22 พฤศจิกายน 2567, 16:31:26
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 342 343 [344] 345 346 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3545690 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8575 เมื่อ: 17 มีนาคม 2556, 20:48:01 »

สถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธองค์









สถานที่พระพุทธองค์ทรงปรินิพพาน





      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8576 เมื่อ: 17 มีนาคม 2556, 20:55:20 »

สถานที่พระพุทธองค์ทรงประสูติ







      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8577 เมื่อ: 17 มีนาคม 2556, 21:00:44 »

วัดพระเชตวันฯ กรุงสาวัตถี



อานันทโพธิ์



สถานที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงธรรม

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8578 เมื่อ: 17 มีนาคม 2556, 21:03:58 »

บ้านท่านอณาบิณฑิกเศรษฐี





      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8579 เมื่อ: 17 มีนาคม 2556, 21:08:35 »

สถานที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงปฐมเทศนา







      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8580 เมื่อ: 17 มีนาคม 2556, 21:25:10 »


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งและแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                        ผมได้นำภาพการจาริกแสวงบุญ ๔ สังเวชนีย์ และชมถ้ำ AJANTA and ELLORA ของผมกับ ดร.กุศลมาให้ทุกท่านได้ชมครบแล้ว  ไม่มีอะไรที่ผมจะนำมาบอกกล่าวกับท่านอีกแล้ว

                        ธรรมะ ก็ได้บอกกล่าวกับท่านไปมากแล้ว ขึ้นอยู่กับท่านที่จะมีศรัทธาเกิดขึ้นหรือไม่

                        ใครอยากรู้ก็สอบถามโดยตรงเป็นการส่วนตัวก็แล้วกัน

                        การอยู่ในสังคมนั้น  อยู่อยาก เพราะคนส่วนมาก .... ตกอยู่ในโมหะ

                        เห็นแต่สิ่งที่น่าเบื่อหน่าย ไม่จบ  ไม่สิ้น  ในจิตมนุษย์ 

                        ขอยุติกระทู้นี้ ลงเพียงเท่านี้   เบื่อหน่ายตัวเองมาก พอแล้ว

                        เพราะมันจะมีแต่รายงานที่ ไม่น่าสนใจ  ไม่เป็นประโยชน์

                        เป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่แล้ว  ที่จะหาอะไรดี ๆ มาเล่าสู่กันฟัง ในสังคมซีมะโด่ง

                        ไม่ได้ขัดแย้ง  ไม่มีอะไรทั้งสิ้น  อยากอยู่อย่างสงบ แบบอาจารย์ถาวร   โชติชื่น  บ้าง

                        ภาระกิจต่าง ๆ มันจบลงแล้ว 

                        ขอถอนความพอใจ  และความไม่พอใจออกในจิตตนเอง อยู่อย่างคนธรรมดา ๆ นี่ละ
                     
                        ขอให้ทุกท่านได้พบกับ "ธรรมะ" ของพระพุทธองค์ที่แท้จริง ด้วยตัวของท่านเอง เทอญ

                        สวัสดี             
             
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8581 เมื่อ: 19 มีนาคม 2556, 08:13:31 »


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่งและแขกผู้มาเยี่ยมเยือน ที่รักทุกท่าน

                    เดิมทีตั้งใจจะปลีกวิเวกหนีเอาตัวรอกคนเดียวแบบอาจารย์ถาวร   โชติชื่น  และคิดว่าทำได้เพราะมันไม่ปรุงแต่งอะไรเลยที่จะต้องกลับมา ไม่มีอะไรหายไปจากชีวิต  มีแต่ความสงบเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่ต้องกังวลที่จะต้องไปหาอะไรมาเขียน

                    เมื่อเช้าวันนี้หลวงพ่อมาสายในการมาบิณฑบาตรที่หน้าบ้าน ขณะรอใส่บาตรจึงมีเวลาเดินจงกรมมาก มันเกิดความคิดภายในขึ้นมากหลายเรื่องในธรรมะ ทำให้เรารู้ เพราะมันจะมาเตือนเราให้เรารู้เท่าทันจิตตนเอง  มันก็น่าเสียดายอยู่ถ้าเรารู้คนเดียว

                     แต่ถ้าในทางตรงกันข้ามเราเอาสิ่งนั้นๆ มาบอกกล่าวให้ทุกท่านได้ทราบ มันมีประโยชน์ทั้งผู้อ่านและตัวของเรา คือเตือนสติเรา  ทำให้เราไม่หลงไม่ลืม  ตามหลักทางการแพทย์ เพราะเดี๋ยวนี้เราก็ไม่ได้ร้องเพลงสมองซีกนั้นมันก็ฝ่อ  ก็ต้องอาศัยธรรมะ การสวดมนต์ มาชดเชยมันให้คงสภาพของสมองเอาไว้

                    และเราใช้วิธีมีเวลา อยากเขียนก็เข้ามา  ไม่มีเวลาก็ไม่เข้า ไม่จำเป็นต้องมาทักทายทุกวันเพราะสิ่งนั้นแสดงว่าเราหลงอยู่ในจิตเรา  กระทำตวามความคิดเรา  ไม่ใช่ทางที่ถูกที่ควร

                     อาจารย์รุ่งศักดิ์  ก็เคยบอกเอาไว้  แต่เราไม่ปฏิบัติตาม  นี่ละความหลง หรือโมหะละ

                     แม้แต่จะทิ้งกระทู้นี้ไป  ก็เป็นโมหะ เพราะกระทำตามจิตตนเอง  ทั้ง ๆ ที่วิญญูชนม์ เขาก็จะไม่เห็นด้วย เช่น ดร.สุริยา เป็นต้น

                     ก็คงกระทำตามที่เขาว่ากัน  เพราะเราตั้งใจแล้วว่าจะถอนออกมาจากความคิดตนเองในทุกสิ่ง  จะกระทำอะไร  ต้องรู้ตัวและกระทำตามที่ทุกคนรู้ได้ว่าสิ่งนั้นสมควรกระทำ  นี่จึงถูกต้อง

                     ในการขายที่ดินเชียงใหม่  ผมก็ตัดสินใจตามนั้น ไม่ให้ผิดศีลข้อมุสา และกระทำตามที่ไปบอกใคร ใครก็ตอบแบบนั้น  ถึงแม้จะเป็นสิทธิของผมก็ตาม

                     เขียนไปเขียนมา  ลืมธรรมะ เมื่อเช้าหมดเลย  ไม่เป็นไรเดี๋ยวมันก็กลับมาเองเมื่อถึงเวลา

                     อย่าลืมธรรมะของพระพุทธองค์นั้น  จำเป็นต้องศึกษา เพราะมันจะเป็นตัวช่วยในการดำรงชีวิตของเราถ้าไม่มีธรรมะ เราจะหลงทางกระทำตามจิตตนเอง เมื่อต้องประสบเหตุการณ์

                    แต่ถ้ามีธรรมะอยู่ในจิตตนเอง เมื่อประสบกัยสิ่งที่ก่อทุกข์ ธรรมะนั้นมันจะเสนอตัวเองทันที คือให้เรารู้ตัว และสามารถกระทำตามธรรมะนั้น คอยระวังกาย  วาจา  ใจ  ตนเองว่าอะไรควรกระทำ หรือไม่ควรกระทำ  เราก็จะสามารถประคองจิตตนเองให้กระทำเฉพาะในทางกุศลธรรม ต่อไปได้ ด้วยความวิริยะ คืออุเบกขานั่นเอง อุปสรรคต่าง ๆ ก็หมดไป  คือหยุดการปรุงแต่ง นั้นเอง  มันมีจริง ๆ เกิดขึ้นจริง ๆ ท่านสามารถค้นพบด้วยตัวท่านเอง  ถ้ามีวิริยะ

                   แต่ถ้าท่านไม่ศึกษาให้เห็นธรรมะ ของพระพุทะองค์แล้ว  ท่านจะเป็นทาสความคิดของท่าน  กระทำตามจิตของท่าน  ผลที่ตามมาคือ อาจะจถูกต้อง หรือผิดพลาดขึ้นมาได้

                   แต่ถ้ากระทำตามธรรมะ นั้น ความผิดพลาดไม่มี  เป็นความจริง ครับ

                   วันนี้ผมต้องเดินทาง ไปเกาหลี ตามคำเชิญ ขอร้อง และบังคับ ของคุณดิเรก และพี่พงษ์ศักดิ์ บริษัท PSTC สระบุรี ครับ

                   วันนี้เป็นวันพระ เราอาจจะพลั้งเผลอผิดศีลไปบ้าง ก็อาราธนารับศีล ๘ ใหม่ก็แล้วกัน อย่างหลวงพ่อพระมหา วัดลาดพร้าว เมื่อวานท่านก็พูดแบบทีเล่นทีจริง ว่ากลับมาจากอินเดีย  ได้ปฏิบัติธรรมใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์หนึงคืน  กลับมาเมืองไทย  ถูกหวยเลย  ทุกท่านก็พิจารณาเอาเองเถิด นี่ละจิตมนุษย์ พระพุทธองค์ถึงสอนให้พิจารณาศึกษาจิตตนเอง และจิตของผู้อื่น ให้จิตตนเองได้รู้

                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8582 เมื่อ: 19 มีนาคม 2556, 08:57:38 »


                           วันนี้เป็นวันพระ ขอนำพระวินัยปิฎก มาให้ทุกท่านได้อ่าน ครับ



พระวินัยปิฎก

เล่ม ๑ มหาวิภังค์ ปฐมภาค

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น.

