24 พฤศจิกายน 2567, 17:50:31
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 227 228 [229] 230 231 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3575085 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 24 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5700 เมื่อ: 16 มีนาคม 2555, 14:45:24 »


หนูอรจ๊ะ ลำบากเรื่องบ้านช่องก็มาอยู่กับยายที่นี่สิ




เห็นไม๊ ยายมีเจ้าทุยอยู่สองตัว  ให้ข้าวให้น้ำเสร็จเดี๋ยวยายจะไปจัดที่นอนให้หนูอรเค้าหน่อย
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5701 เมื่อ: 16 มีนาคม 2555, 15:17:18 »

พูดถึงลิตเติลบุดดา หรือพระพุทธเจ้าปางประสูตรที่เนปาล ที่อินเดียก็มี
 ใกล้กับปาวาฬเจดีย์ที่พระพุทธองค์ปรงสังขาร รัฐบาลญี่ปุ่นสร้างเจดีย์ใกล้ๆกันดังภาพ



และเมื่อขึ้นไปด้านบนทั้ง4ทิศจะมีรูปปั้น4รูปดังเช่นรูปแรก ปางประสูตร มือขวาชี้ทางสู่สวรรค์ มือซ้ายชี้ลงดิน เราจะเหยียบโลกนี้ครั้งสุดท้าย

      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5702 เมื่อ: 16 มีนาคม 2555, 15:22:58 »

ใครไปที่เนปาล จะเห็นลิตเติลบุดดามี2แบบ
แบบแรกเหมือนต้นฉบับของเนปาลคือรูปที่ปรากฎด้านบน
ส่วนแบบที่สองน่าจะดัดแปลงภายหลังเป็นรูปเด็กชี้นิ้วเหมือนกันผ้านุ่งจะสั้นกว่าและมีขายทั่วไปในเนปาลทั้งสองแบบ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #5703 เมื่อ: 16 มีนาคม 2555, 15:30:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 16 มีนาคม 2555, 10:11:02
อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 15 มีนาคม 2555, 21:16:59
อุบาสกปี๊ด ให้คะแนน 10 จาก 10 / มัคนายกสิงห์ ว่าไง รบกวนวิจารณ์หน่อยครับ
เรียน ดร.สุริยา

                      ถ้าจะให้แสดงความเห็นนั้น

                      มันไม่ได้เข้าใจง่ายตามที่ได้ Presentation หรอก มันลึกซึ้งกว่านั้นมาก ขนาดพระพุทธองค์ยังทรงเตือนพระอานนท์ว่า อย่าอานนท์ ปฏิจจสมุปาบาท มันไม่ได้เข้าใจง่ายเพียงนั้น เวลาสอนพระพุทธองค์ยังต้องสอนออกมาในรูปของอริยสัจจ์ ๔ และ ศีล  สมาธิ  ปัญญา เลย

                      แสง เสียง ภาพ คงเป็นคนรุ่นใหม่คิด เน้นมากไป จนน่ารำคาญ ว่าที่จริงเน้นที่แสง เสียง หรือภาพ มากกว่าข้อธรรมะ ที่ต้องการสื่อให้ทราบกันแน่

                      ถ้านำไปเสนอให้คนที่ไม่เข้าใจปฏิจจสมุปาบาท ก็คงเป็นทำนองคุณรองรัตน์ แต่ไม่เข้าใจ  แต่สำหรับผมไม่มีอะไรใหม่ทั้งสิ้น และรู้สึกเฉยๆ เพราะเน้นเสียง แสง ภาพ เกินไป

                      จุดสุดท้ายของชีวิตในการปฏิบัติธรรม คือการปล่อยวาง  ไม่ยึดติดกับอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั้งธรรมะ

                      สวัสดี

หวังว่ารองรัตน์คงไม่เข้ามาอ่าน เดี๋ยว โกรธะ จะปี๊ด
(โกรธะ นี่เป็นอนุพันธ์ (derivative) ของโลภะ โทษะ โมหะ (จากพจนานุกรมฉบับ เสี่ยมิ๊งค์2517))
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5704 เมื่อ: 16 มีนาคม 2555, 15:31:17 »

ที่พุทธคยาก็มีวัดที่รัฐบาลญี่ปุ่นเขาสร้างพระพุทธองค์รวมทั้งสาวกหลายองค์ให้คนเข้าไปกราบใหว้บูชาดังภาพ



      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5705 เมื่อ: 16 มีนาคม 2555, 15:38:27 »


