27 พฤศจิกายน 2567, 10:51:46
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 398 399 [400] 401 402 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3583897 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9975 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2556, 05:22:26 »



สวัสดีตอนเช้ามืดค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                   ธรรมชาติของความจำ(สัญญา)เราไม่สามารถลบได้เลย เพราะเราไม่มีอำนาจเหนือมันในการสั่งการได้

                   เราจะลืมอะไรไม่ได้  ยกเว้นเมื่อความแก่เข้ามาเยือน หรือเจ็บป่วยทางสมอง ที่เซลสมองมันตายจากความแก่ หมดสภาพ และตายจากโรคสมองเสื่อม ก็สามารถจะลืมความจำบางส่วน ในส่วนที่เซลตายนั้นได้

                   สิ่งที่เราชอบ มีความโสมนัสเราก็อยากจำ เพราะเราสุขเมื่อหวลนึกถึง

                   สิ่งที่เราไม่ชอบ เคยประสบทุกข์ ไม่มีความภูมิใจ เราก็อยากลืม  ไม่อยากนึกถึงอีก

                   เราสั่งการไม่ได้ทั้งนั้น

                   แต่เราสามารถวางจิตของเราให้รับรู้  เมื่อมันคิดขึ้นมา แต่ไม่ตกไปอยู่ในอำนาจมันได้ เมื่อมันคิดขึ้นมา เรามีสติ-สัมปชัญญะ หรือรู้สึกตัวนี่ละ เพราะเราจะไม่หลงอยู่ในความคิด เรียกว่า วางจิตให้ถูกต้อง หรือ เมื่อจิตมันรู้ความจริงแห่งจิตแล้ว มันก็ปล่อยวางลงได้ เหมือนกัน คือเรามีสติ มีความรู้สึกตัวนั่นเอง สุดแล้วแต่ว่าเราจะสมมติว่าเรียกอะไร  สุดท้ายมันก็มาลงที่สติ-รู้สึกตัวนั่นเอง

                   เช้านี้ขอให้ทุกท่านมีสติ  รู้สึกตัว  ถอนออกมาจากความคิด  อย่าเป็นทาสของความคิด  อย่ากระทำตามความคิด กระทำตามสิ่งที่สมควรกระทำ ที่ท่านผู้รู้ท่านว่าควรกระทำ คือก่อประโยชน์ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนรวามทั้งตนเอง ไม่เบียดเบียนสัตว์ และเป็นไปในทางสร้างกุศลธรรม

                   วันนี้มีกิจมาก เช่น หุงข้าว ทำ Detox และไปทำงานแต่หกโมงเช้า

                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9976 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2556, 05:44:34 »

      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #9977 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2556, 20:56:36 »

พี่สิงห์ที่เคารพ
หนิงอยากจะถามอะไรพี่สิงห์หน่อยค่ะ
ไม่ทราบตอนนี้คนไทยยังเห่อ เอ๊ย,นิยม
บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่ออะไรนะคะ..
ศรราม รึรามเทพ?ที่ผลิตตรงจากนครศรีธรรมราช
หรือไม่?

รึความนิยมลดหย่อนลงไป
ตามประสา...อะไรใหม่ๆมา
เก่าๆก็ลืมก็เลือน...

พี่สิงห์เคยให้หนิงองค์นึง
ยังเก็บรักษาไว้อย่างดีคะ
ไม่ใช่เพราะหนิงเชื่อ
แต่เพราะวัตถุบูชาชิ้นนี้...พี่สิงห์ให้หนิงคะ!
ไม่ให้คนอื่น...
คิกคิก
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9978 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2556, 21:00:50 »

สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                        วันนี้เพื่อน ๆ สมัยที่เรียนอยู่โรงเรียนอินทร์บุรี ชั้มมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ ได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ทราบว่า คุณครูสะอาด   บุญมาก  ได้เสียชีวิตลงแล้ว เรียนเชิญให้ไปรดน้ำศพในเวลาสี่โมงเย็นที่วัดโบสถ์  อินทร์บุรี  ศิษย์เก่าอินทร์บุรี  รุ่นผมจะเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพคุณครูสะอาด  บุญมาก  วันไหนขึ้นอยู่กับมานพ  ในฐานะอดีตประธานนักเรียน  และจะพระราชทานเพลิงศพในวันอาทิตย์เวลาสี่โมงเย็น

                         รดน้ำศพ  ผมไม่สามารถไปได้ทัน เพราะทำงานอยู่ที่สมุทรสาคร

                        เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมก็ไม่สามารถไปได้ เพราะต้องไปทำงานที่นครศรีธรรมราชวันพฟหัสบดี-เสาร์

                        ผมเป็นศิษย์  ที่ไม่ดีต่อท่านเลย  คือไม่ได้ไปเยี่ยมท่าน ทั้งก่อนท่านป่วย และหลังท่านป่วย 

                        ว่าจะไป ก็ยังหาเวลาไม่ได้  จนกระทั่งคุณครู ได้จากไป

                        คุณครูสะอาด   บุญมาก  ท่านจะสอนภาษาไทย  เป็นคนเจ้าระเบียบ  หวังดีกับลูกศิษย์ทุกคน 

                        ท่านยินดี ที่ผมสามารถสอบเข้าเรียนวิศวฯ จุฬาฯ ได้

                        ดังนั้น วันอาทิตย์  ผมต้องไปเผาศพท่าน 

                        ของดกิจกรรมที่จะไปกระบี่  เพราะเป็นวาระสุดท้าย ที่จะได้ตอบแทนบุญคุณของท่าน 

                        ที่ท่านเมตตาเด็กชายมานพ  กลับดี เป็นอย่างมากเสมอมา  เป็นผู้ให้เสมอมา  จนผมเป็นได้ดีดั่งทุกวันนี้

                        ต้องกราบขอโทษ คุณน้องต้อย และคุณน้องเปี๊ยก  ด้วย  มันจำเป็นจริง ๆ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9979 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2556, 21:23:51 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                    จตุคาม  รามเทพ ครับ

