27 พฤศจิกายน 2567, 20:53:59
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 276 277 [278] 279 280 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3584596 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #6925 เมื่อ: 15 กันยายน 2555, 10:58:19 »

...สวัสดีวันเสาร์ตอนใกล้เที่ยงค่ะ...พี่สิงห์...

...ตามอ่านค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6926 เมื่อ: 15 กันยายน 2555, 11:07:51 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 15 กันยายน 2555, 10:58:19
...สวัสดีวันเสาร์ตอนใกล้เที่ยงค่ะ...พี่สิงห์...

...ตามอ่านค่ะ...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                         การสวัสดีกันบ่อยๆ  มันก็เป็นเรื่องที่ดี  และเราก็ไม่รู้สึกเหงาด้วย

                         การพร่ามอยู่คนเดียว ไม่ดีเลย เพราะไม่รู้ว่า ถูกใจผู้อื่นหรือไม่  ชอบหรือไม่ชอบ

                         เราก็ต้องปรับปรุงตัวเองเหมือนกัน เพื่อให้ถูกใจผู้อื่น  จะได้สุขทั้งสองฝ่าย

                         กำลังประชุมครับ

                         สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #6927 เมื่อ: 15 กันยายน 2555, 11:25:40 »


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ตามอ่านธรรมะจากพี่สิงห์ค่ะ...

...ได้ประโยชน์มากๆ...ไว้เตือนใจตัวเองค่ะ...

...เพราะบางทีแทบจะไม่ได้เปิดหนังสือธรรมะอ่านเลย...

...เข้ากระทู้พี่สิงห์แล้ว...เหมือนได้ฟังธรรมะทุกวันค่ะ...

...เดี๋ยวตู่ก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัว...หาข้าวกลางวันทานแล้วต้องไปสนามบอลค่ะ...

...ไปทำหน้าที่แทนพระต้น...วันนี้มีเด็กอายุ 9-12 ปีจะมาแข่งบอลค่ะ...

...เป็นโครงการของโรงพยาบาลและเมืองพัทยาจัดขึ้นเพื่อให้ความรู้กับเด็กนักเรียนในเขตเมืองพัทยา...

...ความรู้และเสริมทักษะในการเล่นกีฬาค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6928 เมื่อ: 15 กันยายน 2555, 12:31:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 15 กันยายน 2555, 11:25:40

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ตามอ่านธรรมะจากพี่สิงห์ค่ะ...

...ได้ประโยชน์มากๆ...ไว้เตือนใจตัวเองค่ะ...

...เพราะบางทีแทบจะไม่ได้เปิดหนังสือธรรมะอ่านเลย...

...เข้ากระทู้พี่สิงห์แล้ว...เหมือนได้ฟังธรรมะทุกวันค่ะ...

...เดี๋ยวตู่ก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัว...หาข้าวกลางวันทานแล้วต้องไปสนามบอลค่ะ...

...ไปทำหน้าที่แทนพระต้น...วันนี้มีเด็กอายุ 9-12 ปีจะมาแข่งบอลค่ะ...

...เป็นโครงการของโรงพยาบาลและเมืองพัทยาจัดขึ้นเพื่อให้ความรู้กับเด็กนักเรียนในเขตเมืองพัทยา...

...ความรู้และเสริมทักษะในการเล่นกีฬาค่ะ...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                          ทำดีทำไปเลย  ได้บุญ  ได้ประโยชน์ ทั้งนั้น

                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6929 เมื่อ: 15 กันยายน 2555, 12:49:14 »

ทัวร์อธรรม











อาหารเช้าของพี่สิงห์ ที่โรงแรมฟอจูน่า



ขนมไหว้พระจันทร์ ที่ทางโรงแรมทำขาย ได้ลองชิมแล้ว


                            คืนที่ ๒-๓ พักที่โรงแรมฟอจูน่า ระดับ ๕ ดาว อยู่ตรงข้ามสถานฑูตอเมริกา ครับ โรงแรมนี้มีทั้งสระว่ายน้ำ  ฟิตเนสเซ็นเตอร์  ซาวน่า  นวด  สปา  ไนท์คลับ  คาราโอเกะ และสาวๆ ครับ

                             ที่เวียตนาม รถเครื่องมากขึ้น และมีรถ Taxi Meter บริการด้วยครับ

                             ฝุ่น  ควัน  ยังแยะเหมือนเดิม  ไม่เหมาะแก่การเดินเล่นเลยใน ฮานอย
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6930 เมื่อ: 15 กันยายน 2555, 13:04:50 »










                            สนามกอล์ฟไดไร  ถึงแม้จะอยู่ในฮานอย  แต่ต้องใช้เวลาเดินทางถึงชั่วโมงครึ่ง  สนามนี้เป็นสนามที่สวย แต่เล่นยาก เพราะมีน้ำมาเกี่ยวข้องมาก และเราไม่ทราบ ไม่เคยตีมาก่อน

                            หลุม ๓ Par 4 ผมสามารถตี ๒ ที ลงหลุมเลยคือได้ eagle และทำได้อีก ๒ เบอร์ดี้ ตีดีมากครับ

                            ผมเลือก caddy ได้ดี คือพูดภาษาไทยได้ เพราะเคยทำงานอยู่แถวๆ ลาดพร้าว มีลูกหนึ่งคน

                             เนื่องจากเป็นวันเสาร์ จะเห็นได้ว่า คนเวียตนามเล่นกอล์ฟกันมากเหมือนกัน เพราะเล่นติด จนหกโมงเย็นเลย

                             ถ้ามีโอกาส  จะไปตีอีกครับ กอล์ฟที่เวียตนาม

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6931 เมื่อ: 15 กันยายน 2555, 20:29:24 »

วันนี้เป็น วันพระ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙

วันเสาร์ที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๕




                             หายไปเสียหลายวันพระ ไม่ได้หยิบยกธรรมะ  มาเล่าสู่กันฟังเลย

                             แต่วันนี้ขอนำเรื่อง "จิตที่เป็นกุศล" ที่เหมาะแก่การเจริญวิปัสสนาปัญญา มาบอกกล่าวกันครับ  แต่เป็นความเห็นของผมคนเดียวนะครับ เพราะส่วนใหญ่ หลวงพ่อท่านจะพูดว่าต้องจิตเป็นกุศล เท่านั้นจึงจะเจริญวิปัสสนาปัญญาได้  แต่หลวงพ่อท่านก็ไม่ค่อยกล่าวถึงว่า มันเป็นจิตแบบไหนกันละ  หลวงพ่อท่าน  คิดว่าคงเข้าใจกันได้ เอง

                             เอาง่ายๆ จิตที่เป็น กุศล  คือจิตที่มีความหมายตรงกันข้ามกับจิตที่เป็น อกุศล (ไม่ใช่จิต ดร.กุศล)

                             จิตที่เป็นอกุศล คือจิตที่ ยังมีความอยาก เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง  จมูกได้ดมกลิ่น ลิ้นได้ลิ้มรส กายได้สัมผัส และใจได้นึกคิดตามปราถนา และรวมถึงจิตที่ หดหู่  ง่วงเงา เศร้าซึม ภวังค์ เผลอ โลภ อาฆาต และจิตที่มีราคะ(คิดในทางกาม) เป็นต้น

                              หรือให้เข้าใจง่ายขึ้นอีก ก็จิตที่ละเมิดศีล ๕ นั่นเอง (ผมคงไม่ต้องบอกว่าศีล ๕ ประกอบไปด้วยอะไรนะครับ)

                              ส่วนจิตที่เป็นกุศล คือ จิตที่มีความหมายตรงกันข้ามกับจิตที่เป็นอกุศล และจะต้องเป็นจิตที่ โปร่ง  โล่ง  สว่าง เบา จึงจะเหมาะในการที่จะเกิดวิปัสสนาปัญญา ที่แท้จริง

                              ดังนั้น ท่านก็ต้องพยายามรักษาจิตของท่านให้เป็นกุศล  ให้ได้ซึ่งท่านก็ทำไม่ได้ครับ เพราะท่านไม่ได้เป็นเจ้านายจิตของท่าน คือท่านบังคับไม่ได้ เพราะ จิตมันเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์

