24 พฤศจิกายน 2567, 03:25:13
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 243 244 [245] 246 247 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3567868 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 29 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6100 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2555, 21:08:28 »


                            เรียน ดร.สุริยา  จะเอาตามนี้ครับ หรือ...

                            ขอเปลี่ยนจาก 6.00m.  เป็น 7.00 m. เพื่อให้กอง  stocks สูงๆ ดังนั้น หลังคาจะสูง 12.00 m.

                            ระยะ truss คือ 5.00 m.

                            Truss จะทำตัวซ้าย ตัวขวา มาต่อกันตรงเสากลาง เพื่อให้สะดวกในการทำ และติดตั้ง ดังนั้น ตรงกึ่งกลางเสากลางจะมีแปีปแนวตั้ง เป็น 4 inch diameter ๒ ท่อน และตรงเสาริมก็เป็นแปีป 4 inch เช่นกัน

                            เสา คาน ต่างๆ ผมจะออกแบบเป็นชิ้นส่วนสำเร็จไปประกอบ และเป็น prestress concrete ครับ

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6101 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2555, 21:19:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 พฤษภาคม 2555, 21:05:31
                         
                             ขอแสดงความเสียใจต่อคุณอ้อย ๑๔ ที่ต้องสูญเสียคุณแม่ไป

                             ศพคุณแม่ คุณอ้อย ๑๔ (จารุวรรณ) ตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลา ๑๗ วันธาตุทอง จนถึงวันเสาร์ ครับ

                             วันนี้ผมได้รับแจ้งจาก ดร.นราพร ว่าคุณแม่ ของคุณอ้อย ๑๔ ได้จากไป มาบอกผมเอาตอนหกโมงครึ่ง ผมจึงไม่สามารถไปได้ในวันนี้ ทั้งๆ ที่ว่าง  ดังนั้น พรุ่งนี้ผมไปหาแม่ที่สิงห์บุรี แล้วเลยไปทำงานที่ อำเภอสูงเนินโคราช  กลับวันอังคาร  ดังนั้น คงจะสามารถไปได้เย็นวันอังคาร ถ้ากลับมาทัน หรือไม่ก็เย็นวันพุธ ครับ

                             สำหรับเรื่องการเป็นเจ้าภาพของสมาคมฯ นั้นผมไม่ทราบ ต้องถาม ท่านนายกราเมศวร์ (ดังนั้น อย่ามากะเกณฑ์ที่ผม ว่าผมสามารถสั่งการได้  ตามที่คุณ ดร.นราพร และคุณแววตา เข้าใจที่มาถามผม คงคิดว่าผมเป็นผู้อาวุโสของสมาคมฯ  ผมคงไม่ใช่แน่ๆ เพราะผมไม่ทราบเรื่องการดำเนินงานของสมาคมฯ เลย  และสั่งการใครไม่ได้ด้วย  น่าที่จะเป็น ดร.สุริยา มากกว่า)

                             ชาวซีมะโด่ง ท่านใดรักใคร่กับคุณอ้อย ๑๔ ก็เรียนเชิญไปร่วมฟังพระสวดพระอภิธรรม และเป็นการเตือนตัวเองไม่ให้ประมาท เพราะจะช่า จะเร็ว เราก็ต้องตายจากโลกนี้ไปเหมือนกัน

                            วันนี้ คุณเปาะ อดีตหัวหอหญิง สมัยที่ผมเป็นหัวหอชาย ขอคุยกับผมด้วยทางโทรศัพท์ เพราะคิดถึง  ผมเองก้ดีใจครับที่คุณเปาะ สุขสบายดี ปีหน้าก็เกษียรอายุราชการ

                             นอกจากนี้ก็ได้คุยกับคุณแววตา  คุณแววตาบอกว่าคิดถึง  ผมเองก็คิดถึงเช่นเดียวกัน ครับ

                            ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ



                            เรียนเชิญชาวซีมะโด่ง ครับ

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #6102 เมื่อ: 13 พฤษภาคม 2555, 21:44:29 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 พฤษภาคม 2555, 21:08:28

                            เรียน ดร.สุริยา  จะเอาตามนี้ครับ หรือ...

                            ขอเปลี่ยนจาก 6.00m.  เป็น 7.00 m. เพื่อให้กอง  stocks สูงๆ ดังนั้น หลังคาจะสูง 12.00 m.

                            ระยะ truss คือ 5.00 m.

                            Truss จะทำตัวซ้าย ตัวขวา มาต่อกันตรงเสากลาง เพื่อให้สะดวกในการทำ และติดตั้ง ดังนั้น ตรงกึ่งกลางเสากลางจะมีแปีปแนวตั้ง เป็น 4 inch diameter ๒ ท่อน และตรงเสาริมก็เป็นแปีป 4 inch เช่นกัน

                            เสา คาน ต่างๆ ผมจะออกแบบเป็นชิ้นส่วนสำเร็จไปประกอบ และเป็น prestress concrete ครับ

                            สวัสดี

รับทราบครับ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6103 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2555, 05:20:53 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                              วันนี้ผมไปสิงห์บุรีไปเยี่ยมแม่ครับ

                              พระพุทธองค์ทรงเน้นเสมอ คือมีความเคารพ กตัญญูต่อ บิดา-มารดา ครู-อาจารย์ ผู้มีพระคุณ และสมณผู้ละจากกิเลสแล้ว

                              เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นคุณสมบัติของคนดี เป็นกติกาสังคม หรือเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่เป็นมนุษย์อันประเสริฐ  พระพุทธองค์ ทรงสอนไม่ให้หลงงมงายในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่นวัตถุมงคล พระเจ้าเป็นต้น พระองค์ทรงสอนไม่ให้รอคอย หรือวังว่าจะมีคนมาช่วย หรือได้ลาภลอย  พระองค์สรรเสริญผู้ที่มีความวิริยะในการกระทำ และใช้ปัญญา