เรื่องเวรัญชพราหมณ์
           


                        [๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ควงไม้สะเดาที่นเฬรุยักษ์ สิงสถิต เขตเมืองเวรัญชา พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป เวรัญชพราหมณ์ได้สดับข่าวถนัดแน่ว่า ท่านผู้เจริญ พระสมณะโคดมศากยบุตร ทรงผนวชจากศากยตระกูล ประทับอยู่ ณ บริเวณต้นไม้สะเดาที่นเฬรุยักษ์สิงสถิต เขตเมืองเวรัญชา พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป ก็แลพระกิตติศัพท์อันงามของท่านพระโคดมพระองค์นั้น ขจรไปแล้วอย่างนี้ว่า พระผู้มีพระภาคองค์นั้น ทรงเป็นพระอรหันต์แม้เพราะเหตุนี้ ทรงตรัสรู้เองโดยชอบ แม้เพราะเหตุนี้ ทรงบรรลุวิชชาและจรณะแม้เพราะเหตุนี้ เสด็จไปดีแม้เพราะเหตุนี้ ทรงทราบโลกแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่าแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นศาสดาของเทพและมนุษย์ทั้งหลายแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นพุทธะแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นพระผู้มีพระภาคแม้เพราะเหตุนี้ พระองค์ทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง แล้วทรงสอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทพและมนุษย์ ให้รู้ ทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบบริบูรณ์บริสุทธิ์ อนึ่ง การเห็นพระอรหันต์ทั้งหลายเห็นปานนั้น เป็นความดี.

เวรัญชพราหมณ์กล่าวตู่พระพุทธเจ้า

                         [๒] หลังจากนั้น เวรัญชพราหมณ์ได้ไปในพุทธสำนัก ครั้นถึงแล้วได้ทูลปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการทูลปราศรัยพอให้เป็นที่บันเทิงเป็นที่ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง เวรัญชพราหมณ์นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า ท่านพระโคดม ข้าพเจ้าได้ทราบมาว่า พระสมณะโคดม ไม่ไหว้ ไม่ลุกรับพวกพราหมณ์ผู้แก่ ผู้เฒ่า ผู้ใหญ่ ผู้ล่วงกาล ผ่านวัยมาโดยลำดับ หรือไม่เชื้อเชิญด้วยอาสนะ ข้อที่ข้าพเจ้าทราบมานี้ นั้นเป็นเช่นนั้นจริง อันการที่ท่านพระโคดมไม่ไหว้ ไม่ลุกรับพวกพราหมณ์ผู้แก่ ผู้เฒ่า ผู้ใหญ่ ผู้ล่วงกาล ผ่านวัยมาโดยลำดับ หรือไม่เชื้อเชิญด้วยอาสนะนี้นั้น ไม่สมควรเลย.

                          พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ ในโลก ทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทพ และมนุษย์ เราไม่เล็งเห็นบุคคลที่เราควรไหว้ ควรลุกรับ หรือควรเชื้อเชิญด้วยอาสนะ เพราะว่า ตถาคตพึงไหว้ พึงลุกรับ หรือพึงเชื้อเชิญบุคคลใดด้วยอาสนะ แม้ศีรษะของบุคคลนั้นก็จะพึงขาดตกไป.

ว. ท่านพระโคดมมีปกติไม่ไยดี.


                        ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมมีปกติไม่ไยดีดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะความไยดีในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เหล่านั้น ตถาคตละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีไม่เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา นี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมมีปกติไม่ไยดี ดังนี้ชื่อว่ากล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.

ว. ท่านพระโคดมไม่มีสมบัติ.


                         ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมไม่มีสมบัติ ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะสมบัติ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เหล่านั้น ตถาคตละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีไม่เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา นี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมไม่มีสมบัติ ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.

ว. ท่านพระโคดมกล่าวการไม่ทำ.


                        ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมกล่าวการไม่ทำดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะเรากล่าวการไม่ทำกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เรากล่าวการไม่ทำสิ่งที่เป็นบาปอกุศลหลายอย่าง นี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมกล่าวการไม่ทำ ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.

ว. ท่านพระโคดมกล่าวความขาดสูญ.

                         ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมกล่าวความขาดสูญดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะเรากล่าวความขาดสูญแห่ง ราคะ โทสะ โมหะ เรากล่าวความขาดสูญแห่งสภาพที่เป็นบาปอกุศลหลายอย่าง นี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดม กล่าวความขาดสูญ ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.

ว. ท่านพระโคดมช่างรังเกียจ.
 
                        ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมช่างรังเกียจ ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะเรารังเกียจกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เรารังเกียจความถึงพร้อมแห่งสภาพที่เป็นบาปอกุศลหลายอย่าง นี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมช่างรังเกียจดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.

ว. ท่านพระโคดมช่างกำจัด.

                          ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมช่างกำจัด ดังนี้ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะเราแสดงธรรมเพื่อกำจัด ราคะ โทสะ โมหะ แสดงธรรมเพื่อกำจัดสภาพที่เป็นบาปอกุศลหลายอย่างนี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมช่างกำจัด ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.

ว. ท่านพระโคดมช่างเผาผลาญ.


                         ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมช่างเผาผลาญ ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะเรากล่าวธรรมที่เป็นบาปอกุศล คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ว่าเป็นธรรมที่ควรเผาผลาญ ธรรมที่เป็นบาปอกุศลซึ่งควรเผาผลาญ อันผู้ใดละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีไม่เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา เรากล่าวผู้นั้นว่าเป็นคนช่างเผาผลาญ พราหมณ์ ธรรมทั้งหลายที่เป็นบาปอกุศล ซึ่งควรเผาผลาญ ตถาคตละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มีในภายหลังมีไม่เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา นี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมช่างเผาผลาญ ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.

ว. ท่านพระโคดมไม่ผุดเกิด.
 

                         ภ. มีอยู่จริงๆ พราหมณ์ เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมไม่ผุดเกิด ดังนี้ ชื่อว่ากล่าวถูก เพราะการนอนในครรภ์ต่อไป การเกิดในภพใหม่ อันผู้ใดละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีไม่เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา เรากล่าวผู้นั้นว่าเป็นคนไม่ผุดเกิด พราหมณ์ การนอนในครรภ์ต่อไป การเกิดในภพใหม่ ตถาคตละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีไม่เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา นี้แล เหตุที่เขากล่าวหาเราว่า พระสมณะโคดมไม่ผุดเกิด ดังนี้ ชื่อว่า กล่าวถูก แต่ไม่ใช่เหตุที่ท่านมุ่งกล่าว.
ทรงอุปมาด้วยลูกไก่

                             [๓] ดูกรพราหมณ์ เปรียบเหมือนฟองไข่ ๘ ฟอง ๑๐ ฟอง หรือ ๑๒ ฟอง ฟองไข่เหล่านั้น อันแม่ไก่พึงกกดีแล้ว อบดีแล้ว ฟักดีแล้ว บรรดาลูกไก่เหล่านั้น ลูกไก่ตัวใดทำลายกระเปาะฟอง ด้วยปลายเล็บเท้า หรือด้วยจะงอยปาก ออกมาได้โดยสวัสดีก่อนกว่าเขา ลูกไก่ตัวนั้นควรเรียกว่ากระไร จะเรียกว่าพี่หรือน้อง.

                             ว. ท่านพระโคดม ควรเรียกว่าพี่ เพราะมันแก่กว่าเขา.

ทรงแสดงฌาน ๔ และวิชชา ๓


                             ภ. เราก็เหมือนอย่างนั้นแล พราหมณ์ เมื่อประชาชนผู้ตกอยู่ในอวิชชา เกิดในฟองอันกระเปาะฟองหุ้มห่อไว้ ผู้เดียวเท่านั้นในโลก ได้ทำลายกระเปาะฟอง คือ อวิชชา แล้วได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยม เรานั้นเป็นผู้เจริญที่สุด ประเสริฐที่สุดของโลก เพราะความเพียรของเราที่ปรารภแล้วแล ไม่ย่อหย่อน สติดำรงมั่นไม่ฟั่นเฟือน กายสงบ ไม่กระสับกระส่าย จิตตั้งมั่น มีอารมณ์เป็นหนึ่ง.

ปฐมฌาน
 
                          
                             เรานั้นแล สงัดแล้วจากกาม สงัดแล้วจากอกุศลธรรม ได้บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขซึ่งเกิดแต่วิเวกอยู่.