                              จิตที่เป็นกุศลนั้น มันเกิดของมันเอง  ดับของมันเองเร็วมาก  ท่านต้องทำให้มันเกิดบ่อยๆ การจงใจให้เกิดนั้น จิตมันจะแข็ง  มันต้องเกิดของมันเอง เกิดอย่างไร ล่ะ

                              เวลาที่ท่านหลงอยู่ในความคิด แล้วกลับมารู้ตัว น่านละ จิตกุศล ละ หรือ จิตที่รู้ซื่่อ ๆ ที่ผมได้เคยบอกกล่าวไปแล้วนั่นเอง  ท่านต้องหัดสังเกต ความรู้สึกอันนั้นเอาเอง แล้วท่านจะเข้าใจได้ว่าจิตที่เป็นกุศลนั้น  จริงๆ มันเป็นอย่างไร  อธิบายมันยาก ครับ

                              อย่าลืม สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น ทุกวัน จิตท่านจะเป็นกุศล (สำหรับใครไม่มีหนังสือสวดมนต์ บอกมาที่นี้เลยครับ ผมจะจัดส่งไปให้ถึงบ้านครับ)

                               ผมอยู่กรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้วครับ

                               ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ ค่ำนี้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6932 เมื่อ: 16 กันยายน 2555, 20:22:27 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                               วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ทุกท่านคงพักผ่อน อยู่กับบ้าน อยู่กับครอบครัว หรือออกไปหาข้าวกินนอกบ้านกัน แต่คงจะมีน้อย เพราะวันนี้ฝนตก เกือบทั้งวัน  ไม่น่าไปไหนทั้งนั้น  

                               ผมเองก็เหมือนกัน ออกจากบ้านตีห้าเพื่อไปตีกอล์ฟ โดยมีนัดกับพี่วิชัย  คุณสุดสาคร และคุณพอล  เพราะไม่ได้เจอกันนาน ก็คิดถึงกัน  ตั้งแต่คุณ John Skinner จากไปพวกเราก็นานๆ ครั้งจึงจะมาพบกัน  หาข้าวกิน และคุยกันภายหลังจากเล่นกอล์ฟเสร็จ วันนี้รับประทานที่ครัวฟ้าใส กินเต๋าเต้ยต้มบ้วยกัน  อาทิตย์หน้าก็นัดจะมาตีกอล์ฟกัน และไปกินข้าวที่ร้าน Six Miles ร้านคุณต้อย หนองจอก เพราะร้านนี้ มีกุ้งก้ามกามพร่าอร่อยมาก ปลาช่อนลุยสวน ปลาสลิดฟู ซึ่งคุณวิชัย คุณสุดสาคร และคุณพอล ชอบมาก แต่นานๆ ไปครั้ง ปีนี้ก็เป็นครั้งที่สาม สำหรับผมเฉยๆ ไม่อยากไปเท่าไร เพราะขับรถไกล  กลัวหลับขณะขับรถ แต่ก็ต้องไป ครับ

                               ขอพูดเรื่อง "จิตที่เป็นกุศล" ที่เหมาะแก่การเจริญวิปัสสนาปัญญา ต่อ อีกสักตอนหนึ่งก็แล้วกัน

                               จิตที่เป็นกุศลนั้น มีทางเลือกสองทางในทางปฏิบัติ คือ
 
                               ๑. ท่านลงมือปฏิบัติภาวนา ด้วยวิธีใดก็ได้ตามแต่ที่ท่านชอบ แล้วเข้าให้ถึง จตุตธญาณ

                               ๒. รู้ซื่อๆ ตามที่ผมได้เคยเรียนให้ทราบไปแล้ว ให้มากเข้าไว้

                                   สำหรับผมนั้น กระทำทั้งสอง วิธีเลย เพราะส่วนใหญ่ผมก็ยังต้องทำงาน ไปโน่น  ไปนี่ ทำกิจวัตรประจำวัน ขับรถ ก็ต้องใช้วิธีดูจิต คือมีความระลึกได้อยู่เสมอในอิริยาบถที่ ณ เวลานั้นกำลังทำอะไร เดิน หยิบ  นั่ง ก็พยายามอยู่กับ "หลง" และ "รู้" ไม่ปล่อยใจให้เผลอคิด หรือกระทำตามความคิด มันหลงไปก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราบังคับจิตของเราไม่ได้ เพราะมันเกิดขึ้น   ตั้งอยู่  ดับไป  ของมันอย่างนั้น แต่ที่สำคัญขอให้เรา "รู้" กลับมา อย่าไปแช่อยู่ในความคิดนานๆ ให้ไวแบบหลวงพ่อเทียนท่านสอนเอาไว้ คือ ความคิดคือหนู สติคือแมว จับมันให้เร็วเท่าแมวเห็นหนูแล้วจับปั๊ปเลย เป็นอย่างนั้น  แรกๆมันอาจจะช้าหน่อย  ทำไป ๆ มันก็เร็วขึ้นเอง  จนสามาถเป็นจิตผู้รู้ได้ คือ มีสติรู้ กับกาย-ใจ ได้เกิน 80-90% ในหนึ่งวัน แม้กระทั่งการนอนก็เหมือนกันให้หลับอย่างมีสติ เวลาฝันขึ้นมาเราก็จะไม่แช่อยู่ในความฝันนาน เราจะรู้ตัวมีสติเอามาทันมันได้ทั้งๆที่ยังฝันอยู่ หรือถ้าโชคดีไม่ปล่อยให้ใจไปนึกคิดอะไรเลยมีสติมาก ท่านจะนอนแบบไม่ฝันเลย  มันก็เป็นจริง ครับ

                                    แต่ถ้าท่าน ปฏิบัติภาวนาน้อย ท่านจะกลับมานานมาก จะอยู่กับ "หลง" มากกว่า อยู่กับ "รู้"  จะรู้ได้นานมาก ท่านลองสังเกต ตัวท่านดู  มันอธิบายยาก เราเท่านั้นที่รู้ตัวดี เพราะมันเป็นปัจจัตตัง คือ ผู้ปฏิบัติจะรู้ได้ด้วยตัวเอง

                                    เมื่อเราดูจิต จนแก่กล้าพอ จิตมันก็จะเป็นจิตที่เป็นกุศลมากขึ้น  ถึงแม้มันจะอยู่ไม่นานก็ตาม แต่มันเกิดขึ้นบ่อย ๆ แล้วมันก็นานเองแหละ เราจะรู้ได้ด้วยตัวเอง เพราะเราจะรู้ว่าจิตที่เป็นกุศลมันเป็นอย่างไร มันเหมือนกันทั้งสองวิธี

                                    อีกวิธีหนึ่งคือ ผมจะภาวนาแบบเคลื่อนไหวของหลวงพ่อเทียน ใหม่ๆ มันก็เป็นจิตที่แข็ง เพราะเราไปบังคับมัน ปล่อยมันไป สักพัก เราก็จะเข้าสู่ ปฐมญาณ คือ มีสติอยู่กับการเคลื่อนไหว  ยังมีวิตก  วิจาร คือยังคิด ยังกังวล แต่มีสติ เราก็ปล่อยมันทำต่อไป เฝ้าดูมัน(จิต) สักพักเราจะเข้าสู่ทุติยญาณ คือ การวิตกหายไป  อยู่กับการรู้สึกตัว และกระทำต่อไปจะเข้าตติยญาณ คือวิตก  วิจาร หายไป  มีปีติ มีสติ-สัมปชัญญะ เกิดอุเบกขา เราจะสังเกตได้ว่าจิตจะเบา  โปรง  โล่ง  แจ่มใส่ (จำอารมณ์จิตตรงนี้เอาไว้  จะได้เอาไปใช้เมื่อเรา ดูจิต เพราะมันเหมือนกัน) นี่ละจิตที่เป็นกุศล เหมาะแก่งานที่จะเจริญวิปัสสนา เข้าจตุตญาณ ที่ต้องการละ

