too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7025 เมื่อ: 28 กันยายน 2555, 08:53:29 » |
|
...เมื่อวานลืมอนุโมทนากับ อ.แจ่มใส...
...ในเรื่องที่ อ.แจ่มใส...ได้อนุโมทนาที่พระต้นได้บวชและตั้งใจปฎิบัติตามพระวินัย...
...และตู่ก็ต้องขออนุโมทนากับ อ.แจ่มใสด้วยค่ะ...
...ที่แม่ชีอึ่งได้อุทิศตนเข้ามาบวชในบวรพุทธศาสนา...
...เป็นอภิชาตบุตรและเป็นกัลยาณมิตรที่ดีของ อ.แจ่มใส...และ อ.เผ่า..ค่ะ...
...แม่ชีอึ่งจะเป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่งทีเดียวค่ะในการช่วยเหลือเผยแผ่พุทธศาสนาค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7027 เมื่อ: 28 กันยายน 2555, 09:59:06 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...ตามมาอ่านศีลของพระทั้ง 227 ข้อใหม่ค่ะ...
...ในปาจิตตีย์...
...ห้ามฉันอาหารรวมกลุ่ม...เพิ่งเข้าใจนี่เองค่ะ...
...แล้วอย่างนี้เวลาเรานิมนต์พระบางวัดที่เป็นมหานิกายและพระฉันเป็นวง...พระท่านผิดมั้ยคะ...
...ห้ามจี้ภิกษุ...นึกภาพแล้วคงไม่งาม...
...แม้แต่เราซึ่งเป็นปุถุชนยังไม่ชอบเลย...เพราะเป็นคนบ้าจี้...บางทีเกิดอาการตกใจด้วย...
...แต่บางคนชอบทำเพราะเห็นคนอื่นตกใจแล้วสนุก...
...ห้ามติดไฟเพื่อผิง...วัดทางเหนือเวลาหน้าหนาวมันหนาวจริงๆนะคะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7028 เมื่อ: 28 กันยายน 2555, 10:13:16 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
พี่สิงห์ ก็ได้ทบทวน อ่านทีละข้อหลายครั้งแล้ว และข้อไหนที่เราเห็นสมควรนำมาปฏิบัติ ก็เอามา มันเป็นสิ่งที่ดี ต่อเราและผู้พบเห็น
อย่าลืมว่า ศีล ๒๒๗ นั้น พระพุทธองค์บัญญัติ ขึ้นตามเหตุ-ปัจจัยที่เกิดขึ้นมาจริง ในสมัยพุทธกาล เพื่อเป็นการป้องกัน เช่นการห้ามการก่อไฟผิง อย่าลืมอินเดียหนาวกว่าเมืองไทยมาก พี่สิงห์เดา เอาว่า คงมีเหตุ-ปัจจัย จากการก่อไฟผิง แล้วไฟไปลุกไหม้ ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน หรือการก่อไฟ เป็นจุดเริ่มต้นของการประกอบอาหารรับประทานเอง มันคงมีเรื่องราวเกิดขึ้น พระพุทธองค์จึงบัญญัติศีล ข้อนี้ขึ้นมาเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมเลย
เธอสังเกต ให้ดีจะพบว่า ศีลนั้น เป็นข้อกำหนด ป้องกันเหตุที่จะตามมาต่อพระภิกษุ ที่จะทำให้คนนอกศาสนา ในสมัยนั้นเก็บเอามาพูด ดุถูก ถากทาง ศิษย์พระตถาคตได้ พระองค์จึงกำหนดเอาไว้ จะเห็นว่า โดยเฉพาะกับภิกษุณี มีข้อห้ามมาก เพื่อป้องกันข้อครหานินทา ทั้งนั้น ครับ
และอย่าลืมว่า ความหนาวเพียงเท่านี้มันหนาวที่หาย หรือใจ ถ้ามันหนาวที่ใจ มันย่อมที่จะทนได้ ครับ ถ้ามันหนาวจริงๆ ที่กาย ก็สามารถแก้ได้จากวิธีอื่น ครับ