ทุติยฌาน

                             เราได้บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิต ณ ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตก วิจาร สงบไป มีปีติและสุขซึ่งเกิดแต่สมาธิอยู่.

 ตติยฌาน

                             เรามีอุเบกขาอยู่ มีสติ มีสัมปชัญญะ และเสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป ได้บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ มีสุขอยู่ ดังนี้ อยู่.

จตุตถฌาน    

                             เราได้บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัส โทมนัสก่อนๆ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่.
บุพเพนิวาสานุสสติญาณ

                             เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้แล้ว ได้น้อมจิตไปเพื่อบุพเพนิวาสานุสสติญาณ เรานั้นย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือระลึกชาติได้หนึ่งชาติบ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง สี่ชาติบ้าง ห้าชาติบ้าง สิบชาติบ้าง ยี่สิบชาติบ้าง สามสิบชาติบ้าง สี่สิบชาติบ้าง ห้าสิบชาติบ้าง ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏฏกัลป์เป็นอันมากบ้าง ตลอดวิวัฏฏกัลป์ เป็นอันมากบ้าง ตลอดสังวัฏฏวิวัฏฏกัลป์เป็นอันมากบ้าง ว่าในภพโน้นเราได้มีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพโน้นนั้น เราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพโน้นนั้นแล้ว ได้มาเกิดในภพนี้ เราย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอุเทส พร้อมทั้งอาการ ด้วยประการฉะนี้ พราหมณ์ วิชชาที่หนึ่งนี่แล เราได้บรรลุแล้วในปฐมยามแห่งราตรี อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว วิชชาเกิดแก่เราแล้ว ความมืดเรากำจัดได้แล้ว แสงสว่างเกิดแก่เราแล้ว เหมือนที่เกิดแก่บุคคลผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส ส่งจิตไปแล้วอยู่ฉะนั้น ความชำแรกออกครั้งที่หนึ่งของเรานี้แล ได้เป็นเหมือนการทำลายออกจากกระเปาะฟองแห่งลูกไก่ฉะนั้น.

จุตูปปาตญาณ


                            เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้แล้ว ได้น้อมจิตไปเพื่อญาณเครื่องรู้จุติและอุปบัติของสัตว์ทั้งหลาย เรานั้นย่อมเล็งเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังอุปบัติ ไม่ดี ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมว่า หมู่สัตว์ผู้เกิดเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริตติเตียนพระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฏฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ หมู่สัตว์ผู้เกิดเป็นอยู่เหล่านั้น เบื้องหน้าแต่แตกกายตายไป เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก หรือว่าหมู่สัตว์ผู้เกิดเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็น
สัมมาทิฏฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจสัมมาทิฏฐิ หมู่สัตว์ผู้เกิดเป็นอยู่เหล่านั้น เบื้องหน้าแต่แตกกายตายไป เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เราย่อมเล็งเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังอุปบัติ ไม่ดี ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมด้วยประการดังนี้ พราหมณ์ วิชชาที่สองนี้แล เราได้บรรลุแล้ว ในมัชฌิมยามแห่งราตรี อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว วิชชาเกิดแก่เราแล้ว ความมืดเรากำจัดได้แล้ว แสงสว่างเกิดแก่เราแล้ว เหมือนที่เกิดแก่บุคคลผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส ส่งจิตไปแล้วอยู่ฉะนั้น ความชำแรกออกครั้งที่สองของเรานี้แล ได้เป็นเหมือนการทำลายออกจากกระเปาะฟองแห่งลูกไก่ ฉะนั้น.

อาสวักขยญาณ


                           เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้แล้ว ได้น้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ เรานั้นได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้เหตุให้เกิดทุกข์ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ความดับทุกข์ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า เหล่านี้ อาสวะ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้เหตุให้เกิดอาสวะ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ความดับอาสวะ ได้รู้ชัดตามเป็นจริงว่า นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับอาสวะ เมื่อเรานั้นรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ จิตได้หลุดพ้นแล้วแม้จากกามาสวะ ได้หลุดพ้นแล้วแม้จากภวาสวะ ได้หลุดพ้นแล้วแม้จากอวิชชาสวะ เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ได้มีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ได้รู้ด้วยปัญญาอันยิ่งว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี พราหมณ์วิชชาที่สามนี้แล เราได้บรรลุแล้วในปัจฉิมยามแห่งราตรี อวิชชา เรากำจัดได้แล้ว วิชชาเกิดแก่เราแล้ว ความมืดเรากำจัดได้แล้ว แสงสว่างเกิดแก่เราแล้ว เหมือนที่เกิดแก่บุคคลผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลสส่งจิตไปแล้วอยู่ ฉะนั้น ความชำแรกออกครั้งที่สามของเรานี้แล ได้เป็นเหมือนการทำลายออกจากกระเปาะฟองแห่งลูกไก่ ฉะนั้น.

เวรัญชพราหมณ์แสดงตนเป็นอุบาสก  

                          [๔] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว เวรัญชพราหมณ์ได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า ท่านพระโคดมเป็นผู้เจริญที่สุด ท่านพระโคดมเป็นผู้ประเสริฐที่สุด ข้าแต่ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ภาษิตของพระองค์ไพเราะนัก พระองค์ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยายอย่างนี้ เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทางหรือส่องประทีปในที่มืดด้วยตั้งใจว่า คนมีจักษุจักเห็นรูปดังนี้ ข้าพเจ้านี้ขอถึงท่านพระโคดม พระธรรม และพระสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระองค์จงทรงจำข้าพเจ้าว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป และขอพระองค์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์จงทรงรับอาราธนาอยู่ จำพรรษา ที่เมืองเวรัญชาของข้าพเจ้าเถิด.

                             พระผู้มีพระภาคทรงรับอาราธนาด้วยพระอาการดุษณี ครั้นเวรัญชพราหมณ์ทราบการรับอาราธนาของพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้ลุกจากที่นั่งถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณหลีกไป.

เมืองเวรัญชาเกิดทุพภิกขภัย


                            [๕] ก็โดยสมัยนั้นแล เมืองเวรัญชา มีภิกษาหารน้อย ประชาชนหาเลี้ยงชีพฝืดเคือง มีกระดูกคนตายขาวเกลื่อน ต้องมีสลากซื้ออาหาร ภิกษุสงฆ์จะยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยการถือบาตรแสวงหา ก็ทำไม่ได้ง่าย ครั้งนั้นพวกพ่อค้าม้าชาวอุตราปถะ มีม้าประมาณ ๕๐๐ ตัว ได้เข้าพักแรมตลอดฤดูฝนในเมืองเวรัญชา พวกเขาได้ตกแต่งข้าวแดงสำหรับภิกษุรูปละแล่งไว้ที่คอกม้า เวลาเช้าภิกษุทั้งหลายครองอันตรวาสกแล้ว ถือบาตรจีวรเข้าไปบิณฑบาตในเมืองเวรัญชา เมื่อไม่ได้บิณฑบาต จึงเที่ยวไปบิณฑบาตที่คอกม้า รับข้าวแดงรูปละแล่ง นำไปสู่อารามแล้วลงครกโขลกฉัน ส่วนท่านพระอานนท์บดข้าวแดงแล่งหนึ่งที่ศิลา แล้วน้อมเข้าไปถวายแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคเสวยพระกระยาหารที่บดถวายนั้นอยู่ ได้ทรงสดับเสียงครกแล้ว.

พระพุทธประเพณี


                             พระตถาคตทั้งหลายทรงทราบอยู่ ย่อมตรัสถามก็มี ทรงทราบอยู่ย่อมไม่ตรัสถามก็มี ทรงทราบกาลแล้วตรัสถาม ทรงทราบกาลแล้วไม่ตรัสถาม พระตถาคตทั้งหลายย่อมตรัสถามสิ่งที่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ตรัสถามสิ่งที่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ สิ่งที่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ พระองค์ทรงกำจัดด้วยข้อปฏิบัติ พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายด้วยอาการสองอย่าง คือ จักทรงแสดงธรรมอย่างหนึ่ง จักทรงบัญญัติสิกขาบทแก่ พระสาวกทั้งหลายอย่างหนึ่ง.

                             ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสถามท่านพระอานนท์ว่า อานนท์ นั่นเสียงครกหรือหนอ จึงท่านพระอานนท์กราบทูลเนื้อความนั้นให้ทรงทราบ พระผู้มีพระภาคตรัสสรรเสริญว่า ดีละ ดีละ อานนท์ พวกเธอเป็นสัตบุรุษ ชนะวิเศษแล้ว พวกเพื่อนพรหมจารีชั้นหลังจักดูหมิ่นข้าวสาลีและข้าวสุกอันระคนด้วยเนื้อ.

