24 พฤศจิกายน 2567, 09:49:14
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 239 240 [241] 242 243 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3571248 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 16 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6000 เมื่อ: 24 เมษายน 2555, 21:12:20 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย ๑๗ และคุณน้องต้อย ที่รัก

                             ที่เป็นดังนั้น พี่สิงห์ ต้องการให้ทราบว่า ในการนำมาลงทุกครั้ง พี่สิงห์ ต้องเขียนขึ้นใหม่ แก้ไขให้ถูกต้อง ใช้เวลาพอสมควร  ต้องมีความตั้งใจ และมีวิริยะ  จึงจะนำเรื่องดีๆ มาลงได้  ไม่ใช่ไป Coppy มาลงได้เลย ส่วนใหญ่เขียนใหม่ทั้งหมด เอามาจากหนังสือ

                             พี่สิงห์ เคยถามตัวเองว่า ทำ ทำไม? ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน  บางวันเงียบเหงาก็ได้แต่เตือนตัวเอง  เอาชนะใจตนเอง  จงทำไปเถิด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  หรือไม่เกิดขึ้น  เป็นการเตือนตัวเอง  ต้องมีวิริยะ  ถึงแม้จะไม่มีคนมาทักทายเลย ก็ตามในแต่ละวัน

                             ว่างๆ วันอาทิตย์ เธอจะไปรำชิกง  โยคะ ฟังโต้ตอบธรรมะ กับพี่สิงห์ คุณสุนทร  และครอบครัวก็ได้ แล้วจะแจ้งให้ทราบ  สำหรับอาทิตย์นี้ คิดว่าจะพยายามกลับจากอุทัยธานี ให้ถึง กทม. สี่โมงเย็น  จะได้ไปสอนคุณสุนทรที่สวนรถไฟ ได้ครับ

                             สำหรับเรื่องที่ลงไว้นั้น จะเขียนให้ใไม่พรุ่งนี้ครับ เพราะพี่สิงห์จะไปเยี่ยมแม่ที่สิงห์บุรี บ่ายเลยไปนอนที่สูงเนิน ไปทำงานครับ

                             ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
                             
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #6001 เมื่อ: 25 เมษายน 2555, 07:28:38 »

สวัสดีตอนเช้าค่ะ พี่สิงห์
สบายดี ในวันอากาศร้อนมากๆไหมคะ
 หรือทำใจรับธรรมชาติได้แล้วคะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6002 เมื่อ: 25 เมษายน 2555, 16:12:38 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 25 เมษายน 2555, 07:28:38
สวัสดีตอนเช้าค่ะ พี่สิงห์
สบายดี ในวันอากาศร้อนมากๆไหมคะ
 หรือทำใจรับธรรมชาติได้แล้วคะ


สวัสดีครับ คุณน้องเอมอร ที่รัก

                                  ขณะนี้พี่สิงห์อยุ่ที่อำเภอสูงเนิน โคราช ครับ

                                  อากาศร้อนนั้น เราย่อมได้รับความร้อน(เวทนา) มันเป็นธรรมชาติของมันอยู่แล้วย่อมหลีกไม่พ้น  แต่ที่สำคัญก็คือ เมื่อเรารู้ว่ามันต้องร้อน เราก็หาหนทางเอาตัวรอด อยู่ในที่ร่ม มีลมพัด หรือห้องแอร์ เรียกว่าเป็นการใช้ปัญญาเอาตัวรอดเพราะเราหลีกไม่พ้น แต่สิ่งที่เราจะควบคุมได้ก็คือ ควบคุมอารมณ์ของเราให้เป็นปกติ  อย่าไปหงุดหงิด  ขี้บ่นกับมา หรือพูดในภาษาพระก็คือ อย่าไปปรุงแต่งอารมณ์กับเวทนาที่เราได้รับจากอากาศร้อน ทุกข์ก็ไม่มีครับ ความจริงมันเป็นอย่างนี้

                                  พระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ เมื่อเจออากาศร้อน ท่านก็ร้อนเป็น แต่อารมณ์ท่านไม่ได้ร้อนตาม ครับ

                                  เธอเป็นอย่างไรบ้าง  บ้านเรียบร้อยหรือยัง และตัวเธอเองสบายดีทั้งกาย ใจ หรือยัง

                                  คืนนี้พี่สิงห์ค้างคืนที่ รีสอร์ท ครับ

                                  สวัสดีค่ะ

หมายเหตุ
                             พี่สิงห์ไม่มี Air card แล้ว ต้องพึ่ง Net ตามสำนักงานที่ไปทำงาน หรือที่บ้านในการสื่อสาร ครับ
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #6003 เมื่อ: 25 เมษายน 2555, 20:23:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 24 เมษายน 2555, 21:12:20
สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย ๑๗ และคุณน้องต้อย ที่รัก

                             ที่เป็นดังนั้น พี่สิงห์ ต้องการให้ทราบว่า ในการนำมาลงทุกครั้ง พี่สิงห์ ต้องเขียนขึ้นใหม่ แก้ไขให้ถูกต้อง ใช้เวลาพอสมควร  ต้องมีความตั้งใจ และมีวิริยะ  จึงจะนำเรื่องดีๆ มาลงได้  ไม่ใช่ไป Coppy มาลงได้เลย ส่วนใหญ่เขียนใหม่ทั้งหมด เอามาจากหนังสือ

                             พี่สิงห์ เคยถามตัวเองว่า ทำ ทำไม? ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน  บางวันเงียบเหงาก็ได้แต่เตือนตัวเอง  เอาชนะใจตนเอง  จงทำไปเถิด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  หรือไม่เกิดขึ้น  เป็นการเตือนตัวเอง  ต้องมีวิริยะ  ถึงแม้จะไม่มีคนมาทักทายเลย ก็ตามในแต่ละวัน

                             ว่างๆ วันอาทิตย์ เธอจะไปรำชิกง  โยคะ ฟังโต้ตอบธรรมะ กับพี่สิงห์ คุณสุนทร  และครอบครัวก็ได้ แล้วจะแจ้งให้ทราบ  สำหรับอาทิตย์นี้ คิดว่าจะพยายามกลับจากอุทัยธานี ให้ถึง กทม. สี่โมงเย็น  จะได้ไปสอนคุณสุนทรที่สวนรถไฟ ได้ครับ

                             สำหรับเรื่องที่ลงไว้นั้น จะเขียนให้ใไม่พรุ่งนี้ครับ เพราะพี่สิงห์จะไปเยี่ยมแม่ที่สิงห์บุรี บ่ายเลยไปนอนที่สูงเนิน ไปทำงานครับ