                    คนนครศรีธรรมราช คนใต้  คนมาเลเซีย-สิงค์โปร์ ยังนับถืออยู่

                    แต่มันไม่มีค่าในทางเช่าซื้อแล้ว เพราะผลิตมามาก มันเลยเสื่อมความนิยม

                    ที่ผ่านมามีทั้งคนรวย และคนจน  ใครผลิตรุ่นแรก ๆ รวย

                    แต่ไม่รู้จักพอ ขอผลิตรุ่นสอง สาม ต่อ เลยเจ้งเรียบ

                    ขนาดหมอดูแม่น ๆ ดูดวง ดูฤกษ์ อย่างดี ผลิตออกมาเจ้งไม่เป็นท่า

                    นี่ละกฏธรรมชาติ ไม่มีอะไรจะจีรังยั่งยืน เมื่อขึ้นสูงสุด ก็ตกลงมาต่ำสุดได้ เช่นกัน

                    วันนี้รถติดอยู่บนทางด่วนหนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ

                    ราตรีสวัสดิ์ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9980 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2556, 21:32:06 »


แด่เธอ...ผู้รู้สึกตัว



            ดีในเบื้องต้น
            เลิศในท่ามกลาง
            และอัศจรรย์ในที่สุด :
            อารมณ์ของการปฏิบัติ
            การเจริญสติ
            ด้วยวิธีเคลื่อนไหว


 
ภาค ๑ : อารมณ์สมมติ
            ต้องรู้ รูป-นาม (ร่างกาย-จิตใจ) ต้องรู้ รูปทำ-นามทำ ต้องรู้ รูปโรค-นามโรค รูปโรค-นามโรคมีสองชนิด โรคในทางร่างกาย เช่น ปวดหัว ปวดท้อง หรือมีบาดแผล เราต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล โรคทางจิตใจ คือ โทสะ โมหะ โลภะ (ความโกรธ, ความหลง, ความโลภ) ในการแก้ไข เราต้องใช้วิธีของการเจริญสตินี้
            ต่อไปต้องรู้ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา (ทนไม่ได้, ไม่เที่ยง, บังคับควบคุมไม่ได้)
            แล้วต้องรู้ สมมติ (สิ่งที่ยอมรับตกลงกัน) ไม่ว่าสมมติ อะไรในโลกรู้ให้ถึงที่สุด
 
            แล้วต้องรู้ ศาสนา (“คำสอน”) ต้องรู้ พุทธศาสนา (“คำสอนของพระพุทธเจ้า”) ศาสนาคือคนทุกคนไม่ยกเว้น ศาสนาหมายถึงคำสั่งสอนของท่านผู้รู้ รู้พุทธศาสนา พุทธะหมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม ซึ่งได้แก่ สติ สมาธิ ปัญญา (การรู้ตัว, การตั้งใจ, การรู้) ดังนั้นเราจึงเจริญปัญญา
 
            แล้วต้องรู้ บาป (“ความชั่ว, ความมัวหมอง”) ต้องรู้ บุญ (“ความดี, คุณงามความดี”) บาปคือความมืด ความโง่ การไม่รู้ว่าสิ่งใดเป็นอย่างไร บุญคือความฉลาด การรู้ การรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ใครก็ตามที่ไม่รู้เรียกว่าเป็นผู้ยังไม่มีบุญ
 
            จบภาคที่ ๑ จะเกิดอุปสรรคขึ้นที่จุดนี้ เพราะว่าเรายึดติดในความรู้ของวิปัสสนู วิปัสสนู (เครื่องเศร้าหมองของความรู้ภายใน) คือเมื่อเรารู้ออกนอกตัวของเราไม่สิ้นสุด เราจะต้องถอนตัวออกมา เราจะต้องไม่เข้าไปในความคิด
 
 
ภาค ๒ : อารมณ์ปรมัตถ์
 
            ใช้สติดูความคิด เมื่อความคิดเกิด รู้มัน เห็นมัน เข้าใจมัน สัมผัสมัน ทันทีที่ความคิดเกิดตัดมันทิ้งไปทันที ทำเหมือนแมวตะครุบหนู หรือเหมือนนักมวยที่ขึ้นเวทีต้องชกทันที เขาไม่จำเป็นต้องไหว้ครู ไม่ว่าแพ้หรือชนะ นักมวยต้องชก เราไม่ต้องคอยใคร หรือเหมือนกับการขุดบ่อน้ำ เมื่อเราค้นพบน้ำ เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องตักโคลน ตักเลนออก ตักน้ำออกจนหมด น้ำเก่าเอาออกให้หมด บัดนี้น้ำใหม่จากภายในจะไหลออกมา เราจะต้องกวนที่ปากบ่อ ล้างปากบ่อ ล้างโคลน ล้างเลนออกให้หมด ทำมันบ่อยๆ น้ำจะใสสะอาดโดยตัวของมันเอง เมื่อน้ำใสสะอาดมีอะไรตกลงไปในบ่อ เราจะรู้เห็นและเข้าใจทันที การตัดความคิดก็เช่นเดียวกัน ยิ่งเราตัดเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น
 
            แล้วให้เราเห็น  วัตถุ (สิ่งที่มีอยู่) เห็น ปรมัตถ์ (สิ่งที่กำลังมีอยู่ เป็นอยู่ สัมผัสอยู่) เห็น  อาการ (การเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่กำลังมีอยู่) วัตถุ หมายถึงของที่มีอยู่ในโลกทุกสิ่งทุกอย่างในตัวคนและจิตใจของคนและสัตว์ ปรมัตถ์ หมายถึงของที่มีอยู่จริง เรากำลังเห็นกำลังมีกำลังเป็นเดี๋ยวนี้ต่อหน้าต่อตาของเรา สัมผัสได้ด้วยจิตใจ อาการ หมายถึงการเปลี่ยนแปลง สมมติเรามีสีย้อมผ้าอยู่เต็มกระป๋อง เดิมคุณภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าเรานำมาย้อมผ้ามันจะติดเนื้อผ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อเรารู้ เราเห็น เราสามารถสัมผัสได้ด้วยจิตใจ  สียังเต็มกระป๋องเหมือนเดิม แต่คุณภาพได้เสื่อมไปแล้ว นำมันไปย้อมผ้า มันจะไม่ติดเนื้อผ้า สิ่งนี้เราต้องเห็นจริงๆ ต้องรู้จริงๆ
 
            แล้วเห็น โทสะ โมหะ โลภะ
 
            แล้วให้เราเห็น  เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ (การรู้สึก-การจำได้-การปรุงแต่ง-การรับรู้) เห็นมัน รู้มัน และสัมผัสมัน เข้าใจสิ่งนี้จริงๆ เราไม่ต้องสงสัย
 