พระมหาโมคคัลลานะเปล่งสีหนาท

 
                            [๖] ครั้งนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า บัดนี้เมืองเวรัญชามีภิกษาหารน้อย ประชาชนหาเลี้ยงชีพฝืดเคือง มีกระดูกคนตายขาวเกลื่อน ต้องมีสลากซื้อ
อาหาร ภิกษุสงฆ์จะยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยการถือบาตรแสวงหา ก็ทำไม่ได้ง่าย พระพุทธเจ้าข้า พื้นเบื้องล่างแห่งแผ่นดินผืนใหญ่นี้ สมบูรณ์ มีรสอันโอชา เหมือนน้ำผึ้งหวี่ที่ไม่มีตัวอ่อนฉะนั้น ขอประทานพระวโรกาส ข้าพระพุทธเจ้าจะพึงพลิกแผ่นดิน ภิกษุทั้งหลายจักได้ฉันง้วนดินพระพุทธเจ้าข้า.

                            พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรโมคคัลลานะ ก็สัตว์ผู้อาศัยแผ่นดินเล่า เธอจะทำอย่างไรแก่สัตว์เหล่านั้น?

                            ม. ข้าพระพุทธเจ้าจักนิรมิตฝ่ามือข้างหนึ่งให้เป็นดุจแผ่นดินใหญ่ ยังสัตว์ผู้อาศัยแผ่นดินเหล่านั้นให้ไปอยู่ในฝ่ามือนั้น จักพลิกแผ่นดินด้วยมืออีกข้างหนึ่ง พระพุทธเจ้าข้า.

                            ภ. อย่าเลย โมคคัลลานะ การพลิกแผ่นดิน เธออย่าพอใจเลย สัตว์ทั้งหลายจะพึงได้รับผลตรงกันข้าม.

                            ม. ขอประทานพระวโรกาส ขอภิกษุสงฆ์ทั้งหมดพึงไปบิณฑบาตในอุตรกุรุทวีป พระพุทธเจ้าข้า.

                            ภ. ก็ภิกษุผู้ไม่มีฤทธิ์เล่า เธอจักทำอย่างไรแก่ภิกษุเหล่านั้น?

                            ม. ข้าพระพุทธเจ้าจักทำให้ภิกษุทั้งหมดไปได้ พระพุทธเจ้าข้า.

                            ภ. อย่าเลย โมคคัลลานะ การที่ภิกษุสงฆ์ทั้งหมดไปบิณฑบาตถึงอุตรกุรุทวีป เธออย่าพอใจเลย.

เหตุให้พระศาสนาดำรงอยู่ไม่นานและนาน      

                            [๗] ครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรไปในที่สงัดหลีกเร้นอยู่ ได้มีความปริวิตกแห่งจิตเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า พระศาสนาของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย พระองค์ไหนไม่ดำรงอยู่นาน ของพระองค์ไหนดำรงอยู่นาน ดังนี้ ครั้นเวลาสายัณห์ท่านออกจากที่เร้นแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระ-
*ภาค ถวายบังคม นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าไปในที่สงัดหลีกเร้นอยู่ ณ ตำบลนี้ ได้มีความปริวิตกแห่งจิตเกิดขึ้นอย่างนี้ว่า พระศาสนาของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย พระองค์ไหนไม่ดำรงอยู่นาน ของพระองค์ไหนดำรงอยู่นาน.

                             พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรสารีบุตร พระศาสนาของพระผู้มีพระภาคพระนามวิปัสสี พระนามสิขี และพระนามเวสสภู ไม่ดำรงอยู่นาน ของพระผู้มีพระภาคพระนามกกุสันธะ พระนามโกนาคมนะ และพระนามกัสสปะดำรงอยู่นาน.

                             ส. อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ให้พระศาสนาของพระผู้มีพระภาคพระนามวิปัสสี พระนามสิขี และพระนามเวสสภู ไม่ดำรงอยู่นาน พระพุทธเจ้าข้า?

                             ภ. ดูกรสารีบุตร พระผู้มีพระภาคพระนามวิปัสสี พระนามสิขี และพระนามเวสสภู ทรงท้อพระหฤทัยเพื่อจะทรงแสดงธรรมโดยพิสดารแก่สาวกทั้งหลาย อนึ่ง สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ ของพระผู้มีพระภาคทั้งสามพระองค์นั้นมีน้อย สิกขาบทก็มิได้ทรงบัญญัติ ปาติโมกข์ก็มิได้ทรงแสดงแก่สาวก เพราะอันตรธานแห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น เพราะอันตรธานแห่งสาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าเหล่านั้น สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกัน ต่างโคตรกัน ต่างชาติกัน ออกบวชจากตระกูลต่างกัน จึงยังพระศาสนานั้นให้อันตรธานโดยฉับพลัน ดูกรสารีบุตร ดอกไม้ต่างพรรณที่เขากองไว้บนพื้นกระดาน ยังไม่ได้ร้อยด้วยด้าย ลมย่อมกระจาย ขจัด กำจัด ซึ่งดอกไม้เหล่านั้นได้ ข้อนั้น
เพราะเหตุอะไร เพราะเขาไม่ได้ร้อยด้วยด้าย ฉันใด เพราะอันตรธานแห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น เพราะอันตรธานแห่งสาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าเหล่านั้น สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกันต่างโคตรกัน ต่างชาติกัน ออกบวชจากตระกูลต่างกัน จึงยังพระศาสนานั้นให้อันตรธานโดยฉับพลัน ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น ทรงท้อพระหฤทัยเพื่อจะทรงกำหนดจิตของสาวกด้วยพระหฤทัย แล้วทรงสั่งสอนสาวก.

                              ดูกรสารีบุตร เรื่องเคยมีมาแล้ว พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามเวสสภู ทรงกำหนดจิตภิกษุสงฆ์ด้วยพระหฤทัยแล้วทรงสั่งสอน พร่ำสอน ภิกษุสงฆ์ประมาณพันรูป ในไพรสนฑ์อันน่าพึงกลัวแห่งหนึ่งว่า พวกเธอจงตรึกอย่างนี้ อย่าได้ตรึกอย่างนั้น จงทำในใจอย่างนี้ อย่าได้ทำในใจอย่างนั้น จงละส่วนนี้ จงเข้าถึงส่วนนี้อยู่เถิด ดังนี้ ลำดับนั้นแล จิตของภิกษุประมาณพันรูปนั้น อันพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามเวสสภูทรงสั่งสอนอยู่อย่างนั้น ทรงพร่ำสอนอยู่อย่างนั้น ได้หลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่นในเพราะความที่ไพรสณฑ์อันน่าพึงกลัวนั้นซิ เป็นถิ่นที่น่าสยดสยอง จึงมีคำนี้ว่า ผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งยังไม่ปราศจากราคะเข้าไปสู่ไพรสณฑ์นั้น โดยมากโลมชาติย่อมชูชัน.

                              ดูกรสารีบุตร อันนี้แลเป็นเหตุ อันนี้แลเป็นปัจจัย ให้พระศาสนาของพระผู้มีพระภาค พระนามวิปัสสี พระนามสิขี และพระนามเวสสภูไม่ดำรงอยู่นาน.

                              ส. อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ให้พระศาสนาของพระผู้มีพระภาคพระนามกกุสันธะ พระนามโกนาคมนะ และพระนามกัสสปะ ดำรงอยู่นาน พระพุทธเจ้าข้า?

                              ภ. ดูกรสารีบุตร พระผู้มีพระภาคพระนามกกุสันธะ พระนามโกนาคมนะ และพระนาม กัสสปะ มิได้ทรงท้อพระหฤทัยเพื่อจะทรงแสดงธรรมโดยพิสดารแก่สาวกทั้งหลาย อนึ่ง สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน  อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ ของพระผู้มีพระภาคทั้งสามพระองค์นั้นมีมาก สิกขาบทก็ทรงบัญญัติ ปาติโมกข์ก็ทรงแสดงแก่สาวก เพราะอันตรธานแห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น เพราะอันตรธานแห่งสาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าเหล่านั้น สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกัน ต่างโคตรกัน ต่างชาติกัน ออกบวชจากตระกูลต่างกัน จึงดำรงพระศาสนานั้นไว้ได้ตลอดระยะกาลยืนนาน ดูกรสารีบุตร ดอกไม้ต่างพรรณที่เขากองไว้บนพื้นกระดาน ร้อยดีแล้วด้วยด้าย ลมย่อมกระจายไม่ได้ ขจัดไม่ได้ กำจัดไม่ได้ซึ่งดอกไม้เหล่านั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเขาร้อยดีแล้วด้วยด้าย ฉันใด เพราะอันตรธานแห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น เพราะอันตรธานแห่งสาวกผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้าเหล่านั้น สาวกชั้นหลังที่ต่างชื่อกัน ต่างโคตรกัน ต่างชาติกัน ออกบวชจากตระกูลต่างกัน จึงดำรงพระศาสนานั้นไว้ได้
ตลอดระยะกาลยืนนาน ฉันนั้น เหมือนกัน.

