khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6700 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2555, 19:20:02 » |
|
พี่สิงห์, หนิงขอบอกว่าท่านดูดีมากคะสำหรับวัยนี้ สำหรับคนที่ทราบที่มาที่ไปว่าท่านนอนบนที่ ขยับเขยื่อนไม่ได้ ต้องต่อสู้กับแผลเป็นแผลกดทับอีก. ในรูป,พี่ดูตาคุณแม่พี่คะ สุกสดใส มีกำลังใจค่ะ แต่หนิงมองแขนท่านแล้ว รู้สึกเจ็บตามไปด้วยคะ! ขนาดเขียวเลยง่ะพี่...
อ่านวิธีที่พี่บอก,ดูดอาหารเก่าออก ให้อาหารใหม่ นึกภาพเข็ม ภาพเจาะ หนิงชักขาคะ..ปอดแหก! ใครจะทำ ทำได้เหรอ? ไม่เอาดีกว่าคะให้พยาบาลทำ กลัวคะ.
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6701 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2555, 20:36:10 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ทีรัก
เวรย่อมระงับ ด้วยการไม่จองเวร
ถือหลักเราไม่ทำให้ใครเดือดร้อนดีกว่า แต่จริงๆ มันยากมาก เพราะมันถูกใจเรา แต่คนที่มีความปราถนาดี เขาไม่ต้องการแบบนั้น เขาต้องการให้ถูกใจเขา จิตคนเรามันก็แปลกดี ครับ
ถึงอย่างไรก็ขอบคุณมากครับในคำแนะนำ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6702 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2555, 20:43:53 » |
|
แม่เป็นคนที่ผิวพรรณ ผ่องใสดีมาก เพราะท่านไม่มีอะไรต้องคิด ต้องกังวล ท่านถือศีล ๘ ทุกวันพระ มาตลอดเท่าที่จำได้ นั่นละเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่สิงห์ ทำกับข้าว หุงข้าวเป็น เพราะต้องหุงข้าวไปส่งให้ท่านตอนเพล และกินกับน้องสาว
ทุกวันนี้ ผมก็ถาม แม่คิดอะไรอยู่ แม่จะตอบทันทีว่าไม่คิดอะไรทั้งนั้น
หลวงปู่ดุลย์สอนว่า "คนสมัยนี้ทุกข์ เพราะความคิด"
ถ้าแม่ไม่คิด มันก็ไม่ทุกข์ ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว
แต่ คุณเน่ง (ได้รับคำแนะนำจากพระ)กลับมาบอกให้พี่สิงห์ไปบอกแม่ให้คิด(ในสิ่งที่ดีๆ) ตอนวาระสุดท้าย มันผิดหลักการของศาสนาพุทธ หลวงปู่ดุลย์ หลวงพ่อเทียน ท่านก็สอน ทำให้เห็นแล้ว วาระสุดท้ายนั้น ต้องมีสติอยู่กับปัจจุบัน คือรู้ตัว ไม่หลงอยู่ในความคิด มันจึงจะถูกต้อง
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6703 เมื่อ: 09 สิงหาคม 2555, 21:24:04 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน
ผม น้องสาว พี่หมอ คุณหมอพีร์ และลูกๆ ของแม่ทุกคน เคารพและให้เกียรติการรักษาของคุณหมอวิทิต เป็นอย่างยิ่ง ไม่เคยก้าวล้ำเส้น เลย เพราะรู้ว่า คุณหมอวิทิต รักแม่มาก ดูแลรักษาแม่ มามากกว่า ๓๐ ปี และแม่ก็เชื่อ เกรงใจ คุณหมอวิทิต เป็นอย่างมาก จะจำได้เฉพาะชื่อคุณหมอวิทิต เท่านั้น ที่คุ้นหูที่สุดมากกว่าผม
ความปราถนาดีของทุกท่าน มันเป็นเรื่องของท่านที่คิดได้ แต่ผมคงไม่ทำตามที่ท่านปราถนา นั้น โปรดเข้าใจด้วยครับ อย่าดื่อเลย เป็นทุกข์เปล่า ๆ
ผมเคารพในการรักษาของคุณหมอวิทิต จึงไม่ฝืนทั้งสิ้น เพราะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว อย่าลืมไม่มีใครรู้ดีกว่าคนที่รักษาแม่ มา ๓๐ กว่าปีแล้ว ครับ