ที่เราเห็นว่าพระภาคเหนือท่านก่อไฟผิงนั้น พี่สิงห์เชื่อว่า ท่านไม่รู้ศีล ๒๒๗ ข้อครับ เพราะหาเอามาอ่านยากอยู่เหมือนกัน พระท่านก็ไม่รู้จะไปหาอ่านได้ที่ไหน อุปชาก็ไม่ได้บอกครบทั้ง ๒๒๗ ข้อ และท่านก็เห็นว่าเขาก็ทำกันมาแบบนี้ ก้มันหนาว เพราะความไม่รู้ ไม่ได้ศึกษาศีล ๒๒๗ ข้อนี่ละ
ส่วนการฉันอาหารเป็นวงนั้น ก็ญาติโยมเขาจัดให้แบบนั้น ตามสมัยนิยม เพราะไม่รู้ว่าผิดศีล พระท่านก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมถึงบอกไว้แล้วว่า พุทธศาสนาแบบประเทศไทยนั้น มันเป็นแบบวัฒนธรรมไทยที่กระทำสืบเนื่องกันมา ไม่ใช่พุทธศาสนาที่แท้จริงของสมณโคดม ครับ
ถ้าเรารู้ว่าข้อไหนผิดศีล ๒๒๗ ข้อ เราก็ทำให้มันถูกเสียด้วยตัวเราก็สิ้นเรื่องทั้งเราและพระ อย่าไปทำตามคนอื่นเลย ครับ
ศีล ๒๒๗ ข้อ ต้องอ่านให้มาก เข้าใจ และจำได้ เราก็จะมีข้อเตือนตัวเองเพิ่มขึ้นให้อยู่ในกุศลธรรม จิตเราจะได้เป็นมหาจิตกุศล ควรแก่งานทางวิปัสสนากรรมฐาน ไงครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7029 เมื่อ: 28 กันยายน 2555, 10:42:04 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน
เมื่อวานผมได้โทรศัพท์ ไปหาหลายท่านเพื่อเชิญมาร่วมงานพี่ทองอู่ จักรสิงห์ ส่วนท่านไหนที่ผมไม่ได้โทรศัพท์ไป แสดงว่าผมไม่มีเบอร์ของท่น ก็ต้องขออภัยด้วยครับ และขอโอกาสเรียนเชิญท่านไปร่วมงาน ตรงนี้เลยครับ
ผมได้โทรศัพท์ไปหาคุณหนุน คุณหนุนก็บอกกลับมาว่า ข้อเขียนต่างๆ ขอผมนั้น มีคนเข้ามาอ่านและนำไปปฏิบัติจำนวนมาก ขอให้เขียนต่อไป เพราะมีประโยชน์ ก็เป็นกำลังใจที่จะเขียนต่อครับ ผมได้บอกไปว่า บางครั้งก็ขี้เกียจเขียน เพราะจิตมันต้องการแบบนั้น จิตมันกลัวว่า ไม่มีใครอ่าน ไม่เป็นประโยชน์ เพราะเขียนอยู่คนเดียว ดีแต่ว่าตอนหลังนี้มีคุณน้องตู่มาสนทนาธรรม ด้วย จึงเป็นเหตุให้มีข้อเขียนได้ทุกวัน และพยายามแทรกเข้าไปด้วย คือสอนตัวผมเอง อธิบายให้คุณน้องตู่ทราบ มันก้เลยมีเรื่องเขียนครับ
ผมได้โทรศัพท์ไปเรียนเชิญ รศ.พินิจ - พี่ติ๋ว ก็ได้ทราบจากพี่ติ๋วว่า อาจารย์พินิจ ติดตามอ่านกระทู้นี้ จนเดี๋ยวนี้ อาจารย์พินิจ ได้ดวงตาเห็นธรรม ได้เข้าใจความหมายของคำว่า "อนัตตา" อย่างแท้จริงแล้ว ทั้งๆ อ่านมาก็มากเมื่อก่อน แต่ไม่เข้าใจ เพิ่งเข้าใจจากสิ่งที่ผมเขียน นี่ละ ก็นับว่าเป็นประโยชน์ครับ
นอกจากนี้พี่ติ๋ว ก็ได้เอาวิธีการปฏิบัติธรรม ที่ผมเขียนนำไปกระทำ แต่ยังแยกความรู้สึกตัว อารมณ์(สภาวธรรมที่เกิดขึ้น) และความคิดไม่ออก ผมก็บอกให้กระทำต่อเนื่องกันไปแล้วจะค้นพบด้วยตัวเอง จะรู้ว่าจะปฏิบัติธรรมอย่างไรได้