                                    แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า จิตที่เป็นกุศล หรือเข้าญาณที่สี่นั้น มันไม่อยู่กับเรานาน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของจิต เกิดขึ้น  ตั้งอยู่  ดับไป ของมันเองบังคับไม่ได้  เราก็ต้องกระทำต่อไปอย่างต่อเนื่อง ให้นานๆ มันก็เกิดขึ้นของมันเองอีก เป็นอย่างนี้  สลับไปสลับมาของมันอย่างนั้น ตลอดเวลา  คงสักวันมันคงจะอยู่ได้นานขึ้นเรื่อยๆ ครับ เพราะเราจะรู้สึกได้ว่ามันสงบจริงๆ ครับ

                                    ลองทำกันไปสังเกตกาย-ใจ ไป ให้มีสติ  หรือรู้สึกตัวให้มาก อยู่กับ "หลง" และ "รู้" และ"รู้" ให้เร็วขึ้น  ท่านจะทราบได้ด้วยตัวของท่านเอง กระทำเพียงแค่นี้ไปเรื่อยๆ  ไม่ต้องสนใจนิพพาน เพราะเพียงแค่นี้เราก็มีชิวิตที่พ้นทุกข์ได้พอสมควร เพราะจะรู้เท่าทันจิตของเรา และรู้อะไร ๆ ที่จำเป็นต่อการอยู่ในสังคมมากขึ้น จนเราปล่อยวางได้เอง เพราะเรารู้ความจริงของจิตมันพอสมควรแล้ว  สุขครับเพราะวันหนึ่งๆ ไม่หลงอยู่ในความคิด  มีแต่ความรู้สึกตัว  เมื่อไม่คิดก็ไม่ทุกข์ คนเรานั้นทุกข์เพราะคิด ครับ

                                    สาธยายมาพอสมควรแล้ว เขียนยาวไป ท่านก็คงไม่อยากอ่าน ต้องเขียนสั้นๆ หวังว่าท่านคงจะอ่านกัน  ไม่อ่านก็ไม่เป็นไร  ผมเขียนมาเพื่อสั่งสอนตัวเองให้มากไว้ มันจะได้ซึมซาบไปเรื่อยๆ ไม่ "หลง" ครับ

                                    ทุกอย่างท่านอย่าเชื่อผม นะครับ เพราะผมเขียนจากสิ่งที่พบ ท่านต้องลองกระทำดู ด้วยตัวท่านเอง จึงจะเชื่อผมได้ว่าผมเขียนเรื่องจริงๆ ตามที่ประสบ

                                   ราตรีสวัสดิ์ทุกท่าน ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6933 เมื่อ: 16 กันยายน 2555, 20:35:03 »


                             อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก สำหรับนักปฏิบัติธรรมก็คือ มรรคองค์ที่ ๖ สัมมาวายาโม ครับ  

                             คิดแบบง่ายๆ ก็คือ ท่านต้องอยู่ในศีล  อย่างน้อยศีล ๕ หรือ สำรามอินทรีย์ของท่านให้เป็นปกติทั้งกาย   วาจา   ใจ อยู่เป็นนิจ  จะเป็นแบบ ทุศีลบางข้อ แล้วมาตั้งต้นใหม่ นั้น ท่านก็จะได้สติแบบ ตั้งต้นใหม่เหมือนกัน  มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

                             ท่านต้องกระทำให้ต่อเนื่องด้วยความเพียร คือ ละอกุศลที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น  สร้างกุศลที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น  ละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไป และเจริญกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้ยิ่งๆ ขึ้นไป

                            ถ้าท่านทำได้ การปฏิบัติธรรมของท่านจะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ครับ

                            ผมประสบมาแล้ว และก็เป็นจริงตามนั้น ดังที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ การปฏิบัติธรรมนั้น  ถ้าหย่อนยานในศีลทุศีล ก็เหมือนลิงขึ้นต้นไม้แล้วตกต้นไม้  ต้องขึ้นใหม่ คือตั้งต้นใหม่ ครับ

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6934 เมื่อ: 16 กันยายน 2555, 21:12:36 »


                            ปริมาณน้ำไหลผ่าน  ระดับน้ำ ตั้งแต่นครสวรรค์ลงมาถึงอ่างทองลดลงหมดเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อวาน แต่ทำไม่มีแต่ข่าวน้ำท้วม สงสัยจริงๆ ครับ

                            ที่อยุธยาระดับน้ำเพิ่ม ๑ เซนติเมตร มันก็เป็นเรื่องปกติ

                            กรรมที่สุโขทัยเป็นตัวอย่าง น้ำผ่านมาทางท่อระบายน้ำ ผุดขึ้นท้วมตัวเมือง  พอเอา Big Bag ไปอุดท่อ น้ำไม่ไหลเข้า เวลาน้ำลงแล้ว แต่ยังท้วมเพราะน้ำมันไหลออกไม่ได้เพราะ เพราะท่อตันจาก Big Bag ผลคือ ต้องระดมหาเครื่องสูบน้ำ มาสูบน้ำออก  กรรมจริง ๆ (ฟังจาก ดร.หรั่ง  ดร.เอก ทาง FM 99 )

                            คุณเหยง  ช่วงนี้มีพายุเข้ามาไหม แจ้งให้ทราบด้วย เพราะผมตกข่าว ครับ

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6935 เมื่อ: 17 กันยายน 2555, 07:17:45 »

งง ไม่เข้าใจ จริงๆ ครับ









                         งง  ไม่เข้าใจ  จริงๆ  ครับ รัฐบาลสั่งประชุมทุก ๓ ชั่วโมง  ติดตามสถานการณ์ฝนตก-น้ำท้วม รายงานให้ทราบ

                         เป็นสิ่งที่ดี

                         TV ประโคมข่าวน้ำท้วม เกินจริง เป็นสิ่งที่ไม่ดี  เพราะคนขี้กลัวมีมาก จะเป็นบ้า

                         TV รัฐบาล ประโคมข่าว  ท่านผู้ว่าชอบใจ  จะมีสาเหตุให้ประกาศเขตภัยพิบัติ เบิกงบฉุกเฉินได้

                         ดังนั้น  เช้านี้ผม ด้วยความสงสัย  จึงเข้าไปดูการพยากรณ์อากาศ มันก็ไม่มีพายุ  มีแต่ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่เข้าม  มันก็เป็นเรื่องปกติของทุกปี เพราะความหนาวเริ่มมาแล้ว

                          คิดได้แล้วครับ คนไทย  รัฐบาล  TV  เกลียดหน้าฝน  เกลียดฝน  เกลียดน้ำ ที่นำความอุดมสมบูรณ์มาให้  ไปเสียแล้ว  ลืมบุญคุณน้ำ  เพราะเป็นโรคกลัวน้ำ  หวาดวิตกอยู่ในสมอง  ระวังจะไม่มีน้ำใช้ปีหน้า

                          สวัสดี
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6936 เมื่อ: 17 กันยายน 2555, 07:33:34 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                              เช้านี้ยังไม่รู้จะเขียนธรรมะ อะไรดี เพราะว่า ผมก็เป็นโรคขี้กลัวขึ้นมา กลัวว่าท่านจะหาว่าผมเป็นพวก "อุตริมนุษย์ธรรม" และกลัวว่า "ทุกท่านจะไม่ชอบ"  เลยยังไม่เขียนครับ

                             เช้านี้ได้หุงข้าว ใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน  กินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว คงต้องไปสิงห์บุรี ไปเฝ้าแม่ครับ

                             พรุ่งนี้และมะรืนนี้ ต้องไปทำงานที่สุรินทร์ ไป Nok Air ลงที่อุบลฯ ขากลับ  กลับทางบุรีรัมภ์ แทนใกล้หน่อยคนขับรถจะได้สะดวก แต่ค่าเครื่องบินแพงกว่าอุบล ห้าร้อยบาท  ทั้งๆ ที่ใกล้กว่า เพราะไม่มีการแข่งขันทางการตลาด

                              ทุกวันนี้มนุษย์ที่เคยประสบกับสิ่งไม่ชอบ  ไม่น่าปราถนามากๆ เช่น น้ำท้วมบ้าน  จะมีความกลัวเกิดขึ้น จำอยู่ในสมอง  พอจะมีเหตุการณ์แบบนั้นอีก  ก็เกิดความวิตก กังวล คือเป็นทุกข์ ขึ้นมาโดยไม่อยู่กับความเป็ยจริงเลย  มันก็เป็นเรื่องธรรมดา ของจิตมนุษย์  ย่อมคิดแบบนั้น ไม่ผิด

                               แต่อย่าลืมพระพุทธองค์ทรงสอนให้อยู่ในความไม่ประมาท  ให้รู้เท่าทัน  และใช้ปัญญาไตร่ตรองแบบ "โยนิโสมนสิการ"  รวมทั้ง ให้ยึดหลักกาลามสูตร  แล้วค่อยตัดสินใจ  นั่นเรียกว่าอยู่ด้วยความไม่ประมาท  ทุกข์ก็จะไม่บังเกิดขึ้น ครับ

                               สวัสดี


      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #6937 เมื่อ: 17 กันยายน 2555, 08:43:52 »


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ตามอ่านแล้วค่ะ...