วันนี้ผมไปถึงโรงพยาบาล 09:30 น. ไปทักทายท่าน ท่านนอนหลับ เลยเปิดธรรมะบรรยายบทสวดโพชฌงค์พระปริต ให้แม่ฟัง และผมก็ไปนั่งเจริญสติที่หน้าห้อง จนถึงเที่ยง น้องสาวและคนดูแลแม่มา จึงบอกว่า ทราบสาเหตุแล้ว ทำไม่แม่ยังอยากอยู่ทั้งๆที่สังขารอ่อนหล้าเต็มที เพราะแม่ไม่อยากเห็นลูกชายที่แม่อยากอยู่ด้วยต้องได้รับทุกข์ อยากให้สิ้นทุกข์ไม่มีเวรซึ่งกันและกันในชาตินี้ ลูกจะได้หมดทุกข์ ซึ่งผมก็รู้แล้วว่าพี่หมอคงเข้าใจ ว่าได้ล่วงเกินกับแม่ มาอย่างไร ควรที่จะมาดูแลท่าน ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ให้ดูแล จะได้หมดเวรกัน แล้วแม่ก็จะจากไปด้วยความหมดทุกข์
ผมไม่ได้ทุกข์ เพราะอาการเจ็บป่วยของแม่ พอพ้นห้องแม่ ก็ลืมหมดแล้ว
แม่ก็ไม่ได้ทุกข์เพราะการเจ็บป่วย ไม่มีการร้องครวญครางให้เห็น ท่านก็สงบของท่าน เพราะท่านไม่คิด
น้องสาว หรือพี่ๆ เขาก็ไม่ได้ทุกข์เพราะแม่ เพราะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น
แม่ มีอายุ อยู่มากำไรชีวิตแล้ว ตามที่ ดร.สุริยา พูดไว้
แต่ วันนี้บ่าย ผมได้รับโทรศัพท์ จากคุณเหน่ง ผู้หวังดี
ผมมีแต่ทุกข์ ตัดความคิดตัวเองจากการปรุงแต่งไม่ได้เลย แต่ก็รู้ตัวพยายามไม่ให้ตกอยู่ในโมหะ และเฝ้าดูอารมณ์ปรมัติที่เป็นมารมาผจญจิต ที่เกิดขึ้นกับเรา ได้ศึกษาจิตตนเอง อีกระดับ จนตั้งรับไม่ไหว ทุกข์มากครับ ไม่ดีเลย อย่าปราถนาดี ต่อผมและแม่เลยครับ เพราะผมจะไม่ทำตามทั้งสิ้น เป็นการก้าวก่ายหน้าที่ของคุณหมอวิทิต ไม่สมควรเลย จริงๆ และผมก็ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือแต่ประการใด
นอกจากนี้ยังแนะนำในสิ่งที่ผิดอีก นี่ละความปราถนาดี แต่ทำไมมีแต่ทุกข์
ผมขอหยุดชั่วคราว เพื่อไปซ่อมแซมจิต ตนเองให้แกร่งกว่านี้ ที่ปฏิบัติมา แพ้มารหมดเลยครับ
ผมห้ามตัวผมได้ ลงโทษตัวเองได้ แต่ผมห้ามความปราถนาดีของคนอื่นไม่ได้
"ความเข้าไปสงบระงับแห่งสังขาร คือ ความคิดปรุงแต่งนี้เสียได้ ย่อมเป็นสุข ดังนี้."
ทั้งๆ ที่รู้ว่าการอยู่แบบสันโดด ก็ไม่พ้นทุกข์ไปได้ แต่ก็ต้องทำ ครับ(นี่ละหลงอยู่ในความคิดตัวเองละ เพื่อจะหยุดคนหวังดี ผิดก็ยอมรับว่าคิดผิด การอยู่ในสังคม มันไม่ดีเลย มีแต่ความคิดปรุงแต่งจากภายนอก)
สวัสดีทุกท่าน ครับ
|
|
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #6706 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2555, 13:41:32 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...ช้าไปหน่อย...เนื่องจากเมื่อวานตู่ไม่ได้เข้าเว็บเลยค่ะ...
...และเนื่องจากเมื่อวานเป็นวันแม่...
...เลยขอมอบเพลงนี้ให้กับแม่ทุกคน...รวมทั้งคุณแม่ของพี่สิงห์ด้วยค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #6707 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2555, 11:39:20 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...หายเงียบไปเลย...สงสัยไปปฎิบัติธรรม...
...ตู่ส่งหนังสือไปให้แล้วนะคะ...
...พี่สิงห์รอรับที่บ้านได้เลยค่ะ...แต่ช้าหรือเร็วหนูไม่ทราบ...
