24 พฤศจิกายน 2567, 10:32:15
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 237 238 [239] 240 241 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3571901 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 33 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5950 เมื่อ: 15 เมษายน 2555, 20:59:10 »
















                            วันนี้วันที่ ๑๕ เมษายน  เป็นวันเถลิงศก ส่วนใหญ่ทั่วทุกภาคจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ กันครับ วันนี้พี่สิงห์ตื่นตีสี่ หุงข้าวใส่ถุงขับรถไปทำบุญที่วัดพระนอน สิงห์บุรี แวะร้านนายเล็กเลือดหมูซื้อต้มเลือดหมูไป ๔ ถุง ถวายพระและให้ญาติ และได้ซื้อขนมครกแบบโบราณไปถวายหลวงพ่อหินในโบสถ์  ใส่บาตร และแจกผู้เฒ่า

                            คนทำบุญไม่มากเนื่องจากเมื่อคืนมีลิเกคณะสิงห์เสงี่ยม มาเล่นในงานวันสงกรานต์ที่วัด  แต่อาหาร หวาน คาว ก็มีจำนวนมาก จนหลวงพ่อต้องบอกอนุญาติให้ญาติโยมนำกลับไปกินที่บ้านได้  ดีกว่าทิ้ง

                            วันนี้ชาวบ้านได้นำอัฏฐิบรรพบุรุษมาไว้ที่วัด  ผมเลยสำรวจดูโกฏไม้เก่าๆ มาฝากครับ

                            ทำบุญเสร็จพี่สิงห์ก็ไปซื้อข้าวหลาม  ปลาช่อมแม่ลาแดดเดียวมาทอดกินข้าวกับพี่สาวและหลานที่บ้าน  แล้วจึงไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี ครับ

                            เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5951 เมื่อ: 15 เมษายน 2555, 21:07:20 »


                             หลังทำบุญเสร็จผมไปเฝ้าแม่ และได้ปฏิบัติธรรม อยู่หน้าห้อง

                             แม่นั้นอวัยวะภายในดีทุกระบบ เสียเพียงหลอดเลือดตีบเท่านั้น  อาการของแม่อ่อนแรงลงมากๆ จนน้องสาวเตรียมพร้อมทุกอย่างเอาไว้แล้วตามที่แม่ต้องการ

                             ถ้าดูสายตาท่าน  ยังแจ่มใส  ไม่มีกังวลใดๆ  ทั้งสิ้น  แต่รูปท่านนั้นมันไม่ไหวจริงๆ แต่จิตมันแข็งมาก เพราะท่านไม่ได้ทุกข์อะไรมากนักเลยถึงจะป่วยก็ตามรับสภาพได้หมด  ยกเว้นเวลาเคมีในร่างกายเปลี่ยนแปลงเท่านั้น  ยังคุยกันได้  แต่ท่านจะรับฟังเป็นส่วนใหญ่  เพราะลิ้นท่านบวมหมดสภาพ  พูดไม่ได้มาก

                             ท่านมีความสุขที่ได้นอนกับลูกสาว

                             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5952 เมื่อ: 15 เมษายน 2555, 21:22:20 »




















                           วันนี้ เวลา ๑๗:๐๐ น. ผมรับเป็นเจ้าภาพในการสวดมนต์เย็นศพหมู่ หรือทำบุญกระดูกบรรพบุรุษประจำปีเนื่องในเทศกาลสงกรานต์  โดยชาวบ้านได้นำกระดูกบรรพบุรุษที่เก็บเอาไว้ มารวมกันที่วัดเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ เป็นการรักษาประเพณีที่ดีงามเอาไว้  

                            การเป็นเจ้าภาพไม่มีอะไรมากคือ จัดปัจจัยถวายพระองค์ละ ๒๐๐ บาท จำนวน ๑๒ องค์(๒๔๐๐ บาท) และของว่างเป็นรอดช่องและน้ำแดง น้ำเปล่า(๒๐๐๐ บาท) เลี้ยงผู้มาฟังพระสวดมนต์เย็น มาติกา บังสุกุล และถวายพระ

                            และเนื่องจากผมเป็นเด็กจึงได้เรียนเชิญญาติผู้ใหญ่เป็นผู้จุดธูปเทียน แทนผม

                            เป็นอันว่าสงกรานต์ปีนี้  ผมได้ทำบุญครบ มากกว่า ตามที่ตั้งใจเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อรักษาประเพณีนี้เอาไว้  ทำเป็นตัวอย่างให้ลูก หลานได้เห็น  ถ้าไม่ทำประเพณีนี้คงจะค่อยๆ หายไปสักวันหนึ่งในอนาคตครับ

                            ผมกลับถึง กทม. สองทุ่ม ครับ

                            ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5953 เมื่อ: 16 เมษายน 2555, 19:48:26 »



หลวงพ่อแพ  เขมังกโร











สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                               วันนี้วันที่ ๑๖ เมษายน เป็นวันหยุดวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ที่ทางราชการประกาศหยุด สภาพการจราจรคงรถแยะมาก พี่สิงห์เลยขออยู่บ้านดีกว่า เช้าไปตีกอล์ฟที่สนาม President Country Club มีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังครับ

                               มีนักกอล์ฟท่านหนึ่ง ท่านทำตัวยิ่งใหญ่เพราะมาตีบ่อยมากและเป็นสมาชิกสนาม  เมื่อก่อนพี่สิงห์เคยเล่นด้วย  มีข้อจำกัดหลายอย่าง จนได้ตั้งใจไว้แล้วว่าไม่ขอออกรอบด้วย เป็นเวลาสองปีเต็มที่ไม่ได้ออกรอบด้วยกันเลย

                               วันนี้นักกอล์ฟน้อย  จำเป็นที่พี่สิงห์ต้องออกรอบด้วย มีชาวญี่ปุ่นอีกหนึ่งท่าน และคนไทยอีกหนึ่งท่าน  ทีแรกคิดว่าจะรอไม่ขอออกรอบด้วย คิดไป คิดมา เรานี่ถ้ามันจะไม่ถูกต้อง เราต้องเอาชนะจิตตัวเองให้ได้ เขามีกิริยาแบบนั้นที่เราไม่ชอบ ก็ช่างเขา  เราเอาชนะจิตเราให้ได้และจะเป็นครูอบรมจิตเราอย่างดี ว่าเราสามารถเอาชนะมันได้ไหม?

