Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6900 เมื่อ: 12 กันยายน 2555, 20:42:28 » |
|
ผมตื่นนอนตีห้า นั่งสวดมนต์ทำวัตรเช้า - เจริญสติ
หกโมงเดินลงไปที่สระน้ำ มีฝนตกพรำๆ เลยไปออกกำลังกายแบบโยคะ และชิกง ที่ริมสระน้ำ
เจ็ดโมงเช้าก็ไปรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เป็นข้าวต้มกับผักสด และเฝอ ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6901 เมื่อ: 12 กันยายน 2555, 20:58:29 » |
|
สนามกอล์ฟจีริ่ง เป็นสนามกอลืฟที่ดีที่สุดของเวียตนาม สวยมากครับ การดูแลสนามก็ดีมาก ราคา ก็แพงมากด้วย คือสามพันกว่าบาท สำหรับวันธรรมดา ค่าทิป Caddy แพงมาก ปกติต้องทิป ๓๐๐๐๐๐ ดอง แต่ผมจ่ายไป ๔๐๐๐๐๐ ดอง
Caddy เวียตนาม ดีกว่า Caddy เมืองไทย พวกเธอทำหน้าที่ได้ดีมาก และเป็นกันเอง สนุกสนาน ครึกครื้นตลอดเวลา
สำหรับผม รอบแรกตีเกิน ๒ ที รอบหลังก็ตีดีมาก จน Caddy ตกใจไม่เคยเห็นใครตีคะแนนออกมาแบบนี้
เราตั้งใจตี ๒๗ หลุม แต่มีฝนตั้งเค้ามาหน้ากลัวมาก จึงตีเพียง ๒๑ หลุม ยังนึกเสียดายอยู่เลย เพราะค่าสนามแพง
สนามเป็นสนามภูเขา ตียากมาก ทั้งแฟร์เวย์ และกรีน มีผมคนเดียวที่ตีดี นอกนั้นออกทะเลกันหมดเลยเพราะเล่นยาก ท้าทาย จริงๆ สนามนี้ ผู้จัดการสนามเห็นคะแนนผมแล้วตกใจ ว่าตีได้อย่างไร สนามยาก ผมก็บอกว่า ผมเป็น โปร. ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6903 เมื่อ: 12 กันยายน 2555, 21:27:11 » |
|
พี่สิงห์คะ, พี่ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกได้ละเอียดจัง เขียนได้ชนิดที่คนอ่าน..อ่านแล้วรู้สึกเหมือน เป็นผู้ชาย!!
อยากได้มุมมอง/รู้สึกจากฝ่ายผู้หญิงมั้ยคะ? รับรอง และหนิงแน่ใจคะว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน!
ว่าแต่,ประโยคสุดท้ายนั่น...พี่คิดได้ไงคะ? ลูกเค้าเกิดดีๆ ได้...เสียหมด!! เดี๋ยวขึ้นราคาเป็น 500 US $ซะนี่..ได้อดแอ้มกันจริงๆ
ว๊ายยยย
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6904 เมื่อ: 12 กันยายน 2555, 21:38:33 » |
|
ไม่ได้เรียกมุสาซักหน่อยคะพี่กุ เค้าเรียก"ติ๊ต่าง"ต่างหาก. ทีเช็งเม้งเค้ายังส่งบ้านส่งธนบัตรกระดาษ ส่งอะไรต่อมิอะไรไปให้ญาติพี่น้องเป็นกระดาษเผา ไม่เห็นเป็นไรทีคะ.
กลับมาก่อนคะ มาเล่าต่อ หนูจาชม.
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6905 เมื่อ: 12 กันยายน 2555, 21:47:52 » |
|
ทำไมพี่ไม่ว่ายน้ำคะ สระว่างน่าว่ายจัง! แต่เห็นอาหารมื้อเช้าพี่แล้ว...หว่ายยย จะว่ายได้กี่เมตรลานั่น...ไม่มีแฮง!