                              นอกจากนี้พระพุทธองค์ทรงสอน ให้ระวังกาย  วาจา  ใจ  ของตนให้เป็นปกติ ตามธรรมชาติของมัน  ไม่จำเป็นต้องไปคิดแทนใครทั้งสิ้น เมื่อเห็นใครทำ หรือปฏิบัตินอกรีต อย่าไปคิดแทนเขา อย่าไปทุกข์ร้อนแทนเขา เพราะมันเป็นเรื่องของเขา  ยกเว้นว่าถ้าสิ่งเหล่านั้นมันมีผลต่อเรา ที่จำเป็นจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วม

                              การระวังกาย วาจา  ใจ ของเราให้เป็นปกติ หรือการสำรวมอินทรีย์ นั้นก็คือ  การปฏิบัติตนของเราอยู่ในกรอบของศีล โดยเฉพาะศีล ๕  นั้น จะทำให้เราและสังคมอยู่อย่างสงบ

                              ถ้าสังคมใด ขาดซึ่งศีล ๕ เสียแล้วจะมีแต่การทะเลาะวิวาท  วุ่นวาย  ไร้กฏหมายคือไม่ยึดกกหมาย มีแต่ความแตกแยก

                              พระพุทธองค์ท่านจึงทรงสอน เป็นอย่างมากในการรักษาศีล ๕ 

                              เราในฐานะปุถุชนย์คนธรรมดานั้น ควรปฏิบัติ หรือยึกหลักคำสอนของพระพุทะองค์ ปฏิบัติตามมรรค ๘ ซึ่งเป็นแนวทางแห่งการพ้นทุกข์ เมื่อเราปฏิบัติตามนั้นแล้ว ความทุกข์ต่างๆ ก็จะไม่มี หรือมีน้อยลง  นี่ก็เป็นจริงเสมอ ท่านลองพิจารณาด้วยปัญญาแบบ โยนิโสมนสิการ ท่านก็จะทราบได้ด้วยตัวของท่านเอง

                              นอกจากนี้พระพุทธองค์ทรงสอนให้รู้จักประมาณในการบริโภค อย่าหลงระเริงในความอร่อยของส-ชาด อาหาร เพราะจะทำให้เราบริโภคอาหารเกินจำเป็น เพราะโรคภัยจะมาสู่เราได้จากอาหารนี้ละโโยเฉพาะสังคมปัจจุบัน นี้

                              นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงสอนให้อยู่ในความไม่ประมาท ทุกกรณี เพราะมันเป็นสัญญลักษณ์ หรือคุณสมบัติของคนดี ที่รู้จักประมาณตนเอง  พร้อมทั้งสามารถที่จะเผชิญสิ่งที่ไม่คาดหมายได้ทุกเมื่อ

                              การอยู่อย่างง่ายๆ  หรือรู้จักพอเพียงก็เป็นคุณสมบัติของพุทธศาสนิกชน

                              สรุป คำสอนของพระพุทธองค์นั้น ปราถนาให้มนนุษย์ อยู่กันอย่างสันติ สงบ

                              ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่กล่าวข้างตนนั้น ผมต้องเตือนตัวเอง อยู่เสมอ ให้เป็นนิสัย

                              วันนี้ขอหุงข้าวใส่บาตรพระ ก่อนไปสิงห์บุรี ครับ

                              สวัสดี
 

                             
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #6104 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2555, 07:31:32 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 พฤษภาคม 2555, 21:08:28

                            เรียน ดร.สุริยา  จะเอาตามนี้ครับ หรือ...

                            ขอเปลี่ยนจาก 6.00m.  เป็น 7.00 m. เพื่อให้กอง  stocks สูงๆ ดังนั้น หลังคาจะสูง 12.00 m.

                            ระยะ truss คือ 5.00 m.

                            Truss จะทำตัวซ้าย ตัวขวา มาต่อกันตรงเสากลาง เพื่อให้สะดวกในการทำ และติดตั้ง ดังนั้น ตรงกึ่งกลางเสากลางจะมีแปีปแนวตั้ง เป็น 4 inch diameter ๒ ท่อน และตรงเสาริมก็เป็นแปีป 4 inch เช่นกัน

                            เสา คาน ต่างๆ ผมจะออกแบบเป็นชิ้นส่วนสำเร็จไปประกอบ และเป็น prestress concrete ครับ

                            สวัสดี

มาแกะรอยความรู้ทางวิศวฯ ...
ธรรมะเก็บไว้ก่อนนนน ...
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #6105 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2555, 09:25:53 »

                 สวัสดีเช้าวันจันทร์ค่ะพี่สิงห์  มารับคำสอน คำชี้แนะในเรื่องที่ควรนำไปใช้ในชีวิตประจำวันแล้วรับทราบ
                 ข่าวคุณแม่พี่อ้อย ต้องขอแสดงความเสียใจมาณ.ที่นี้
                 เมื่อวานพาแม่และน้องๆไปเยี่ยมญาติอายุ93มีศักดิ์เป็นพี่สาวแม่ ที่หมู่บ้านสิวลีตลาดสี่มุมเมืองตรงข้ามเซียร์รังสิต
                 จะไปแวะที่สวนรถไฟ สวนโมกข์ ฝนตกหนักค่ะเลยต้องกลับบ้าน น่าเสียดายพรุ่งนี้ก็กลับกระบี่ค่ะ
   
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6106 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2555, 12:13:00 »




                             ดร.สุริยา ผมเปลี่ยนใจใหม่ เอาทรงด้านล่างสำหรับ Truss เหตุผล ไม่เหมือนทั่วๆ ไป ผมชอบ ครับ

                             ตรงเสากลางไม่จำเป็นต้อง 4 inch แต่ใช้ 2 inch คู่ ของใครของมันเพื่อสะดวกในการทำ ติดตั้ง ครับ

                             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6107 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2555, 12:28:07 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อย ที่รัก

                             เมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมา พี่สิงห์ไปเยี่ยมแม่ ที่สิงห์บุรี

                             แปลก เวลาแม่อยู่บ้าน เริ่มบวมอีกแล้ว แต่เวลาอยู่โรงพยาบาล ไม่เป็น  คงจะต้องเข้าๆ - ออกๆ แบบนี้ละ แต่แม่คุยได้มากขึ้น และชอบนั่งรถเข็นออกไปข้างนอก  จึงได้ขอร้องให้คนที่ดูแล ช่วยกรุณาให้แม่ด้วย

                             เมื่อวานตอนฝนตก พี่สิงห์ก็กลับบ้านแล้วครับ เอาไว้อาทิตย์หน้าครับ

                             สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #6108 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2555, 15:13:20 »

พี่สิงห์,
ยินข่าวคุณแม่พี่ก็ให้ยินดีคะ.
เมื่อวาน 13 พค.วันแม่ของเยอรมันคะ
แม่จะได้รับช่อดอกไม้..