...เมื่อวานไม่ได้เข้ามาคุยด้วย...

...เพราะว่าต้องตื่นแต่เช้าไปทำบุญที่วัดค่ะ...

...จากนั้นไปสนามบอล...มีกิจกรรมเหมือนกับวันเสาร์ค่ะ...

...แต่ตอนเย็นมีฝนปรอยๆ...สนามเลยไม่มีขาประจำมาเล่นตั้งแต่ห้าโมงเย็นค่ะ...

...ตู่นั่งสมาธิยังสังเกตุไม่ได้ค่ะ...ว่าญาณไหนเป็นยังไง...

...นั่งไปเรื่อยๆทื่อๆ...เอาความสงบเป็นพอค่ะ...

...ถ้าใจส่งออกนอก...ถ้ารู้ตัว...ก็พยายามดึงกลับเข้ามาใหม่...

...กลับมาจับลมหายใจอย่างเดิม...เช่นนี้ทุกครั้งไป...

...บางครั้งก็มีปิติ...มีสุข...มีอะไรๆอีกเยอะเลย...

...ถ้าพี่สิงห์ปฎิบัติแล้วมีอะไรเกิดขึ้นแปลกๆ...

...ก็เอามาเล่าให้ฟังบ้างก็ได้ค่ะ...

...ถือเป็นประสบการณ์ที่อาจเกิดขึ้นบ้าง...แต่เราไม่ได้สังเกตุ...

...แต่ความมหัศจรรย์ทางจิตที่เคยสัมผัสได้หรือครูบาอาจารย์ท่านเคยทำให้รู้สึก...

...ตู่ก็เคยได้รับมาแล้วค่ะ...และเชื่อว่าท่านรู้วาระจิตจริงๆ...

...แต่รู้ยังไง...เราเองก็ยังงงค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6938 เมื่อ: 17 กันยายน 2555, 20:02:09 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 17 กันยายน 2555, 08:43:52

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ตามอ่านแล้วค่ะ...

...เมื่อวานไม่ได้เข้ามาคุยด้วย...

...เพราะว่าต้องตื่นแต่เช้าไปทำบุญที่วัดค่ะ...

...จากนั้นไปสนามบอล...มีกิจกรรมเหมือนกับวันเสาร์ค่ะ...

...แต่ตอนเย็นมีฝนปรอยๆ...สนามเลยไม่มีขาประจำมาเล่นตั้งแต่ห้าโมงเย็นค่ะ...

...ตู่นั่งสมาธิยังสังเกตุไม่ได้ค่ะ...ว่าญาณไหนเป็นยังไง...

...นั่งไปเรื่อยๆทื่อๆ...เอาความสงบเป็นพอค่ะ...

...ถ้าใจส่งออกนอก...ถ้ารู้ตัว...ก็พยายามดึงกลับเข้ามาใหม่...

...กลับมาจับลมหายใจอย่างเดิม...เช่นนี้ทุกครั้งไป...

...บางครั้งก็มีปิติ...มีสุข...มีอะไรๆอีกเยอะเลย...

...ถ้าพี่สิงห์ปฎิบัติแล้วมีอะไรเกิดขึ้นแปลกๆ...

...ก็เอามาเล่าให้ฟังบ้างก็ได้ค่ะ...

...ถือเป็นประสบการณ์ที่อาจเกิดขึ้นบ้าง...แต่เราไม่ได้สังเกตุ...

...แต่ความมหัศจรรย์ทางจิตที่เคยสัมผัสได้หรือครูบาอาจารย์ท่านเคยทำให้รู้สึก...

...ตู่ก็เคยได้รับมาแล้วค่ะ...และเชื่อว่าท่านรู้วาระจิตจริงๆ...

...แต่รู้ยังไง...เราเองก็ยังงงค่ะ...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                         ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เขียนมานั้น เขียนมาจากประสบการที่ตัวเองประสบมาแล้วทั้งสิ้น เพราะถือตามคติ ที่หลวงพ่อเทียน ท่านสอน คือ เขียนในสิ่งที่ตัวเองรู้ เข้าใจ  จากการปฏิบัติธรรม  อย่าเขียนเพราะไปจำเขามา  ซึ่งมันอาจจะไม่เป็นจริงก็ได้  แต่ถ้าเขียนจากสิ่งที่เราประสบมา มันเป็นความจริง เพราะเราประสบมาด้วยตัวเอง  รู้ได้ด้วยตัวเราเอง  ตามหลักกาลามสูตร ครับ

                         ในการปฏิบัติธรรม เธอจะต้องแยกให้ออกระหว่าง ความรู้สึกตัว   อารมณ์  และความคิด  เมื่อแยกออกแล้วต่อไปเธอจะแยกรูป-นาม  ออกได้เอง และถ้าโชคดีเธอจะเห็นรูป-นาม ด้วยอารมณ์ของการปฏิบัติจริงๆ และจะรู้ว่าแท้จริงการปฏิบัติธรรมนั้น กระทำไปทำไม? จะรู้ด้วยตัวเอง  จะรู้เรื่องสมมติบัญญัติ และปรมัตถ์บัญญัติ เอง

                         นอกจากนี้จะรู้พฤติกรรมของจิตมนุษย์ทั่วๆ ไปว่ามันเป็นอย่างไร เราสามารถเอามันมาใช้กับเราได้ เพื่อให้ชีวิตสุข  สงบ อยู่ในสังคมได้ เพราะรู้ความจริงเกี่ยวกับจิตมนุษย์แล้ว และรู้อะไร อีกตั้งมากมาย รวมทั้งจะละทิ้งความเชื่อถือที่งมงาย  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ไปเอง  จากการดูกาย-จิต  ตนเองนี่ละ

                          พี่ประสิทธิ์ คุมทีมฟุตบอลศรีราชา หรือ เปล่า อยากทราบ

                           สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6939 เมื่อ: 17 กันยายน 2555, 20:26:20 »

สถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยาวันนี้


 
                             ผมเห็นปริมาณ น้ำในเขื่อนภูมิพลแล้วเศร้ามาก เพราะมีน้ำเพียง 50% แล้วปีหน้าจะเอาน้ำที่ไหนทำนา และดื่ม

                             ระดับน้ำตามจังหวัดต่างๆ จากนครสวรรค์ ถึงอยุธยา มีเกินครึ่งนิดหน่อยเองจากระดับน้ำปกติ  แต่ทำไมคนไม่เชื่อรัฐบาล  กลัวน้ำท้วมกัน และรัฐฐาลก็บ้าจี้โดยเฉพาะท่านนายก สั่งการลงไปตามจังหวัดต่าง ๆ  เลยได้ผลาญงบกันบานตะไท

                             ผมชอบใจคำให้สัมภาษย์ของท่านอธิบดีวันนี้ที่มีความคิดคล้ายผม คือผันน้ำไปทางลุ่มน้ำป่าสักให้มาก ดีกว่าปล่อยลงเจ้าพระยาท้ายเขื่อน

                              ขณะนี้น้ำในทุ่งเจ้าพระยาตะวันตก-ตะวันออก  ไม่มีน้ำเลยทั้งสิ้นในพื้นที่ ร่วม ๘ ล้านไร่ ท่านนึกดูเองก้แล้วกัน