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6906 เมื่อ: 12 กันยายน 2555, 21:53:44 » |
|
คุณท่านซ้ายคะพี่สิงห์ ไม่รู้แสง หรือครีมกันแดด ถึงทำให้ดู...ซีด! ยิ่งscrollกลับขึ้นไปอ่านตอน 1 ยิ่งนึกไปถึงไหนๆคะว่า..ทาครีม หรือซีดเพราะ 250 $ อุ๊ยยย หนุงหนิงนี่ บอกแล้วไง ให้ดูรูปมิติเดียว....ห้าม 3D!!
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6907 เมื่อ: 13 กันยายน 2555, 06:27:57 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก
ทุกอย่างเขียนออกมาจากจิต ที่มันคิด เป็นเรื่องจริง มันเป็นอาชีพของเขา ถ้าพูดกันรู้เรื่อง พี่สิงห์ จะเทศนาให้เธอเลิกอาชีพแบบนั้น (เหมือน ดร.สุริยา ที่เคยช่วยสาวคนหนึ่งเอาไว้ไม่ให้ตกนรกทั้งเป็น) มันไม่ยั่งยืน ตกรวดเร็วมาก เธอชอบสนุก และ Drink อาจจะเป็นเพราะเศรษฐกิจเวียตนามยังไม่ฟื้นตัว จึงไม่มีทางเลือก ดีกว่าอดตาย
เธอจะแสดงทัศน ตามความคิดเธอก็ได้ จริงๆ เธอเป็นมิตรที่ดีกับพี่สิงห์(สาวเวียตนาม) เพราะเราตั้งใจสอนกอล์ฟให้เขา จนสามารถตีกอล์ฟได้ แบบลูกศิษย์กับครู ครับ
ยิ่งที่โรงแรม ๕ ดาว ฟอจูน่า พรรคพวกบอกว่า ที่ห้องคาราโอเกะ ชั้นใต้ดิน มาม่าซัง เอาออกมาโชว์ มีเป็นร้อย มาเดินโชว์ให้เลือก ครั้งละ เป็น ๑๐ คน ดร.สุริยา ลองนึกภาพเก่าๆ ดูจะทราบได้เอง ดังนั้น พี่สิงห์เลยไม่ไปดูเลย อยู่แต่ในห้อง และเดินเล่นรอบๆโรงแรม เพราะ "สุภาพสตรี ไม่พบเสียดีกว่า" เพราะไม่พบ ก็ไม่ปรุงแต่งความคิด แต่ถ้าพบ มีแต่การปรุงแต่งไปต่างๆ นาๆ สุดท้ายอาจจะแพ้ใจตนเองได้
สุภาพบุรุษ คนที่เธอว่าหน้าขาวนั้น คือคุณดิเรก เจ้านาย พี่สิงห์ คนขวามือคือพี่พงษ์ศักดิ์ ประธานบริษัท PSTC ซึ่งเพิ่งสูญเสียภรรยาคือพี่กุ้ง ด้วยโรคมะเร็ง ทุกวันที่ใส่บาตรพระ พี่สิงห์ก็ยังแผ่ส่วนกุศลให้อยู่ประจำ ทั้งสองคนเป็นผู้ชวนและจ่ายสตางค์ค่าทัวร์ ให้พี่สิงห์ ครับ
สำหรับ Caddy ต่างประเทศ หรือในประเทศ ถ้าเลือกได้ควรเลือก เพื่อความสบายใจ เพราะมันถูกใจเราอยู่บ้าง แต่ Caddy พี่สิงห์ สบายทุกคนเพราะลูกไม่เข้าป่า ทุกอย่างพี่สิงห์ดูเอาเองทั้งไลหญ้า และระยะ ไม่พึ่ง Caddy ถ้ารู้หน้าที่ เพราะตีกอล์ฟ จริงๆ ต่างคนต่างทำหน้าที่เป็นใช้ได้ ยิ่งในเมืองไทยเดินตีกอล์ฟ ๑๘ หลุม พี่สิงห์ แทบจะไม่ได้พุดกับ Caddy เลย แต่พี่สิงห์ จะ Tip มากกว่าคนอื่นเสมอเพราะเห็นใจเขา แต่จะให้ตามสิ่งที่เขาทำดีต่อเรา(ตามหน้าที่ ที่ดี)