                               จึงตกลงออกรอบด้วย  ต่างคนต่างเล่นตามกติกา  ปรากฏว่าเขาเล่นไม่ดีเอามากๆ ทั้งๆที่ไม่ได้คุยกัน แต่กอล์ฟเป็นกีฬาสุภาพบุรุษ เขาตีลูกหายอยู่เรื่อย พี่สิงห์ก็ไปช่วยหาให้ทุกครั้ง  ให้กำลังใจ เหมือนเราเล่นกับคนทั่วๆไป ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล วันนี้พี่สิงห์เล่นดีมาก จนเมื่อจบ ๑๘ หลุม ชาวญี่ปุ่นเข้ามาจับมือด้วยและบอกว่าเราตี square par 72

                               เป็นอันว่าผมสามารถเอาชนะจิตตนเองได้  ให้อภัยคนที่เคยกระทำมิดีต่อเราเสมอ และถือว่าเขาเป็นครูผู้ชี้แนะให้เราเอาชนะจิตตนเองให้ได้ เพราะจิตคนนั้น มันเป็นเช่นนั้นเอง  อย่าไปยึดมั่นถือมั่น  ก็สามารถปล่อยวางได้  ความทุกข์ก็ไม่เกิด

                               บ่ายไม่มีอะไรทำเลยเก็บบ้าน  ทำความสะอาดบ้าน  เช็ดชั้นต่างๆ ที่มีฝุ่นเกาะ  ถือเป็นการปฏิบัติธรรม และได้ประโยชน์ด้วย  ไม่ส่งจิตออกนอกการกระทำของตัวเอง

                                วันนี้รู้สึกว่า อาการไอ  เจ็บคอ  ไข้หวัด มันหน้าที่จะหายเป็นปกติ หลังจากเป็นเพื่อพี่สิงห์มายาวนานมาก สองเดือน

                               ผมมีสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ จากโรงพยาบาลสิงห์บุรีมาฝาก

                               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5954 เมื่อ: 16 เมษายน 2555, 20:25:53 »




                              ดร.สุริยา  เย็นวันพุธที่ ๑๘ เมษายน  ศกนี้ทำตัวให้ว่างไว้  ถ้าอาจารย์ถาวร  โชติชื่น  ว่าง อาจารย์ถาวร  จะเลี้ยงวันเกิดย้อนหลังให้ที่ห้องอาหารเพลิน  หน้าบ้านอาจารย์พินิจ  ครับ

                               กำลังรอคำตอบ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5955 เมื่อ: 16 เมษายน 2555, 20:35:05 »


                              วันเสาร์ที่ ๒๘ และวันอาทิตย์ที่ ๒๙ เมษายน  ดร.สุริยา  จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้คุณพ่อ-คุณแม่ และบรรบุรุษ  ที่ทับทัน รายละเอียดต่างๆ  ดร.สุริยา  ยังไม่ได้บอกเอาไว้

                              ผมกำลังจัดโปรแกรมส่วนตัว เพราะวันอาทิตย์ไปรับปากหลวงพ่อเสียงเป่า  จะไปจัดรายการ TV คงต้องขอเลื่อนไปก่อน  วันเสาร์เช้ามีประชุมที่นครศรีธรรมราช กำลังจะขอเลื่อนให้เร็วขึ้นจะได้กลับจากนครได้ตอนเที่ยง  สามารถไปอุทัย ได้ทันในตอนบ่าย

                              ใครอยากไปพักผ่อนบ้างครับ เรียนเชิญ ทับทันวิลล่ายินดีต้อนรับ ครับ

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5956 เมื่อ: 17 เมษายน 2555, 08:12:33 »

สวัสดีตอนเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                         ผมได้รับเอกสารจากคุณกิตติมา  เห็นว่ามีประโยชน์  จึงขอนำมาให้ทุกท่านได้อ่าน พิจารณา ด้วยปัญญา แบบโยนิโสมนสิการ  จะก่อประโยชน์ต่อท่าน และประเทศชาติยิ่งนัก

                         เชิญอ่าน ครับ

                         สวัสดี




แทนคุณแผ่นดิน "เฉลียว อยู่วิทยา" ผู้ให้อย่างแท้จริง

                            ถ้าใครเคยไปวัดหลวงตามหาบัว บางวัน อาจสังเกตุเห็นมีชายแก่ๆดูหน้าตาจีนๆกวาดลานวัดอยู่ นุ่งกางเกงขาก๊วยเก่าๆ รองเท้าแตะ เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวคอกลม บางครั้งก็นั่งพักที่ศาลาหรือโรงต้มน้ำ/ย้อมผ้า ไม่มีเครื่องประดับ มองเผินๆ จะคิดว่าเป็นคนอุดรท้องถิ่นหรือคนมาอยู่วัด

                            แต่นั่นอาจเป็นท่านเจ้าสัวนี่แหละ เวลามีคนมาขอเงินหลวงตาซื้อรถพยาบาล สร้างตึกโรงพยาบาล ซ่อมวัด ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งมาแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ท่านเจ้าสัวที่ยืนกวาดลานอยู่นี่แหละ จะเซ็นเช็คจ่ายทันที เช็คใบละแสน ใบละล้านเป็นเรื่องปกติ

                            แต่ที่ก้อนใหญ่กว่านั้น เป็นสิบ เป็นร้อยล้านก็มีมากมาย อย่างเช่น โรงพยาบาลสงฆ์อุดร ก่อนหลวงตามรณภาพไป ได้มีหน่วยงานมาขอค่าสร้างตึก จำไม่ได้ว่า 50 ล้านหรืออย่างไร หลวงตาถามว่า มีแต่ตึกแล้วจะไปรักษาอะไรใครได้ ถามว่าแล้วถ้ามีอุปกรณ์จะเท่าไหร่ คำตอบคือประมาณ 500 ล้านบาท

                            ตอนนี้ก็เริ่มมีผ้าป่าหายอดบริจาคสร้างตึกสงฆ์นี้กัน แต่ยังไม่ทันครบ หลวงตาท่านจากไปก่อน หลวงปู่ลีรับช่วงต่อ ณ วันพระราชทานเพลิงฯ จำไม่ได้ว่าได้ยอดเพิ่มอีกร้อยกว่าล้าน และที่ได้ข่าว ท่านเจ้าสัวสมทบให้อีกจนครบหรือเกือบครบนี่แหละ มีหลายครั้งที่ท่านเจ้าสัวไม่อยากให้หลวงตาเหนื่อยในการระดมทุน ท่านเจ้าสัวอยากโปะหมด แต่หลวงตาห้ามไว้ บอกว่าให้โอกาสคนอื่นได้ทำบุญ จะได้แบ่งบุญกัน ช้าหน่อยไม่เป็นไร

                            แม้เจ้าสัวเฉลียวจะเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบออกงานสังคม ไม่ชอบให้สัมภาษณ์หรือเป็นประธานในงานปาฐกถาใด ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้คนในสังคมเห็นตรงกันก็คือเจ้าสัวเฉลียวเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน มุ่งเน้นคุณธรรมในการทำธุรกิจ ใช้ชีวิตอย่างสมถะ พอเพียง ต่างจากมหาเศรษฐีทั่วไป ที่สำคัญเขายังมีแนวคิดว่า “เงินทุกบาททุกสตางค์นั้นได้มาจากกำลังซื้อของพี่น้องคนไทย

