าจะทำให้ได้ ทำนั่น ทำนี่
ทำอะไรก่อน ทำอะไรหลัง ทำไมถึงทำ ทำเพื่ออะไร เพื่อให้ดีขึ้น
สะอาดขึ้น งามขึ้น...เพื่อตัวเค้าเอง?

ตัวอย่างคะ:ในหมู่บ้านจัดสรร ให้วางถังขยะหน้าบ้าน..รอรถมาเก็บ
หมาจรจัดมาคุ้ย มาเขี่ย เรี่ยราดหน้าบ้านเค้า...เจ้าบ้าน,ต้องเก็บเอง?
รึถือเป็นหน้าที่ของผู้อื่น ถนนติดบ้าน ใครต้องกวาด?
สิ่งเหล่านี้ บางทีเกี่ยงกัน!ภาพที่เห็นจึงเหมือนอยู่/อาศัยติดกองขยะ!!
ก็อย่ามอง รีบเข้าบ้าน รีบปิดประตู?หากเจ้าของขับรถสวยเข้าบ้าน
ผ่านถังขยะเขรอะทุกวัน ทุกวัน ที่เรี่ยราดหมาคุ้ยได้โดยไม่ถือว่า..นั่น,
คือถังขยะบ้านเรา ติดที่เรา เขตเรา คือส่วนนึงของบ้านเรา....ได้
แถมอาจมีarguementอีกว่าทางหมู่บ้านสิ ต้องทำ..บริษัทรถขยะสิ
ต้องกวาดให้เรา เจ้าของกองทัพหมาสิ ต้องรับผิดชอบ...
the fact is that...หน้าบ้านเค้า เค้าอยู่กะกองขยะเขรอะได้..ทุกวันทุกวัน!!
อย่าพักต้องเข้าไปมองข้างในพี่..ว่าข้างในบ้านเค้าจะสะอาดแฉล้ม
เอี่ยมระเบียบจัดเก็บเรียบร้อย...เพราะมันขัดกันกับการมอง การคิด
ของเค้าที่ว่า..เด็กสิต้องทำ เมียเค้าสิต้องทำ คนใช้สิต้องเก็บ
เค้าไม่มีเวลาหรอก ต้องทำงาน!!

พี่สิงห์เห็นมั้ย ว่าทำไมข้อกล่าวอ้างทำไมถึงทำไม่ได้ จึงมากกว่า
ฟังกันเคลิบเคลิ้มบนความจริงของการยอมรับง่ายๆ แล้วไปเห่อ
ไปเอ้อเหอ อื้อหือ บ้านนั้นเมืองนั้นสวย น่าอยู่ น่าไปเที่ยว ไปดู..
เมืองเค้าสวยอยู่แล้ว ทำอะไรก็สวย โถ่ถัง...ผู้อยู่ของเค้าทำเอง
กวาดเอง เก็บเอง รักษาทรัพย์สินบ้านเรือนชานด้วยตัวเองทั้งนั้น
ตรงนี้ไม่มอง ไปมองที่ผลรวม...ตรงนี้สิ ต้องเลียนแบบเค้า??
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11743 เมื่อ: 29 มกราคม 2557, 20:00:52 »




สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

พี่สิงห์ กลับมาถึงบ้านแล้วครับ
วันนี้เป็นวันแรก ที่ขับรถจากบ้านแพ้ว  สมุทรสาคร มาบ้านที่ห้าแยกลาดพร้าว และซอย วิภาวดี-รังสิต ๒๒ หลังการบินไทย ที่รถไม่ติดเลย ต้องขอบคุณ กำนันสุเทพ  ที่ปิดห้าแยกลาดพร้าว และปิดกรุงเทพฯ ครับ

คนเรานั้น คิดไม่เหมือนกัน  จะให้เราไปคิดเหมือนคนอื่นนั้น พระพุทธองค์ทรงสอนว่า บุคคลนั้นต้องมีธาตุเหมือนกัน หรือนิสัย สันดารและศรัทธาที่เห็นตรงกัน แต่ก็เป็นความเห็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ความเห็นส่วนย่อย