สวัสดี
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6909 เมื่อ: 13 กันยายน 2555, 08:55:49 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน
วันนี้ผมอยู่บ้าน ไม่ได้เดินทางไปสิงห์บุรี ไปเฝ้าแม่ ครับ
ในช่วงเช้า ได้ใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน ซักผ้า และ
Detox เอาสิ่งปฏิกูลต่างๆ ที่สะสมมาจากเวียตนามออกให้หมด ครับ
บ่ายเดินทางไปนครศรีธรรมราช Boarding 14:15 น. by Nok Air
ช่วงนี้ มีมารมาผจญมาก และรู้สึกว่า จิตของเรานั้น ช้าไปกว่ามาร แล้ว กว่าจะรู้เท่าทันก็เสียเวลาไปนาน คงจะต้องหาเวลา สร้างความรู้สึกตัวให้มากๆ มากกว่ามาร เสียแล้วเรา เป็นเพราะการยุ่งกับทางโลกมากไปนั่นเอง อยู่กับความคิด ความรู้สึกตัวเลยหายไป เลยช้ากว่ากำลังของมาร
ดังนั้น วันนี้ขอนำเอาอิทัปปัจจยตา มาทบทวนตนเองครับ
สวัสดีครับ
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #6910 เมื่อ: 13 กันยายน 2555, 09:43:08 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์และน้องหนุงหนิง...
...ตามอ่านทุกความคิดเห็นตั้งแต่เมื่อวานมาจนจบค่ะ...
...วันนี้ตื่นสายเลยเข้ามาทักช้าไปหน่อยค่ะ...
...เพราะเมื่อคืนนอนดึก...สวดมนต์จนถึงตีสาม...
...เห็นมันดึกมากแล้วก็เลยนอนค่ะ...ไม่งั้นคงสวดต่อเรื่อยๆ...กำลังมัน...
...ตู่ติดสวดมนต์มากกว่านั่งสมาธิหรืออ่านหนังสือธรรมะค่ะ...
...อานิสงค์จากการสวดมนต์มีเยอะ...แต่บางทีเราไม่รู้ตัว...
...บทสวดบางบทก็บอกไว้...ถ้าดูจากการแปล...
...อ้อ...เกือบลืมไป...เมื่อหลายวันก่อนได้ทำบุญสร้างหนังสือสวดมนต์ของทางวัดไป 100 เล่ม...เป็นจำนวนเงินห้าพันบาทค่ะ...
...เนื่องจากทางวัดยังไม่มีหนังสือสวดมนต์ที่ใช้สะดวกสำหรับพระ...ชี...และญาติโยมเพียงพอ...
...ที่มีอยู่แล้วเป็นกระดาษโรเนียวแล้วเข้าเล่มธรรมดา...
...เวลาใช้ก็จะเขียนกำกับให้ข้ามไปหน้าโน้นหน้านี้หรือเล่มอื่นๆหลายบทอยู่...
...ทางวัดก็เลยจัดพิมพ์ใหม่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าเดิมค่ะ...
...ขณะนี้กำลังพิมพ์อยู่และก็มีผู้มีจิตศรัทธาหลายท่านร่วมกันบริจาคค่ะ...