                            ดังนั้นจึงควรนำเงินกำไรที่ได้รับกลับไปตอบแทนคุณแผ่นดิน นอกจากนั้นน้อยคนนักที่จะทราบว่ายาที่ใช้ใน 'โครงการแพทย์อาสา' นั้น เจ้าสัวเฉลียวได้ผลิตถวายในนามบริษัท ทีซีมัยซิน จำกัด มาตลอด และในวงการแพทย์จะทราบกันดีว่าโรงพยาบาลใดขาดแคลนเครื่องมือทางการแพทย์ก็สามารถขอความอนุเคราะห์จากเจ้าสัวเฉลียวได้

                            แม้เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยหรือรักษาจะมีราคาหลายสิบล้าน จนถึงขั้นเป็นร้อยล้านก็มี แต่ทุกโรงพยาบาลที่ไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าสัวเฉลียวก็ไม่เคยผิดหวังกลับไป อย่างเช่น โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งมีผู้สร้างตึกรักษาโรคหัวใจให้ แต่ไม่มีเงินซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาซึ่งมีราคาสูงถึง 40 ล้านบาท เฉลียว อยู่วิทยาก็บริจาคให้ด้วยความเต็มใจ

ชีวิตสมถะของเศรษฐีแสนล้าน

                            ภาพที่เด่นชัดและคำจำกัดความของ 'เจ้าสัวเฉลียว อยู่วิทยา' ก็คือมหาเศรษฐีที่ใช้ชีวิตอย่างสมถะ เรียบง่าย ไม่สนใจรถโก้ ไม่เห็นความสำคัญของแบรนด์เนม และมีเสียงเล่าลือว่าบ้านที่เจ้าสัวเฉลียวพำนักอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตนั้นเป็นเพียงบ้านสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ หาใช่คฤหาสน์หรูดังเช่นเศรษฐีทั่วไป
 
                            ในสายตาของบรรดาลูกน้องในบริษัทกระทิงแดงนั้นแม้เจ้าสัวเฉลียวจะเป็นคนที่ทำงานจริงจัง และลงมาดูรายละเอียดในทุกขั้นตอน แต่ก็เป็นเจ้านายที่ไม่ถือตัว ไม่มีมาด ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ป๋าเหลียวจึงเป็นที่รักและเคารพของบรรดาพนักงานทุกคน

                            ทั้งเนื้อทั้งตัวของป๋าเฉลียวไม่มีเครื่องประดับอื่น นอกจากนาฬิกาเรือนเดียว ยี่ห้อราโด้ เสื้อผ้าก็ไม่ยอมซื้อไม่พกเงิน โดยชีวิตประจำวันจะเริ่มจากการขี่จักรยานตอนเช้า ใส่เสื้อตัวเดียวนุ่งกางเกงแพร วาไรตี้ ใส่หมวกงอบ แล้วขี่จักรยานวนไปรอบโรงงานเจออะไรไม่เรียบร้อยก็จะแวะเข้าไป
ตรวจดู”

                            จนมีเรื่องตลกครั้งหนึ่งว่า มียามหน้าใหม่ที่ไม่รู้จัก เฉลียว อยู่วิทยา เมื่อ เห็นลุงแก่ ๆ ขี่จักรยานเข้ามาในโรงงานซึ่งเป็นเขตคนนอกห้ามเข้า เขาจึงตะโกนห้ามแต่มียามเก่าแกสะกิดบอกว่าเป็น เฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของกระทิงแดง จึงทำให้ยามใหม่ถึงกับหน้าถอดสี

                            เคยมีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เสนอมอบปริญญากิตติมศักดิ์ให้แก่เขา แต่เจ้าสัวเฉลียวปฏิเสธโดยกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม เพราะเขาไม่ได้ร่ำเรียนมา การรับปริญญาจึงเป็นการเอาเปรียบคนที่ร่ำเรียนมา ,,

คุณค่าของการเป็นเศรษฐี ก็ยังมีการแตกต่าง..



                             เสียดายเศรษฐีตระกูลหนึ่งของเมืองไทย  ที่ท่านไม่คิดอย่างคุณเฉลียว  อยู่วิทยา  เพราะท่านเองร่ำรวยมาจากธุรกิจ  ที่เอาเปรียบสังคม  ท่านจึงดำเนินชีวิตเอาเปรียบสังคมยิ่งขึ้น  สมดังคำโบราณว่า  "ยิ่งได้  ก็ยิ่งมั่นใจ และต้องได้มากๆ  ยิ่งๆขึ้นไปอีกไม่มีที่สิ้นสุด หรือไม่รู้จักคำว่าพอดี  พอเหมาะ   พอควร  นี่คือจิตที่ตกอยู่ภายใต้โมหะ และความโลภ ตายก็เอาอะไรไปไม่ได้สักแดงเดียว  แล้วเราจะไขว่คว้ามาสนองใจตนเองไปทำไมกัน  หยุดเถอะ  ขอเพียงมีสติ เท่านั้น  ท่านก็จะเห็นความจริงในจิตท่านด้วยตัวเอง"

                              (ผมถือวิสาสะ เขียนเพิ่มเองครับ)



ข้อความข้างล่างนี้ คือ สารจากผู้ที่รวบรวมข้อคิดต่างๆ ไว้ในหนังสือที่ไม่มีชื่อเล่มนี้



                                 จากใจ...หลายเรื่องราวดีๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา ทั้งที่เราพบเจอเอง เรื่องของคนอื่น,
 
                      หนังสือที่ได้อ่านมา, Forward mail จากคนรู้จัก, หรืออีกจากหลายๆที่มา

                      มีเรื่องราวดีๆที่ได้รับรู้ และ เกิดความรู้สึกดีๆ ซึ่งไม่อยากให้แค่รับรู้,

                      ได้อ่าน แล้วก็จบไป บางทีก็ลืมไปแล้วว่าเคยอ่านแล้ว

                      ผมจึงรวมรวมเอาไว้เป็นเล่ม และอยากแบ่งปัน

                      อยากให้อีกหลายๆคนได้บริโภคของดีๆอย่างที่ผมได้บริโภคบ้าง

                      บางประโยคสั้นๆที่ได้อ่าน อาจเปลี่ยนมุมคิดของใครบางคน

                      อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องที่ดีต่อไป
 
                                  ขอขอบพระคุณทุกแหล่งที่มาของบทความและเรื่องราว ไม่ว่าท่านจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจจะมอบให้ก็ตาม  แต่เชื่อได้ว่าทุกเรื่องที่อยู่ในนี้ มีประโยชน์แน่นอน

                                                                      ขอบคุณครับผม



เกร็ด 22 ข้อของชีวิต และ งาน


                    1 จงพิจารณาความเป็นไปได้ที่ว่าการชอบทำงานเกินเวลาจนเป็นนิสัยของคุณ นั้นแสดงถึงว่าคุณต้องการสำนักงานมากกว่าที่สำนักงาน
ต้องการคุณ

