25 พฤศจิกายน 2567, 09:49:13
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 314 315 [316] 317 318 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3578170 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 9 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7875 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2555, 15:59:11 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                             ผมอยู่ที่สนามบินดอนเมือง  ผู้โดยสารแยะมากวุ่นวายไปหมด เทศกาลปีใหม่ปีนี้คนคงออกเที่ยวต่างจังหวัดกันมาก

                             วันนี้ผมเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช  ทรายว่าฝนตกหนักทั้งวัน  ต้องระวังเรื่องน้ำท้วมเพราะ กทม.เย็น  นครศรีธรรมราชฝนจะตกหนัก  และผมได้ตั้งทฤษฎีเอาไว้ให้พนักงานปฏิบัติคือ  ถ้าฝนตกหนักสามวันวันที่สี่น้ำท้วมแน่นอน ให้เตรียมเครื่องสูบน้ำ และถอดมอเตอร์ไฟฟ้าออกให้หมด มิฉนั้นน้ำจะท้วมเสียหาย เพราะมันเป็นแบบนี้มาทุกครั้ง  ทุกปี

                              หวังว่าเครื่องบินคนสามารถบินลงที่สนามบินนครศรีธรรมราชได้

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #7876 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2555, 16:30:47 »

เดินทางปลอดภัย
ฝ่าดงคนไปได้ค่ะ พี่สิงห์ แน่นอย่างไรก็ดีกว่า ที่หมอชิต หรือสายใต้ค่ะพี่สิงห์
ยิ่งตอนนี้อากาศเริ่มหนาว คนคงเดินทางกันแน่นเลยค่ะ
      บันทึกการเข้า
roong15
Full Member
**


Peaceful and Useful Life
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514

« ตอบ #7877 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2555, 18:16:35 »


อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 26 ธันวาคม 2555, 08:10:23


                             วันนี้ใส่บาตรพระ  กินข้าวเช้า  ไปซ่อม computer at Toshiba
                           
                             มันยากเย็นแสนเข็นจริงๆ มีแต่ทุกข์  มันไม่เป็นตามที่ต้องการ อ.รุ่งศักดิ์ พิจารณาเอาเองเถิด

                            สวัสดี


เรียนพี่สิงห์ที่เคารพ

ขออนุญาตแยกเป็น 2เรื่อง เรื่องแรกคือ Tablet Samsung ของพี่ ผมเชื่อว่า คีย์บอร์ด น่าจะหาซื้อได้ตามร้านไอที หรือศูนย์ Samsung แต่ถ้าพี่ชอบแบบแรกที่เป็นเคส สามารถซื้อที่ tohome โอนเงินแล้วให้เขามาส่งให้

ส่วนเรื่อง Notebook บางทีการซ่อมที่ศูนย์ ก็แพง ใช้เวลามาก และไม่คุ้ม ดังนั้นการซ่อมที่ พันทิพย์ หรือ ฟอร์จูน อาจถูกกว่า และได้ของเร็วกว่า  หรือถ้าคิดว่า ซ่อมแพงนัก และเครื่องมันเก่าแล้ว ก็ซื้อใหม่ เพราะเดี๋ยวนี้ด้วยงบประมาณ ต่ำกว่า 20,000 บาท พี่อาจซื้อ Notebook Windows8 จอสัมผัส พร้อมคีย์บอร์ด น้ำหนักเบา ฮาร์ดดิสค์ใหญ่กว่า การทำงานเร็วกว่า

ผมไปต่างจังหวัด กลับพรุ่งนี้บ่าย วันเสาร์ ผมว่าง ผมยินดีจะไปเป็นเพื่อน หรือช่วยเหลือ ตามความสามารถครับ


ส่วนเรื่องทุกข์ ก็เป็นธรรมะตัวหนึ่ง ขออนุญาตแลกเปลี่ยนประสพการณ์ครับ

โดยส่วนตัวแล้ว ผมศรัทธาพี่เสมอมา ในเรื่องความรู้ทางวิชาการ การจัดระเบียบของชีวิต การถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ยังคิดว่าถ้าตัวเอง ทำได้แค่ครึ่งหนึ่งของพี่สิงห์ก็คงจะดีมาก

ผมเชื่อว่า หัวใจพระพุทธศาสนา คือเรื่องทุกข์ และดับทุกข์ และพระพุทธเจ้าก็สอนเรื่องทุกข์ และดับทุกข์ เท่านั้น ดังนั้นการปฏิบัติธรรมของผม ก็เป็นไปเพื่อให้ตัวเองพ้นทุกข์ เท่านั้น จริงๆ

บางทีพี่สิงห์ อาจจะรู้สึกว่า เราเจริญสติสม่ำเสมอทุกวัน ทำไมจึงปล่อยให้ความทุกข์เรื่อง samsung หรือ Toshiba มากวนเราได้

ผมขอตอบจากตัวเองนะครับ ผมเริ่มรู้จักพุทธศาสนาจริงเมื่อ ปี 2532 เริ่มปฏิบัติธรรมในแนวหลวงพ่อเทียน ตั้งแต่ 2533 นับถึงขณะนี้ก็ 22 ปี เคยบวช 2ครั้ง ครั้งแรก 3เดือน ครั้งที่สอง 4เดือนกว่า เคยอยู่สวนโมกข์ 2เดือน เคยอยู่ป่าช้า 4เดือน  แต่ปัจจุบัน ก็มีบางวันที่นอนไม่หลับ มีความทุกข์ มีความกังวล ตื่นนอนมาไม่สดใส


พวกคนที่ปฏิบัติธรรมนี่ เวลาทุกข์จะมากกว่าคนปรกติ เช่นบางทีเราซื้อของมา  แล้วเราเป็นทุกข์ สำหรับคนทั่วไป เขาอาจทุกข์เพราะไม่พอใจในของที่ได้ เท่านั้น แล้วเขาก็หาวิธีจัดการกับมัน โดยหาเหตุผลมาอ้างในการซื้อ หรือบางทีก็วางมันไว้ไกลๆตาแล้วก็ไม่หยิบมันมาใช้อีกเลย เขาก็จะไม่ทุกข์    แต่สำหรับ คนที่ปฏิบัติธรรม มันจะมีความคิดซ้อนเข้าไปอีก  ว่า ทำไมเราก็เจริญสติมามาก ทำไมยังเป็นทุกข์ กับเรื่องแบบนี้

ผมขออนุญาต ยกประสพการณ์ของตัวเองมาพูดนะครับ เมื่อประมาณ  4ปีก่อน ผมเคยปฏิบัติธรรมที่บ้านกำหนดไว้ ประมาณ 7 วัน ทานอาหารมื้อเดียว ตื่นนอนประมาณตี 4 และก็ปฏิบัติทั้งวัน โดยเดินจงกรม และสร้างจังหวะ  จนเข้านอน อาจมีสวดมนตร์ ทำวัตรบ้าง

วันหนึ่งก็มีรถผลไม้มาขายหน้าบ้าน ก็ออกไปซื้อทุเรียน ราคาประมาณกิโลละ 42 บาท ลูกชายคนขับรถ ชั่งน้ำหนักและคิดราคาเกินไปครึ่งขีด (พวกวิศวะมักสนใจตัวเลขเสมอ)  เป็นเงินประมาณ 2บาท ผมจ่ายเงินไป แต่ก็รู้สึกไม่พอใจ (โกรธ) กะว่าจะไม่ซื้อเจ้านี้อีก เดินจงกรมไป เป็นชั่วโมง ก็คิดถึงเรื่องครึ่งขีดนี้อีก วันรุ่งขึ้นก็ยังเป็นอีก แล้วมันก็วิ่งผ่านมาอีก หรือได้ยินเสียงประกาศในหมู่บ้านใกล้ๆกัน โอ้น่าอนาจ  คุณรุ่งศักดิ์ ปฏิบัติธรรมมาเกือบ 20ปี บวชมา 2ครั้ง  มามีความทุกข์เพราะเงิน 2บาท แล้วก็อยู่ในช่วง ปฏิบัติธรรม 7วันเสียด้วย ผมน่าจะตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า ทุกข์เพราะเงินสองบาท