คนคิดไม่เหมือนกัน เพราะมีธาตุที่แตกต่างกัน

เราอย่าไปหวังให้คนอื่นคิดเหมือนกันเลย มันเปล่าประโยชน์

สู้ระวังตนเองไม่ให้ใครเดือดร้อนเพราะเราเป็นดีที่สุด

บ้านเมืองจะสงบสุขได้ ถ้าคนเราระวังตนเอง  ลดทิฏฐิตนเอง กระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ส่วนรวม เป็นไปในทางกุศล  ไม่ผิดศีลธรรม กฏหมาย และประเพณีที่ดีงาม

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #11744 เมื่อ: 29 มกราคม 2557, 22:14:50 »

พี่สิงห์ที่เคารพ



ขอบคุณค่ะสำหรับคำเตือน "บ้านเมืองจะสงบสุขได้ ถ้าคนเราระวังตนเอง  ลดทิฏฐิตนเอง กระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ส่วนรวม เป็นไปในทางกุศล  ไม่ผิดศีลธรรม กฏหมาย และประเพณีที่ดีงาม"

คนไทยรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายเราเคยมีธาตุเหมือนกัน หรือนิสัย สันดารและศรัทธาที่เห็นตรงกันในภาพรวม  ซึ่งคล้ายพี่สิงห์ คืออยู่กับความเป็นธรรมดา กลมกลืนกับธรรมชาติ แต่เดี๋ยวนี้ธาตุของคนเราเปลี่ยนไปมากและยิ่งย่อยละเอียดเปลี่ยนแปลกไปตามกระแสโลกที่เปิดกว้างขึ้น
มองให้เป็นสุขหรือทุกข์ได้หลายมุมมากจนสุดพรรณาค่ะ

โบราณท่านว่า "คิดน้อยพลอยรำคาญ คิดมากก็ยากนาน" แค่ "คิดดี ทำดี พูดดี" อย่างพี่สิงห์ว่า "บ้านเมืองจะสงบสุขได้ ถ้าคนเราระวังตนเอง  ลดทิฏฐิตนเอง กระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ส่วนรวม เป็นไปในทางกุศล  ไม่ผิดศีลธรรม กฏหมาย และประเพณีที่ดีงาม" พอแล้วจริงๆค่ะ

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 29 มกราคม 2557, 20:00:52



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

พี่สิงห์ กลับมาถึงบ้านแล้วครับ
วันนี้เป็นวันแรก ที่ขับรถจากบ้านแพ้ว  สมุทรสาคร มาบ้านที่ห้าแยกลาดพร้าว และซอย วิภาวดี-รังสิต ๒๒ หลังการบินไทย ที่รถไม่ติดเลย ต้องขอบคุณ กำนันสุเทพ  ที่ปิดห้าแยกลาดพร้าว และปิดกรุงเทพฯ ครับ

คนเรานั้น คิดไม่เหมือนกัน  จะให้เราไปคิดเหมือนคนอื่นนั้น พระพุทธองค์ทรงสอนว่า บุคคลนั้นต้องมีธาตุเหมือนกัน หรือนิสัย สันดารและศรัทธาที่เห็นตรงกัน แต่ก็เป็นความเห็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ความเห็นส่วนย่อย

คนคิดไม่เหมือนกัน เพราะมีธาตุที่แตกต่างกัน

เราอย่าไปหวังให้คนอื่นคิดเหมือนกันเลย มันเปล่าประโยชน์

สู้ระวังตนเองไม่ให้ใครเดือดร้อนเพราะเราเป็นดีที่สุด

บ้านเมืองจะสงบสุขได้ ถ้าคนเราระวังตนเอง  ลดทิฏฐิตนเอง กระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ส่วนรวม เป็นไปในทางกุศล  ไม่ผิดศีลธรรม กฏหมาย และประเพณีที่ดีงาม