...ต้องแล้วแต่ไปรษณีย์ค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6708 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2555, 21:17:59 » |
|
สวัสดีครับ คุณน้องตู่ และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
ขอบคุณมากที่กรุณา ส่งหนังสือ ประทีปส่องอธรรม มาให้ ตามคำขอ จะคอยรับครับ
พี่สิงห์ ไม่ได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดไหนทั้งสิ้น พยายามให้มีความรู้สึกตัวในอิริยาบถ ประจำ พิจารณาอารมณ์ที่เกิดกับจิต ตนเอง คือคอยดูกาย-ใจ ไม่ให้เพ่ง ไม่ให้เผลอ ไม่ให้หลงแช่ในความคิด พยายามให้รู้ ลืม รู้ ลืม ไม่ปรุงแต่ง อยู่อย่างนี้ ในสิ่งที่กระทบทางอายตนะ ๖ มันก็เพียงแค่นี้เอง
เวลาอยู่กับแม่ ก็นั่งข้างๆ หรือถ้าคนเฝ้าแม่อยู่ในห้อง ก็ออกมานั่งปฏิบัติธรรมหน้าห้อง แม่นั่นแหละครับ
ต้องกราบขอบพระคุณ ท่านอาจารย์เหน่ง อาจารย์สุภาณี ด้วยความเคารพยิ่ง เพราะทำให้รู้จิตตัวเอง สามารถเอาชนะจิตตนเอง ไม่ยึดมั่นในความคิดตัวเอง ไม่เผลอ-หลง อยู่ในความคิดตัวเอง ต้องยอมรับกติกาสังคม สามารถปล่อยวางได้อีกระดับหนึ่ง เพราะสามารถรู้เท่าทันจิต ตนเองเพิ่มมากขึ้น กว่าเดิม ดังได้เรียนให้ ดร.สุริยา ทราบ ไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แล้ว
วันนี้ต้องขอขอบพระคุณ ดร.กุศล และคุณอดิสร ที่เป็นห่วง ได้โทรศัพท์มาสอบถามเรื่องแม่ ผมก็ได้เรียนให้ทราบว่า แม่ไม่ได้ทุกข์อะไรมาก ท่านอยากอยู่เพื่อให้ลูกๆ ได้ตอบแทนบุญคุณท่าน เมื่อยามมีชีวิตอยู่นี่ละ และเพื่อให้ลูกชายคนกลางได้พ้นทุกข์ ดังที่ได้เรียนให้น้องสาวและ ดร.สุริยา ทราบแล้ว เมื่อทุกอย่างลงตัวแม่ก็จะจากไปแบบไร้ความกังวลในลูกของท่าน ท่านจะร้องครวญบ้างเล็กน้อยก็ตอนพยาบาลทำความสะอาดแผลเท่านั้น และก็ทนได้ มีแต่น้องสาวที่ทนไม่ได้เท่านั้น สำหรับผมเวลาแม่ทำแผลก็ออกไปนั่งปฏิบัติธรรมหน้าห้อง เพราะอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพยาบาลและคนดูแล หรือถ้าอยู่ก็จะจับมือท่านไว้เพื่อความอบอุ่นเท่านั้น ไม่มีอะไรมาก
อาการท้องเสีย อาหารเป็นพิษ บูด เพราะไม่ย่อย ก็ไม่เกิดขึ้นอีกแล้วเพราะเรารู้วิธีเอาชนะมันแล้ว เพียงแต่คอยระวังเท่านั้น บางวันมันก็ย่อย บางวันมันก็ไม่ย่อย ไม่ย่อยเราก็ให้อาหารพิเศษทางสายยาง โดยใช้ถุงให้อาหารที่ทางอดิสร ซื้อให้นั่นแหละ ยังมีอยู่ เพราะไม่ได้ใช้ทุกวัน น้ำเกลือก็ไม่ได้ให้แล้ว เพียงแต่ต้องเติมเกลือทางอาหารนมทางสายยางเพื่อป้องกัน การขาดโซเดี่ยม เพราะแม่ขาดโซเดี่ยมร่างกายจะอ่อนแรงทันที
คุณหมอวิทิต บอกว่าร่างกายแม่ทรหดมาก เพราะน่าที่จะจากไปสามครั้งแล้ว แต่ก็ผ่านไปได้ทุกครั้ง แบบไม่ได้ช่วยอะไรเลย และเราก็เรียนรู้วิธีช่วยแม่ได้เอง
ลูกชายคนกลาง คือพี่หมอ ก็รู้ตัวมากขึ้น มาเยี่ยมแม่มากขึ้น เป็นเรื่องที่ดี จนสังเกตได้ว่า วันไหนกลางวันแม่ไม่นอน ยังตื่น แต่สงบ วันนั้นลูกชายท่าน มาเยี่ยมแน่ๆ มันก็เป็นเช่นนั้นครับ
ผมเองก็ไม่ได้ทุกข์อะไรเลยทั้งสิ้น แบบที่บอก ออกจากโรงพยาบาลเรื่องแม่ก็เป็นอดีต ลืมหมดเลย ไม่คิดทั้งสิ้น จะไปหาท่านก็เมื่อไม่มีงานอะไรที่ต้องทำก็ไปเลย อยู่เป็นเพื่อนกันเท่านั้น