อาทิตย์หน้าวันพ่อ พ่อจะลากเบียร์ทั้งลัง
ไปดวดกันเองในป่าคะ..ยินว่าtraditional!!
ว่าไปน่ะพี่ คือเค้าจะWanderungกันค่ะวันนั้น.


nn.

      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6109 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2555, 15:41:56 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 14 พฤษภาคม 2555, 15:13:20
พี่สิงห์,
ยินข่าวคุณแม่พี่ก็ให้ยินดีคะ.
เมื่อวาน 13 พค.วันแม่ของเยอรมันคะ
แม่จะได้รับช่อดอกไม้..

อาทิตย์หน้าวันพ่อ พ่อจะลากเบียร์ทั้งลัง
ไปดวดกันเองในป่าคะ..ยินว่าtraditional!!
ว่าไปน่ะพี่ คือเค้าจะWanderungกันค่ะวันนั้น.


nn.


สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                                   วัฒนธรรมของแต่ละประเทศมันก็อย่างนี้ละ  มันไม่เหมือนกัน เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม พอเหมาะพอควร ครับ บางครั้งก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ครับ

                                   พี่สิงห์ อยู่ที่โรงงาน ย่าโมคอนกรีต อำเภอสูงเนิน คืนนี้นอนที่ฉัตรทิพย์รีสอร์ท

                                   พออายุแยะ นี่อะไรๆ ก็ลืมมากขึ้น  ชักสับสนตัวเองว่า เรามีสติอยู่ที่กำลังกระทำแต่ทำไมมันลืม พี่สิงห์ ลืมหยิบเป่ใส่เสื้อผ้ามาโคราชผลคือ มีแต่ตัวกับ computer คู่กาย ดีแต่ว่าในกระเป๋า computer จะมีแปลงสีฟันอยู่ มานั่งทบทวนทำไม่เราลืม  มันลืมจริงๆ  ไม่ได้นึกเลย ขนาดตรวจแล้วว่า มีสิ่งใดที่เราจะเอาไปฝากคนดูแลแม่ ตะกร้าใส่มะม่วง จดหมายคืนภาษีหลาน ทุกอย่างครบหมด  แต่ดันลืมเป่เสื้อผ้า  ผมก็งงเหมือนกัน

                                   มันลืมดื่อๆ  คงจะเป็นโรคคนแก่แล้ว คือลืมไวมากๆ ซึ่งมีคนคอยเตือนแล้ว  เราเห็นแต่แม่ท่านลืมทันที มันเป็นอย่างนี้เอง  ต่อไปต้องนำระบบ check list ที่เป็นเอกสารมาควบคุมตัวเองแล้วละ จะใช้วิธีนึกเอาไม่ได้เพราะมันลืม  ดื่อๆ
                               
                                   นี่ก็เป็นธรรมชาติของจิตคนแก่ ละ

                                   บรรยากาศ แชมเปี่ยนหลีกเป็นอย่างไรบ้าง ในเยอรมันอยากรู้ครับ

                                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6110 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2555, 07:05:14 »

เงิน ๑๐ บาท เป็นบทเรียนชีวิตที่ล้ำค่า !


                                ผมมีลูกศิษย์ อยู่คนหนึ่ง ที่ผมถ่ายทอดความรู้ให้มากคนหนึ่ง แต่เขารับได้ไม่มาก จบวิศวฯโยธาจาก ม.ศรีปทุม เป็นลูกสาวคนเดียว ที่พ่อเสียชีวิต มีแต่แม่ เป็นคนจันทบุรี ผมจะเรียกเขาว่าไอ้แม่ม ชื่อจริง ชื่อวรรัตน์

                                 ที่อำเภอสูงเนิน บ.แสงไทยกรุ๊ป จำกัด มีเฮียลิ้ง เป็นเจ้าของ เดิมเป็นโรงเลื่อยไม้ และเป็นตัวแทนจำหน่ายของ บ.ปูนซีเมนต์ไทย  มีลูกชาย ๔ คน คนกลางเป็นนายกเทศมนตรีอำเภอสูงเนิน ชื่อนคร  คนโตชื่อนิวัตน์ คนกลางชื่อหน่อง และคนเล็กชื่อป่อง(เป็นคนเกเร) ผมได้ออกแบบโรงงานผลิตเสาเข็ม เสาไฟฟ้า แผ่นพื้น ให้และทำหลายๆสิ่งให้มานาน ร่วม ๒๐ ปี จนถือว่าเป็นญาติห่างๆ ตระกูลหนึ่งที่เอื้ออาทรต่อกัน เป็นหัวคะแนน คุณสุวัฒน์  ลิปตภัลลพ

                                  ผมได้ชักนำให้ป่องแต่งงานกับไอ้แม่ม จะได้มีวิศวกร เอาไว้ช่วยงานแทนผม  ปัจจุบันมีลูกชายหนึ่งคนอยู่อนุบาลปี ๒ และไอ้แม่มก็เอาแม่มาอยู่ด้วย สำหรับผมนั้น ไอ้แม่มถือเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ส่วนป่องไม่ต้องพูดถึง เพราะผมสอน แนะนำทุกอย่างให้ ด้วยความบรุสุทธิ์ใจ มานานแล้ว  ทั้งสองจึงเคารพ รัก เอื้ออาทรผมมาก

                                   ไอ้แม่มเป็นใช้เงินมือเติบ ไม่เห็นคุณค่าของเงิน  ซึ่งผมได้ดูบ่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดมา

                                  เมื่อวาน ตอนเย็นมีเด็กผู้หยิง อายุ ๕ ขวบ อยู่ในชุดนักเรียน และน้องชายอายุ ๔ ขวบ สองคน กำลังทำความสะอาดสำนักงาน บ.ย่าโมคอนกรีตอัดแรง จำกัด ได้มาสวัสดีผม เมื่อผมเดินผ่าน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6111 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2555, 08:10:22 »

เงิน ๑๐ บาท เป็นบทเรียนชีวิตที่ล้ำค่า !