            บัดนี้ จะเกิด  ปีติ (ความยินดี) ขึ้นเล็กน้อย แต่ปีติเป็นอุปสรรคของการปฏิบัติธรรมในชั้นสูง เราไม่ต้องสนใจกับปีตินั้น เราต้องมาดูความคิด นี้คือจุดเริ่มต้นของอารมณ์ปรมัตถ์ของการเจริญสติแบบนี้ของผู้มีปัญญา
 
            ดูความคิดต่อไป จะเกิดความรู้หรือ ญาณ หรือ ญาณปัญญา (ความรู้ของการรู้) ขึ้น
 
            เห็น รู้ เข้าใจ กิเลส  (ยางเหนียว) ตัณหา (ติด, หนัก) อุปาทาน (ไปยึดไปถือ) และกรรม (การกระทำหรือการเสวยผล) ดังนั้น ความยึดมั่นถือมั่นจะจืดลง จะหลุดตัวออก จะจางหายไปเหมือนดังสีที่คุณภาพเสื่อมไปแล้ว ไม่สามารถจะย้อมติดผ้าได้อีก
 
            จะเกิดปีติขึ้นอีก เราต้องไม่สนใจในปีตินั้น ถอนความพอใจและความไม่พอใจออกเสีย
 
            ดูความคิดต่อไป ดูจิตใจที่กำลังนึกคิดอยู่ จะเกิดญาณชนิดหนึ่งขึ้น เห็น รู้ และเข้าใจ ศีล ศีลขันธ์ สมาธิขันธ์ ปัญญาขันธ์ หรืออธิศีลสิกขา (“ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกหัดอบรมในทางความประพฤติอย่างสูง”) อธิจิตตสิกขา (“ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกหัดอบรมในทางจิตเพื่อให้เกิดสมาธิอย่างสูง”) อธิปัญญาสิกขา (“ข้อปฏิบัติสำหรับฝึกหัดอบรมในทางจิต เพื่อให้เกิดความรู้แจ้งอย่างสูงในทางหลุดพ้นหรือถอนราก”) ขันธ์  หมายถึง รองรับหรือต่อสู้ สิกขา หมายถึง บดให้ละเอียดหรือถลุงให้หมดไป
 
            ดังนั้น ศีล (ความเป็นปกติ) เป็นเครื่องกำจัดกิเลสอย่างหยาบ กิเลสอย่างหยาบ คือ โทสะ โมหะ โลภะ ตัณหา อุปาทาน กรรม เมื่อสิ่งเหล่านี้จืดลง จางลง และคลายลง ศีลจึงปรากฏ
 
            สมาธิ เป็นเครื่องกำจัดกิเลสอย่างกลาง กิเลสอย่างกลาง คือ ความสงบ
 
            เห็น รู้ และเข้าใจ กามาสวะ (อาสวะ คือ “ความใคร่ ความอยาก”) ภวาสวะ (อาสวะ คือ “ความเป็น”) และ อวิชชาสวะ (อาสวะ คือ “การไม่รู้”) เพราะกิเลสนี้เป็นกิเลสอย่างกลางซึ่งทำให้จิตใจสงบ
 
            นี้คืออารมณ์หนึ่งของการเจริญสติวิธีนี้ เมื่อเรารู้และเห็นอย่างนี้ เราจะรู้ ทาน (การให้) การรักษาศีลและกระทำกรรมฐาน (“การภาวนา”) ทุกแง่ทุกมุม
 
            แล้ว ญาณปัญญา จะเกิดขึ้นในจิตใจ
 
            สำหรับการทำชั่วทางกาย รู้ว่าเป็นบาปกรรมอย่างไร และถ้านรกมีจริง เราจะนรกขุมไหน
 
            สำหรับการทำชั่วทางวาจา รู้ว่าเป็นบาปกรรมอย่างไร และถ้านรกมีจริง เราจะนรกขุมไหน
 
            สำหรับการทำชั่วทางใจ รู้ว่าเป็นบาปกรรมอย่างไร และถ้านรกมีจริง เราจะตกนรกขุมไหน
 
            สำหรับการทำชั่วทางกาย วาจา และใจพร้อมกัน รู้ว่าเป็นบาปกรรมอย่างไร และถ้านรกมีจริง เราจะตกนรกขุมไหน
 
            สำหรับการทำดีทางกาย รู้ว่าเป็นบุญอย่างไร และถ้าสวรรค์หรือนิพพานมีจริง เราจะไปชั้นไหน
 
            สำหรับการทำดีทางวาจา รู้ว่าเป็นบุญอย่างไร และถ้าสวรรค์หรือนิพพานมีจริง เราจะไปชั้นไหน
 
            สำหรับการทำดีทางใจ รู้ว่าเป็นบุญอย่างไร และถ้าสวรรค์หรือนิพพานมีจริง เราจะไปชั้นไหน
 
            สำหรับการทำดีทางกาย วาจา และใจพร้อมกัน รู้ว่าเป็นบุญอย่างไร และถ้าสวรรค์หรือนิพพานมีจริง เราจะไปชั้นไหน
 
            จบอารมณ์ของการเจริญสติวิธีนี้ มันจะเป็นอย่างมหัศจรรย์และยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งมีอยู่ในจิตใจของทุกคนไม่ยกเว้น ถ้าเรายังคงไม่รู้เดี๋ยวนี้ เมื่อใกล้จะหมดลมหายใจ เราต้องรู้อย่างแน่นอนที่สุด ผู้ที่เจริญสติ เจริญปัญญา มีญาณจะรู้ ส่วนผู้ที่ไม่เคยเจริญสติ เจริญปัญญา เมื่อใกล้จะหมดลมหายใจมันจะเป็นอย่างเดียวกัน แต่เขาไม่รู้เพราะว่าเขาไม่มีญาณรู้อย่างแจ่มแจ้ง และเห็นอย่างแท้จริง มิใช่เป็นเพียงการจำหรือการรู้จัก รู้ด้วยญาณปัญญาของการเจริญสติที่แท้ สามารถรับรองตัวเองได้ กล่าวกันว่าเมื่อถึงที่สุดแล้ว ญาณย่อมเกิดขึ้น ให้ระมัดระวังความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้น ให้รู้สึกตัวของเธอเอง อย่าได้ยึดติดในความสุขหรือสิ่งใดๆ ที่เกิดขึ้น ความสุขก็ไม่เอา ความทุกข์ก็ไม่เอา เพียงกลับมาทบทวนอารมณ์บ่อยๆ จากรูป-นาม จนจบทีละขั้นๆ และรู้ว่าอารมณ์มีขั้นมีตอน
 