ก็เรียนให้ทุกท่านได้ทราบ ผมเองก็ต้องยอมรับกติกาของสังคม คงไม่ทำอะไรตามจิตตนเองที่ปราถนา ไม่ให้ใครได้รับทุกข์ทั้งสิ้นจากผม ที่พยายามรักษากาย วาจา ใจ ตนเองให้เป็นปกติ แต่ผมห้ามท่านไม่ได้ เพราะคิดไม่เหมือนกัน ในเมื่อยังเป็นปุถุชนม์ ก็ต้องยอมรับกติกาสังคม แต่ยังมีหนทางอีกมากที่จะสามารถกระทำได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับทุกข์เพราะเรา
จิตคนนั้นเรียนเท่าไรก็ไม่จบสิ้น สักที
ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6709 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2555, 21:23:14 » |
|
สำหรับทุกข์ที่ ดร.สุริยา เผชิญมาจากวงคาราโอเกะ ก็เรียนให้ทราบแล้ว
จิตคนมันเป็นเช่นนั้นเอง เราต้องรู้เท่าทันมัน ที่สำคัญที่สุดตามที่พระพุทธองค์ทรงเน้นเสมอ คือ ความอดทนอดกลั้นในสิ่งที่เราประสบไม่ว่าจะเป็นกุศล หรืออกุศล ก็ตาม นั้นละเป็นสิ่งประเสริฐที่สุด ต้องทนให้ได้ด้วยการปล่อยวาง อย่าไปยึดมั่นกับมัน ทำได้ ก็บรรลุธรรม แล้วครับ
สวัสดี
|
|
|
|
suriya2513
|
|
« ตอบ #6710 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2555, 21:29:46 » |
|
แล้วกัน ! มาโพนทะนาเยี่ยงนี้ ผมก็โดนเขาอัดซ้ำหนักขึ้นไปใหญ่อีกซิครับ
|
[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี คลิ๊ก->
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6711 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 07:41:45 » |
|
ก็อย่างที่บอกเอาไว้ การมีวิริยะ อดทนอดกลั้นในสิ่งที่ต้องรับรู้นั้น ถ้าปล่อยวาง ไม่ยินดี ยินร้ายกับมัน ใครจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา เป็นเรื่องของเขา เป็นความคิดที่แสดงออกของเขา เป็นความต้องการของเขา แต่ทั้งหมดนั้นมันไม่ใช่เรื่องของเราที่จะไปปรุงแต่ง หรือกระทำตามนั้น เรามีหน้าที่อดทน อดกลั้นจิตของเราอย่าเผลอไปปรุงแต่งตาม ถ้าทำได้ก็คือเราสามารถปล่อยวาง ไม่ยินดี ยินร้าย คลายความยึดมั่นในขันธ์ ๕ (รูป-นาม) ก็บรรลุธรรม คือพ้นทุกข์แล้วครับ
ความจริง ก็ต้องเป้นความจริง
ยกเว้นถ้าเราคิดว่าเรายังอยู่ในสังคม มีคนปราถนาดีต่อเรา หรือในอีกความหมายหนึ่งคือ ยังยึดมั่น ถือมั่นอยู่นั่นเอง มันก็ช่วยไม่ได้ ก็ทำตามที่เห็นสมควร พองาม ในสิ่งที่วิญญูชนม์พึงกระทำก็แล้วกัน ความทุกข์มันจะได้น้อยหน่อย
แต่อย่าลืม "เพราะอวิชชา เป็นปัจจัย จึงมีสังขาร ตามมา" เจ้าตัวสังขาร(ความคิดปรุงแต่ง) นี่ละมันจะก่อทั้งสุข ทุกข์ เฉยๆ บงการให้รูปกระทำได้ต่างๆ นาๆ
อย่าลืมเมื่อไรทำ "อวิชชา" ให้เป็น "วิชา" เมื่อนั้น การปรุงแต่งก็ไม่เกิด เมื่อไม่มีการปรุงแต่ง ผลคิอ ความทุกข์ก็ไม่เกิด พระพุทธองค์ ท่านก็ทรงสอนอย่างนี้
โดยสรุป "อุปทานขันธ์ ๕ (รูป-นาม) เป็นตัวทุกข์ ถ้าจะไม่ให้ทุกข์ก็ต้องอย่าไปยึดมั่น ถือมั่นในขันธ์ ๕ (รูป-นาม) ว่าเป็นตัวเป็นตน ของเรา มองให้ออกไม่มีสิ่งใดในรูป-นาม ที่แสดงเป็นตัวตนของเราเลยทั้งสิ้น
ทุกวันเราประสบแต่สิ่งที่ไม่รัก ไม่ชอบ มีแต่คว่มคิดปรุงแต่ง มีแต่ทุกข์ทั้งนั้น อย่าไปยึดมั่น ถือมั่นอะไรมันมากมายเลย ปล่อยไปเสียบ้าง ความปรุงแต่งมันจะได้จางลงไป
สวัสดียามเช้าครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6712 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 08:00:55 » |