แรงสรัทธาในพุทธศาสนา ที่แห่งนี้เป็นที่ประทับของพระพุทธองค์ ไปกี่ปีๆก็จะเห็นดอกไม้เหลืองอร่ามตลอดเวลา
ลุงคนที่ขายดอกไม้  ได้รับเงินจากคนซื้อไม่มากนัก ตามศรัทธาจะให้หรือไม่ให้ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่คนให้น้อยมาก แต่ดูดอกไม้บูชาสิ

      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5706 เมื่อ: 16 มีนาคม 2555, 15:47:35 »


เจดีย์ใกล้ๆกัน ที่นี่ก็เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าเช่นกัน



      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5707 เมื่อ: 16 มีนาคม 2555, 15:56:05 »


ใครได้มาที่นี่ กลับไปไม่มีใครจนเด็ดขาด เพราะนี่คือบ้านของอนาถะ ปินทิกกะเศรษฐีมีบ่อเงิน บ่อทอง และเพชรพรอย


หลวงพ่อบอก ใครอยากใด้ก็เชิญตักตามใจชอบ กุศลตักมาเต็มกระเป๋าจากทั้งสามบ่อ

      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5708 เมื่อ: 16 มีนาคม 2555, 16:01:47 »

เพชรแท้ เอาไปฝากใว้ที่ธนาคารเรียบร้อยแล้วครับ



ส่วนทองคำรีบขายก่อนราคาทองจะลงก็พออยู่ได้เท่านั้นนะจะ

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5709 เมื่อ: 16 มีนาคม 2555, 20:13:28 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 16 มีนาคม 2555, 13:58:06
สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
 พอหรือเกินพอ หรือขาด
อยุ่ที่ need หรือ want รวมทั้งใจของเราค่ะ
ส่วนมากที่ไม่พอ เพราะ want ค่ะ
คนที่พอ need ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตค่ะ
 อย่างที่อร ซ่อมบ้านหมดไปหลายตังก็เพราะ want  ค่ะ
 ถ้าแค่ need ก็ไม่ต้องปูกระเบื้อง ล้างๆ ก็อยู่ได้ค่ะ
 

สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก

                                สำหรับพี่สิงห์ ขออยู่อย่างพอเพียง ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วสำหรับโลกแห่งการบริโภคนิยม  ไม่แข่งอะไรกับใครทั้งสิ้นในทางวัตถุนิยม มีแค่ไหน เอาแค่นั้น คนเดียวกินนิดเดียว  กินมากมีแต่โรค

                                ถ้าไม่ทำงานจริงๆ กะจะปลูกผักสวนครัวรับประทาน ปฏิบัติธรรม เป็นมัคทายก ช่วยวัด หรือไม่ก็บวชให้ชาวบ้านเลี้ยง แต่จะเป็นพระที่ดี คือจะสอนชาวบ้านในการปฏิบัติธรรม สอนพระสูตรของพระพุทธเจ้า แนะนำชาวบ้านเรื่องการดูแลสุขภาพ ยังทำประโยชน์ได้ บวชก็ดี เป็นมัคทายกก็ดี

                                เธออย่ากังวลเรื่องค่าใช้จ่ายซ่อมบ้านเลย ทำไปแล้วดีทั้งนั้น ไม่ต้องคิดเป็นอดีตไปแล้ว  อยู่กับปัจจุบันในสิ่งที่จะต้องกระทำนี่ละ สุขนัก

                                 พี่สิงห์ ไม่อยู่หนึ่งอาทิตย์ แต่จะพยายามหาอะไรมาให้อ่านกันเท่าที่จะสามารถทำให้ได้ครับ

                                 สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #5710 เมื่อ: 16 มีนาคม 2555, 21:36:55 »

               พี่สิงห์ค่ะ  ไปถึงอิตาลี  มิลานครั้งนี้กลับมาเล่าอีก ช่วงไม่อยู่แฟนคลับก็อ่านธรรมะย้อนหลังใหม่
                            ได้ค่ะ ทั้งรูป ทั้งเนื้อหาบางตอนก็อ่านไม่ละเอียดเท่าไหร่ค่ะ วันนี้น้องสาวก็โทรมาบอกว่า
                            คนดูแลแม่เป็นพี่สาวต้อย ที่จริงเป็นน้องสาวค่ะเพราะต้อยเป็นลูกคนโต น้องใช้ไอแพด
                            อ่านและเปิดรูปให้แม่ฟังดูไปด้วยค่ะ
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5711 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 07:59:32 »

