|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #11451 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2556, 08:00:17 » |
|
เช้านี้ได้ นั่งเจริญสติ สวดมนต์ทำวัตรเช้า เดินจงกรมออกกำลังกาย และฝึกชิกง-โยคะ บนเทอเรสชั้นสามของโรงแรม
โรงแรมเงียบเหงา ไม่มีนักท่องเที่ยว มีแต่พนักงานเชพล่อน เท่านั้น
สวัสดี
|
|
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #11455 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2556, 16:43:36 » |
|
อาจารย์แจ่มใส่ คุณประภาศรี ส่งภาพมาให้ เป็นหลานชายคุณหมอหาญ สุฉันทะบุตร ชื่อวสุ สุฉันทะบุตร เป็นลูกนายตำรวจ พ่อตายในราชการที่ภาคใต้ อยู่กับแม่สองคน
คุณประภาศรี ได้ส่ง line ไปถึง พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ด้วย
เป็นเยื่อรายแรก
ถ้าทุกคนที่เกี่ยวข้องลดทิฏฐิ ไม่หลงอยู่ในความคิดตนเอง ไม่เห็นประโยชน์ส่วนตน เหตุการแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
นายกยิ่งลักษณ์ ผู้สั่งการซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใครและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติควรถูกปลด เพราะภาพที่เห็นทางทีวีมันฟ้อง ตำรวจทำเกินเหตุ ทุบรถเขาไม่ปรานีปราสัย ไม่ใช่ป้องกันตนเอง แต่เป็นการสังหารฝ่ายตรงข้าม มันทำเกินเหตุ
ก่อนขึ้นเครื่องบินเมื่อวาน ดูทีวีที่ดอนเมือง ภาพประจานไปทั่วโลก ตำรวจไทยทำลายรถที่จอดอยู่บนถนน แบบจงใจจริงๆ ไม่ใช่ป้องกันตัวเสียแล้ว น่าอับอายมากตำรวจไทยและผู้สั่งการ
และได้ยินคนพูดว่ามีอีกหนึ่งที่โดนยิงที่หัว ไม่ตายแต่พิการตลอดชีวิตเพราะยิงใส่สมอง
ไม่นึกว่าจะมีคนตายแบบนี้ มันเกินกว่าเหตุแล้ว
สวัสดี
|
|
|
|
สมชาย17
|
|
« ตอบ #11456 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2556, 16:45:13 » |
|
สวัสดีปีใหม่ครับ พี่สิงห์ พี่เหยง และทุกๆท่าน
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง และสมหวังในสิ่งที่ตั้งใจไว้
สำหรับพี่สิงห์ ขอให้เจริญภาวนา เจริญสติ ยิ่งๆขึ้นครับ
มีพี่ผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง บอกว่า สมเด็จโต ท่านกล่าวโดยสรุปว่า
ปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา. ละ สังโยด10 ละสุข. ละทุกข์. ก็เข้าสู่นิพพานแล้ว
สวัสดีปีใหม่อีกครั้งครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #11457 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2556, 16:49:57 » |
|
สวัสดีปีใหม่ครับ คุณสมชาย
ไม่ต้อง ๑๐ หรอกครับ เพียงละทิฏฐิได้ มีศรัทธาในศิล สมาธิ ปัญญา ก็ได้โสดาบันแล้ว ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #11458 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2556, 19:19:23 » |
|
พี่สิงห์ ตกหล่นพระสูตรที่สำคัญในเล่มที่สองคือ พระพุทธองค์ทรงแสดง สติปัฏฐาน ๔ ที่แคว้นกุรุเสนานิคม หรือกรุงนิวเดลลี ปัจจุบัน อีกหนึ่งพระสูติ ที่เป็นทางสายเอกที่สามารถจะถึง นิพพาน ได้ ที่เป็นจุดหมายสูงสุดของพุทธศาสนา
ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11459 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2556, 20:25:32 » |
|
พยากรณ์อากาศในช่วงส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 2556 - 1 มกราคม 2557
การคาดหมาย ในช่วงวันที่ 26-30 ธ.ค.บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็น โดยบริเวณเทือกเขาสูงในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บางพื้นที่
ส่วนในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. - 1 ม.ค. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ทั่วประเทศมีอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป และมีหมอกเพิ่มมากขึ้น กับมีหมอกหนาในบางพื้นที่