                             ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
                             
   สวัสดีค่ะพี่สิงห์ เดี๋ยวนี้พยายามหาเวลาไปคุยธรรมะกับผู้รู้ ถึงไม่ว่างอย่างไรแต่สังเกตถ้าตั้งใจ
จะได้ไป ที่กระบี่ต้อยจะมีพระที่เคยเป็นครูมาบวช พัฒนาจิตใจตนเองจนสอนเราได้ เวลาคุยกับท่านนึกเปรียบเป็นพี่ทุกครั้ง
 มีบางอย่างคล้ายกันในแนวคำสอนแนวการปฏิบัติ
               
      บันทึกการเข้า

Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #6004 เมื่อ: 25 เมษายน 2555, 20:27:05 »

                เวลาพิมพ์อ้างอิงจะไม่เห็นที่เราพิมพ์ตอบกลับค่ะ เลยติดติดขัดขัด
               วันอาทิตย์ตอนเย็นหากเป็นช่วงตรงกับเข้ากทม.คงได้ไปร่วมกิจกรรมกับพี่ได้ที่สวนโมกข์ค่ะ
      บันทึกการเข้า

pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #6005 เมื่อ: 25 เมษายน 2555, 20:56:45 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 21 เมษายน 2555, 20:42:15
อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sitthiphong เมื่อ 21 เมษายน 2555, 17:05:07
มันน่าจะมีออเดิฟเมืองนิ  แต่ถ้าวันไหนได้กินจะกินเผื่อนะ แล้วอย่ามาหาว่านู๋น้ำหนักเกินหล่ะ ทำเพื่อเพื่อนฝูงท้างน๊าน
(พี่สิงห์ก็จะหาว่า เราพยายามหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองอีกแล้วนะเนี่ย 555)

สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก

                             ขอบคุณมากที่สามารถเข้าใจจิตมนุษย์ได้  แสดงว่าที่พี่สิงห์บ่นไปนั้นได้ผล  อย่างน้อยมันก็เป็นเครื่องเตือนใจไว้ก็ยังดี   ดีกว่าทำตามจิตตนเองเสมอ  ลองหาเวลาดูจิตตนเอง  แล้วจะรู้อะไรดีๆ ครับ

                             พี่สิงห์เอง ลืมไปแล้วเรื่องร้องเพลงคาราโอเกะ  ขอห่างไกลดีกว่า  หาร้านใหม่ได้ไหม ? 

                             ว่าจะโทรศัพท์ไปหา คุณอ้อมทิพย์ และคุณน้องจุ๋ม  เพราะมันหน้าจะเป็นปีกว่าแล้ว ครับ  แต่มีข้อแม้ พี่สิงห์ต้องเป็นผู้จ่ายสตางค์  ส่วนพวกเธอและครอบครัวถือว่ามาให้เห็นหน้า เพราะคิดถึง แบบพี่หมอหาญพูด  นั้นถูกเสมอ ครับ

                              ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ


สวัสดีค่ะพี่สิงห์
สภาน้องๆบอกว่า ขอความกรุณาเอาที่เดิม เพราะเราไปฟังเฉยๆ ไม่ไปร้องค่ะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6006 เมื่อ: 26 เมษายน 2555, 20:34:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sitthiphong เมื่อ 25 เมษายน 2555, 20:56:45
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 21 เมษายน 2555, 20:42:15
อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sitthiphong เมื่อ 21 เมษายน 2555, 17:05:07
มันน่าจะมีออเดิฟเมืองนิ  แต่ถ้าวันไหนได้กินจะกินเผื่อนะ แล้วอย่ามาหาว่านู๋น้ำหนักเกินหล่ะ ทำเพื่อเพื่อนฝูงท้างน๊าน
(พี่สิงห์ก็จะหาว่า เราพยายามหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองอีกแล้วนะเนี่ย 555)

สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก

                             ขอบคุณมากที่สามารถเข้าใจจิตมนุษย์ได้  แสดงว่าที่พี่สิงห์บ่นไปนั้นได้ผล  อย่างน้อยมันก็เป็นเครื่องเตือนใจไว้ก็ยังดี   ดีกว่าทำตามจิตตนเองเสมอ  ลองหาเวลาดูจิตตนเอง  แล้วจะรู้อะไรดีๆ ครับ

                             พี่สิงห์เอง ลืมไปแล้วเรื่องร้องเพลงคาราโอเกะ  ขอห่างไกลดีกว่า  หาร้านใหม่ได้ไหม ? 

                             ว่าจะโทรศัพท์ไปหา คุณอ้อมทิพย์ และคุณน้องจุ๋ม  เพราะมันหน้าจะเป็นปีกว่าแล้ว ครับ  แต่มีข้อแม้ พี่สิงห์ต้องเป็นผู้จ่ายสตางค์  ส่วนพวกเธอและครอบครัวถือว่ามาให้เห็นหน้า เพราะคิดถึง แบบพี่หมอหาญพูด  นั้นถูกเสมอ ครับ

                              ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ


สวัสดีค่ะพี่สิงห์
สภาน้องๆบอกว่า ขอความกรุณาเอาที่เดิม เพราะเราไปฟังเฉยๆ ไม่ไปร้องค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก

                             ในเมื่อสภาน้องๆ ลงมติแบบนั้น พี่สิงห์ ก็คงไม่ขัดข้อง ทั้งสิ้น และขอบคุณมาก  พี่สิงห์ ยังไม่ได้โทรศัพท์ไปหาใครเลยตอนนี้ ถ้าเธอชวนแล้วก็ขอขอบคุณมาก

                             พี่สิงห์ จะพยายามมาจากจอมทองโดยเร็วครับ

                             สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6007 เมื่อ: 26 เมษายน 2555, 20:54:00 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อย และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                             เธอลองพยายามสร้างความรู้สึกตัวให้กับตัวเองดูว่า เวลาเราเดิน ยืน นั่ง นอน กิน ..... ขอให้มีความรู้สึกตัว(สติ) โดยแยกให้ออกว่าสติ(ความรู้สึกตัว) ว่าเรากำลังกระทำอะไรอยู่ในอิริยาบถ นั้น กับความคิด(จิต) โดยคิดว่าในตัวเรานี้มีสติ กับจิต อยู่ในร่างเดียวกัน คือ รูป  ส่วนสติ และจิต นั้น คือนาม เป็นเพียงอารมณ์(จิต และอาการของจิตหรือเจตสิก) และความรู้สึก(สติ) ทั้งสองสิ่งนี้จะเป็นตัวถ่วงกันและกัน หมายความว่าถ้าเรามีความรู้สึกตัวอยู่ ปัญญาย่อมบังเกิด โดยยึดหลังเหตุ-ปัจจัย เป็นหลักที่จะไตร่ตรอง ในสิ่งที่จิตมันคิด แล้วเราก็จะตัดสินใจได้ว่าจะกระทำตามที่จิตมันต้องการ หรือไม่ ถ้าไม่สมเหตุผล ก็จงปล่อยวางด้วยการอยู่เฉยๆ คืออุเบกขา เอาไว้ให้มั่น สิ่งที่จิตมันคิดให้กระทำนั้น มันก็ดับไปของมันเอง เพราะอารมณ์คนนั้นมันเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์ คือ อนิจัง  ทุกขัง  อนัตตา มันย่อมดับของมันไปเองเพราะมันเป็นเพียงอารมณ์ ไม่มีตัวตน ของเพียงวางเฉย เข้าไว้เท่านั้น

