24 พฤศจิกายน 2567, 16:23:18
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 231 232 [233] 234 235 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3574552 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 31 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5800 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 09:40:25 »














                             สองข้างทางจากเมืองมิลานไปเมืองลูกาโน สวิสนั้น เติมไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ ประชากรหนาแน่น มีฟาร์มวัวบ้าง และทุ่งที่ปลูกมัสตาด เหมือนในอินเดีย คือเหลือง-เขียวทั้งทุ่ง

                              ตามทางแยกต่าง ๆ นั้น จะมีสะพานที่คานนิยมออกแบบเป็นคานเหล็กรูปตัวไอ กรณีความยาวช่วง ๒๕-๓๐ เมตร ไม่นิยมเป็นคานคอนกรีตเสริมเหล็ก

                              ยิ่งใกล้เมืองลูกาโน ประชากรยิ่งหนาแน่นมาก ครับ

                             เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5801 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 09:59:47 »































         คณะเดินทางมาถึงเมืองลูกาโน เวลาสี่โมงเช้า ทางไกด์ให้เวลา หนึ่งชั่วโมงสี่สิบห้านาทีในการชมวิวและซื้อของ เนื่องจากเป็นเวลาเช้า ผู้คนสวิส ยังไม่ออกมาเดินเล่น หรือนั่งจิบกาแฟตามริมทะเลทราบ เพราะแดดแรง  ร้านค้าเพิ่งเปิด บางร้านยังไม่เปิด  คนเดินถนนยังน้อย

                          ส่วนใหญ่ในคณะไปแวะร้านนาฬิกาเพื่อจะซื้อนาฬิกา Rolex ครับ ขั้นตอนในการซื้อคือ จะมีเจ้าหน้าทีมาคุยเป็นโต๊ะ ใช้เวลาในการดูพิจาณราประมาณหนึ่งชั่วโมง เสียเวลาในการทำเอกสารครึ่งชั่วโมง ประากฏว่าทั้งคณะซื้อนาฬิกา Rolex ไปยี่สิบกว่าเรือน

                          ผมเองเพิ่งทราบว่า Rolex ที่ผมใส่อยู่นั้นเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ผมใช้มาสามสิบปีแล้ว ราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ ห้าแสนบาท  ทำให้ผมต้องรักนาฬิกาผมไปอีกนาน ครับ เขาบอกว่าของผมต้องมีอย่างน้อย ๑๐๐๐๐ สวัสฟรังขึ้นไปครับ

                          เสร็จจากร้าน Rolex ก็เกือบหมดเวลา เลยไปนั่งจิบกาแฟอร่อยๆ เพื่อให้เข้าบรรยากาศ ก่อนกลับไปที่รถครับ

                          ตกลงไม่ได้เดินชมเมืองเลยเพราะไม่มีอะไรที่น่าสนมจเป็นพิเศษ ครับ

                          เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5802 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 10:10:53 »




















                             มาถึงที่รถ พรรคพวกยังซื้อนาฬิกาไม่เสร็จ เพราะมัวเสียเวลาในการตัดสินใจ และกาารเครมภาษี จึงต้องนั่งรอ ยืนรอเพราะรถเขาจะไม่มีมารับ เลยเดินชมวิว

                             รถเมย์สวิสนั้น ต้องซื้อตั๋วจากที่หยอดเหรียญอัตโนมัติ และมารอขึ้นรถที่ป้ายรถเมย์ครับ

                             เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #5803 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 12:31:34 »


สวัสดีครับพี่สิงห์
ตามไปเที่ยวอิตาลีด้วยคน
ได้อ่านธรรมที่พี่สิงห์มาถ่ายทอดเป็นธรรมทานด้วย
ขอบคุณครับ


 sorry sorry รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
สมชาย17
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,300

« ตอบ #5804 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 14:14:30 »

 
อ้างถึง   
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 27 มีนาคม 2555, 08:35:07

                              ท่านเขมานันทะ เคยมีความสงสัยเป็นอย่างมากในหลาย ๆ เรื่อง ถึงกับไปยืนรอดักหลวงพ่อเทียน (สมัยอยู่วัดชลประทาน) เพื่อถามให้สิ้นสงสัย  เมื่อเจอหลวงพ่อเทียน  ได้มองไปในดวงตาท่าน เห็นดวงตาท่าน ความสิ้นสงสัยก็หายไปหมด  จนหลวงพ่อเทียนถามว่า ลืมหมดแล้วหรือปัญหาที่สงสัย ที่ตั้งใจจะมาถาม  ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พูดกันเลยสักคำ ?