อ้างถึง
ข้อความของ Dtoy16 เมื่อ 16 มีนาคม 2555, 21:36:55
               พี่สิงห์ค่ะ  ไปถึงอิตาลี  มิลานครั้งนี้กลับมาเล่าอีก ช่วงไม่อยู่แฟนคลับก็อ่านธรรมะย้อนหลังใหม่
                            ได้ค่ะ ทั้งรูป ทั้งเนื้อหาบางตอนก็อ่านไม่ละเอียดเท่าไหร่ค่ะ วันนี้น้องสาวก็โทรมาบอกว่า
                            คนดูแลแม่เป็นพี่สาวต้อย ที่จริงเป็นน้องสาวค่ะเพราะต้อยเป็นลูกคนโต น้องใช้ไอแพด
                            อ่านและเปิดรูปให้แม่ฟังดูไปด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อย ที่รัก

                             ขอบคุณมากที่ติดตาม แล้วจะนำรูปเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง

                             คุณน้องต้อย ต้องบอกกับคุณแม่ว่า ภาระต่าง ๆ หน้าที่ต่าง ๆ ของแม่นั้น "หมดไปแล้ว" การเกิดเป็นมนุษย์นั้นอย่าให้เป็นหมั๋น เพราะมันเกิดยากมาก พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบว่า มีเต่าตาบอดตัวหนึ่งอาศัยอยู่ใต้มหาสมุทร ทุก ๑๐๐ หรือ ๑๐๐๐ ปี(ไม่แน่ใจ)จะโผล่ขึ้นมาผิวน้ำ และจะมีขอนไม้ลอยมาให้เกาะพอดี เพื่อให้สามารถเกาะขอนไม้ลอยตัวหายใจสูบอากาศได้ คิดดู ความกว้างของมหาสมุทร ประจวบกับการลอยขอนไม้ และเต่าตาบอดจะมาพบกันมันยากเพียงไหน การเกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ยังยากกว่าอีกหลายเท่านัก

                              ดังนั้น ขอให้ท่านปล่อยวาง หมดภาระท่านแล้ว  ท่านมีโอกาสดี  มีเวลาที่สามารถจะ "รู้ธรรม" ได้ ด้วยการระวังกาย วาจา ใจ ให้อยู่กับปัจจุบัน อยู่ในอิริยาบถต่างๆ ในการเคลื่อนไหวร่างการ และลมหายใจ ก็ให้รู้ทันหมด ไม่หลงติดอยู่ในความคิด คือ รู้สึกตัวแล้วปล่อยวาง(ไม่ปรุงแต่งหรือคิดต่อ) อยู่อย่างนี้ แล้วจะสามารถ "รู้ธรรม" ได้เอง ชีวิตก็จะไม่เป็นหมั๋น ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้

                               สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5712 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 08:05:39 »






ตอนที่ ๓

ทำใจให้คุ้นชินกับความตาย


            ไม่ว่าจะหลีกหนีให้ไกลเพียงใด  เราทุกคนก็หนีความตายไม่พ้น  ในเมื่อจะต้องเจอกับความตายอย่างแน่นอน  แทนที่จะวิ่งหนีความตายอย่างไร้ผล  จะไม่ดีกว่าหรือหากเราหันมาเตรียมใจรับมือกับความตาย  ในเรื่องนี้  มองแตญ  ปราชญ์ชาวฝรั่งเศสได้กล่าวแนะนำว่า  “เราไม่รู้ว่าความตายคอยเราอยู่ ณ ที่ใด  ดังนั้นขอให้เราคอยความตายทุกหนแห่ง”

             สิ่งลี้ลับแปลกหน้านั้นย่อมน่ากลัวสำหรับเราเสมอ  แต่เมื่อใดที่เราคุ้นชินกับมัน  มันก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป  ความตายก็เช่นกัน การเตรียมใจรับมือกับความตายที่ดีที่สุดคือ  การทำใจให้คุ้นชินกับมันเป็นเบื้องแรก  เพื่อมิให้มันเป็นสิ่งแปลกหน้าสำหรับเราอีกต่อไป  เราสามารถทำใจให้คุ้นชินกับความตายได้ด้วยการระลึกนึกถึงความตายอยู่เสมอ  นั่นคือเจริญ  “มรณสติ”  อยู่เป็นประจำ

             การเจริญมรณสติ คือการระลึกหรือเตือนตนว่า

             ๑).เราต้องตายแน่นอน

             ๒).ความตายสามารถเกิดขึ้นกับเราได้ทุกเมื่อ  อาจเป็นปีหน้า  เดือนหน้า  พรุ่งนี้  คืนนี้  หรืออีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็ได้  เมื่อระลึกได้เช่นนี้แล้ว  ก็ต้องสำรวจหรือถามตนเองว่า