                               ที่สำคัญเธออย่าหลงเข้าไปในจิต(โมหะ) หมายความว่า อย่าให้สติไปรวมกับจิต นั่งเอง เพราะมันจะหลงตัวลืมตนเป็นโมหะไป  กลายเป็นทาสของความคิดไป ให้ระวังจงหนัก

                               ถ้าเธอฝึกให้มีความรู้สึกตัวแยกจิต สติ ได้แล้ว ก็พยายามสร้างความรู้สึกตัวให้มากๆ เข้าไว้  สักวันหนึ่งจิตมันจะตื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะพ้นทุกข์หลุดพ้น ยังเป็นปุถุชนย์ธรรมดา แต่ความรู้สึกตัวหรือสตินั้น มันจะคงอยู่กับเรามากขึ้นๆ มากๆ อาจจะมากกว่า๒๐ ชั่วโมง ใน ๒๔ ชั่วโมง  ถ้าสติมันตื่นเพียงเท่านี้ เราก็จะยังสามารถคงอยู่ในสังคม ทำการงาน  คบเพื่อนฟูงได้เป็นปกติ แต่เราจะมีทุกข์น้อย เพราะเราจะรู้ จะเห็นพฤติกรรมของจิต  จนเราสามารถมีวิถีชีวิตอยู่เหนือมันได้  ทั้งๆที่เราจะต้องเผชิญเวทนา(ทุกข์  สุข เฉยๆ) ที่เราได้รับอยู่ก็ตาม แต่จิตเราจะปรุงแต่งน้อย หรือไม่ปรุงแต่งเลย เพียงแค่นี้ เราก็มีชัวิตที่ห่างไกลทุกข์มากขึ้นๆ สิ่งต่างๆ จะบังเกิดขึ้น เธอจะทราบได้ตัวเธอเองทั้งสิ้น

                               ลองพยายามกระทำดู  ชีวิตเราก็จะไม่เป็นหมั๋น ครับ

                               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6008 เมื่อ: 26 เมษายน 2555, 21:08:09 »



มะม่วงกะร่อน ลูกเล็ก แต่หอม หวาน อร่อยมาก เม็ดโต เนื้อน้อย เวลากินต้องใช้วิธีดูด


                               วันนี้เป็นวันที่อากาศร้อนที่สุดใน กทม. ผมเองอยู่ที่สูงเนิน ช่วงเช้าไปตีกอล์ฟ กับคุณนิรันดร์ MD บ.ย่าโมคอนกรีตอัดแรง  ทั้งสนามเข้าใจว่ามีเพียงสองคนเท่านั้น ที่สนามโวยาสพาโนรามา เป็นสนามภูเขา สวยงาม น่าตีมาก การเล่นไม่รู้สึกว่าร้อนเลย เพราะไม่ได้ไปสนใจมัน ตั้งใจอยู่กับเกทส์กอล์ฟ เท่านั้น รอบหลังดีมากสามารถตี 35 จาก Par 36

                               เสร็จแล้วตอนเที่ยงไปกินข้าวที่บ้านกับคุณพ่อของคุณนิรันดร์ ที่ให้แม่ครัวไปหาน้ำพริกเผา และไปหาตำลึง ผังขม ริมรั้วมารวกเอาไว้ให้ครับ

                               ขากลับปรากฏว่า ทางคุณแม่ม (ภรรยาคุณนิรันดร์) และคุณแม่คุณแม่ม  สอยมะม่วงอกร่อง น้ำดอกไม้ หนองแซง ใส่ถุงมาให้สี่ถุงใหญ่ๆ และพนักงานในสำนักงานไปเอามะม่วงกะร่อนมาให้อีกสามถุงใหญ่ ผมเลยเอามะม่วงกะร่อนไปแจกพนักงาน PSTC ที่สระบุรี ให้บ้านพี่โส  ให้บ้านพี่ตุ๊ และให้เด็กๆ บ้านตรงข้าม และยังเหลืออีกหนึ่งถุง ที่จะเอาไปใส่บาตรเณร พรุ่งนี้

                                สำหรับมะม่วงอกร่อน นั้น ผมได้ให้คนงานที่ PSTC ไปเก็บใบขี้เหล็กเอามาให้ เพื่อว่าผมจะเอาไปบ่มมะม่วงอกร่องที่บ้าน  ผมหวังว่า วันอาทิตย์นี้ มะม่วงอกร่องที่ผมบ่ม จะสุก ผมจะได้มีมะม่วงอกร่องไปทำบุญที่วัดทับทัน

                                พรุ่งนี้จะมีเณรมาบิณฑบาตรที่หน้าบ้าน ๑๕ องค์ ก่อนที่จะสึกในวันที่ ๑ พฤษภาคม ที่ปีนี้มีเณรมาบรรพชา ๑๕๕ คนที่วัดลาดพร้าว และจะมีการแจกทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่มาบวชภาคฤดูร้อน

                                ดังนั้น พรุ่งนี้ผมต้องหุงข้าว ใส่บาตรเณร ๑๕ รูป และถวายปัจจัยองค์ละ ๑๐๐ บาท พร้อมทั้งมะม่วงกะร่อน หนองแซง ก่อนที่จะไปขึ้นเครื่องบิน ไปทำงานที่นครศรีธรรมราช คนที่ให้มะม่วงมา  จะได้รับกุศลผลบุญด้วย เพราะผมรับประทานคนเดียวไม่หมด
                                                   

                                ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6009 เมื่อ: 27 เมษายน 2555, 07:31:01 »



