24 พฤศจิกายน 2567, 13:16:12
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 223 224 [225] 226 227 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3573169 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 28 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5600 เมื่อ: 10 มีนาคม 2555, 14:01:29 »

มกุฏภัณฑ์นเจดีย์






















                          หลังจากนั้นคระได้เดินทางไปที่มกุฏภัณฑ์นเจดีย์ สถานที่มัลละกษัตริย์ ทรงประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธองค์ กิจกรรมที่ได้กระทำ คือ หลวงพ่อบรรยายและออกอากศมาทางประเทสไทย สวดมนต์เย็น ปฏิบัติธรรมครึ่งชั่วโมง เวียนเทียนรอบสถูปย์สามรอบ

                          เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #5601 เมื่อ: 10 มีนาคม 2555, 14:14:57 »

                     สวัสดีค่ะพี่สิงห์  ภาพคม ชัด เหมือนได้ชิมลางก่อนได้ไปทัวร์อินเดียตามรอยพุทธองค์ค่ะ
                     ชอบข้อเขียนตอนนั่งแทกซี่อ่านแล้วได้เห็นธรรมะว่าต้องลงมือปฎิบัติเอง
                     (นี่สวนทางพี่ป๋อง  อ่านได้ ห้ามชม ห้ามติ)อีกแล้ว
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5602 เมื่อ: 10 มีนาคม 2555, 14:23:52 »

วัดไทยกุสินาราเฉลิมราช






































                            คณะได้ไปทอดผ้าป่าที่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราช ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน เป็นผู้ออกแบบสถูปย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และเส้นพระเกษาของพระองค์ด้วย

                            เป็นวัดไทยที่สวยงามมาก มีสถานพยาบาลสร้างโดยสมเด็จพระเทพฯและสถานฝึกอาชีพสร้างโดย....ให้คนอินเดียได้ใช้บริการ

                            เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5603 เมื่อ: 10 มีนาคม 2555, 20:10:42 »


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                               วันนี้ผมได้รับพัสดุภัณฑ์จากไปรษณีย์ ที่คุณกรองอร (คุณอ้อย) ส่งมาให้ผม ต้องกราบขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นหนังสือที่ผมยังไม่เคยอ่านเลยทั้งสิ้น  ได้แก่

                               - ธรรมะสำหรับผู้ป่วย

                               - การช่วยเหลือผู้ป่วยระยะสุดท้ายด้วยวิธีแบบพุทธ

                               - ระลึกถึงความตายสบายนัก

                               - ฉลาดทำใจ

                               - ความสุขที่แท้

                                 หนังสือทั้งสามเล่มเขียนโดย หลวงพ่อไพศาล  วิสาโล  เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต  อำเภอแกร่งค้อ จังหวัดชัยภูมิ

                                 ขณะนี้ผมมีคนที่รักอยู่สามท่านที่กำลังป่วย  ผมจะต้องไปสอนด้วยธรรมะ คือ

                                ๑. พี่กุ้ง ภรรยาพี่พงษ์ศักดิ์ ป่วยเป็นมะเร็งระยะที่สี่ในช่องท้อง  กำลังทุกข์หนัก  นอนไม่หลับ รอวันตายจาก

                                ๒. พี่ฉวี ลูกสาวของน้องสาวพ่อ อยู่คนเดียวสามีเสียชีวิตแล้ว เป็นโรคเบาหวาน ความดัน หลอดเลือด กำลังจะเดินไม่ได้ และทำใจไม่ได้อยากไปทุกสิ่ง โดยเฉพาะการกิน ทุกครั้งที่ผมกลับไปทำบุญจะแวะไปสอนธรรมะ เสมอ เพื่อให้เอาชนะใจตนเองกับการกิน

                                ๓. ลูกสาวผม คุณกุ้ง  จาก SIW ที่ป่วยเป็นอำมพฤกษ์ซีกขวา  กำลังหัดเดิน  กำลังหัดพูดใหม่  ต้องใช้ธรรมะ

                                 ทั้งสามท่านนี้ต้องได้รับการเยียวยาทางใจทั้งสิ้น  เพื่อการปล่อยวาง  ลดความอยาก  และหายวิตกกังวล  คงเป็นหน้าที่ ที่ผมจะไปช่วยเหลือด้วยธรรมะ คงต้องอาศัยหนังสือที่คุณอ้อย  ส่งมาทั้งห้าเล่มนี้ ได้จังหวะเวลาพอดีเลย  ต้องขอกราบขอบคุณ  คุณอ้อย เป็นอย่างยิ่งทีเดียว ที่จะได้สงเคราะห์ผู้ป่วยที่ผมรักทั้งสิ้น  

                                  ขออานิสงค์ที่พึงบังเกิดขึ้นนี้ ขอให้ครอบครัวของคุณอ้อย และคุณแม่คุณอ้อย  มีสุขภาพแข็งแรง  ประสพแด่ความสุข ไม่เจ็บป่วย ครับ