โดยส่วนตัว ผมคิดว่า ผมไม่อายที่จะเป็นนักเรียนโค่งในชั้น เพราะทุกประสพการณ์ ผมก็ทำความรู้จักกับมัน ดีกว่า ที่ฟังจากคนอื่นเล่า

เมื่อก่อน ตอนที่มีความทุกข์มาก เราก็รู้สึกว่า เราโดนรังแก ความทุกข์เหมือนเด็กที่โตกว่า ไม่มีทางชนะ

แต่เดี๋ยวนี้ ผมก็มีศรัทธาว่า มีวิธีที่จะเอาชนะความทุกข์ได้ หรืออย่างน้อยก็ไม่โดนมันรังแก นั่นก็คือวิธีเจริญสติ


บางทีความทุกข์เรื่อง Samsung หรือ Toshiba อาจเป็นบทเรียน บทหนึ่ง ให้พี่ทดสอบ

ผมยังคงเสนอว่า พี่ลองเจริญสติต่อเนื่อง สักสามวัน เอาช่วงปีใหม่ก็ได้  ทำที่บ้านก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง ปิดโทรศัพท์มือถือ ไม่เปิดคอมพ์ หรือ tablet แล้วดูว่าพี่จะจัดการกับความทุกข์เรื่องSamsung ได้ไหม  แล้วอีกอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเจอความรู้สึกอะไร อย่าเพิ่งคิดว่า จะเอามาเล่าในห้องนี้ รอรวบยอดหลายๆบทเรียนทีเดียว ผมเคยผ่านมาแล้วประเภท เดินจงกรมไป คิดข้อความที่จะมาโพสท์ในเวปไป ปรากฏว่า แทนที่สติจะอยู่กับการเคลื่อนไหว กลับเสียสติไปกับของนอกๆแทน

ด้วยความเคารพ

รุ่งศักดิ์ (เฉยๆ)


      บันทึกการเข้า

Peaceful and Useful Life
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7878 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2555, 20:48:33 »

สวัสดีครับ อาจารย์รุ่งศักดิ์ และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                          ความทุกข์ของผมในการใช้ Samsung เพราะมันช้า มันไม่ทันใจ  มันทำแบบ computer ไม่ได้ 

                          แต่ในทางตรงข้าม มันมีข้อดีที่จะแก้ทุกข์ของผมได้ คือ ผมต้องพิมพ์แบบที่ละตัว มีสติ  รู้จังหวะ เป็นสมาธิ  มันก็จะไม่พิมพ์ผิด  มันช้าก็ดีเหมือนกัน  มันจะทำให้จิตปล่อยวาง เพราะมันต้องเป็นเช่นนั้น  เขาออกแบบมาแบบนั้น จะให้ทันใจคนได้อย่างไร ในข้อจำกัดการออกแบบ  เราเองต่างหากที่ต้องปรับตัวไปตามที่เขาออกแบบมาให้ใช้ เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง  ได้รู้จิตตนเองเพิ่มขึ้น

                          จะสังเกตผมพิมพ์ ไม่ผิดเลย

                          แต่จะให้มันทำเท่า computer ในหลาย ๆ สิ่งนั้น  อาจจะเป็นเพราะความไม่รู้ (อวิชชา) ของผม  มันต้องลองใช้ไป  ผิดเป็นครู มันคงดีได้ ตอนนี้ก็รู้วิธี copy and วางแป๊ะ แล้ว แต่ยังหาวิธีให้มันทำเท่า เม้าท์ไม่ได้ มันจึงเกิดทุกข์ คือไม่เป็นไปตามที่เราปราถนา

                           สำหรับ แป้นพิมพ์  หลานสาวคงซื้อให้ที่มาบุญครอง

                           ผมต้องเรียนรู้ระบบ เครื่องใหม่  คงต้องใช้เวลา

                           แต่ปัญหาคือ ผมไม่มีเวลาให้สิ่งเหล่านี้  ผมอยู่แบบไม่คิด  ไม่ดู  ไม่ฟัง  ไม่อ่าน  ในแต่ละวัน เพราะสิ่งเหล่านั้นมันเป็นต้นเหตุแห่งการปรุงแต่งทางความคิด  ไกล ๆ มันได้ยิ่งดี

                           แต่ละวัน นาที  ชั่วโมง  ผมอยู่กับการรู้ตัวว่ากำลังเดิน  ยืน  นั่ง  เคลื่อนไหว หรือหยุดในอวัยวะร่างกาย หรือทางลมหายใจ หรือเวลาสุข  ทุกข์ อารมณ์ที่เกิดขึ้น ก็ให้ระลึกรู้  ดูจิตตนเองไป มันจึงไม่มีเวลาอ่าน  ดู  คิด ยกเว้นเวลาอยู่หน้า computer มันคอยจะหลงในความคิด คือเผลอ ทำตามใจตนเอง  ไม่ได้กระทำตามที่ทุกคนเขาว่าเหมาะสม  สมควร ดี  ถูกต้อง และเป็นไปในทางกุศล

                           เวลาล้างหม้อหุงข้าว  ล้างจาน  ก็ระลึกเสมอกิเลสมันยิ่งกว่าสิ่งที่เราทำความสะอาดอีก  ดังนั้น วิริยะ จึงต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวิริยะในการทำที่เป็นกุศลกรรม  คือทำในสิ่งที่คนเขาว่าดี  ถูกต้อง  สมควรที่จะทำ

                           ปฏิบัติธรรม  ผมก็กระทำอยู่สม่ำเสมอ มิได้ขาดในชีวิตประจำวัน ระลึกอยู่ที่กายเสมอเป็นส่วนใหญ่ คิดก็รู้  มีอารมณ์ก็รู้  ได้เรียนรู้จิตตนเอง  จิตผู้อื่นที่เราต้องเกี่ยวข้องด้วย  เพื่อให้จิตมันรู้มันเข้าใจของมันเอง  เพราะบังคับไม่ได้  ต้องให้มันเป็นของมันเองโดยอัตโนมัติ  มันก็เป็นจริงตามนั้น คือการปล่อยวาง

                            แต่กับการทำงาน  การอยู่ในหมู่คน  มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องประสบ  ต้องเกี่ยวข้อง  ก็ต้องคอยระวังตนเอง รักษากาย  วาจา  ใจ   ให้เป็นปกติ  โดยเฉพาะมีอะไรเกิดขึ้นกับจิต  ต้องรู้สึกตัวให้ทัน  ไม่หลงอยู่ในความคิด  มันก็ทำได้ดีพอสมควร เร็วพอๆ กัน  แต่จิตมันก็ยังรับทราบอารมณ์นั้นได้  แต่มันเป็นการต่อสู้ของมันเอง  เรารู้ว่าจิตเรายังหวั่นไหว  แต่มันก็ยังรักษากาย  วาจา  ได้เป็นปกติของมันเองได้แบบอัตโนมัติ  ไม่มีการแสดงออกมาให้เห็น เพียงจิตหวั่นไหว เท่านั้น