...ขอนำบุญมาฝากพี่สิงห์...น้องหนุงหนิงและสมาชิกทุกท่านด้วยค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6911 เมื่อ: 13 กันยายน 2555, 10:20:22 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
บุญนั้นฝากกันไม่ได้ ได้แต่รับรู้ ชื่นใจ สุขใจ ที่คนทำบุญแล้วนึกถึงเรา แสดงว่าเขามีเมตาจิต ต่อเรา แค่นี้ก็สุข ระลึกถึงกันได้ หรือมีทัศนคติที่ดีต่อเราครับ
การสวดมนต์และมีสติรู้ในสิ่งที่สวดไปทีละคำนั้นละ คือการปฏิบัติธรรม ที่แท้จริงละ
การไปนั่งหลับตา สมาธิ เดินจงกรม แต่ปล่อยใจสงบนิ่ง หรือคิดเรื่อยเปื่อยนั้น ไม่ใช่การปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติธรรม ต้องมีความรู้สึกตัวระลึกได้ว่ากาย-ใจ เกิดสภาวะธรรมอะไรขึ้นมาบ้างเมื่ออายตนะ ๖ รับรู้หรือสัมผัสจากสิ่งที่มากระทบ ไม่ใช่ความคิด เป็นเพียงความรู้สึกตัว ให้รู้สึกตัวเฉพาะภายใน และไม่ส่งออกนอก ระวังรักษาสำรวมอินทรีย์ คือกาย วาจา ใจ ให้เป็นปกติ ครับ
อย่าลืมทำให้ได้ทุกวัน สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น พร้อมทั้งคำแปล ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6912 เมื่อ: 13 กันยายน 2555, 10:37:57 » |
|
พี่สิงห์
เป็นที่ทราบกันดีในขณะนี้ว่า น้ำที่ท่วมคือน้ำจากฝน ที่มาจากร่องความกดอากาศ และตกต่อเนื่องหลายวัน ปัญหาการแก้ไขเรื่องถนน สิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำ ไม่เคยทำสักที เงินมีมาถึงสามแสนห้าหมื่นล้านบาท ก็คิดแต่จะไปทำเมกาโปรเจ๊ค เพราะได้ใต้โต๊ะมากกว่าทำงานย่อยๆ หมดเงินก้อนนี้ ปัญหาถนนและสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำก็ไม่ได้รับการแก้ไขเช่นเดิม ??
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6913 เมื่อ: 13 กันยายน 2555, 11:07:20 » |
|
นั่นละความจริง ที่เราประชาชน ชุมชน ต้องดิ้นรนกระทำเอง แต่ทำไม่ได้ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6915 เมื่อ: 14 กันยายน 2555, 05:29:39 » |
|
พี่สิงห์คะ, ทางเหนือ,น้ำยังไม่นองเต็มตลิ่งคะ เต็มตลิ่ง? 3.70 m. คะ เมื่อเช้าวัดได้เพียง 2.30 m. ต้องอีกหลายห่าค่ะ ฝนยายฉิมก็ยังไม่ล้น เมื่อทางเหนือ ที่น้ำแม่ปิงยังไม่เต็ม... ทางใต้ที่เบตง เอ๊ย,ที่กทม. ก็...ไม่มีอะไรต้องห่วงhttp://hydro-1.net/08HYDRO/HD-06/CCTV-P1.html
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #6916 เมื่อ: 14 กันยายน 2555, 09:14:41 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์และสมาชิกทุกท่าน... ...คำว่าเอาบุญมาฝาก...ได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่เค้าพูดกันมาตั้งแต่เด็กๆเลยค่ะ... ...จุดประสงค์คงเพื่อให้ผู้ฟังได้รับรู้ถึงสิ่งดีๆที่ได้กระทำมา... ...และถ้าคนฟังยินดีด้วย...ก็จะพูดว่า...อนุโมทนาบุญค่ะ...ครับ... ...