                                  ขออนุโมทนา

                                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5604 เมื่อ: 10 มีนาคม 2555, 20:20:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ Dtoy16 เมื่อ 10 มีนาคม 2555, 14:14:57
                     สวัสดีค่ะพี่สิงห์  ภาพคม ชัด เหมือนได้ชิมลางก่อนได้ไปทัวร์อินเดียตามรอยพุทธองค์ค่ะ
                     ชอบข้อเขียนตอนนั่งแทกซี่อ่านแล้วได้เห็นธรรมะว่าต้องลงมือปฎิบัติเอง
                     (นี่สวนทางพี่ป๋อง  อ่านได้ ห้ามชม ห้ามติ)อีกแล้ว

สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อย ที่รัก

                            ขอบคุณมากที่ชม ดร.ป่อง  ได้งามนัก

                            คุณแม่เธอเป็นอย่างไรบ้าง  ประมาณเดือนเมษา จะหาโอกาสไปเปิดตาที่กระบี่บ้าง  จะแวะไปเยี่ยม จะไปกับพนักงานขายของ SIW ครับ

                            สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #5605 เมื่อ: 10 มีนาคม 2555, 20:37:13 »

                 ค่ะพี่สิงห์ ยินดี และ จะดีใจมากที่พี่สิงห์แวะมากระบี่เพราะเวลาพี่อยู่นครฯก็หาเวลาแวะไปไม่ค่อยมี
                 รวมทั้งคณะSIWด้วย     คุณแม่ต้อยท่านสบายดี มีน้องสาว อยู่ดูแลเรื่องอาหารช่วงนี้งดนมค่ะ
                 แม้แต่ถั่วเหลืองซึ่งมีเลซิตินค่อนข้างย่อยยาก  มีผักที่ปลูกเองกับข้าวกล้องเป็นหลักค่ะ

                ขอบคุณพี่สิงห์กับพี่กุศลสำหรับภาพงามๆค่ะ
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5606 เมื่อ: 10 มีนาคม 2555, 20:48:06 »

สวนลุมพินีวัน  สถานที่พระพุทธองค์ ทรงพระประสูติ  ประเทศเนปาล



























ผมได้แต่นั่งเจริญสติ ปฏิบัติธรรม ให้แม่ ครับ







แม่ดีใจจนน้ำตาไหล  ที่ลูกพาแม่มาสถานที่พระพุทธองค์ประสูติ

และลูกได้กราบเท้าแม่  นึกถึงบุญคุณของแม่ ค่าน้ำนมของแม่  ภายหลังจากเสียงเพลงค่าน้ำนมจบลง



                            สวนลุมพินีวัน อยู่ในประเทศเนปาล  ห่างจากชายแดนประมาณ ๓๐ กิโลเมตร ทางการเนปาลได้รับเงินอุดหนุนจากญี่ปุ่นจำนวนมาก  และมีบริเวณกว้างมาก แบ่งการจัดการเป็นโซน วัด ต่อไปคงมีโรงแรมชั้นดี เพราะมีบริเวณ ไม่เหมือนทีอินเดีย

                            การเดินทางจากถนนต้องเดินไปไกลประมาณกิโลเมตรกว่า ๆ หรือไม่ก็นั่งรถสามล้อ ครับ

                            ภายในอาคารกำลังบูรณะ ขุดคุ้ย โดยทีมงานฝรั่ง  

                            ภายในมีรอยเท้าแกะสลักของพระพุทธองค์บนหินเก้าที่เจ็ด ก้าวที่พระพุทธองค์ทรงชี้นิ้ว(คำสามัญ) ขึ้นบนฟ้า และลงดินข้างละมือ ต้องขอให้ ดร.กุศล เอาภาพ Baby Budda ออกมาโชว์ครับ และมีภาพแกะสลักตอนประสูติ ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช  ห้ามถ่ายรูป

                            กิจกรรมที่กระทำคือ ฟังหลวงพ่อบรรยาย และถ่านทอดมายังประเทศไทยด้วย สวดมนต์  ปฏิบัติธรรม ร้องเพลงค่าน้ำนมเพื่อระลึกถึงบุญคุณแม่ ให้ลูกที่พาแม่มาได้กราบเท่าคุณแม่ คุณพ่อ และเวียนเทียน ทั้งรอบเสาอโศก และภายในอาคารที่เห็นครับ

                            เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #5607 เมื่อ: 10 มีนาคม 2555, 20:50:23 »

                             
                      พระมหาธาตุที่วัดบางเหรียงและทิวทัศน์รอบรอบ
                         
                         
                    ภาพนี้กำลังจะเป็นหอพระไตรปิฎก เป็นจุดที่สวยแห่งหนึ่งของอ่าวลึก เจ้าอาวาสก็อยากจะรักษาที่ไว้ด้วยการสร้าง
      บันทึกการเข้า

Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #5608 เมื่อ: 10 มีนาคม 2555, 20:55:26 »

                        อะห้า อะห้า มีภาพมาแทรกบรรยากาศ ขออำไพค่ะ
                        ภาพเชิญชวนมากระบี่ (แต่มาจริงพาไปหาดอ่าวนาง ไร่เลย์)
                       และแสงสี (ของพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด)
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5609 เมื่อ: 11 มีนาคม 2555, 08:01:35 »