                            ปีใหม่ ก็คงไม่มีอะไรพิเศษ นอกจากทำบุญให้แม่เพิ่ม เพราะเราก็รักษาศีล ๘ อยู่แล้ว  ปฏิบัติธรรม อยู่แล้ว เพียงแต่ ไม่ได้ไปที่วัดแบบนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย  โดยยึดหลัก  พระพุทธองค์ทรงสอน  ถ้ายังประพฤติผิดทางกาย  วาจา  ใจ อยู่  แม้จับสังฆาฏิพระพุทธองค์ ก็ยังห่างไกลพระองค์  ยังห่างไกลธรรม  ส่วนคนที่ประพฤติชอบทางกาย  วาจา  ใจ  แม้ไม่เคยเห็นพระองค์  แต่จิตนั้นอยู่กับพระพุทธองค์แล้ว

                             และเห็นตามจริงที่พระพุทธองค์ทรงสอนว่า ตราบใดที่ภิกษุ   ภิกษุณี  อุบาสก   อุบาสิกา  ยังปฏิบัติดี  ปฏิบัติชอบ  ดำเนินชีวิตตาม มรรคมีองค์ ๘  เมื่อนั้นโลกจะไม่สิ้นพระอรหันต์  มันก็เป็นความจริง

                             ผมจึงยึดสิ่งต่าง ๆเหล่านี้ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนเป็นหลัก  ด้วยแรงศรัทธา  และวิริยะ เป็นอย่างยิ่ง  โดยไม่มีความปราถนาใด ๆ มาเกี่ยวข้อง กระทำไปตามที่ถูกที่ควร ในมรรค ๘ ให้มั่น  มันกลับเป็นผลดีในการดำรงค์ชีวิต และการทำงาน  ได้นำหลักธรรมที่รู้เอาไปสอนคนในการทำงาน  บริหารงานอย่างพุทธศาสนา  ไม่มีใครแย้งได้ว่าขัดกับหลักการบริหาร  พระพุทธองค์ทรงสอนคน  การบริหารคือการสอนคน

                             ผมเองพยายามบอกผู้ที่รัก  ห่วงใยผมเสมอว่า  อย่ามาห่วงอะไรผมทั้งสิ้น  ผมรู้แล้วว่าผมจะอยู่อย่างไร  ไม่ให้เป็นภาระของใคร  ถ้าเป็นห่วงผม  ขอให้เอาสิ่งที่ห่วงผมนั้นเอาไปดูแลตัวเอง  จะดีที่สุด และอย่าคิดแทนผม  อย่าทำอะไรให้ผม  ผมรู้ดีว่าผมควรจะทำอะไร  ที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

                              ใหม่ ๆ ก็ไม่มีใครเข้าใจ  แต่เดี๋ยวนี้เขาเข้าใจแล้วในสิ่งที่ผมพูด  ผมไม่ได้ตัดเยื้อใยคนอื่น  แต่คนอื่นต่างหากที่ยังหลงอยู่ในความคิดตัวเอง  ยังอยู่ในความประมาท  ซึ่งต่างกับผม

                               แต่เรายังอยู่ในสังคม  ยังต้องเกี่ยวข้องบุคคลต่าง ๆ ทั้งทางทำงาน และเพื่อนฝูง มันก็ย่อมมีบ้าง เป็นธรรมดา ครับ

                               ขอบคุณในความเอื้ออารีย์ ต่อผมทุกสิ่ง  มีอะไรก็ช่วยบอกด้วย

                               ถึงนครศรีธรรมราชเรียบร้อยแล้ว  ฝนไม่ตก

                               ได้เวลาทำวัตรเย็นก่อนนอนแล้วครับ  การสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น เป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้จิตมันรู้ และปล่อยวางได้

                               สวัสดีครับ
 

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7879 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2555, 20:59:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 26 ธันวาคม 2555, 16:30:47
เดินทางปลอดภัย
ฝ่าดงคนไปได้ค่ะ พี่สิงห์ แน่นอย่างไรก็ดีกว่า ที่หมอชิต หรือสายใต้ค่ะพี่สิงห์
ยิ่งตอนนี้อากาศเริ่มหนาว คนคงเดินทางกันแน่นเลยค่ะ


สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร  ทีรัก

                                   พี่สิงห์ ถึงนครศรีธรรมราช  ด้วยดีเป็นปกติ ครับ

                                   ที่โรงแรม  ไม่คึกคัก  มีแต่คนทำงาน เท่านั้นที่มาค้างคืน

                                   นักท่องเที่ยวไม่มี  สัมมนาไม่มี  งานเลี้ยงก็ไม่มี

                                   พี่สิงห์กลับเย็นวันเสาร์ครับ

                                   พรุ่งนี้ประชุมกับฝ่ายขาย กำหนดแผนการขาย   ตั้งเป้าปีหน้า  ทบทวนอุปสรรค -ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อหาสาเหตุ และการแก้ไข เพราะปัญญาเหล่านั้นมันก็จะเกิดขึ้นอีกในปีหน้า  สู้เรามาศึกษา หาทางป้องกันก่อนดีกว่า  ได้เรียนรู้เสียก่อน  จะได้ระวังได้

                                    วันศุกร์ ประชุมกับฝ่ายผลิต เพื่อทบทวนในสิ่งที่เป็นอุปสรรค  ปัญหาทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง  เพราะเราก็ต้องเจออีก  ต้องหาสาเหตุให้พบ และวางแผนการผลิต  เป้าหมายในปีหน้า  เพื่อความอยู่รอด

                                    วันเสาร์จึงประชุมฝ่ายบริหารธรรมดา  เจ้านายไม่อยู่ไปอังกฤษสามอาทิตย์  พี่สิงห์  ก็เลยต้องกระทำในสิ่งหลาย ๆ อย่าง เพื่อการดำเนินการปีหน้า  ให้เป็นแนวทางในการทำงาน  แก้ปัญหาให้หมดไป  จะได้เป็นไปตามเป้าที่เราวางไว้ และกะว่าจะเลี้ยงข้าวพนักงานถือเป็นการฉลองปีใหม่ ครับ

                                     ทุกสิ่งทุกอย่าง  พี่สิงห์ ต้องคิดให้พนักงานเขาทำ เพราะเขาจะไม่คิดกัน  เจ้านายก็ไม่คิด  นี่ละงานของพี่สิงห์  ก็ได้อาศัยหลักธรรม  คำสอนของพระพุทธองค์นี่ละมาทำงาน

                                     ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7880 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2555, 07:58:36 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือนที่รัก ทุกท่าน

                           เช้านี้อากาศที่นครศรีธรรมราช เย็น มีลมพัดเหมาะแก่การออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง

                           เช้านี้ขอนำสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอน มาบอกล่าวต่อท่าน เพื่อว่าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อท่านบ้าง คือ

                           "ธรรม ที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุ-ปัจจัยทั้งสิ้น  ถ้าเหตุนั้นดับลง ปัจจัยจึงไม่มี"

                            ทุกท่านพึงพิจารณาด้วยปัญญาเถิด

                            ทุกข์ คือความไม่สะบายกาย  ความไม่สะบายใจ ประกอบด้วยทุกข์ ๗ ประการ ได้แก่ ความเกิดก็เป็นทุกข์  ความแก่ก็เป็นทุกข์  ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์  ปราถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ ประสบกับสิ่งไม่รักไม่ชอบก็เป็นทุกข์ และพลัดพรากจากสิ่งที่รักก็เป็นทุกข์ จะเห็นว่าล้วนมีเหตุ-ปัจจัยทั้งสิ้น เกิดขึ้นเองไม่ได้