และเจ้าของบุญก็จะพูดว่า...สาธุ... ...คนที่ไปถือศีลที่วัดนานๆ...เค้าจะพูดกันอย่างนี้ทั้งวันค่ะ... ...มันคงจะน่าฟังกว่าการประกาศออกมาโต้งๆค่ะ...พี่สิงห์... ...บางที่และบางคน...การประกาศว่าเราได้ทำบุญหรือจะทำบุญอาจโดนอิจฉา... ...สังเกตได้จากปฎิกริยาตอบรับ...อย่างเช่นตอนตู่บอกคนรู้จักบางคนว่าลูกชายจะบวช... ...แทนที่จะถามว่า...บวชวันไหน...วัดอะไร...เหมือนอย่างบางคนที่เค้ายินดีและถามทันทีที่รู้... ...แต่คนนี้กลับอึ้งไปประมาณครึ่งนาที...และพูดว่า...ทำไมถึงคิดจะรีบร้อนบวชตอนนี้ล่ะ... ...และจริงๆด้วยพอถึงวันบวชเธอก็ไม่มาร่วมงาน...และทำเป็นว่าไปงานอื่นแทนค่ะ... ...มันเป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างละเอียดหน่อยค่ะ... ...และถึงแม้ตู่จะยังไมถึงขั้นรู้วาระจิต...แต่บางครั้งก็อ่านใจคนได้ดีพอสมควรค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6917 เมื่อ: 14 กันยายน 2555, 09:56:31 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
จิตมนุษย์ ปุถุชนม์ทั่วๆไป ไม่ยกเว้น แม้กระทั่งพี่สิงห์ มันก็เป็นเช่นนั้น คือ มีความอิจฉา ริษยา ชอบใจ ไม่ชอบใจ อะไรที่ตนรัก ตนชอบ ก็อยากให้คนอื่นมีความรู้สึกเช่นเรา อะไรที่ตนเองไม่รัก ไม่ชอบ ไม่อยากประสบ ก็เกลียดไปหมด(แสดงออก)
เมื่อเรารู้ความจริง ว่าจิตมนุษย์มันเป็นอย่างนี้ เราก็ต้องรู้เท่าทันมันให้เร็ว เราก็สามารถสำรามกาย วาจา ใจ ของเราให้เป็นปกติได้ ความสงบก็บังเกิดขึ้นกับเรา สุดท้าย จิตมันจะคลายความยึดมั่นถือมั่นได้เอง
เราสามารถนำความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติธรรม(มีความระลึกได้ที่กาย-ใจ ณ ปัจจุบัน เสมอ) มาใช้กับการที่เราต้องอยู่กับสังคม อยู่กับคน ที่เราสามารถจะอยู่อย่างสงบได้ ไม่ต้องหวังสิ่งใดทั้งนั้น เราก็สุขแล้ว
ธรรมะของพระพุทธเจ้า ต้องการสอนคนให้อยู่ร่วมกันแบบสันติ สงบสุข ที่แท้จริง ถ้าทุกท่านปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์อย่างแท้จริง อย่าเป็นเพียงมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านว่า "นับถือพุทธศาสนา"
อย่าลืมเราไม่สามารถบังคับใคร ให้ทำอะไรได้ แต่เราสามารถกระทำตัวของเราไม่ให้ใครเดือดร้อนเพราะเราได้ แม้กระทั่งตัวเราก็ไม่เดือดร้อน นี่สำคัญที่สุดครับ ใครอยากทำอะไรก็เรื่องของเขา เราระวังแต่ตัวของเราเท่านั้น เป็นดีที่สุด
สวัสดีค่ะ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6918 เมื่อ: 14 กันยายน 2555, 10:19:17 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผุ้มาเยือน ที่รักทุกท่าน
พี่สิงห์ อยู่นครศรีธรรมราช ช่วงนี้ฝนตกทุกวัน แต่กองทำฝนเทียมของกระทรวงเกษตร ยังตั้งฐานปฏิบัติการฝนหลวงอยู่ที่นครศรีธรรมราช ครับ