สวัสดี
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11745 เมื่อ: 30 มกราคม 2557, 05:55:28 »



สวัสดียามเช้าค่ะ คุณน้องจันทร์ฉาย ที่รัก

ขอบคุณมากค่ะ
ทุกวันนี้ความเจริญทางด้านวัตถุ เป็นที่มาของ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เมื่อทั้งสี่ตัวนี้เจริญงอกงามขึ้น ความโลภ  ความโกรธ ความหลง มันก็ยิ่งมากขึ้นยิ่ง ไปอีก เพราะคนไปยึดติดกับวัตถุ แข่งขันกันในด้านเศรษฐศาสตร์  คนไปยินดีกับความมั่งมีในลาภ ยศ สรรเสริญ  สุข

ลืมเรื่องศิลธรรม ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม กระทำผิดกฏหมาย ประเพณี และทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ลืมไปว่า ในโลกนี้ ไม่มีอะไรเที่ยง ที่จะดำรงอยู่ในทางนั้นเสมอ มันย่ิมเปลี่ยนแปลง มีขึ้นมีลง ตามเหตุ-ปัจจัย

มีลาภ  ก็เสื่อมลาภ
มียศ    ก็เสื่อมยศ
มีสรรเสริญ  ก็มีคนนินทา
มีสุข    ก็มีทุกข์

มันเป็ขของมันอย่างนี้ มนุษย์บนโลกใบนี้
แต่เพราะมัวหลงอยู่ในความคิด มันจึงมองไม่เห็นทั้งสองด้าน มีเพียงด้านเดียวคือ ลาภ  ยศ  สรรเสริญ  สุข  ที่ต้องเองต้องการ ที่จิตมันต้องดาร และอยากได้ ไม่รู้จักพอ นั่นคือจิตมนุษย์ โลภไม่สิ้นสุด


เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ลืมซึ่งคุณธรรม ศีลธรรม สมควรหรือไม่  ใครจะเดือกร้อนไมาสน  ขอให้ได้ในสิ่งที่ตนเองปราถนา  มันจึงมีแต่วิวาทมั้งสิ้น

นี่ละจิตมนุษย์ ที่หลงอยู่ในควาใคิด ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ

มันยาก  ที่จะกลับคืน เพราะเขาคิดว่าเขาทำถูกต้องแล้ว  ผิดตรงไหน  มิงไม่เห็น เพราะหลงอยู่แต่ในความคิด ประกอบคนรอบข้างก็ มีธาตุเดียวกัน เลยยุ่งเป็นฝอยขัดหม้อเลย

สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11746 เมื่อ: 30 มกราคม 2557, 06:01:05 »



วันนี้ เป็นวันไหว้  เป็นวันระลึกถึงบรรพบุรุษ  โดยเฉพาะบิดา-มารดา เพราะถ้าไม่มีท่านทั้งสอง ด้วยเหตุ-ปัจจัย เราก็ไม่ได้มาเกิด

วันนี้ พี่สิงห์  จะไหว้บรรพบุรุษ แบบง่าย ๆ คือใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน  สวดมนต์ และไหว้กระดูกพ่อ-แม่ ตั้งอาหาร ขนมเทียน ขนมเข่ง ส้ม และกระทำความดี ระวังตนเอง อยู่ในศีล มีสติ

มันเป็นประเพณีที่ดี  ที่สมควรกระทำยิ่ง โดยเฉพาะ คนมีเชื้อจีน

" ซินเจียยู่อี่  ซีนนี่ฮวดใช้"

ทุกท่านครับ

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11747 เมื่อ: 30 มกราคม 2557, 07:39:58 »




เช้านี้ได้ใส่บาตรเณร ที่หน้าบ้านเรัยบร้อยแล้ว
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11748 เมื่อ: 30 มกราคม 2557, 07:45:54 »