                            ดูกรสารีบุตร อันนี้แลเป็นเหตุ อันนี้แลเป็นปัจจัย ให้พระศาสนาของพระผู้มีพระภาค พระนามกกุสันธะ พระนามโกนาคมนะ และพระนามกัสสปะ ดำรงอยู่นาน.

ปรารภเหตุให้ทรงบัญญัติสิกขาบท
      
                            [๘] ลำดับนั้นแล ท่านพระสารีบุตรลุกจากอาสนะ ทำผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประณมอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาคแล้วกราบทูลว่า ถึงเวลาแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ข้าแต่พระสุคต ถึงเวลาแล้ว ที่จะทรงบัญญัติสิกขาบท ที่จะทรงแสดงปาติโมกข์แก่สาวก อันจะเป็นเหตุให้
พระศาสนานี้ยั่งยืนดำรงอยู่ได้นาน.

                            พระผู้มีพระภาคตรัสว่า จงรอก่อน สารีบุตร จงยับยั้งก่อนสารีบุตร ตถาคตผู้เดียวจักรู้กาลในกรณีย์นั้น พระศาสดายังไม่บัญญัติสิกขาบท ยังไม่แสดงปาติโมกข์แก่สาวก ตลอดเวลาที่ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอาสวะบางเหล่า ยังไม่ปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้ ต่อเมื่อใดอาสวัฏ-
*ฐานิยธรรมบางเหล่า ปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้ เมื่อนั้นพระศาสดาจึงจะบัญญัติสิกขาบท แสดงปาติโมกข์แก่สาวก เพื่อกำจัดอาสวัฏฐานิยธรรมเหล่านั้นแหละ อาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่า ยังไม่ปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้ ตลอดเวลาที่สงฆ์ยังไม่ถึงความเป็นหมู่ใหญ่โดยภิกษุผู้บวชนาน ต่อเมื่อใดสงฆ์ถึงความเป็นหมู่ใหญ่โดยภิกษุผู้บวชนานแล้ว และอาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่าย่อมปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้ เมื่อนั้นพระศาสดาจึงจะบัญญัติสิกขาบท แสดงปาติโมกข์แก่สาวกเพื่อกำจัดอาสวัฏฐานิยธรรมเหล่านั้นแหละ อาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่า ยังไม่ปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้ ตลอดเวลาที่สงฆ์ยังไม่ถึงความเป็นหมู่ใหญ่โดยแพร่หลาย ต่อเมื่อใดสงฆ์ถึงความเป็นหมู่ใหญ่โดยแพร่หลายแล้ว และอาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่า ย่อมปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้ เมื่อนั้นพระศาสดาจึงจะบัญญัติสิกขาบท แสดงปาติโมกข์แก่สาวกเพื่อกำจัดอาสวัฏฐานิยธรรมเหล่านั้นแหละ อาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่า ยังไม่ปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้ ตลอดเวลาที่สงฆ์ยังไม่ถึงความเป็นหมู่ใหญ่เลิศโดยลาภ ต่อเมื่อใดสงฆ์ถึงความเป็นหมู่ใหญ่เลิศโดยลาภแล้ว และ
อาสวัฏฐานิยธรรมบางเหล่า ย่อมปรากฏในสงฆ์ในศาสนานี้ เมื่อนั้นพระศาสดาจึงจะบัญญัติ-*สิกขาบท แสดงปาติโมกข์แก่สาวก เพื่อกำจัดอาสวัฏฐานิยธรรมเหล่านั้นแหละ ดูกรสารีบุตรก็ภิกษุสงฆ์ไม่มีเสนียด ไม่มีโทษ ปราศจากมัวหมองบริสุทธิ์ผุดผ่องตั้งอยู่ในสารคุณ เพราะบรรดาภิกษุ ๕๐๐ รูปนี้ ภิกษุที่ทรงคุณธรรมอย่างต่ำ ก็เป็นโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง เป็นผู้ที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.

เสด็จนิเวศน์เวรัญชพราหมณ์    


                          [๙] ครั้นปวารณาพรรษาแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์ พระตถาคตทั้งหลายยังมิได้บอกลาผู้ที่นิมนต์ให้อยู่จำพรรษาแล้ว จะไม่หลีกไปสู่ที่จาริกในชนบท ข้อนี้เป็นประเพณีของพระตถาคตทั้งหลาย มาไปกันเถิดอานนท์ เราจะบอกลา
เวรัญชพราหมณ์.

                          ท่านพระอานนท์ทูลสนองพระพุทธดำรัสว่า เป็นดังรับสั่ง พระพุทธเจ้าข้า.

                          ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคทรงอันตรวาสกแล้ว ถือบาตรจีวร มีท่านพระอานนท์เป็น ปัจฉาสมณะ เสด็จพระพุทธดำเนินไปสู่นิเวศน์ของเวรัญชพราหมณ์ ครั้นถึงแล้วประทับนั่งเหนือพระพุทธอาสน์ที่เขาจัดถวาย ทันใดนั้น เวรัญชพราหมณ์ดำเนินเข้าไปสู่ที่ประทับ ครั้นแล้วถวาย
บังคม นั่งเฝ้าอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระองค์รับสั่งว่า ดูกรพราหมณ์ เราเป็นผู้อันท่านนิมนต์อยู่จำพรรษาแล้ว เราขอบอกลาท่าน เราปรารถนาจะหลีกไปสู่ที่จาริกในชนบท.

                          เวรัญชพราหมณ์กราบทูลว่า เป็นความจริง ท่านพระโคดม ข้าพเจ้านิมนต์พระองค์อยู่ จำพรรษา ก็แต่ว่าไทยธรรมอันใดที่จะพึงถวาย ไทยธรรมอันนั้นข้าพเจ้ายังมิได้ถวาย และไทย-*ธรรมนั้นมิใช่ว่าจะไม่มี ทั้งประสงค์จะไม่ถวายก็หาไม่ ภายในไตรมาสนี้ พระองค์จะพึงได้ไทย-
*ธรรมนั้นจากไหน เพราะฆราวาสมีกิจมาก มีกรณียะมาก ขอท่านพระโคดมพร้อมด้วยพระสงฆ์จงทรงพระกรุณาโปรดรับภัตตาหารของข้าพเจ้า เพื่อเจริญบุญกุศลและปีติปราโมทย์ในวันพรุ่งนี้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด.

                          พระผู้มีพระภาคทรงรับอัชเฌสนาโดยดุษณีภาพ และแล้วทรงชี้แจงให้เวรัญชพราหมณ์เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถา แล้วทรงลุกจากที่ประทับเสด็จกลับ.

                          หลังจากนั้น เวรัญชพราหมณ์สั่งให้ตกแต่งของเคี้ยวของฉันอันประณีตในนิเวศน์ของตน โดยผ่านราตรีนั้นแล้ว ให้เจ้าพนักงานไปกราบทูลภัตกาลแด่พระผู้มีพระภาคว่า ถึงเวลาแล้ว ท่านพระโคดม ภัตตาหารเสร็จแล้ว.

                          ขณะนั้นเป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงอันตรวาสกแล้วถือบาตรจีวรเสด็จพระพุทธ-*ดำเนินไปสู่นิเวศน์ของเวรัญชพราหมณ์ ครั้นถึงแล้ว ประทับนั่งเหนือพระพุทธอาสน์ที่เขาจัดถวายพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จึงเวรัญชพราหมณ์อังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยขาทนีย-
*โภชนียาหารอันประณีต ด้วยมือของตนจนให้ห้ามภัตรแล้ว ได้ถวายไตรจีวรแด่พระผู้มีพระภาคผู้เสวยเสร็จทรงนำพระหัตถ์ออกจากบาตรแล้วให้ทรงครอง และถวายผ้าคู่ให้ภิกษุครอง รูปละสำรับ จึงพระองค์ทรงชี้แจงให้เวรัญชพราหมณ์เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถา แล้วทรงลุกจากที่ประทับเสด็จกลับ ครั้นพระองค์ประทับอยู่ที่เมืองเวรัญชาตามพระพุทธาภิรมย์แล้ว เสด็จพระพุทธดำเนินไปยังเมืองท่าปยาคะ ไม่ทรงแวะเมืองโสเรยยะ เมืองสังกัสสะ เมืองกัณณกุชชะ ทรงข้ามแม่น้ำคงคาที่เมืองท่าปยาคะ เสด็จพระพุทธดำเนินถึงพระนครพาราณสี ครั้นพระองค์ประทับอยู่ที่พระนครพาราณสีตามพระพุทธาภิรมย์แล้ว เสด็จจาริกไปโดยมรรคาอันจะไปสู่พระนครเวสาลี เมื่อเสด็จจาริกไปโดยลำดับ ถึงพระนครเวสาลีนั้นแล้ว ทราบว่าพระองค์ประทับอยู่ที่กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เขตพระนครเวสาลีนั้น.