ผมได้ถามพี่ติ๋วว่า หูเป็นอย่างไรบ้าง พี่ติ๋วบอกว่า หูหายเป็นปกติแล้ว ผมก็ถามว่า รักษาอย่างไร พี่ติ๋วก็ตอบว่า ก็เปลี่ยนพฤติกรรม ตนเองเรื่องการนอน คือนอนแต่หัวค่ำ มันจึงดีขึ้น
เห็นไหม ผมพยายามสอน บ่น ให้ทุกท่านเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองเสียใหม่ กลับมารักตัวเองอย่างแท้จริง ด้วยการกระทำง่ายๆ คือ นอนหัวค่ำ ตื่นตีห้ามาเดินจงกรมออกกำลังกายหนึ่งชั่วโมง รับประทานอาหารมื้อเช้า มื้อกลางวันตรงเวลา ส่วนอาหารเย็นก็ตรงเวลาอย่าให้เกินหกโมงเย็น และขอให้เป็นฝรั่ง หรือแอปเปิล แทน และในการรับประทานแต่ละมื้อขอให้เป็นผักส่วนใหญ่ กินพอประมาณ รู้จักการกิน และสุดท้ายหาเวลาให้ตัวเองออกกำลังกายเท่าที่จะกระทำได้ ครับ
ท่านไหน เป็นโรคทั้งรู้สาเหตุ และไม่รู้สาเหตุ เสียเงินค่ารักษามามากก็ไม่หายแบบพี่ติ๋ว ลองหันมาเปลี่ยนพฤติกรรม การกิน การนอน เดินจงกรม และออกกำลังกาย ตามที่ผมว่าดูซิครับ ทำต่อเนื่องสักหนึ่งเดือน หรือตลอดไป ผมกล้ารับรองว่า โรคของท่านจะหาย ท่านจะมีสุขภาพกาย-ใจ ดีขึ้นแน่นอน ผมลองท้าให้ทำครับ
นครศรีธรรมราช ฝนตั้งเค้ามืดครึ้ม แต่ตกน้อยครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7030 เมื่อ: 28 กันยายน 2555, 11:25:25 » |
|
สวัสดครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
รายชื่อผู้ที่จะไปร่วมงาน วันครบรอบวันเกิดพี่ทองอู่ จักรสิงห์
๑. พี่ทองอู่ จักรสิงห์ ๒. พี่สันทัศน์ (พี่ตัน) ๓. อาจารย์เผ่า- อ.แจ่มใส สุวรรณศักดิ์ศรี ๕. รศ.พินิจ - จันทร์แจ่ม เพิ่มพงศ์พันธ์ ๗. มานพ กลับดี ๘. คุณราเมศว์ ศิลปพรหม นายกสมาคมฯ ๙. รศ.ประกายแก้ว - คุณวัฒนา โอภานนท์อมตะ ๑๑. พี่กาญจนา ว่งชวานิช ๑๒. คุณสุภาณี นาคฤทธิ์ ๑๓. คุณกนกวรรณ สิกขโกศล ๑๔. คุณ Tooky ๑๕. คุณอดิสร ๑๖. คุณหนุ๋น ๑๗. คุณนันทิกา ๑๘. คุณทรงเกียรติ ๑๙. ดร.สุริยา ๒๐. คุณวิทิดา ๒๑. ดร.กุศล
ใครจะมาร่วมงาน กรุณาแจ้งให้ทราบด้วย จะได้เตรียมสถานที่ - อาหารได้ใกล้เคียงครับ
เรียนเชิญทุกท่านครับ
สวัสดี
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7031 เมื่อ: 28 กันยายน 2555, 11:28:27 » |
|
...ตู่นึกออกแล้ว...ข้อที่ห้ามก่อไฟเพื่อผิง...คงเพราะห้ามพระตัดต้นไม้ด้วยค่ะ...พี่สิงห์... ...ขอบคุณค่ะสำหรับคำตอบ... ...เราจะได้ปฎิบัติตัวได้ถูกค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7033 เมื่อ: 28 กันยายน 2555, 13:16:53 » |
|
...พี่สิงห์คะ...
...พระสูตรนี้ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว...
...แต่ไฉนคำพูดที่โต้ตอบกันถึงได้ทันสมัยเช่นนี้...อย่างที่เราๆนึกไม่ถึงเลย...
...ถ้าไม่ได้อ่านพระสูตรนี้...คงหาคำพูดมาเปรียบให้เห็นจริงคงยากค่ะ...
