22 พฤศจิกายน 2567, 05:11:03
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 307 308 [309] 310 311 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3544037 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7700 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2555, 19:36:30 »

๑๐. นั่งรถไฟสายอาราชิยามา  ทางรถไฟสายโรมันติก



แลพคูน สัตว์นำโชคของญี่ปุ่น



บนรถไฟสายโรมันติก  ตีตั๋วยืน





















ไกด์ บรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่น บนรถไฟ และร้องเพลงให้ฟัง



























รถลากญี่ปุ่น


                         คณะเดินทางจากเมืองกิฟุไปยังเมืองเกียวโต ตอนเช้าฝนตกพรำๆ ตลอดทาง รถติดมาก จนคณะไม่สามารถไปนั่งรถไฟสายโรมันติกได้ทันในเวลา 11:30 น.  เมื่อถึงเมืองเกียวโต จึงต้องเปลี่ยนแผนไปหาข้าวกินก่อนแบบเปลี่ยนกระทันหัน เลยได้อาหารจีนแทน อาหารญี่ปุ่น

                        คณะมาขึ้นรถไฟ  ตีตั๋วยืนในเวลา 13:30 น. แทน ทิวทัศน์สวยงาม ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

                        เชิญขมภาพดีกว่าครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7701 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2555, 19:45:11 »

๑๑. สวนไผ่ ที่ โทมัส อันวา เอดิสัน จะเอาไปทำเสาไฟฟ้า












                          จากสถานีรถไฟอาราชิยาม่า ต้องเดินตากฝนพรำ ๆ ไปวัดเท็นริวจิ ต้องผ่านสวนป่าไผ่ ที่ต้นตรงมาก สูงชะลูด ที่ โทมัสอันวา  เอดิสัน  มาเห็นเข้า ถึงกับมีความคิดจะเอาต้นไผ่นี้ไปทำเสาไฟฟ้า เพราะสามารถทนแรงดึงได้สูง

                          เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7702 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2555, 19:58:51 »

๑๒. วัดเท็นริวจิ






































                          ต้นเมเปิลที่สวนในวัดเท็นริวจิ  กำลังเปลี่ยนสี

                          ส่วนต้นซากุระ เหลือเพียงกิ่ง ก้านเท่านั้น เพราะใบล่วงหมดแล้ว

                          เวลามีลมกรรโชก ใบเมเปิลจะร่วงหล่น สวยมากครับ

                          เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7703 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2555, 20:27:12 »



















คนญี่ปุ่น นิยมมานั่งมองทิวทัศน์ที่สวยงามปล่อยจิตให้ว่างตามนิกายเซน











ภาพสังคปรินายกองค์ที่ ๑ ท่านตั๊กม้อ เป็นภิกษุพระอรหันต์ชาวอินเดีย ที่มาเผยแพร่พุทธศาสนามหายานในจีน





























   
                            วันนี้เหมาะสำหรับปฏิบัติธรรมมาก ถ้าไม่มีนักท่องเที่ยว และพักค้างคืนได้

                            เชิญชมภาพครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7704 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2555, 20:36:20 »
























                          บริเวณหน้าวัดมีแต่ร้านค้าขายขนมญี่ปุ่น เต็มไปหมด

                          ผมเองไม่ได้ซื้อ  ไม่ได้ชิม เพราะมันเป็นช่วงบ่าย  จึงไม่เสียสตางค์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7705 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2555, 20:53:12 »

๑๓. Crab Set menu

                             วันนี้เราเจอทั้งฝน  รถติด ทาง JTB เลย up grade โรงแรมเป็น Premium class พักที่โรงแรม Sheraton Miyako Hotel Osaka เป็นโรงแรมห้าดาว บริการดีมาก

                             ส่วนอาหารเย็นนั้น รับประทานที่ภัตตาคาร Amimoto Bekkan บริการด้วยเมนูปูยักษ์เลื่อชื่อของญี่ปุ่น Crab Set menu ในห้อง Private room  น่าเสียดายผมได้แต่ดู  ไม่ได้รับประทาน และเท่าที่ดูทุกคนกินไม่หมด เพราะมีปริมาณแยะเกินไป สามสี่อย่างท้าย ๆ จึงเหลือน่าเสียดายมาก  ญี่ปุ่นมีข้อเสียคือ ทุกภัตตาคารให้กินในห้องห้ามนำออกนอกห้อง ไม่มีใส่กล่อง  มื้อเย็นอาหารดี ๆ ทั้งนั้น  แต่ผมงดหมด จึงไม่รู้ว่าอร่อยหรือไม่

                             เชิญชมภาพ


















อาหารมื้อเช้าผม ที่โรงแรมเชอราตัน โอซากา









      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7706 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2555, 21:11:08 »

๑๔. ลาก่อนโอซากา


                             วันสุดท้ายตามโปรแกรม เช้าไปชมปราสาทโอซากา ที่เหลือ shopping และไปสนามบินคันไซ

                             สำหรับผมนั้นภายหลังจากไปชะโงกทัวร์ที่ปราสาทโอซากา ก็ไปแล่ง shopping ภรรยาของเทรากาวาซัง มาพบผมและพนักงานของนิเชียสองท่าน เพื่อจะพาผมไปซื้อไม้กอล์ฟโดยเฉพาะที่แหล่งอื่นต้องนั่ง Taxi ไปกับพวกเขาคนเดียว ภรรยาเทรากาว่าซัง ได้มอบของที่ระลึกให้ผม  ทักทายผม  ขอบคุณที่เป็นเพื่อนตีกอล์ฟกับสามีเขาที่เมืองไทย

                             ลูกน้องสองคนที่มารับผมเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด และลุกน้อง

                             สำหรับอาหารกลางวันนั้น ทาง SIW แจกเป็นเงินให้ไปหารับประทานเอาเองตามชอบใจ  ผมได้แต่เดินดูเท่านั้น บังเอิญไปเห็นกระเป๋าถูกใจ  จะซื้อ คุณวีนัส  ไม่ยอมขอซื้อให้แทน  ผมเลยได้กระเป๋าสะพายหลังลองชอม มาหนึ่งใบครับ

                             ช่วงบ่ายไปชมที่ Outlet มีของมากมาย แต่ได้แต่ดู

                              อาหารเย็นเป็นแบบปิ้ง  ย่าง  บุปเฟ่  ผมได้แต่ดู ครับ

                              ขึ้นเครื่องบินเวลา เวลาเที่ยงคืนพอดี

                              ขอจบดื่อ แบบนี้ครับ เพราะหมดเวลา จะเข้านอนแล้ว

                              สวัสดี






























โครงสร้างยอดนิยมสำหรับ หลังคาสนามบิน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7707 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2555, 08:40:53 »