เวรัญชภาณวาร จบ.

-----------------------------------------------------
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #8583 เมื่อ: 19 มีนาคม 2556, 09:53:38 »


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ตอนนี้ที่เกาหลีคงหนาวนะคะ...

...เดินทางไปและกลับโดยสวัสดิภาพค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #8584 เมื่อ: 19 มีนาคม 2556, 11:18:27 »

สวัสดีค่ะ พี่สิงห์ ขอบคุณ ที่นำความรู้ความมาให้น้องๆค่ะ
อย่าปลีกเอาตัวรอดคนเดียวเลยค่ะ เกาะ ๆกันไปหลายคนดีกว่า
แม้น้องๆต้วมเตี้ยมก็ยังดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #8585 เมื่อ: 22 มีนาคม 2556, 11:43:25 »

...สงสัยที่เกาหลี...
...พี่สิงห์คงไม่สะดวกที่จะใช้แกแล็คซี่นะคะ...
...เงียบไปเลย...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #8586 เมื่อ: 22 มีนาคม 2556, 17:12:05 »

เข้ามาอ่านและชมภาพ  ดีสุดๆ

ได้ความรู้ เป็นการศึกษานอกห้องเรียน

พี่มีความเป็นครูด้วย ได้มาแล้ว อยากเผยแพร่ อยากให้ผู้อื่นได้รู้ ได้เห็น

ผู้เผยแพร่ได้บุญด้วย
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8587 เมื่อ: 24 มีนาคม 2556, 05:32:05 »

สวัสดีครับ คุณน้องตู่ คุณน้อง คุณน้องเอมอร คุณน้องเริง 2520 และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                           เช้านี้ เวลา 05:00 น. พี่สิงห์ อยู่สนามบินดอนเมือง เพื่อเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช  มีประชุมวันอาทิตย์ เวลา 10:00 น. เมื่อคืนเดินทางจากสนามบินอินชอน ห้าโมงเย็นเวลาในเกาหลี  มาถึงเมืองไทยเวลาสามทุ่มเวลาในประเทศไทย  กว่าจะได้นอนก็ห้าทุ่ม

                           พี่สิงห์ไปเกาหลี ไม่ได้เอา Samsung ไปด้วย

                            เกาหลียังหนาวอยู่ อุณหภูมิส่วนใหญ่ ติดลบ-2 ถึง -4 องศา C ทุกวัน ยกเว้นวันกลับประมาณ 8 องศา C  อยู่ได้ครับถึงจะหนาวและไม่คุ้น

                           สิ่งที่แปลกไปอย่างมาก ในการไปเกาหลีครั้งที่สองที่ต่างกันสิบถึงยี่สิบปี คือเจริญขึ้นมากทั้งทางวัตถุและจิตใจคน

                           สมัยก่อนคนเกาหลีหยาบมาก ทำงานด้านบริการไม่เป็น แต่ไปครั้งนี้คนเกาหลีมีจิตที่เป็นนักบริการมากขึ้น และเป็นคนหนุ่มสาวที่ทำงานเกี่ยวกับไกด์ทัวร์ และมีการบริการที่ดีมาก แสดงว่าระบบการจัดการของการท่องเที่ยวเกาหลี และบริษัทนำเที่ยวเกาหลีดีมาก ๆ เป็นระบบ  ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว  จึงไม่แปลกที่คนไทยไปเที่ยวมาก ๆ  และราคาถูกมาก  เกาหลีมีรายได้จากการท่องเที่ยวไม่แพ้ภ่คอุตสาหกรรม และเป็นการกระจายรายได้สู่ชนม์ชั้นกลางและรากหญ้าเป็นอย่างดี  ระบบดีมาก ครับ

                           สำหรับรูป ผมถ่ายไม่มาก เพราะไม่มีอะไรน่าสนใจมาก  ไปท่องเที่ยว เพื่อไปศึกษาเท่านั้น

                          ต้องขึ้นเครื่องบินแล้วครับ Boarding 06:00 น.

                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8588 เมื่อ: 24 มีนาคม 2556, 09:55:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 22 มีนาคม 2556, 11:43:25
...สงสัยที่เกาหลี...
...พี่สิงห์คงไม่สะดวกที่จะใช้แกแล็คซี่นะคะ...
...เงียบไปเลย...

สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                         พี่สิงห์  ตั้งใจเลยไม่ได้เอา Samsung ไปด้วย

                         อากาศติดลบทุกวัน -2 ถึง -4 องศา C ประมาณ สี่โมงเช้า ถึง สามโมงเย็น จึงเป็นบวกไม่เกิน 6 องศา C ยกเว้นวันกลับขึ้นมา 8 องศา หนาวมาก แต่ไม่มีหิมะเพราะไม่มีฝนตก  ยกเว้นวันแรกที่เกาะนามี มีฝนตกกลายเป็นเกล็ดหิมะ หนาวมากๆ 

                         นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนไทย ครับ

                         สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #8589 เมื่อ: 24 มีนาคม 2556, 11:05:54 »

         สวัสดีค่ะพี่สิงห์      ต้อยแวะมาทักทายก่อนเดี๋ยวนี้นึกจะทำ จะบอก ก็ต้องบังคับตัวเองให้ทำเลย
                                  เมื่อวานน้องสาวที่ดูแลแม่มาทำธุระที่กระบี่ บอกอ่านเวปพี่แล้วลองนั่งสมาธิตามที่พี่แนะ
                                  ก็ดี กลับไปอ่านใหม่ มาลองปฏิบัติ มาอ่านใหม่ กลับไปทำ เหมือนพี่สอนธรรมะออนไลน์
                                  
                                  ส่วนต้อยก็ห่างไกลเพราะไม่อ่านเวปแล้วอยู่กับโรงแรมเปิดใหม่แม้จะมีลูกช่วย
                                   เมื่อวานไปสำนักสงฆ์ถ้ำแสงเพชรแล้วคิดถึงพี่ อยากเชิญพี่จัดไฟล์มาขึ้นที่กระบี่
                                  จะได่พาพี่ไปเยี่ยมชมเป็นที่ที่ไม่เน้นวัตถุ สร้างอะไรต่ออะไร อยู่กับสิ่งแวดล้อม
                                    
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8590 เมื่อ: 24 มีนาคม 2556, 12:54:15 »

อ้างถึง
ข้อความของ Dtoy16 เมื่อ 24 มีนาคม 2556, 11:05:54
         สวัสดีค่ะพี่สิงห์      ต้อยแวะมาทักทายก่อนเดี๋ยวนี้นึกจะทำ จะบอก ก็ต้องบังคับตัวเองให้ทำเลย
                                  เมื่อวานน้องสาวที่ดูแลแม่มาทำธุระที่กระบี่ บอกอ่านเวปพี่แล้วลองนั่งสมาธิตามที่พี่แนะ
                                  ก็ดี กลับไปอ่านใหม่ มาลองปฏิบัติ มาอ่านใหม่ กลับไปทำ เหมือนพี่สอนธรรมะออนไลน์
                                   
                                  ส่วนต้อยก็ห่างไกลเพราะไม่อ่านเวปแล้วอยู่กับโรงแรมเปิดใหม่แม้จะมีลูกช่วย
                                   เมื่อวานไปสำนักสงฆ์ถ้ำแสงเพชรแล้วคิดถึงพี่ อยากเชิญพี่จัดไฟล์มาขึ้นที่กระบี่
                                  จะได่พาพี่ไปเยี่ยมชมเป็นที่ที่ไม่เน้นวัตถุ สร้างอะไรต่ออะไร อยู่กับสิ่งแวดล้อม
                                   

สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อย ที่รัก

                             ให้หมดหน้าการท่องเที่ยวกระบี่ก่อน  พี่สิงห์ ได้คุยกับทางเลขาคุณจักรพรรดิ์ ที่โรงแรมทวินโลตัสเอาไว้แล้ว  พี่สิงห์ จะไปนอนที่เกาะลันตา โรงแรมทวินโลตัสลันตา สักสอง-สามวัน

                              วัดที่เธอว่านั้น เป็นวัดที่หลวงพ่อสมบูรณ์  ใช่หรือไม่ ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเทียน  และเป็นพระผู้รู้ผู้หนึ่ง  ที่ควรจะไปศึกษาธรรมจากท่าน เป็นอย่างยิ่ง

                               ดีใจที่เธอบอกว่าน้องสาวเอาธรรมที่พี่สิงห์ สอนนำไปปฏิบัติ  สิ่งสำคัญที่สุดในการปฏิบัติธรรม หรือภาวนา นั้น ในความเห็นของพี่สิงห์  ต้องถอนตัวเองออกมาก่อนจากโลกของความคิด คือไม่ตกเป็นทาสของความคิด หรือโมหะ โดยอยู่กับการรู้สึกตัวให้ได้ก่อน เมื่อแยกได้แล้ว อะไร ต่าง ๆ มันจะตามมาเอง  หาได้เองทั้งหมด