                             เมื่อเด็กผู้หญิง สวัสดีผม  ผมก็สวัสดีตอบ และนึกแปลกใจ เพราะไม่รู้จักมาก่อนทั้งสิ้น เมื่อออกไปดุงานและกลับมา ปรากฏว่าเด้กทั้งสองกลับบ้านไปแล้ว จึงได้ไปถามพนักงานว่า ปกติเวลาซื้อข่าวใช้เงินเท่าไร เขาก็บอกว่า ข้าง-แกงจานละ ๒๕ บาท ผมก็บอกว่า อาจารย์ฝากเงินให้เด็ก ๒ คนที่มาสวัสดีอาจารย์ นั้น เป็นค่าขนมไปโรงเรียน ๑๐๐๐ บาท

                             ปรากฏว่า ไอ้แม่มบอกว่าอาจารย์ไม่ต้องให้หรอก แม่มอุปถมย์เขาอยู่แล้ว ให้เงินไปกินขนมทุกวัน เด้กผู้ชายให้ ๑๐ บาท เด็กผู้หญิงให้ ๒๐ บาท ต่อวัน ผมก้บอกว่า เงินเธอก็เงินเธอ นี่เงินอาจารย์ อาจารย์อยากจะให้เด็กทั้งสอง เอาไว้กินขนมเห็นเป็นคนดี   ที่มาสวัสดีอาจารย์ และทำความสะอาดสำนักงาน

                             ตอนรับประทานอาหารเย็นเป็นอาหารอิสาน ที่สูงเนิน ไอ้แม่มได้เล่าให้ฟังว่า

                             เด็กสองคนที่มาสวัสดีอาจารย์นั้น พ่อตายแล้ว แม่เป็นอัมพฤกษ์ ตอนที่แม่อยู่โรงพยาบาล เด็กผู้หญิงขี่จักรยานพาน้องชายไปหางานทำในตลาด เพื่อแลกกับอาหารประทังชีวิต  หลังจากแม่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ไม่มีที่อยู่ ไม่มีเงิน แม่มไปพบเข้าเลยให้มาอยู่ที่โรงงาน และให้แม่เขาทำความสะอาดสำนักงาน เท่าที่จะทำได้ หมอบอกว่า ถ้าฝังเข็มต่อเนื่อง อาจจะหายได้

                             ส่วนเด้กสองคนนั่น แม่มให้เขาเรียน และให้เงินเป็นค่าขนมทุกวัน แต่ปรากฏว่า เด็กผู้ชาย นั้นเอาเงินกลับมาใส่กระปุ๊กทุกวัน วันละ ๑๐ บาท เท่ากับที่ให้ จึงถามว่าทำไม่ไม่ซื้อขนม เขาบอกว่า เอาไว้ใช้ยามจำเป็นดีกว่า จึงไม่กินขนมเลย เพราะที่โรงเรียนมีข้าวให้กิน ส่วนเด้กผู้หยิงนั้น ก็มีเหลือมาทุกวัน

                              มันทำให้แม่มได้คิดว่า เรานี่เมื่อก่อนแย่มากไม่รู้ค่าของเงิน ๑๐ บาทเลย แต่นี่ค่าของเงินเพียง ๑๐ บาท มีความหมายต่อชีวิตของเด็กอายุ ๔ ขวบ เป็นอย่างมาก  ทำให้แม่มได้สำนึกในค่าของเงิน  ไม่ทิ้งข้วางอีกแล้วและใช้อย่างประหยัด

                              แม่มทำบุญมากับพระมากแล้ว ไม่ได้อะไรเลย  แต่นี่ทำบุญกับเด็ก ๒ คน และแม่อีกหนึ่งคน เราช่วยชีวิตเขา มันมีความสุขใจดีกว่าไปทำบุยกับพระอีก เพราะชีวิตคนนั้น มันสำคัญเท่ากัน อย่างน้อยก็ช่วยให้เขาไม่เป็นภาระสังคมในอนาคต

                              ผมก็บอกว่า ดีแล้วละที่ทำอย่างนี้ การช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ ที่ไม่มีทางไปนั้น ประเสริฐกว่าการสร้างโบสถ์  สร้างศาลาเสียอีก เลี้ยงดูเขาไปเถอะ สอนเขา ให้เขาเรียนอย่างน้อยจบ ม. ๖  ไม่แน่เขาอาจจะมาดู-แลเราตอนแก่ก็ได้ หรือ อย่างน้อย เขาโตขึ้น เขาก็มาทำงานให้เราได้ ช่วยเขาไป ดีกว่าไปทำบุญกับพระมากมายนัก  กุศลจะเกิดกับเราแน่นอน

                               ถ้าขาดเหลืออะไร ในเรื่องการเรียนของเด็กสองคน อาจารย์ จะออกให้ทั้งสิ้น วันหลังอาจารย์จะสอนเขาเอง

                               อย่างน้อยสุด ผมก็ได้ทำบุญกับเด็ก ที่เขากำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างยิ่ง โดยไม่ได้นึกอะไรเลยทั้งสิ้น ไอ้แม่มบอกว่าจะเอาเงินที่อาจารย์ให้นั้น ไปฝากออมสินให้เขา เอาไว้ใช้ยามจำเป็น แทนเพราะค่าขนมเขามีแล้วประจำวัน


                               สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #6112 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2555, 13:06:38 »

พี่สิงห์คะ,
หนิงอ่านเรื่องข้างบนด้วยความซาบซึ้ง
ด้วยแง่คิด แง่ปฏิบัติที่เกิดขึ้นจริง
ทำให้คิดอะไรต่อไปได้อีกหลายอย่าง
น้องผู้หญิง-น้องแม่ม เธออุปถัมภ์คน
เธอกำลังสร้างคนนะพี่ ดีมากๆเลยค่ะ
ทำจากส่วนลึก ทำจากเนื้อแท้ของจิตจริง
เธอใจดีนะคะนี่ คนให้เป็น คือคนรู้จักเสียสละค่ะ