                            การทำงานก็เหมือนกัน

                            เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผมไปแวะที่สระบุรี ได้มอบหมายงานให้แก่ ผู้ควบคุมระบบการบริหารงาน  ISO คือ QRM โดยมีคุณดิเรก กรรมการผู้จัดการนั่งอยู่ด้วย คือ ให้รวบรวม List ปัญหาจากการทำงานที่เกิดขึ้นทั้งหมดในหนึ่งปีที่ผ่านมา เป็นตัวตั้ง เพราะปัญหาเหล่านั้นทั้งหมดก็จะบังเกิดขึ้นอีกในปีต่อไปแน่นอน ไม่ละเว้น เพราะคน  ดังนั้น ให้เอาปัญหานั้นตั้ง ให้หัวหน้าแผนกทุกคนได้วินิจฉัยว่า สาเหตุที่แท้จริงที่เกิดขึ้นนั้น มาจากปัจจัยอะไร  จะป้องกันและมีวิธีดำเนินการอย่างไรในต้นเหตุนั้นเพื่อตัดปัจจัยลงเสีย  เมื่อทำเสร็จแล้วส่งมาที่อาจารย์  อาจารย์จะวินิจฉัย  ตรวจสอบ สรุปให้ เพื่อให้เอาไปเป็นแนวทางเพื่อศึกษา  อบรม ปฏิบัติ ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในปีหน้า  การทบทวนจะเป็นการสอนจิตคนให้ได้สำนึก  มันต้องเป็นไปโดยธรรมชาติ คืออัตโนมัติ  มันจึงจะป้องกันได้  แต่ถ้าให้กระทำตามนั้น  ทำไม่ได้เพราะจิตคนมันเป็นอนัตตา  บังคับไม่ได้  แต่ให้มันเรียนรู้บ่อย ๆ มันจะเกิดขึ้นเองด้วยความสำนึกจากภายในจิตของมันเอง  ดีกว่าปล่อยปัญหานั้นให้ผ่านไปเฉย ๆ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ละปี  ไม่มีปัญหาใหม่เลย  มีแต่ปัญหาเก่า ๆ เกิดขึ้นทุกปี  ไม่ละเว้น  นาน ๆ จึงจะมีปัญหาใหม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ เราน่าที่จะมีวิธีป้องกันได้  ขอให้ไปพิจารณาในเบื้องต้นมาก่อน แล้วอาจารย์ จะบอกปัญหาที่แท้จริงให้ทราบ

                             ผมก็ขอให้ทุกท่านที่ยังทำงานอยู่นั้น  อย่าอยู่นิ่ง  จงนำวิธีการนี้ไปใช้ เพื่อการทำงานของท่านในปีหน้า  จะดีกว่าปีเก่าที่กำลังจะผ่านไปในไม่ช้านี้แน่นอน อย่าลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุ-ปัจจัยทั้งสิ้น เกิดขึ้นเองไม่ได้  ต้องหาสาเหตุให้พบ และสอนจิตตัวเองให้มันสำนึกขึ้นเองโดยธรรมชาติให้ได้  คือเรียนรู้ให้มาก ๆ จิตมันจะจำได้เอง นี่เป็นการป้องกันเหตุ ที่แท้จริง

                            สำหรับคนที่ไม่ได้ทำงานแล้ว ก็เอาไปใช้ได้  ลองทบทวนในหนึ่งปีที่ผ่านมาท่านย่อมประสบทุกข์  สุข มาทั้งนั้น  อันไหนเป็นทุกข์ ท่านก็ทราบสาเหตุ  อันไหนเป็นสุขท่านก็ทราบสาเหตุ  ได้ทบทวนแล้วเอามาปรับปรุง เพื่อจะได้เอาไปใช้ดำเนินชีวิตของตนเองในปีใหม่ทั้งปี ที่กำลังจะมาถึงนี้  ชีวิตท่านก็จะประสบแต่สิ่งที่ดี ๆ ทั้งปีครับ

                             ผมก็จะทบทวนตัวเองเหมือนกัน  เพื่อวางแผนชีวิตตนเองในปีหน้า  ด้วยความไม่ประมาท ครับ

                             ก็ขอมอบเป็น "ธรรม" สำหรับเช้านี้แด่ทุกท่านครับ

                             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7881 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2555, 16:46:22 »

ชมภาพฮาลองบก

                                 ภายหลังจากชมวัดพวกเราก็มารับประทานอาหารกลางวัน

                                 เมืองนี้ขึ้นชื่อในการทำอาหารจากเนื้อแพะ คือไม่มีกลิ่น  ใครจะฆ่าแพะต้องมาเอาคนเมืองนี้ไปฆ่า

                                 แพะที่นี่ปล่อยเลี้ยงตามภูเขา หากินเอาเอง อาทิตย์หนึ่งแพะจะกลับบ้านเอง  เจ้าของก็จำไม่ได้ว่าแพะของตนตัวไหน  แต่แพะจะจำบ้านได้ กลับบ้านถูกนั่นแหละแพะของบ้านนั้น

                                  คณะได้รับประทานอาเนื้อแพะ แบบเป็นชิ้น ๆ ย่างมาให้เสร็จ เนื้อกรุป ๆ ก็อร่อยดีไม่มีกลิ่น โดยมีเครื่องเคียงและแป้งเวียตนาม

                                  หลังจากนั้นได้ไปลงเรือชมทิวทัศน์ ในแม่น้ำตื้นๆ ชมฮาลองบก

                                   เชิญชมภาพ







กินเนื้อแพะ































      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7882 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2555, 16:59:47 »





















ชมถ้ำแบบถ้ำรอด





      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7883 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2555, 17:14:06 »































      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7884 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2555, 17:31:26 »

































กราบขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามชมภาพ "ซีมะโด่งทัวร์ ซาปา"
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7885 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2555, 19:29:42 »

สวัสดีครับ อ.รุ่งศักดิ์

                           ผมเปลี่ยนแป้นพิมพ์ใหม่แล้ว  ถูกใจสามารถพิมพ์ได้รวดเร็ว  คงไม่ซื้อแป้นพิมพ์แล้ว

                           ประกอบกับใช้ปากกาจิ้ม  เลยรวดเร็วดี

                            พยายามลองใช้ไปเรื่อยๆ ครับ

                             ยังใส่สีไม่ได้  ได้แต่ใส่ตัวอักษรให้ใหญ่ได้  ก็ยังดีครับ

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
somdej15
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 27

« ตอบ #7886 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2555, 21:26:16 »

เข้ามาอ่านหน้าสนทนาของพี่สิงห์เป็นประจำ แต่เข้ามาแสดงความเห็นไม่ได้เพราะลืมPassword วันนี้เลยลองทำตามคำแนะนำจึงเข้าได้ ดีใจจัง วันหน้าจะขอคุยด้วยครับ
สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #7887 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2555, 07:20:07 »