                               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8591 เมื่อ: 24 มีนาคม 2556, 13:08:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 19 มีนาคม 2556, 11:18:27
สวัสดีค่ะ พี่สิงห์ ขอบคุณ ที่นำความรู้ความมาให้น้องๆค่ะ
อย่าปลีกเอาตัวรอดคนเดียวเลยค่ะ เกาะ ๆกันไปหลายคนดีกว่า
แม้น้องๆต้วมเตี้ยมก็ยังดีค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร  ที่รัก

                         นี่ก็เป็นยาวิเศษอีกขนานหนึ่ง  ที่ช่วยให้มีวิริยะ(การกระทำที่เป็นกุศล) ที่จะสงเคราะห์กับคนที่ต้องการไปให้ถึงทางพ้นทุกข์ ที่ทุกคนปราถนาในเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ รวมทั้งตัวพี่สิงห์เองด้วย ยังมีโอกาสเป็นไปได้เพราะเรายังมีชีวิตอยู่

                         การรู้พฤติกรรมจิตมนุษย์นั้น ว่าจิตมันเป็นอย่างนี้  ชีวิตมันจึงไม่น่ารื่นรมณ์เลย  เกิดการเบื่อหน่าย ว่าทำไมมนุษย์  จึงหลงอยู่แต่ในความคิดคนเอง  แบบนั้น ทั้ง ๆ ที่เราสามารถจะถอนออกมาได้

                         จะพยายามหาอะไรที่ตนเองค้นพบมาบอกกล่าวครับ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8592 เมื่อ: 24 มีนาคม 2556, 13:16:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ เริง2520 เมื่อ 22 มีนาคม 2556, 17:12:05
เข้ามาอ่านและชมภาพ  ดีสุดๆ

ได้ความรู้ เป็นการศึกษานอกห้องเรียน

พี่มีความเป็นครูด้วย ได้มาแล้ว อยากเผยแพร่ อยากให้ผู้อื่นได้รู้ ได้เห็น

ผู้เผยแพร่ได้บุญด้วย

สวัสดีครับ คุณน้องเริง 2520 ที่รัก

                     เป็นกำลังใจอย่างดี  สำหรับพี่สิงห์  ดีกว่า ดร.สุริยา  อาจารย์รุ่งศักดิ์   ที่อยู่ในโลกของความเงียบ  จนทำให้พี่สิงห์  เหงา  จนจิตมันหลงปรุงแต่งไปต่างๆ นาๆ เผลอตัวไปกระทำตามที่มันต้องการ

                     ถ้ายังมีคนสนใจก็จะหาอะไร ๆ มาเล่าสู่กันฟัง  ผู้รู้ยังมีอีกมาก  แต่เขาไม่แสดงตนกัน

                     บางทีเราก็คิดขึ้นมาได้เองคือ ไม่ควรบอกออกไปเพราะเขาจะหาว่าเราอุตริมนุษย์ธรรม  มันเกิดของมันเอง  จิตมันคิดแบบนั้นของมันเอง แบบเห็นแก่ตัว โดยมีข้ออ้าง บอกไปก็ไม่ก่อประโยชน์ เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่หลงอยู่ในโมหะ และเป็นทิฏฐิด้วย  มีแต่เรื่องแส่เข้าตัวเราทั้งนั้น  การอุเบกขา  จึงเป็นทางประเสริฐ  เพราะไม่ต้องไปวิวาทกับใคร  ใครถ้าเขาสนใจ  มีศรัทธา  เขาจะมาหาเราเอง

                      ขอบคุณมากครับ

                      สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8593 เมื่อ: 24 มีนาคม 2556, 20:34:15 »

พี่สิงห์ครับ

พี่ปิ้ง จะจัดมอบทุนให้นักเรียนและโรงเรียน โดย "มูลนิธิเพื่อการศึกษาตระกูลมีเพียร"
โดยปีนี้จะมอบทุนรวม 50,000 บาท
ให้โรงเรียน บ้านหนองกุงน้อย ตั้งอยูู่หมู่บ้านหนองกุงน้อย ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น..
อยู่ห่างตัวเมือง ประมาณ  40 กิโลเมตร กำหนดจะมอบให้ในช่วงวันที่ 15-16 เมษายน 2556 ที่จะถึงนี้
ทุนส่วนหนึ่ง จัดหาด้วยการขายหนังสือ ซึ่งพี่ปิ้ง ได้เขียน "ประมวลลำนำกลอน ของดวงจำปา" เอาไว้
หนังสือเล่มละ 300 บาท รวม 100 เล่ม รวมเป็นเงิน 30,000 บาท
ขอเชิญชาวซีมะโด่ง ร่วมบุญด้วยกัน
เงินเข้าบัญชี มูลนิธิเพื่อการศึกษาตระกูลมีเพียร
                   ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ถนนพัฒนาการ
                   ออมทรัพย์เลขที่  123- 2315- 942
หนังสือจะจัดส่งให้ตามที่อยู่ที่แจ้ง สั่งจองและแจ้งที่อยู่ พร้อมแจ้งการโอนเงินได้ที่
 "ห้องคุยกับเหยง 16 -พิเชษฐ์ เชื่อมฯ......."

http://www.cmadong.com/board/index.php/topic,5699.msg628781/boardseen.html#new

รายละเอียดปรากฎอยู่ข้างล่างนี้แล้วครับ............

                            

                            

อ้างถึง
ข้อความของ Keartipong07 เมื่อ 24 มีนาคม 2556, 16:54:43
 หึหึ ปิ๊งๆ gekสวัสดีครับ น้องเหยง๑๖

       - พี่ปิ้ง ขอรบกวนมาใช้บริการในห้องนี้ สักครั้งนะครับ

           เพื่อให้น้องเหยง ช่วยแจ้งข่าวไปยัง เพื่อนๆพี่ๆ น้องๆ ซีมะโด่ง ทั้งหลาย ให้ทราบทั่วกัน

            เพราะพี่ปิ้ง ติดสอน นศ.ป.โท ป.เอก ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ที่ จ.ขอนแก่น ด้วย

        - พี่ปิ้ง  ขอใช้ บริการของน้องเหยง ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ ไปยังน้องๆ รุ่นดังๆ ทั้งหลาย

             เช่นรุ่นมหาอำนาจ ๑๔      รุ่นกำลังดัง  รุ่น๑๖      รุ่นขยัน รุ่น๑๗  รุ่นน่ารัก รุ่น๒๐  
  
              และรุ่นสดใส รุ่น๒๒ เป็นต้น


            และรุ่นอื่นๆ  ดังนี้ คือ....


             - พี่ปิ้ง มีโครงการไปมอบทุนการศึกษา ให้แก่โรงเรียนที่อยู่ห่างไกล ในถิ่นทุรกันดาร ที่ขาดแคลนไปทุกอย่าง

                 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นประจำทุกปี ..โดย มูลนิธิเพื่อการศึกษาตระกูลมีเพียร ซึ่งพี่ปิ้งเป็นประธาน


                    กรรมการฯ   ...อย่างน้อยปีละหนึ่งโรงเรียน...ปีนี้ ได้คัดเลือก แล้ว ๑ โรงเรียน ชื่อ...


                       โรงเรียน บ้านหนองกุงน้อย ตั้งอยูู่หมู่บ้านหนองกุงน้อย ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น..

                           ห่างตัวเมือง ประมาณ  ๔๐ กิโลเมตร


                        เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก  มีนักเรียนทั้งหมด ๒๔ คน เป็นหญิง ๑๔ คน เป็นชาย ๑๐ คน

                          ทำการเรียนการสอน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ๑ ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖..มี ผอ.โรงเรียน ( ครูใหญ่)

                         ชื่อ นายอนันค์พร  บุญพงษ์.. ทางโรงเรียนต้องการ เครื่องคอมพิวเตอร์ ..อุปกรณ์กีฬา จำพวก


                          ลูกวอลเลย์บอล ลูกตะกร้อ และลูกเปตอง เพื่อให้เด็กได้เล่นออกกำลังกาย... พี่ปิ้งได้ออกไปเก็บ

                        ข้อมูลด้วยตนเอง..โดยให้ลูกศิษย์ที่เรียน ปริญญาเอกทางการศึกษา..พาไป...บริเวณโรงเรียน

                       อาคารเรียนมีหลังเเีดียว..มีสนามตะกร้อ ที่ทาง อบต.ให้งบมาสร้างให้ เมื่อเร็วๆนี้ เป็นสนามปูนต์

                         ( ตามภาพ )...