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                               วันนี้ผมเดินทางไปท่องเที่ยวทัศน์ศึกษาเมืองซาปา  ฮาลองเบย์ นิงห์บิงห์  และกรุงฮานอย ประเทสเวียตนาม ตั้งแต่วันที่ ๑ - ๕ ธันวาคม ศกนี้ ไปกับคณะชาวซีมะโด่งและเพื่อนผู้รู้ใจ จำนวน ๒๕ ท่าน โดยมีคุรประทาน  เป็นผู้ดำเนินการ มีบริษัท ไทยโมเดิลทราเวล จำกัด เป็นผู้ดำเนินการพาไปท่องเที่ยว

                               ดังนั้น  ผมขอฝาก กระทู้นี้ให้ทุกท่านได้ หาสิ่งดี ๆ มาบอกให้ทราบกัน หรือระลึกถึงกัน แทนผมด้วยครับ ขอบคุณมาก

                               สำหรับธรรมะจากผมที่จะฝากให้ท่านระลึกถึงอยู่บ่อย ๆ เพื่อให้พ้นทุกข์ถาวร การที่จะพ้นทุกข์ถาวรนั้น มันต้องเกิดขึ้นจากจิต  จากปัญญาภายใน  ที่ไม่ได้บังคับมันทั้งสิ้น มันจะปล่อยวางด้วยตัวของมันเองในเรื่องความยึดมั่นถือมั่น ในเรื่องความทะยายอยาก มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ท่านจะค้นพบด้วยตัวของท่านเอง  ชีวิตของท่านจะสงบสุข  ปราศจากศรัตรู ประสบความสำเร็จในการกระทำ และอยู่อย่างพอเพียง

                               ธรรมนั้น ประกอบไปด้วย

                                ๑. ท่านต้องมีศรัทธา ท่านต้องมีศีล ท่านต้องมีวิริยะ ท่านต้องมีสติ และท่านต้องใช้ปัญญา

                                ๒. ท่านต้องเปลี่ยนความคิดของท่านใหม่ สร้างทัศน์คติที่ถุกต้องด้วยจิตที่เห็นจริงว่า ที่เราคิดว่าเรามีตัวตนนั้น มันไม่มีเลย เพราะเราบังคับตัวตนของเราไม่ได้เลย เราต้องคิดว่าตัวตัวของเราไม่มี มีแต่สิ่งที่ประกอบไปด้วย รูป - นาม

                                     - รุปนั้นประกอบไปด้วยมหาธาตุ ทั้ง ๔ มหาธาตุทั้ง ๔ นั้น ท่านลองพิจารณา รอบ ๆตัวท่านจะพบว่า โลกของเรานั้นประกอบไปด้วยธาตุดิน(ส่วนที่เป็นของแข็ง) ธาตุน้ำ(ส่วนที่เป็นของเหลว) ธาตุลม (ส่วนที่เป็นที่ว่าง) และธาตุไฟ(ความร้อน - เย็น) ร่างกายของเราก้ประกอบไปด้วยมหาธาตุทั้ง ๔ นั้น เป็นรูป   รูปประกอบไปด้วยอวัยยวะ ๓๒ เป็นร่างกายที่เขาบัญญัติเรีอยกว่ามนุษย์ในภาษาไทย

                                     - นามนั้น  ถ้าเราสังเกตให้ดี จะพบว่าเจ้าร่างกายของเราที่เป็นรูปนั้น มันมีอะไรอย่างหนึ่งที่คอยควบคุม สั่งการให้ร่างกายทำงานและรับรู้อารมณ์ที่มากระทบ หรือเกิดขึ้นได้ เจ้าสิ่งนั้นเขาสมมติว่ามันคือจิต  จิตที่เราหลงอยู่กับมัน เป็นธาตุมัน จนแยกแยะไม่ออก คิดว่านั่นละคือตัวตนของเรา และเป็นตัวก่อทุกข์  นามนั้นไม่มีตัวตนให้เรายึดมั่นได้ประกอบไปด้วย เวทนา (การรู้ว่านี่คือสุข ทุกข์ ไม่สุข์ไม่ทุกข์) สังขาร(ความคิดปรุงแต่ง) สัญญา (ความจำได้หมายรู้) และวิญญาณ (การรับรู้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)

                                     - นามนั้น เป็นตัวก่อทุกข์ เพราะความต้องการนทะยานอยาก และยึดมั่นถือมั่น ไม่จบสิ้น

                               ๓. ทุกข์ เราต้องทราบสาเหตุแห่งทุกข์(สมุทัย) ต้องแก้ที่สาเหตุ(นิโรธ) ทุกข์นั้นประกอบด้วย ความเกิด(ต้นเหตุแห่งการเริ่มต้นเกิดทุกข์) ความแก่  ความเจ็บ  ความตาย  ประสบแต่สิ่งที่ไม่รักไม่ชอบ  ปราถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น และความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก

                                   ตัวทุกข์ที่แท้จริง คือ รูป - นาม เป็นตัวทุกข์  ท่านต้องค้นให้พบด้วยตัวท่านเอง แล้วท่านจะห่างไกลทุกข์ได้ แต่ไม่ใช่วิธีหนีทุกข์ ท่านหนีไม่พ้น  ท่านต้องอยู่กับมัน  แต่ท่านไม่ได้เป็นทุกข์ไปเองกับมัน ท่านต้องมีจิตเหนือมัน ทุกข์มันไม่มีตัวตนแท้จริงเลย ดังนั้นท่านไม่ต้องเสียเวลาไปหา ไปละทุกข์

                               ๔. ท่านต้องเชื่อมัน และปฏิบัติตามมรรค มีองค์ ๘  หรทางอันประเสริฐ ที่จะทำให้ท่านพ้นทุกข์ถาวร  ท่านสามารถคันพบด้วยตัวของท่านเองได้  เหมือนที่ผมค้นพบ และนำไปปฏิบัติ เราก็พ้นทุกข์ได้พอสมแต่ฐานะ

                               ๕. ยึดมั่นในข้อปฏิบัติโพธิปัคยะธรรม ๓๗ ประการ ในการดำเนินชีวิตเพื่อความพ้นทุข์

                                   หมดเวลาแล้วครับ ขอยุติด้วยเวลาเพียงเท่านี้

                                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #7708 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2555, 09:34:15 »


...ทันสมัยมากเลยค่ะ...พี่สิงห์...