วันนี้หลวงพ่อวัดลาดพร้าว นำสามเณรมาบิณฑบาตรเอง



ข้าว กับข้าว มะม่วงกะร่อน มะม่วงหนองแซง และปัจจัย ถวายพระ-เณร วันนี้



ญาติ โยม ที่ร่วมใส่บาตร






สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                              เช้านี้ผมหุงข้าวเต็มหม้อเพื่อที่จะแบ่งใส่บาตรให้ครบ ๑๕ องค์ และเหลือเอาไว้รับประทานเป็นอาหารเช้า เนื่องจากเช้านี้ สามเณรที่บวชภาคฤดูร้อนจะมาบิณฑบาตรที่หน้าบ้าน

                              ผมตั้งใจใส่ให้ครบทั้ง ๑๕ องค์ จึงต้องหุงข้าวมากหน่อยเท่าที่จะทำได้คือเต็มหม้อ และไปซื้อกับข้าวที่ร้านอิ่มอร่อยมา ๑๕ ถุง เอาปัจจัยใส่ซอง เป็นทุนการศึกษา องค์ละ ๑๐๐ บาท และมีมะม่วงกะร่อน  หนองแซง และน้ำ ใส่บาตรด้วย

                              หลวงพ่อ ถามว่าโยมไปเอามะม่วงมาจากไหน  ผมบอกว่าเพื่อนฝูงให้ เอามาจากสูงเนิน โคราช  จึงขอเอามาทำบุญส่วนหนึ่ง คนที่ให้จะได้กุศลบุญด้วย ครับ

                              ใส่บาตรแล้วก็ทำให้สบายใจ ครับเช้านี้ มันก็เหมือนทุกวัน  ไม่มีอะไรต้องคิดทั้งสิ้น มีศรัทธา มีศีล มีวิริยะ มีสติ  เป็นสมาธิ และใช้ปัญญา  ของเราไปวันหนึ่งๆ กับการที่จะต้องอยู่ในสังคม  ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็เพียงพอแล้ว

                              เช้านี้อย่าลืม รักษากาย  วาจา  ใจ  ของเราให้เป็นปกติอยู่เสมอ  ไม่ต้องไปสนใจใคร อะไร ที่เราควบคุมไม่ได้  ปล่อยวางในสิ่งที่เราไม่รัก ไม่ชอบที่เกิดจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ที่ไปรับรู้ ปล่อยมันด้วยการยึดมั่นในอุเบกขา เฝ้าดูกาย  ใจ  ของเรา  ความคิดปรุงแต่งที่เกิดขึ้น มันก็จะดับของมันไปเองทั้งสิ้น เพราะมันเป็นเพียงอารมณ์ ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่มีตัวตนให้เราไปยึดถือทั้งสิ้น ครับ

                              สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6010 เมื่อ: 27 เมษายน 2555, 07:48:03 »

 
                            เมื่อคืนที่ผ่านมา มีมารเข้ามาผจญ

                              ปกติเวลาผมนอน ผมก็จะมีสติ อยู่ที่การเคาะมือซ้าย-ขวากับที่นอน เป็นการสร้างความรู้สึกตัว  ไม่คิดจนหลับไป และเมื่อตื่น ก็ภาวนา พุทโธ และเคาะพื้นต่อเพื่อให้มีความรู้สึกตัว จนหลับไปใหม่

                              แต่วันนี้พอตื่นก็มีมารมาผจญ  จะให้เราคิดถึงสาวคนหนึ่ง มันเลยรังเลใจ จะคิดหรือสร้างความรู้สึกตัว ผลคือเผลอดอดไปคิด  แต่จิตมันก็บอกว่า อย่าไปคิดไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง  ถึงเมื่อคิดแล้ว มีความสุขก็ตาม มันไม่จิรังยั่งยืน  ขณะคิดก็มีความสุข  แต่พอเลิกคิด มันก็ทุกข์ เพราะมันผ่านไปแล้ว กลับมาไม่ได้อีกแล้ว หรือไปทำให้มันเป็นจริง ก็สายเกินไปที่จะทำอย่างนั้น  อยู่กับการสร้างความรู้สึกตัว จะประเสริฐกว่าสำหรับเรา ในปัจจุบัน ที่ยังมีชัวิตอยู่

                              สุดท้ายก็ไม่คิดปรุงแต่ง  ด้วยการมีสติกับการสร้างจังหวะที่มือ จนหลับไป  เกือบเสียท่ามาร เสียแล้วเรา คืนนี้

                              ผมต้องเดินทางไปสนามบินดอนเมือง เพื่อไปนครศรีธรรมราช อาหารกลางวัน ผมหุงข้าว  ซื้อกับข้าวไปรับประทาน และมีมะม่วงกะร่อนไปฝากลูกน้อง ด้วยครับ เพราะไม่อยากไปซื้อ เบอร์เกอร์คิง ที่สนามบินดอนเมืองเป็นอาหารกลางวัน ครับ

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #6011 เมื่อ: 27 เมษายน 2555, 09:15:41 »

อ้างถึง
ข้อความของ Dtoy16 เมื่อ 25 เมษายน 2555, 20:27:05
                เวลาพิมพ์อ้างอิงจะไม่เห็นที่เราพิมพ์ตอบกลับค่ะ เลยติดติดขัดขัด
               วันอาทิตย์ตอนเย็นหากเป็นช่วงตรงกับเข้ากทม.คงได้ไปร่วมกิจกรรมกับพี่ได้ที่สวนโมกข์ค่ะ

ถ้าพี่ต้อย มา กทม  อย่าลืมส่งข่าวด้วยนะครับ
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #6012 เมื่อ: 27 เมษายน 2555, 11:19:58 »

              น้องขุน ขอบคุณที่ระลึกถึง  มาเมื่อไหร่ จะส่งข่าวผ่านเวปพี่สิงห์ ขออนุญาติพี่สิงห์ค่ะ
                        และเช้านี้ก็ได้เห็นอ่านข้อคิดแนวทางจากพี่สิงห์ดูจะโดนใจ ตรงจริตเหมือนอย่าง
                        พระปลื้มที่เคยเป็นครูมาก่อนที่ต้อยไปทำบุญ ท่านจะทักทายพูดคุยเรื่องที่เรากำลังจะ
                       ถามพอดีทำให้คุยกันได้นาน 
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6013 เมื่อ: 27 เมษายน 2555, 13:29:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 27 เมษายน 2555, 09:15:41
อ้างถึง
ข้อความของ Dtoy16 เมื่อ 25 เมษายน 2555, 20:27:05
               เวลาพิมพ์อ้างอิงจะไม่เห็นที่เราพิมพ์ตอบกลับค่ะ เลยติดติดขัดขัด
               วันอาทิตย์ตอนเย็นหากเป็นช่วงตรงกับเข้ากทม.คงได้ไปร่วมกิจกรรมกับพี่ได้ที่สวนโมกข์ค่ะ