อ้างถึง
ข้อความของ Dtoy16 เมื่อ 10 มีนาคม 2555, 20:55:26
                        อะห้า อะห้า มีภาพมาแทรกบรรยากาศ ขออำไพค่ะ
                        ภาพเชิญชวนมากระบี่ (แต่มาจริงพาไปหาดอ่าวนาง ไร่เลย์)
                       และแสงสี (ของพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด)

สวัสดียามเช้าค่ะ คุณน้องต้อย ที่รัก

                      ไม่ได้มาขัดจังหวะ แต่ไม่รู้กันเท่านั้น มันนา นา จิตตัง อย่าไปยึดติดอะไรมันเลย ได้ทั้งนั้น

                      พี่สิงห์ไป ๒ คน คือคุณตี้ (พนักงานขายของ SIW ที่ดูแลภาคใต้) ที่ต้องชวนไปเพราะเขาไปขายของก็จริงในแต่ละเดือน แต่ไม่เคยได้ท่องเที่ยวเลย คือไปทำงาน (และเจ้านายโทรศัพท์ตรวจสอบตลอด) ถ้าเขามีผมไปด้วย เบิกค่าโรงแรม ค่าน้ำมันรถ เบี้ยเลี้ยง ได้ และค่ากินได้บางมื้อ บางโอกาส เพราะมีผมเป็นข้ออ้าง ที่ทางเจ้านายเขามีข้อยกเว้นสำหรับผมเป็นกรณีพิเศษ ในฐานะลูกค้า และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ 

                        สำหรับผมนั้น จะได้มีรถพาไป ถึงจะมานครฯ ทุกอาทิตย์ก็จริง แต่ไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากโรงแรม-โรงงาน ไม่เคยสัมผัสน้ำทะเลมานานมากแล้ว

                        แต่ต้องรอคุณตี้จัด Trip ของตัวเอง และของผมให้ตรงกันเท่านั้น

                        เช่นเดียวกัน ผมต้องขึ้นไปเชียงราย - เชียงใหม่ ก็ต้องจัด Trip ระหว่างผมกับสุธี (พนักงานขายของ SIW ที่ดูแลภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน) ให้ตรงกัน จึงจะเอื้อประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

                         ขอเป็นช่วงที่คนอื่นเขาไม่ไปเที่ยวกัน จะได้ไม่ไปแย่งใครทั้งสิ้น

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5610 เมื่อ: 11 มีนาคม 2555, 08:32:01 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                              วันอาทิตย์ ผมอยู่บ้าน เพราะอยากพักผ่อนจากหวัดแดด และตาแดงจากลมร้อน

                              เช้านี้จึงลุกขึ้นมาหุงข้าว  เดินไปซื้อกับข้าว และใส่บาตรเณรตอน 07:00 น. ที่หน้าบ้านครับ

                              08:00 น. ฝนตก แต่ไม่หนัก วันนี้อากาศคงไม่ร้อนจัดเพราะท้องฟ้ามีเมฆมาก ขมุกขมัว แต่เหมาะกับการเป็นไข้หวัดเป็นอย่างมาก

                              พรุ่งนี้ผมคงต้องงดกิจกรรมไปสุรินทร์ ตามที่นัดไว้ เพราะ ร่างกายไม่ไหว  ตาแดงมากจากหวัดแดด  ขอกลับไปสิงห์บุรี ไปพบคุณหมอวิทิต  เพื่อรักษาตัวเองที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี และไปเยี่ยมแม่ ดีกว่า

                              สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #5611 เมื่อ: 11 มีนาคม 2555, 09:49:58 »

@พี่สิงห
คุณแม่กลับมาอยู่บ้านแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5612 เมื่อ: 11 มีนาคม 2555, 12:26:46 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sitthiphong เมื่อ 11 มีนาคม 2555, 09:49:58
@พี่สิงห
คุณแม่กลับมาอยู่บ้านแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ


สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก

                             แม่กลับมาอยู้บ้าน นั้นความสะดวกสบาย มันสู้อยู่โรงพยาบาลไม่ได้ เพราะตัวช่วยคือพยาบาล  แต่มีปัยหาตรงคนดูแลประจำที่เบื่อ ไม่สะดวกต่าง ๆ ในหลายด้าน  พี่สิงห์ต้องจำยอม แต่คุณหมอวิทิต  ก็มาดูแลทุกวัน เพราะอาการของแม่ ไม่มีอะไรมาก ประคองให้แผลที่มีอยู่เดิม หาย หรือไม่เพิ่มขึ้น เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ร่างกายมันก็โรยลา ลงไปตามวิถีทางของกฏไตรลักษณ์ จะอยู่หรือไม่  ไม่มีผลใด ๆ ทั้งสิ้น ต่อผม  แต่ก็อยากให้อยู่นาน ๆ เท่านั้น

                             ลำบากมากก็ต้องมีคนไปรับอาหารเหลวจากทางโรงพยาบาลทุกวันมาให้แม่ เท่านั้นเอง  ผมก็ยังสามารถไปเยี่ยมได้ทุกอาทิตย์ เหมือนเดิม เพียงแต่ช่วงนี้กลัวเอาหวัดแดดไปติดแม่เท่านั้น  เราต้องรู้ว่าภูมิต้านทานแม่ต่ำ