...อัพเดทข้อมูลวันต่อวันเลย...

...ขอบคุณที่นำรูปมาให้ชมค่ะ...

...รอชมรูปจากซาปาด้วยนะคะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #7709 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2555, 08:58:39 »

    สวัสดีค่ะพี่สิงห์  มาชมภาพสวยๆค่ะ   และได้ศึกษาธรรมะด้วยค่ะขอบพระคุณมากๆค่ะ
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #7710 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2555, 09:01:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2555, 08:37:06

                             
                            วันนี้เป็นวันเกิดของ ดร.กุศล   อิสดุลย์

                             ดร.กุศล   อยู่คนเดียว  ไม่มีใครดูแล  มีเพียงบำนาญเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท (ดีกว่าผมอีกที่ไม่มีบำนาญ)

                             ผมในฐานะคนคุ้นเคย  ก็ขออาราธนาเอาคุณพระพุทธ  พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่ตั้ง ขอให้ ดร.กุศล  มีสุขภาพที่แข็งแรง มีกำลังใจที่จะดูแลสุขภาพด้วยการ ออกกำลังกายอยู่เป็นนิจ  กินอาหารพอประมาณที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย  ไม่นอนดึก และมีสติ  เทอญ

                             สวัสดีครับ

  สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่กุศล
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7711 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2555, 08:04:14 »

กลับจากซาปา แล้วครับ
























สวัสดียามเช้า หรือซินจ่าว ครับชาวซีมะโด่ง และแขกผุ้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                                 วันนี้เป็นเช้าวันพฤหัสบดีที่  ๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ ผ่านวันเฉลิมพระชนม์พรรษาขององค์พระบาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนม์ชาวไทยมาแล้วหนึ่งวัน ก็ขออวยพรย้อนหลัง

                                  ขอให้พระองค์ท่าน มีสุขภาพที่แข็งแรง  ปราศจากโรค(เป็นไปไม่ได้) มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน เป็นร่มโพธิ์ของปวงชนม์ชาวไทยให้นานที่สุด พะยะค่ะ  ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระเจ้านายมานพพ  กลับดี

                                  เครื่องบินออกจากสนามบินนอยไบ ช้ากว่ากำหนดไปพอสมวร เพราะรอเครื่องบินขาเข้ามารับ มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิตีหนึ่งพอดี และถึงบ้านตีสอง ภายหลังจากให้รถ TAXI แวะไปส่งพี่ติ๋วที่บ้านก่อน  ได้นอนก็จะตีสามแล้ว

                                 วันนี้ตื่นขึ้นมาลุกออกจากที่นอนก็หกโมงครึ่ง ได้หุงข้าว เดินไปซื้อกับข้าว ได้ใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน เสร็จแล้วก็รับประทานอาหารเช้า และ ต้องมาเข้าเวบเพื่อทักทายกับทุกท่าน

                                 วันนี้ก่อนเที่ยงต้องทำ DETOX เพื่อปรับสภาพท้องให้เป็นปกติขับของเสียของเวียตนามออกให้หมด

                                 บ่ายแก่ ๆ เดินทางไปนครศรีธรรมราช  ไม่ได้ไปมาเกือบเดือนแล้วครับ รู้สึกว่าคิดถึงเหมือนกัน

                                 เมืองซาปาที่ไปท่องเที่ยวในครั้งนี้ อยู่ภายใต้เมฆ  มองอะไรไม่เห็นเท่าไร  ดีที่ว่าวันสุดท้ายบางช่วงเวลาได้ชมวิว เพราะท้องฟ้าแจ่มใส  เป็นธรรมชาติที่น่าอยู่มาก  แต่การเดินทางต้องมีร่างกายที่แข็งแรง  เพราะจะอ่อนเพลียมาก

                                 ในที่สุดก็ได้ไปชมซาปาสมใจ  ตามที่ปราถนาเอาไว้นานแล้ว สำหรับเวียตนามก็เที่ยวเกือบจะครบแล้ว  คงต้องใช้คำว่าพอแล้ว

                                 ไปคราวนี้ได้ศึกษาจิตตนเอง  และจิตของผู้อื่นเพิ่มขึ้น  ผมเองรู้ว่าจะอยู่กับคนที่เป็นธาตุตรงข้ามกับเราได้อย่างไร เพราะเราสามารถระวังตัวเราเองได้  แต่ระวังตัวคนอื่นไม่ได้  เราสามารถที่จะมีวิริยะได้  แต่คนอื่นไม่เข้าใจ  ผมจึงได้รู้ว่า เรานั้นอยู่ยากในสังคมของคนที่ยังหลงอยู่ในโมหะ หรือในสังคมทั่วไป  ทำไมพระพุทะองค์ถึงให้ปลีกวิเวก หรือออกบวช  มันก็เป็นความจริง  อยู่ลำบากในสายตาคนอื่น ที่เป็นห่วง  แต่เรามีแต่สุชสงบ เพราะไม่คิดอะไรเลย  ไม่เป็นอะไรเลย  คนที่เป็นห่วงเรานั้น ผมก้ได้แต่บอกกลับไป  อย่ามาห่วงผมเลย  ห่วงตัวเองดีกว่าให้มาก ๆ ไว้  ผมสุขสบายดี  และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ  คนที่ห่วงผมมีแต่ต้องพึ่งยา

                                 ทัวร์ครั้งนี้ พี่ติ๋วก้ได้รู้ตัวเองแล้วว่า  เราว่าร่างกายของเราแข็งแรงดี  ออกกำลังกายทุกวัน  แต่เอาเข้าจริง มันไม่ไหว ยังดูแลร่างกายไม่เพียงพอ  ต้องเพิ่มความเข้มข้นมากกว่าเดิม ด้วยการดูแลเรื่องการกินให้มากหน่อย

                                คุณแววตาก้เหมือนกัน  เห็นออกกำลังกายบ่อบมาก  แต่คราวนี้ถึงกับต้องให้คนหามออกมาจากร้านอาหารเดินไม่ได้ เพราะเสียวเข่า  จนไม่สามารถยืนอยู่ได้

                                นี่ละสังขารมันย่อมเสื่อมถอยไปเป็นธรรมดา  ถ้าขาดซึ่งการดูแลอย่างครบถ้วนแท้จริง

                                ขอขอบพระคุณ  คุณน้องไข่มุก และคุณน้องตู่  ที่เข้ามาพูดจาในกระทู้นี้ ครับ

                                สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #7712 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2555, 09:04:08 »


      สวัสดีค่ะ พี่สิงห์...