                               ดังนั้น  จงมีศรัทธา  วิริยะ  สติ  สมาธิ  และปัญญา ท่านจะรู้ด้วยตัวของท่านเอง ความสงสัยต่าง ๆ อย่าไปหามันเลย มันไม่มีเพราะมันไม่มีตัวมีตน เป็นเพียงอารมณ์หนึ่งของความคิด อย่าไปยึดติดมันเลย มีแต่เรื่องยุ่งครับ

                               ขอเพียงมีการสำรวมกาย  วาจา  และใจ ของเราให้มั่นด้วยศรัทธา วิริยะ สติ  สมาธิ และปัญญาเท่านั้น มันรู้เองครับ

                               ลืมบอกไปวันนี้ผมไม่ได้ใส่บาตรเณรได้แต่อนุโมทนา เพราะแพรวหลานสาว กำลังจะไปเรียนพอดี ออกมาที่หน้าบ้านเณรมาพอดี ผมจึงให้ใส่บาตรแทนผม   บังเอิญอีกเหมือนกัน เขาจะไปสอบพอดี(พี่โสถาม)  พี่โส  เลยบอกว่าขอให้น้องแพรวได้ A นะจ๊ะ

                               สวัสดี


วันนี้เข้ามาอ่าน ของพี่สิงห์ ได้คำสอน ข้อคิดที่ดีมากเลย(โดยเฉพาะ ความสงสัย)
เป็นประโยชน์ต่อชิวิตประจำวันด้วยครับ  ขอบคุณครับ  ปิ๊งๆ
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #5805 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 15:07:38 »

หนูไม่ค่อยรู้อะไรหรอกค่ะ เลยไม่ค่อยกล้าสงสัย แต่มันสงสัยตะหงิดๆว่า
แล้วมันไม่ขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า
อย่าเชื่อเพราะ 1 2 3 4 .........หรือคะ
(พี่สิงห์ต้องมีสติ อย่าอยากเขกหัวหนูนะ สงสัยจริงจิ๊ง)
โพสท์ ไม่โพสท์
โพสท์ ไม่โพสท์
โพสท์
แว๊บบบบบบบ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #5806 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 16:36:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 09 มีนาคม 2555, 09:40:34
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 06 มีนาคม 2555, 12:07:25
อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 06 มีนาคม 2555, 09:06:50
รายงานตัวติดตามอ่านครับ,.


เดือนหน้า ผมและ ครอบครัว ก็จะตาม พี่สิงห์ไป อิตาลี . . แต่เข้าฝรั่งเศสและสวิส ก่อน ครับ

จึงขอ เชงเกน วีซา . . ฝรั่งเศส . . ไม่ต้องไปแสดงตัว . . ครับ

สวัสดีครับ ดร.มนตรี

                         ไปยืนรอเข้าคิวเสียสองชั่วโมง วันนี้

                         พี่สิงห์ไปวันที่ ๑๘ มีนาคม กลับวันที่ ๒๓ มีนาคม มีแวะที่บาร์เรน ไปโรม ปักหลักที่มิลาน ข้ามไปสวิสหนึ่งวัน  ใช้บริการของแฮบปี้ฮอลิเดย์ทัวร์และครุ้สทราเวล ครับ

                         สวัสดี


ครับ พี่สิงห์ ... ขอให้พี่สิงห์ มีความสุขกับ Vacation นะครับ  จะรอชมรูป ครับ


เมื่อวันมาฆ ฯ ... ผมเปิดอ่านกระทู้พี่สิงห์  ผ่าน Tablet  ที่ริมทะเล จ.ตราด . ... อ่านเพลิน จนเผลอหลับไปเลยครับ ^_^








สวัสดีครับ พี่สิงห์ ...

พร้อมที่จะตามพี่สิงห์ ... ไปทาน ไอศครีม ที่ยุโรป แล้วครับ ...

วีซ่า ... พร้อม
ตั๋วเครื่องบิน ... พร้อม
ใบขับขี่สากล ... พร้อม
แผนที่ อิเลกทรอนิกส์ ... พร้อม   


      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #5807 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 16:38:07 »

ปล.

ลูกทัวร์ ก็บอกว่า ... พร้อม ครับ
  รักนะ

      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #5808 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 18:30:11 »

เท่ห์มากค่ะ  พี่สิงห์ .. คันนี้ ได้ซื้อกลับมาด้วยหรือเปล่าคะ     รักนะ

      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #5809 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 18:32:01 »

ภาพนี้ก็ชอบค่ะ ..     หลั่นล้า

      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5810 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 20:48:07 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sitthiphong เมื่อ 27 มีนาคม 2555, 15:07:38
หนูไม่ค่อยรู้อะไรหรอกค่ะ เลยไม่ค่อยกล้าสงสัย แต่มันสงสัยตะหงิดๆว่า
แล้วมันไม่ขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า
อย่าเชื่อเพราะ 1 2 3 4 .........หรือคะ
(พี่สิงห์ต้องมีสติ อย่าอยากเขกหัวหนูนะ สงสัยจริงจิ๊ง)
โพสท์ ไม่โพสท์
โพสท์ ไม่โพสท์
โพสท์
แว๊บบบบบบบ

สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก

                             ความสงสัยนั้น ไม่ใช่สงสัยมันล่ำไป เราต้องใช้ปัญญาว่า อะไรบ้างที่ควรสงสัย  อะไรบ้างที่ไม่ควรสงสัย 

                             ส่วนอย่าเชื่อตามหลัก กาลามสูตร นั้น มี ๑๐ ประการ  พูดให้ง่ายคือ ท่านให้ค้นหาความจริงจนปรากฏแก่ตัวของเราก่อนแล้วจึงเชื่อ ไม่ใช่อะไรก็เชื่อหมด

                             ความสงสัย และ ความเชื่อ นั้น เราสามารถจะยอมรับได้ เมื่อพิจารณาด้วยเหตุ - ผล ตามที่ควรจะเป็น หรือ ทดลองปฏิบัติดูก่อน  ไม่ใช่อะไรก็สงสัย อะไรก็เชื่อ ไม่ได้ปฏิบัติดูเลย หรือปฏิบัตินิด ๆ หน่อย ๆ มีแต่ความสงสัย มันเลยไม่ก้าวหน้า  ต้องทำให้ถึงที่สุดก่อน แล้วค่อยพิจารณาอีกครั้ง

                             ความสงสัย  กับ ความเชื่อ มันต่างกัน  ขอให้พิจารณาดี ๆ จะรู้ด้วยปัญญา

                             ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5811 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 20:50:46 »

อ้างถึง
ข้อความของ สมชาย17 เมื่อ 27 มีนาคม 2555, 14:14:30
 
อ้างถึง   
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 27 มีนาคม 2555, 08:35:07

                              ท่านเขมานันทะ เคยมีความสงสัยเป็นอย่างมากในหลาย ๆ เรื่อง ถึงกับไปยืนรอดักหลวงพ่อเทียน (สมัยอยู่วัดชลประทาน) เพื่อถามให้สิ้นสงสัย  เมื่อเจอหลวงพ่อเทียน  ได้มองไปในดวงตาท่าน เห็นดวงตาท่าน ความสิ้นสงสัยก็หายไปหมด  จนหลวงพ่อเทียนถามว่า ลืมหมดแล้วหรือปัญหาที่สงสัย ที่ตั้งใจจะมาถาม  ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พูดกันเลยสักคำ ?

                               ดังนั้น  จงมีศรัทธา  วิริยะ  สติ  สมาธิ  และปัญญา ท่านจะรู้ด้วยตัวของท่านเอง ความสงสัยต่าง ๆ อย่าไปหามันเลย มันไม่มีเพราะมันไม่มีตัวมีตน เป็นเพียงอารมณ์หนึ่งของความคิด อย่าไปยึดติดมันเลย มีแต่เรื่องยุ่งครับ

                               ขอเพียงมีการสำรวมกาย  วาจา  และใจ ของเราให้มั่นด้วยศรัทธา วิริยะ สติ  สมาธิ และปัญญาเท่านั้น มันรู้เองครับ

                               ลืมบอกไปวันนี้ผมไม่ได้ใส่บาตรเณรได้แต่อนุโมทนา เพราะแพรวหลานสาว กำลังจะไปเรียนพอดี ออกมาที่หน้าบ้านเณรมาพอดี ผมจึงให้ใส่บาตรแทนผม   บังเอิญอีกเหมือนกัน เขาจะไปสอบพอดี(พี่โสถาม)  พี่โส  เลยบอกว่าขอให้น้องแพรวได้ A นะจ๊ะ

                               สวัสดี


วันนี้เข้ามาอ่าน ของพี่สิงห์ ได้คำสอน ข้อคิดที่ดีมากเลย(โดยเฉพาะ ความสงสัย)
เป็นประโยชน์ต่อชิวิตประจำวันด้วยครับ  ขอบคุณครับ  ปิ๊งๆ

สวัสดีครับ คุณสมชาย

                           ไม่ได้เจอ หรือเล่นกอล์ฟกันนานมากแล้วนะ  คิดถึง อย่าลืมช่วยคุณราเมศวร์ด้วย พี่สิงห์แก่แล้ว หมดยุค  หมดสภาพ  ขอเป็นผู้ดู จะสนุกกว่าครับ

                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5812 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 20:56:15 »


สวัสดีค่ะ คุณน้องยาหยี ที่รัก

                              ที่มิลาน ทางเฟอรารี่เขามีบริการทดสอบให้ขับ  พี่สิงห์ไปเรียบ ๆ เคียง ๆ ดูเหมือนกัน เพราะไม่มีอะไรทำ เดินตามร้านค้าก็ขี้เกียจ  แต่ใจมันบอกว่า เราไม่ใช่เศรษฐี เขาคงไม่ให้หรอก ยืนดูพักเหนื่อยดีแล้ว