            แน่นอนทีเดียว ถ้าเธอเจริญสติอย่างถูกต้อง การปฏิบัติอย่างนานที่สุดไม่เกิน ๓ ปี อย่างกลาง ๑ ปี และอย่างเร็วที่สุด ๑ วัน ถึง ๙๐ วัน เราไม่จำต้องพูดถึงผลของการปฏิบัตินี้ ความทุกข์ไม่มีจริงๆ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9981 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2556, 13:12:43 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                   พี่สิงห์ อยู่สนามบินดอนเมือง

                   เมื่อกลางวันที่ผ่านมา พี่สิงห์ ไปซื้อกับข้าว ได้พบกับพี่ติ๋ม (พี่ธิดา) นั่งรับประทานอาหารกลางวนัทที่ตลาดลุงเพิ่ม พี่ติ๋ม  มาซื้อตั๋วเครื่องบินของการบินไทย จะไปอังกฤษ ไปเยี่ยมลูกสาว  พี่ติ๋ม ยังแข็งแรง และสบายดี

                   วันนี้ขณะนั่ง Taxi ไปสนามบินดอนเมือง  ได้ถูกพนักงานขับรถ Taxi ทดสอบภูิมความรู้ทางธรรม และต้องตอบคำถามให้กระจ่าง ก็ได้ตอบไปตามจริง  จนคนขับรถ Taxi ธรรมะมันง่ายดี  เข้าใจแล้ว ไม่หลงเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การเข้าฌาณเห็นนรก สวรรค์ ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เวทมนต์อีกแล้ว  รวมทั้งไม่เชื่อเรื่องการสะสมบุญแบบฝากธนาคารอีกแล้ว

                   วันนี้สนามบินดอนเมืองคึกคัก ผู้โดยสารมาก  อากาศร้อนเพราะท้องฟ้าไร้เมฆ แสงแดดจัด

                    อย่าลืม มีสติ-สัมปชัญญะ  รู้สึกตัวในกาย และตามจิตให้ทัน ทุกขณะครับ

                    สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9982 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2556, 16:18:53 »

วันนี้ฝนลดลง พายุโซนร้อน "กองเรย์" พัดผ่านประเทศฟิลิปปินส์และไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย

พยากรณ์อากาศ ประจำวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 10:00 น.  มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนตกใกล้เคียงกับ 1-2 วันที่ผ่านมา ส่วนบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกหนักได้บางแห่ง
สำหรับ ในช่วงวันที่ 30 สิงหาคม - 1 กันยายน 2556 ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อนึ่ง เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (29 ส.ค. 56) พายุโซนร้อน “กองเรย” (KONG-REY) มีศูนย์กลางอยู่ทางตอนเหนือของเกาะไต้หวัน และคาดว่าจะเคลื่อนตัวไปทางประเทศญี่ปุ่นต่อไป ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วย สำหรับพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย 

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน
เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ตาก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย
บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์
อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดตรัง และสตูล

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆเป็นส่วนมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 40 ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 
 [/b]
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9983 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2556, 20:02:27 »

สวัสดีครับ คุณเหยง  ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                   วันนี้ขณะเดินทางโดย Nok Air ไปนครศรีธรรมราช  ต้องนั่งภาวนาส่งแรงใจไปให้นักบิน เพราะว่า ฝนตกหนักที่สนามบิน  ลมแรง เครื่องไม่สามารถลงได้  ต้องบินวนทางเหนือของนครศรีธรรมราชแถบเกาะสมุย ยี่สิบนาที เพื่อรอให้ฝนเกือบหยุดตก จึงลง และสังเกตุ  นักบินระวังมากพอล้อแตะรันเวย์เบรคทันที เพราะเครื่องไม่นิ่ง ลมแรง  แต่ก็สามารถลงได้ด้วยความปลอดภัย

                   ตั้งแต่ Nok Air วิ่งออกนอกรันเวย์ที่ตรัง ที่ผ่านมา ทาง Nok Air จะยอมบินวน จนกว่าจะแน่ใจได้ว่า ลมไม่แรง ฝนหยุดตก  จึงจะลง ก็เป็นโชคดีของผู้โดยสารครับ จะได้ลดอัตราเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางการบิน

                   จริง ๆ วันนี้ ผมได้นั่งภาวนาตลอดเวลาในการเดินทาง ทำให้ได้พักใจเต็ม ๆ สดชื่น เพราะได้เข้าฌาณ

                   แต่ที่โรงแรมทวินโลตัส  ฝนไม่ตก  ทำให้สามารถเดินจงกรมออกกำลังกาย ฝึกชิกง-โยคะ ได้

                   ตอนนี้กำลังเจรจา กับคุณน้องเปี๊ยก อยู่เรื่องการเดินทางไปกระบี่  ว่าจะไปหรือไม่ไป  ถ้าไปจะไปวันจันทร์ กลังวันอังคาร เพราะวันอาทิตย์ ต้องไปเผาศพครูสะอาด   บุญมาก  ที่สิงห์บุรี  

                   โดยตั้งใจจะไปให้ทันทำบุญเพล  จะได้ฟังพระสวดมาติกา และช่วยยกศพคุณครูสะอาด บุญมาก ไปเวียนรอบเมรุได้ทัน

                   ค่ำนี้ลาไปก่อนครับ

                   ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9984 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2556, 05:48:54 »

สวัสดียามเช้ามืดครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                  ยามเช้าอย่างนี้อย่าลืม สวดมนต์ทำวัตรเช้า นั่งภาวนาและเดินจงกรมออกกำลังกาย

                  สุขอื่นยิ่งกว่า การไม่ปรุงแต่ง มีสติ-สัมปชัญญะ สมบูรณ์ ไม่มีอีกแล้วในโลกนี้

                  ความสุขที่เกิดจาก รูป  เสียง  กลิ่น  รส  สัมผัสทางกาย และใจนึกคิดตามปราถนา นั้น เป็นความสุขชั่วครู่ ชั่วยาม เมื่อรู้สึกตัว ความสุขนั้นก็มะลายหายไปสิ้นแล้ว  สู้ความสุขที่เกิดจากการไม่คิดไม่ได้ มันสบาย  โปร่ง  โล่ง  เบา  แจ่มใสเหมือนมีแสงสว่างเกิดขึ้นในจิต เย็น เจิดจ้า และสงบ อย่าบอกใครเชียว

                  เมื่อออกกำลังกายแล้ว อย่าลืม ถ่ายอุจจาระ ก่อนเจ็ดโมงเช้า  และอาบน้ำแต่งตัว

                  รับประทานอาหารเช้า  กินอย่างราชา ในสิ่งที่ต้องกิน เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

                  เช้านี้ท่านทำหรือยัง !