              มารับพี่สิงห์กลับบ้านค่ะ..สนุกไหมคะ? ซาปา...

              รอชมรูปนะคะ..
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7713 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2555, 10:39:03 »

อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 06 ธันวาคม 2555, 09:04:08

      สวัสดีค่ะ พี่สิงห์...

              มารับพี่สิงห์กลับบ้านค่ะ..สนุกไหมคะ? ซาปา...

              รอชมรูปนะคะ..



สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย ที่รัก

                             จะว่าสนุกก็สนุก  จะว่าไม่สนุกก้ไม่สนุก คือพยายามไม่ยินดียินร้าย  ในสิ่งที่ได้พบได้เห็น มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่เราไม่เคยประสบเท่านั้น  แต่คนท้องถิ่นมันก็ธรรมดาของเขา เหมือนเราอยู่บ้านเรานั่นแหละ

                            เพียงแต่แปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เท่านั้น

                            อาหารการกินหนักไปทางเนื้อสัตว์ เพราะหาง่าย  ผักสดหายาก มันอาจจะแพงก็ได้

                            อาหารที่อร่อยมักอยู่ในมื้อเย็น  ซึ่งพี่สิงห์  ก็รับประทานเพียงสองมื้อ คือเช้า - กลางวัน เท่านั้น

                           รายละเอียดต้องรอคุณเหยง - พี่นพดล  เพราะเขาถ่ายภาพมากกว่าพี่สิงห์ ครับ

                           ขอบคุณมากที่มาต้อนรับกลับบ้าน

                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #7714 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2555, 10:59:09 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 06 ธันวาคม 2555, 10:39:03
อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 06 ธันวาคม 2555, 09:04:08

      สวัสดีค่ะ พี่สิงห์...

              มารับพี่สิงห์กลับบ้านค่ะ..สนุกไหมคะ? ซาปา...

              รอชมรูปนะคะ..



สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย ที่รัก

                             จะว่าสนุกก็สนุก  จะว่าไม่สนุกก้ไม่สนุก คือพยายามไม่ยินดียินร้าย  ในสิ่งที่ได้พบได้เห็น มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่เราไม่เคยประสบเท่านั้น  แต่คนท้องถิ่นมันก็ธรรมดาของเขา เหมือนเราอยู่บ้านเรานั่นแหละ

                            เพียงแต่แปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เท่านั้น

                            อาหารการกินหนักไปทางเนื้อสัตว์ เพราะหาง่าย  ผักสดหายาก มันอาจจะแพงก็ได้

                            อาหารที่อร่อยมักอยู่ในมื้อเย็น  ซึ่งพี่สิงห์  ก็รับประทานเพียงสองมื้อ คือเช้า - กลางวัน เท่านั้น

                           รายละเอียดต้องรอคุณเหยง - พี่นพดล  เพราะเขาถ่ายภาพมากกว่าพี่สิงห์ ครับ

                           ขอบคุณมากที่มาต้อนรับกลับบ้าน

                           สวัสดี


      พี่สิงห์คะ..ให้ชมรูปแค่นี้เหรอคะ?...

        มีความสุขบ้างก็ดีแล้วค่ะ พี่สิงห์ ดีที่ได้ไปเห็นโลกกว้าง

        จะได้รู้ว่าเขาทำอะไรกันมั่งในโลกนี้ ....

              แปลกใจเรื่องอาหารค่ะ..ปกติเวียตนามเขากินผักมากกว่าเนื้อไม่ใช่หรือคะ?

         ทำไมเที่ยวนี้ได้กินเนื้อมากกว่าผักละคะ?...   
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #7715 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2555, 11:16:32 »


...ขอบคุณสำหรับรูปค่ะ...พี่สิงห์...

...อยากชมนาข้าวขั้นบันไดอีกค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7716 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2555, 11:58:23 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 06 ธันวาคม 2555, 11:16:32

...ขอบคุณสำหรับรูปค่ะ...พี่สิงห์...

...อยากชมนาข้าวขั้นบันไดอีกค่ะ...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                         มันเป็นฤดูหนาวแล้ว  ฤดูเก็บเกี่ยวมันหมดไปแล้ว  ท้องนามีแต่ซัง ตอต้นข้าว และน้ำแช่อยู่เพื่อให้ต้นข้าวเน่ากลายเป็นปุ๋ยในฤดูทำนา ครั้งต่อไป

                        จะมีก็การปลูกผักเพิ่มรายได้และเพื่อรัครับ

                        อย่าลืมวันแรก คณะอยู่ภายใต้เมฆปกคลุมทั้งเมือง ทั้งวันทั้งคืน มีแต่ละอองน้ำเต็มไปหมด  ไม่ใช่ฝน  ไม่ใช่หมอก มันเป็นเมฆเหมือนเวลาเครื่องบิน บินผ่านก้อนเมฆ แบบนั้น แต่เราอยู่ใจกลางก้อนเมฆ

                         ดังนั้นเราจึงมองไปข้างหน้าได้เพียงไม่เิกน ๒๐ เมตรเท่านั้น ครับ

                        ขอพักผ่อนก่อนเพื่อให้คงสภาพที่ดี  จะกลับมาเล่าเป็นตอน ๆ ไป ครับ ใจเย็น ๆ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7717 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2555, 12:09:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 06 ธันวาคม 2555, 10:59:09
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 06 ธันวาคม 2555, 10:39:03
อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 06 ธันวาคม 2555, 09:04:08

      สวัสดีค่ะ พี่สิงห์...

              มารับพี่สิงห์กลับบ้านค่ะ..สนุกไหมคะ? ซาปา...

              รอชมรูปนะคะ..



สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย ที่รัก

                             จะว่าสนุกก็สนุก  จะว่าไม่สนุกก้ไม่สนุก คือพยายามไม่ยินดียินร้าย  ในสิ่งที่ได้พบได้เห็น มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่เราไม่เคยประสบเท่านั้น  แต่คนท้องถิ่นมันก็ธรรมดาของเขา เหมือนเราอยู่บ้านเรานั่นแหละ

                            เพียงแต่แปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เท่านั้น

                            อาหารการกินหนักไปทางเนื้อสัตว์ เพราะหาง่าย  ผักสดหายาก มันอาจจะแพงก็ได้

                            อาหารที่อร่อยมักอยู่ในมื้อเย็น  ซึ่งพี่สิงห์  ก็รับประทานเพียงสองมื้อ คือเช้า - กลางวัน เท่านั้น

                           รายละเอียดต้องรอคุณเหยง - พี่นพดล  เพราะเขาถ่ายภาพมากกว่าพี่สิงห์ ครับ

                           ขอบคุณมากที่มาต้อนรับกลับบ้าน

                           สวัสดี


      พี่สิงห์คะ..ให้ชมรูปแค่นี้เหรอคะ?...