                             ถ้าแผลหายทันสงกรานต์ คงพาแม่กลับไปบ้านที่ บ้านเดิมได้ ดังเช่นทุกปีที่ผ่านมาครับ

                             ควันไฟที่เชียงใหม่เป็นอย่างไรบ้าง อยากทราบ เพราะจะไปเชียงใหม่กับสุธี ครับ

                             ขอบคุณมาก

                             สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5613 เมื่อ: 11 มีนาคม 2555, 20:38:43 »

วัดพระเชตวัน ของท่านอาณาบิณฑิกเศรษฐี






































                         วัดพระเชตวันของท่านอณาบิณฑิกเศรษฐี นั้น พระพุทธองค์จำพรรษาอยู่นานมาก คณะได้เยี่ยมชม สวดมนต์ ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ และเวียนเทียนสามรอบ พระคันธกุฎีของพระพุทธเจ้า

                          สวดมนต์ที่ศาลาแสดงธรรมของพระพุทธองค์ ที่พระปฎาจารีเถรีมาขอบวช กุฏิพระอรหันต์ ๘ ทิศ ยังหลงเลือซากมากมายให้ปลงสังเวชย์ ได้ไปสวดมนต์ที่พระอานันทโพธิ์ ที่ปลูกโดยท่านอณาบิณฑิกเศรษฐี และพระอานนท์เป็นคนดูแล พระโมคคัลลานะ เป็นผู้ไปนำเม็ดมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา

                          เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5614 เมื่อ: 12 มีนาคม 2555, 08:05:26 »

ขันฺติ  ปรมํ  ตโป   ตีติกฺขา

ความอดทนคือความอดกลั้น  เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยอดเยี่ยม




สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                               วันนี้ผมขอพักผ่อนอยู่บ้าน เลยได้มีโอกาสหุงข้าว  เดินไปซื้อกับข้าว และได้ใส่บาตรพระ ที่หน้าบ้าน ครับ  

                               และก็ดีใจ ที่เห็นพี่ตุ๊(ภรรยาพี่วสินต์) ตื่นแต่เช้ามาเปิดประตูที่หน้าบ้าน ผมกำลังเดินจงกรมออกกำลังกายมือถือถาดใส่ของใส่บาตรพระอยู่หน้าบ้านพอดี จึงกล่าวสวัสดียามเช้า และถามว่าจะไปไหนหรือ พี่ตุ๊ ตอบว่า เห็นเธอใส่บาตรพระทุกวัน  เลยอยากใส่บาตรพระบ้าง วันนี้เลยเตรียมข้าว กับข้าว ของใส่บาตรอย่างเธอ  ผมก็เลยอนุโมทนา ด้วยและบอกว่า ใส่บาตรพระ ตายไปอย่างน้อยไม่ตกนรก และถ้าจะให้ดี ให้กล่าวคำถวายอาหารทุกครั้ง จะได้กุศลเพิ่ม พระท่านจะได้ฉันได้โดยชอบ ไม่ต้องพิจารณาอาหาร และเราก็มีจิตผ่องใส (พอดีพี่ตุ๊ เอาหนังสือสวดมนต์ ที่ผมให้ไว้ถือติดมือมาด้วย)

                               นั่นเป็นตัวอย่าง ๆ หนึ่งในเรื่องของความอดทนอดกลั้น ครับ การทำความดีนั้น ต้องทำด้วยความสม่ำเสมอ ไม่สนใจว่าใครจะมองเห็นหรือไม่ ขอให้กระทำอย่างต่อเนื่อง  มีความอดทน อดกลั้นในการทำเข้าไว้  สักวันหนึ่งคงจะมีคนกระทำตาม เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สังคมจะเป็นสุข  ผมใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน  เดินออกกำลังกายที่หน้าบ้าน เดี๋ยวนี้มีคนทำตามผมหลายท่าน  อย่างน้อยผมก็ทำให้พี่ตุ๊ละอายใจ จนลุกมาหุงข้าวใส่บาตรพระได้ เพราะพี่ตุ๊ มีความพร้อมมากกว่าผม  ทำไม่จะทำไม่ได้

                               ในการปล่อยวางในสิ่งที่เราประสบอยู่ทุกวินาที ทุกนาที  ทุกวัน ที่บ้าน ที่ทำงาน สถานที่ต่าง ๆ ในสิ่งที่เราไม่รัก ไม่ชอบ ไม่สบอารมณ์ ไม่พอใจ  พอใจ  ดีใจ หรือเฉย ๆ ก็ตามทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจนึกคิด ย่อมเกิดขึ้นเสมอ ขอให้เราใช้คำสอนของพระพุทธองค์ คือขันติ ความอดทนอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยอดเยี่ยม นั้นเป็นความจริงเสมอ และให้ใช้ประกอบกับการมีสติ  ความรู้สึกตัว ปัญญาย่อมเกิด เราก็จะสามารถปล่อยวางในสิ่งที่เราไม่รัก ไม่ชอบ ที่ประสบอยู่เสมอนั้นได้  เราก็จะมีแต่ความสุข สงบ