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไปมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ตลอดทั้งสัปดาห์
ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศหนาวเย็น และระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไปควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 26-30 ธ.ค. อากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 6-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-4 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งในบางพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. - 1 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 9-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-7 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 26-30 ธ.ค. อากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 7-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-27 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-5 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งในบางพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. - 1 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 9-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-9 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 26-30 ธ.ค. อากาศหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-29 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. - 1 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 26-30 ธ.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. - 1 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส
ในช่วงวันที่ 26-27 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งๆ ถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่
ส่วนในช่วงวันที่ 28 ธ.ค. -1 ม.ค. โดยมีฝนฟ้าคะนองมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ และตั้งแต่จังหวัดพัทลุงลงไป มีฝนตกหนักบางแห่ง
อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศเย็นในตอนเช้า และมีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส
ในช่วงวันที่ 26-27 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 28 ธ.ค. -1 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 26-30 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. - 1 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #11460 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2556, 21:26:50 » |
|
พยากรณ์อากาศตั้งแต่เย็นวันนี้ ถึง เย็นวันพรุ่งนี้ครับ
ประจำวันที่ 27 ธันวาคม 2556 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนแล้ว ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส และมีหมอกหนาเกิดขึ้นในบางพื้นที่ของภาคเหนือ ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายในการสัญจรบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไปมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังไว้ด้วย
อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงระลอกนี้จะทำให้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่องจนถึงช่วงปีใหม่ พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ อากาศหนาว อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 11-13 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-27 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-6 องศาเซลเซียส ลมเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-26 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-6 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ภาคกลาง อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-29 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ภาคตะวันออก อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไป : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-29 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ข้อมูลจาก อุตุนิยมวิทยา และ JTWC USA
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #11462 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2556, 07:23:37 » |
|
ขนมจีน ข้าวยำปักษ์ใต้ อาหารไทย ข้าวต้ม อาหารฝรั่ง มุมสลัด อาหารอเมริกันเบรคฟัส อาหารเช้าที่โรงแรม มีมากมาย แต่สิ่งไหนจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
กินแต่ละครั้งนิดเดียว จึงต้องเลือกในสิ่งที่ก่อประโยชน์
อาหารเช้าวันนี้
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #11464 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2556, 13:03:14 » |
|
สังโยชน์ ๑๐ และอนุสัย ๗ สังโยชน์ ๑๐ กิเลสที่ผูกมัดจิตใจไว้กับทุกข์ ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ (เรียงลำดับตาม อริยมรรค)
โอรัทภาคิสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำเป็นอย่างหยาบเป็นในภพอันต่ำ
๑. สักกายทิฏฐิ มีความเห็นว่าขันธ์ ๕ เป็นเรา เป็นของเรา เป็นว่ามีตัวตน ยึดกายของตน ความเห็นเข้าข้างตน
๒.วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ความเคลือบแคลงในกุศลธรรมทั้งหลาย สงสัยเพราะไม่รู้
๓.สีลัพพตปรามาส ความยึดถือศีลถือพรตอย่างงมงายคิดว่าขลังว่าศักดิ์สิทธิ์ คิดว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยสมาธิและปัญญา เชื่อถือโชคลาง เพื่อเชื่อพิธีกรรม เป็นการลูบคลำศีล
๔.กามราคะ ความกำหนัดยินดีใน กามคุณ ๕ ๑.รูป ๒.เสียง ๓.กลิ่น ๔.รส ๕.โผฏฐัพพะ
๕.ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งทางใจ ทำให้ไม่พอใจ ความขัดใจ หงุดหงิดด้วยอำนาจ โทสะ
อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูงเป็นอย่างละเอียดเป็นไปแม้ในภพอันสูง
๖.รูปราคะ ติดใจใน รูปธรรม (สิ่งที่มีรูป) ติดใจในอารมณ์แห่ง รูปฌาน ๔ (ฌานมีรูปธรรมเป็นอารมณ์)
๗.อรูปราคะ ติดใจใน อรูปธรรม ติดใจในอารมณ์แห่ง อรูปฌาน ๔ (ฌานที่มีอรูปธรรมเป็นอารมณ์)
๘.มานะ ความถือตนโดยความรู้สึกว่าเป็นนั่นเป็นนี่ เราดีกว่าเขา เราไม่ดีกว่าเขา เราเสมอเขา
๙.อุทธัจจะ อารมณ์ฟุ้งซ่าน จิตส่าย ใจวอกแวก
๑๐.อวิชชา ความไม่รู้แจ้ง (ไม่รู้ใน อริยสัจจ์ ๔) อวิชชา ๔
๑. ไม่รู้ใน ทุกข์ ๒. ไม่รู้ใน ทุกขสมุทัย ๓. ไม่รู้ใน ทุกขนิโรธ ๔. ไม่รู้ใน ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ไม่รู้ใน อดีต ไม่รู้เหตุการณ์ ไม่รู้ใน อนาคต ไม่รู้ทั้ง อดีต ทั้ง อนาคต ไม่รู้ ปฏิจจสมุปบาท
อนุสัย ๗ กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ใน สันดาน
เหมือนตะกอนนอนอยู่ที่ก้นภาชนะ ตะกอนจะฟุ้งขึ้นมาทำน้ำให้ขุ่นเพราะมีคนไปกระทบหรือกวนภาชนะฉันใด อนุสัยกิเลสก็เช่นเดียวกัน จะฟุ้งขึ้นมาทำจิตให้ขุ่นมัว ต่อเมื่อมีอารมณ์ภายนอกมากระทบเช่นเดียวกันฉันนั้น
อนุสัย (สังโยชน์๗)
๑. กามราคะ ความกำหนัดในกาม ความอยากได้ติดใจในกาม
๒.ปฏิฆะ ความขัดใจ ความหงุดหงิดขัดเคือง คือ โทสะ
๓.ทิฏฐิ ความเห็นผิด
๔.วิจิกิจฉา ความลังเล ความเคลือบแคลงในกุศลธรรมทั้งหลาย