        มีความสุขบ้างก็ดีแล้วค่ะ พี่สิงห์ ดีที่ได้ไปเห็นโลกกว้าง

        จะได้รู้ว่าเขาทำอะไรกันมั่งในโลกนี้ ....

              แปลกใจเรื่องอาหารค่ะ..ปกติเวียตนามเขากินผักมากกว่าเนื้อไม่ใช่หรือคะ?

         ทำไมเที่ยวนี้ได้กินเนื้อมากกว่าผักละคะ?...  



สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย ที่รัก

                             ปกติถ้าเราอยากกินสิ่งที่เราควรกิน  เราจะต้องขอทราบรายการอาหารแต่ละมื้อที่ทางทัวร์ท้องถิ่นจัดให้  ถ้าเราไม่สนใจขอทราบ  เราก็ต้องรับประทานตามที่เขาจัดมาให้  ซึ่งก็ต้องเป็นอาหารที่ราคาถูก คุณภาพพอใช้ได้  จึงเป็นเนื้อสัตว์เป็นส่วนใหญ่ เพราะหาง่าย ทำง่าย  ดังนั้น ทัวร์ที่ราคาถูก นั้นมันอยู่ที่อาหารครับ  และเขาก็กลัวว่าเรากินผักไม่ได้ มันทำยาก  จึงมักไม่มีในรายการอาหารจะมีเพียงผัดหนึ่งอย่างเท่านั้น  อย่าลืมแหนมเนืองราคาแพง ทางทัวร์เขาไม่จัดให้หรอกครับ  ยกเว้นมื้อพิเศษ หรือเราสั่งให้เขาจัด แต่ก็ต้องเพิ่มราคาทัวร์ไปด้วย

                              อย่างทัวร์ของ SIW ที่พาลูกค้าไปนั้น ต้องขอทราบรายการอาหารก่อนเสนอราคา และผู้จัดการที่มาเสนอราคา ต้องเป็นหัวหน้าทัวร์ด้วย  เพื่อว่าจะได้เป็นไปตามที่ตกลงกัน

                             การท่องเที่ยวอย่าดูที่ราคาถูกอย่างเดียว  จะทำให้เรารู้สึกว่าทำไมโต๊ะข้าง ๆ อาหารเขาดีกว่าเราอีก ทั้งที่เป็นร้านเดียวกัน และทัวร์เหมือนกัน  ครั้งนี้ก็ประสบมาแล้วในมื้อแรก

                             ปกติอาหารทัวร์นั้น  จะค่อยๆ เพิ่มคุณภาพไปทีละมื้อ เพราะเขาคิดเอาไว้แล้วครับ

                             ดังนั้น ใครจัดทัวร์ราคาถูกๆ จงระวัง เรื่องอาหาร   ที่พัก ครับ

                             ระวังทัวร์ที่ไปเขมร ของซีมะโด่ง ครั้งต่อไปนั้น จงระวังด้วยขอเตือน

                             สวัสดี
               
           
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7718 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2555, 12:31:38 »









จิบชา กินมันเผา  ท่ามกลางอากาศที่หนาวสบาย





สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                               การที่ผมได้พัก ไปท่องเที่ยว ๒ ทัวร์ ทั้งญี่ปุ่น และ ซาปา ติดต่อกันในครั้งนี้ ทำให้ผมลืมเรื่องทางเมืองไทยที่เคยประสบอยู่ทุกวัน ทำให้ผมลืมเรื่องการสูญเสียคุณแม่อิม   กลับดี  ไปเลย  เป็นยาแก้โรคทางใจได้ดีระดับหนึ่ง  ทั้งๆ ที่เราทำใจได้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา  แต่อย่าลืมเราไม่มีอำนาจเหนือจิต  ความคิดเราได้  เพราะมันเป็นอนัตตา อยู่ ๆ มันก็คิดขึ้นมา  แต่การห่างไกลมันเป็นยาแก้ได้ครับ

                                 ผมเองก็พาแม่ไปเที่ยวด้วย เพราะแม่ไม่เคยเที่ยว  ไม่เคยเห็น ผมนำรูปท่าน พร้อมกระดูก มาทำเป็นพระ แทนพระที่เคยแขวนที่คอ และบอกแม่ทุกครั้งว่าให้ตามผมไป เกาะหลังผมไป  อย่าให้ห่างตัว กลัวพลัดหลงกัน เวลาจะขึ้นเครื่องบิน และเวลาจะขึ้นเครื่องบิน บินกลับประเทศไทย  พอจะลืม มันก็จะมีความระลึกขึ้นมาที่กลางกระหม่อม ให้เราทราบทันทีว่าต้องบอกแม่กลับบ้าน ไม่ให้หลงอยู่ในต่างประเทศ กระทำโดยอัตโนมัติ ของมันเอง  ทั้งสองทัวร์ที่ผ่านมาหมั่นบอกท่านเสมอ กลังหลงทาง

                                  ถ้าจิตมันจะระลึกขึ้นมา คือคิดขึ้นมาอีก เพื่อให้เราหลงอยู่ในโมหะ ก็คิดในทางที่ดีว่า เราทำอะไรให้แม่ไม่ได้อีกแล้วในการตอบแทนบุญคุณท่าน มีเพียงการสร้างความดีในสังคม และการปฏิบัติธรรมของเราให้ก้าวหน้าเท่านั้น เพื่อว่าอานิสสงค์จะได้ถึงท่านด้วย มีทางนี้ทางเดียวเท่านั้น ที่เราจะกระทำให้แม่ได้  นับว่าเป็นพละกำลังอย่างดีที่จะมีวิริยะในทางทำกุศลธรรมให้เกิดขึ้นกับเราในการปฏิบัติธรรมได้ ครับ

                                  ผมต้องเตรียมตัวเดินทางไปนครศรีธรรมราชแล้วครับ

                                  จะมาเล่าเรื่องราวในการไปทัวร์ซาปา มาให้ทราบกัน

                                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7719 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2555, 14:40:57 »