                    2 อย่าทำงานเกินเวลาจนติดเป็นนิสัยเมื่อมันกลายเป็นนิสัยจะทำให้มันหมดคุณค่า

                    3 ปล่อยตัวตามสบายได้ แต่อย่าให้ถึงกับดูโทรมนัก

                    4 จงทำตัวให้ร่าเริง คอยช่วยเหลือและทำหน้าที่ให้ดีในการทำงานของคุณ คุณจะพบว่าไม่มีใครมาแข่งขันกับคุณ

                    5 อย่าได้ไว้เนื้อเชื่อใจว่าความสามารถ ความมีเสน่ห์แและจินตนาการจะนำพาคุณขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดได้ คุณควรจะมีผมสีเทาและพุงป่องกลางอีกหน่อยด้วย

                    6 อย่าได้เป็นกังวลในเรื่องการปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชนแในสำนักงาน แต่เป็นกังวลกับการปล่อยให้ชีวิตของคุณเปล่าประโยชนแจะดีกว่า

                    7 อย่าโทษคอมพิวเตอรแสำหรับความผิดพลาดที่คุณทำขึ้นเอง

                    8 ลองคิดถึงเวลาที่คุณไม่มีเงินเดือนดูบ้าง

                    9 จงถือว่าสุขภาพคือทรัพยแสมบัติประการแรก

                  10 อย่าได้ก้มหน้าก้มตาทำงานจนไม่เคยสังเกตเห็นนก ต้นไม้ ดอกไม้และปุยเมฆ

                  11 ฉลาด แต่ในบางครั้งจงรับประทานให้เต็มที่

                  12 เมื่อใดที่สำนักงานทำให้คุณรู้สึกเศร้าสร้อย จงนึกเสียว่า นี่เป็นเกมกีฬาสำหรับคนที่รวย

                  13 จำไว้ว่ายังมีอะไรๆ อีกมากในการทำงานและในชีวิตมากกว่าทำงานเพื่อให้มีชีวิตอยู่หรือมีชีวิตอยู่เพื่อจะทำงาน

                  14 อย่าให้การทำงานของคุณ ทำลายชีวิตของคนข้าง ๆ คุณ

                  15 อย่าทำเป็นคนตรงต่อเวลา ไปถึงก่อนเวลาจะดีกว่า

                  16 อย่าได้หลอกตัวเองว่าการมีสิ่งของรกอยู่บนโต๊ะหมายถึงการมีงานมาก มันเพียงแต่หมายความว่าคุณยังไม่ได้ทำมันนั่นเอง

                  17 จัดเก็บโต๊ะของคุณให้เรียบร้อย บุคคลส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จจะมีโต๊ะทำงานที่ว่างโล่ง

                  18 อย่าเป็นกังวลมากจนเกินไปว่าเพื่อนร่วมงานคิดอย่างไรกับคุณเพราะส่วนใหญ่ในชีวิตของพวกเขา ไม่ได้คิดถึงคุณเลย

                  19 จงร่ำรวยเงินสด

                  20 จงหาเวลาแทนที่จะรอให้มีเวลา

                  21 จงยิ้มไว้เสมอ

                  22 จำไว้เสมอว่า ถึงแม้ชีวิตการทำงานของคุณจะประสบความสำเร็จขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าชีวิตส่วนตัวของคุณล้มเหลว นั่นแหละคือความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตคุณหละ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5957 เมื่อ: 17 เมษายน 2555, 08:25:43 »



                             วันนี้ผมไปอยู่กับแม่ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี  กลับเย็นครับ

                             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
ประทาน14
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2514
คณะ: เภสัชศาสตร์
กระทู้: 999

« ตอบ #5958 เมื่อ: 17 เมษายน 2555, 08:49:02 »

ฝากใจเยี่ยมและเป็นกำลังใจให้นะครับ พี่สิงห์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5959 เมื่อ: 17 เมษายน 2555, 20:15:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ ประทาน14 เมื่อ 17 เมษายน 2555, 08:49:02
ฝากใจเยี่ยมและเป็นกำลังใจให้นะครับ พี่สิงห์
     
สวัสดีครับ คุณประธาน

                            ขอบคุณมากครับ  พี่สิงห์หน้าที่จะเป็นปกติแล้ว ครับ

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5960 เมื่อ: 17 เมษายน 2555, 20:32:11 »





ท่านแปลงฟันถูกวิธีหรือยัง  ถ้ายังควรศึกษา ครับ


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                               วันนี้พี่สิงห์ ไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี  อาการแม่ดี  พูดคุยกันรู้เรื่อง  ซึ่งส่วนใหญ่ท่านจะฟัง พูดเสริมบางครั้ง  ถามอะไรแม่จะตอบได้ สติยังดีมากๆ แต่รูปมันไม่ไหว  กำลังอ่อนลงไปมาก  แม่ให้พากลับบ้าน  ผมก็บอกแม่ว่ามันยังไม่ถึงเวลา  เพราะยังเป็นปกติดีอยู่  ถ้าแม่จะจากไปจริงๆ  แม่อย่าลืมบอกผมล่วงหน้าสักหนึ่งวัน  ผมจะพาแม่ไปตายที่บ้าน  แม่อย่าลืมนะจำเอาไว้  แม่รับปากว่าจะจำเอาไว้  ผมบอกแม่ว่า ถ้าไปตอนนี้ คนดูแลลำบาก  และแม่ก็จะลำบาก เพราะไม่มีความสะดวกสบายเลย เท่ากับไปรอวันตาย  มันยังไม่ถึงเวลา  แม่ก็นิ่ง  ยอมรับทุกอย่าง

                                แม่อยู่โรงพยาบาลมีตัวช่วยแยะ คือพยาบาลคอยทำแผลให้  และโดยรวมดีมาก  แต่คนที่ดูแล  ไม่สะดวกเท่านั้น  ผมก็ได้พยายามจ่ายเงินเพิ่มให้อย่างมาก  วันนี้ผมถูกหวยสองตัวคือ ๖๒ จำนวน ๒ ใบ ผมก็ให้เขาไปหมดเลย  ปกติผมจะซื้อเล่นๆ เท่านั้น งวดนี้ซื้ออายุตัวเอง  ผมคงต้องแบ่งเวลาไปหาแม่บ่อยๆ เท่านั้นเอง  ช่วงนี้ปิดเทอม เลยสะดวกหลายอย่าง อย่างน้อยแพรวไปอยู่กับยายทุกวัน เพราะคุยกันรู้เรื่อง  ถูกใจกัน และคิดถึงกัน

                                เมื่อเช้าผมตั้งใจหุงข้าวใส่บาตรแต่พระท่านหยุดสงกรานต์ยังไม่มาบิณฑบาตร ทำเอาญาติโยมรอเก้อกัน ๕ ท่าน รวมทั้งผม  ไม่เป็นไร เราก็เอามารับประทานเองได้