                             แต่ทำไมคนไม่เชื่อรัฐบาล  คุณปลอดประสบ  และท่านอธิบดีกรมชลประทาน  เพราะโรคกลัวน้ำ  และรู้นิสัยท่านเหล่านั้นดี  จนหมดความเชื่อถือ นั่นเอง



แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ทุ่งมะขามหย่อม และบางบาน ก่อนถึงตัวเมืองอยุธยา



แม่น้ำเจ้าพระยาก่อนถึงตัวเมือง จะเห็นว่าตลิ่งยังสูงมากกว่า ๒ เมตร



ส่วนฝั่งขวามือที่น้ำท้วม เป็นเพราะบ้านไปปลุกอยูในแม่น้ำ  พื้นที่รุกล้ำแม่น้ำ เพราะตลิ่งจริงๆ ยังสูงมาก






แม่น้ำป่าสัก ที่ตัดกับถนนสายเอเซีย

แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สะพานจังหวัดสิงห์บุรี









                            เรื่องความอยากรู้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา วันนี้ผมได้ขับรถไปสิ่งบุรี ไปทางบางปะหัน ผ่านทุ่งมะขามหย่อม แม่น้ำน้อย และบางบาน ที่เป็นพื้นที่ลุ่มมากๆ ระดับน้ำในแม่น้ำน้อย และเจ้าพระยา ตลิ่งยังสูงกว่าระดับน้ำ ๑-๒ เมตร แสดงว่าน้ำไม่ท้วม นอกจากบ้านที่ปลูกรุกลงไปแม่น้ำ  น้ำจึงท้วม

                            ถามแม่ค้าที่วัดอัมพวัน ว่าระดับน้ำในแม่น้ำเป็นอย่างไร  แม่ค้าบอกว่า น้ำลดลงไป ๑ ศอก เมื่อคืนนี้

                            สรุป ตอนนี้ ปีนี้น้ำไม่ท้วมแน่นอน เพราะไม่มีพายุ  น้ำในเขื่อนไม่มี  น้ำในแม่น้ำสายหลัก ก็มีไม่มาก

                            ปีหน้าไม่มีน้ำใช้ทำนา อุปโภค  บริโภอ แน่นอน ถ้ายังปล่อยน้ำทิ้ง อยู่อย่างนี้ ครับ

                            อิสานแล้งหนัก ทางบุรีรัมภ์กำลังจัดตั้งฝูงเครื่องบินเร่งทำฝนเทียมอยู่ขณะนี้

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6940 เมื่อ: 17 กันยายน 2555, 20:45:26 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                              วันนี้ผมไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี มา

                              วันนี้พยาบาล และคนดูแลแม่  ได้ทดลองถอดสายอ๊อกซิเจน  ออก  แม่ก็ยังสามารถหายใจได้เป็นปกติ  ความดันเป็นปกติ  แผลกดทับดีขึ้นมาก  คุณหมอวิทิตได้เพิ่มอาหารเหลว เป็นครั้งละ ๒๕๐ ซี.ซี. วันละ ๔ ครั้ง ให้มากกว่านี้จะไหลออกทางปาก เพราะลำใส้สามารถดูดซับได้เท่านี้  อีกหนึ่งอาทิตย์แม่คงกลับบ้านได้

                               ผมได้คุยกับน้องสาว   น้องสาวบอกว่า เป็นเพราะแม่ได้รับการดูแลจากหมอวิทิต คนเดียวมา ๔๐ กว่าปี คุณหมอจึงรู้อาการของแม่ทั้งหมด  จึงสามารถแก้ไขได้ทันที  ไม่ต้องรอวินิจฉัยทั้งสิ้น เหมือนคนไข้คนอื่นๆ ที่ต้องเสียชีวิตลงเพราะรอดูอาการ แม่จึงดีขึ้น เหมือนเป็นปกติ

                               ผมไม่อยากเอาแม่กลับบ้านเลย  ขึ้นอยู่กับหมอวิทิต  เท่านั้น  แต่ตอนนี้ทางโรงพยาบาลได้สำรวจคนไข้ที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษ จากการที่กลัวน้ำท้วม  แม่ก็เป็นหนึ่งใน ๔ คนไข้พิเศษนั้น  แม่คงมีสิทธิอยู่โรงพยาบาลได้อีกนาน ครับ

                               รวมแล้วหนึ่งปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนน้ำท้วมปีที่แล้ว จนถึงวันนี้ แม่อยู่โรงพยาบาลไม่ต่ำกว่า ๑๐ เดือน ครับ

                               ในอดีตแม่เคยเลี้ยงดูลูกของน้องสาวสามคน  เคยได้รับอุปการะเป็นแม่บุญธรรมของเด็กสาวในหมู่บ้าน ที่แม่เขาเลี้ยงแล้วเป็นแต่โรคเลี้ยงไม่โต กลัวตาย  จึงต้องหาแม่ใหม่ ตามคติโบราณ  แม่เลยรับเอาไว้ดูแล  และแม่เคยให้ที่พักพิงเด็กสาวจากอุทัยธานี ที่โดนพ่อเลี้ยงรังแก หนีมาอยู่กับแม่ สามปี  นี่ละคงเป็นกุศลที่แม่เคยเลี้ยงดูคนที่ขาดที่พึ่งมาก่อน อานิสงค์เลยทำให้แม่มีคนดูแล  อย่างดียิ่ง  จนแม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าคนปกติทั่วไป เป็นบุญของแม่ครับ

                                พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปสุรินทร์ Boarding 06:05 น.

                                 ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #6941 เมื่อ: 17 กันยายน 2555, 21:35:51 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 17 กันยายน 2555, 20:45:26


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                              วันนี้ผมไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี มา

                              วันนี้พยาบาล และคนดูแลแม่  ได้ทดลองถอดสายอ๊อกซิเจน  ออก  แม่ก็ยังสามารถหายใจได้เป็นปกติ  ความดันเป็นปกติ  แผลกดทับดีขึ้นมาก  คุณหมอวิทิตได้เพิ่มอาหารเหลว เป็นครั้งละ ๒๕๐ ซี.ซี. วันละ ๔ ครั้ง ให้มากกว่านี้จะไหลออกทางปาก เพราะลำใส้สามารถดูดซับได้เท่านี้  อีกหนึ่งอาทิตย์แม่คงกลับบ้านได้

                               ผมได้คุยกับน้องสาว   น้องสาวบอกว่า เป็นเพราะแม่ได้รับการดูแลจากหมอวิทิต คนเดียวมา ๔๐ กว่าปี คุณหมอจึงรู้อาการของแม่ทั้งหมด  จึงสามารถแก้ไขได้ทันที  ไม่ต้องรอวินิจฉัยทั้งสิ้น เหมือนคนไข้คนอื่นๆ ที่ต้องเสียชีวิตลงเพราะรอดูอาการ แม่จึงดีขึ้น เหมือนเป็นปกติ

                               ผมไม่อยากเอาแม่กลับบ้านเลย  ขึ้นอยู่กับหมอวิทิต  เท่านั้น  แต่ตอนนี้ทางโรงพยาบาลได้สำรวจคนไข้ที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษ จากการที่กลัวน้ำท้วม  แม่ก็เป็นหนึ่งใน ๔ คนไข้พิเศษนั้น  แม่คงมีสิทธิอยู่โรงพยาบาลได้อีกนาน ครับ

                               รวมแล้วหนึ่งปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนน้ำท้วมปีที่แล้ว จนถึงวันนี้ แม่อยู่โรงพยาบาลไม่ต่ำกว่า ๑๐ เดือน ครับ

                               ในอดีตแม่เคยเลี้ยงดูลูกของน้องสาวสามคน  เคยได้รับอุปการะเป็นแม่บุญธรรมของเด็กสาวในหมู่บ้าน ที่แม่เขาเลี้ยงแล้วเป็นแต่โรคเลี้ยงไม่โต กลัวตาย  จึงต้องหาแม่ใหม่ ตามคติโบราณ  แม่เลยรับเอาไว้ดูแล  และแม่เคยให้ที่พักพิงเด็กสาวจากอุทัยธานี ที่โดนพ่อเลี้ยงรังแก หนีมาอยู่กับแม่ สามปี  นี่ละคงเป็นกุศลที่แม่เคยเลี้ยงดูคนที่ขาดที่พึ่งมาก่อน อานิสงค์เลยทำให้แม่มีคนดูแล  อย่างดียิ่ง  จนแม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าคนปกติทั่วไป เป็นบุญของแม่ครับ

                                พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปสุรินทร์ Boarding 06:05 น.