|
ผมเข้ามาในเวบ เพราะมันเป็นสังคม ที่ยังมีส่วนร่วม เพราะคนทั่วไปเขายังคิดว่าดี เขายังมีความปราถนาดีต่อเราทั้งสิ้น เราก็ต้องยอมรับกติกาสังคมแบบนี้ แต่อย่าไปยึดมั่นอะไรมันมากนัก ทำตามหน้าที่ ที่เห็นสมควร อย่าทำอะไรให้ใครเดือดร้อน เป็นพอ เพราะเรื่องความคิดปรุงแต่งของคนอื่นเราบังคับไม่ได้ แม้แต่ตัวเรา เรายังบังคับมันไม่ได้เลย ความจริงมันเป็นอย่างนี้
สิ่งที่ผมเขียน ผมเอามาเตือนตัวเองให้บ่อยๆ เพราะเราหลงอยู่ในความคิดเรามานานมาก จึงต้องสอนตัวเองให้มากเท่าเทียมกัน จนเมื่อไรจิตมันเบื่อ มันก็แสดงของมันเอง เมื่อถึงเวลา อย่าไปปราถนาอะไรมันเลย
ดำรงตนเองอยู่ในมรรค ๘ ให้มีวิริยะให้มากไว้เป็นพอ ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น เพราะสังคมรอบตัวเรามันเป็นเช่นนั้นเอง
ผมยังมีวิถีชีวิตที่ปกติ อยู่บ้านก็สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น หุงข้าวใส่บาตรพระ ทำงานบ้าน และปฏิบัติธรรม
เมื่อไปทำงานก็ยึดหลักความจริงด้วยเหตุ-ปัจจัย ในการทำงาน มีสติ-สัมปชัญญะ
ยังให้ความสำคัญของการกิน ออกกำลังกาย นอนเร็วตื่นเช้ามืด และเจริญสติ
รับรู้ เกี่ยวข้องอะไรๆ ให้มันน้อยๆ หรือไม่รู้อะไรเลย
ดังนั้นใครอย่ามาคิดว่าผมรู้เรื่อง ผมไม่รู้อะไรเลย มีแต่การรู้กาย-ใจ ตนเองเป็นหลักเท่านั้น
พยายามอยู่ในสังคม ไม่หลุดโลก(ความเห็นแตกต่าง) เพราะเราก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะสังคมรอบข้างมันเป็นเช่นนี้
ปฏิบัติธรรม มันก็ง่ายๆ ไม่มีอะไรพิเศษ ทั้งสิ้น อยู่กับการรู้กาย-ใจ ตนเองนี่ละ อะไรจะเกิดก็รู้ ไม่เกิดก็รู้ ไม่ยินดี ยินร้ายในทุกสิ่ง เอาแต่พองามให้เราอยู่ได้ เป็นพอ ใครศรัทธาก็บอก ไม่ศรัทธาก็วางเฉย เท่านี้เอง
เราไม่สามารถบังคับใครได้ แต่บังคับการกระทำของเราได้ แต่บังคับจิตของเราไม่ได้ ต้องปล่อยมันตามธรรมชาติ ได้แต่เรียนรู้กับมัน อยู่กับมัน รู้เท่าทันมัน สังรวมอินทรีย์ให้เป็นปกติ มันก็เท่านั้นเอง
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6713 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 08:13:33 » |
|
สำหรับแม่ พวกเรายกให้คุณหมอวิทิต มามากกว่าสามสิบปีแล้ว เราต้องให้เกียรติคุณหมอ เราทำอะไรไม่ได้ เป็นเพียงผู้ช่วยที่ดีเท่านั้น คุณหมอ บอกว่าให้อยู่ที่นี่ ก็ต้องยอมรับ
แม่เองก็ยอมรับการตัดสินใจของคุณหมอวิทิต ไม่ดื้อดึงทั้งสิ้น อยู่ก็คืออยู่ ถึงมีความปราถนาก็ตาม แต่แม่ก็บอกเอาไว้แล้ว ทำได้ก็ทำ ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ได้ยึดติดกับอะไร
มันยังไม่ถึงเวลา ยังไม่มีอะไรบอกเหตุทั้งสิ้น ถึงเคยมี มันก็มีอะไรมาดลใจให้รู้และผ่านมาได้ทุกที
ดังนั้น อย่าไปปรุงแต่งความคิด มันเลยครับ มีแต่ทุกข์
แม่ก็ไม่ทุกข์ ผมก็ไม่ทุกข์ คนดูแลแม่ คุณหมอวิทิต พยาบาล เขาก็ไม่ได้ทุกข์ ยินดีที่จะดูแลแม่ อย่างดี ต่อไป อาจจะทุกข์กายบ้าง แต่ทุกคนก็ยินดี
ผมทำได้ก็เพียง ว่างก็ไปอยู่กับท่าน ให้กำลังใจคนดูแล ได้เห็นหน้าเท่านั้นเอง และสอนให้เขารู้ความจริงของชีวิต มันเป็นอย่างนี้ ก็เท่านั้นเองครับ