...แต่พระพุทธเจ้าท่านอยู่เหนือโลกจริงๆ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7034 เมื่อ: 28 กันยายน 2555, 13:34:37 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
อย่าลืมว่าพระไตรปิฎก ได้มีการทำสังคายนา ต่อเนื่องกันมาตลอด เพื่อให้ทันยุคทันสมัย ในแต่ละภาษา แต่ตัวตันฉบับที่เป็นภาษาบาลีนั้น พระพรหมคุณาภรณ์ (ปอ. ปยุตฺโต) ท่านกล่าวว่า พระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี ที่เป็นต้นแบบของฝ่ายหินยาน นั้นฝ่ายมหายานก็ยอมรับว่าถูกต้องที่สุดด้วย
ยังมีอีกตอนหนึ่งที่แสดงความเป็น "อนัตตา" คือ ตอนที่พระพุทธองค์ โต้ตอบกับ ฑีขนักขะ(ปริพาชกผู้ไว้เล็บยาว) ผู้ซึ่งเป็นหลานของพระสารีบุตร โกรธเคืองพระพุทธองค์ที่ทำให้พระสารีบุตรมาบวช และพระสารีบุตรนั่งพัง และพัดพระพุทธองค์อยู่ต่อหน้าพระพักต์ เมื่อได้ฟังธรรมนี้ พระสารีบุตร ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
แสดงว่าเธอนั้น ได้ดวงตาเห็นธรรม คือเข้าใจคำสอนของพระพุทธองค์ ที่แท้จริง แล้ว
สวัสดีค่ะ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7035 เมื่อ: 28 กันยายน 2555, 14:14:50 » |
|
ทีฆนขสูตร
สูตรว่าด้วยปริพพาชกชื่อทีฆนขะ ๑.พระผู้มีพระภาคประทับ ณ ถ้ำสูกรขาตา (ถ้ำสุกรขุด) เขาคิชฌกูฏ ใกล้กรุงราชคฤห์ ปริพพาชก ชื่อทีฆนขะ (ไว้เล็บยาว) มาเฝ้า แสดงความเห็นว่า ทุกอย่างไม่ควรแก่ตน (เป็นการพูดกระทบว่า แม้พระผู้มีพระภาคก็ไม่ควรแก่เขา) ตรัสตอบว่า ถ้าอย่างนั้น ความเห็นนั้น ก็ไม่ควรแก่ท่านด้วย. ทูลต่อไปว่า ตนชอบใจความเห็นที่ว่า สิ่งนั้นเหมือนกันหมด (เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสตอบเอาจำนน ก็เลี่ยงไปทางอื่นว่า อะไร ๆ ก็แค่นั้นแหละ หรือราคาเดียวกันเพื่อจะชี้ว่า อย่านึกว่าใครสูงต่ำกว่าใคร ปริพพาชกผู้นี้โกรธเคืองว่า พระผู้มีพระภาคจูงเอาพระสารีบุตร ซึ่งเป็นลุงของตนมาบวช) ตรัสตอบว่า คนที่พูดอย่างนี้ ยังไม่ละทิฏฐินั้น ซ้ำยังไม่ถือทิฏฐิอื่นอีกด้วย มีอยู่มาก แต่คนที่พูดอย่างนี้แล้วละทิฏฐินั้น ไม่ถือทิฏฐิอื่น มีน้อยมาก.
๒.ครั้นแล้ว ตรัสแสดงถึงสมณพราหมณ์บางพวกที่เห็นว่า ทุกสิ่งควรแก่ตนบ้าง ทุกสิ่งไม่ควรแก่ตนบ้าง เห็นว่า บางอย่างควร บางอย่างไม่ควรบ้าง. ฝ่ายที่เห็นว่า ทุกสิ่งควรแก่ตน ใกล้ไปทางยินดี ยึดมั่น ถือมั่น. ฝ่ายที่เห็นว่า ทุกสิ่งไม่ควรแก่ตน. ใกล้ไปในทางไม่ยินดี ไม่ยึดมั่น ไม่ถือมั่น. ปริพพาชกจึงกล่าวว่า พระสมณโคดมยกย่องความเห็นของตน. พระผู้มีพระภาคจึงตรัสต่อไปว่า ฝ่ายที่เห็นว่า บางอย่างควร บางอย่างไม่ควร ก็ใกล้ไปทางยินดีบ้าง ไม่ยินดีบ้าง เป็นต้น. แล้วตรัสต่อไปว่า วิญญูชนย่อมพิจารณาเห็นว่า การยึดถือทิฏฐิเหล่านี้ ย่อมทำให้ทะเลาะวิวาทกัน ทำให้เบียดเบียนกัน จึงละทิฏฐิเหล่านั้นและไม่ยึดถือทิฏฐิอื่น.
๓.ตรัสสอนว่า ควรพิจารณาเห็นกายนี้โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นต้น จนถึงไม่ใช่ตัวตน. เมื่อพิจารณาอย่างนี้ ก็จะละความพอใจในกายนี้เสียได้.
๔.ครั้นแล้วตรัสเรื่องเวทนา ๓ คือ สุข ทุกข์ ไม่ทุกข์ไม่สุข และชี้ให้เห็นความไม่เที่ยง อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น เป็นต้น ของเวทนาเหล่านั้น. เมื่อรู้เห็นอย่างนี้ อริยสาวกย่อมเบื่อหน่ายในเวทนาทั้งสาม และเมื่อเบื่อหน่ายก็คลายกำหนัด และหลุดพ้นแล้ว สิ้นชาติ อยู่จบพรหมจรรย์ ทำหน้าที่เสร็จแล้ว ฯลฯ ผู้มีจิตหลุดพ้น รู้ว่าหลุดพ้นแล้ว สิ้นชาติ อยู่จบพรหมจรรย์ ทำหน้าที่เสร็จแล้ว ฯลฯ ผู้มีจิตหลุดพ้นอย่างนี้ ย่อมไม่วิวาทกับใคร ๆ . สิ่งใดที่เขาพูดกันในโลก ก็พูดตามโวหารนั้น แต่ไม่ยึดถือ.