ถ้าพี่ต้อย มา กทม  อย่าลืมส่งข่าวด้วยนะครับ


สวัสดีครับ ท่านขุน

                         ไม่เจอเสียนานคิดถึงครับ

                         ดร.สุริยา  ก็จากพี่สิงห์ไปแล้ว  ตอนนี้ก็ได้แต่ต่อสู้กับจิตตนเอง อยู่ไม่ให้ตกอยู่ใต้อำนาจมัน  บางทีก็ท้อเหมือนกัน  ชักมีเหตุผล ตามที่จิตมันเสนอ และเอนเอียงไป

                         จึงต้องเรียกหาตัวช่วยมาคอยเตือนคือ อินทรีย์ ๕ และพละ ๕ โดยเน้นคำว่าศรัทธาเข้าไว้ครับ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6014 เมื่อ: 27 เมษายน 2555, 13:42:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ Dtoy16 เมื่อ 27 เมษายน 2555, 11:19:58
             น้องขุน ขอบคุณที่ระลึกถึง  มาเมื่อไหร่ จะส่งข่าวผ่านเวปพี่สิงห์ ขออนุญาติพี่สิงห์ค่ะ
                        และเช้านี้ก็ได้เห็นอ่านข้อคิดแนวทางจากพี่สิงห์ดูจะโดนใจ ตรงจริตเหมือนอย่าง
                        พระปลื้มที่เคยเป็นครูมาก่อนที่ต้อยไปทำบุญ ท่านจะทักทายพูดคุยเรื่องที่เรากำลังจะ
                       ถามพอดีทำให้คุยกันได้นาน  

สวัสดีครับ คุณน้องต้อย และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                               แนวทางการปฏิบัติธรรมนั้น  ถ้าจะเอาแน่ๆ นั้นมีแนวทางเดียวตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน แต่เพราะความไม่รู้  ไม่เข้าใจ  จึงไปคิดว่ามันอยาก  ตามที่พระอาจารย์ต่างๆ  ท่านเอามาสอนนั่นละ  จึงเป็นของอยาก  ไกลเกินเอื้อมไปหมด  และใครไปแสดงอาการไม่เห็นด้วยก็ไม่ได้  ผิดไปหมด

                               เราต้องหาแนวทางของเราเอง  โดยยึดหลักคำสอนของพระพุทธองค์ ให้มีสติอยู่ที่อิริยาบถหลัก  อิริยาบถย่อยต่างๆ นี่ละ  ถูกต้อง ครับ

                               ทำไมหรือ? เพราะเราสังเกตุตัวเองไหมว่า เวลาเดินก็ดี  นั่งก็ดี  นอนก็ดี ยืนก็ดี  หายใจก็ดี เราทุกข์หรือเปล่า  เปล่าเลยถ้าเรามีสติจะเห็นว่าไม่ได้ทุกข์เลย  พระพุทธองค์จึงให้เรามีสติกับอิริยาบถ

                               แต่ถ้าเราอยู่ในอิริยาบถ เราไม่รู้สึกตัวคือไม่มีสติกับมัน จะเห็นว่าเรามีแต่ทุกข์ เพราะจิตมันคิด  ลองสังเกตุ สิ่งนี้ให้พบด้วยตัวเอง  จะเห็นความจริงตัวนี้  เมื่อเห็น เข้าใจแล้ว  จะทำให้เรามีสติได้โดยง่าย


                               การได้อ่านหนังสือ  ได้ฟังธรรมะบรรยาย ต่างๆ นั้น ดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องเอามาใช้กับชีวิตของเราจริงๆ  อย่าเพียงแค่ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา มันไม่ก่อประโยชน์

                                อย่าลืมศาสนาพุทธ นั้น พระพุทธองค์สอนให้สังคมเป็นสุข  ไม่มีทะเลาะเบาะแว้งทั้งสิ้น  ให้พ้นทุกข์  ถ้าเรา มีจิตที่ตั้งมั่นคำสอนเหล่านี้จะอยู่คู่กับจิตเรา  โดยมีสติเป็นตัวเตือน ด้วยปัญญา ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ คือ กระทำแต่กุศลธรรม ที่ผู้รู้ทั้งหลายควรกระทำ นั่นละตัวแก่นของศาสนาพุทธ ที่แท้จริงละ ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนว่า พระองค์จะมาบังเกิดหรือไม่ก็ตาม ธรรมเหล่านั้น มันมีของมันอยู่แล้ว พระองค์เป็นแต่เพียงเอาธรรมเหล่านั้นมาบอก ทำเป็นหมวดหมู่เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น จนสามารถปฏิบัติได้ เท่านั้น  ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่มีอยู่แล้วทั้งสิ้น เป็นเรื่องใกล้ตัว

                                   ถ้าเราเข้าใจอย่างนี้  คำสอนของพระองค์จะอยู่กับเรา  คอยปกป้องเรา(เตือน หรือมีสติ)ไม่ให้กระทำอกุศล  ให้ทำแต่กุศลกรรม ครับ

                                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6015 เมื่อ: 27 เมษายน 2555, 14:12:52 »

บทความดีๆ เสี้ยวหนึ่งจาก ท่าน ว.วชิรเมธี



(ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูล)


                             ที่เมืองไทยปีที่แล้วมีข่าวเกรียวกราวมาก คือมีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมาก เป็นคนดำเนินรายการ คนค้นคน ดร.อภิวัฒนแ วัฒนางกูร เรียนที่อเมริกา เป็นคนเพอรแเฟคชั่นนิส ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุดแม้กระทั้งล้างจาน ล้างเสร็จแล้วแกต้องเอามาดมดู ว่าสะอาดจริงมั้ย

                              กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลย ต้องให้ดีที่สุด เวลาแกไปเสนองานอะไรต่าง ๆเขียนไว้สามแผน แผนที่หนึ่งลูกค้าไม่ซื้อ แกเสนอแผนที่สอง แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อ แกเสนอแผนที่สาม ใครไปดีลงานกับแกติดทุกราย

                              แกมีบ้าน มีรถ มีลูก มีภรรยา มีธุรกิจ มีชื่อเสียงทุกอย่าง แกมีทุกอย่าง

                              วันหนึ่งแกพักผ่อน หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย ลูกเมียไปขอพบ บอกไปเจอพ่อที่ออฟฟิต