ทุกท่านอย่าทุกข์เลยครับ ระลึกถึงกันเป็นพอแล้ว อย่าคิดปรุงแต่งเพราะมันจะถูกครอบด้วย อวิชชา เมื่อคิดมันก็ทุกข์ จะหลงอยู่ในความคิดตนเอง เจือไปด้วยความยึดมั่นถือมั่นตนเอง ไม่ดีเลย อุเบกขา ดีกว่าครับ ธรรมชาติมันเป็นเช่นนั้นเอง
กราบขอบพระคุณทุกท่านครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6714 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 09:05:31 » |
|
สิ่งดีๆ ทางวิศวกรรมโยธา เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาทางคุณไพบูลย์ แห่งคูฮะฮวด สุรินทร์ ได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ทราบว่า ทาง CPAC ขอเข้ามาถ่านทำ VDO เป็นโรงงานตัวอย่างในเรื่องของความสะอาด การบริหารแพล้นท์คอนกรีตผสมเสร็จ เพราะเห็นว่าจะเป็นต้นแบบให้โรงงานอื่นได้
ทุกสิ่งทุกอย่างที่พัฒนาขึ้นมานั้น ก็ได้ทำตามคำแนะนำของอาจารย์มานพ ทั้งสิ้น คือพัฒนาโดยการนำ 5ส.มาใช้งานของพนักงาน ทั้งแพล้นท์ผสมคอนกรีตและการดูแลรักษารถ ก่อนที่จะเสีย การประชุมเตรียมความพร้อมทุกวันก่อนเริ่มปฏิบัติงาน การทำงานตาม check List และอีกหลายอย่างที่อาจารย์สั่งให้ทำผลคือ แพล้นท์ผสมคอนกรีตและพนักงาน พัฒนาดีขึ้นกว่าเดิมมาก จน CPAC เห็นได้ชัดเจน จึงขอมาถ่ายทำนำไปสอนโรงงานอื่น
เมื่อเหล็กถูกไฟสามมารถขึ้นรูปได้ดีแล้ว ผมเลยสอนต่อไปอีกว่า ในเวลาเช้าก่อนที่จะเริ่มประชุม ขอให้ทุกคนสวดมนต์ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ต่อด้วยนะโมสามจบ และตามด้วยการท่องบ่นศีล ๕ เพื่อเตือนตัวเอง เพราะเหตุแห่งการทำงานที่ไม่ปรสบความสำเร็จมาจากการไม่ปฏิบัติตามศีล ๕ นั่นเอง ลองปฏิบัติดูแล้วอะไรที่ดีๆ มันจะเกิดขึ้นเองกับพนักงานของเรา คุณไพบูลย์ รับปากว่า จะนำไปให้พนักงานปฏิบัติตามคำแนะนำของอาจารย์ ครับ
นอกจากนี้ก็ถามอีกว่า ผมไปอุ้มลูกสาวทั้งวัน ผลคือปวดตามร่างกาย จึงนึกถึงอาจารย์มานพได้ ได้สอบถามว่าจะทำอย่างไรดี ผมก็เลยสอนให้ทำท่าโยคะ บางท่า และให้รู้ตัวเองในเรื่องอิริยาบถ อย่าไปแช่อยู่ท่าใดนานๆ มันจึงปวดเหมือ่ยขึ้นมา แบบนั้นต้องรู้ตัวเอง ต้องหมั่นยืดเหยียดกล้ามเนื่อเอาไว้ แม่อายุยังน้อยก็ตาม ดูตัวอย่างทำไม?นักกีฬา จึงบาดเจ็บกล้ามเนื้อง่าย
วันนี้ตั้งแต่ห้าโมงเช้า ผมต้องไปจัดกอล์ฟ และงานเลี้ยงให้พี่พงษ์ศักดิ์ เพื่อเลี้ยงอำลา ให้คุณทรงศักดิ์ ที่ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และแสดงความยินดีกับคุณเสกสรรค์ คุณอัฉราพรรณ และคุณชัยรัตน์ ที่ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ในบริษัท SIW
แขกที่มาร่วมงานก็เป็นเจ้าของกิจการ ลูกค้าของ SIW ทั้งหมดที่อยู่ในเขต กทม. และเล่นกอล์ฟ คงจะมีประมาณ ๕๐ บริษัท ด้วยกัน ที่สนามกอล์ฟ บางกอกกอล์ฟคลับ บางกระดี่ ปทุมธานี ครับ
เราอยู่ในสังคม ก็ต้องปฏิบัติตัวให้เข้ากับสังคม ถึงแม่เราจะไม่ชอบก็ตาม เพราะคนอื่นเขาเห็นว่าดี ก็ต้องยอมกระทำครับ
สวัสดี
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #6715 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 09:06:39 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...ตามอ่านจนจบแล้วค่ะ...วันนี้พี่สิงห์คุยยาว...
...ดีค่ะ...คิดแบบพี่สิงห์...
...ตู่พยายามทำ...ใครจะเป็นยังไงก็ช่าง...เราปฎิบัติตัวของเราให้ดีดีกว่า...