๕.มานะ ความถือตัว
๖.ภวราคะ ความกำหนัดในภพ
๗.อวิชชา ความไม่รู้จริง คือ โมหะ
กิเลสานุสัย กิเลสจำพวก อนุสัย กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน จะปรากฏเมื่อ อารมณ์ มายั่วยุเหมือนตะกอนน้ำที่อยู่ก้นโอ่ง ถ้าไม่มีคนกวนตะกอนก็นอนเฉยอยู่ ถ้ากวนน้ำเข้าตะกอนก็ลอยขึ้น
สันดาน ความสืบต่อแห่งจิต คือกระแสจิตที่เกิดดับต่อเนื่องกันมา ในภาษาไทยมักใช้ในความหมายว่าอุปนิสัยที่มีมาแต่กำเนิด
ราคะ ความกำหนัด ความยินดีในกาม ความติดใจ หรือความย้อมใจติดอยู่ในอารมณ์
ราคี ผู้มีความกำหนัด มลทิน เศร้าหมอง มัวหมอง
มลทิน ความมัวหมอง ความไม่บริสุทธิ์ เช่นผ้าขาวเมื่อเป็นจุดสีต่าง ๆ ก็เรียกว่าผ้ามีมลทิน
เวร ความแค้นเคือง ความปองร้ายกัน ความคิดร้ายตอบแก่ผู้ทำร้าย ในภาษาไทยใช้อีกความหนึ่งด้วยว่า คราว รอบ การผลัดกันเป็นคราว ๆ ตรงกับ วาร หรือ วาระ ในภาษาบาลี
กำหนัด ยินดี ความยินดี
โยคธรรม ธรรมคือกิเลสเครื่องประกอบ ในข้อความว่า “ เกษมจากโยคธรรม ” คือ ความพ้นภัยจากกิเลส
โยคะ ๑.กิเลสเครื่องประกอบ คือประกอบสัตว์ไว้ในภพ หรือผูกสัตว์ดุจเทียมไว้กับแอก มี ๔ คือ ๑. กาม ๒. ภพ ๓. ทิฏฐิ ๔. อวิชชา
๒.ความเพียร
การที่จะละสังโยชน์ ๑๐ ได้นั้น
ไม่ใช่ละได้ด้วยความเข้าใจ ต้องละด้วยการปฏิบัติเจริญสติให้จิตมันปล่อยวางของมันเองตามธรรมชาติจริง ๆ ซึ่งผู้รู้ จะรู้ได้เฉพาะตน เท่านั้น
|
|
|
|
สมชาย17
|
|
« ตอบ #11465 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2556, 14:39:09 » |
|
ขอบคุณมากครับ พี่สิงห์ ที่ช่วยให้ความกระจ่าง เรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา และสังโยชน์10
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #11466 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2556, 20:41:49 » |
|
สวัสดีครับ คุณสมชาย ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน
- ถ้าละสัญโยชน์ ๓ อย่างได้เด็ดขาด คือ ทิฏฐิสัญโยชน์ สีลัพพตปรามาสสัญโยชน์ และวิจิกิจฉาสัญโยชน์ , ละอนุสัย ๒ อย่างได้เด็ดขาด คือ ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ซึ่งผู้รู้จะรู้ได้เฉพาะตน นั่นคือท่านเป็น พระโสดาบัน
- ละกามราคสัญโบชน์ และปฏิฆสัญโยชน์ ส่วนที่เป็นอย่างหยาบ , ละกามราคานุสัย และปฏิฆานุสัยส่วนที่เป็นอย่างหยาบ เพิ่มจากโสดาบัน นั่นคือท่านเป็น พระสกทาคามี
- ละกามราคสัญโบชน์ และปฏิฆสัญโยชน์ ส่วนที่เป็นอย่างละเอียด , ละกามราคานุสัย และปฏิฆานุสัยส่วนที่เป็นอย่างละเอียด เพิ่มจากโสดาบันและสกทาคามี นั่นคือท่านเป็น พระอนาคามี
- ละสังโยชน์ ๑๐ ละอนุสัย ๗ ได้หมด ซึ่งผู้รู้ รู้ได้เฉพาะตน ท่านเป็น พระอรหันต์
อย่าลืม ! ไม่ได้รู้เพราะอ่าน ฟัง คิด เข้าใจ นะครับ
ท่านต้องรู้จากการปฏิบัติตาม มรรคมีองค์ ๘ หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา เท่านั้น
ท่านจะมีญาณหยั่งรู้ด้วยตัวของท่านเอง คือ ผู้รู้รู้ได้เฉพาะตน ไม่จำกัดกาล
สวัสดี และราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #11467 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2556, 09:16:26 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งและแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน
วันนี้ เป็นวันพักผ่อน มาตีกอล์ฟ ที่สนามกอล์ฟ President Country Club อากาศดีมากครับ ทำให้สุขภาพดี ได้อากาศสดชื่น หลายท่านคงไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว
พี่สิงห์ ไม่มีครอบครัว ก็ต้องอยู่อย่างนี้ละครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #11468 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2556, 11:51:48 » |
|