                               ในการละการกระทำความชั่ว หรือการละอกุศลกรรมต่าง ๆ ก็ดีนั้น เราต้องระวังจิตของเรา โดยใช้ "ขันติ" คือความอดทนอดกลั้น  นี่ละจะทำให้เราไม่หลงอยู่ในความคิดของเราที่จะกระทำอกุศลกรรม ได้

                               ในการสวดมนต์ก่อนนอนก็ดี  ขอให่สวดดัง ๆ เทวดาท่านสามารถรับฟังภาษาบาลีได้ แล้วท่านจะพบว่าท่านสามารถนอนหลับได้สนิท อย่างมีความสุข  เพราะเทวดาจะขอบคุณท่าน ที่สวดมนต์ให้ฟัง ขอให้ใช้ขันติ เพราะการจะสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่กระทำทุกวัน  จึงต้องใช้ขันติอย่างมาดเช่นกัน เพื่อเอาชนะตัณหาจากตัวของเรา

                               อย่าลืม ในแต่ละวินาที  นาที วัน ขอเพียงมี "ขันติ  สติ  ปัญญา" เท่านั้น เราจะสามารถปล่อยวางได้ และประสบแต่ความสงบสุข นี่คือความจริงเสมอ  ท่านสามารถค้นพบได้ด้วยตัวท่านเอง

                               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5615 เมื่อ: 12 มีนาคม 2555, 08:18:56 »

ทรงแสดงยมกปาฏิหาร






















                              นี่คืเนินมะม่วงที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงยมกปาฏืหาร เพื่อกำหราบพวกเดียรถีย์ 

                              เป็นสถานที่บรรดาเกจิอาจารย์เมืองไทยที่นิยมของขลัง โดยเฉพาะหลวงพ่อรอด  หลวงพ่อคง  ต้องมาเอาดินจากเนินนี้ไปทำพระ ครับ

                              เชิญชมภาพ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5616 เมื่อ: 12 มีนาคม 2555, 08:24:57 »

"ยมกปาฏิหาริย์อัศจรรย์ไฟคู่น้ำ"


                             เมื่อครั้งที่พระปิณโฑละภารทวาชะทำปาฏิหาริย์สำแดงฤทธิ์ ให้เศรษฐีในพระนครราชคฤห์ผู้หนึ่งได้ประจักษ์ว่า มีพระอรหันต์บังเกิดขึ้นในโลกแล้ว ครั้นพระพุทธเจ้าทรงทราบความแล้ว พระบรมศาสดาทรงตำหนิและมีบัญญัติห้ามมิให้พระสาวกทำปาฏิหาริย์อีกต่อไป

                             ครั้นพวกเดียรถีย์ได้ทราบข่าวพากันดีใจว่าเป็นโอกาสของเราแล้วจึงให้สาวกของตนออกประกาศว่า เราจะทำปาฏิหาริย์กะพระสมณโคดมเมื่อพระเจ้าพิมพิสารได้ทรงสดับข่าวนั้นแล้ว ร้อนพระทัยด้วยความเป็นห่วง รีบเสด็จไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่พระวิหาร ทูลถามว่า

          "พระองค์ทรงบัญญัติ ห้ามพระสาวกทำปาฏิหาริย์เป็นความจริงหรือพระเจ้าค่ะ"
          "เป็นความจริง มหาบพิตร" พระบรมศาสดาทรงรับสั่ง
          "ถ้าพวกเดียรถีย์จะทำปาฏหาริย์แล้วพระองค์จะทำอย่างไร"
          "ถ้าพวกเดียรถีย์ทำ ตถาคตก็จะทำด้วย"
          "ก็พระองค์ทรงบัญญัติห้ามแล้วมิใช่หรือ"
          "ถูกแล้ว มหาบพิตร ตถาคตห้ามพระสาวกต่างหาก หาได้ห้ามอาตมาไม่ เหมือนเจ้าของสวนผลไม้ห้ามเก็บผลไม้ ความจริงก็หาได้ห้ามเจ้าของสวนเก็บมิใช่หรือ มหาบพิตร"
          พระเจ้าพิมพิสารทูลถามต่อไปว่า "พระองค์จะทำที่ไหนและจะทำเมื่อใด"
          "ถวายพระพร อาตมาจะทำที่เมืองสาวัตถี ในวันเพ็ญเดือน ๘ นับแต่นี้ไปอีก ๔ เดือน"

                           ครั้นพระบรมศาสดาเสด็จอยู่ที่พระนครราชคฤห์พอสมควรแก่อัธยาศัยแล้ว ก็เสด็จดำเนินไปยังพระนครสาวัตถี พวกเดียรถีย์พากันกลั่นแกล้งโจษจันว่าพระสมณโคดมหนีไปแล้ว เราจะไม่ลดละจะติดตามไปทำปาฏิหาริย์ด้วย

                           ครั้นย่างเข้าเดือน ๘ ใกล้เวลาทำปาฏิหาริย์ พวกเดียรถีย์ได้จัดสร้างมณฑปใหญ่ประดิษฐ์ด้วยไม้ตะเคียนงามวิจิตร ประกาศให้มหาชนทราบว่าตนจะทำปาฏิหาริย์ที่นี้