                              มีแรกตั้งใจจะซื้อเสื้อสักตัว คิดไปคิดมา อย่าซื้อดีกว่า ไม่คุ้ม

                              ขอบคุณมากที่ชมค่ะ

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5813 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 21:00:50 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 27 มีนาคม 2555, 12:31:34

สวัสดีครับพี่สิงห์
ตามไปเที่ยวอิตาลีด้วยคน
ได้อ่านธรรมที่พี่สิงห์มาถ่ายทอดเป็นธรรมทานด้วย
ขอบคุณครับ


 sorry sorry รักนะ

สวัสดีครับ คุณน้องหนุ๋น

                          ขอบคุณมากที่ติดตามชมภาพอิตาลี และธรรมะ 

                          พี่สิงห์ กำลังเกรงว่า ดร.สุริยา  จะกระหน่ำเอาไม่ยั้งมือ เลยต้องระวัง มีสติตื่นอยู่ตลอดเวลา

                          อย่าลืมช่วยคุณราเมศวร์ แทนพี่สิงห์ ด้วย  สงสัยไม่มีใครเตือน  จึงพลาดงานใส่บาตรที่เสาธง จุฬาฯ ไปเมื่อ ๒๖ มีนาคม ที่ผ่านมา  ต้องโทษที่ปรึกษาใหญ่ และลูกน้อง คือ ดร.สุริยา  ครับ

                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5814 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 21:04:22 »

สวัสดีครับ ดร.มนตรี

                           ขอให้พาครอบครัวเที่ยวยุโรป  ด้วยความสุขครับ 

                           พี่สิงห์ ไม่มีวาสนาได้ไปแบบนั้นหรอกครับ ค่าใช้จ่ายมันสูง

                           ต้องอาศัยให้เขาเชิญ  ถึงจะมีโอกาสไปต่างประเทศ ครับ

                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5815 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 21:18:50 »


                              ในสมัยพุทธกาล  สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอน นั้น แตกต่างจากศาสนาพราหมณ์ หรือ สำนักอื่นๆ เป็นอย่างมาก คือ สัมมัปปธาน  ซึ่งจะเห็นได้จาก โอวาทปาฏิโมกข์  ทรงกำหนดคุณสมบัติของพระสาวกที่สำคัญ ที่ไม่ควรปฏิบัติ เอาไว้ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ควร

                                สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมนั้น หรือบำเพ็ญทางจิต ในสมัยพุทธกาลก็มี ศรัทธา วิริยะ สติ  สมาธิ และปัญญา เหมือนกัน ในสำนักอื่น แต่ไม่มีพละ ๕ และที่ไม่มีคือ สัมมัปปธาน ๔ (นอกจาก ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่อ้อนวอน ให้กระทำด้วยตนเองด้วยความวิริยะ)ได้แก่

                                สัมมัปปธาน ธรรมตั้งความเพียรชอบ ๔

                                       ๑.   สังวรปธาน เพียรระวังบาปที่ยังไม่เกิด ไม่ให้เกิดขึ้น

                                       ๒.   ปหานปธาน เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว

                                       ๓.   ภาวนาปธาน เพียรทำกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น

                                       ๔.   อนุรักขณาปธาน เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วไว้ และเพิ่มเติมให้มากยิ่งขึ้นจนบริบูรณ์

                                 หรือให้เข้าใจง่าย ๆ คือ การรักษาศีล ๕ หรือ รักษากาย วาจา ใจ อยู่เป็นนิจ นั่นเอง แต่ต้องใช้ความเพียรอย่างมาก ถึงจะชนะใจตนเองได้  เพราะถ้ามีสัมมัปปธานแล้ว ครอบครัว สังคม ประเทศ โลก เป็นสุข ครับ

                                 ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ ค่ำนี้
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5816 เมื่อ: 27 มีนาคม 2555, 21:30:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 27 มีนาคม 2555, 08:21:01
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 26 มีนาคม 2555, 20:11:53
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 26 มีนาคม 2555, 07:44:56
วันที่ ๒๖ มีนาคม เป็นวันสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย




สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                              วันนี้วันที่ ๒๖ มีนาคม เป็นวันสถาปนา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  เป็นวันที่พวกเราชาวจุฬาฯ ชาวซีมะโด่ง  จะได้รำลึกถึงพระคุณขององค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ และ รัชกาลที่ ๖ ที่ทรงจัดตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ประชาชนคนไทยได้ศึกษา และขอบคุณคณาจารณ์ ผู้บริหารที่ได้ทำให้จุฬาฯเติบโตมาถึงวันนี้

                              ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของพระองค์ท่านทั้งสอง และครู - อาจารย์  ผมขอเชิญชวนพวกเรา ปฏิบัติธรรมที่บ้านให้แด่พระองค์ท่านและครู - อาจารย์ ด้วยการรักษากาย  วาจา  ใจ  ของเราให้สำรวมในสิ่งที่ผู้รู้ทั้งหลายพึงกระทำ อุทิศแด่พระองค์ท่าน ครู อาจารย์ และเป็นมงคลแก่เรา คือ