             ๓).เราพร้อมที่จะตายหรือยัง  เราได้ทำสิ่งที่ควรทำเสร็จสิ้นแล้วหรือยัง  และพร้อมที่จะปล่อยวางสิ่งทั้งปวงแล้วหรือยัง

             ๔).หากยังไม่พร้อม  เราควรใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่  เร่งทำสิ่งที่ควรทำให้เสร็จสิ้น  อย่าปล่อยเวลาให้สูญเปล่า  หาไม่แล้ว  เราอาจไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งเหล่านั้นเลยก็ได้

             ข้อ ๑). และ ๒). คือความจริงหรือเป็นกฏธรรมชาติที่เราไม่อาจปฏิเสธหรือขัดขืนต้านทานได้  ส่วนข้อ ๓). และ ๔). คือสิ่งที่อยู่ในวิสัยที่เราจะจัดการได้  เป็นการกระทำที่อยู่ในความรับผิดชอบของเราโดยตรง

             การระลึกหรือเตือนใจเพียง ๒ ข้อแรกว่า  เราต้องตายอย่างแน่นอน  และจะตายเมื่อไรก็ได้  หากทำอย่างสม่ำเสมอ  จะช่วยให้เราตื่นตระหนกน้อยลงเมื่อความตายมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าเพราะเตรียมใจไว้แล้ว  แต่ทันทีที่เราตระหนักว่าความตายจะทำให้เราพลัดพรากจากทุกสิ่งที่มีอยู่อย่างสิ้นเชิง  ในชั่วขณะนั้นเองหากเราระลึกขึ้นมาได้ว่า  มีบางสิ่งบางคนที่เรายังห่วงอยู่  มีงานบางอย่างที่เรายังทำไม่แล้วเสร็จ  หรือมีเรื่องค้างคาใจที่ยังไม่ได้สะสาง  ย่อมเป็นการยากที่เราจะก้าวเข้าหาความตายได้โดยไม่สะทกสะท้าน  ยิ่งความตายมาพร้อมกับทุกขเวทนาอันแรงกล้าหากไม่ได้ฝึกใจไว้เลยในเรื่องนี้  ก็จะทุรนทุราย กระสับกระส่ายเป็นอย่างยิ่ง  เพราะไหนจะถูกทุกขเวทนาทางกายรุมเร้า  ไหนจะห่วงหาอาลัยหรือคับข้องใจสุดประมาณ  ทำให้ความตายกลายเป็นเรื่องทุกข์ทรมานอย่างมาก

            ด้วยเหตุนี้ลำพังการระลึกถึงความตายว่าจะต้องเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว  จึงยังไม่เพียงพอ  ควรที่เราจะต้องพิจารณาต่อไปด้วยว่า  เราพร้อมจะตายมากน้อยแค่ไหน  และควรจะทำอย่างไรกับเวลาและชีวิตที่ยังเหลืออยู่  การพิจารณา ๒ ประเด็นหลังนี้จะช่วยกระตุ้นเตือนให้เราไม่ประมาทกับชีวิต  เร่งทำสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ให้แล้วเสร็จ  ไม่ผัดผ่อนไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันก็เห็นความสำคัญของการฝึกใจให้ปล่อยวางบุคคลและสิ่งต่าง ๆ ที่ยังยึดติดอยู่  กล่าวโดยสรุปคือ  ควรพิจารณาทั้ง ๔ ข้อไปพร้อมกัน

             เมื่อครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่  ได้ตรัสแนะนำให้ภิกษุเจริญมรณสติเป็นประจำ  อาทิ  ให้ระลึกเสมอว่าเหตุแห่งการตายนั้นมีมากมาย  เช่น  งูกัด  แมงป่องต่อย  ตะขาบกัด  หาไม่ก็อาจพลาดพลั้งหกล้ม  อาหารไม่ย่อย  ดีซ่าน  เสมหะกำเริบ  ลมเป็นพิษ  ถูกมนุษย์หรืออมนุษย์ทำร้าย  จึงสามารถตายได้ทุกเวลา  ไม่กลางวันก็กลางคืน  ดังนั้นจึงควรพิจารณาว่า  บาปหรืออกุศลธรรมที่ตนยังละไม่ได้  ยังมีอยู่หรือไม่  หากยังมีอยู่  ควรพากเพียร  ไม่ท้อถอย  เพื่อละบาปและอกุศลธรรมเหล่านั้นเสีย  หากละได้แล้ว  ก็ควรมีปีติปราโมทย์  พร้อมกับหมั่นเจริญกุศลธรรมทั้งหลายให้เพิ่มพูนมากขึ้นทั้งกลางวันและกลางคืน