                           ครั้นนั้นพระเจ้าปัสเสนทิโกศลเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา รับจะทำมณฑปถวายเพื่อทำปาฏิหาริย์ พระบรมศาสดาไม่ทรงรับ ตรัสว่า อาตมาจะไม่ใช้มณฑปทำปาฏิหาริย์ แต่จะอาศัยร่มไม้มะม่วงทำปาฏิหาริย์

                             ครั้นพวกเดียรถีย์ทราบว่า พระบรมศาสดาจะทรงทำปาฏิหาริย์ที่ร่มไม้มะม่วง จึงจ่ายทรัพย์จ้างให้คนทำลายต้นมะม่วงในที่สาธารณะทั้งในและนอกเมืองให้หมดเพื่อมิให้โอกาสแก่พระพุทธเจ้าทรงทำปาฏิหาริย์

                              ครั้นถึงวันเพ็ญแห่งอาสาฬมาส คือเช้าแห่งวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกเสด็จเข้าไปภายในพระนคร สาวัตถีเพื่อบิณฑบาต ประจวบกับราชบุรุษผู้รักษาสวนหลวงคนหนึ่งเชื่อคัณฑะ เห็นมะม่วงทะวายมีมดแดงทำรังหุ้มอยู่กำลังสุก จึ้งได้สอยมะม่วงผลนั้นลงมา เมื่อทำความสะอาดดีแล้วก็จัดใส่ภาชนะนำไปจากสวนเพื่อถวายพระราชา พอดีเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาแต่ไกลก็มีความเลื่อมใส พลางดำริ มะม่วงผลนี้หากเราจะเอาไปถวายพระราชาก็คงจะได้รับพระราชทานรางวัลไม่เกิน ๑๕ กหาปนะ แต่ถ้าเราจะน้อมถวายพระพุทธเจ้าแล้ว จะเป็นมหากุศลอำนวยอานิสงส์ผลให้ประโยชน์สุขแก่เราสิ้นกาลนาน เมื่อนายคัณฑะดำริเช่นนี้แล้ว ก็น้อมมะม่วงสุกผลนั้นเข้าไปถวายพระพุทธเจ้า

                               ครั้นพระบรมศาสดาทรงรับผลมะม่วงของนายคัณฑะแล้วประสงค์จะประทับนั่ง ณ ที่ตรงนั้น พระอานนท์เถระจัดอาสนะถวายประทับตามพุทธประสงค์ ครั้นประทับนั่งแล้ว ทรงหยิบผลมะม่วงในบาตรส่งให้พระอานนท์ทำปานะ พระอานนท์ก็จัดทำปานะมะม่วง คือน้ำผลมะม่วงคั้นถวายตามพระประสงค์ ครั้นพระบรมศาสดาเสวยแล้วก็ทรงส่งเมล็ดมะม่วงให้นายคัณฑะว่า "คัณฑะ! เธอจงคุ้ยดินร่วนขึ้นทำเป็นหลุม ปลูกมะม่วงเมล็ดนี้ ณ ที่นี้เถิด " นายคัณฑะก็จัดปลูกมะม่วงเมล็ดนี้ ณ ที่นั้น

                               พระพุทธเจ้าทรงล้างพระหัตถ์เหนือพื้นดินบนเมล็ดมะม่วงนั้นในทันใดนั้นก็พลันบังเกิดความอัศจรรย์ขึ้น เมล็ดมะม่วงนั้นเกิดงอกออกต้นขึ้นทันที และในช่วงขณะที่นายคัณฑะพร้อมด้วยพระสาวกทั้งหลายมองดูอยู่ด้วยความพิศวง ต้นมะม่วงต้นน้อย ๆ นั้นก็เติบโตใหญ่ขึ้น ๆ ออกกิ่งใหญ่ ๆ ถึง ๕ กิ่งยื่นยาวออกไปถึง ๕๐ ศอก ทั้งล้วนตกดอกออกผล มีทั้งผลดิบผลสุก แลอร่ามไปทั้งต้น ร่วงหล่นเกลื่อนพื้นพสุธา

                                นายทัณฑะมีปีติเลื่อมใส ได้ประสบอัศจรรย์เฉพาะหน้าก็เก็บผลมะม่วงสุกที่หล่นมาถวายพระสงฆ์ทั้งหลายที่ติดตามมาให้ฉันจนอิ่มหนำสำราญทั่วกัน

                                เมื่อพระบรมศาสดาทรงได้ไม้คัณฑามพฤกษ์อันสมบูรณ์ด้วยกิ่งใบสูงใหญ่งามด้วยปริมณฑล สมดังพระประสงค์เช่นนั้น ก็ทรงตั้งพระทัยจะทรงทำปาฏิหาริย์สืบไป ครั้นเวลาบ่ายแห่งวันเพ็ญอาสาฬมาสพระบรมศาสดาเสด็จออกจากพระคันธกุฏีประทับยืนอยู่ที่มุข ท่ามกลางพุทธบริษัทซึ่งมาสโมสรกันเนืองแน่น โดยใคร่จะชมปาฏิหาริย์ จึงทรงนิมิตจงกรมแก้วอันกว้างใหญ่เหนือยอดไม้คัณฑามพฤกษ์ไพศาล งามตระการวิจิต ควรแก่ความเป็นพุทธอาสน์ที่ประทับสำหรับแสดงปากิหาริย์ พระบรมศาสดาทรงเสด็จลีลาศขึ้นประทับนั้งยังจงกรมแก้วมโหฬารทรงกระทำปาฏิหาริย์ให้บังเกิด