                  พี่สิงห์ ทำตามนั้นแล้วเกือบครบ แต่กระทำครบแน่นอนก่อนแปดโมงเช้า

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9985 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2556, 08:10:44 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                    วันนี้ พี่สิงห์ ได้นั่งภาวนาหลังจากตื่นนอนในช่วงอมฤติกาล ได้สวดมนต์ทำวัตรเช้า ได้ถ่าย ได้เดินจงกรมออกกำลังกาย ได้ฝึกชิกง-โยคะ รับประทานอาหารเช้า และเดินจงกรมบนห้องพักอย่างน้อย ๒๐ นาที เพื่อให้อาหารลงกระเพาะ เรียบร้อยแล้วครับ

                    ท่านล่ะ ! ท่านล่ะ ได้กระทำแล้วหรือยัง

                    อย่าลืม ชีวิตของเรานั้น เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ ต้องรักษาชีวิตนี้ ให้อยู่ได้นานที่สุด ไม่มีโรคได้ยิ่งดี และหาสุขที่แท้จริงให้กับตนเอง ด้วยการรักษารูป (ประกอบไปด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ มาประชุมรวมกันด้วยเหตุ-ปัจจัย)ให้ดำรงอยู่ ไม่เจ็บป่วย ต้องดูแลรูป(ร่างกาย)ในเรื่องกินอาหารให้เป็นยา เพื่อรักษาร่างกายนี้เอาไว้ ให้คงสภาพใช้งานได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ต้องออกกำลังกายครั้งละไม่ต่ำกว่า ๔๕ นาทีต่อเนื่อง และกระทำอย่างน้อย ๓-๔ วันต่อสัปดาห์ นอนหัวค่ำ ไม่เกินสี่ทุ่ม ตื่นเช้ามาออกกำลังกาย และที่สำคัญต้องกินอาหารเช้า-กลางวัน ตรงเวลา ส่วนอาหารเย็นนั้น จะกินหรือไม่กินก็ได้เพราะอาหารเย็นเป็นโทษต่อร่างกาย และอย่าลืมเจริญสติให้มาก ๆ

                     ตั้งใจลืม

                     ท่านต้องถ่ายอุจจาระทุกวัน เพราะเมื่อกินเข้าไปทุกวัน  มันย่อมมีของเสีย เหลือทุกวันเหมือนกัน  ถ้าท่านไม่เอาออก อย่าลืม มีโรคหลายโรคตามมา เช่นท้องผูก  ริดสีดวงทวาร มีกลิ่นตัว และสุดท้ายอย่าลืม ปัจจุบันคนเรานั้นเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่กันมาก เพราะกินอาหารโปรตีนมาก และไม่ถ่ายอุจจาระ

                      ท่านสังเกตุร่างกายท่านบ้างไหม?

                      เช้ามืดช่วงตีห้า - หกโมงเช้า  ถ้าท่านตื่นขึ้นมาและดื่มน้ำเปล่าสักหนึ่งแก้วเต็ม ๆ อีกสักครู่ท่านจะรู้สึกว่าลำไส้ใหญ่มีการเคลื่อนตัวบีบตัว ท่านจะรู้สึกได้ อย่าพลาดโอกาสอันดีงานนั้น  รีบฉวยทันที ตั้งใจไปนั่งถ่ายอุจจาระเสีย  มันจะออกของมันเป็นธรรมชาติ  สบายเช้านั้น พยายามกระทำให้เป็นนิสัยให้ได้

                      นอกจากนี้ ภายหลังรับประทานอาหารเช้า กลางวัน  เย็น ผ่านไปประมาณ ๑๕ นาที ลำไส้ใหญ่ของท่านจะบีบตัว ท่านสามารถรู้สึกได้ ท่านต้องรีบฉวยโอกาสทันที ไปถ่ายอุจจาระเสีย  

                       เมื่อโอกาสมาถึง  ท่านไม่กระทำ  ท่านจะเสียโอกาสไปแล้ว  ระวัง โรคท้องผูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่จะมาเร็ว

                       นอกจากนี้ ถ้าท่านอยากถ่ายคล้อง ๆ อย่ากิน หรือกินให้น้อยจำพวกเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อ หมู และไก่

                       จะให้ถ่ายคล้องต้องรับประทานข้าวกล้อง ผัก  ผลไม้แยะ ๆ เพราะจะมีกาก หรือเส้นใยมาก

                        เช้านี้ขอฝากสิ่งดี ๆ เอาไว้ให้ท่านได้พิจารณา ลองกระทำดู  พี่สิงห์ ได้กระทำแล้วตามนั้น เห็นผลมาแล้ว จนกระทำให้เป็นนิสัยแก่ตนเอง สม่ำเสมอ ครับ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9986 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2556, 09:25:56 »

ภาคเหนือ ภาคอิสานและภาคตะวันออกมีฝนไปถึงสิ้นสัปดาห์นี้

พยากรณ์อากาศ ประจำวันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้
บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในระยะ 1-2 วันนี้
อนึ่ง พายุโซนร้อน “กองเรย” (KONG-REY) บริเวณทางตอนเหนือของเกาะไต้หวัน กำลังเคลื่อนตัวไปประเทศญี่ปุ่นในระยะต่อไป ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วย สำหรับพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน และอุตรดิตถ์

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี
พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี และกาญจนบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี

ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆเป็นส่วนมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 60 ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9987 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2556, 11:16:02 »




สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อย ที่รัก

               พี่สิงห์  ขอเปลี่ยนโปรแกรมไปกระบี่ คือไปวันจันทร์ที่ ๒ และกลับ วันอังคารที่ ๓ กันยายน แทน