                              วันหนึ่งแกไปพักที่ปากช่อง ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟฺุบลงไป ภรรยาพาเข้าโรงพยาบาล ตรวจพบมะเร็ง พอพบปฺุบเป็นระยะสุดท้ายเลย จริง ๆ เค้าก็เตือนตลอด แต่พอไม่มีเวลาไปตรวจมันก็แก้ไม่ได้

                              แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วก็สารภาพให้รายการคนค้นคนบันทึกชีวิตแก

                              ก่อนจะเสียชีวิต แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว แกก็บอกว่าสังเวชตัวเองมากแทนที่ลูกจะได้ดูแลพ่อแม่ กลับมาเป็นว่าพ่อแม่ต้องมาดูแลลูก

                              ก่อนจะเสียชีวิตแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า พ่อผมเคยบอกว่า เกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ

                              ปริญญาใบที่หนึ่ง "ปริญญาวิชาชีพ" เราจะต้องทำมาหากินเป็น กินอิ่ม นอนอุ่น พูดง่าย ๆ ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้ อยากจะนอนมีบ้านเป็นของตัวเอง แค่นี้คือปริญญาวิชาชีพ

                              แต่ "ปริญญาวิชาชีวิต" ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สองที่พ่อแกบอกไว้ แกบอกว่า ผมสอบตกโดยสิ้นเชิง ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ปริญญาวิชาชีพ แต่ปริญญาวิชาชีวิตสอบตกเพราะอะไร เพราะทำงานจนป่วยตาย

                              ก่อนที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่าผมได้เตรียมทุกอย่าง บ้าน รถ มอบมันให้กับลูกและภรรยา

                              แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่างให้กับลูกและภรรยา สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้้ สิ่งที่ว่านี้คือ ผมลืมมอบตัวเองเป็นของขวัญให้กับลูก และเมีย เพราะทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตายนี่คือ ปริญญาวิชาชีวิต

                              ธรรมะเราจะต้องมี ถ้าเราไม่มีธรรมะ เราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง ที่ทำงานแทบล้มประดาตาย แล้วสุขภาพไม่ดี

                              ดังนั้น เมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว อย่าลืมชั่วโมงสุขภาพของตัวเองในแต่ละวันนะ แต่ละวันควรจะมี  ให้ดูแลตัวเอง ดูจิต ดูใจตัวเอง ว่าเราเอ๊ะมัน ทุกข์มัน ทุกข์มากเกินไปรึเปล่า แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้ เกินไปหรือเปล่า พยายามลดลงในแต่ละวัน ๆ เพื่อที่ว่าอะไร เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิต หนึ่งปริญญาวิชาชีพ เราทำมาหากินจนประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่งเงินมีทองใช้  มีบ้านอยู่

                              แต่ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง คือวิชาธรรมะ สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง ไม่ทุกข์เกินไป ไม่เดือนร้อนเกินไป ทำอะไรให้พอดี พอดีอยู่ดีมีสุข อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว อยากพักให้ได้พัก อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ ลูกหลานมาหาก็ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด ขวาสุด และมารู้สึกตัวอีกทำจนล้มเจ็บใหญ่ไม่ดี เพราะอะไร เพราะว่าสิ่งสูงค่าทีสุดในชีวิตของเรา

                              เคยมีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า อะไรคือสิ่งสูงค่าที่สุด บางคนก็ตอบเงิน บางคนก็ตอบเพชร บางคนก็ตอบทอง บางคนก็ตอบอำนาจ บางคนก็ตอบราชบัลลังก์

                              พระพุทธเจ้าบอกไม่ใช่ สิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิตของพวกเธอคือ สุขภาพและชีวิต สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย “คนที่สุขภาพดี ดื่มน้าธรรมดาก็อร่อยนะ”
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6016 เมื่อ: 28 เมษายน 2555, 09:52:56 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                               อากาศที่นครศรีธรรมราช ร้อนมากในเวลากลางวัน ตอนเย็นประมาณสี่โมงเย็น จะมีเมฆพัดผ่านมาจากฝั่งอันดามัน ผ่านเขาหลวง ผ่านนครศรีธรรมราช และเป็นฝนไปตกในทะเล  เป็นอย่างนี้ทุกวันครับ

                               วันนี้บ่าย ผมเดินทางกลับ กทม. Boarding 15:55 น.

                               พรุ่งนี้วันอาทิตยที่ ๒๙ เมษายน  เดินทางไปอุทัยธานี  ทำบุยเพลให้คุณพ่อ - คุณแม่  ดร.สุริยา ที่วัดทับทัน

                               บ่ายเดินทางกลับ กทม. เพราะวันจันทร์ ต้องเดินทางไปเชียงใหม่  อาทิตย์หน้าเดินทางตลอดทั้งอาทิตย์

                               ตอนนี้สุขภาพดีขึ้น เป็นปกติ  แต่น้ำหนักขึ้นไปสองกิโลกรัม  จึงต้องทำการลดลงโดยพลัน ครับ

                               สวัสดีครับ 
               
               
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6017 เมื่อ: 28 เมษายน 2555, 11:20:43 »

เวลาที่หลงทาง ลองหยุดอยู่กับที่ แล้วนั่งนิ่งๆ สักพัก

                              ในช่วงที่ชีวิตตกหลุมอากาศ อาการคล้ายๆ กับคนหลงทางมองไปทางไหนก็มืดไปหมด ไม่มีสมาธิทำอะไร ต่อให้เป็นคนหนักแน่นมั่นคงแค่ไหน หัวใจคนก็ต้องอ่อนแอบ้างสิน่า

                              สังเกตว่าเวลาที่คนเรารู้สึกแย่กับเรื่องอะไรก็ตาม ทุกๆ อย่างในชีวิตจะพากันแย่ไปหมด (อะไรจะหดหู่ปานนั้น)

                              ที่ว่าแย่ไปหมด เพราะเวลาที่รู้สึกอ่อนแอ เราจะไม่มีแรงทำอะไรเลย แล้วแบบนี้มันจะไม่แย่ไปเสียทุกเรื่องได้ไงล่ะ

                              เวลาไม่มีสมาธิยิ่งคิด ยิ่งวกวน ยิ่งดิ้นยิ่งถูกรัดแน่น

                              ตอนนี้ฉันเรียนรู้แล้วว่า เวลาคิดอะไรไม่ออก ทางที่ดีคือไม่ต้องคิดอะไรเลย

                              แกล้งทำเป็นลืมมันซะ แล้วหันมาสนุกกับชีวิต

                              อะไรที่หายไป ตามไปใช้เสียให้คุ้ม

                              เย็นกายเย็นใจเมื่อไหร่ ความคิดดีๆ จะไหลมาเอง

                              ปัญหาบางอย่างไม่ต้องแก้ เพราะเมื่อมันถึงที่สุดแล้ว เราจะพบทางออกเอง

                              การใจเย็นนั่งดูปัญหาตีกัน แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก แต่เราก็ยังมองเห็นและเป็นผู้คุมเกม เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามมันจะมีจุดสิ้นสุด

                              ถ้าแย่จริงๆ ก็ปล่อยให้ปัญหาตีกันเองไปก่อน ดีกว่ากระโจนลงไปแก้ไข ทั้งที่หัวใจยังอ่อนแอ เพราะเราจะถูกกลืนลงไป...