๕.พระสารีบุตรนั่งพัดอยู่เบื้องพระปฤษฎางค์พระผู้มีพระภาค มีจิตหลุดพ้นจากอาสวะ ไม่ถือมั่นด้วยอุปาทาน(เป็นพระอรหันต์) ส่วนปริพพาชกชื่อทีฆนขะกราบทูลสรรเสริญพระธรรมเทศนา แสดงตนเป็นอุบาสกถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต.ใคร ละความยึดมั่น - ถือมั่น เสียได้ ความอยาก(ตัญหา) ก็จะหมดไป
นั่นละหนทางแห่ง พระนิพพาน
|
|
|
|
ประทาน14
Full Member
ออฟไลน์
รุ่น: 2514
คณะ: เภสัชศาสตร์
กระทู้: 999
|
|
« ตอบ #7036 เมื่อ: 29 กันยายน 2555, 00:03:25 » |
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7037 เมื่อ: 29 กันยายน 2555, 10:12:02 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาเยี่ยมเนือน
เช้านี้ขอมอบ "ธรรมะ" ที่พระสารีบุตร ได้แสดงให้ท่าน อนาปิณฑิกคฤหบดี ฟังก่อนที่จะละสังขารจากโลกนี้ไป ขอให้ทุกท่าน อ่านแบบ "โยนิโสมนสิการ" ท่านจะเข้าใจในธรรมของพระพุทธองค์ ได้เอง ครับ
สวัสดีอนาถปิณฑิโกวาทสูตร
สูตรว่าด้วยการให้โอวาทแก่อนาปิณฑิกคฤหบดี พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชตวนาราม. สมัยนั้นอนาถปิณฑิกคฤหบดีไม่สบายเป็นไข้หนัก จึงส่งคนไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ และให้ถวายบังคมแทนตน กับส่งคนไปอาราธนาพระสารีบุตรไปยังที่อยู่ของตน เพื่อเป็นการอนุเคราะห์ พระสารีบุตรรับนิมนต์แล้วก็ไปเยี่ยมไต่ถาม โดยมีพระอานนท์ตามไปด้วย เป็นปัจฉาสมณะ (ภิกษุผู้ติดตาม) คฤหบดีกล่าวตอบว่า มีทุกขเวทนากล้า จึงกล่าวธรรมสั่งสอน คือ:-
๑.ท่านพึงสำเหนียกว่า จักไม่ยึดถือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และวิญญาณของท่านจักไม่อาศัยตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.
๒.ท่านพึงสำเหนียกว่า จักไม่ยึดถือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สิ่งที่พึงถูกต้องด้วยกาย) ธรรมะ (สิ่งที่พึงรู้แจ้งได้ด้วยใจ) และวิญญาณของท่านจักไม่อาศัยรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมะ.
๓.ท่านพึงสำเหนียกว่า จักไม่ยึดถือวิญญาณ (๖) มีจักขุวิญญาณ (ความรู้แจ้งอารมณ์ทางตา) เป็นต้น และวิญญาณของท่านจักไม่อาศัยวิญญาณ (๖) มีจักขุวิญญาณเป็นต้น.
๔.ท่านพึงสำเหนียกว่า จักไม่ยึดถือสัมผัส (ความถูกต้อง ๖) มีจักขุสัมผัส (ความถูกต้องทางตา) เป็นต้น และวิญญาณของท่านจักไม่อาศัยสัมผัส (๖) มีจักขุสัมผัสเป็นต้น.
๕.ท่านพึงสำเหนียกว่า จักไม่ยึดถือเวทนา (ความรู้สึกหรือเสวยอารมณ์ ๖) มีจักขุสัมผัสสชาเวทนา (ความรู้สึกอารมณ์อันเกิดแต่สัมผัสทางตา) เป็นต้น และวิญญาณของท่านจักไม่อาศัยเวทนา (๖) มีจักขุสัมผัสสชาเวทนา เป็นต้น.
๖.ท่านพึงสำเหนียกว่า จักไม่ยึดถือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุอากาศ และธาตุรู้ (วิญญาณธาตุ) และวิญญาณของท่านจักไม่อาศัยธาตุดิน เป็นต้น.
๗.ท่านพึงสำเหนียกว่า จักไม่ยึดถือ (ขันธ์ ๕ คือ) รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และวิญญาณของท่านจักไม่อาศัยรูป เป็นต้น.
๘.ท่านพึงสำเหนียกว่า จักไม่ยึดถือ (อรูปณาน ๔ คือ) อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ และเนวสัญญานาสัญญายตนะ และวิญญาณของท่านจักไม่อาศัยอากาสานัญจายตนะ เป็นต้น
๙.ท่านพึงสำเหนียกว่า จักไม่ยึดถือโลกนี้โลกหน้า และวิญญาณของท่านจักไม่อาศัยโลกนี้โลกหน้า.