          ท่อไฟพุ่งออกจากพระกายเบื้องบน สายน้ำพุ่งออกจากพระกายเบื้องล่าง และท่อไฟพุ่งออกจากพระกายเบื้องล่าง สายน้ำพุ่งออกจากพระกายเบื้องบน เป็นคู่ ๑
          ท่อไฟพุ่งออกจากพระกายเบื้องหน้า สายน้ำพุ่งออกจากพระกายเบื้องหลัง และท่อไฟพุ่งออกจากพระกายเบื้องหลัง สายน้ำพุ่งออกจากพระกายเบื้องหน้า เป็นคู่ ๑
          ท่อไฟพุ่งออกจากพระเนตร (ตา) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากพระเนตรข้างซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากพระเนตรข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากพระเนตรข้างขวา เป็นคู่ ๑
          ท่อไฟพุ่งออกจากพระกรรณ (หู,ใบหู) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากพระกรรณข้างซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากกรรณข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากพระกรรณข้างขวา เป็นคู่ ๑
          ท่อไฟพุ่งออกจากช่องพระนาสิก (จมูก) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากช่อพระนาสิกข้างซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากช่องนาสิกข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากช่องนาสิกข้างขวา เป็นคู่ ๑
          ท่อไฟพุ่งออกจากจงอยพระอังสา (บ่า,ไหล่) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากจงอยพระอังสาข้างซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากจงอยพระอังสาข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากจงอยพระอังสาข้างขวา เป็นคู่ ๑
          ท่อไฟพุ่งออกจากพระหัตถ์ (มือ) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากพระหัตถ์ข้างซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากพระหัตถ์ข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากพระหัตถ์ข้าวขวา เป็นคู่ ๑
          ท่อไฟพุ่งออกจากประปรัศว์ (ข้าง,สีข้าง) เบื้องขวา สายน้ำพุ่งออกจากพระปรัศว์เบื้องซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากพระปรัศว์เบื้องซ้ายสายน้ำพุ่งออกจากพระปรัศว์เบื้องขวา เป็นคู่ ๑
          ท่อไฟพุ่งออกจากพระบาท (เท้า) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากพระบาทข้างซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากพระบาทข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากพระบาทข้างขวา เป็นคู่ ๑
          ท่อไฟพุ่งออกจากนิ้วพระหัตถ์ (นิ้วมือ) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากนิ้วพระหัตถ์ข้างซ้าย ท่อไฟพุ่งออกจากนิ้วพระหัตถ์ข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากนิ้วพระหัตถ์ข้างขวา เป็นคู่ ๑
          ท่อไฟพุ่งออกจากพระโลมา (ขน) เส้นหนึ่ง สายน้ำพุ่งออกจากพระโลมาเส้นหนึ่ง เป็นคู่ ๆ สลับกันทั่วทั้งพระกาย เมื่อท่อไฟพุ่งออกมาแล้วก็สำแดงเป็นสีสันต่าง ๆสลับกันรวม ๖ สี คือ สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว หงสบาท (สีแดงปนเหลือง,สีแดงเรื่อหรือสีแสด) และประภัสสร (สีเลื่อมพราย เหมือนแสงอาทิตย์แรกขึ้น)

                              เมื่อสีออกจากแสงไฟซึ่งพุ่งออกมากระทบสายน้ำ ก็ทำสายน้ำให้มีสีต่าง ๆ ไปตามสีไฟ สลับกันไปมางานน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ทั้งท่อไฟสายน้ำที่พุ่งออกก็พุ่งออกไปไกล ทำให้ท้องฟ้าอากาศสว่างไสวมหาชนทั้งหลายมองเห็นทั่วทุกทิศ เป็นที่จำเริญจิตแก่ผู้ได้เห็นทั่วโลกธาตุ ต่อจากนั้นพระบรมศาสดาก็ทรงนิรมิตพระพุทธเจ้าขึ้นอีกพระองค์หนึ่ง มี พระรูปพระโฉม เช่นเดียวกันประองค์ทุกประการและโปรดให้พระพุทธนิรมิตพระองค์นั้นแสดงพระอาการสลับกันไปกับพระองค์โดยตลอด คือ

                              เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จจงกรม พระพุทธนิรมิตก็เสด็จประทับยืน เมื่อพระพุทธนิรมิตเสด็จจงกรม พระบรมศาสดาก็ประทับยืนเป็นคู่ ๑

                              เมื่อพระบรมศาสดาประทับนั่ง พระพุทธนิรมิตก็สำเร็จสีหไสยา (นอนตะแคงข้างขวา) เมื่อพระพุทธนิรมิตเสร็จประทับนั่งพระบรมศาสดาก็สำเร็จสีหไสยา เป็นคู่ ๑