                           พี่สิงห์ อยู่สนามบินดอนเมือง

                           เมื่อสักครู่ ได้โทรศัพท์ ไปหาคุณวัฒนา  โอภานนต์อมตะ  ด้วยความเป็นห่วง  ระลึกถึง  ได้สอบถามอาการเจ็บป่วย

                           รศ.ประกายแก้ว  เป็นคนรับสาย  บอกมาว่า พี่แต๋งสบายดี  ยังพูดไม่มีเสียงเนื่องจากลำคอเคยสอดสายยางมานาน ทำให่ระบบยังพูดไม่ออก  เอาไว้พูดได้เป็นปกติแล้ว  จะให้พี่แต๋ง  โทรศัพท์ กลับไปหา  นับว่าเป็นข่าวดี ครับ

                           คนเรานั้น  จะเห็นใจกันก็ตอนเจ็บป่วยนี่ละ  เราระลึกขึ้นมาได้ก็ต้องโทรศัพท์ ไปพูดจา  หากัน เป็นกำลังใจ  จะได้มีกำลังใจ  ไม่เหงา  ไม่คิดมาก  อย่างน้อยก็มีพี่สิงห์  คอยเป็นกำลังใจให้คนหนึ่งละที่เป็นห่วง

                           อาจารย์ประกายแก้ว   บอกว่า เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า คนเรานั้น ไม่มีกระเพาะอาหารก็ยังอยู่ได้เป็นปกติสุขพอสมควร  เพียงแต่ต้องรับประทานน้อยลงเท่าที่ลำไส้เล็กจะบรรจุอาหารได้   นับว่าเป็นความรู้อีกอย่างหนึ่งที่  ผมเองก็เพิ่งทราบครับ

                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7720 เมื่อ: 07 ธันวาคม 2555, 15:57:50 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                              ผมอยู่ที่นครศรีธรรมราช  อากาศดี คือไม่มีฝน ตอนเช้าแสงแดดอ่อน ๆ เย็นสบายเหมาะแก่การออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง  เมื่อเช้าตรู่เลยมาเดินจงกรมออกกำลังกาย ต่อด้วยรำชิกง และโยคะ

                             เสร็จแล้วไปชั่งน้ำหนักดู ปรากฏว่าตอนนี้น้ำหนักเหลือ 67 - 68 กิโลกรัม ในช่วงสามอาทิตย์ที่ผ่านมา น้ำหนักหายไปประมาณ 2 กิโลกรัม  ก็จะพยายามรักษษา น้ำหนักตัวเองไม่ให้เกิน 68 กิโลกรัม จะเดินเหิร คล่องตัวหน่อย

                             อาทิตย์นี้ ทางร้านค้าที่สนามบินดอนเมืองมีลูกเสาวรสขาย จึงซื้อไปฝากเพื่อนฝูงที่นครศรีธรรมราช เมื่อเช้าก็ได้รับประทานภายหลังจากออกกำลังกายเสร็จ และได้แบ่งให้คุณดลนภน  เพื่อนร่วมออกกำลังกายประจำ จะได้ชุ่มชื่นใจ

                             ไม่ได้ทำงานมาสามอาทิตย์กว่า  ตั้งตัวไม่เป็นเหมือนกัน  ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เพราะไม่มีงานประจำที่ต้องทำเหมือนคนอื่นเขา  คงต้องวางแผนชีวิตใหม่ เสียแล้วเรา

                             พลพรรคที่คอยติดตามข่าวคราวก็ไม่มาเยี่ยมเยือน ก็ไม่รู้จะเขียนอะไรเหมือนกัน

                             การไป ซาปา มาครั้งนี้ ก็ได้เรียนรู้ "รูป - นาม" จากตนเอง และผู้อื่นมากขึ้น  ชักจะแน่ใจแล้วว่า จุดมุ่งหมายที่แท้จริงในการปฏิบัติธรรมนั้น คืออะไร  ถ้าใครไม่ได้เรียนรู้ "รูป - นาม"  ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้กระทำในการตั้งสติปัฏฐาน ๔ แต่ถ้าดำเนินชีวิตตามคำสอนที่มีในพระไตรปิฎก หรือ มรรค ๘ สุดท้ายก็เป็นทางเดียวกัน จุดหมายปลายทางเหมือนกัน  อยู่ที่ว่าใครจะหาคำตอบด้วยตัวเอง แบบที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ มาก่อน แล้วมาบอกกล่าวให้ปฏิบัติ หรือปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทะองค์ด้วยศรัทธา แรงกล้า คำตอบุดท้ายคือ อันเดียวกัน จุดหมายปลายทางเดียวกัน เป็นความจริง ครับ

                              สำหรับเรื่องซาปา คงจะต้องเขียนเสียแล้ว เพราะไม่รู้จะเขียนอะไรดี

                               ดร.สุริยา  ดร.กุศล  ก็ไม่ได้อาราธนาธรรม  ไม่ได้ติดกัณเทศน์ มันก็เลยเทศนาไม่ออกเหมือนหมอทำขวัญนาค  ลูกไม่คลอดสักที  ถ้าไม่มีปัจจัยมาเกื้อหนุน นาคก็นั่งจนหลังแข็งไปเรื่อย ๆ   (ชักไปใหญ่เสียแล้วเรา)

                               ชาวนครศรีธรรมราชคุยกันว่า วันที่ ๒๑ พายุจะเข้าที่ปากพนัง  ผมก็เลยแวะเข้าไปตรวจสอบทางเดินพายุ ของกรุมอุตุนิยมวิทยา ก็ไม่เห็นมีอะไร พายุที่ผ่านฟิลิปปินส์ ก็คงสลายไปเอง แล้วมันจะมีพายุได้อย่างไร กทม. ก็ไม่หนาว ไม่รู้ว่าใครออกข่าวทำให้ประชาชนสับสน  หรือ

                                ผมเองสับสน ก็ไม่รู้ เพราะร่วมหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ไม่ทราบอะไรเลยทั้งสิ้น เหมือนอยู่คนละโลก  รู้เพียงสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ใกล้ตัวเท่านั้น  นอกนั้นไม่ทราบทั้งสิ้น  ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีในการมีชีวิตอยู่ในสังคม ที่ไม่รู้เรื่องในสังคมเลย  