ทางใต้ เช่นนครศรีธรรมราช ไม่ค่อยครึกครื้น เพราะรัฐบาลไม่ใช่พรรคประชาธิปัติ จึงโดนตัดงบประมาณไปหมด เพื่อบีบบังคับให้ประชาชนต้องเลือกพรรคเพื่อไทย ทางรัฐบาลจะได้มีงบประมาณมาให้เหมือนกับภาคเหนือ และภาคอิสาน ก็ว่ากันไปครับ
เมื่อตอนหัวค่ำ ภายหลังจากได้เดินสายพานออกกำลังกาย(ไปเพิ่มน้ำหนักมาจากการไปเวียตนาม ๑ กิโลกรัม จึงต้องหาทางลดโดยด่วน) ได้ฝึกโยคะ แต่ไม่มีคนมาเรียนโยคะ จึงถือโอกาสไปอบซาวน่า ก็ได้รับทราบเรื่องการชนวัว มาครับ
ปัจจุบันทางจังหวัดภาคใต้ ให้เอกชนสามารถสร้างสนามวัวชนได้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์สายพันธ์วัวแต่ละหมู่บ้านให้คงไว้ ผมก็ได้เรียนถามสมาชิกท่านหนึ่งที่มาทำซาวน่า เป็นเจ้าของสนามวัวชน เพราะผมดูทางทีวี ไม่เห็นสนุกตรงไหน เลย
กีฬาวัวชน (พูดให้เท่หน่อย) เป็นกีฬาพื้นบ้านทางภาคใต้ ไม่น่าเชื่อว่า แต่ละสนามวัวชน นั้น ในหนึ่งเดือน จัดแข่งทุกสัปดาห์ จะมีเงินสะพัดเป็นร้อยล้านบาท เฉพาะค่าคนดูอย่างเดียวก็ประมาณ ๔-๕ ล้านบาทต่อสัปดาห์ เพราะชาวบ้านจะยกหมู่บ้านมาเชียร์วัวของหมู่บ้านตน เพราะแต่ละหมู่บ้านจะรักษาสายพันธ์วัวชนเอาไว้ ด้วยการเก็บน้ำเชื้อของวัวชน ที่เก่งเอาไว้ที่กรมปศุสัตว์
ไม่น่าเชื่อว่า วัวตัวเมียจะแพงกว่าวัวตัวผู้ เพราะวัวตัวเมียสามารถขยายพันธ์ได้ โดยนำไปผสมเทียมที่กรมปศุสัตว์ตามสายพันธ์ที่เก็บเอาไว้ มีลูกออกมาสามเดือนสามารถขายได้หลักห้าหมื่นบาทขึ้นไปต่อตัว
สำหรับการพนันกันนั้น จะพนันเป็นทั้งหมู่บ้านถือหางเป็นหลักหลายล้านในการชนกันแต่ละคู่ พูดง่ายๆ ถ้าวัวชนะ หมู่บ้านนั้นก็มีสตางค์ ถ้าวัวแพ้ หมู่บ้านนั้นก็อด ไม่รู้ว่าดี หรือไม่ดี ย่อมไม่ดีแน่ๆ ครับ
ส่วนการพนันส่วนบุคคล ในสนามนั้นจะใช้วิธียกมือเป็นสัญญาณ ว่าราคาต่อรองเท่าไร จ่ายเท่าไร ผมจำไม่ได้ครับ
สำหรับวัวชนนั้น ไม่มีการพักยก ชนกันจนถึงแพ้เลย ดังนั้นเราจะเห็นเสมอว่า ปลากัด ไก่ วัว ถ้าแพ้โดนเชือดแน่ๆ เพราะชาวบ้านและเจ้าของหมดตัว แต่ทุกวันนี้จะเห็นบ่อนปลากัด บ่อนไก่ วัวชน มีคนไปเล่นการพนันเต็มไปหมด ชนิดที่โรงงานไม่มีคนทำงานเลยละ ถ้าจำไม่ผิด วันพฤหัสบดีบ่อนปลากัด วันศุกร์บ่อนไก่ชน และวันเสาร์-อาทิตย์ บ่อนวัวชน แถมอีกมวยตู้ นี่เป็นสิ่งที่ชาวบ้านภาคใต้นิยมที่สุดครับ
วันจันทร์ อังคาร พุธ เป็นวันทำงาน หาเงินไปเล่นการพนัน
ไม่รู้นโยบายเปิดบ่อนปลากัด ไก่ชน วัวชน มันดีหรือไม่ดีครับ
สวัสดี
วัวชน นั้นมี ๒ ประเภท คือ
- วัวอาศัยแรงดี อึด ทน ก็ต้องวัวภาคใต้
- วัวที่อาศัยเขาขวิด ใช้ชั้นเชิง ก็ต้องวัวภาคเหนือ
ภาคใต้มีวัวชนประมาณ ๓๐๐๐ ตัว ภาคเหนือมีวัวชนประมาณ ๗๐๐๐ ตัว ณ ปัจจุบัน
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6920 เมื่อ: 14 กันยายน 2555, 14:06:10 » |
|
ถ้า ดร.สุริยา ไม่พอใจ
ผมเสนอขุดแม่น้ำ คลองเชื่อมต่อจากของเดิม ๓ สาย เพื่อพาน้ำไปลงทะเลเพิ่ม