                                สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5961 เมื่อ: 17 เมษายน 2555, 20:43:18 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                               เขาส่งมาให้ผมประชาสัมพันธ์  ผมก็ขอดำเนินการเรียนให้ทุกท่านที่สนใจทราบ ครับ 

                               สวัสดี






ฝากข่าวประชาสัมพันธ์คอร์สล้างพิษตับและถุงน้ำดี ในกรุงเทพ


จัดขึ้นวันที่ 25-27 พฤษภาคมนี้นะคะ


                          การล้างพิษตับและถุงน้ำดีก็เสมือนการล้างไส้กรองเครื่องยนต์ เมื่อร่างกายเราผ่านสมรภูมิพิษทั้งหลาย (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากภาวะน้ำท่วม ที่เราเลือกอาหารก็ไม่ได้ ตึงเครียด นอนไม่หลับ ฯลฯ ) ที่เราเผชิญอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยนั้น ทำให้ตับของเราต้องทำงานหนัก คือการกรองของเสียออกจากร่างกาย

                          จะเป็นอย่างไร หากวันหนึ่งอวัยวะในการกรองของเสียของเราชำรุด?

                           อาการเหล่านี้ก็จะตามมา เช่น ปวดเมื่อยเนื้อตัว อ่อนเพลียง่าย อ้วนง่าย มีสิวฝ้า ลิ้นเป็นฝ้า ผมหงอกก่อนวัย มีริ้วรอยก่อนวัย หน้าซีด ท้องผูก และนำไปถึงโรคต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน   โรคหัวใจ กรดไหลย้อน ลำไส้อักเสบ ท้องผูกเรื้อรัง ตับอักเสบ ดีซ่าน และโรคเรื้อรังอื่นๆ ที่ตามมา 

                           ในเมื่อเราหลีกเลี่ยงสารพิษ และความเครียดที่เกิดในชีวิตประจำวันไม่ได้แล้ว จะดีกว่ามั๊ย หากเราหันกลับมาดูแลอวัยวะที่ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากร่างกายให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ

                           คอร์สล้างพิษลำไส้ ตับ และถุงน้ำดี นี้ออกแบบขึ้นให้เหมาะสมกับคนเมืองที่มีเวลาน้อย แต่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดเต็มที่  โดยจัดขึ้น ๓ วัน กล่าวคือประกอบด้วย วันเตรียมร่างกาย วันล้างพิษ และวันฟื้นฟู พร้อมทั้งกิจกรรมเรียนรู้การดูแลสุขภาพแบบพึ่งพาตนเอง เพื่อให้สามารถกลับไปทำต่อเองที่บ้าน ดูแลตนเองและคนใกล้ชิดได้ โดยไม่ต้องเร่งพึ่งหมอเมื่อเกิดความเจ็บป่วย

                           มาล้างไส้กรองร่างกายของเรา หลังปาร์ตี้ปีใหม่นี้ไปด้วยกันนะคะ :

                           รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วจะนำไปเป็นทุนสำหรับผู้ป่วยที่ขาดแคลนในจังหวัดต่างๆ ค่ะ

                           สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 085-553-5104, 083-575-3988 หรือ mira.chai@gmail.com

                           ขออภัยหากอีเมลฉบับนี้เป็นการรบกวนนะคะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5962 เมื่อ: 17 เมษายน 2555, 21:00:38 »



โรคทางใจที่ควรรู้ไว้พิจารณา

13 มกราคม 2553 - 17:11:00

ท่าน ว วชิระ



                             1.โรคจมไม่ลง

                             2.โรคปลงไม่เป็น

                             3.โรคเห็นแก่ตัว

                             4.โรคกลัวคนเก่ง

                             5.โรคเบ่งศักดา

                             6.โรคตาบอดสี (เห็นผิดเป็นชอบ)

                             7.โรคดีอยู่คนเดียว

                             8.โรคเที่ยวอโคจร

                             9.โรคเอื้ออาทรไปทั่ว (จอมรับปากหรือมิสเตอร์ yes)

                           10.โรคกลัวไม่สวย

                           11.โรคสำรวยหยิบโหย่ง

                           12.โรคองค์ประทับ (เก่งอยู่คนเดียว แต่สื่อสารกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง)

                           13.โรคดับเครื่องชน (ไม่รู้จักประมาณตน)

                           14.โรคบนทวยเทพ

                           15.โรคเสพของแพง

                           16.โรคตะแบงตลอด

                           17.โรคซัดทอดเคราะห์กรรม

                           18.โรคความจำสั้น

                           19.โรคหัวรั้นดื้อดึง

                           20.โรคใจถึงผิดที่ (เช่น พวกนักซิ่งกลางคืน กล้าบ้าบิ่นจนตัวตาย)

                           21.โรคกาลีเพราะปาก

                           22.โรคความอยากเป็นนาย

                           23.โรคตายผ่อนส่ง

                           24.โรคหลงสาวรุุ่น

                           25.โรควุ่นเรื่องชาวบ้าน

                           26.โรคสามานย์ก่อนแต่ง

                           27.โรคแย่งสมบัติ

                           28.โรคเอารัดเอาเปรียบ

                           29.โรคเปรียบเทียบจนทุกข์

                           30.โรคขลุกคนพาล

                           31.โรคขี้เกียจสันหลังยาว

                           32.โรคตาขาวขี้ขลาด

                           33.โรคฉลาดเกินคำสั่ง

                           34.โรคคลั่งซูเปอรแสตาร์

                           35.โรคติดยาเสพติด

                           36.โรคย้ำคิดย้ำทำ

                           37.โรคไม่จำบทเรียน

                           38.โรคเอียนสังคม

                           39.โรคนิยมลัทธิ

                           40.โรคติเป็นนิสัย

                           41.โรคใจโลเล

                           42.โรคเสเพลเจ้าสำราญ

                           43.โรคบ้างานบ้าเงิน

                           44.โรคห่างเหินบุพการี

                           45.โรคเห็นใครดีไม่ได้

                           46.โรคใช้เงินมือเติบ

                           47.โรคกำเริบลืมตัว

                           48.โรคชั่วจนชิน

                           49.โรคกินของหลวง

                           50.โรคหลอกลวงประชาชน

                           โรคทั้งห้าสิบนี้เป็นโรคทางใจ เกิดขึ้นกับใครแล้วจะพลอยทำให้เสียปกติสภาพแห่งชีวิต ถ้ารู้ทันก็รักษาหายและมีทางออก แต่ถ้ารู้ไม่ทัน นอกจากโรคไม่หายแล้ว บางทีถึงตาย