                                 ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

สวัสดีค่ะพี่สิงห์ น้ำอ้อยหายไปซะหลายวันค่ะ เริ่มๆมีจิตใจดีขึ้นค่ะแต่ในใจยังอดคิดถึงคุณพ่อไม่ได้ค่ะพยายามทำโนน่นี่นั่นค่ะให้ลืมๆ  ดีใจที่เข้ามาได้เห็นคุณแม่พี่นะคะ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #6942 เมื่อ: 18 กันยายน 2555, 08:42:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 17 กันยายน 2555, 20:02:09
อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 17 กันยายน 2555, 08:43:52

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ตามอ่านแล้วค่ะ...

...เมื่อวานไม่ได้เข้ามาคุยด้วย...

...เพราะว่าต้องตื่นแต่เช้าไปทำบุญที่วัดค่ะ...

...จากนั้นไปสนามบอล...มีกิจกรรมเหมือนกับวันเสาร์ค่ะ...

...แต่ตอนเย็นมีฝนปรอยๆ...สนามเลยไม่มีขาประจำมาเล่นตั้งแต่ห้าโมงเย็นค่ะ...

...ตู่นั่งสมาธิยังสังเกตุไม่ได้ค่ะ...ว่าญาณไหนเป็นยังไง...

...นั่งไปเรื่อยๆทื่อๆ...เอาความสงบเป็นพอค่ะ...

...ถ้าใจส่งออกนอก...ถ้ารู้ตัว...ก็พยายามดึงกลับเข้ามาใหม่...

...กลับมาจับลมหายใจอย่างเดิม...เช่นนี้ทุกครั้งไป...

...บางครั้งก็มีปิติ...มีสุข...มีอะไรๆอีกเยอะเลย...

...ถ้าพี่สิงห์ปฎิบัติแล้วมีอะไรเกิดขึ้นแปลกๆ...

...ก็เอามาเล่าให้ฟังบ้างก็ได้ค่ะ...

...ถือเป็นประสบการณ์ที่อาจเกิดขึ้นบ้าง...แต่เราไม่ได้สังเกตุ...

...แต่ความมหัศจรรย์ทางจิตที่เคยสัมผัสได้หรือครูบาอาจารย์ท่านเคยทำให้รู้สึก...

...ตู่ก็เคยได้รับมาแล้วค่ะ...และเชื่อว่าท่านรู้วาระจิตจริงๆ...

...แต่รู้ยังไง...เราเองก็ยังงงค่ะ...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                         ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เขียนมานั้น เขียนมาจากประสบการที่ตัวเองประสบมาแล้วทั้งสิ้น เพราะถือตามคติ ที่หลวงพ่อเทียน ท่านสอน คือ เขียนในสิ่งที่ตัวเองรู้ เข้าใจ  จากการปฏิบัติธรรม  อย่าเขียนเพราะไปจำเขามา  ซึ่งมันอาจจะไม่เป็นจริงก็ได้  แต่ถ้าเขียนจากสิ่งที่เราประสบมา มันเป็นความจริง เพราะเราประสบมาด้วยตัวเอง  รู้ได้ด้วยตัวเราเอง  ตามหลักกาลามสูตร ครับ

                         ในการปฏิบัติธรรม เธอจะต้องแยกให้ออกระหว่าง ความรู้สึกตัว   อารมณ์  และความคิด  เมื่อแยกออกแล้วต่อไปเธอจะแยกรูป-นาม  ออกได้เอง และถ้าโชคดีเธอจะเห็นรูป-นาม ด้วยอารมณ์ของการปฏิบัติจริงๆ และจะรู้ว่าแท้จริงการปฏิบัติธรรมนั้น กระทำไปทำไม? จะรู้ด้วยตัวเอง  จะรู้เรื่องสมมติบัญญัติ และปรมัตถ์บัญญัติ เอง

                         นอกจากนี้จะรู้พฤติกรรมของจิตมนุษย์ทั่วๆ ไปว่ามันเป็นอย่างไร เราสามารถเอามันมาใช้กับเราได้ เพื่อให้ชีวิตสุข  สงบ อยู่ในสังคมได้ เพราะรู้ความจริงเกี่ยวกับจิตมนุษย์แล้ว และรู้อะไร อีกตั้งมากมาย รวมทั้งจะละทิ้งความเชื่อถือที่งมงาย  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ไปเอง  จากการดูกาย-จิต  ตนเองนี่ละ

                          พี่ประสิทธิ์ คุมทีมฟุตบอลศรีราชา หรือ เปล่า อยากทราบ

                           สวัสดีค่ะ


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...จากการที่ได้อ่านกระทู้ต่างๆตามที่พี่สิงห์ตอบ...

...แสดงว่าพี่สิงห์นั่งสมาธิจนได้ญานสี่แล้ว...และได้ด้วยตัวเอง...ไม่ได้ไปจำเขามา...ใช่มั้ยคะ...

...ขออนุโมทนาด้วยค่ะ...

...หมอประสิทธิ์ไม่ได้คุมทีมฟุตบอลศรีราชา...หรือที่ไหนทั้งนั้นค่ะ...

...เพียงแต่ไปช่วยงานที่สนามบอล...และจัดลีคแข่งขันประเภทต่างๆไปเรือยๆ...

...ถ้าทีมไหนได้แชมป์...ก็เป็นตัวประสานงานเพื่อส่งแข่งในระดับต่อๆไปค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #6943 เมื่อ: 19 กันยายน 2555, 05:28:29 »


พี่สิงห์ที่เคารพ,
หนิงสวัสดีตอนเช้ามายังพี่ด้วยกวามดีใจ,
ว่าหนิงสมัครสมาชิกสมาคมฯแล้วเมื่อครู่
เก๋สุดขีดคะ...สมัคร online!
อุ๊ยพี่,สมัครตามโต๊ะ ชำระเงินตามโต๊ะ
จะเก๋อะไรใครๆก็ทำกันคะแบบนั้น.

สู้พี่สิงห์นั่งหน้าจอ,สมัครเลย
โอนเงินชำระผ่านธนาคารด้วย online
โอ้โห-ทีนี้ล่ะพี่จะเป็น Proชั้น 1
ของสมาคมฯ!

ลองเลยคะพี่สิงห์ แอบโอนผ่านตู้ATMก็ได้
ไม่มีใครรู้ หนิงรู้หนิงก็อุบคะ..สำคัญที่
เป็นสมาชิกภาพแบบไม่เห็นตัว...เก๋ออกคะ

เชื่อหนิง.
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6944 เมื่อ: 19 กันยายน 2555, 20:09:45 »

อ้างถึง
ข้อความของ Kaimook เมื่อ 17 กันยายน 2555, 21:35:51
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 17 กันยายน 2555, 20:45:26


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                              วันนี้ผมไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี มา

                              วันนี้พยาบาล และคนดูแลแม่  ได้ทดลองถอดสายอ๊อกซิเจน  ออก  แม่ก็ยังสามารถหายใจได้เป็นปกติ  ความดันเป็นปกติ  แผลกดทับดีขึ้นมาก  คุณหมอวิทิตได้เพิ่มอาหารเหลว เป็นครั้งละ ๒๕๐ ซี.ซี. วันละ ๔ ครั้ง ให้มากกว่านี้จะไหลออกทางปาก เพราะลำใส้สามารถดูดซับได้เท่านี้  อีกหนึ่งอาทิตย์แม่คงกลับบ้านได้

                               ผมได้คุยกับน้องสาว   น้องสาวบอกว่า เป็นเพราะแม่ได้รับการดูแลจากหมอวิทิต คนเดียวมา ๔๐ กว่าปี คุณหมอจึงรู้อาการของแม่ทั้งหมด  จึงสามารถแก้ไขได้ทันที  ไม่ต้องรอวินิจฉัยทั้งสิ้น เหมือนคนไข้คนอื่นๆ ที่ต้องเสียชีวิตลงเพราะรอดูอาการ แม่จึงดีขึ้น เหมือนเป็นปกติ