รับรองน้ำไม่ท้วมภาคกลางในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาแน่นอนเลยครับ
รัชกาลที่ ๕ ทรงใช้แรงงานขุดคลองเปรมประชากร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพระองค์และประชาชนในการเดินทางโดยทางน้ำไปบางปะอิน และทรงขุดคลองจำนวนมากเพื่อป้องกันน้ำท้วมและมีน้ำใช้
ตั้งแต่นั้นมา รัฐบาลไทยยุคประชาธิปไตย ไม่เคยขุดคลอง หรือแม่น้ำเพิ่มขึ้นเลย และยังไม่ดีมาก คือถมคลองที่มีอยู่เดิมไปเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะ ในเขตกทม. เพื่อทำถนนเพิ่ม
กรรมจริงๆ
สวัสดี
|
|
|
|
pusadee sitthiphong
|
|
« ตอบ #6921 เมื่อ: 14 กันยายน 2555, 19:38:17 » |
|
บุญนั้นฝากกันไม่ได้ ได้แต่รับรู้ ชื่นใจ สุขใจ ที่คนทำบุญแล้วนึกถึงเรา แสดงว่าเขามีเมตาจิต ต่อเรา แค่นี้ก็สุข ระลึกถึงกันได้ หรือมีทัศนคติที่ดีต่อเราครับ
แล้วทำไมเขาว่า ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้คนโน้นคนนี้หล่ะคะพี่สิงห์
|
pom shi 2516
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6922 เมื่อ: 15 กันยายน 2555, 07:57:05 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก
มันเป็นประเพณ๊ที่สืบทอดกันมา เพราะถ้าไม่มีการทำบุณ พระท่านก็ไม่มีปัจจัย มันเกิดขึ้นก่อน-หลังพุทธกาล ทั้งนั้น มันเป็นเรื่องที่ดี พระพุทธองค์ท่านก็ไม่ทรงห้าม แต่อย่าทำให้ตนเอง หรือครอบครัวเดือดร้อน
แต่พระพุทธองค์ทรงสอนว่า กรรม คือการกระทำ ใครทำดี ได้ดี ใครทำชั่วได้ชั่ว ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกรรมที่ตนเองกระทำนั้นได้
แต่การทำบุญอุทิศส่วนกุศล มันเป็นเรื่องที่ดี เมื่อเราทำแล้วเราสบายใจ สุขใจ และได้ระลึกถึงบุญคุณที่เราทำบุญให้กับผู้มีอุปการะคุณ มาแต่ก่อน เช่น พ่อ-แม่ ของเรา เป็นต้น ก็ควรกระทำต่อไปไม่มีอะไรเสียหาย เป็นประเพณีที่ดี แต่บุญจะถึงผู้ตายหรือไม่ ไม่มีใครทราบเพราะผู้ตายไม่สามารถฟื้นขึ้นมาบอกกล่าวได้ ถ้าเราไม่ทำบุญแบบนี้ให้ลูหหลานเห็น เขาก็จะไม่นึกถึงเรา เมื่อเราต้องจากไปแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี การทำบุญมันทำให้คนเป็นคนดีได้อย่างหนึ่งครับ
มีแต่พระไตรปิฎก กล่าวเอาไว้ว่า พระโมคคัลลานะ ได้ใช้อิทธิฤทธิ์ขึ้นไปบนสวรรค์ ได้พบนางฟ้า อยู่วิมานสวย จึงได้ไปไต่ถามว่าชาติก่อนเคยทำบุญอะไรไว้ นางฟ้าก็ตอบว่าเคยทำบุญใส่บาตรพระอรหันต์มาก่อน ประมาณนี้ จำไม่ได้เหมือนกัน แต่ก็เป็นบุญที่ตนเองเคยทำไว้มาก่อน จึงได้รับผลบุญ
เป็นอันว่าเราทำบุญ ใครทำบุญให้ใครดีทั้งนั้น เพราะมันสุขใจที่ได้ทำ และเราไม่เดือดร้อน ไม่มีใครบังคับ ก็ทำไปเลย เพราะมันสุขใจในชาตินี้จริงๆ แค่นี้ก็ดีแล้วครับ อย่าไปหวังชาติหน้าเลย เพราะเป็นเรื่องที่เราไม่รู้ แต่ถ้าเราทำดี เราก็ได้รับผลดีในชาตินี้เห็นๆ แล้ว ทำไมเราจะไม่ทำดีต่อไปล่ะ เพราะการทำบุญมันก็เป็นสิ่งที่ดีนี่นา จริงไหม?