             แม้กระทั่งเมื่อพระองค์ใกล้จะปรินิพพาน  โอวาทครั้งสุดท้ายของพระองค์ก็ยังเน้นย้ำถึงความไม่เที่ยงของชีวิต  ดังตรัสว่า “สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา  ท่านทั้งหลายจงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด”

             ความไม่ประมาท  ขวนขวายพากเพียร  ไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์  เป็นคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงเน้นมากเมื่อมีการเจริญมรณสติ หรือเมื่อตระหนักถึงความไม่เที่ยงของชีวิต  อย่างไรก็ตามเมื่อความตายมาประชิดตัว  พระพุทธองค์ทรงสอนให้ปล่อยวางสิ่งทั้งปวง  ดังทรงแนะนำอุบาสกที่จะช่วยเหลือผู้ใกล้ตาย  ว่าพึงน้อมใจเขาให้ละความห่วงใยในมารดาและบิดา ในบุตรและภรรยา (สามี)  จากนั้นให้ละความห่วงใยในกามคุณ ๕ (หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดความเพลิดเพลินทางกาย)  ละความห่วงใยแม้กระทั่งสวรรค์ทั้งปวง  ตลอดจนพรหมโลก  น้อมใจสู้ความดับซึ่งความยึดติดทั้งปวง  เพื่อบรรลุถึงความวิมุติหลุดพ้นในที่สุด
      

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5713 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 08:19:00 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และ ดร.สุริยา ที่รักทุกท่าน

                                    ภายหลังจากการปฏิบัติธรรม ได้ระยะหนึ่ง สิ่งที่อารมณ์มันเปลี่ยนคือ

                                     - จะรู้ว่าคนเรานั้นคิดอย่างไร

                                     - จะรู้ว่าคนเรานั้นมีทิฏฐิติดตัวมาอย่างไร

                                     - จะเกิดพรหมวิหาร ๔ (เมตตา  กรุณา  มุทิตา อุเบกขา) ขึ้นในจิต

                                     - จะรู็ว่าขันตินั้นต้องใช้อย่างมาก ๆ

                                     - จะรู้ว่าสิ่งไหนทำ พูด คิด ว่าควร ไม่ควรอย่างไรเพราะทราบผลที่จะตามมา

                                     - จะรู้เหตุแห่งการวิวาทของบุคคล

                                     - จะรู้การควบคุมอารมณ์ที่เราไม่ปราถนา  กลับไปอยู่แบบนั้นอีก

                                     - จะรู้ว่าอะไรก่อประโยชน์  อะไรไม่ก่อประโยชน์ก้อย่าไปกระทำเลย

                                     - เข้าใจในสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอน และอื่น ๆ อีกมาก

                                       ทุกอย่างไม่ได้เกิดจากการอ่าน การฟัง การคิด แต่เกิดจากความรู้ ที่ติดตามสังเกตกาย - ใจ ของเรานี่ละ มันเกิดปัญญารู้ของมันเอง เข้าใจได้  สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ให้เราคอยระวังกาย วาจา ใจ ของเรา ให้เราสุข สงบ อย่างพอเพียงได้  ไม่หลงไปกับ ตาเห็นรูป  หูได้ยินเสียง  จมูกได้ดมกลิ่น ลิ้นได้ลิ้มรส  กายได้สัมผัส และปล่อยใจนึกคิด  ไปตามที่จิตมันต้องการ จนหลงติดอยู่ในความคิดตัวเองเป็น "ทิฏฐิ" หรือสันดาน หรือหลงในเจตสิก จนคิดว่าเป็น "อัตตา"

                                       สวัสดีครับ อย่าลืม วันนี้ท่านทำจิตให้ผ่องใสหรือยัง ?
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #5714 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 09:06:14 »

ทำไมเหมือนกับที่รองรัตน์เลคเชอร์ให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ เป๊ะเลย
จะผิดกันอยู่เล็กน้อยตรงที่ท่านเรียกว่า เจตสิก นั้น รองรัตน์ใช้คำว่า จิตเจตสิก
ซึ่งผมคิดว่าคงจะสื่อความหมายเดียวกัน
...
ที่ตรงกันมากสุดคือการย้ำว่า จะเกิดปัญญาไ้ด้ จะต้องปฏิบัติอย่างเดียว
จะใช้วิธีอ่านตำราเอาอย่างที่ผมใช้ ไม่ได้โดยเด็ดหลุด
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5715 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 10:08:54 »

ที่ตรงกันมากสุดคือการย้ำว่า จะเกิดปัญญาไ้ด้ จะต้องปฏิบัติอย่างเดียว
จะใช้วิธีอ่านตำราเอาอย่างที่ผมใช้ ไม่ได้โดยเด็ดหลุด