สวัสดี ครับพี่ สิงห์ มีใครเคยได้ถามใหม? ว่า ทำไมเขาใช้เท้า แจวเรือ มันมี ข้อเปรียบเทียบอย่างไไร กับ มือแจวเรือ ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7888 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2555, 07:40:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 28 ธันวาคม 2555, 07:20:07
สวัสดี ครับพี่ สิงห์ มีใครเคยได้ถามใหม? ว่า ทำไมเขาใช้เท้า แจวเรือ มันมี ข้อเปรียบเทียบอย่างไไร กับ มือแจวเรือ ครับ
อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 28 ธันวาคม 2555, 07:20:07
สวัสดี ครับพี่ สิงห์ มีใครเคยได้ถามใหม? ว่า ทำไมเขาใช้เท้า แจวเรือ มันมี ข้อเปรียบเทียบอย่างไไร กับ มือแจวเรือ ครับ


สวัสดีครับ คุณ Peter

                              คำถามนี้เป็นคำถามที่ดี  แต่ไม่มีใครถาม และคุณสมชาย  ไกด์ ชาวเวียตนามก็ไม่ได้อธิบายให้ทราบเลย  จึงไม่ได้คำตอบที่แท้จริง

                               แต่ถ้าให้สัณนิจฐาน เอาคงพอได้ หรือให้ ดร.สุริยา  ตอบ

                               คงเป็นการเปลี่ยนอิริยาบถมากกว่าครับ  เพราะใหม่ ๆ เขาก็พายเรือด้วยมือสองมือไปประมาณเกินสิบห้านาที  คงเหมื่อยพายไม่ไหว ก็เอาขาลองพายดู ซึ่งมันก็เข้ากับอุปกรณ์พายเรือพอดี เพียงแต่ผลักฝ่าเท้าเท่านั้นก้พายได้แล้ว และเมื่องลองพายดูมันก็ดี เลยกระทำเป็นนิสัย แต่เขาก็ใช้เท้าพายพอเหมื่อยก็เปลี่ยนอิริยาบถ กลับมาเป็นมือตามเดิม สลับไปสลับมาแก้เหมื่อยอยู่อย่างนี้  ยกเว้นจุดที่ต้องเลี้ยว หรืออันตรายเขาจะใช้มือเป็นหลัก

                              เมื่อลองใช้เท้าพาย  มันแก้เหมื่อยได้ดี  แปลกตาคนดู   จึงทำเป็นนิสัยเพื่อใช้นักท่องเที่ยวมาดูมาชม และตัวเองก็ไม่ปวดเหมือ่ยด้วย เพราะถ้าพายเรือติดต่อกันสอง-สามชั่วโมง  มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  แต่พอสลับมือบ้าง - เท้าบ้าง  มันไม่เหมื่อย  ไม่เบื่อ คนดูก็ชอบ  คนพายก็ชอบ  มันก็เลยเป็นนิสัย  เป็นวัฒนธรรม ครับ

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #7889 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2555, 07:41:18 »


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...เข้ามาติดตามชมรูปทุกวันค่ะ...แต่ไม่ได้ตอบ...

...ฮาลองบกน่าสนุกนะคะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7890 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2555, 07:47:21 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 28 ธันวาคม 2555, 07:41:18

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...เข้ามาติดตามชมรูปทุกวันค่ะ...แต่ไม่ได้ตอบ...

...ฮาลองบกน่าสนุกนะคะ...


สวัสดียามเช้าค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                        ฮาลองบก น่าสนใจมากครับ แต่ต้องมีเวลาอย่างน้อย สี่ชั่วโมง  เขาเขาพาชมรอบเต็ม และต้องไปหน้าที่ข้าวกำลังแก่  จะพายเรือผ่านนาข้าวสีทอง  ผ่านวัดที่พาไปชมมาแล้ว  คงจะสวบงามมากครับ

                        ขณะนั่งเรือชมทิวทัศน์นั้น อากาศดีมาก  ไม่ร้อน มีลมเย็น ๆ

                        แต่มีข้อเสียคือ คนพายเรือพยายามจะขายของที่ระลึก  จะมีคนพายเรือมาถ่ายภาพเพื่อเก็บเงิน

                        ทำให้อารมณ์ในการชมทิวทัศน์หมดไปเลย

                        และจะขอค่าทิปมาก ๆ ข้อนี้เราอย่าให้ก่อน  ต้องให้เมื่อเรือถึงฝั่ง จอดแล้วเราถึงให้เขาจะไม่โวยวา่ยเพราะจะมีเจ้าหน้าที่ทางการดูแลอยู่  คนพายเรือได้รับเป็นเงินเดือน  แต่ถ้ายังไม่ถึงฝั่งเราให้ค่าทิป  เขาจะเอะอะโวยวาย  ไม่พายเรือเข้าฝั่ง เราทำอะไรไม่ได้เลย  จงระวังจงหนัก

                        ถ้าเธอมีโอกาส  ควรจะไปอย่างยิ่ง

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7891 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2555, 07:48:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ somdej15 เมื่อ 27 ธันวาคม 2555, 21:26:16
เข้ามาอ่านหน้าสนทนาของพี่สิงห์เป็นประจำ แต่เข้ามาแสดงความเห็นไม่ได้เพราะลืมPassword วันนี้เลยลองทำตามคำแนะนำจึงเข้าได้ ดีใจจัง วันหน้าจะขอคุยด้วยครับ
สวัสดี

สวัสดีครับ  สมเดช

                          ขอบคุณมากที่เข้ามาเยี่ยมชม มีอะไรแนะนำมาได้ครับ

                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7892 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2555, 08:16:23 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                           เช้าวันนี้ นครศรีธรรมราช อากาศดีมาก ท้องฟ้าไม่มีเมฆ  ฝนไม่ตก อากาศเย็น มีลมพัดอ่อน ๆ เหมาะแก่การเจริญสติ  ออกกำลังกาย มาก ๆ โดยเฉพาะเทอเรสชั้นสามของโรงแรม มีเสียงนกร้องยามเช้ามืดเป็นเพื่อน

                           นี่ก็ใกล้เทศกาลปีใหม่กันแล้ว  ผมขอนำธรรมมะ ที่พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.  ปยุตฺโต) ท่านกล่าวว่า เป็นคุณสมบัติของเหล่าอุบาสก  อุบาสิกา  ในชั้นโสดาบันเลยที่เดียว  ถึงเราจะยังไม่ได้บรรลุโสดาบันก็ตาม  ถ้าเราปฏิบัติได้  ก็เป็นคุณสมบัติของพุทธศาสนิกชนที่ดี ที่ควรปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง

                          คุณสมบัติของพุทธศาสนิกชนที่ดี ประกอบไปด้วยธรรม ๕  อย่างคือ

                           ๑. ต้องมีศรัทธา

                           ๒. ต้องมีศีล

                           ๓. ต้องมีจาคะ

                           ๔. ต้องมีสูตะ

                           ๕. ต้องมีปัญญา

                            ต้องมีศรัทธา  พวกเราในฐานะพุทธศาสนิกชนม์  ต้องมีศรัทธาในพุทธศาสนา ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์  เชื่อมั่นในคำสอนของพระองค์  ด้วยวิริยะ  ไม่ท้อถอยแม้จะมีอุปสรรคนาน ๆ ประการมากางกั้นก็ตาม ไม่เสื่อมคลาย  แม้ชีวิตจะต้องดับไปก็ตาม

                            ต้องมีศีล  อย่างน้อยศ๊ล ๕ เพราะ การไม่เบียดเบียนสัตว์หรือฆ่าสัตว์หนึ่ง  การไม่ลักสิ่งของที่ผู้อื่นเขาไม่ให้หนึ่ง  การไม่พรากลูก-เมีย-ผัวของผู้อื่นหนึ่ง การไม่พูดเท็จ  คำหยาบย  เพ้อเจ้อ เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหนึ่ง และการดื่มสุรา เสพยาเสพติด ที่เป็นต้นเหตุแห่งการประพฤติผิดในศีลข้อที่กล่าวมาแล้วหนึ่ง  ศีลเป็นคุณสมบัติของคนที่จะอยู่ในสังคมอย่างสงบสุข  มีผู้ให้เกียรติ  เคารพ  ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการ เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอนในพุทธสาสนา

                            ต้องมีจาคะ คือถ้าเรามีทรัพย์มาก  ก็ควรจะบริจาคให้กับคนที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้  หรือไม่มีทรัพย์เราก็ยังช่วยเหลือ อนุเคราะห์คนที่ต้องการรับความช่วยเหลือ  การที่คนเรามีจิตใจเมตตาอยากจะช่วยเหลือผู้อื่นตลอดเวลานั้น  จะมีผู้ที่เคารพ  เห็นความดีของเราได้  จึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง  แต่เรากระทำไปแล้ว ตัวเรา  ครอบครัวเรา  หรือผู้ที่เกี่ยวข้องต้องไม่เดือดร้อน  การให้ อนุเคราะห์ ช่วยเหลือ ผู้อื่นเป็นคุณสมบัติที่ดีของพุทธศาสนิกชนม์

                            ต้องมีสูตะ คือ ศึกษา  ฟัง  อ่าน คำสอนในพุทธศาสนาตามกาลที่มีโอกาส  เพราะคำสอนในพุทธศาสนา โดยเฉพาะพระสูตร ต่าง ๆ นั้นสอนให้คนเป็นคนดี  อยู่ในสังคมได้สงบสุข เป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนควรศึกษาไม่หยุด โดยเฉพาะการศึกษาโดยใช้ตัวของเราคือ รูป-นาม เป็นครู  เราจะรู้ได้ตามที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ในคำสอน  เป็นคุณสมบัติที่ดีของพุทธศาสนิกชน

                            และข้อสุดท้าย พุทธศาสนิชนม์  ต้องอยู่ ดำเนินชีวิต  ด้วยปัญญา ไม่หลงเชื่อในสิ่งที่งมงาย  ต้องไม่เชื่อตามหลัก "กาลามสูตร" ใช้ปัญญาไตร่ตรอง  ปฏิบัติดูด้วยตนเอง ต้องเชื่อในกรรม คือการกระทำ ทำดีก็ตาม  ทำชั่วก็ตาม เราต้องได้รับผลของกรรมนั้น  ไม่มีใครมาบันดาลให้เราได้  ต้องทำด้วยตนเอง โดยใช้ปัญญาไตร่ตรอง โดยเฉพาะก่อนที่จะพูด  ก่อนที่จะกระทำ และก่อนที่จะคิด ต้องมีสติ-ใช้ปัญญา  จึงจะเป็นพุทธศาสนิกชนม์ ที่สมบูรณ์

                             เช้าวันนี้ก็ขอให้ทุกท่านได้ทบทวน คุณสมบัติของอุบาสก  อุบาสิกา  ในพุทธศาสนา เอาไว้เตือนตัวเอง ในฐานะที่เราเกิดในเมืองพุทธ  นับถือพุทธศาสนา ครับ

                             ขอความสงบสุข สมปราถนาในทุกสิ่ง จงมีโดยทั่วกันเทอญ

                             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7893 เมื่อ: 28 ธันวาคม 2555, 19:11:41 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                                  ผมยังอยู่ที่นครศรีธรรมราช กลับวันเสาร์ boarding 15:55 น. ถ้า Nok Air บินตรงตามตารางการบิน

                                  วันนี้ทั้งวันอากาศที่นครศรีธรรมราชดี คือฝนไม่ตกเลย มีแสงแดดทั้งวัน แต่ไม่ร้อนมาก กำลังสะบาย

                                  วันนี้บ่ายผมแวะไปแหล่งขายเครื่องเงิน-ถม หลังสำนักงาน ททท.ประจำนครศรีธรรมราช มา  ตอนนี้สายสร้อยเงิน  สามกษัตริย์ ชุบเงิน  ชุบทอง  ชุบนาค  ลดราคา 50% แต่ไม่เห็นมีใครมาเดินซื้อกันเลย  ผมเลยซื้อสายสร้อยสามกษัตริย์ มาสองเส้น เส้นละ 300 บาท เอาไปให้น้องสาวและพรรคพวกที่โคราช ที่เขาขอหลวงพ่อทวดผมหนึ่งองค์  ผมก็ไปหามาจาก คุณหมอสรรเสริญ หนึ่งองค์พร้อมสายสร้อยเอาไปให้ตามคำขอ  เพราะเขาก็มีบุญคุณต่อผมเป็นอย่างมากที่ผ่านมา

                                   ส่วนน้องสาวนั้น ผมเอารูปแม่ - กระดูก ใส่กรอบเลี่ยมทอง เอาไปให้

                                   หลาย ๆ ท่านคงจะเตรียมตัวออกต่างจังหวัดกันแล้ว  ขอให้เดินทางด้วยความปลอดภัย  และพักผ่อนวันหยุดยาวให้สนุก

                                   วันที่ ๓๑ - ๑ ผมอยู่สิงห์บุรี ทำบุญครบ ๕๐ วัน ให้แม่ที่วัดพระนอน ตอนเพล ในวันที่ ๓๑ เพราะวันที่ ๑ มกราคม พระติดนิมนต์ จึงต้องเลื่อนไปทำที่ ๔๙ วัน  แต่วันที่ ๑ มกราคม ผมก็ไปใส่บาตรทำบุญตอนเช้าให้ท่านอีกครั้ง ซึ่งตรงกับวันเกิดของแม่ และทำบุญปีใหม่ ที่วัดพระนอน

                                   หลังจากนั้นคงกลับ กทม.  ก่อนที่ทุกคนจะกลับ เพราะกลัวรถติด

                                   หลายท่าน คงไปทำบุญ  สวดมนต์ข้ามปี  และปฏิบัติธรรม  ก็ขอให้ทุกท่านโชคดี ได้มรรคผล  นิพพาน

                                   วันนี้ ก็ราตรีสวัสดิ์ ครับ

                                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7894 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2555, 07:22:50 »


สวัสดีครับชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                               อากาศที่นครศรีธรรมราชดีครับ เหมาะแก่การออกกำลังกาย เดินจงกรม สงบ

                               ปกติอาหารเช้าของผม  ถ้าพักตามโรงแรม จะเป็นแบบนี้ไม่ละเว้น เพราะเลือกได้ ให้ผลดีต่อสุขภาพ

                               ทุกท่านลองรับประทานดู  จะพบว่าอร่อยครับ  จากที่กินไม่ได้ในระยะแรก  แต่จำเป็นต่อสุขภาพ

                               ของฝากเช้านี้ครับ

                                ผมโพสต์ โดย Samsung  คุ้นกับมันแล้ว อย่างน้อยได้เปิดหนังสือสวดมนต์สวดทำวัตรเช้า-เย็น ครับ

                                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7895 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2555, 08:13:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 28 ธันวาคม 2555, 08:16:23
สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                           เช้าวันนี้ นครศรีธรรมราช อากาศดีมาก ท้องฟ้าไม่มีเมฆ  ฝนไม่ตก อากาศเย็น มีลมพัดอ่อน ๆ เหมาะแก่การเจริญสติ  ออกกำลังกาย มาก ๆ โดยเฉพาะเทอเรสชั้นสามของโรงแรม มีเสียงนกร้องยามเช้ามืดเป็นเพื่อน