...เข้าเว็บบ้าง...คุยกับคนอื่นบ้าง...แต่ไม่ปรุงแต่งไปตามเค้า...
...อยู่บ้าน...ทำงานบ้านไป...ว่างๆก็นั่งจับลมหายใจบ้าง...
...สร้างบุญแบบง่ายๆค่ะ...อย่างที่พี่สิงห์บอก...ไม่ต้องไปวัดก็ได้...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6716 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 09:12:51 » |
|
ดีแล้วละ พยายามอยู่กับความระลึกรู้กาย-ใจ ของเราตลอดเวลานั้น คือการปฏิบัติธรรมที่แท้จริง ที่เรายังทำอะไรๆ ตามปกตินี่ละ เพราะมันจะปรุงแต่งน้อย และตามด้วยการสำรวมอินทรีย์ คือทำกาย วาจา ใจ ของเราให้เป็นปกติ ไม่จำเป็นต้องสนใจใครทั้งสิ้น เพียงแค่นี้ก็สุขแท้จริงแล้วครับ
ขออนุโมทนาด้วยใจจริง
สวัสดี
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6717 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 18:30:56 » |
|
พี่สิงห์, กลับมาแล้วตั้งกะเมื่อไหร่คะนี่? สงสัยตอนหนิงกำลังอุตุคุดคู้ฝันหวานแน่ๆ
ตกลงพี่ก็อยู่แถวๆนี้สิคะ?
จิตคนเหรอพี่?อ่านง่ายค่ะ! ที่อ่านยาก...ก็จิตตัวเองไงพี่!!
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6718 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 18:36:56 » |
|
อ่านมาจนจบ.. จะถามว่า..."ตกลงเรื่องมันเป็นยังไง?" ก็เกรงจะผิดsceneคะพี่สิงห์
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6719 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 18:48:02 » |
|
พี่สิงห์อยู่ที่นี่มาตั้งนาน นานกว่าหนิงอีก! ถ้าพี่ไม่รู้จักที่นี่:คนอ่าน คนเขียน.. หนิงจะผิดหวังนะคะนี่!
คนที่จะทำที่นี่ให้ดีก็คือพวกเรานี่แหละพี่ องค์ประกอบเล็กๆเหล่านี้คะ สำคัญ.
เพราะฉะนั้น ใครที่ขู่จะออกจากเวบ ขู่จะยกพวกกันไปที่อื่น... หนิงอยากบอกว่า....ไปเลย, ไปแล้วไม่ต้องกลับมา!! .. .. ไม่มีการ pleaseใครทั้งสิ้น
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6720 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 18:57:46 » |
|
จากที่กำลังเคลิบเคลิ้มคล้อยตาม กำลังจะเข้า"พี่ว่าอะไร,หนูว่าตาม" .. .. ให้ตื่นพะวังทันใดใจถามเสร็จ "แล้วแม่พี่มาเกี่ยวอะไรด้วย" .. .. พี่สิงห์ตรวจปรู๊ฟหน่อยดิ! เรื่องเครียดจะได้เครียดต่อไป.. ม่ายงั้นหนูนั่งอ่านอยู่ฝั่งขะโน้น แอบขำพุงกระเพื่อม..ไม่รู้ด้วย
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #6721 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 19:15:22 » |
|
พี่สิงห์, พี่สิงห์เอ่ยถึงคำว่า"ปรุงแต่ง"บ่อยมาก, อ่านไป อ่านไป บางทีหนิงก็ไม่เข้าใจ!
คนเดี๋ยวนี้,ธรรมดาไม่ได้ค่ะ... ต้องอวด ต้องโชว์ ต้องกร่าง ต้องคุยว่าเค้าคือใคร เป็นอะไร ทำอะไรได้มั่ง และ โห,ทั้งหัวโขน ทั้งชฎา ทั้งหน้าม้า ทั้งเลี่ยมล้อ นั่่นคือ"ปรุง"ในรูปธรรมใช่มั้ยคะ??
"ปรุง"ทางจิต ทางนามธรรมคือ รับรู้สิ่งที่ปรุงภายนอกแล้ว ใจเรา จะเริ่ม...โอ้โห ,อื้อหือ,อูฮ้าาาาา เค้าเก่ง เค้าเยี่ยม เค้าธรรมยุทธ์ เค้าเลิศ เค้าสะแม็นแต็น เค้าclimax เอ๊ย,เค้าสุดยอด จิตเราจะหงอ จะเหี่ยว จะซึมเศร้า จะนกหลับ ด้วยเกิดอาการอิจฉาหน้าเลิ่ด ริษยาทำไม่ได้หยั่งเค้า พาลจา หลุบใน กู่ยังไงก็ไม่กลับ??
hmmm,ถ้าเป็นยังงั้น หนูบรรลุ ลอยไปไหนๆ ไม่ได้แอ้มหนูหร็อก!