                                แต่มันไม่ทุกข์ เพราะไม่ได้วิตกกังวลใดๆ ทั้งสิ้น มันเป็นเรื่องของคนอื่น ไม่ใช่เรื่องของผม  เรื่องของผมไม่มีอะไรต้องคิดมาก อยู่ไปวันหนึ่ง ๆ เท่านั้น

                                ดร.สุริยา  คงจะยุส่ง ให้ผมไปอยู่ตามป่า ตามเขา  มันก็ดีเหมือนกันนะ จะบอกให้

                                เดิมทีตั้งใจจะเขียนธรรมะ เพื่อทบทวนตนเอง  ก็กลัวคนจะนินทา  ก็เลยอยู่เฉย ๆ

                                การอยู่เฉย ๆ คนเขาก็ว่า  เขาก็เป็นห่วง

                                แต่หารู้ไม่  ผมไม่ทุกข์อะไรเลย  เพราะคิดน้อยมาก  แล้วจะมาห่วงผมทำไมกัน

                                อย่าห่วงผมเลยครับ  ขอให้ทุกท่านห่วงตัวเองให้มาก ๆ เข้าไว้เป็นดี  ห่วงคนอื่นไม่ก่อประโยชน์

                                ห่วงตัวท่านเองเป็นดีที่สุด  อยู่ด้วยความไม่ประมาท (แปลให้ดี ๆ นะครับ) ให้อยู่ในทางธรรม

                                สวัสดีครับ


                    สงสัยดื่มกาแฟขี้ชะมด ที่ซื้อมาจากเวียตนามมากเกินไป  จิตเลยเพี้ยน เป็นแน่แท้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7721 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2555, 08:20:07 »




สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                        เช้านี้อากาศที่นครศรีธรรมราชดีมากครับ คือมีแสงแดดอ่อน ๆ มีลมเย็น ๆ พัดผ่าน มีเสียงนกขับขานยามเช้า เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมเดินจงกรม ออกกำลังกายแบบชิกง  และโยคะมาก

                        ผมก็เลยถือโอกาสกระทำตามนั้น และได้พิจารณาตนเองไปในตัวด้วย

                        ชีวิตในสังคมนั้น ถ้าเรายึดมั่นด้วยทิฏฐิ หรือหลงอยู่ในความคิดของเรา  ไม่ใช้ปัญญาภายในมาเอาชนะจิต(โมหะ)ตนเอง จะมีแต่สิ่งที่ไม่รักไม่ชอบ เป็นต้นเหตุแห่งการตรึก  การตรอง หรือทุกข์ที่จะทำมาทั้งนั้น เพราะเหตุแห่งการอยู่ในสังคมนั้น มีเหตุ - ปัจจัยมากในการที่จะก่อทุกข์ทั้งสิ้น  ไม่จบสิ้น  มันมาจากบุคคลอื่น  แต่มามีผลกระทบกับเรา

                         การปลีกวิวเก  การอยู่ตามป่า เขา หรือบวชแล้วปลีกวิวเก  จะเป็นหนทางหนึ่งให้เราห่างจากเหตุปัจจัยในการก่อทุกข์  แต่ก็ยังไม่ใช่หนทางที่จะดับทุกข์ที่แท้จริงได้

                         การรู้ความจริง ต่างๆ ในธรรมชาติของจิต และใช้ปัญญาที่มันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติจากสิ่งที่เราค้นพบ หรือจากคำสอนของพระพุทธองค์ ที่มันผุดขึ้นมาเองด้วยปัญญาภายใน  จนจิตมันพบของมันเอง  จิตมันได้ไตร่ตรอง ด้วยปัญญา ด้วยวิญญูชนม์พึงกระทำ นั่นแหละมันถึงจะปล่อยวางอุเบกขอของมันได้เอง  โดยที่เราก็ไม่สามารถบังคับมันได้  ทุกอย่างต้องเป็นธรรมชาติ ด้วยตัวของมันเอง  ความมีวิริยะ อดทนอดกลั้นในการทำกุศลธรรม  จึงต้องมีสูง  ยอมรับแบบไม่ยึดมั่นอะไรเลย มันถึงจะเกิดอุเบกขาโดยอัตโนมัติ มันเป็นความจริง ครับ แต่ต้องอดทนเป็นอย่างมาก คนอื่นไม่รู้อาจจะมองเราไปอีกแบบหนึ่ง แต่ตัวของเรา เราทราบดีว่าเรากำลังกระทำอะไรอยู่

                          พระพุทธองค์ถึงทรงสอนให้เราศึกษา "รูป-นาม" ของเรานี่ละด้วยการตั้งสติปัฏฐาน ๔ เราก็จะรู้ความจริงทั้งหมด แล้วเอาความจริงนั้นทำให้เกิดปัญญาภายใน ให้จิตมันเห็นความจริงนั้น การปล่อยวาง  ความยึดมั่นถือมั่น มันเกิดขึ้นเอง เรารู้ด้วยตัวของเราเอง และข้อสำคัญ เราก็ยังเป็นคนธรรมดาทั่วไปนั่นเอง  ไม่มีอะไรพิศดารทั้งสิ้น ยังรับรู้ความทุกข์ ความสุข ยังประสบสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบ  แต่เราสามารถอยู่ของเราได้เป็นปกติ เพราะเราค้นพบแล้วว่า ธรรมชาติมันเป็นเช่นนั้นเอง

                          ดังนั้นการมีสติอยู่กับอิริยาบถ  อยู่กับลมหารใจเข้า-ออก อยู่กับความรู้สึกตัว  อยู่กับความรู้สึกว่านี่สุข ทุกข์ เฉยๆ อยู่กับความรู้สึกตัวในสภาวะธรรม (ความโลภ  ความโกรธ  ความหลง) มีความรู้สึกตัวในการคิด เป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด เพราะเป็นหรทางที่เราจะศึกษา "รูป-นาม" ของเราได้ชัดเจน จนค้นพบสิ่งต่าง ๆ ได้เอง แล้วนำมาใช้ประโยชน์ แต่ไม่ใช่ด้วยการคิด ต้องให้มันเกิดของมันโดยอัติโนมัติด้วย "รูป-นาม" ของมันเองจากปัญญาภายใน  อุเบกขา ความไม่ยินดีในสุข ความไม่ยินดีในทุกข์ มันจึงจะเกิดขึ้นได้เอง

                          อย่าลืมทุกสิ่งมันเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ คือควบคุมไม่ได้  ไม่มีอำนาจเหนือมัน เพราะมันเป็นอนัตตา  มันก็เป็นความจริงทั้งสิ้น