               เพราะวันอาทิตย์ ต้องไปเผาศพคุณครูสะอาด   บุญมาก 

               โดยไปทำบุญให้คุณครูตั้งแต่ตอนเพล  ฟังพระสวดมาติกา  ยกศพคุณครู วนรอบเมรุ และวางบนเมรุ  มันเป็นหน้าที่ ที่พี่สิงห์  ต้องกระทำให้กับคุณครูสะอาด  บุญมาก  เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว  ถ้ายังเคารพคุณครูสะอาด  บุญมาก  อยู่ และไม่เป็นศิษย์เนรคุณ

                ที่กระบี่ พี่สิงห์  อยากจะไปกราบหลวงพ่อสมบูรณ์  ที่สำนักสงฆ์ถ้ำเขาพระ ต.อ่าวลึกใต้ อ.อ่าวลึก ครับ

                พี่สิงห์กินข้าว ก่อนเที่ยง ตอนเย็นไปดูพวกเธอกินข้าวได้ ขอเพียงน้ำส้ม เท่านั้น

                ขอบคุณมากค่ะ ในความเอื้ออารีย์ ครั้งนี้

                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9988 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2556, 11:58:47 »











      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9989 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2556, 12:20:27 »



สวัสดีครับ คุณเหยง ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                  ในเขื่อนต่าง ๆ ยังไม่มีน้ำเลยครับ

                  เขื่อนภูมิพล  แย่หนัก มีน้ำอยู่ในอ่างเหนือเขื่อนเพียง 7 %

                  ทุกท่านคิดเอาเองก็แล้วกัน  ผมไม่อยากนินทารัฐบาลท่าน

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #9990 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2556, 12:51:20 »

             สวัสดีค่ะพี่สิงห์     เขื่อนน้ำแห้งจะแล้งชาวไร่ชาวนาไม่มีน้ำใช้พืชผักจะแพง รัฐบาลยังจะเต้นเรื่องอื่นก่อนหรือนี่
                                    ขอบคุณพี่สิงห์ที่ทำให้รู้จักพระอาจารย์แนวปฎิบัติ ต้องขอบคุณน้องเปี๊ยกที่ทำให้การเดินทางลง
                                    ตัว ยินดีที่พี่สิงห์จะมาพักที่อ่าวนางมิติเป็นซีมะโด่งคนแรกเชียวค่ะ  เปี๊ยกมาหลายครั้งแต่ยังไม่มานอนซักทีอาทิตย์นี้แหละจะมา
      บันทึกการเข้า

Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #9991 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2556, 12:54:57 »

                   พี่สิงห์ค่ะ เมื่อสักครู่ได้เรียนสายกับพระอาจารย์สมบรูณ์ว่าวันที่2 ก.ย ท่านอยู่ที่สำนักสงฆ์หรือไม่
                               จะไปกราบท่าน ท่านบอกว่าอยู่ มีช่วง10ก,ย จะไม่อยู่ค่ะ
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9992 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2556, 13:24:47 »

อ้างถึง
ข้อความของ Dtoy16 เมื่อ 30 สิงหาคม 2556, 12:54:57
                   พี่สิงห์ค่ะ เมื่อสักครู่ได้เรียนสายกับพระอาจารย์สมบรูณ์ว่าวันที่2 ก.ย ท่านอยู่ที่สำนักสงฆ์หรือไม่
                               จะไปกราบท่าน ท่านบอกว่าอยู่ มีช่วง10ก,ย จะไม่อยู่ค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อย ที่รัก

            ต้องขอขอบคุณมาก ในความกรุณาครั้งนี้

            พี่สิงห์ กำลังจะโทรศัพท์ ไปหาท่านพอดี จะได้รู้ว่าท่านอยู่สำนักสงฆ์ หรือไม่

            เป็นอันว่าพี่สิงห์ ไม่ต้องโทรศัพท์ ไปหาท่านแล้ว

            สงสัยพวกเรามีวาสนา ที่จะได้ไปกราบนมัสการท่าน จึงทำให้ทุกอย่างลงตัว  ตามที่ประสงค์

            เท่าที่อ่านดูคำสอนของท่าน มันก็ตรงกับที่พี่สิงห์  รู้สึกได้  แต่พี่สิงห์  ยังไปไม่ถึงท่านดอก ยังห่างไกล

            ขอบคุณมาก

            สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9993 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2556, 14:51:16 »

แด่เธอ...ผู้รู้สึกตัว





            แต่นั่นมิใช่ได้มา
            เพียงด้วยการคาดหวัง
            และนี้คือ ทุกข์
            ด้วยเหมือนกัน


            มีการปฏิบัติกรรมฐานต่างๆ อยู่หลายวิธี ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติวิธีต่างๆ มาเป็นอันมาก แต่วิธีเหล่านั้นไม่นำไปสู่ปัญญา บัดนี้วิธีที่เรากำลังปฏิบัติอยู่นี้คือวิธีที่นำไปสู่ปัญญาโดยตรง ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ถ้าเขารู้วิธีการอย่างถูกต้อง เมื่อปัญญาเกิดขึ้นเขาจะรู้ เห็น และเข้าใจด้วยตัวของเขาเอง ดังนั้น วิธีของการพลิกมือขึ้นและลงนี้ คือวิธีสร้างสติ เจริญปัญญา เมื่อมีการปฏิบัติอย่างทั่วถึงโดยตลอดแล้ว มันก็จะสมบูรณ์และเป็นไปเอง
 
            ทุกคนสามารถปฏิบัติได้โดยไม่ยกเว้น ไม่ว่าเขาจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ไม่ว่าเขาจะทำงานอะไร ไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาไหน เขาสามารถปฏิบัติได้ ทุกคนมีร่างกายและจิตใจ ร่างกายคือวัตถุที่เราสามารถเห็นได้ด้วยตา เราอาจเรียกมันว่า รูป แต่จิตใจเราไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา เราไม่สามารถสัมผัสด้วยมือ เราอาจเรียกมันว่า นาม ทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกัน
 