                               ผมไม่อยากเอาแม่กลับบ้านเลย  ขึ้นอยู่กับหมอวิทิต  เท่านั้น  แต่ตอนนี้ทางโรงพยาบาลได้สำรวจคนไข้ที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษ จากการที่กลัวน้ำท้วม  แม่ก็เป็นหนึ่งใน ๔ คนไข้พิเศษนั้น  แม่คงมีสิทธิอยู่โรงพยาบาลได้อีกนาน ครับ

                               รวมแล้วหนึ่งปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนน้ำท้วมปีที่แล้ว จนถึงวันนี้ แม่อยู่โรงพยาบาลไม่ต่ำกว่า ๑๐ เดือน ครับ

                               ในอดีตแม่เคยเลี้ยงดูลูกของน้องสาวสามคน  เคยได้รับอุปการะเป็นแม่บุญธรรมของเด็กสาวในหมู่บ้าน ที่แม่เขาเลี้ยงแล้วเป็นแต่โรคเลี้ยงไม่โต กลัวตาย  จึงต้องหาแม่ใหม่ ตามคติโบราณ  แม่เลยรับเอาไว้ดูแล  และแม่เคยให้ที่พักพิงเด็กสาวจากอุทัยธานี ที่โดนพ่อเลี้ยงรังแก หนีมาอยู่กับแม่ สามปี  นี่ละคงเป็นกุศลที่แม่เคยเลี้ยงดูคนที่ขาดที่พึ่งมาก่อน อานิสงค์เลยทำให้แม่มีคนดูแล  อย่างดียิ่ง  จนแม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าคนปกติทั่วไป เป็นบุญของแม่ครับ

                                พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปสุรินทร์ Boarding 06:05 น.

                                 ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

สวัสดีค่ะพี่สิงห์ น้ำอ้อยหายไปซะหลายวันค่ะ เริ่มๆมีจิตใจดีขึ้นค่ะแต่ในใจยังอดคิดถึงคุณพ่อไม่ได้ค่ะพยายามทำโนน่นี่นั่นค่ะให้ลืมๆ  ดีใจที่เข้ามาได้เห็นคุณแม่พี่นะคะ

สวัสดีค่ะ คุณน้องไข่มุก ที่รัก

                              ความพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก โดยเฉพาะบิดา-มารดา นั้น มันค่อนข้างจะทำใจยากอยู่ก็จริง แต่ทุกคนในโลกนี้ก็ต้องประสบเหมือนกัน ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องธรรมดา

                               ความหลงอยู่ในความคิดตนเอง  ที่คิดว่าเราไม่ได้ไปดูแลท่าน ในวาระสุดท้ายที่ท่านจากไป  คนส่วนมากก็เป็นอย่างนี้เช่นเดียวกัน มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาของโลก ดังนั้น เธอควรจะคิดได้ด้วยปัญญา

                               เราควรกระทำความดีตอบแทนท่าน จะดีที่สุด  ไม่ให้เสียชื่อท่าน นั่นละคือสิ่งท่าน อยากเห็น ครับ

                              เมื่อเราพิจารณาด้วยปัญญา แล้ว เราก็สามารถจะวางใจเราเสียใหม่ได้  ความทุกข์  ความเศร้าโศก  มันก็จะดับของมันไปเอง  มันเกิดขึ้นจากเหตุ-ปัจจัย และมันจะดับไปด้วยเหตุ-ปัจจัย เช่นเดียวกัน

                              พี่สิงห์ เชื่อว่า เธอจะวางใจได้ และไม่ทุกข์ ครับ

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6945 เมื่อ: 19 กันยายน 2555, 20:17:43 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 18 กันยายน 2555, 08:42:34
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 17 กันยายน 2555, 20:02:09
อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 17 กันยายน 2555, 08:43:52

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ตามอ่านแล้วค่ะ...

...เมื่อวานไม่ได้เข้ามาคุยด้วย...

...เพราะว่าต้องตื่นแต่เช้าไปทำบุญที่วัดค่ะ...

...จากนั้นไปสนามบอล...มีกิจกรรมเหมือนกับวันเสาร์ค่ะ...

...แต่ตอนเย็นมีฝนปรอยๆ...สนามเลยไม่มีขาประจำมาเล่นตั้งแต่ห้าโมงเย็นค่ะ...

...ตู่นั่งสมาธิยังสังเกตุไม่ได้ค่ะ...ว่าญาณไหนเป็นยังไง...

...นั่งไปเรื่อยๆทื่อๆ...เอาความสงบเป็นพอค่ะ...

...ถ้าใจส่งออกนอก...ถ้ารู้ตัว...ก็พยายามดึงกลับเข้ามาใหม่...

...กลับมาจับลมหายใจอย่างเดิม...เช่นนี้ทุกครั้งไป...

...บางครั้งก็มีปิติ...มีสุข...มีอะไรๆอีกเยอะเลย...

...ถ้าพี่สิงห์ปฎิบัติแล้วมีอะไรเกิดขึ้นแปลกๆ...

...ก็เอามาเล่าให้ฟังบ้างก็ได้ค่ะ...

...ถือเป็นประสบการณ์ที่อาจเกิดขึ้นบ้าง...แต่เราไม่ได้สังเกตุ...

...แต่ความมหัศจรรย์ทางจิตที่เคยสัมผัสได้หรือครูบาอาจารย์ท่านเคยทำให้รู้สึก...

...ตู่ก็เคยได้รับมาแล้วค่ะ...และเชื่อว่าท่านรู้วาระจิตจริงๆ...

...แต่รู้ยังไง...เราเองก็ยังงงค่ะ...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                         ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เขียนมานั้น เขียนมาจากประสบการที่ตัวเองประสบมาแล้วทั้งสิ้น เพราะถือตามคติ ที่หลวงพ่อเทียน ท่านสอน คือ เขียนในสิ่งที่ตัวเองรู้ เข้าใจ  จากการปฏิบัติธรรม  อย่าเขียนเพราะไปจำเขามา  ซึ่งมันอาจจะไม่เป็นจริงก็ได้  แต่ถ้าเขียนจากสิ่งที่เราประสบมา มันเป็นความจริง เพราะเราประสบมาด้วยตัวเอง  รู้ได้ด้วยตัวเราเอง  ตามหลักกาลามสูตร ครับ

                         ในการปฏิบัติธรรม เธอจะต้องแยกให้ออกระหว่าง ความรู้สึกตัว   อารมณ์  และความคิด  เมื่อแยกออกแล้วต่อไปเธอจะแยกรูป-นาม  ออกได้เอง และถ้าโชคดีเธอจะเห็นรูป-นาม ด้วยอารมณ์ของการปฏิบัติจริงๆ และจะรู้ว่าแท้จริงการปฏิบัติธรรมนั้น กระทำไปทำไม? จะรู้ด้วยตัวเอง  จะรู้เรื่องสมมติบัญญัติ และปรมัตถ์บัญญัติ เอง

                         นอกจากนี้จะรู้พฤติกรรมของจิตมนุษย์ทั่วๆ ไปว่ามันเป็นอย่างไร เราสามารถเอามันมาใช้กับเราได้ เพื่อให้ชีวิตสุข  สงบ อยู่ในสังคมได้ เพราะรู้ความจริงเกี่ยวกับจิตมนุษย์แล้ว และรู้อะไร อีกตั้งมากมาย รวมทั้งจะละทิ้งความเชื่อถือที่งมงาย  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ไปเอง  จากการดูกาย-จิต  ตนเองนี่ละ

                          พี่ประสิทธิ์ คุมทีมฟุตบอลศรีราชา หรือ เปล่า อยากทราบ

                           สวัสดีค่ะ


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...จากการที่ได้อ่านกระทู้ต่างๆตามที่พี่สิงห์ตอบ...

...แสดงว่าพี่สิงห์นั่งสมาธิจนได้ญานสี่แล้ว...และได้ด้วยตัวเอง...ไม่ได้ไปจำเขามา...ใช่มั้ยคะ...