                          สังคมปัจจุบันนั้น  อยู่ยากจริงๆ มันเป็นความจริง

                          แต่ในเมื่อต้องอยู่ต้องประสบ ต้องเผชิญ เราก็สามารถอยู่ได้ ด้วยปัญญาภายใน ให้มันปล่อยวางเอง  อดทนสูง เราก้ผ่านไปได้ คือไม่หลงอยู่ในโมหะ หรือความคิดตัวเอง  ด้วยการรู้ตัวนี่ละ หนทางประเสริฐสุด

                           เมื่อค่ำที่ผ่านมาผมกประสบปัญญา ความยุ่งเหยิงจากสังคมที่เราเกี่ยวข้อง  ผมก็สามารถยังรักษาอุเบกขาให้มันเกิดขึ้นเองได้จากปัญญาภายในนี่ละ ทำให้สามารถสงบ  ระงับ สำรวมอินทรีย์เป็นปกติได้ ตามธรรมชาติ  แต่มันไม่ใช่ง่ายเลย ที่จะเอาชนะมัน เป็นความจริง ครับ

                          สวัสดีครับ               
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #7722 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2555, 10:10:22 »

ถ้ายังยากอยู่ ยังเป็นระดับ "ปรีชาญาณ" คือยังใช้ประสพการณ์ และสมอง
แต่ถ้าง่ายแล้ว จึงจะจัดเป็น "ปัญญาญาณ" คือบรรลุมรรคผล

...
(นานนานได้สอนจรเข้ขึ้นต้นไม้ซะที สะใจ)
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7723 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2555, 12:49:10 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 08 ธันวาคม 2555, 10:10:22
ถ้ายังยากอยู่ ยังเป็นระดับ "ปรีชาญาณ" คือยังใช้ประสพการณ์ และสมอง
แต่ถ้าง่ายแล้ว จึงจะจัดเป็น "ปัญญาญาณ" คือบรรลุมรรคผล

...
(นานนานได้สอนจรเข้ขึ้นต้นไม้ซะที สะใจ)

 
                   นั่นละจิตมนุษย์ละ

                   เข้าใจ หรือ ไม่ใช่ธาตุเดียวกัน  จึงเห็นต่างกัน

                   ปรีชาญาณ  ปัญญาญาณ  ผมไม่รู้จัก และไม่อยากรู้ด้วย มันเป็นเรื่องสมมติบัญญัติที่ตั้งกันเรียกขานกันให้เข้าใจกันเท่านั้น  ไม่มีใครบอกจริงๆ ได้ว่ามันคืออะไร นอกจากพระพุทธองค์และเหล่าพระอรหันต์เท่านั้น

                   ผมรู้ในสิ่งที่รู้  ที่จะสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างทุกข์น้อย ๆ เพราะผมเป็นคนธรรมดาที่ไม่รู้อะไรมากมาย ไม่ได้สำเร็จทางธรรมอะไร  ไม่มีญาณวิเศษ  มีแต่สิ่งที่เป็นจริงตามธรรมชาติ  รู้แต่ในสิ่งที่รู้ จาก "รูป-นาม" ตนเอง ที่มันเกิดขึ้น และผลที่ตามมา ซึ่งสามารถไม่มีผลตามมาในทางอกุศลธรรม ได้

                   แต่ก็ต้องขอขอบคุณ ดร.สุริยา ที่แนะนำ เพราะผมยินดีรับฟังเสมอ  ผมไม่ใช่นักอ่านหนังสือ จึงไม่รู้อะไรมากนักว่าเขาเรียกขานกันอย่างไร  ผมรู้จากการศึกษา "รูป-นาม" ของผมจากการตั้งสติปัฏฐาน ๔ เท่านั้น

                   ผมบอกแล้วว่ามันยอู่ยาก ในสังคม ที่จะให้คนอื่นเข้าใจง่าย  การปลีกวิวเก เป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้เราอยู่ได้

                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #7724 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2555, 13:06:52 »


                            ดร.สุริยา

                             วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม 09:00 น. ผมต้องไปรดน้ำอวยพรลูกสาว ดร.ณรงค์ แต่งงาน (จำเป็นต้องไป มีบุญคุณกันมาก)

                             วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม  น้องสาว คนดูแลแม่ และพี่สาว จะมาบ้าน คงไม่เจอกัน

                             วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม  Boarding 13:30 น.ไปลงที่บุรีรัมภ์  ต่อไปสุรินทร์ เพื่อทำงาน  ไม่ได้ไปมาเดือนหนึ่งแล้ว  เขาก็มาทำบุญ มางาฌาปนกิจแม่  และใส่ซองเท่ากับ ดร.สุริยา ผมจึงต้องไปช่วยเขา เป็นการตอบแทน กลับวันจันทร์ Boarding 18:05 น. ที่อุบลราชธานี

                             วันอังคารที่ 10 ธันวาคม มีประชุมคุณภาพทั้งวันที่ PSTC สระบุรี ก็จำเป็นต้องไป เพราะเลื่อนมาสามอาทิตย์แล้วเพื่อผม  เขาก็ทำบุญมากกว่า ดร.สุริยา สองเท่า  พี่พงษ์ศักดิ์ก็มาวันฌาปนกิจแม่

                             วันอังคารที่ 10 ธันวาคม เวลาหกโมงเย็นเดินทางไป อำเภอสูงเนิน โคราช เพราะไม่ได้ไปมาหนึ่งเดือนแล้ว เขาก็มาฌาปนกิจแม่  ทำบุญมากกว่า ดร.สุริยา สองเท่า  จำเป็นต้องไป กลับวันพุธเย็น

                             วันพุธ กลางคืน ต้องไปส่งพี่สาวไปอเมริกา ก่อนเที่ยงคืน ที่สนามบันสุวรรณภูมิ

                             วันพฤหัสบดี - เสาร์ ไปนครศรีธรรมราช

                             ดังนั้น ผมไปไหนไม่ได้เลย  ไม่มีเวลาให้ตัวเองเลย วันอาทิตย์ คงไม่สามารถไปร่วมงานที่ Par 3 ได้ ครับ กราบขออภัยท่านนายพลเรือตรี มา ณ ที่นี้ด้วย

                             สวัสดี



                             ดร.สุริยา  คุณเบิต  ที่นครศรีธรรมราช  ก็บอกว่า ผมไม่ควรบวช  ยังทำประโยชน์ได้อีกมาก ในเพสฆาราวาส
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 307 308 [309] 310 311 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><