                              การสำรวมกาย   ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายสัตว์ ไม่หยิบสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ให้  สิ่งของอะไรที่รกบ้านก็เก็บ ทำความสะอาด เอาไปไว้ในที่ที่มันควรจะอยู่

                              การสำรวมวาจา ไม่พูดเท็จ  ไม่พูดคำหยาบ  ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดส่อเสียด และไม่พูดให้เกิดความแตกแยกทะเราะวิวาท

                              การสำรวมใจ   ไม่คิดไปในทางอกุศล  ไม่อยากได้อยากเอาสิ่งของของผู้อื่น ไม่คิดพยาบาทปองร้ายผู้อื่นและสัตว์  ทำจิตของเราให้ผ่องใสขาวรอบ

                              ด้วยการไม่หงุดหงิด ไม่กระทบกระทั่ง ไม่แสดงอาการต่าง ๆ ในสิ่งที่ได้สัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ที่เราไม่รักไม่ชอบขวางหู ขวางตา  ด้วยการภาวนาว่า "พุทธ-โธ" และแผ่เมตตาให้กับคนที่ทำให้เราต้องเดือดร้อน

                              เพียงแค่นี้ บุคคลต่าง ๆ ทั้งในบ้านและที่ทำงาน จะมีแต่ความสุข สงบ ด้วยการสำรายกาย วาจา ใจ ของเราจนเกิดพรหมวิหาร ๔ (เมตตา กรุณา  มุฑิตา อุเบกขา) ขึ้นในจิต

                              สำหรับผม ได้หุงข้าวใส่บาตรพระ อุทิศส่วนกุศลให้พระองค์ท่าน ครู อาจารย์ บิดา  มารดา ญาติ มิตร และหมู่สัตว์ ไปแล้วเมื่อเช้านี้ครับ

                              สวัสดี


                            
                                     เมื่อเราสามารถสำรวมกาย  วาจา  ใจ  ได้สักระยะหนึ่งจนจิตมันอ่อนลงแล้ว  ก็พยายามทำความรู้สึกตัว(สร้างสติ) ให้อยู่ในอิริยาบถ  ยืน เดิน นั่ง นอน  อยู่กับมือที่กระทำ อยู่กับขาที่เดิน  อยุ่กับสายตาที่จ้อง  อยู่กับลมหายใจเข้า - ออก และอยู่กับใจ  ไม่ปล่อยให้ใจนึกคิดเอง  ต้องพยายามสร้างความรู้สึกตัวอันนี้ให้ได้  มันบอกกันอยากครับ เมื่อเราสามารถระลึกได้ว่ากำลังทำอะไร  จนชินกับมันแล้ว  มันจะอยู่กับเราเองโดยอัตโนมัติ  หมายความว่าเราจะทำอะไรก็ตามแต่ มันจะเป็นไปเองให้มีความระลึกอยู่เสมอ ว่าเราต้องมีสติ(รู้สึกได้) เสมอ

                                 เมื่อเราสามารถสร้างสติได้แล้วก็เอาสตินั้น(ความรู้สึกตัว ไม่หลงในจิต) เอามาดูกายของเราว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง สุข ทุกข์ มันเป็นอย่างไร  เอามาดูจิตของเราว่ามันคิดอะไรบ้าง มันเป็นอย่างไร  จนสามารถที่จะเห็นก่อนที่มันจะคิด เรียกว่าเห็นความคิด แล้วดูต่อไปว่าเราได้อะไรจากมันบ้าง พยายามสังเกตไปเรื่อย ๆ แล้วจะรู้เองทั้งสิ้น

                                 ทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่ความเป็นปกติ  ไม่มีอะไรพิสดาล ทั้งสิ้น แล้วจะรู้เอง  

                                 ถ้าถึงขั้นนี้แล้ว พรหมวิหาร ๔ น่าจะเกิดขึ้นกับตัวเรา  และเราสามารถจะมีสติได้เกิน ๘๐ % ในหนึ่งวัน มันจะไม่คิดอะไรมาก เมื่อไม่คิดก็ไม่ทุกข์ เพราะคนนั้นทุกข์เพราะคิด

                                  ได้เพียงแค่นี้ชีวิตเราก็ไม่เป็นหมั๋นแล้วครับ

                                   สวัสดี


ความสงสัย!