สงสัยเรียนมาจากพี่สิงห์แน่เลย!


nn.
      บันทึกการเข้า


Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #6113 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2555, 13:08:42 »

                        "เงิน ๑๐บาท กับบทเรียนที่ล้ำค่า "  ช่างเป็นข้อเขียนที่อ่านง่าย มีคติคุณธรรมเหลือเกิน
                         เดาเจ้าเด็กน้อยสองคนที่สวัสดีพี่สิงห์ไม่ถูกในตอนแรก              ชวนอ่านมากค่ะ

                         วันนี้หูอื้อ จะขึ้นเครื่องเสียด้วย หวังว่ามันคงหายเอง
                          น้องแม่ม เป็นลูกศิษย์พี่สิงห์แท้ค่ะ พี่สิงห์ทำบุญไว้มากในการสร้างคนจริงจริงค่ะ
      บันทึกการเข้า

khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #6114 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2555, 18:05:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 14 พฤษภาคม 2555, 15:41:56
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                                   วัฒนธรรมของแต่ละประเทศมันก็อย่างนี้ละ  มันไม่เหมือนกัน เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม พอเหมาะพอควร ครับ บางครั้งก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ครับ

                                   พี่สิงห์ อยู่ที่โรงงาน ย่าโมคอนกรีต อำเภอสูงเนิน คืนนี้นอนที่ฉัตรทิพย์รีสอร์ท

                                   พออายุแยะ นี่อะไรๆ ก็ลืมมากขึ้น  ชักสับสนตัวเองว่า เรามีสติอยู่ที่กำลังกระทำแต่ทำไมมันลืม พี่สิงห์ ลืมหยิบเป่ใส่เสื้อผ้ามาโคราชผลคือ มีแต่ตัวกับ computer คู่กาย ดีแต่ว่าในกระเป๋า computer จะมีแปลงสีฟันอยู่ มานั่งทบทวนทำไม่เราลืม  มันลืมจริงๆ  ไม่ได้นึกเลย ขนาดตรวจแล้วว่า มีสิ่งใดที่เราจะเอาไปฝากคนดูแลแม่ ตะกร้าใส่มะม่วง จดหมายคืนภาษีหลาน ทุกอย่างครบหมด  แต่ดันลืมเป่เสื้อผ้า  ผมก็งงเหมือนกัน

                                   มันลืมดื่อๆ  คงจะเป็นโรคคนแก่แล้ว คือลืมไวมากๆ ซึ่งมีคนคอยเตือนแล้ว  เราเห็นแต่แม่ท่านลืมทันที มันเป็นอย่างนี้เอง  ต่อไปต้องนำระบบ check list ที่เป็นเอกสารมาควบคุมตัวเองแล้วละ จะใช้วิธีนึกเอาไม่ได้เพราะมันลืม  ดื่อๆ
                                
                                   นี่ก็เป็นธรรมชาติของจิตคนแก่ ละ

                                   บรรยากาศ แชมเปี่ยนหลีกเป็นอย่างไรบ้าง ในเยอรมันอยากรู้ครับ

                                   สวัสดี


พี่สิงห์เมื่อวานก็ไม่ได้ตอบพี่
สองสามวันนี้ได้ยินอะไรเกี่ยวกับลืมลืม
จากคนรู้จักยาวนาน ทำให้สะดุดในสิ่ง
ที่พี่สิงห์ตั้งข้อสังเกต,ไม่มีอะไรหรอกคะพี่
ดูท่าพี่สิงห์คงต้องนึกต้องจำหลายเรื่อง
แล้วเรื่องส่วนใหญ่ก็นึกก็จำเพื่อคนอื่น
ทำให้ลืมในสิ่งที่เกี่ยวกับตัวเอง..
คนเดินทางขึ้นล่อง ต้องตระต้องเตรียมหลายอย่าง
ลืมกันได้พี่ ลืมแล้วยังนึกออกว่าลืม หนิงว่าไม่เป็นไร..

ที่น่ากลัวอย่างยิ่งคือลืมเพราะการคุกคามของสภาวะ
สมองที่ลบลืมชั่วนิรันดร์คะพี่สิงห์ มีคนที่ตกอยู่ในสภาวะนั้น
ไม่ใช่เรื่องเล่นๆคะ เป็นความน่าเศร้าลึกๆต่อบุคคลใกล้ชิด
เพราะหมายถึงการค่อยๆลบ"Identität"ทั้งของตัวเค้า
และความทรงจำอันเกี่ยวข้องที่มีร่วมกันกับคู่ชีวิต/ครอบครัว
ทุกวันทุกวัน เป็นอะไรที่เราๆ,คนมีสุขภาพดีๆบางทีนึกไปไม่ถึง
แบบนั้นไม่ย้อนคืนค่ะพี่.

so,พี่สิงห์เพิ่ง62 ยัง"top fit"ในสมอง ในกายภาพ
อยู่คู่บ้าน คู่เมือง...ฮ้ายยยย,อะไรไม่รู้หนุงหนิงนี่
คู่บ้านคู่เมืองได้ไง?ต้องบอกว่าคู่เวบ คู่สมาคม
อีก20-30ปีสบายๆ แฮ...อีกหล้ายยยปี


ช่วง2-3วันนี้ยังเงียบๆคะ Champions League
เค้าไว้อาลัยให้กับความรู้สึกของ FC Bayern
แฟนๆเยอรมันเป็นแบบนี้คะพี่ ทีมเค้าแพ้ เค้าจะ
work out ในจิตก่อน วันนี้ พรุ่งนี้ฟื้นตัว ก็เฮกันต่อ!
โค้ชทีมชาติเกณฑ์นักเตะไปเข้าค่ายฝึก ปรากฏ
ขาดหายไปหล้ายคนทั้งจาก FC Bayern ทั้งจาก
Borussia Dortmund ที่ยังฉลองกันเมื่อวานอุตลุต
สองทีมนี้อย่างเดียวก็14คนจาก27คะ!