                           นี่ก็ใกล้เทศกาลปีใหม่กันแล้ว  ผมขอนำธรรมมะ ที่พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.  ปยุตฺโต) ท่านกล่าวว่า เป็นคุณสมบัติของเหล่าอุบาสก  อุบาสิกา  ในชั้นโสดาบันเลยที่เดียว  ถึงเราจะยังไม่ได้บรรลุโสดาบันก็ตาม  ถ้าเราปฏิบัติได้  ก็เป็นคุณสมบัติของพุทธศาสนิกชนที่ดี ที่ควรปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง

                          คุณสมบัติของพุทธศาสนิกชนที่ดี ประกอบไปด้วยธรรม ๕  อย่างคือ

                           ๑. ต้องมีศรัทธา

                           ๒. ต้องมีศีล

                           ๓. ต้องมีจาคะ

                           ๔. ต้องมีสูตะ

                           ๕. ต้องมีปัญญา

                            ต้องมีศรัทธา  พวกเราในฐานะพุทธศาสนิกชนม์  ต้องมีศรัทธาในพุทธศาสนา ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์  เชื่อมั่นในคำสอนของพระองค์  ด้วยวิริยะ  ไม่ท้อถอยแม้จะมีอุปสรรคนาน ๆ ประการมากางกั้นก็ตาม ไม่เสื่อมคลาย  แม้ชีวิตจะต้องดับไปก็ตาม

                            ต้องมีศีล  อย่างน้อยศ๊ล ๕ เพราะ การไม่เบียดเบียนสัตว์หรือฆ่าสัตว์หนึ่ง  การไม่ลักสิ่งของที่ผู้อื่นเขาไม่ให้หนึ่ง  การไม่พรากลูก-เมีย-ผัวของผู้อื่นหนึ่ง การไม่พูดเท็จ  คำหยาบย  เพ้อเจ้อ เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหนึ่ง และการดื่มสุรา เสพยาเสพติด ที่เป็นต้นเหตุแห่งการประพฤติผิดในศีลข้อที่กล่าวมาแล้วหนึ่ง  ศีลเป็นคุณสมบัติของคนที่จะอยู่ในสังคมอย่างสงบสุข  มีผู้ให้เกียรติ  เคารพ  ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการ เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอนในพุทธสาสนา

                            ต้องมีจาคะ คือถ้าเรามีทรัพย์มาก  ก็ควรจะบริจาคให้กับคนที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้  หรือไม่มีทรัพย์เราก็ยังช่วยเหลือ อนุเคราะห์คนที่ต้องการรับความช่วยเหลือ  การที่คนเรามีจิตใจเมตตาอยากจะช่วยเหลือผู้อื่นตลอดเวลานั้น  จะมีผู้ที่เคารพ  เห็นความดีของเราได้  จึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง  แต่เรากระทำไปแล้ว ตัวเรา  ครอบครัวเรา  หรือผู้ที่เกี่ยวข้องต้องไม่เดือดร้อน  การให้ อนุเคราะห์ ช่วยเหลือ ผู้อื่นเป็นคุณสมบัติที่ดีของพุทธศาสนิกชนม์

                            ต้องมีสูตะ คือ ศึกษา  ฟัง  อ่าน คำสอนในพุทธศาสนาตามกาลที่มีโอกาส  เพราะคำสอนในพุทธศาสนา โดยเฉพาะพระสูตร ต่าง ๆ นั้นสอนให้คนเป็นคนดี  อยู่ในสังคมได้สงบสุข เป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนควรศึกษาไม่หยุด โดยเฉพาะการศึกษาโดยใช้ตัวของเราคือ รูป-นาม เป็นครู  เราจะรู้ได้ตามที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ในคำสอน  เป็นคุณสมบัติที่ดีของพุทธศาสนิกชน

                            และข้อสุดท้าย พุทธศาสนิชนม์  ต้องอยู่ ดำเนินชีวิต  ด้วยปัญญา ไม่หลงเชื่อในสิ่งที่งมงาย  ต้องไม่เชื่อตามหลัก "กาลามสูตร" ใช้ปัญญาไตร่ตรอง  ปฏิบัติดูด้วยตนเอง ต้องเชื่อในกรรม คือการกระทำ ทำดีก็ตาม  ทำชั่วก็ตาม เราต้องได้รับผลของกรรมนั้น  ไม่มีใครมาบันดาลให้เราได้  ต้องทำด้วยตนเอง โดยใช้ปัญญาไตร่ตรอง โดยเฉพาะก่อนที่จะพูด  ก่อนที่จะกระทำ และก่อนที่จะคิด ต้องมีสติ-ใช้ปัญญา  จึงจะเป็นพุทธศาสนิกชนม์ ที่สมบูรณ์

                             เช้าวันนี้ก็ขอให้ทุกท่านได้ทบทวน คุณสมบัติของอุบาสก  อุบาสิกา  ในพุทธศาสนา เอาไว้เตือนตัวเอง ในฐานะที่เราเกิดในเมืองพุทธ  นับถือพุทธศาสนา ครับ

                             ขอความสงบสุข สมปราถนาในทุกสิ่ง จงมีโดยทั่วกันเทอญ

                             สวัสดี


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                           เนื่องในเทศกาลขึ้นปีใหม่ที่จะมาถึงนี้  ผมไม่มีอะไรจะมอบให้กับทุกท่าน  นอกจาก "ธรรมะ" ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ที่ผมพอจะรู้ได้บ้างเท่านั้น  เพื่อตอบแทนทุกท่าน ที่ได้กรุณา และมีเมตตาต่อผม ในทุกด้านเสมอ ก็ได้แต่หวังว่าถ้าทุกท่านนำไปปฏิบัติ หรือได้ดวงตาเห็นธรรม  ความสุข  สงบ ที่แท้จริงก็จะบังเกิดแก่ท่าน อย่างถาวร  "นิพพาน"  ที่เป็นจุดมุ่งหมายของพุทธศาสนิกชนม์ อย่างท่าน ก็จะไม่ไกลเกินเอื้อม ครับ

                          เช้าวันนี้ขอพูดเรื่อง "ทุกข์"

                          ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน

                          ๑. ความเกิดเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความทุกข์ทั้งมวลในชีวิตมนุษย์  แม้ขณะเกิดก็ทุกข์

                          ๒. ความแก่ก็เป็นทุกข์  เพราะเมื่อเราแก่เฒ่าลง  หลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่าง เราไม่สามารถกระทำได้เช่นวัยย์หนุ่ม-สาว  มันจึงมีแต่ทุกข์

                          ๓. ความเจ็บไข้ได้ป่วยก็เป็นทุกข์ เป็นทุกข์ทั้งรูปและนาม ท่านสามารถเป็นทุกข์ในรูปได้  แต่ถ้าท่านเป็นทุกข์ใจด้วย  ท่านก็จะมีแต่ทุกข์

                          ๔. ความตายก็เป็นทุกข์  ก่อนจะตายก็ทุกข์หนักทั้งรูป และนาม

                          ๕. ความประสบกับสิ่งที่ไม่รัก  ไม่ชอบก็เป็นทุกข์  ซึ่งมนุษย์ต้องประสบอยู่ตลอดเวลา  จึงมีแต่ความทุกข์ทั้งสิ้น   ยกเว้นท่านจะต้องถอนความพอใจ  และความไม่พอใจออกให้ได้  คือต้องไม่มีทิฏฐิ หรือความยึดมั่นว่ามีตัวตน