                          วันนี้ภายหลังหุงข้าว เตรียมกับข้าว ขนม และน้ำ ใส่ตระกล้ารอพระมานั้น ก็เดินจงกรมที่หน้าบ้าน ขณะเดินจงกรมก็ด้น้อมนำ ทบทวนธรรมของพระพุทธองค์ ก็เกิดปัญญานมาว่า เพราะ "ความสงสัย" นี่ละจึงเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม คือ พวกชอบตั้งคำถาม  สงสัย เริ่มตั้งแต่วิธีการปฏิบัติธรรม ต่าง ๆ นาๆ ไม่เหมือนกัน  หลวงพ่อแต่ละองค์ท่านก็ว่าของท่านถูกต้อง(เป็นมิจฉาทิฏฐิ) เลยทำให้ญาติโยมสงสัยตั้งแต่ต้นแล้ว

                          ความจริงมันถูกทั้งนั้น เราอย่าไปยึดติดวิธีการอะไรเลย  เมื่อปฏิบัติไปสักพัก เราสามารถจะรู้ได้ด้วยตัวของเราเองทั้งนั้น วิธีการที่หลวงพ่อท่านบอกนั้นมันก็ถูกหมด แต่ท่านทำเพื่อตัวเองเป็นหลัก(ทิฏฐิ) ให้หน้าเชื่อถือ แต่เมื่อท่านทราบความจริงแล้ว มันจะง่ายมาก ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนคือ มีสติอยู่กับอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน และอิริยาบถย่อยต่างๆ ที่ร่างกายเรากำลังทำอยู่ ณ ปัจจุบัน ทำอะไรก็ให้รู้ตัวเข้าไว้  ความไม่รู้ หรือความคิดที่จิตมันคิดมันจะหนีไปเอง คือความรู้ตัวเป็นสัดส่วนโดยตรงข้ามกับความไม่รู้และการคิด ยิ่งรู้ตัวเองมากความคิดจะช้าลง ทำให้เราสามารถใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองได้ ว่าควรกระทำหรือไม่กระทำต่อ มันเกิดขึ้นเร็วพอๆ กันได้เลย  ท่านจะทราบด้วยตัวของท่านเอง ในความรู้สึกอันนี้(มันจะช้าในความรู้สึกของผมเวลาคิด ทำให้ผมมีเวลาที่จะใช้เหตุ-ผลมาพิจารณาได้ทันก่อนที่จะกระทำต่อหรือคิดต่อ)

                           ฉนั้น ความสงสัยนี้เมื่อท่านปฏิบัติธรรมไปมาก ๆ หน่อย ความสงสัยมันไม่มี ไม่เกิด เพราะสิ้นสงสัยด้วย แรงศรัทธา และความจริงที่ค้นพบด้วยตัวเองเกี่ยวกัยธรรมชาติของกายและจิต หรือในสิ่งที่พระพุทธองค์ ให้พิจารณา คือ กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรม เมื่อมันเกิดขึ้นความสงสัยก็หายไป

                           ในสมัยพุทธกาล คนส่วนใหญ่ที่มาโต้วาทะกับพระพุทธองค์ หรือมาถามคำถามกับพระพุทธองค์ ส่วนใหญ่เป็นสรรพพัญญู(เขียนผิด) หรือเป็นวิญญูชนม์เป็นส่วนใหญ่ คือเป็นผู้รู้  ก่อนมาพบพระพุทธเจ้าก็มีแต่ทิฏฐิในตัวเองหลงอยู่ในโมหะ  ไม่ว่าจะอวดดีขนาดไหน แต่เมื่อมาพบพระพุทธองค์ ได้ฟังเหตุ - ผล ที่พระพุทธองค์ทรงอ้าง  อธิบาย  ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง ที่มีอยู่แล้ว บุคคลเหล่านั้นมองไม่เห็นเองด้วยทิฏฐิ แต่พอฟังจากพระพุทธองค์และคิดด้วยปัญญา จึงยอมรับ ได้ดวงตาเห็นธรรม คือรู้ตามที่พระพุทธองค์ทรงอธิบายให้ฟังทันที  เพราะสิ้นความสงสัย นี่เอง(สิ้นทิฏฐิ)

                             แต่บุคคลสมัยนี้ มีแต่ความสงสัยเติมไปหมด  ศรัทธาจึงเกิดน้อย และด้วยโมหะ หรือทิฏฐิ ยิ่งไปกันใหญ่ ผมถึงบอกว่าเพราะ เจ้าความสงสัยนี่ละ เป็นยิ่งกว่าพญามาร แท้แน่ทีเดียว ครับ

                             สวัสดี
                    


ปัญหาของผู้ปฏิบัติธรรม คือ

                           -   วิธีการที่ทำนั้นถุกต้องหรือเปล่า ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเริ่มต้น ก็สงสัยเสียแล้วเพราะกลัวเสียเวลาเปล่า

                           -   เราได้ญาณที่ ๑ ๒ ๓ ๔ หรือยัง

                           -   เราเห็นนรก สวรรค์ หรือเปล่า

                           -   จะมีหูทิพย์  ตาทิพย์ หรือ ฤทธิเดช หรือเปล่า

                           -    ต่าง ๆ นา ๆ มากมายขึ้น  จนทำให้การปฏฆิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า เพราะ "สงสัย"