                                
                                   อันนี้ก็ต้องยิ่งระวังใหญ่เลย เพราะคำสอนหลวงพ่อทุกองค์ที่เป็นนักเทศน์ หนังสือทุกเล่มที่เขียนในทางวิปัสสนา จะบอกเอาไว้ทั้งนั้น  แต่สิ่งที่แท้แน่นอนคือ ผู้ปฏิบัติจะรู้ด้วยตัวเองว่า อะไรควร ไม่ควร อะไรจริงไม่จริง เพราะตัวเองจะโกหกตัวเองไม่ได้ เพราะรู้อยู่แก้ใจดีว่า มันเกิดขึ้นจริง ๆ กับตัวเรา หรือเอามาจากสิ่งที่ได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ได้คิดมา  คนอื่นไม่สามารถทราบได้ทั้งนั้น

                                   และอีกสิ่งที่ชัดเจน คือพรหมวิหาร ๔

                                   ตัวอย่าง ผุ้จัดการจัดซื้อท่านหนึ่ง จะบอกผมเสมอว่า เจ้านายเขานั่งวิปัสสนาเห็นนรก-สวรรค์มาแล้ว  ผมก็บอกว่าผมไม่เคยเห็นเลยทั้งสิ้น มีแต่ความปกติของจิตเท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความจริงก็คือ เจ้านายเขาหาเหตุไล่ลูกน้องออกไม่เว้นแต่ละเดือน  จนคนที่ผมรู้จักต้องออกไปเกือบหมดแล้ว  

                                   ดร.สุริยา  คิดเอาเองก็แล้วกัน

                                   ถ้า ดร.สุริยา สนใจ อิทับปจยตา ปฏิจจสมุปาบาท จริง ไปอ่านพุทธธรรมของพระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ. ปยุตฺโต) หรือพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ ทั้งเล่ม

                                   พระอานนท์เมื่อได้ฟังพระพุทธองค์อธิายให้ฟัง ขยายความ จึงยอมรับว่า อิทัปปจยตาปฏิจจสมุปาบาท นั้นลึกซึ้งจริง ยากที่จะเข้าใจได้ เพราะสามารถอธิบายทุกข์ที่เกิดขึ้นทุกวินาที และวัฏฏสงสารในหมู่สัตว์ได้

                                   ดังนั้น จะเห็นเป็นส่วนใหญ่ หลวงพ่อต่าง ๆ เวลาเทศน์เรื่องนี้ จะไม่ขยายความทั้งสิ้น เป็นดังที่เห็นนั้น เพราะกลัวคนอื่นรู้ภูมิตัวเอง ในเรื่องนี้ (เผลอใจ  ไม่สำรวมอีกแล้วเรา  กระทำตามที่ใจอยากให้กระทำ  กรรมจริง ๆ หนอเรา ที่อยากให้คนอื่นทราบ)

                                   สวัสดี                            

                    
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5716 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 11:19:30 »

       
                             เมื่อสักครู่ ท่านอาจารย์สุพพัดดา  ได้โทรศัพท์มาถามว่าทำไมเมื่อคืนไม่เห็นหน้า คิดถึง  ผมก็ได้เรียนท่านอาจารย์ว่า ผมอยู่นครศรีธรรมราช มาทำงาน จึงไม่ได้ไปเมื่อคืน ท่านอาจารย์บอกว่า ยังคิดถึงเสมอ วันหลังคงได้เจอกันนะ

                                     สงกรานต์นี้ ผมคงต้องหาเวลาไปกราบเท้าอาจารย์ที่บ้าน ครับ

                                     สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5717 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 12:15:44 »



                                  มีคำกล่าวกันว่า "อย่าเกิดเป็นม้าอินเดีย" เพราะเจ้าของเฆี่ยนตี  ใช้งานเกิดกำลัง

                                  แต่เกิดเป็นควายอินเดียยิ่งกว่า ผอมโซ  กินแต่ฟางข้าว หญ้าสดไม่มี  ต้องโดนล่ามเชือกตามที่เห็น  ไม่มีโอกาสวิ่ง โดนรีดนมทุกวัน ขี้เขาก็เอาไปทำเชื้อไฟ  เป็นอย่างนี้ทุกนาที่ อนาจนักควายอินเดีย  
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5718 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 14:57:45 »

 ดร.สุริยา

                                เนวะ ตาวาหัง ภิกขะเว สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพรัหมะเก สัสสะมะณะ พราหมะณิยา ปะชายะ สะเทวะมะนุสสายะ อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง อะภิสัมพุทโธ ปัจจัญญาสิง ฯ