nn.(แฟนเอ็ฟซีบุรีรัมษ์ทีมคุณducky)
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6115 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2555, 22:03:33 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง และคุณน้องต้อย ที่รัก

                                  พี่สิงห์ บอกไอ้แม่ม ก่อนที่จะกลับ กทม.ว่า ช่วยถ่ายรูป เด็กสองคนนั้น และให้เด็กผู้หญิงเขียนจดหมาย เล่าประวัติตัวเองมาให้พี่สิงห์ ด้วย เพื่อว่ามีใครอยากจะสมทบทุนอนุเคราะห์ให้เขาสามารถเรียนได้จบอย่างน้อย ม.๖ นอกจากไอ้แม่ม กับพี่สิงห์

                                  วันนี้ช่วงก่อนเที่ยง พี่สิงห์ พาคุณมิค ที่มาจากสุรินทร์ ชมโรงงานที่สูงเนิน และและรับประทานอาหารกลางวันที่ farm โชคชัย และพาไปดูที่โรงงาน PSTC สระบุรี  จึงกลับ กทม. เย็นมาก

                                  ขอบคุณเธอทั้งสองที่แสดงความคิดเห็น ต่อเด็กทั้งสองคนนั้น ไอ้แม่ม บอกว่า ตอนเย็นทุกวัน และวันเสาร์ เด็กจะมาช่วยงาน คอยเสริสน้ำให้ลูกค้าที่มาซื้อของที่สำนักงาน เขาจะเอาน้ำไปเสริฟ จะคลานเข้าไปให้ลูกค้าแทนการเดิน ทุกครั้งโดยไม่ได้สอนเลย ผลการเรียนของเขาดีมากได้ 3.7 สำหรับเด็กบ้านนอก ไม่เลวนัก

                                   จริงๆ ที่โรงงานที่สูงเนิน ก็ให้ทุนการศึกษาลูกคนงานที่ยากจนหลานคน โดยเฉพาะเวลามาขอเงินซื้อหนังสือ จะให้อยู่เป็นประจำ

                                    ง่วงนอนแล้ว ต้องขอตัวครับ

                                    ราตรีสวัสดิ์
               
                   
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6116 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2555, 22:05:05 »

สวัสดีครับ ท่านขุน ๒๘
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #6117 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2555, 22:11:44 »

สวัสดีครับพี่สิงห์
        ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวัน  ต้องตามอ่านหลายหน้าครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6118 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2555, 16:33:48 »

ขนฺตี  ปรมํ ตโป  ตีติกขา

ความอดทน คือความอดกลั้น  เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยอดเยี่ยม


                             จากหลักคำสอนของพระพุทธองค์ ในโอวาทปาติโมกข์ นั้น พระพุทธองค์ทรงเน้นเสมอ คือเรื่องขันติ คือความอดทนอดกลั้น ต่อการไม่ทำบาปทั้งปวง เช่นการไม่เบียดเบียนสัตว์  การไม่ทำร้ายสัตว์  การไม่ลักทรัพย์  ...... การอยู่ในศีล นั้น จะเห็นว่าเราต้องอดทนอดกลั้น เอาชนะจิตใจตนเองอย่างมาก ที่จะรักษาศีล เอาไว้ให้ได้  ไม่ใช่สิ่งที่จะกระทำได้ง่ายเลย

                             การอดทน อดกลั้น ต่อการระวังกายวาจา ใจ  ให้ปล่อยวางจากการรับรู้ทาง ตา หู  จมูก  ลิ้น  กาย  ใจ  นั้น ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นเป็นอย่างมาก  จึงจะกระทำได้ มันไม่ง่ายเลย

                             พระพุทธองค์ ทรงเปรียบว่าการอดทน อดกลั้นนั้น เปรียบเสมือนการเอาชนะจิตตนเอง  แม่ทัพที่เก่งกาจรบชนะทุกครั้ง  ยังไม่ชนะเท่ากับชนะจิตตนเองเลย  มันก็เป็นความจริง  ชนะจิตตนเองไม่ง่ายเลย

                             ทุกนาที  ทุกชั่วโมง ทุกวัน  จิตมันคิด  มันมีความต้องการเสมอ  อยากได้อีก เสมอ ทำไฉน? เราจะชนะจิตตนเองได้

                             การที่เราจะชนะจิตตนเองได้นั้น อย่างน้อยต้องมีความรู้สึกตัว คือสติ ว่าเรากำลังจะกระทำอะไรลงไป  สองต้องมีปัญญาเพื่อจะยับยั้งชั่งใจว่าสมควรกระทำหรือไม่  ต้องมีจิตใจตั้งมั่น คือสามธิ ที่จะอยู่ในแนวทางกุศลกรรม ที่ควารกระทำ การอดทน อดกลั้น ต่อสิ่งยั่วยุนั้น  จึงเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลย  แต่ถ้าเราเข้าใจด้วยปัญญา และต้องการจะหลุดพ้นจริงๆ  เราต้องเอาชนะจิตตนเองให้ได้  อย่าไขว้เขวหาเหตุผล มาเข้ากับความต้องการตนเอง ของจิตตน ก็ด้วยความอดทนอดกลั้นนี่ละ

                            ดังนั้น เราต้องมีสมาธิกับความอดทน  อดกลั้น  ปล่อยวางมันไปให้ได้ ในสิ่งที่จิตปรุงแต่ง

                            พูดง่าย แต่กระทำอยาก จริงๆ

                            วันนี้ผมต้องเตือนตนเองด้วย ขันติ คือความอดทนอดกลั้น เพราะคอยจะพ่ายแพ้จิตตนเองเป็นประจำ  จนสติที่เคยมีตลอดเวลา  สูญเสียไปมาก  จนรู้ได้  คงจะต้องยึดธรรมบทนี้มาเตือนตนเองให้เป็นนิสัย ให้ได้

                            สวัสดีครับ
                             
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6119 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2555, 16:41:21 »