            เมื่อเราสร้างสติ เจริญสติ ปัญญาจะเกิดขึ้นและรู้ด้วยตัวของมันเอง เพียงแต่ให้สิ่งที่มีอยู่แล้วได้เติบโตงอกงามขึ้น สิ่งที่ไม่เป็นจริง เราไม่ต้องทำมันขึ้นมา เมื่อเรารู้รูป-นาม เรารู้ทุกสิ่งและเราสามารถแก้ทุกข์ได้จริงๆ ยกตัวอย่างเช่น เราจะไม่ยึดติดในสมมติ เมื่อรู้สิ่งนั้นแล้ว เราปฏิบัติความรู้สึกตัวให้มากขึ้น เคลื่อนไหวมือดังที่ข้าพเจ้าแนะนำเธอ บัดนี้ทำให้เร็วขึ้น ความคิดเป็นสิ่งที่เร็วที่สุด มันเร็วยิ่งกว่ากระแสไฟฟ้า
 
            เมื่อสติปัญญาเพิ่มขึ้น มันจะรู้ เห็น และเข้าใจโทสะ โมหะ โลภะ เมื่อเรารู้มัน ทุกข์ในจิตใจจะลดลง คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดและคิดว่า โทสะ โลภะ และโมหะ เป็นสิ่งปกติ แต่ผู้รู้กล่าวว่า โทสะ โมหะ โลภะ เป็นทุกข์ เป็นของน่าเกลียดสกปรก ดังนั้นเขาจะไม่ให้สิ่งนั้นมาเข้าใกล้ นี้เรียกว่าการรู้ชีวิตจิตใจของตนเองซึ่งมีความสะอาด สว่าง และสงบ เมื่อเรารู้จุดนี้ มันจะเกิดศักยภาพอันยิ่งใหญ่เหมือนดังลำธารสายเล็กๆ ไหลลงกลายเป็นแม่น้ำใหญ่
 
            ดังนั้น วิธีของการปฏิบัติคือ มีความรู้สึกตัวมากขึ้นๆ รู้อิริยาบถของร่างกาย และการเคลื่อนไหวเล็กๆ เช่น กะพริบตา เหลียวซ้ายแลขวา หายใจเข้าและหายใจออก การเคลื่อนไหวทั้งหมดเหล่านี้สามารถเห็นได้ด้วยตา แต่เราไม่อาจเห็นความคิดด้วยตาได้ เราเพียงสามารถรู้และเห็นด้วยสมาธิ สติ ปัญญา สมาธิที่ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงอยู่นี้ มิใช่การนั่งหลับตา สมาธิหมายถึงการตั้งจิตใจเพื่อให้รู้สึกถึงตัวของเราเอง เมื่อเรามีความรู้สึกตัวอย่างต่อเนื่อง นี้เรียกว่าสมาธิ หรืออาจเรียกว่าสติ เมื่อจิตใจคิดเราจะรู้ความคิดทันที และความคิดจะสั้นเข้าๆ เหมือนดังบวกกับลบ ถ้าหากจะพูดก็มีเรื่องจะต้องพูดอีกมาก แต่ข้าพเจ้าประสงค์ให้พวกเธอทั้งหมดปฏิบัติการเคลื่อนไหว ปฏิบัติด้วยตัวของเธอเองโดยวิธีของการเคลื่อนไหว ผลจะเกิดขึ้นด้วยตัวของมันเอง.
 
            การแสวงหาพระพุทธเจ้าก็ตาม
            แสวงหาพระอรหันต์ก็ตาม
            แสวงหามรรคผลนิพพานก็ตาม
            อย่าไปแสวงหาที่ๆ มันไม่มี
            แสวงหาตัวเรานี้
            ให้เราทำความรู้สึกตื่นตัวอยู่เสมอ
            นี่แหละ จะรู้จะเห็น
 
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9994 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2556, 20:22:05 »


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                     วันนี้วันศุกร์ พี่สิงห์ มีสอนโยคะ ที่ฟิตเนสชั้น ๓ โรงแรมทวินโลตัส

                     มีสาว ๆ มาเรียน ๓ ท่านด้วยกัน แต่ละท่านก็มีปัญหาเจ็บปวดร่างกาย ทั้งนั้น

                     ผมเลยสอนทั้งโยคะ แบบของคุณหมออุดมและแบบอินเดียของ ดร.ซานโตส อนัน และแถมด้วยชิกง

                     และได้แนะนำการดูแลร่างกายไม่ให้เจ็บป่วย ให้ด้วย

                     ศุกร์หน้า คงมีคนมาเรียนมากขึ้น เพราะสอบถามกันมามาก

                     ปกติวันศุกร์  จะมีคนมาฟิตเนสเซ็นเตอร์ น้อยอยู่แล้ว

                     คนเรียนน้อยก้ดีไปอย่าง  จะได้สอนแบบใกล้ชิด แสดงท่าได้ถูกต้องดี

                     วันนี้มีเมฆมา แต่ฝนไม่ตกในตัวเมืองครับ ที่นครศรีธรรมราช

                     ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9995 เมื่อ: 30 สิงหาคม 2556, 20:46:20 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 30 สิงหาคม 2556, 12:20:27


สวัสดีครับ คุณเหยง ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                  ในเขื่อนต่าง ๆ ยังไม่มีน้ำเลยครับ

                  เขื่อนภูมิพล  แย่หนัก มีน้ำอยู่ในอ่างเหนือเขื่อนเพียง 7 %

                  ทุกท่านคิดเอาเองก็แล้วกัน  ผมไม่อยากนินทารัฐบาลท่าน

                  สวัสดี


รัฐบาลนี้ไม่คิดช่วยประชาชน จับชาวนาเป็นตัวประกันเรื่องฐานเสียง
ชาวไร่ ชาวสวน ไม่ชายตาแลครับ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, ยางพารา + ปา์ล์มน้ำมัน ไม่กรีดตาดูเลย
จะสร้างเขื่อนเพราะเงินมันมาก แต่ดูแลจัดการการใช้น้ำ ไม่จัดการเรื่องตัดไม้ทำลายป่า
สารพัด ขอทำเพียงอย่างเดียวคือ ให้พี่ชายกลับมาอย่างถูกกฎหมายและได้เงินที่ถูกยึดคืน ?!!~
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9996 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2556, 05:35:09 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 30 สิงหาคม 2556, 20:46:20
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 30 สิงหาคม 2556, 12:20:27


สวัสดีครับ คุณเหยง ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                  ในเขื่อนต่าง ๆ ยังไม่มีน้ำเลยครับ