              - พี่ปิ้ง ตั้งงบประมาณรายรับ ไว้ ๕๐,๐๐๐ บาท  จำแนกได้กังนี้ จาก

                   ๑. งบประมาณของมูลนิธิฯ          ๒๐,๐๐๐  บาท

                     ๒.. งบประมาณรายรับ จากการจำหน่ายหนังสือ " ลำนำกลอน ของ ดวงจำปา " ๒๘๓ หน้า

                      เล่มละ ๓๐๐ บาท

                           ๑๐๐  เล่ม  รวม                 ๓๐,๐๐๐   บาท

                                  รวมงบประมาณรายรับ   ๕๐,๐๐๐  บาท

                     - ภาพ หน้าปกหนังสือ ( เสร็จแล้ว สามารถส่งได้เลย ) ตาม ภาพที่แนบ

                      ให้ โอนเงิน เข้าบัญชี มูลนิธิเพื่อการศึกษาตระกูลมีเพียร..ดังนี้

                          ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา ถนนพัฒนาการ

                           ออมทรัพย์เลขที่  123- 2315- 942

              - รบกวน น้องเหยง๑๖ ช่วยประชาสัมพันธ์ ให้พี่ปิ้ง๐๗ ให้ด้วย นะครับ

                   และ ขออนุโมทนาบุญ มายัง พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ซีมะโ่ด่ง ทุกคน ที่ให้การสนับสนุน

                     ให้ทุกคนได้รับ บุญกุศล ในกิจกรรม ครั้งนี้อย่างทั่วถึง ทุกคน..ประสบแต่ความโชคดี


                        มีสุขภาพกาย สุขภาพใจ ดี่เยี่ยม

                            หนุ่มสาว ขึ้นทุกๆคน...ไม่เจ็บ ไม่ป่วย..และไม่จน ..รวยๆทุกคน นะครับ


                                      ด้วยความระลึกถึงและขอบคุณ น้องเหยง๑๖ มากๆ

                                            คงจะได้ไปร่วมทริปซีมะโด่งสัญจร อีกนะครับ


                                                       พี่ปิ้ง๐๗


                      

                        
                        


                          

                                   - บริเวณ หน้าโรงเรียนบ้านหนองกุงน้อย จ้า

                            

                                   บริเวณทางเข้า ไปใน ต้วโรงเรียน จ้า

                            
                                

                                       ถ่าย เป็นที่ระลึก กับครูส่วนใหญ่ของโรงเรียน คือมี ครูทั้งหมด ๓ คน

                                       ครูอัตราจ้างชั่วคราว ๑ คน นักการภารโรง อัตราจ้าง ๑ คน รวมทั้งหมด ๕ คน จ้า


                                

                                           พี่ปิ้ง ถ่ายกับครู สอนอนุบาล ที่หน้าห้องเรียน มีนักเรียนอนุบาลทั้งโรงเรียน เจ็ดคน จ้า

                              
                               -

                                

                                         ห้องเรียน ประถม อยู่ชั้นสองของโรงเรียน เอาไม้อัดไปกั้นเป็นห้องเรียน ประดับด้วยกระดาษโปสเตอร์

                                  
                                        

                                             ภาพนี้ ถ่ายจากในห้องเรียออกไปข้างนอก เห็นทิวทัศน์ข้างนอก..เป็นไร่อ้อย

                                               ..อาชีพของชาวบ้านที่นี่ จ้า...


                              

                                
                              

                                   - เป็นสนามกีฬาของโรงเรียน ที อบต.ให้งบ มาสร้าง เป็นสนามปูนต์ ..จึงร้องขอลูกตะกร้อ

                                          ลูกวอลเลย์ และลูกเปตอง จ้า


                                

                                

                                      พี่ปิ้ง๐๗ ถ่ายร่วมกับครู ก่อนที่จำอำลาจากไป...ลาก่อน แล้วจะกลับมาพร้อมสิ่งที่ต้องการจ้า..



                                                       - ขอขอบคุณน้องเหยง๑๖ อีกครั้งนะครับ

                                                           ยังไง ช่วยแจ้งข่าว ความคืบหน้าให้พี่ปิ้ง ทราบด้วยนะครับ

                                                       ( ตามโครงการ จะนำไปมอบ ระหว่าง ๑๕-๑๖  เมษายน  ๒๕๕๖ )

                                          - พี่ปิ้ง แนบไฟล์ โครงการ ไม่ได้ มันเออเร่อร์ จ้า...


                                                          จาก พี่ปิ้ง๐๗  จ้า

             ป.ล. ในหนังสือประมวลลำนำกลอน พี่ปิ้งได้รวบรวมมา ตั้งปี พ.ศ.๒๕๕๐ - ๒๕๕๔ บางส่วน

                        พร้อม รูปภาพประกอบ ..มีพวกเรา ปรากฏ อยู่หลายๆ คนมากเลย   จ้า...
                          

          
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8594 เมื่อ: 25 มีนาคม 2556, 07:28:56 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่งและแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                           วันนี้ได้รับข่าวดี ตั้งแต่เช้าเลย เรียนพี่ปิ้ง หรือคุณเหยง ทราบ พี่สิงห์ ขอทำบุญร่วมด้วยช่วยกับพี่ปิ้งในการมอบทุนครั้งนี้ จำนวน 3,000 บาท เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับคุณแม่อิม  กลับดี   แล้วจะโอนเงินไปให้เมื่อถึงกรุงเทพฯ คือวันพุธที่ ๒๖ มีนาคม นี้ครับ (จะกรุณาขอใบอนุโมทนาบัตรจากโรงเรียนด้วย  ถ้าเป็นไปได้ในนาม มานพ  กลับดี  ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ครับ ขอบคุณ)

                           เช้านี้อากาศที่นครศรีธรรมราช  ไร้ฝน  แสงแดดจัด เหมาะแก่การออกกำลังกายยามเช้าเป็นอย่างยิ่ง

                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8595 เมื่อ: 25 มีนาคม 2556, 17:04:13 »

พี่สิงห์ครับ

จะบอกพี่ปิ้งให้ทราบครับ
โดยจะขอให้ทางโรงเรียนออกให้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8596 เมื่อ: 25 มีนาคม 2556, 19:41:52 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

                        ขอบคุณมาก  ที่ดำเนินการให้   การช่วยสงเคราะห์ผู้อื่นนั้น พระพุทธองค์ท่านทรงสอนว่า เป็นมงคลแด่ตนเองครับ  น่าสรรเสริญ

                         สวัสดี

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8597 เมื่อ: 25 มีนาคม 2556, 19:56:21 »

สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกที่มาเยี่ยมเยือน ที่รักทุกท่าน

                          วันนี้ผมอยู่ที่โรงแรมไดมอน  สุราษฎร์ธานี    โดยเดินทางมาจากนครศรีธรรมราช เมื่อกลางวัน  เพื่อมาเป็นวิทยากรบรรยายทางวิชาการให้กับบริษัท SIW ให้กับลูกค้าภาคใต้ในการสัมมนาทางวิชาการเรื่อง "การผลิตคอนกรีตอัดแรงอย่างมืออาชีพ" ในวันอังคารที่ 26 มีนาคม  ทั้งวัน และกลับถึงกรุงเทพฯ สามทุ่มโดยสายการบินไทย

                      ดังนั้นงานวันสถาปนาจุฬาฯ  ผมจึงไม่มีโอกาสได้ไปร่วมงาน  แต่ก็ถือว่าได้ทำประโยชน์ให้สังคม  ด้วยการถ่ายทอดความรู้ที่มีให้คนรุ่นหลังได้รับทราบเอาไปประกอบอาชีพที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ  ทดแทนให้จุฬาฯ

                       สุราษฎร์แล้งหนัก  ฝนไม่ตก  จนต้นยางพาราใบเหลือง  ล่วงหล่น เหลือแต่กิ่ง  แบบต้นไม้ในฤดูหนาวที่เปลี่ยนใบ

                    เมื่อตอนเย็นได้โทรศัพท์ไปหาท่านผู้พิพากษาพรเทพ  ตั้งใจจะไปเยี่ยม  พูดคุยกับคุณแม่ของคุณประภาศรี  ปรากฏว่าคุณแม่ท่านไม่อยู่  ต้องไปโรงพยาบาลตรวจร่างกายกว่าจะกลับก็สองทุ่ม เลยไม่ได้ไปพบ

                      โรงแรมไดมอนไม่มี wifi เลยต้องใช้ Samsung แทน  จึงเขียนไม่ไดมาก

                                ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับค่ำนี้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8598 เมื่อ: 26 มีนาคม 2556, 08:44:27 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                               วันนี้ผมเป็นวิทยากรบรรยายทั้งวัน ที่สุราษฎร์ธานี ครับ

                                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8599 เมื่อ: 26 มีนาคม 2556, 09:13:14 »

สวัสดีครับพี่สิงห์ และสมาชิกของห้องนี้
ในวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2556 ตรงกับวันสถาปนาจุฬาฯ ครบปีที่ 96 แล้ว
สำหรับท่านที่อยู่ กทม.และปริมณฑล คงได้มีโอกาสไปร่วมงานสถาปนาที่จะจัดขึ้น
ณ ศาลาพระเกี้ยว ในช่วงเย็นนี้

พี่สิงห์กลับไม่ทันไปงานหรือ ??


พยากรณ์อากาศ กทม.และปริมณฑล ในวันนี้
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 342 343 [344] 345 346 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><