                            ใครป่วยด้วยโรคอะไรลองไล่เลียง สอบสวนดูด้วยตัวเอง ไม่แน่ เมื่อพบว่าตนเป็นโรคอะไรก็อาจจะพบวิธีรักษาไปพร้อมๆ กันได้ เพราะโรคบางโรคแค่รู้ว่าตนเป็นก็หายจากโรคนั้นแล้ว
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5963 เมื่อ: 17 เมษายน 2555, 21:02:59 »

ขอแสดงความยินดีกับคุณเหยง ที่ท่านผู้ว่าปรีชา  เรืองจันทร์

ย้ายจากจังหวัดพิษณุโลก มาอยู่จังหวัดนครสวรรค์

สวัสดี 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5964 เมื่อ: 17 เมษายน 2555, 22:07:27 »

พี่สิงห์

พี่ปรีชา เรืองจันทร์ รัฐ 2515 ชาวจังหวัดพิจิตร เคยเป็นปลัดฯ อาวุโส ที่อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์มาก่อน
จากนั้นไปเป็นนายอำเภอครั้งแรกที่อำเภอไทรทอง จังหวัดพิจิตร และเข้า กทม. ในตำแหน่งผู้อำนวยการกอง
พี่ปรีชาเป็นผู้ว่าครั้งแรกที่ จ.พิจิตร จากนั้นไป ภูเก็ต, ต่อด้วยพิษณุโลก และนครสวรรค์ ในคำสั่งใหม่
นครสวรรค์ VS พิษณุโลก อยู่ในระดับเดียวกัน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5965 เมื่อ: 18 เมษายน 2555, 19:46:36 »

วิธีอยู่กับคนที่เราเกลียด

                           
                             ถ้า เรารู้สึกไม่ชอบหน้าใครสักคนหนึ่งแต่จำเป็นต้องอยู่ทำงานด้วยกันในที่ทำงาน เดียวกันทุก ๆ วัน ผมควรจะวางตัวอย่างไรดีครับ มันอึดอัดไปหมด ไม่มีความสุขเลยตลอดเวลาที่อยู่ในสำนักงานร่วมกับคนคนนี้




วิสัชนา โดย ว.วชิรเมธี

                            รู้ไหมว่า เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้คนละกี่ปี  ชีวิตนั้นสั้นยิ่งกว่าหยดน้ำค้างเสียอีก จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าถ้า เราใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ไปมัวหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลง หมั่นไส้คนนั้น ปลาบปลื้มคนนี้ ริษยาเจ้านาย ใส่ไคล้ลูกน้อง ปกป้องภาพลักษณ์ (อัตตา) กด (หัว) คนรุ่นใหม่ หลงใหลเปลือกของชีวิต โดยลืมไปเสียว่าอะไรคือสิ่งที่ตนควรทำอยjางแท้จริง คิดดูเถิดว่า เราจะขาดทุนขนาดไหน ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เขียนบทกวีไว้ว่า  ''น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง ใบไม้ร้วงชีพก็ร้างอย่างความฝัน ฆ่าชีวาคือพร่าค่าคืนวัน จะกำนัลโลกนี้มีงานใด''  คน เราไม่ควรพรากเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจ ให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า ควร คิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบหรือไม่ชอบใคร หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบหรือมาชัง แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ เอาเวลาที่รู้สึกแย่ ๆ กับคนอื่นนั้นหันกลับมามองตัวเองดีกว่า ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง คน ทุกคนนั้นต่างก็มีดี มีเสียอยู่ในตัวเอง ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้  เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่นก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่าง ไร้ค่า บางทีคนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด ขัดเคืองและอารมณ์เสีย วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย ลอง เปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า


                             คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ  เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก  เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทาไม อะไรที่ควร ทำก็รีบทำเถิดปลjอยวางเสียบhาง ความโกรธ ความเกลียดนั้นไม่มีคุณคjาอะไรต่อชีวิตอันแสนน้อยนิดนี้เลย  มุ่งไปข้างหน้า ไปหาสิ่งที่มีคุณค่าให้ชีวิตดีงามดีกว่า  วิธีที่แนะนำทั้งหมดนั้น  นักภาวนาเรียกว่า  ''การกลับมาอยู่กับตัวเอง ''  กล่าวคือ ถ้าเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับคนที่ไม่ถูกโฉลก แทนที่จะปล่อยใจให้อยู่กับความรู้สึกแย่ ๆไปตลอด ก็ควรหันกลับเข้ามา  ''มองด้านใน'' แก้ไข ที่ตัวเอง อย่ามุ่งแก้ไขที่คนอื่น เพราะยิ่งพยายามแก้ไขคนอื่น ก็ยิ่งยุ่งเหมือนลิงทอดแห ยิ่งเราให้ความสำคัญกับคนที่เราเกลียดมากเท่าใด สภาพจิตใจก็ยิ่งแย่ลงมากเท่า นั้น วิธีที่ดีที่สุดในการอยูjกับคนที่เรารู้สึกไม่ดีหรือเป็นปฏิปักษ์ก็คือ การดึงความรู้สึกจากเขามาอยู่กับเราทุกขณะ


วิสัชนา โดย อาจารย์มานพ   กลับดี

                  การที่ในสำนักงานของเรา หรือบริษัทของเรา มีคนที่เราไม่ปราถนาจะทำงานร่วมกันได้นั้น คงมีสาเหตุมาจาก บุคคลคนนั้น ทำงานไม่เป็น  มาสายประจำ พูดมาก  พูดมากว่าทำ พูดไม่เข้าหูคน มักง่าย  สกปรก  กลิ่นตัวเหม็น .... ต่างๆ อีกมากที่เราจะหาความผิดของเขามาอ้างกับตัวเรา  ถ้าจิตของเราตกอยู่ภายใต้โมหะ เราจะหาความจริงไม่พบเลยว่า ทำไม? เราไม่ชอบขี้หน้าเขา ไม่อยากทำงานกับเขา เกลียดเขา  แต่ถ้าเรามีสติเสียหน่อยจะพบว่า ที่เราไม่ชอบเขานั้น เป็นเพราะอารมณ์(เจตสิก)ของจิตเราที่ไม่ชอบเขา เลยพลอยเห็นแต่สิ่งไม่ดีในตัวเขาไปเสียหมด เราก็มีแต่ทุกข์เมื่อเห็นหน้าเขา  แล้วเราจะทำอย่างไรเล่า  ไล่เขาออกหรือ  แล้วใครจะทำงานแทนเขา  หาคนมาทำงานแทนใหม่ แต่ถ้าบุคคลที่มาใหม่ ยังเป็นแบบเดิม เราจะทำอย่างไร ไล่ออกไปเรื่อยๆ หรือ  มันคงไม่ใช่วิสัยของวิญญูชนม์เป็นแน่แท้