                                  ภิกษุทั้งหลาย เราไม่ยืนยันตนว่า เป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง ไม่มีใครจะเทียบได้ ไม่ว่าจะเป็นเทวดา มาร พรหม แม้มวลมนุษย์ ทั้งที่เป็นสมณะเป็นพราหมณ์ ก็เทียบเท่ามิได้เพียงนั้น

                                  ยะโต จะ โข เม ภิกขะเว อิเมสุ จะตูสุ อะริยะสัจเจสุ เอวันติ ปะริวัฏฏัง ทวาทะสาการัง ยะถาภูตัง ญาณะทัสสะนัง สุวิสุทธัง อะโหสิ ฯ

                                  อะถาหัง ภิกขะเว สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพรัหมะเก สัสสะมะณะพราหมะณิยา ปะชายะ สะเทวะมะนุสสายะ อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง อะภิสัมพุทโธ ปัจจัญญาสิง ฯ

                                  ภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดการหยั่งรู้ การเห็นตามความเป็นจริงดังกล่าวมาหมดจดดีแล้ว เมื่อนั้นเราได้ยืนยันตนเป็นผู้ตรัสรู้ชอบดังกล่าวแล้ว เช่นนั้น

                                  ญาณัญจะ ปะนะ เม ทัสสะนัง อุทะปาทิ อะกุปปา เม วิมุตติ อะยะมันติมา ชาติ นัตถิทานิปุ นัพภะโวติ ฯ

                                  การหยั่งรู้ การเห็นตามความเป็นจริงได้เกิดขึ้นแก่เราแล้วว่า ความหลุดพ้นของเราไม่มีการกลับกำเริบอีกแล้ว ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว ไม่ต้องมีการเวียนว่ายตายเกิดอีก

                                  สรุปคือ ตนเองต้องให้เห็นแจ้งประจักจริง และเป็นประโยชน์ต่อตนเองก่อน จึงจะนำไปแสดง หรือสอนให้รู้ตาม
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #5719 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 15:02:25 »

สวัสดีครับพี่สิงห์
         เข้ามาหาความรู้จากผู้ที่ได้เดินทาง(ปฏิบัติ)แล้ว   ผมยังหอบแผนที่(หนังสือธรรมะ) อยู่เลย
      บันทึกการเข้า
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #5720 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 16:39:14 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 14 มีนาคม 2555, 19:33:29
สวัสดีครับคุณน้องน้ำอ้อย ที่รัก

                                 สวัสดียามค่ำครับ    พี่สิงห์ก็ไม่รู้ว่า ดร.สุริยา  เจ็บขนาดไหน เห็นเสียงยัง  O.K. ไม่น่าเป็นอะไรมาก พระคุ้มครองอยู่แล้ว คนดี ๆ อย่าง ดร.สุริยา

                                 วันเสาร์เธออาจจะได้เจอ ดร.สุริยา  ก็ได้ เพราะคุณณรงฤทธิ์  เชิญชวนเพื่อน ๆ วศ.๑๓ ไปแจกของให้เด็กนักเรียน และชมโรงกลั่นไทยออยที่ศรีราชา ค้างคืนที่นั่น มีตีกอล์ฟ ด้วย เห็นประธานรุ่น คุณณรงค์ศักดิ์ ผู้ว่า กฟภ. ชวนตีกอล์ฟที่ ศรีราชา ส่วนพี่สิงห์ไม่ได้ไปเพราะไปทำงานที่นครศรีธรรมราช ครับ

                                 สวัสดี

  สวัสดีค่ะพี่สิงห์   วันเสาร์นี้น้ำอ้อยไม่ได้อยูที่ศรีราชาค่ะไปส่งลูกสาวที่ลาดกระบังค่ะ   และเตรียมตัวเก็บข้าวของไปเกาหลีค่ะ(ติดตามพี่อ้อค่ะ)   เสียดายจังค่ะไม่ได้พบพี่ป๋องอีกแหละค่ะ    อยากบอกพี่ป๋องว่าบัตร  mk  จะหมดอายุแล้วค่ะ
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #5721 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 16:48:41 »

จริงด้วยครับ ต้องหาบัตร MK มาแจกน้องๆ อีก
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Kaimook
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,132

« ตอบ #5722 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 17:33:04 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 17 มีนาคม 2555, 16:48:41
จริงด้วยครับ ต้องหาบัตร MK มาแจกน้องๆ อีก
  คิคิคิ    พี่ป๋องงานเข้าอีกแล้วค่ะ
     
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5723 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 20:19:24 »