                            วันนี้ผมมี ตัวอย่างการวางแบบหล่อเสาเข็มสี่เหลี่ยมตัน มาฝากพวกวิศวกรโยธา หรือผู้มีอาชีพทำเสาเข็ม  นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่ผมได้วางแบบให้สามารถหล่อเสาเข็มสี่เหลี่ยตันได้รวดเร็ว ได้จำนวนมากๆ ครับ

                            โรงงานย่าโมคอนกรีตอัดแรง ทีี่อำเภอสูงเนิน โคราช

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6120 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2555, 21:18:44 »

อาลัย คุณแม่คำปุ๋ย  เชมนะสิริ






สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                               วันนี้ค่ำผมได้ไปร่วมงานฟังพระสวดพระอภิธรรมศพ คุณแม่คำปุ๋ย   เชมนะสิริ  ซึ่งเป็นคุณแม่ของคุณอวยชัย  คุณธีระชัย  คุณวุฒิชัย  คุณอ้อย๑๔ และ ดร.พันธิภา ๒๘ ผมรู้จักหมดทุกคนครับ

                               ผมเองชื่นชมทางเจ้าภาพ คุณธีระชัย ที่ได้มาเล่าประวัติ คุณแม่ให้แขกที่มาร่วมงานได้รับทราบ เป็นสิ่งที่ดีน่ากระทำอย่างยิ่ง เพราะเราไปงานศพนั้น เราไประลึกถึงผู้ตาย เราเอาผู้ตายเป็นครูของเรา ว่าอีกไม่ช้าไม่นานเราก็ต้องตายเหมือนกัน  อย่างน้อยสุดเราต้องกระทำคุณความดีให้เท่ากับผู้ตาย(ขนาดฝนตก แขกยังเต็มศาลา)  อยู่ด้วยความไม่ประมาท หมั่นกระทำแต่ความดี ทางกุศลกรรม และรักษาศีล ๕ ให้มั่นคงเอาไว้

                                ตามประวัติที่คุณธีระชัย บอกกล่าว คุณแม่คำปุ๋ย  เป็นชาวจังหวัดน่าน จบการศึกษาที่ กทม.วิทยาลัยครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ ไปเป็นครูที่เชียงใหม่ โดยมีบุตร ๖ คน ที่เสียชีวิตไปตั้งแต่เล็กหนึ่งคน ท่านมีสามีเป็นทนายความ ท่านเป็นผู้พิพากษาสมทบ ช่วยสามีทำงาน

                                เนื่องจากคุณแม่คำปุ๋ย ท่านเป็นครูและถือว่าเป็นผู้มีการศึกษา จึงทำงานหนักเพื่อส่งลูกเรียนจบให้สูงๆ คือคุณอวยชัย จบเภสัช จุฬาฯ คุณธีรชัย จบรัฐศาสตร์จุฬาฯ คุณวุฒิชัย จบวิศวฯเกษตร คุณจารุวรรณ จบครุศาสตร์ จุฬาฯ ดร.พันธิภา จบรัฐศาสตร์ จุฬาฯ นับได้ว่าเป็นคุณแม่ที่ไม่ธรรมดาเลย  ที่ให้ความสำคัญทางด้านการศึกษากับบุตร  สมควรที่เราจะได้ระลึกถึงท่าน และกระทำตามท่านเป็นแบบอย่างเพื่ออนาคตที่ดีของลูกๆ

                               วันนี้มีเจ้าภาพ ๔ คณะ คือทาง บมจ. ช.การช่าง คุณปลิว มาเอง ดร.พงษ์ศักดิ์  อธิการบดี ม.เชียงใหม่  สิงห์ดำรุ่นคุณธีระชัย  โดยท่านอาจารย์ปรีชา และสิงห์ดำรุ่น ๒๘ โดยผู้ว่าตาก  น่าชื่นใจครับ

                               ผมเองพยายามสังเกตุ  ผู้มาร่วมงาน และพยายามรักษากาย วาจา ใจ ของเราให้เป็นปกติด้วยการสร้างจังหวะในการรู้สึกตัวเอาไว้ ไม่ปล่อยจิตร่องลอยนอกกาย เพราะแทบจะไม่รู้จักใครเลย พอคุ้นหน้าอยู่บ้างก็พวกปูนซิเมนต์ไทยเก่าๆ  ดร.พิจิตร และลูกน้องคุณอวยชัย

                               วันนี้ผมได้ฟังพระท่านสวดพระสูตร ๒ พระสูตร ต่อจากที่ท่านสวดสำหรับงานสวดศพประจำวัน ที่จำได้ก็ ภัทเทกรัตตคาถา ในคาถาสุดท้ายของวันนี้ การสวดมนต์พร้อมคำแปล นั้นดีครับ ทำให้ผู้ไปฟังพระสวดพระอภิธรรม ได้ทราบความหมาย (แต่คงมีแต่ผมคนเดียว เพราะเห็นแต่นั่งคุยกันเป็นสวดใหญ่เวลาพระท่านสวด)

                               วันนี้ได้อะไรติดไม้ติดมือมามากครับ คุ้มกับการไปร่วมงาน ฟังพระสวดพระอภิธรรมศพคุณแม่คำปุ๋ย  เชมนะสิริ

                               ลืมบอกไป มีฝนตกปลอยๆ ตลอดเวลา ครับ

                               สวัสดี และราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6121 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2555, 13:00:09 »

   
                             ดร.กุศล

                             เดือนมิถุนายน  จะเดินทางไปไหว้พระที่พม่า กับคุณพัชรี   วุฒิเจริญ  สถานีวิทยุ FM 100.25 บริษัททัวร์ที่จัด คือบริษัมที่เราเคยไปลาวเมื่อครั้งก่อร ราคาไม่เกินสองหมื่นบาท  วันที่ยังไม่กำหนด สนใจไปหรือไม่

                             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6122 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2555, 13:08:03 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                              ใครที่มีเวลาว่าง วันอาทิตย์ที่ ๒๐ มิถุนายน จะถึงนี้ เวลา 15:30 น. ขอเรียนเชิญทุกท่านไปออกกำลังกายที่สวนรถไฟ จตุจักร ไปรำชิกง และโยคะ  อุปกรณ์ที่ต้องเอาไปคือ อาสนะสำหรับฝึกโยคะ  แต่งตัวออกกำลังกายธรรมดา

                               โทรศัพท์นัดกันก่อนได้ที่ 0817000760

                               การออกกำลังกายเป็นสิ่งจะเป็นสำหรับทุกท่านที่ต้องการได้ ปริญญาชีวิต ครับ

                               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6123 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2555, 13:36:17 »

ชีวิตเป็นของเรา

                              เราสามารถวาดฝันและ ลิขิตให้เป็นไปได้....