ได้สวดมนต์ บทพระให้พร แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล

ได้เส้นไหว้ด้วยอาหาร หวาน คาว แด่บรรพบุรุษ มีบิดา-มารดา เป็นต้น

ตามประเพณีไหว้บรรพบุรุษ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ปีนี้

ขอความสวัสดี มงคล จงบังเกิดขึ้น กับตัวเรา บ้านเรือน รถยนต์ของเรา และทุกท่านด้วยเทอญ

สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #11749 เมื่อ: 30 มกราคม 2557, 09:25:56 »





ประวัติวันตรุษจีน

วันตรุษจีน เป็นวันสำคัญของจีนที่มีมาแต่โบราณที่เรียกว่า “กว้อชุนเจี๋ย” หรือ “กว้อเหนียน” เล่ากันว่าในสมัยโบราณ ในป่าทึบแห่งหนึ่ง มีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและน่ากลัวมากตัวหนึ่ง เรียกว่า “เหนียน” มันออกอาละวาดกินคนเป็นประจำ พระเจ้าจึงลงโทษมัน อนุญาตให้มันลงมาจากเขาได้เพียงหนึ่งครั้งใน 365 วัน ดังนั้น

เมื่อฤดูหนาวใกล้จะผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิเวียนมาใกล้ เหนียน ก็จะออกมาทำร้ายผู้คน เพื่อป้องกันการมาของ เหนียน ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างสะสมเสบียงอาหาร และกับข้าวจำนวนหนึ่งไว้ในบ้าน เมื่อถึงตอนค่ำของวันที่ 30 เดือน 12 ก็จะปิดประตูและหน้าต่างเอาไว้ ไม่หลับไม่นอนตลอดคืน เพื่อต่อสู้กับ เหนียน จนกระทั่งถึงรุ่งเช้าก็จะเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เมื่อ เหนียน กลับไปแล้ว ทุก ๆ ครัวเรือนก็จะเปิดประตูออกมาแสดงความยินดีต่อกัน ที่โชคดีไม่ได้ถูก เหนียน ทำร้าย

ต่อมาพบว่า เหนียน มีจุดอ่อนว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังหวดแส้เล่นกัน เมื่อ เหนียน ได้ยินเสียงแส้ดังเปรี้ยงปร้างก็เลยตกใจเผ่นหนีไป เมื่อ เหนียน ไปถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เห็นมีชุดเสื้อผ้าสีแดงตากอยู่หน้าบ้านของครอบครัวหนึ่ง สีแดงฉูดฉาดนั้น ทำให้ เหนียน ตกใจและเผ่นหนีไปอีก เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งที่สาม ปรากฏว่าไปพบเห็นกองเพลิงกองหนึ่งบนถนน แสงเพลิงที่เจิดจ้าทำให้ เหนียน ต้องเผ่นหนีไปอีก ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนต่างรู้ว่า แม้ว่า เหนียน จะดุร้ายแต่มันก็กลัวสีแดง เสียงดัง และไฟ ทำให้ผู้คนสามารถคิดหาวิธีกำจัด เหนียน ได้โดยไม่ยากนัก

เมื่อวันส่งท้ายตรุษจีนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างนำกระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน แขวนโคมไฟสีแดง พร้อมกับจุดประทัดและตีฆ้องรัวกลองอย่างต่อเนื่อง เมื่อ เหนียน มาถึงในตอนเย็น เห็นทุก ๆ ครัวเรือนมีแสงไฟสว่างไสว มีเสียงประทัดดังสนั่นจึงตกใจเผ่นหนีกลับเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมาอาละวาดอีก ทุก ๆ คนจึงผ่านพ้นคืนแห่งอันตรายไปอย่างปลอดภัย เมื่อฟ้าสางแล้ว ผู้คนจึงออกมาจากบ้าน กล่าวคำอวยพรซึ่งกันและกันอย่างมีความสุข พร้อมกับการนำอาหารออกมารับประทานร่วมกันอย่างสนุกสนาน ต่อมา วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็น วันเฉลิมฉลองที่มีแต่ความสุขที่เรียกกันว่า “ตรุษจีน”
 