อ้างถึง
ข้อความของ Kaimook เมื่อ 17 มีนาคม 2555, 16:39:14
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 14 มีนาคม 2555, 19:33:29
สวัสดีครับคุณน้องน้ำอ้อย ที่รัก

                                 สวัสดียามค่ำครับ    พี่สิงห์ก็ไม่รู้ว่า ดร.สุริยา  เจ็บขนาดไหน เห็นเสียงยัง  O.K. ไม่น่าเป็นอะไรมาก พระคุ้มครองอยู่แล้ว คนดี ๆ อย่าง ดร.สุริยา

                                 วันเสาร์เธออาจจะได้เจอ ดร.สุริยา  ก็ได้ เพราะคุณณรงฤทธิ์  เชิญชวนเพื่อน ๆ วศ.๑๓ ไปแจกของให้เด็กนักเรียน และชมโรงกลั่นไทยออยที่ศรีราชา ค้างคืนที่นั่น มีตีกอล์ฟ ด้วย เห็นประธานรุ่น คุณณรงค์ศักดิ์ ผู้ว่า กฟภ. ชวนตีกอล์ฟที่ ศรีราชา ส่วนพี่สิงห์ไม่ได้ไปเพราะไปทำงานที่นครศรีธรรมราช ครับ

                                 สวัสดี

  สวัสดีค่ะพี่สิงห์   วันเสาร์นี้น้ำอ้อยไม่ได้อยูที่ศรีราชาค่ะไปส่งลูกสาวที่ลาดกระบังค่ะ   และเตรียมตัวเก็บข้าวของไปเกาหลีค่ะ(ติดตามพี่อ้อค่ะ)   เสียดายจังค่ะไม่ได้พบพี่ป๋องอีกแหละค่ะ    อยากบอกพี่ป๋องว่าบัตร  mk  จะหมดอายุแล้วค่ะ


สวัสดีค่ะ คุณน้องน้ำอ้อย ที่รัก

                                 เธอไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิกี่โมง  ส่วนพี่สิงห์ไปถึงก่อน 17:00 น. สายการบิน Gulf Air ครับ พี่สิงห์หวังว่าจะได้เจอเธอ ที่สนามบิน

                                  ไปเที่ยวให้สนุกครับเกาหลีเหนือ 

                                  สำหรับพี่สิงห์นั้น บอกตรง ๆ ไม่มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศหรอกครับ ยกเว้นพรรคพวกชวนไปเป็นเพื่อน หรือ SIW พาไปประจำปี เท่านั้น เดี๋ยวนี้ทางปูนซิเมนต์ไทยเขาก็ไม่ชวนพี่สิงห์แล้ว เพราะพี่สิงหืไม่ได้เป็นเถ้าแก่ เป็นเพียงวิศวกรลูกจ้าง แล้วแต่เขาจะเมตตาพาไปด้วย คงหมดยุดเดินทาง พอแล้วครับ

                                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5724 เมื่อ: 17 มีนาคม 2555, 20:27:02 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 17 มีนาคม 2555, 15:02:25
สวัสดีครับพี่สิงห์
         เข้ามาหาความรู้จากผู้ที่ได้เดินทาง(ปฏิบัติ)แล้ว   ผมยังหอบแผนที่(หนังสือธรรมะ) อยู่เลย


สวัสดีครับ ท่านขุน ๒๘

                         อย่าถ่อมตนไปเลย ครับ ถึงอย่างไรพี่สิงห์ก็เดินตาม ครับ

                         กำลังจะหาโอกาสไปที่วักป่าสุคะโต อยู่ว่าจะว่างเมื่อไร  แต่ก็คิดเสมอแบบว่า "เพียงแค่คิดก็ผิดแล้วโยม" การปฏิบัติธรรมนั้น ที่ไหนก็ได้

                          ช่วงนี้มารหายหน้าหายตาไปนานมากแล้ว  ความรู้สึกตัวมันไม่ยอมผ่านสมองระเบิดออกไป  ก็ปล่อยมันไปครับ  อยู่แบบปัจจุบันนี่ละ   อารมณ์รับอะไร ๆ ที่เลวร้ายได้มากพอสมควรมาก

                           มีหนังสืออะไรก็ส่งมาบ้าง  

                           พี่สิงห์เขียนเรื่องการดูกาย - ใจ ตัวเองมาก ดร.สุริยา  ก็จะหาว่าเป็นพวกอุตริมนุษยธรรม ไป  ทั้งๆ ที่มีเจตนาดี คืออยากให้ทุกท่านได้รู้ตาม  เขียนตามสิ่งที่สังเกตพบจากตนเอง

                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 227 228 [229] 230 231 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><