                              ตอนเป็นเด็กฉันไปเดินป่ากับเพื่อนๆ เดินชมนกชมไม้เพลินไปหน่อย เผลอแป็บเดียว เพื่อนหายไปไหนหมดแล้ว ฉันหลงป่า ถูกทิ้งอยู่ท้ามกลางความเงียบ มองไปทางไหนมีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด

                              ฉันพยายามหาทางกลับ มองไปทางไหนก็เหมือนกัน (ต้นไม้มันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ)

                              ยิ่งหายิ่งเหนื่อย...กลัว คิดมาก คิดไปทั่ว หนักๆ เข้าก็เริ่มปลง แล้วนั่งนิ่งๆ อยู่กับตัวเอง

                              ความเงียบไม่น่ากลัว และไม่เหงาอย่างที่คิดหรอก...

                              ฉันนั่งนิ่งๆ มองดอกไม้ มองผีเสื้อ อย่างมีความหวัง ว่ามันจะไม่แย่ไปกว่านี้ มันจะต้องดีขึ้น

                              พอตั้งสติได้สักพัก ป่าที่ว่าเงียบ ไม่เงียบสักหน่อย มีเสียงลม เสียงนก เสียงต้นไม้ ตรงนั้นดอกไม่้สวย มีผีเสื้อเต็มเลย    ทำไมเมื่อกี้ฉันมองไม่เห็นนะ (เพราะมัวแต่โวยวายอยู่)

                             ต้นไม้ตรงนั้นสูงกว่าตรงนี้ ตรงโน้นมีทุ่งหญ้าเขียวสวยเชียว

                             นั่งอยู่ตั้งนานฉันเพิ่งเห็นนะเนี่ย

                             ตอนเดินมา ผ่านอะไรมาบ้างนะ ฉันเริ่มทบทวน

                             ถ้าจะกลับไปที่เดิม ต้องไปทางไหน ค่อยๆ เดิน  ค่อยๆ คิด

                             แหมฉันไม่ได้ถูกทิ้งในป่าลึกสักหน่อย

                             จากตรงนี้ไปที่พักไม่ไกลอย่างที่คิดหรอกน่า ยิ่งเดินไปก็ยิ่งคุ้นทาง ฉันมาถูกแล้วสิ

                             สักพักได้ยินเสียงเพื่อนคนอื่นๆ เห็นไหมฉันเดินกลับมาได้

                             ทางออกไม่ได้วกวนอย่างที่คิดสักหน่อย

                            "ความสงบในใจทำให้เกิดสติ สติที่ดีจะแก้ไขสถานการณ์ทุกอย่างได้"

                             ถ้าเมื่อไหร่ชีวิตเธอ ตกหลุมอากาศ

                             พักกาย พักใจ พอรู้สึกเย็นๆ แล้วหันกลับมามองปัญหา

                             บางทีเรื่องที่เราคิดว่าใหญ่

                             จะเริ่มเห็นทางออกรำไรอยู่ตรงหน้านี่เอง...

                                                   บทความจาก "กล้าที่จะก้าว" โดย cartoon
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6018 เมื่อ: 28 เมษายน 2555, 21:15:04 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                               ผมอยู่ กทม. แล้วครับ

                               มาถึงบ้านเปิดดูมะม่วงอกร่องที่บ่มไว้ ปรากฏว่ายังไม่สุกเลย  ผมเลยไม่มีมะม่วงไปทำบุยเพลที่ วัดทับทัน  คงต้องเป็นหน้าที่ของ ดร.สุริยา ไปหาซื้อข้าวเหนี๋ยวมะม่วงมาถวายพระ แล้วครับ

                               ส่วนมะม่วงอกร่องของผมนั้น ผมก็คงไม่ได้รับประทานเพราะว่าต้องไปเชียงใหม่  สงสัยต้องขนเอาไปให้อาจารย์พินิจ  หนึ่งกระจาด  ส่วนอีกหนึ่งกระจาดไม่รู้จะเอาไปไหน  คงต้องแจกเพื่อนบ้าน ครับ

                               พรุ่งนี้ผมออกเดินทางหกโมงเช้า  แวะไปเยี่ยมแม่ก่อนสักพัก เป็นการเปลี่ยนอิริยาบถ ในการขับรถ  คาดว่าจะไปถึงวัดประมาณ ๑๐:๐๐ น. ตรง ปกติพระจะสวดมนต์เพล ๑๐:๓๐ น.

                               อย่าลืมครับ พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ให้พวกเราปฏิบัติ ไม่ต้องสนใจว่าใคร  จะทำอะไร  จะดี จะเลว(กรณีที่เราตักเตือนไม่ได้) ก็ตาม เราเฝ้าระวังตัวเราด้วยความไม่ประมาท ด้วยการรักษากาย  วาจา  ใจ  ของเราให้เป็นปกติไม่ยินดี หรือยินร้าย เห็นก็สักแต่ว่าเห็น  ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน  ได้ดมกลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น  ได้ลิ้มรสก็สักแต่ว่าลิ้มรส ได้สัมผัสก็สักแต่ว่าได้สัมผัส  และไม่ปล่อยใจปรุงแต่งนอกกาย  ให้มีสติอยู่กับ ณ ปัจจุบัน ในอิริยาบถหลัก คือ ยืน  เดิน  นั่ง นอน และในอิริยาบถย่อยต่างๆ แม้กระทั่งมีความรู้สึกตัวอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก

                               เพียงแค่นี้ โลกสำหรับท่านจะมีแต่ความสงบ สวยงาม ไม่มีการปรุงแต่งอารมณ์ ทั้งสิ้น

                               ราตรีสวัสดิ์ ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #6019 เมื่อ: 29 เมษายน 2555, 09:21:11 »