                  พระพุทธองค์สอนว่า ทุกข์นั้นมีไว้ให้เห็น ไม่ใช่มีไว้ให้เป็น  เราลองพิจารณาหาสาเหตุที่แท้จริงแห่งทุกข์นั้น แล้วแก้ที่สาเหตุดีกว่า  การจะไล่คนออกไปนั้นมันทำทั้งอยากและง่าย มีแต่ทุกข์ตามมาทั้งนั้น ทั้งเขาและเรา
 
                  สาเหตุที่แท้จริงมาจากอารมณ์ของเราที่เราไม่ชอบเขา  เราต้องยึดหลักคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า “เขาผู้นั้นกำลังชี้ขุมทรัพย์ให้กับเรา” หมายความว่า ตัวเราเองนั้นตกอยู่ในโมหะ เป็นทาสของความคิดหรือจิตตัวเอง มองเห็นแต่ในแง่ไม่ดีของเขา จิตเราจึงไม่ชอบ มีแต่ทุกข์ วิตกกังวล  ส่วนตัวเขานั้นไม่คิดอะไรเลยทั้งสิ้น เขาก็คงทำงานตามวิธีของเขาไป หรือปฏิบัติตัวตามนิสัยของเขา ไม่ทุกข์ไม่ร้อนทั้งสิ้น  เรามีแต่ไปทุกข์แทนทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา กรรมจริงๆ ตัวเราถ้าไปปรุงแต่งแบบนั้น

                  ถ้าเรามองเห็นความจริงแห่งจิตของเรา  ว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง จิตมนุษย์มันจะไม่ชอบเมื่อประสบกับสิ่งที่เราไม่ชอบ  เราก็หยุดการปรุงแต่งเสีย  หรือคิดในแง่ดีของบุคคล คนนั้นให้มากๆ เช่น ถ้าขาดเขาเราต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็นต้น  จะทำให้เราหยุดคิด เมื่อหยุดคิด มันก็ปล่อยวาง เพราะรู้ความจริงในพฤติกรรมของจิตแล้ว ว่าจิตคนมันเป็นอย่างนั้น บังคับไม่ได้ มันก็จะปล่อยวางไปเอง หรือคำที่พระพุทธองค์ท่านว่า มันจะคลายกำหนัดไปเอง  เราจะพบแต่โลกที่สวยงาม  เพราะไม่มีอะไรที่เราไม่ชอบ หรือชอบก็ตาม เราก็ปล่อยวางมันได้ เราก็จะสามารถทำงานกับคนที่เราเกลียดที่สุดได้  คือแก้ที่ตัวเรา  เพราะเราไม่สามารถแก้นิสัยของบุคคลอื่นได้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5966 เมื่อ: 18 เมษายน 2555, 19:58:05 »


                             ผมพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากแม่

                             แม่ช่วยตัวเองไม่ได้

                             แม่บางครั้งอยากพูดแต่ความจำเสื่อม

                             แม่ยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นกับแม่ได้  และอยู่กับมันอย่างมีความสุขพอสมควร

                             แม่ยังจำลูกๆ ได้  และมีความสุขที่ลูกอยู่ด้วย

                             แม่ยังยิ้มได้

                             ไม่ช้า ไม่นาน เราก็มีโอกาสที่จะเป็นอย่างแม่  ถ้าเราอยู่ประมาท  แล้วเราจะรับสภาพนั้นได้หรือไม่ ?

                              ทุกท่านอย่าลืม  ออกกำลังกาย  ดูแลอาหาร  พักผ่อน และทำจิตให้ผ่องใส  เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเรา  ดีกว่าไปทำงานหาเงินมากๆ สุดท้ายต้องเอาไปให้หมอหมด และตายก็เอาไปไม่ได้  ชีวิตเรามีค่ายิ่งกว่าเงินทองเป็นไหนๆ ต่อลูก-หลานของเรา

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5967 เมื่อ: 18 เมษายน 2555, 20:06:06 »



ก้าวใหม่ของคนอินเดีย ! จะเป็นการปฏิวัติวัฒนธรรมของคนอินเดีย

ปัญหาคือ ถ้าคนวรรณะจันฑาลอึก่อน มันคงล้นแน่นอน  จะทำอย่างไร !

      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #5968 เมื่อ: 18 เมษายน 2555, 20:13:40 »

ประวัติพี่ปรีชา


เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2498 ณ บ้านหนองกอไผ่ ตำบลวังสำโรง อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ครอบครัวชาวนาของ คุณพ่อจวน คุณแม่บุญมา ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ ผู้ซึ่งต่อมาจะเป็นลูกชาวนา “ยอดคน”

เด็กชายปรีชา เรืองจันทร์

หยุดพักการศึกษาหลังจบชั้นประถมศึกษา ผันชีวิตไปเป็นชาวนาตามรอยเท้าพ่อถึง 6 ปีเต็ม แต่ด้วยความมุ่งมั่นและใฝ่การศึกษา นายปรีชา เรืองจันทร์ กลับเข้ามาศึกษานอกระบบโรงเรียน สอบเทียบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่กระทรวงศึกษาธิการ เป็นศิษย์เก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วุฒิการศึกษารัฐศาสตร์บัณฑิต นิติศาสตร์บัณฑิต รัฐประศาสนศาสตร์บัณฑิตและรัฐศาสตร์มหาบัณฑิต

นายปรีชา เรืองจันทร์ รับราชการครั้งแรกในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผนระดับ 3 สำนักงานจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อปี 2519 และได้เจริญเติบโตในชีวิตราชการเรื่อยมาตามลำดับ โดยดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอในหลายพื้นที่ เช่น อำเภอโกรกพระ อำเภอหนองบัว อำเภอบรรพตพิสัย อำเภอเมืองนครสวรรค์ ผู้ตรวจการส่วนท้องถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ นักวิชาการปกครอง นายอำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีษะเกษ นายอำเภอวังทรายพูน นายอำเภอเมืองพิจิตร ผู้อำนวยการกองราชการส่วนตำบล ผู้อำนวยการส่วนความมั่นคง กรมการปกครอง ผู้อำนวยการกองการข่าว สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดจังหวัดพิจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีและย้ายมาดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อปี 2543

นายปรีชา เรืองจันทร์ ได้ดำเนินการทุกวิถีทางที่จะนำความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้านมาสู่ประชาชนชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ด้วยความที่เป็นผู้มีความรู้ มีความวิริยะ อุตสาหะ ขยันหมั่นเพียร และมุ่งมั่น ทำให้มีผลงานปรากฏต่อสาธารณชนอย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาอุทกภัย และภัยแล้ง โดยการจัดทำแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและสั่งการป้องกันแก้ไขปัญหาในขณะที่จังหวัดเพชรบูรณ์ประสบภาวะวิกฤติเกี่ยวกับอุทกภัยอย่างฉับพลันและมีประสิทธิภาพ

ด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ด้วยขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและความยากจนเชิงบูรณาการ การส่งเสริมการเกษตร วิสาหกิจชุมชน สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นผลงานเด่นที่สร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนเพชรบูรณ์เป็นอย่างมาก

ในฐานะรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่กำกับดูแลและขับเคลื่อนงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของจังหวัดมีผลการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการเร่งรัดปราบปราม การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนเอาชนะยาเสพติด การจัดระเบียบสังคมเชิงบูรณาการ การจัดกิจกรรมเด็กและเยาวชน ล้อมครอบครัวด้วยรั้วรัก การพัฒนาศักยภาพพลังแผ่นดิน ลูกเสือชาวบ้าน อาสามัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน จนได้รับมอบโล่บุคคลที่มีผลงานดีเด่น ด้านการสนับสนุนการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด
นายปรีชา เรืองจันทร์ เป็นตัวอย่างที่ดีในการรักษาสุขภาพอนามัยของประชาชน ด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดีในการออกกำลังกาย เล่นกีฬาส่งเสริมสุขภาพอยู่เสมอ อีกทั้งเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนกีฬาของจังหวัดเพชรบูรณ์มาโดยตลอด เช่นเดียวกันกับด้านการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม นายปรีชา เรืองจันทร์ เป็นผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรมของศาสนา และได้ส่งเสริมให้คณะสงฆ์ได้ปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจนเสริมสร้างวินัยของเยาวชนและสังคม ขับเคลื่อนโดยศูนย์พัฒนาคุณธรรมและทุกภาคส่วนในจังหวัด

แม้จะทุ่มเทกับการทำงานอย่างหนัก แต่นายปรีชา เรืองจันทร์ ยังได้ปลีกเวลาศึกษาเพิ่มเติม วิทยฐานะ จนจบปริญญาเอก สาขาพัฒนาองค์กร เป็นดอกเตอร์ลูกชาวนาอีกคนหนึ่งที่น่าภูมิใจ

สิ่งที่นายปรีชา เรืองจันทร์ได้สร้างผลงานไว้ตลอดระยะเวลา 7 ปี นั้นได้สร้างคุณูปการและแสดงให้ชาวเพชรบูรณ์ได้เห็นว่า นายปรีชา เรืองจันทร์ เป็นผู้ที่ประกอบด้วย ภูมิรู้ ภูมิธรรมและจิตใจอันมุ่งมั่น อุตสาหะ พากเพียร อดทนต่อความยากลำบากและที่สำคัญคือการที่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวอันอบอุ่นและเข้มแข็ง คือนางปิยธิดา เด็กชาย ป นนทนันทน์และเด็กหญิง ป ประภัสสนันทน์ (นาย กะ นุ่น) เรืองจันทร์ สมควรได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลที่จะทูลเกล้าฯ เสนอชื่อให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และภูเก็ตปัจจุบัน ที่พิษณุโลก



ขอบคุณ http://sara-dede.is.in.th/?md=webboard&ma=showtopic&id=5735
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5969 เมื่อ: 18 เมษายน 2555, 20:22:04 »

ขอบคุณมากครับ ป๋าธู

ที่เอาประวัติท่านผู้ว่าปรีชา   เรียงจันทร์  มาลงให้รับทราบ  

ดีกว่าปล่อยผมอยู่คนเดียว  ชักเบื่อตัวเองเหมือนกัน

จะทิ้งไป  ก็กลัวเพื่องฝูง  พี่-น้อง ว่าเอา

เลยทนๆ ไป ด้วยความวิริยะ เอาชนะจิตตนเอง

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5970 เมื่อ: 18 เมษายน 2555, 20:27:52 »

ดร.กุศล  จะไปทำบุญเพล ด้วยกันที่วัดทับทัน ในวันอาทิตย์ที่ ๒๙ เมษายน ไหม ?
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #5971 เมื่อ: 18 เมษายน 2555, 22:45:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 18 เมษายน 2555, 20:22:04
ขอบคุณมากครับ ป๋าธู

ที่เอาประวัติท่านผู้ว่าปรีชา   เรียงจันทร์  มาลงให้รับทราบ 

ดีกว่าปล่อยผมอยู่คนเดียว  ชักเบื่อตัวเองเหมือนกัน

จะทิ้งไป  ก็กลัวเพื่องฝูง  พี่-น้อง ว่าเอา

เลยทนๆ ไป ด้วยความวิริยะ เอาชนะจิตตนเอง

สวัสดี
ผมชอบอ่านของพี่มากกว่า แต่กรณีพี่รุ่งเนี่ย สนิทกัน เลยเอาประวัติยาวมาให้อ่านกันครับ
สำหรับพี่สิงห์ สามปีที่รู้จักแบบห่าง ๆ พี่เปลี่ยนไปในทางดีกว่าเดิมมาก ใหม่ ๆ ผมยังกลัวพี่เลยครับ
แต่เดี๋ยวนี้ เลิกกลัว เหลือแต่ชื่นชมอย่างเดียว
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #5972 เมื่อ: 18 เมษายน 2555, 22:59:00 »

แล้วทำไมพี่ป๋องน่ากลัวกว่า ถึงได้ไม่เคยกลัว ฮึ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #5973 เมื่อ: 19 เมษายน 2555, 07:59:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ พธู ๒๕๒๔ เมื่อ 18 เมษายน 2555, 22:45:11
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 18 เมษายน 2555, 20:22:04
ขอบคุณมากครับ ป๋าธู
ที่เอาประวัติท่านผู้ว่าปรีชา   เรียงจันทร์  มาลงให้รับทราบ 
ดีกว่าปล่อยผมอยู่คนเดียว  ชักเบื่อตัวเองเหมือนกัน
จะทิ้งไป  ก็กลัวเพื่องฝูง  พี่-น้อง ว่าเอา
เลยทนๆ ไป ด้วยความวิริยะ เอาชนะจิตตนเอง
สวัสดี
ผมชอบอ่านของพี่มากกว่า แต่กรณีพี่รุ่งเนี่ย สนิทกัน เลยเอาประวัติยาวมาให้อ่านกันครับ
สำหรับพี่สิงห์ สามปีที่รู้จักแบบห่าง ๆ พี่เปลี่ยนไปในทางดีกว่าเดิมมาก ใหม่ ๆ ผมยังกลัวพี่เลยครับ
แต่เดี๋ยวนี้ เลิกกลัว เหลือแต่ชื่นชมอย่างเดียว


เพิ่งรู้ความในใจของน้องพธู
ถ้าอยู่ในยุคที่จุฬาฯมีระบบโซตัสเข้มข้นนี่
สงสัยขวัญกระเจิงเลยน่ะเนี๊ยยยย ...
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #5974 เมื่อ: 19 เมษายน 2555, 08:00:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 18 เมษายน 2555, 22:59:00
แล้วทำไมพี่ป๋องน่ากลัวกว่า ถึงได้ไม่เคยกลัว ฮึ
สิ่งที่เห็น ... อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น ...
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 237 238 [239] 240 241 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><