การไหว้เจ้า
การไหว้เจ้าเป็นธรรมเนียมประเพณีที่ลูกหลานจีน ปฏิบัติสืบทอดกันมาตามความเชื่อที่จะต้องไหว้เจ้าที่ และไหว้บรรพบุรุษเพื่อให้เป็นสิริมงคล และนำมาซึ่งความสุขความเจริญแก่ครอบครัว ในปีหนึ่งจะมีการไหว้เจ้า 8 ครั้ง คือ
•   ไหว้ครั้งแรกของปี ไหว้เดือน 1 วันที่ 1 คือ ตรุษจีน เรียกว่า “ง่วงตั้งโจ่ย”
•   ไหว้ครั้งที่สอง ไหว้เดือน 1 วันที่ 15 เรียกว่า “ง่วงเซียวโจ่ย”
•   ไหว้ครั้งที่สาม ไหว้เดือน 3 วันที่ 4 เรียกว่า “ไหว้เช็งเม้ง” เป็นประเพณีที่ลูกหลานไปไหว้บรรพบุรุษที่ฮวงซุ้ย
•   ไหว้ครั้งที่สี่ ไหว้เดือน 5 วันที่ 5 เรียกว่า “โหงวเหว่ยโจ่ย” เป็นเทศกาลไหว้ขนมจ้าง
•   ไหว้ครั้งที่ห้า ไหว้เดือน 7 วันที่ 15 คือ ไหว้สารทจีนเรียกว่า “ตงง้วงโจ่ย”
•   ไหว้ครั้งที่หก ไหว้เดือน 8 วันที่ 15 เรียกว่า “ตงชิวโจ่ย” ที่คนทั่วไปรู้จักกันดีว่า ไหว้พระจันทร์
•   ไหว้ครั้งที่เจ็ด ไหว้เดือน 11 ไม่กำหนดวันแน่นอน เรียกว่า “ไหว้ตังโจ่ย”
•   ไหว้ครั้งที่แปด ไหว้เดือน 12 วันสิ้นปี เรียกว่า ไหว้สิ้นปี หรือ “ก๊วยนี้โจ่ย”
 
การจัดของไหว้
•   ถ้าจัดใหญ่ นิยมเป็นตัวเลข 5 คือ มีของคาว 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวแซ” ประกอบด้วย หมู ไก่ ตับ ปลา และกุ้งมังกร แต่เนื่องจากกุ้งมังกรนั้นแพงและหาไม่ง่าย จึงนิยมไหว้เป็ดหรือปลาหมึกแห้งแทน ของหวาน 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวเปี้ย” อาจเป็นซาลาเปาไส้หวาน ขนมไข่ ขนมถ้วยฟู ขนมกุยช่าย และขนมจันอับ ผลไม้ 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวก้วย”
•   ถ้าจัดเล็ก ก็เป็นชุดละ 3 อย่าง มีของคาว 3 อย่างเรียกว่า “ซาแซ” ของหวาน 3 อย่าง เรียกว่า “ซาเปี้ย” ผลไม้ 3 อย่าง เรียกว่า “ซาก้วย” หรือจะมีแค่อย่างเดียวก็ได้
 
ผลไม้ที่นิยมกันมากที่ใช้ในการไหว้
•    ส้ม เรียกว่า “ไต้กิก” แปลว่า โชคดี
•    องุ่น เรียกว่า “พู่ท้อ” แปลว่า งอกงาม
•    สับปะรด เรียกว่า “อั้งไล้” แปลว่า มีโชคมาหา
•    กล้วย มีความหมายถึง การมีลูกหลานสืบสกุล

      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 468 469 [470] 471 472 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><