                           พระท่านจึงบอกว่าอย่าสงสัยให้มากนักเลยโยม  ปฏิบัติไปเถอะเดี๋ยวมันก็รู้เอง  ผลคือพวกนักสงสัยเลิกกลางคันหมดเลย เพราะขาด อินทรีย์ ๕ พละ ๕ และโพชฌงค์ ๗  บางคนรู้แต่เอาไปใช้ไม่เป็น

                           ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระพุทธองค์ทรงสอนนั้น  ต้องปฏิบัติเอง จนถึงที่สุด  จึงจะทราบได้ด้วยตัวเอง เพราะมันเป็น "ปัจจัตตัง คือ ผู้รู้จะรู้ด้วยตัวเองเฉพาะตนเท่านั้น"

                           รู้ งูๆ ปลาๆ แบบผมก็เอาไปใช้กับชีวิตประจำวันได้ แล้วครับ

                           สวัสดี  
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5817 เมื่อ: 28 มีนาคม 2555, 07:45:19 »


สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                        เช้าวันนี้ขณะผมเดินจงกรมที่หน้าบ้านเพื่อรอใส่บาตรเณรนั้น (ตื่นขึ้นมานั่งเจริญสติ หุวข้าว ฝึกโยคะ ชิกง อาบน้ำ เดินไปตลากลุงเพิ่มซื้อกับข้าว-ขนม มาใส่บาตร) วันนี้สติแจ่มใส่ จิตไม่คิดอะไรเลย เดินอยู่นานก็สงบอยู่อย่างนั้น  จึงทราบได้ทันทีว่า ดร.สุริยา  คงไม่ได้เอาธรรมะใดๆ มาให้ผมประเทืองปัญญาแน่ๆ จิตผมมันถึงนิ่งอย่างนี้  หลังจากใส่บาตรเณร กินข้าวเช้า  กินยาแก้ไซนัสอักเสบแล้ว จึงมาเปิดเวบ

                        ก็เป็นจริง ดร.สุริยา  ไม่ได้ยกธรรมะ มาให้ผมได้ศึกษา ในเช้านี้  ผมก็ยังไม่มีอะไีเขียนเพราะจิตมันไม่คิด  จึงขอนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ที่มีพยาบาลท่านหนึ่งบอกน้องสาวผม และน้องสาวผมมาบอกให้ผมทำ เวลาเป็นหวัดคัดจมูก หายใจไม่ออก จะช่วยได้ครับ

                                                              วิธีแก้ให้หายใจโล่งจมูก

                         ๑. น้ำร้อนเดือดมากๆ หนึ่งถ้วยกาแฟ

                         ๒. เหยาะตัวยา น้ำมันเขียวเสลดพังพอน ตราแม่กุหลาบ เป็นผู้คิดค้นได้คนแรก  ลงไปในน้ำร้อนสักสอง-สามหยด แล้วแต่ความเข้มข้น  ที่ต้องการ ท่านทดลองดูแล้วจะเข้าใจได้เอง
                    
                         ๓. เอาจมูกไปสูดไอน้ำร้อนและตัวยาที่ระเหยขึ้นมาเข้าทางจมูกทั้งสองข้าง หรือปิดจมูกทีละข้างสูดลึกๆก็ได้  จะทำให้จมูกโล่ง หายใจสะดวก  ระวังจะจามทันที จมูกโล่ง

                         สรรพคุณ ใช้สูดดม ใช้ดมแก้หวัด  วิงเวียนศรีษะ  ไซนัส

                         สำหรับท่านที่นอนห้องแอร์ เอาไว้หัวที่นอน ไอระเหยของตัวยา จะทำให้นอนหลับสบาย หายใจโล่ง มีบรรยากาศที่ดี

                         ลองดูนะครับ ไม่เสียหาย  สำหรับยานั้น คงสามารถซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ครับ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5818 เมื่อ: 28 มีนาคม 2555, 08:17:30 »






























                              อาหารกลางวันวันนี้เป็นอาหารท้องถิ่นที่เมืองโคโม เสริฟไวน์แดงก่อน (ผมงด) จานแรกเป็นขนมปังแข็ง ๆ และแป้ง pizza ปิ้ง ผมเอามาจิ้มแจ่วอิสาน อร่อยมาก ทุกคนเลยทำตามผม  จานที่สองเป็นสะปาเกตตี้แบบเส้นบะหมี่เหลืองเส้นใหญ่ เมนคอสนั้นผมเลือกสะเต็กปลา และของหวานเป็นขนมเหมือนเค็กเย็นๆ โรยช๊อคโกแลต(เรียนไม่ถูก คล้ายภาษาญี่ปุ่น) และสตรอเบอรี่สด และกาแฟ ปรากฏว่าทางร้านเซอฟที่ละจานและต้องกินให้หมดก่อน ผลคือ ใช้เวลาไปสองชั่วโมงครึ่ง บ่ายสามแล้วถึงจะรับประทานเสร็จ มทางทัวร์ก็ไม่ได้บอก ผลคือเราพลาดการไปร่องเรือทันที