๑๐.ท่านพึงสำเหนียกว่า จักไม่ยึดถือสิ่งที่ได้เห็น ได้ฟัง ได้ทราบ ได้รู้แจ้ง ได้แสวงหา ได้ติดตามด้วยใจ และวิญญาณของท่านจักไม่อาศัยสิ่งนั้น.
อนาถปิณฑิกคฤหบดีได้ฟังก็ร้องให้ พระอานนท์จึงถามว่า ท่านยังติดยังอาลัยอยู่หรือ. คฤหัสบดีตอบว่า มิได้ติด มิได้อาลัย แต่ไม่เคยฟังธรรมิกถาอย่างนี้. เมื่อทราบว่าธรรมิกถาเช่นนี้ ไม่ได้แสดงแก่คฤหัสถ์ผู้นุ่งผ้าขาว แต่แสดงแก่บรรพชิต จึงขอร้องพระสารีบุตรให้แสดงแก่คฤหัสถ์บ้าง เพราะกุลบุตรที่มีกิเลสน้อยมีอยู่ จะเป็นผู้รู้ธรรมะได้ ไม่ได้ฟังก็จะเสื่อมจากธรรมะไป. พอพระสารีบุตรและพระอานนท์กลับไปแล้วไม่นาน อนาถปิณฑิกคฤหบดีก็ถึงแก่กรรมไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต แล้วกลับมาปรากฏตนถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กล่าวสุภาษิตและชมเชยพระสารีบุตร. จะเห็นว่า
ใครละความยึดมั่น ถือมั่น เสียได้ นั่นคือ
หนทางแห่งความหลุดพ้น
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7038 เมื่อ: 29 กันยายน 2555, 12:20:35 » |
|
ขอรายงานผลการแข่งขันกอล์ฟ Ryder Cup ประเภททีม ระหว่างทีม USA กับ ทีม ยุโรป ทีมละ ๑๒ คน
โดยทีม USA มีเดวิสเลิฟเดอะเทอส เป็นกับตัน และ
ทีมยุโรปมีโฮเซมาเรียโอลาซาบาล เป็นกับตัน
วันศุกร์-เสาร์ ช่วงเช้าแข่งแบบสลับกันตี(Foursomes)
ช่วงบ่ายต่างคนต่างตี(Fourball)แต่เอาคะแนนที่ดีที่สุดในทีม(ตีน้อยครั้งลงหลุม) วันอาทิตย์แข่งประเภท ตัวต่อตัว
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7039 เมื่อ: 29 กันยายน 2555, 21:00:07 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
เมื่อตอนเย็น-ค่ำ หลังจากลงเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ผมก็เดินทางต่อไปร่วมงานแต่งงานของลูกคุณสุรชัย-คุณหล้า ที่โรงแรม S31 ทันทีไม่ได้แวะบ้าน โดยนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีอโศก แล้วเดินไปที่โรงแรม
ที่หน้าลิฟ เจอเด็กหนุ่มคนหนึ่งใส่สูตร เขามองหน้าผมแล้วยิ้ม คงอยากจะบอกว่าคุณลุง ๆ มาผิดงานแล้ว ผมก็เฉย ๆ มันเรื่องของผม แล้วผมก็ขึ้นลิฟไปที่งาน
ได้เซ็นในสมุดอวยพรว่า "ขอให้หลานทั้งสอง อยู่ในศีล ๕ ครอบครัวจะสุข สงบ" แล้วเซ็นชื่อ เท่านั้นครับ
พอดีชาวซีมะโด่งกำลังถ่ายภาพหมู่ ผมเลยถือโอกาสเข้าไปร่วมแจมด้วยครับ
ผมรู้ตัวดีว่า แต่งตัวไม่เหมาะสม เมื่ออยู่ได้เวลาพอสมควรแล้ว แขกเริ่มทะยอยมากันมากขึ้น ประกอบกับพวกเราไม่มีโต๊ะนั่ง ผมเลยถือโอกาส กลับก่อนเวลา โดยบอกกับ ดร.สุริยา ให้ทราบ
เดินมาขึ้นรถไฟใต้ดินกลับบ้านครับ
ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ ค่ำนี้
|
|
|
|
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์
คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927
|
|
« ตอบ #7040 เมื่อ: 29 กันยายน 2555, 21:19:20 » |
|
ทราบว่า คุณแหลมกับคุณหยี จะไปร่วมงานด้วยครับ
|
“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้ อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7041 เมื่อ: 30 กันยายน 2555, 09:07:30 » |
|
...สาธุค่ะ...พี่สิงห์...