พี่สิงห์ ให้รางวัลตัวเอง มานั่งรับประทานอาหารเพล ที่ร้านฟูจิ เทสโก้โลตัส สาขาลาดพร้าว ไม่ได้รับประทานอาหารตามร้านอย่างนี้ นานมากแล้วครับ อยู่บ้าน ก็ซักผ้า อ่านพระไตรปิฎก เมื่อคืนที่ผ่านมาก็สวดมนต์ ๑๒ ตำนาน ก่อนนอนใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ไปจบที่ ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร สวัสดี
|
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #11471 เมื่อ: 30 ธันวาคม 2556, 12:49:58 » |
|
วิธีละกิเลสด้วยการสำรวมระวัง
ตรัสว่า อาสวะที่ทำให้เกิดความยุ่งยากเดือดร้อนนั้น เกิดขึ้นเพราะการไม่สำรวมระวัง (สังวระ) ทางอินทรีย์ทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อภิกษุมนสิการโดยแยบคายแล้ว เป็นผู้สำรวมอินทรีย์ อาสวะทั้งหลายที่จะทำความยุ่งยากเดือดร้อน (วิฆาตปริฬาหา) ก็เกิดขึ้นไม่ได้ นี้คือการละอาสวะด้วยสังวร วิธีละกิเลสด้วยการส้องเสพ
การส้องเสพ (ปฏิเสวนะ) ในที่นี้ หมายถึงการบริโภคหรือการใช้สอย ทรงชี้ไปที่การใช้สอยจีวร บิณฑบาตร เสนาสนะ(ที่อยู่) และเภสัช เมื่อภิกษุมนสิการโดยแยบคายแล้ว ใช้สอยตามความจำเป็น ไม่ใช้สอยเพื่อความสวยงาม เพื่อความสุขสบาย เพื่อความรื่นรมย์ เป็นต้น อาสวะทั้งหลายที่ทำความยุ่งยากเดือดร้อนให้ ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ นี้คือการละอาสวะด้วยการส้องเสพวิธีละกิเลสด้วยความอดกลั้น
ตรัสว่า เมื่อภิกษุมนสิการโดยแยบคายแล้วอดทนต่อหนาว ร้อน หิว กระหาย เหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เลื้อยคลาน อดทนต่อการกล่าวใส่ร้ายของผู้อื่น และอดทนต่อเวทนาอันไม่พึงปราถนา อาสวะทั้งหลายที่ทำความยุ่งยากเดือดร้อนให้ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ นี้คือการละอาสวะด้วยความอดทนอดกลั้น(อธิวาสนะ)วิธีละกิเลสด้วยการงดเว้น
การงดเว้น (หลีกเลี่ยง) เพื่อไม่ให้เกิดอาสวะได้นั้น ทรงชี้ไปที่ ๑. หลีกเลี่ยงช้าง ม้า โค สุนัข และงูที่ดุร้าย รวมไปถึงตอ(ขาณุ)ที่จะทำอันตรายให้ ๒. หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีขวากหนาม บ่อ เหว ที่สกปรกโสโครก ๓. หลีกเลี่ยงที่นั่งที่โคจรและการคบมิตรที่ไม่ดี เมื่อภิกษุมนสิการโดยแยบคายแล้ว งดเว้นหรือหลีกเลี่ยง อาสวะที่ทำความยุ่งยากเดือดร้อนให้ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ นี้เป็นการละอาสวะด้วยการงดเว้น (ปริวัชชนะ) วิธีละกิเลสด้วยการบรรเทา
การบรรเทา (วิโนทนะ) ในที่นี้ หมายถึงการขจัดให้หมดสิ้นไป ทรงชี้ไปที่การมนสิการโดยแยบคายแล้วขจัด ๑. กามวิตก ๒. พยาบาท ๓. วิสิงหาวิตก ๔. ธรรมที่เป็นบาป อกุศลทั้งหลายซึ่งเกิดขึ้นแล้วให้หมดสิ้นไป เมื่อภิกษุขจัดกามวิตกเป็นต้นได้ อาสวะที่ทำความยุ่งยากเดือดร้อนให้ ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ นี้เป็นการละอาสวะด้วยการบรรเทาวิธีละกิเลสด้วยการอบรมจิต
การอบรมจิต คือการลงมือปฏิบัติทางจิต เรียกว่าภาวนา ทรงชี้ไปที่การพิจารณาโดยแยบคาย เจริญโพชฌงค์ทั้ง ๗ คือ ๑. สติสัมโพชฌงค์ ๒. ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ๓. วิริยสัมโพชฌงค์ ๔. ปีติสัมโพชฌงค์ ๕. ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ๖. สมาธิสัมโพชฌงค์ ๗. อุเบกขาสัมโพชฌงค์ ซึ่งล้วนแต่เป็นธรรมวิเวก อิงวิราคะ อิงนิโรธ และน้อมนำไปในทางหลุดพ้นจากกิเลส เมื่อภิกษุได้ลงมือปฏิบัติอย่างนี้ อาสวะที่ทำความยุ่งยากเดือดร้อนให้ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ นี้เป็นการละอาสวะด้วยภาวนา ตรัสในตอนท้ายว่า เมื่อภิกษุละอาสวะทั้งหลายด้วยวิธีต่าง ๆ ดังกล่าวได้แล้ว ก็เรียกว่าเป็นผู้สำรวมระวังในอาสวะทั้งปวง ขจัดตัณหาได้ ทำลายสังโยชน์ได้ ถึงที่สุดแห่งทุกข์เพราะความตรัสรู้แห่งใจสวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน
พี่สิงห์ได้นำเสนอพุทธวิธีกำจัดกิเลสทั้ง ๗ ให้หมดสิ้นไปจากใจเรา ให้ได้รับทราบกันของเพียง โยนิโสมนสิการ คือการพอจารณาโดยความแยบคาบ ให้จิตมันได้รู้ จิตจะได้รู้เท่าทันกิเลสต่าง ๆ เป็นการป้องกันก่อนที่จะเกิดกิเลสตามหลัก อิทัปปัจจยตา คือแก้ที่เหตุ เมื่อเหตุดับผลจึงไม่มี
กิเลสต่าง ๆ ที่เราเคยมีมาในปีเก่า ซึ่งกำลังจะหมดไปนี้ ก็ขอให้กิเลสนั้นหมดสิ้นไปกับปีเก่า
ปีใหม่เรามาเริ่มต้นกันใหม่ เพราะรู้วิธีกำจัดกิเลสเสียแล้ว กิเลสมันคงจะหมดสิ้นไปจากใจเราได้ หรือเกิดขึ้นน้อย ๆ เราก็อยู่แบบสงบ พอเพียงแล้วครับ
ชีวิตคนเรานั้น เพราะลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ทั้งสี่ตัวนี้ จึงทำให้กิเลสต่าง ๆ เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง เกิดขึ้นไม่รู้จักจบจักสิ้น
อย่าไปยึดมั่นในลาภ ยศ สุข สรรเสริญ นั้นเลย ห่างไกลได้ก็ได้ชื่อว่า ห่างไกลกิเลส แล้วครับ
อย่าลืมปีใหม่นี้ อยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #11473 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2556, 11:28:40 » |
|
สวัสดีปีเก่า ๒๕๕๖ ครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี ๒๕๕๖ หลายท่าน คงไปพักผ่อนท่องเที่ยวกับครอบครัว มิตร ตามต่างจังหวัด หลายท่านคงไม่ได้ไปไหน อยู่บ้าน แบบผม ปีเก่ากำลังนับถอยหลัง เราลองมาทบทวนกันดูว่าปีที่ผ่านมา การดำรงชีวิตของเราในสังคมนั้น มีกุศลธรรมเจริญขึ้น หรือว่ามีอกุศลธรรมเจริญขึ้น อย่างไหนมากกว่ากันระหว่างกุศลและอกุศล
ถ้าอกุศลเจริญขึ้นมากกว่ากุศลธรรม ปีใหม่นี้ ๒๕๕๗ เราก็ต้องหาทางทำให้กุศลธรรมเจริญขึ้น และละอกุศลธรรม ไม่ให้เกิดขึ้น โดยยึด ศีล สมาธิ ปัญญา หรือ ห่างไกลกิเลสที่มีช่องทางเกิดขึ้นได้ ๗ ทาง ตามที่ได้ เรียนให้ทราบกันไปแล้ว
ในด้านการทำงาน อะไรที่ผิดพลาดในการทำงาน ปีใหม่นี้ก็ต้องแก้ไขไม่ให้มันเกิดขึ้น หรือหาแนวทางใหม่ๆ ในการทำงานที่จะให้ประสบความสำเร็จ อย่าถอยหลังลงคลอง ต้องก้าวไปข้างหน้า
อดีต คือบทเรียนที่มีค่า อดีต ที่ไม่ดี ลืมให้สิ้น อย่าไปจมปลักกับมันมีแต่ทุกข์ มีสติ-สัมปชัญญะ อยู่กับปัจจุบันนี่ละดี
สวัสดีปีใหม่ครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #11474 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2556, 16:12:49 » |
|
เหลืออีกแปดชั่วโมง ปีเก่า ๒๕๕๖ ก็จะสิ้นไป ปีใหม่ ๒๕๕๗ ก็จะเริ่มขึ้น
การปฏิบัติธรรมนั้น มันมีช่วงที่ไม่ก้าวหน้า เพราะความปราถนาของเรามันมี เมื่อไม่ก้าวหน้า ก็จะเกิดวิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัยในธรรม หรือข้อปฏิบัติในแนวทางนั้น
อย่าลืมเราต้องสิ้นสงสัยในพระพุทธ ในพระธรรม และในพระอริยะสงฆ์
เราต้องมีวิริยสัมโพชฌงค์ ผ่านอุปสรรคในจิตเราให้ได้ ยึดในศีล สมาธิ ปัญญา เอาไว้มั่น เพราะมันจะก้าวหน้าหรือไม่ เราก็สงบสุขตามเหตุ-ปัจจัย
เข้าใจให้ง่ายก็มีศีล บริจาคทาน หรืออนุเคราะห์ให้มาก คอยตามจิตของเราไปเรื่อยๆ มันจะก้าวหน้าเอง ถ้าเราหลงอยู่กับความคิด มันก็ไม่ก้าวหน้า ถ้าเรามีสติ ความก้าวหน้ามันเกิดของมันเอง
อย่าลืมมันเป็น ปัจจัตตัง ผู้รู้ รู้ได้เฉพาะตน
บางครั้งเราอยากบอก อยากสอน แต่สติมันจะบอกว่าอย่าเลย ถ้าเขาไม่ศรัทธา มีแต่วิวาท สู่เราอยู่เฉยๆ นี่ละประเสริฐ
ดังนั้น ผมเองใคร่ที่จะปล่อย อยู่อย่างมีอุเบกขามากกว่า เพราะรู้เท่าทันพฤติกรรมของจิตมนุษย์ มันมีแต่ทิฏฐิ คิดเข้าข้างตนเอง
เราต้องทำลายกำแพงทิฏฐิที่เป็นมิจฉาทิฏฐิลงเสีย เปลี่ยนให้เป็นสัมมาทิฏฐิ ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๗
|
|
|
|
|