                              เช่นเดียวกับวิศวกร....

                              แต่แตกต่างกันที่ วิศวกรออกแบบถนน....

                              โดยพยายามเลี่ยงอุปสรรค....

                              ส่วนมนุษย์ออกแบบ ชีวิต....

                              โดยการเผชิญกับอุปสรรคที่ขวางกั้น....

                              ถ้าจะเปรียบกับนักเดิน ทาง....

                              การตัดสินใจ....

                              และการกระทำที่ถูกต้อง....

                              ก็เหมือนกับ การวางแผน....

                              เลือกเส้นทางที่ถูก....

                              ทำให้ไม่อ้อมค้อม....หรือพลัดหลง ทาง....

                              คนเป็นจำนวนมาก.... ดำเนินชีวิตไปตามยถากรรม....ไปวัน ๆ....

                              โดย ไม่มีการวางแผนชีวิต....

                              เพื่อเป็นแปลนไปสู่ความสำเร็จ....

                              และที่แย่ ไปกว่านั้น....

                              ก็คือ....ยอมให้คนอื่นมาบงการชีวิต....

                              หรือไม่ก็ลอก เลียนแบบเอาอย่างคนอื่น....

                              เพื่อหลอกลวงว่า....

                              ตนเอง....มีความสุข....

                              การประเมินหรือกำหนดคุณค่า....ของตนเอง....

                              ขึ้นอยู่กับ.... “ระดับการนับถือตนเอง”....

                              และ.... “ความเชื่อมั่นในตนเอง”....

                              ถ้า ราปล่อยให้ความเชื่อมั่น....

                              ความนับถือ....ตนเอง....ของเรา....

                              แบบ ขึ้น ๆ ลง ๆ ....

                              ตามความคิดของคนอื่น....

                              นั่นเพราะ....

                              เราไม่ สามารถประเมินค่าตนเองได้ถูกต้อง....

                              ทิศทางของเส้นทางชีวิตของเรา....

                              ถูก กำหนดโดยคนอื่น....

                              เราจึงไม่สามารถ....ยืนหยัด....อยู่ได้ด้วยตนเอง....

                              การรู้จักคุณค่า....

                              และ ความสามารถของตนเอง....

                              จะทำให้เรา....สามารถสร้างหนทาง....

                              สู่จุดหมาย ที่เราใฝ่ฝันได้....

                              ดังนั้น....คุณสมบัติของผู้ที่จะประสบความ สำเร็จ....

                              จะต้องประกอบด้วย....

                              >>>….ความตั้งใจแน่วแน่

                              >>>….ความมั่นใจ....ความต้องการที่จะพัฒนาตนเอง....

                              >>>….และเปิดกว้าง ....พร้อมที่จะศึกษาและเรียนรู็สิ่งใหม่ ๆ....

                              และขอให้เราพึงระลึกอยู่ เสมอว่า....

                              เราสามารถทำได้....

                              ตราบใดที่เรา....ยังมีลมหายใจอยู่....

                                                   บท ความ....โดย....ชายน้อย....
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6124 เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2555, 14:57:53 »

การปฏิบัติธรรม !


                             การปฏิบัติธรรมไม่อยากที่คิด  แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะกระทำได้ง่าย

                             ต้องมีศรัทธา จริงๆ ที่อยากจะหาทางพ้นทุกข์อย่างแท้จริงให้กับชีวิต

                             นอกจากนี้จะต้องมีวิริยะ ความอดทน  อดกลั้น เป็นอย่างมากเพราะอุปสรรค คือจิตตัวเองนี่ละ

                             การปฏิบัติธรรมนั้น จะเป็นตัวช่วย ให้เราสามารถประสบความสำเร็จในการทำงานได้ปริญญาอาชีพ  และได้ปริญญาชีวิต ที่มีอายุยืนไร้โรคพอสมควร สามารถอยู่จนเห็นความสำเร็จของลูกๆ ได้

                             การปฏิบัติธรรมก็คือ การที่เรารู้ เราเห็นกาย ใจ ของเราอยู่ทุกนาทีนั่นเอง มันอยากคิดอะไรก็ให้รู้ แต่ได้แต่ดู ไม่ไปเป็นกับมัน กระทำตามมัน คือไม่ให้อยู่ในความคิดตัวเอง คิดก็ให้รู้ว่าคิด เห็นก็ให้รู้ว่าเห็น แต่อย่าไปเป็นเสียเอง ทั้งความทุกข์ ทั้งความสุข ที่ประสบ

                            ง่ายๆ ก็คือให้มีความรู้สึกตัว ณ ปัจจุบัน ที่เรากำลังกระทำอยู่ คิดก็รู้ ทำก็รู้ สุขก็รู้้ ทุกข์ก็รู้ พยายามไม่ไปแช่อยู่ในความคิดตัวเอง เพราะจะเป็นทาษความคิดตัวเอง หลงอยู่ในความคิด นั่นไม่ใช่ทาง

                            ขอให้สังเกตุตัวเราดู ถ้ารู้อยู่ในการกระทำของตนเอง  มันจะไม่คิด  เมื่อไม่คิดก็ไม่ทุกข์  ง่ายๆอย่างนี้ละ

                            การที่จะมีสติ ตลอดเวลานั้น ต้องหมั่นระลึกอยู่ตลอดเวลา  ทั้งๆที่เรายังทำงานอยู่ มีชีวิตอยู่ มันไปกันได้ ถ้าจิตมันตื่น ตัวรู้มันจะเกิดขึ้นเอง

                             ผมคงต้องไปสนามบินดอนเมือง เพื่อเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช แล้วครับ

                             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 243 244 [245] 246 247 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><