                              จึงแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่ ๑ ร่องเรือตามเดิมในเวลาห้าโมงเย็น ขณะนั่งคอยให้ไปเดินดูของ ๒ คือไปร้าน Outlet ซื้อของ ผมเลยเลือกท่องทะเลสาบ ครับ

                              หลังจากออกจากร้านก็มาเจอฝรั่งกินไอสครีมกราโต้ของอิตาลี พวกเราที่ร่องเรือเลยไปกินคนละอันครับ

                              เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #5819 เมื่อ: 28 มีนาคม 2555, 08:50:27 »

สวัสดีค่ะพี่สิงห์
ตามไปทัวร์ด้วยค่ะ
ดอกไม้นี้ชื่อดอกอะไรค่ะ สวยมากกกก
แหมมมม ... บานไม่เกรงใจผู้ชมเลยน่ะค่ะ

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5820 เมื่อ: 28 มีนาคม 2555, 13:36:34 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องทราย ที่รัก

                              เสียใจด้วย พี่สิงห์ ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เห็นมันสวยดีครับ

                              สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #5821 เมื่อ: 28 มีนาคม 2555, 16:01:36 »

หยีได้รับคำแนะนำจากเพื่อนเช่นเดียวกันว่า .. มาถึงอิตาลีแล้ว
สิ่งที่ต้องทานให้ได้คือ Pizza และ ไอศครีม

หยีได้เจอไอศครีมรสพริกด้วยค่ะ .. ลองทานแล้วด้วย  เป็นเป็นรสพริกจริง ๆ


      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5822 เมื่อ: 28 มีนาคม 2555, 16:33:51 »


สวัสดีค่ะ คุณน้องยาหยี ที่รัก

                              ร้านไอศครีมที่มิลาน นั้นรู้สึกว่าจะเป็นร้านดัง คือตั้งมามากกว่า ๕๐ ปี

                              ในรูป คือรสโยเกิต(อร่อยมาก) สตรอเบอรี่  และวนิลา เป็นที่ร้านริมทะเลสาบโคโม

                              ส่วน Pizza นั้น รับประทานทั้งสามวัน และสปาเกตตี้แต่ละวันไม่เหมือนกันเลยคือเส้น พี่สิงห์ได้แต่ชิมนิดหน่อยเพราะมีแต่มัน วันแรกที่มิลานนั้น คงเป็นร้านดังเพราะวัยรุ่น เต็มร้าน แบบเก้าอี้ดนตรี อร่อยแต่กินไม่หมด กลัวน้ำหนักเพิ่มและอยู่เมืองไทยแทบจะไม่ได้รับประทานเลย ครับ

                              สำหรับไอสครีมอิตาลี พี่สิงห์ไม่รู้จัก พอดีไปกับนายช่างบริสุทธิ์ จาก CPAC เขารู้เรื่องดี ทุกคนเลยแวะไปรับประทานเสียคนละหนึ่งแท่ง ช่วงที่กำลังจะไปเดินเล่น ดูร้านขายของ

                              วัยรุ่น(สาว ๆ ) อิตาเลี่ยนหุ่นดีทุกคนครับ

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5823 เมื่อ: 28 มีนาคม 2555, 16:45:20 »











โบสถ์ในเมืองโคโม



เข้าใจหากิน ครับ




                          ภายหลังจากกินไอศครีม ได้ไปเดินชมร้านค้า คือ Shopping ในเมืองโคโม มีสินค้าแบลนด์เนมมากมาย แมีไม่ได้ซื้ออะไรเลย เดิมชมเฉยๆ พดดีคุณบริสุทธิ์ไปเจอร้านขาย Wine  จึงมาบอก พี่สิงหืเลยได้ซื้อ Red Wine CHANTI คอแดงไก่ดำปี 2006-2008 สองขวดราคา 19.5 และ 22.5 ยูโร เอาไปฝากคุณวิชัย คุณสุดสาคร  และคุณพอล(กินกันไปเมื่อวันอาทิตย์หนึ่งขวด)

                          เวลาห้าโมงเย็นมาลงเรือท่องทะเลสาบ ครับ

                          เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5824 เมื่อ: 28 มีนาคม 2555, 16:58:25 »






























                            เรือที่นั่งนั้นเป็นเรือไฮโดรฟลอย แล่นเร็ว เขาห้ามขึ้นดาดฟ้า ห้ามเดิน  จึงรู้สึกว่าเราโดนหรอกมันไม่ใช่เรือท่องเที่ยว เป็นเรือโดยสาร จึงต้องถ่ายรูปผ่านกระจก และผมก็ถ่ายภาพไม่เป็น แสงมันจึงดูไม่ดี จึงไม่ได้ถ่ายภาพมากครับ

                            เชิญชม
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 231 232 [233] 234 235 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><