                  เขื่อนภูมิพล  แย่หนัก มีน้ำอยู่ในอ่างเหนือเขื่อนเพียง 7 %

                  ทุกท่านคิดเอาเองก็แล้วกัน  ผมไม่อยากนินทารัฐบาลท่าน

                  สวัสดี


รัฐบาลนี้ไม่คิดช่วยประชาชน จับชาวนาเป็นตัวประกันเรื่องฐานเสียง
ชาวไร่ ชาวสวน ไม่ชายตาแลครับ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, ยางพารา + ปา์ล์มน้ำมัน ไม่กรีดตาดูเลย
จะสร้างเขื่อนเพราะเงินมันมาก แต่ดูแลจัดการการใช้น้ำ ไม่จัดการเรื่องตัดไม้ทำลายป่า
สารพัด ขอทำเพียงอย่างเดียวคือ ให้พี่ชายกลับมาอย่างถูกกฎหมายและได้เงินที่ถูกยึดคืน ?!!~

สวัสดีครับ คุณเหยง

                     ทำอย่างไร? คนเราจึงจะตาสว่างอยู่กับความเป็นจริง คือ

                     ก่อประโยชน์ ไม่เบียดเบียนกันแม้กระทั่งสัตว์เดรฉาร

                     กระทำในสิ่งที่เป็นกุศลธรรม อยู่ในพรหมวิหาร ๔

                     พอใจในสิ่งที่ตนหามา หรือมี และอยู่อย่างพอเพียง

                     เงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มันไม่จิรังยั่งยืน มีขึ้น มีลง

                     อยู่ถูกต้องตามหลักการปกครอง ที่วิญญูชนม์  ยอมรับ

                     ถ้าขาดในสิ่งที่กล่าวมา  สุดท้ายมันก็บรรลัย ได้ เพราะทุกอย่างมันสามารถเกิด-ทำลายด้วยตัวของมันเองได้  อย่าลืมธรรมชาติ  ย่อมปรับสมดุลย์เสมอ  ไม่ยืนยงอยู่ได้ตลอดไป

                     สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9997 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2556, 05:51:45 »

ประตูแห่งความยึดมั่น ถือมั่น หรือเกิดทิฏฐิในตนเอง

สวัสดียามเช้ามืดครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                            เช้านี้ขอนำประตูที่เปิดรับ และทำให้เกิดความยึดมั่นถือมั่นขึนในจิต มานำเสนอต่อท่านให้พิจารณา

                            มนุษย์เรานั้นแรกจุติอยู่ในครรย์มารดา ภายหลังจากมีรูป-นาม และมีอายตนะครบ ก่อนที่จะรับรู้จากการสัมผัสได้ นั้น จิตทุกดวงเป็นจิตประภัสสร  คือเป็นจิตที่ไม่มีอะไรมาเกาะ ไม่มีเศร้าหมอง หรือวิตกกังวลทั้งสิ้น เป็นจิตว่างเปล่า

                            แต่เพราะสามารถรับรู้อารมณ์ที่มากระทบ(สัมผัส)ทางตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  และใจ  นี่ละ ทำให่ยินดี เพลินเพลิน หลง ชอบ  อยากได้อีกไม่มีที่สิ้นสุด  แต่ในขณะเดียวกันสิ่งไหนไม่ชอบ ไม่ถูกใจ ก้ไม่อยากประสบอีด เกรียด แสดงอารมณ์ปฏิเสะออกมาทันที

                            ทุกสิ่งทุกอย่าง มันค่อย ๆ สะสม เพิ่มขึ้น ๆ ตามอายุ ที่เพิ่มขึ้น จากในท้องมารดา  จนกระทั่งคลอดออกมา  และเติมโตมาจนถึงปัจจุบัน

                             ดังนั้น อารมณ์ที่มันมาเกาะติดอยู่ในจิตนี้ละคือตัวที่เราเรียกว่า "กิเลส"  นั่นเอง และเมื่อมาเกาะติดจนเป็นอุปกิเลส  เสียแล้ว จะเอาออก จิตมันก็ไม่ยอม  ก็ยื้อกันอย่างนี้ และเอาออกอยากเสียด้วย  ไม่ใช่ทำได้ง่ายเลย  แม้หลายเกิดหลายครั้งนับไม่ถ้วนก็เอาไม่ออก

                             กิเลส  เหล่านี้นั้น มันสะสมมาก ติดเป็นสันดารของแต่ละคนไป ที่เราเรียกว่า "ความยึดมั่นถือมั่น" นั่นเอง

                             ประตูนั้นก็คือ อายตนะภายใน ที่ประกอบด้วย ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย และใจ

                             สิ่งที่ทำให้เกิดความยึดมั่นถือมั่น คือ รูป  เสียง  กลิ่น  รส  ได้สัมผัสทางกาย  ได้สัมผัสทางใจ

                             ท่านลองพิจารณาดูก็แล้วกัน เราจะเอาตัวกิเลส ที่เกาะจิตออกได้อย่างไร  ยิ่งควมยึดมั่นถือมั่นด้วยแล้ว ยากยิ่ง

                              คำโบราณบอกไว้ "สันดอนขูดออกได้  แต่สันดารเอาออกไม่ได้"

                              ยิ่งความยึดมั่นถือมั่น ในรูป  เสียง  กลิ่น  รส  สัมผัสทางกาย  สัมผัสทางใจ ด้วยแล้ว มนุษย์เอาออกไม่ได้เลย มีเพียงพระอรหันต์เท่านั้น ที่ท่านสลัดทิ้งได้

                              ถึงเวลาไปเดินจงกรมออกกำลังกายยามเช้าแล้วครับ

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9998 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2556, 08:01:38 »













      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9999 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2556, 11:14:58 »

ฝนเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ทั้งประเทศ โอกาสน้ำท่วม ดินสไลด์จากเขามีสูงเพราะดินอุ้มน้ำไม่ไหว

พยากรณ์อากาศ ประจำวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2556
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้บริเวณประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือและ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในระยะ 1-2 วันนี้
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. 

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลกและเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดเลย อุดรธานี หนองคาย ชัยภูมิ ขอนแก่น สกลนคร นครพนม มุกดาหาร และนครราชสีมา

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์
ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี และกาญจนบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆเป็นส่วนมาก โอกาสมีฝนตก ร้อยละ 70
อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
 
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 398 399 [400] 401 402 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><