ชอบ บทความ เวลาที่หลงทาง โดย cartoon  ครับผม
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6020 เมื่อ: 29 เมษายน 2555, 21:10:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 29 เมษายน 2555, 09:21:11
ชอบ บทความ เวลาที่หลงทาง โดย cartoon  ครับผม
                        ขอบคุณมากครับ คุณสมชาย
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6021 เมื่อ: 29 เมษายน 2555, 21:36:04 »























ปีนี้รู้สึกว่า กระดูกสวยขึ้น คือ ขาว มีฟองอากาศมาก และสวยงาม ครับ




















สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                              วันนี้ผมไปทำบุญเพลที่วัดทัพทัน  อุทัยธานี อุทิศส่วนกุศลให้คุณพ่อยศ - คุณแม่ทองเจือ  ทัศนียานนท์  ซึ่งเป็นคุณพ่อ - คุณแม่  ของ ดร.สุริยา  ทัศนียานนท์ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นประเพณีของชาติไทยที่สืบทอดกันมาแต่ครั้งโบราณ คือ หนึ่งปี ในวันขึ้นปีใหม่ไทย คือสงกรานต์  จะเลยไปบ้างไม่เป็นไร  เราก็มาระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษ โดยเฉพาะ บิดา - มารดา ผู้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่เรา เป็นครูคนแรกของเรา และเลี้ยงดูเรา จนจบการศึกษา และหาครอบครัวให้(ในกรณีที่แต่งงานมีครอบครัว) สักครั้งหนึ่ง โดยการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน  และเป็นการรวมญาติและมิตรสหาย ไปในตัวด้วย

                              ปีนี้อากาศร้อนเป็นอย่างมาก  ดังนั้นเรื่องที่คุยกันส่วนใหญ่ จึงเป็นเรื่องความร้อนของอากาศที่วิปริตไป อย่างมาก ขนาดคุณลุง ของ ดร.สุริยา  ยังรู้เลยว่าสาเหตุอากาศร้อนมาจากอะไร ?

                               ผมดีใจครับ ที่เห็น ดร.สุริยา  บอกว่าเดิน วิ่งบนสายพานทุกวัน  วันละหนึ่งชั่วโมง(คงโดนคุณหมอบ่น มาทุกครั้งที่ไปหาหมอ) รูปร่างเลยดีขึ้น  การที่คนเราจะออกกำลังกายได้ทุกวันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  ต้องเอาชนะจิตตนเอง ด้วยความวิริยะ เป็นกำลัง แสดงว่า ดร.สุริยา ฟังผมบ่นทุกวัน เลยมีจิตที่ดีขึ้น  จึงสามารถกระทำได้ครับ

                               ต้องขอขอบคุณ พี่นิตย์ และบรรดาแม่ครัวที่ทำอาหารเลี้ยงพระ และเหลือให้ผมนำกลับมาบ้าน และฝากอาจารย์พินิจ - พี่ติ๋ว ซึ่งวันนี้ผมได้เอาไปให้ไว้ที่บ้านให้แล้ว พร้อมทั้งแถมมะม่วงอกร่อง ที่ผมบ่มเกือบสุกแล้วอีกหนึ่งกระจาด เพราะผมไม่มีโอกาสได้กิน เนื่องจากต้องไปเชียงใหม่

                                ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #6022 เมื่อ: 29 เมษายน 2555, 22:41:59 »

ขอบคุณ สิงห์ มานพ เพื่อนรักเป็นอย่างสูงครับ ที่ชี้แนะสิ่งที่ถูกที่ควร และให้ความช่วยเหลือผมมาโดยตลอด
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #6023 เมื่อ: 01 พฤษภาคม 2555, 08:40:49 »

สวัสดีวันแรงงานค่ะ พี่สิงห์
 ตอนนี้อรสยายดีค่ะ
สุขภาพก็ดีระดับหนึ่ง เดินเหินได้ดี ที่ไม่ต้องปีนป่ายหรือขรุขระมาก
แต่ต้องตั้งใจดุแลเรื่องน้ำหนักและการออกกำลังมากอย่างจริงจัง
 ผลจากการเดินไม่ได้ และออกกำลังไม่ได้ รวมแล้ว ประมาณปี
น้ำหนักขึ้นมา 5  กก. ค่ะ ตอนนี้ 60 กก. แล้ว
เสื้อผ้าแทบใส่ไม่ได้
 ต้องกลับมาเดินให้ได้วันละ  2  รอบและออกกำลังแล้วค่ะ
 บ้านก็เรียบร้อยพออยุ่ได้ ค่อยๆทำค่อยๆเก็บไปค่ะ
 ขอบคุณพี่สิงห์  ที่ให้คำแนะนำ และให้กำลังใจตลอดมาค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #6024 เมื่อ: 03 พฤษภาคม 2555, 14:35:39 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก

                               พี่สิงห์ อยู่ที่สนามบินจังหวัดเชียงราย  รอขึ้นเครื่องบินกลับ กทม. ครับ

                               พยายามออกกำลังกาย เช้า - เย็น ที่ถนนหน้าบ้านในหมู่บ้าน ด้วยการเดินแบบจงกรม คือ เดินไปก็สร้างความรู้สึกไปที่เท้า แขน ไม่คิดนอกกาย(อวัยวะ และสิ่งที่มาสัมผัสกายตนเอง) เธอจะมีสมาธิในการเดิน และกระทำได้ เพราะจะเอาชนะมารต่างๆ ที่ทำให้ขี้เกียจในการต้องออกกำลังกาย

                                แต่สิ่งที่สำคัญคือ ลดอัตราการกินให้น้อยลง เพราะถึงแม้จะออกกำลังกายมากก็ตาม เนื่องจากอายุมาก ต้องการพลังงานน้อย แต่กินมาก ผลคือ น้ำหนักมาก พี่สิงห์  พิสูจน์จากตัวเองมาแล้ว ขนาดออกกำลังการวม่ำเสมอ ยังน้ำหนักขึ้นเลย  จึงพิจารณาแล้วว่า เพราะเราแก่ขึ้น ความต้องการพลังงานจากอาหารน้อยลง ดังนั้น ต้องรับประทานเพียงครึ่งหนึ่งที่เรารับประทานก็เพียงพอแล้ว 

                                 พูดง่าย แต่ทำอยาก เพราะ กลัวเหลือ เกรงใจคนเลี้ยง และเสียดาย ต้องกินให้หมด ผลคือน้ำหนักเพิ่ม 

                                 ต้องไม่สนใจอะไรเลย เหลือก็เหลือ ช่างมัน แต่อย่าสั่งมาก  ตักมาก  ก็แล้วกัน เอาชนะใจตนเองให้ได้ ครับ

                                 สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 239 240 [241] 242 243 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><