                          ๖. มีความปราถนาสิ่งใด  ไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์  ชีวิตมนุษย์มีแต่ความปราถนา หรือความอยากทั้งสิ้น  มันจึงมีแต่ทุกข์ร่ำไป

                          ๗. ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักก็เป็นทุกข์ ชีวิตมนุษย์ที่เกิดมานั้น ต้องประสบกับสิ่งที่รัก ที่จะต้องพลัดพรากจากกันตลอดไปเช่น บิดา-มารดา เป็นต้น  จึงต้องประสบกับความทุกข์ร่ำไป

                          จะเห็นว่า มนุษย์ที่เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ ประสบแด่ความทุกข์ เป็นส่วนใหญ่

                          มนุษย์จะประสบความสุข  ก็เพียงชั่วครู่ ชั่วยามเท่านั้น  ไม่จิรังยั่งยืนทั้งสิ้น

                          ชีวิตมนุษย์  จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ร่ำไป ไม่จบสิ้นจนกว่าจะตายจากโลกนี้ไป

                          ดังนั้น เราผู้เป็นมนุษย์ ปุถุชนม์ธรรมดาจะอยู่อย่างไรให้ทุกข์เกิดขึ้นน้อย ๆ ได้

                          สิ่งนั้นก็คือ เราจะต้อง "ถอนความพอใจ และความไม่พอใจ" ของเราออกเสียบ้างให้มันออกมาจากใจแท้จริงตามธรรมชาติ ด้วยการสำรวมอินทรีย์ คือ ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  ใจ  เมื่อเราสัมผัส คือรับรู้ทางอายตนะที่กล่าวมานั้น ไม่ยินดี  ยินร้าย  ไม่ปรุงแต่งทางความคิด เพียงรับรู้เฉย ๆ ใช้ปัญญา  มีวิริยะที่จะอดทนอดกลั้น ไปในทางที่จะเกิดกุศลกรรมเท่านั้น เราก็จะสามารถรักษากาย  วาจา  ใจ  ของเราให้เป็นปกติได้  จะประสบแด่ความสุข  สงบที่แท้จริง

                          ทุกวันนี้สิ่งที่เราประสบกับความทุกข์นั้น ล้วนเกิดจาก ความประสบกับสิ่งที่ไม่รัก ไม่ชอบ เป็นส่วนมาก  ถ้าเราถอนความพอใจ  ความไม่พอใจออกเสียได้ เราก็จะมีความทุกข์น้อยลง  ทิฏฐิ หรือความยึดมั่น  ถือมั่น ว่าเรามีตัวมีตน  มันก็จะหายไป  เราก็จะประสบแต่ความสงบ สุขที่แท้จริง ตลอดชีวิตของท่านที่เกิดมาอยู่บนโลกนี้

                         ขอให้ทุกท่านได้เอาไปพิจารณาด้วยปัญญาเอาเองเถิด

                         ขอความสงบสุขที่แท้จริง  จงบังเกิดแก่ท่าน โดยทั่วทุกคนเทอญ

                         สวัสดี

                   
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7896 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2555, 12:54:06 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                                  อาหารกลางวันของผมสำหรับวันนี้

                                   ไม่อร่อยเลย  

                                   อย่างที่บอก ผมอยู่กับความทุกข์ ในสิ่งจิตมันไม่ชอบ(จิตคนทั่วไป)

                                    สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7897 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2555, 15:25:56 »

คุณเหยงช่วยด้วย

                      ผู้ช่วยเลขารัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย  เป็นสส.พรรคเพื่อไทย  พกพาอาวุธปืนขึ้นเครื่องบิน Nok Air  ไม่มีใบอนุญาติพกพา อาวุธปืน  กำลังใช้บัติเบ่งขอนำปืนขึ้นเครื่องบินครับ

                      คนแบบนี้ ไม่รักษากฏหมายเลย  ทำผิดเสียเอง  เศร้าชะมัด

                      ผมก็ต้องไปเที่ยวบินนี้ด้วย  ความปลอดภัยอยู่ที่ไหน

                      ดร.สุริยา  คงหาว่าผมไม่ปล่อยวาง  มันคนละเรื่องกัน

                      กำลังรอขึ้นเครื่องที่ นครศรีธรรมราช ครับ

                      สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #7898 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2555, 16:00:51 »

สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
มารับธรรมค่ะ
อรเห็นว่า พี่สิงห์ถูกค่ะ ไม่ใช่เรื่องการไม่ปล่อยวาง
แต่ เป็นเรื่องการรักษาสิทธิของเราเองค่ะ
การรักษา ธรรม อย่างไรก็ตาม ต้องไม่เป็นการเบียดเบียนตัวเอง
การที่เราเห็นว่า คนอื่นละเมิดสิทธิของเรา ที่อาจจะทำให้เราเป็นอันตราย
เราปกป้องสิทธิของเราได้ค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7899 เมื่อ: 29 ธันวาคม 2555, 20:51:25 »

สวัสดียามค่ำค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก

                     ผมสงสารพนักงาน Nok Air  ที่ต้องทำเรื่องนำอาวุธปืนขึ้นเครื่อง เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร  มันผิดกฏการบิน  อาวุธปืนต้องมีใบพกพา  และคนที่เอามาทำเรื่องนั้น เป็นตำรวจ  ส่วนพณท่านฯ เลขารัฐมนตรีนั้น  ไม่กล้า แต่ผมเห็นบัตรประจำตัว และนายตำรวจนั้นก็บอกตรง ๆ ว่าเป็นปืนของท่านเลขาฯ  แต่ไม่มีใบพกพา

                     พี่สิงห์  พอเสร็จเรื่องก็เดินไปเข้าห้องรอขึ้นเครื่อง  สุดท้ายทาง Nok Air  ก็คงจะยินยอม  แต่พี่สิงห์  ได้ Mail ไปถามทาง Nok Air ว่า กรณีอย่างนี้ จะมีแนวทางในการปฏิบัติอย่างไร  เพราะสงสารพนัก Nok air ที่ทำหน้าที่ เป็นพนักงานผู้น้อย  ควรจะมีระเบียบที่ชัดเจน  อย่าลืม Nok Air เป็น ปริษัท  ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ  มีอิสสระในการดำเนินธุรกิจ   กฏต้องเป็นกฏ  พี่สิงห์ ก็จะดูว่าทางสำนักงานใหญ่ Nok air  จะตอบพี่สิงห์ ว่าอย่างไรเหมือนกัน  เพื่อต้องการให้เป็นตัวอย่าง พี่สิงห์ จึงได้ส่งข้อร้องเรียนไปทาง Mail  เพิ่งเห็นประโยชน์ Samsung ก็ตรงนี้ละ  แต่ไม่กล้าถ่ายภาพ พณท่านฯ ครับ

                     คณะนี้เป็นเพียงเลขา เท่านั้นยังแสดงตัวใหญ่โต  พี่สิงห์ เห็นที่โรงแรมแล้ว  แทบจะปิดโรงแรมเลย  มีนายตำรวจ  เจ้าหน้าที่ปกครอง  รถฉลามบก  มาต้องรับเต็มที่ และมีผู้สื่อข่าวโทรทัศน์  ติดตามทำข่าวด้วย เป็นคณะใหญ่  ไม่ดีเลยเบ่งจริง ๆ

                     ก็เรียนให้ทุกท่านได้ทราบ  ผมไม่ขอสนับสนุน เจ้าหน้าที่ทำผิดกฏหมาย ครับ

                     พี่สิงห์  อยู่ กทม. แล้วครับ

                      สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 314 315 [316] 317 318 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><