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6722 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 20:38:49 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก
พี่สิงห์ ก็พยายามตรวจแล้ว มันก็ยังหลงลืม เพราะเครื่อง computer ของพี่สิงห์ มันชักเก่าแล้ว แป้นมันกดขึ้นบ้าง ไม่ขึ้นบ้าง ถึงแม้มันจะเป็นเครื่องใช้สอย มันก็เข้ากับกฏไตรลักษณ์ คือไม่มีอะไรจะคงอยู่ได้ ย่อมเสื่อมสลายไปตามกาล เวลา ยิ่งจิตมนุษย์ เกิดดับ เกิดดับ ตลอดเวลา แต่เรามองไม่ออกเองครับ
คำว่า "ปรุงแต่ง" คือ การคิดไปต่างๆ นาๆ เนื่องด้วยมี "อวิชชา" เป็นปัจจัย
ถ้ามนุษย์ หยุดการคิด(ปรุงแต่ง) ทุกข์ก็ไม่มีครับ จะหยุดการคิดได้ก็ต้องเปลี่ยนจาก "อวิชชา" ให้เป็น "วิชา" จตจิตมันแสดงตนที่แท้จริงออกมา เราก็หมดการยึดมั่นในรูป-นาม ก็หมดทุกข์
ขอบคุณมาก
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #6723 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 20:52:32 » |
|
สวัสดีครับ คุณเหยง และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
ตอนนี้ถ้ามีข้าวอยู่ในมือก็เก็บเอาไว้ เพราะปีหน้าข้าวราคาสูง ประชาชนทั่วไปที่ซื้อข้าวกินอย่างผม จะต้องจ่ายค่าข้าวสารแพงเพราะ ปีนี้ฝนแล้งมาก ภาคใต้กำลังผจญอย่างหนักที่นครศรีธรรมราช ข้าวกำลังจะตาย ฝนหลวงก็ไม่ได้ผล เพราะไม่มีเมฆเพียงพอ จังหวัดภัยแล้งไปหลายอำเภอแล้ว
ภาคกลาง ภาคอิสาน ข้าวใบเหลือง เพราะขาดน้ำ ข้าวกำลังจะตาย
นอกจากนี้ชาวนาที่เกี่ยวข้าวที่ปลูกทดแทนตอนน้ำท้วม ตามลุ่มเจ้าพระยา ก็ได้รับคำเตือนจากเกษตรกรอำเภอ ห้ามปลูกข้าวต่อ เพราะถ้าน้ำท้วมนาข้าวทางรัฐบาลจะไม่จ่ายเงินชดเชยให้
ถ้าผมเป็นชาวนาลุ่มเจ้าพระยา ผมจะปลูก เพราะน้ำจะไม่ท้วม เพราะในเขื่อนน้ำก็ไม่มี น้ำในแม่น้ำก็ไม่มี
เมื่อวันจันทร์-อังคาร ที่ผ่านมาผมผ่านเขื่อนลำตะคอง น้ำจะแห้งอยู่แล้ว ถ้าปีนี้เหลืออีกหนึ่งเดือนพายุไม่พัดผ่านประเทศไทย ปีหน้าโคราช เมืองย่าโม ไม่มีน้ำทำน้ำประปาแน่นอน นาข้าวไม่ต้องพูดถึง
นี่ละประเทศไทย อย่าลืมเหลืออีกหนึ่งเดือน ถ้าไม่มีพายุเข้ามา ปีหน้า ไม่มีน้ำใช้ ท่านคิดเอาเองก็แล้วกัน
สวัสดีครับ
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #6724 เมื่อ: 15 สิงหาคม 2555, 21:29:15 » |
|
พี่สิงห์
เราเจอกับพายุในปีนี้มาแล้วดังนี้ (โดยมีสองลูกสลายตัวไปในทะเลก่อนตั้งชื่อ)
SANVU (ซันหวู่) MAWAR (มาวาร์) GUCHOL (กูโชล) TALIM (ตาลิม) DOKSURI (ด็อกซูหริ) KHANUN (ขนุน) VICENTE (วีเซนเต) SAOLA (ซาวลา) DAMREY (ดอมเรย) HAIKUI (ไห่คุ้ย) KIROGI (ไคโรจิ) KAI-TAK (ไคตั๊ก) ลูกนี้กำลังจะผ่านฟิลิปปินส์ ไปสู่เกาะฮ่องกง
เหลือเวลาอีกเดือนเศษๆ-สองเดือน (ถ้านับรวมเดือนตุลาคม เข้าไปด้วย) พายุเหลือน้อยลูกแล้ว เราพร่องน้ำในเขื่อนด้วยความกลัวมากไป แบบ"คนกลัวงู ที่เดินไปเหยียบเชือกเข้า"นั่นเอง น้ำในเขื่อนจึงเหลืออยู่เพียงร้อยละ 40 เศษ และประมาณร้อยละ 30 ต้องรองเขื่อนไว้ ห้ามปล่อย
|
|
|
|
|