...เมื่อวานเข้ามาอ่านแป๊บนึงค่ะ...แต่ไม่ทันได้คุยอะไรด้วย...
...เมื่อวานไปทำบุญแต่เช้าเลยค่ะ...
...ทำบุญครบรอบ 17 ปีที่คุณพ่อเสียค่ะ...
...ความจริงอยากจะไปถือศีลให้ท่านด้วย...
...แต่เนื่องจากยังติดข้องในทางโลกอยู่...
...เลยไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้...
...แต่ในยามปกติก็ตั้งใจทำบุญให้ท่านเสมอๆอยู่แล้วค่ะ...
...หลังจากทำบุญก็ไปเฝ้าสนามเลยค่ะ...
...ที่สนามยังมีการแข่งบอลเด็กอยู่ทั้งเสาร์และอาทิตย์...
...ตอนกลางวันไม่มีเด็กอยู่ขายของค่ะ...เพราะเด็กที่อยู่ประจำเค้าจะมาที่สนามตอนห้าโมงเย็น...
...เค้าต้องทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด...คือเป็นแม่บ้านทำอาหารประจำเรือทัวร์ไปเกาะสากค่ะ...
...ความจริงก็มีเด็กอีกสองคนเป็นกะเหรียงสามีภรรยา...แต่คนเป็นสามีดูแลสนาม...
...คนที่เป็นเมีย...แพ้ท้องกลับพม่าไปแล้วค่ะ...ตู่เลยต้องอยู่เฝ้าร้านแทน...
...ติดตามอ่านพระสูตรจากพี่สิงห์ค่ะ...
...ทำให้เจริญในธรรมดีขึ้นมากเลย...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7042 เมื่อ: 30 กันยายน 2555, 21:26:18 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
การทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบิดา-มารดา ที่ล่วงลับไปแล้ว ถึงแม้เราไม่ทราบว่าผลบุญจะถึงท่านหรือไม่ก็ตาม เพราะเราไม่รู้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้รับ คือ ความสุขใจ ที่ได้ทำบุญให้ท่าน ระลึกถึงบุญคุณของท่านที่ท่านเลี้ยงดูเรามา มันเป็นเรื่องที่ดี เป็นวัฒนธรรมที่งาม น่าที่จะกระทำต่อไป อย่างน้อยให้เด็กรุ่นหลังได้รู้ได้เห็น จะได้สืบต่อวัฒนธรรมนี้ต่อไป
การปฏิบัติธรรม นั้นถ้าเราสามารถบรรลุธรรมได้ พระสูตรก็ไม่จำเป็นต้องศึกษา แต่ถ้าเรายังไม่บรรลุธรรม พระสูตรนั้น จะเป็นหนทาง นำทางให้เราปฏิบัติได้ถูกต้อง เพราะพระสูตรนั้น ผู้สอนคือพระพุทธเจ้าโดยตรง และหลักธรรมของท่านก็เป็นสัจจธรรม จริง ๆ ขอให้เราพิจารณาแบบโยนิโสมนสิการ เราก็สามารถได้ดวงตาเห็นธรรม ได้รู้ ได้เข้าใจจริงๆ ในธรรมนั้น มีประโยชน์มาก
พระสูตรที่สำคัญๆ ที่เป็นหลักจริงๆ พี่สิงห์ อ่านซ้ำหลายหน จนจำเนื้อความได้และเข้าใจในธรรมนั้น
คำสอนของพระพุทธองค์นั้น ไม่มากเลยในแก่น มีนิดเดียวถ้าเราเข้าใจมัน จะสามารถนำมาใช้ในชีวิตของเราได้อย่างสงบ สุข ครับ เพียงแค่นี้ก้เพียงพอแล้ว ส่วนการหลุดพ้น นั้น มันแล้วแต่การกระทำของเรา ที่จะต้องมีวิริยะอย่างมากๆ และวาสนา ครับ
ทุกวันนี้เรายังตัดขาดทางโลกไม่ได้ก็จริง แต่อย่างน้อยก็รู้เท่าทันจิตตัวเองได้ เพียงพอแล้วครับ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7043 เมื่อ: 30 กันยายน 2555, 21:34:00 » |
|
ลืมบอกไป
คำสอนของพระสารีบุตรเถระ ที่แสดงต่อท่านอนาปิณฑิกคฤหบดี นั้น ปัจจุบัน ถือว่าเป็นคัมภีร์ เป็นหลักปฏิบัติแห่งการพ้นทุกข์ ของตามสำนักวิปัสสนา เลยเชียวละ เพราะท่านแจกแจงไว้ละเอียดมาก
ขอให้อ่านแล้วทำความเข้าใจแบบ "โยนิโสมนสิการ" เพราะถ้าปฏิบัติตามนี้ รูป-นาม มันจะคลายกำหนัด เกิดความเบื่อหน่ายของมันเอง
นี่แหละ หลักปฏิบัติเพื่อให้ละความยึดมั่น ถือมั่น หรือละความเป็น "อัตตา" ที่เราหลงอยู่ละ
สวัสดี
|
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7045 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2555, 08:36:12 » |
|
...สวัสดีเช้าวันจันทร์ค่ะ...พี่สิงห์...