...ขออนุโมทนาด้วยค่ะ...

...หมอประสิทธิ์ไม่ได้คุมทีมฟุตบอลศรีราชา...หรือที่ไหนทั้งนั้นค่ะ...

...เพียงแต่ไปช่วยงานที่สนามบอล...และจัดลีคแข่งขันประเภทต่างๆไปเรือยๆ...

...ถ้าทีมไหนได้แชมป์...ก็เป็นตัวประสานงานเพื่อส่งแข่งในระดับต่อๆไปค่ะ...


สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก

                          ดีแล้วละที่พี่ประสิทธิ์ กระทำในสิ่งที่ตนรัก และตนเองชอบ มีอะไรให้ทำเพื่อสังคม  ดีกว่าอยู่เฉยๆ ครับ

                          พี่สิงห์  ไม่ได้รู้อะไรมากหรอก  ตอนนี้ก็เอาตัวเองเป็นหนูตะเภา  ทดลองไปเรื่อยๆ

                           และรู้ว่าจักคำว่า "สัมมาวายะโม คือ ความเพียรชอบ" นั้น สำคัญยิ่งนัก ต่อการปฏิบัติธรรม คือ ต้องมีวิริยะในการทำกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น  ต้องมีวิริยะในการละอกุศลที่ยังไม่เกิด ไม่ให้เกิดขึ้น  เพียรละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไป และทำกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป

                            เพราะสิ่งเหล่านี้มันจะทำให้เป็นจิตกุศลควรแก่งานที่จะเจริญวิปัสสนาญาณ ยิ่งนัก

                            และมันก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ ต้องเอาชนะใจตนเองเป็นอย่างมาก  เพราะมารมันแยะ ครับ

                            ราตรีสวัสดิ์ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6946 เมื่อ: 19 กันยายน 2555, 20:24:36 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 19 กันยายน 2555, 05:28:29

พี่สิงห์ที่เคารพ,
หนิงสวัสดีตอนเช้ามายังพี่ด้วยกวามดีใจ,
ว่าหนิงสมัครสมาชิกสมาคมฯแล้วเมื่อครู่
เก๋สุดขีดคะ...สมัคร online!
อุ๊ยพี่,สมัครตามโต๊ะ ชำระเงินตามโต๊ะ
จะเก๋อะไรใครๆก็ทำกันคะแบบนั้น.

สู้พี่สิงห์นั่งหน้าจอ,สมัครเลย
โอนเงินชำระผ่านธนาคารด้วย online
โอ้โห-ทีนี้ล่ะพี่จะเป็น Proชั้น 1
ของสมาคมฯ!

ลองเลยคะพี่สิงห์ แอบโอนผ่านตู้ATMก็ได้
ไม่มีใครรู้ หนิงรู้หนิงก็อุบคะ..สำคัญที่
เป็นสมาชิกภาพแบบไม่เห็นตัว...เก๋ออกคะ

เชื่อหนิง.


สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                         พี่สิงห์ ยังไม่ได้คิดเลยครับ  ความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ต้องสมัครสมาชิกหรอกครับ

                         เอาไว้สบายกาย   สบายใจ  เมื่อไรก้ได้ฤกษ์งามยามดี  จะสมัคร ครับ

                         คุณราเมศวร์  ยังไม่เห็นว่าอะไรเลย  จริงๆ คุณราเมศวร์น่าที่จะสมัครให้ผมไปนานแล้ว ครับ

                         ถึงอย่างไร ก็ขอขอบคุณเธอมาก ที่เตือน ครับ

                         ตอนนี้ ดร.สุริยา  ก็ค่อนขอดเอามากแล้ว เพราะผมไม่ได้ไปร่วมวงครึกครื้น หรือไปงานแต่งงานลูก-หลาน ชาวซีมะโด่ง เลย เพราะรู้ตัวดีครับ  ไม่มีสูตรใส่ และคงไม่ตัดใหม่ด้วย  เลยไม่อยากไปให้ทุกคนรังเกียจ ครับ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6947 เมื่อ: 19 กันยายน 2555, 20:40:45 »








สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                              สองวันที่อยู่ที่สุรินทร์ ไม่มี internet ใช้ครับ เพราะเครื่องของผม มันมี Fire wall คอย protected อยู่จึงไม่สามารถใช้งานได้โดยทั่วไปเพราะผมมีความรู้น้อย ในการใช้งาน computer จึงยอมที่จะอยู่แบบไม่รู้อะไรเลย

                               ที่สุรินทร์ นาข้าวเพิ่งได้รับน้ำฝน ค่อยเขียวเต็มทุ่งหน่อย  แต่สองวันที่อยู่สุรินทร์ ฝนไม่ตกเลยครับ

                               วันนี้ขากลับ กทม. ผมมานั่งเครื่องบินกลับที่บุรีรัมภ์ เลยได้ชมสภาพการทำเกษตรกรรมของชาวบุรีรัมภ์ มีทั้งนาข้าว  ยางพารา  ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง ปลุกต้นยูคา ......อีกมาก หน้านี่จึงเป็นหน้าที่ดี มองไปไหนเห็นแต่สีเขียว ครับ

                               ที่อุบลราชธานี  มีลมหนาวพักมาได้สามวันแล้ว ครับ(ผมถามพนักงาน Nok Air ที่อุบลฯ)

                               วันนี้ผมนั่ง Nok Mini เป็นเครื่องบินใบพัดขนาด ๓๐ ที่นั่ง  สนุกดีครับ เพราะบินเหนือเมฆนิดเดียว จึงเต้นระบำเวลาผ่านก้อนเมฆ  แต่ผู้โดยสารไม่เต็มลำ มีประมาณ ๒๕ ท่านเอง

                               พรุ่งนี้ ผมต้องเดินทางไปนครศรีธรรมราช ครับ

                               ค่ำนี้ ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6948 เมื่อ: 19 กันยายน 2555, 20:47:41 »

 สถานการณ์น้ำวันนี้ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๕



                              สถานการณ์น้ำ ตั้งแต่นครสวรรค์ลงมา ถึง กทม. ระดับน้ำ และปริมาณน้ำลดลงกว่าเมื่อสองวัน คือน้ำลงนั่นเอง ตลิ่งสูงขึ้น แล้วเราจะไปวิตกน้ำท้วมกันทำไม?

                              พายุ ไม่มี  มีแต่ฝนก่อนฤดูหนาว ครับ

                              สิ่งที่ผมเป็นห่วงคือ ปีหน้าจะไม่มีน้ำใช้อุปโภค  บริโภค  อาจต้องไปซื้อน้ำดื่ม จากมาเลเซียแบบเมื่อช่วงน้ำท้วมปีที่แล้วครับ

                              สวัสดี





ประจำวันที่ 19 กันยายน 2555


ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16:00 น.    ร่องมรสุมกำลังปานกลางยังคงพาดผ่านบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนยังมีฝนเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายที่อาจจะเกิดจากฝนตกหนักในระยะนี้ไว้ด้วย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 17:00 วันนี้ ถึง 17:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ
   มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดตาก สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ    
                มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง
   มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก
   มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 90 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)    
              มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง และพังงา
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #6949 เมื่อ: 19 กันยายน 2555, 23:19:46 »

พี่สิงห์กลับถึงกทม.แล้วเหรอคะ?
เค้ากลัวน้ำท่วมกันเหรอพี่?
ไม่เคยท่วมติดๆกันไม่ใช่เหรอคะ?
คือปีที่แล้วอุทกภัยใหญ่ใช่มั้ยคะ,
ปีนี้เค้าก็ให้พัก! ให้ซ่อมบ้าน
ปีหน้าแกล้งๆลืม,ปีถัดไปโน่นล่ะค่ะ
จะกลับมาอีก!
ตอนนี้ให้จีน ให้ญี่ปุ่นโน่น รับไป...
ยินว่ามรสุมพัดฟิลิปปินส์จัด
ไทยไม่ถูกคะปีนี้...อะไรจะร้าวราน
ซ้ำแล้วซ้ำอีก??
      บันทึกการเข้า


  หน้า: 1 ... 276 277 [278] 279 280 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><