สวัสดีตอนเช้าค่ะ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6923 เมื่อ: 15 กันยายน 2555, 08:12:35 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน
เมื่อวานผมได้สอนพนักงานที่บริษัท ไปท่านหนึ่ง เพราะว่าได้ทำบอลลูนไป ๒ เส้น และที่ผ่านมาไม่ดูแลร่างกายเลย จนไตแสดงอาการให้เห็นเพราะกินยาอย่างต่อเนื่อง คอเรสตอรอลไม่ลดลงเลย ผมจึงบังคับว่าถ้าปล่อยแบบนี้ ตายแน่นอน และลูกหลานลำบากเพราะเป็นโรคเสียเงิน เลยบังคับให้ กินข้าวกล้อง งดอาหารไขมัน ออกกำลังกายด้วยการเดินยามทุกวัน ครั้งละหนึ่งชั่วโมง ประมาณ ๕ กิโลเมตร พร้อมทั้งลดปริมาณการกินข้าวแต่ละมื้อลง เพื่อเป็นการลดน้ำหนัก
แต่ยังมีเรื่องเครียด ผมเลยสอนให้ปฏิบัติธรรม (หน้าเบ้) ผมบอกว่าการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่อย่างที่เห็นต้องไปที่วัด เมื่อย เสียเวลา นั่งหลับแบบนั้น การปฏิบัติธรรมที่แท้จริง คือการมีสติ รูสึกตัว ระลึกได้ว่า ณ ปัจจุบันนั้น กาย-ใจ ของเรามันเป็นอย่างไร ขอให้แยกให้ออกระหว่าง ความรู้สึกตัว อารมณ์ ความคิด เวลาเดินออกกำลังกายไป ก็เอาสตินั้นจับความรู้สึกอันนี้ให้ได้ เรียกว่า "ดูจิต" ตนเองเลย ลองดูซิว่า เราจะค้นพบ แยกแยะ จิต ตนเองได้ไหม? ลองดู แล้วมาบอกด้วย
ใครจะเอาไปลองทำดูก็ได้นะครับ ไม่ต้องสนใจวิธีการ ที่เคยรู้มา เอาความรู้สึกตัวไปดูที่จิต เลย สังเกตให้พบคือ ความรู้สึกตัว อารมณ์ และความคิด มันเกิดขึ้นอย่างไร มันดับอย่างไร มันเกิดทีละอย่าง หรือพร้อมกัน จิตเราคิดอะไร เราไปแช่ในสิ่งที่คิดนานๆ เรารู้สึกตัวได้ไหม? แล้วมาบอกผมที ครับ
นครศรีธรรมราช อากาศขมุกขมัว ฝนจะตกก็ไม่ตก ตกพอให้รำคาญร่างกาย ครับ
วันนี้ผมกลับ กทม. เย็นๆ ครับ
สำหรับแม่ ยังปกติดี คุณหมอวิทิต สั่งให้อาหารเพิ่ม แสดงว่าดีขึ้น รูป-นาม มันก็เป็นอย่างนี้ เราบังคับมันไม่ได้เลย ดังนั้น มันจึงเป็น "อนัตตา" คือเราบังคับมันไม่ได้ ไม่มีอำนาจเหนือมัน ดังนั้นต้องคิดว่า รูป-นาม ไม่มีตัวตน
สวัสดี
|
|
|
|
|
|