...ตามอ่านพระสูตรจากพี่สิงห์แล้วค่ะ...
...เนื่องจากคุณพ่อเสียมาหลายปีแล้ว...
...เลยทำบุญแบบเดียวกับที่ได้ไปทำเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านๆมา...
...ไม่ได้เจาะจงพิเศษอะไรค่ะ...
...ครั้งแรกคิดว่าจะนำสังฆทานไปถวาย...
...แต่ก่อนนี้นำสังฆทานไปถวายตามวัดต่างๆบ่อยๆค่ะ...
...แต่ตู่ได้เห็นของจากถังสังฆทานยังอยู่ที่วัดมากมาย...
...เลยคิดว่าจะทำวิธีอื่นดีกว่า...เช่นสวดมนต์หรือปฎิบัติธรรมแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ท่านค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7046 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2555, 19:13:20 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
อย่างที่เธอเห็นนั่นแหละ ตามวัดต่างๆ วัดดังๆ หลวงพ่อดังๆ มีแต่ถังสังฆทาน เต็มไปหมด พระท่านแถบจะไม่ได้ใช้เลย ก็เลยเกิดสิ่งที่ไม่งามเกิดขึ้น คือบรรดาแม่ค้าก็ไปขอซื้อจากหลวงพ่อท่านในราคาถูก เอามาขายใหม่ และเอาไปถวายใหม่ จริงๆ มันผิดศีล ๒๒๗ ข้อ แต่พระท่านไม่ทราบ ก็ไม่ว่ากัน ครับ
ถ้าอยากจะถวายสังฆทาน ถวายเป็นเงินดีกว่า สบายใจทั้งคนถวาย และพระ
หรือทำอย่างอื่นแทน ที่เราทำแล้วสบายใจ ครับ
พี่สิงห์นอนอยู่ที่ฉัตรทิพย์รีสอร์ท อำเภอสูงเนิน โคราช เช่นเคย คืนวันจันทร์ไม่มีแขกเลย มีแต่พี่สิงห์เฝ้ารีสอร์ท อยู่คนเดียว เป็นรีสอร์ทใหญ่โต สวยงาม เงียบมาก ยกเว้นเสียงรถไฟ เพราะอยู่ใกล้รางรถไฟ ก็ได้ปฏิบัติธรรม ครับ เพราะมันสงบดี
ราตรีสวัสด์ค่ะ
|
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7048 เมื่อ: 02 ตุลาคม 2555, 09:32:23 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...ตู่เข้ามาตามอ่านพระสูตรแล้วค่ะ...
...แต่ยังอ่านไม่จบ...ขอไปทำธุระก่อนค่ะ...
...วันนี้ต้องไปเยี่ยมพระต้นค่ะ...
...บ่ายๆจะเข้ามาอ่านใหม่ค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #7049 เมื่อ: 02 ตุลาคม 2555, 14:15:43 » |
|
มติ ครม. วันอังคารที่ 2 ตุลาคม 2555
วันที่ 2 ตุลาคม คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอบัญชีรายชื่อข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยมี 1.นายประชา เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 2.นายจรินทร์ จักกะพาก ผู้ว่าฯสกลนคร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 3.นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯสกลนคร 4.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯขอนแก่น
5.นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าฯระยอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯอุดรธานี 6.นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าฯจันทบุรี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯระยอง 7.นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าฯลำพูน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯจันทบุรี 8.นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าฯบึงกาฬ เป็นผู้ว่าฯชัยภูมิ 9.พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าฯระนอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯชุมพร 10.นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าฯเชียงราย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯเชียงใหม่
11.นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าฯน่าน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯเชียงราย 12.นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าฯร้อยเอ็ด ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯนครปฐม 13.นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯร้อยเอ็ด 14.นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าฯเพชรบุรี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯนครราชสีมา 15.นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าฯนครสวรรค์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯพิษณุโลก
16.นายชัยโรจน์ มีแดง ผู้ว่าฯพิษณุโลก ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯนครสวรรค์ 17.นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯปทุมธานี 18.นายประมุข ลมุล ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯปัตตานี 19.นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าฯสุโขทัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯพิจิตร 20.นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าฯพะเยา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯภูเก็ต
21.นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผู้ว่าฯสิงห์บุรี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯลพบุรี 22.นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯสมุทรปราการ 23.นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯอุบลราชธานี และ 24.นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าฯอำนาจเจริญ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
|
|
|
|
|