                              เมื่อพระบรมศาสดาทรงตั้งปัญหาถาม พระพุทธนิรมิตก็ตรัสแก้เมื่อพระพุทธนิรมิตตั้งปัญหาถาม พระบรมศาสดาก็ตรัสแก้ เป็นคู่ ๑

                               รวมพระอาการที่ทรงแสดงก็ดี อาการที่ทรงถามและทรงและทรงแก้ก็ดีได้ปรากฏแก่มหาชนที่มาประชุมกันอยู่ได้เห็นและได้ยินกันทั่วถึง เป็นเจริญใจเจริญความเลื่อมใสศรัทธาปสาทะเป็นยิ่งนัก

                               ในที่สุดแห่งยมกปาติหาริย์ ธรรมาภิสมัยได้มีแก่พุทธบริษัท เพราะได้เห็นและได้ฟังธรรมเทศนาเป็นอเนก
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #5617 เมื่อ: 12 มีนาคม 2555, 08:36:49 »

สวัสดี ตอนเช้าค่ะพี่สิงห์
 หายตาแดง และหวัดหรือยังคะ
หวัดแดดคงหายเร็วนะคะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5618 เมื่อ: 12 มีนาคม 2555, 08:43:29 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 12 มีนาคม 2555, 08:36:49
สวัสดี ตอนเช้าค่ะพี่สิงห์
 หายตาแดง และหวัดหรือยังคะ
หวัดแดดคงหายเร็วนะคะ

สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก

                      พี่สิงห์ใช้ Optrix ล้างตาไปหมดหนึ่งขวดแล้ว  ดีขึ้นเมื่อได้พักผ่อนมาตั้งแต่วันอาทิตย์  ก็ได้แต่ปลงครับ ขนาดพี่สิงห์ ดูแลร่างกาย  ออกกำลังกาย  พักผ่อน ยังเป็น ถ้าไม่ทำอะไรเลย  คงแย่กว่านี้ครับ ก็ได้แต่เอาเป็นเครื่องพิจารณา และอยู่กับมัน  ไม่เดือดร้อนอะไรทั้งสิ้น เพราะรู้สึกตัวครับ

                      เธอเองระวังจงหนัก  รักษาจิต ตัวเอง ด้วยขันติคือความอดทน อดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยอดเยี่ยม ตามที่พระพุทธองค์ ทรงสอนและสมควรที่เราจะนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันของเรา ครับ

                      สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #5619 เมื่อ: 12 มีนาคม 2555, 09:00:39 »

 พี่สิงห์คะ
 ขอบคุณที่พี่สิงห์เป็นห่วงเสมอมา โดยเฉพาะเรื่องซ่อมบ้าน
 น้องโด่ง พรชัย คงได้อ่านข้อความรีบติดต่อมาเพื่อสอบถามที่จะให้ความช่วยเหลือ
พอบอกว่าช่างขอค่าแรงที่ทำงานปูกระเบื้องให้ 2 ห้อง และทำสีเฟอร์นิเจอร์ ประมาณ 13 ชิ้น มา 47,200 บาท
ตอนนี้กำลังต่อรองราคา คงให้หยุดทำแล้วค่ะ คงปิดบ้านไว้ก่อน  ทำอย่างพี่สิงห์ก็ดีเหมือนกันค่ะ รอกลับไปทำเอง
โด่งบอกว่ามีคนงานทำงานไม่ไกลจากบ้านอรนัก มีอะไรให้ช่วยบอกมาได้
นี่แหละพี่น้องซีมะโด่ง  ทั้งพี่ ทั้งน้องมีความเอื้ออาทร และความห่วงใยก้นเสมอมาค่ะ
ขอบคุณทั้งพี่สิงห์ ทั้งน้องโด่งค่ะ
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #5620 เมื่อ: 12 มีนาคม 2555, 09:34:26 »

              สวัสดียามสายค่ะพี่สิงห์ พี่อร   เมื่อคืนได้โทรศัพท์คุยกับแม่บอกจะสวดมนต์แทนแม่เพราะเดี๋ยวนี้
              ท่านเปล่งเสียงได้ไม่เหมือนเก่า ท่านก็คงสวดมนต์ในใจ  พี่สิงห์พูดถึงการสวดมนต์ออกเสียงนี่
               เป็นการอัญเชิญเทวดา พี่คงสวดบทพระปริตรบทใดบทหนึ่งมังค่ะ  ส่วนต้อยสวดวันที่นึกได้กับวันที่
              รับปากแม่เค้าเรียกทำตามใจ
                                    แต่มีตัวอย่างที่ดีให้เห็นที่แม่จะไปสวดมนต์ที่พุทธสมาคมประจำ เช้าจะใส่บาตร
             แม้วันที่เข้าร.พก็เป็นช่วงใส่บาตรเสร็จและมีบุญรักษามาจนทุกวันนี้ค่ะ   
      บันทึกการเข้า

Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5621 เมื่อ: 12 มีนาคม 2555, 11:04:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ Dtoy16 เมื่อ 12 มีนาคม 2555, 09:34:26
              สวัสดียามสายค่ะพี่สิงห์ พี่อร   เมื่อคืนได้โทรศัพท์คุยกับแม่บอกจะสวดมนต์แทนแม่เพราะเดี๋ยวนี้
              ท่านเปล่งเสียงได้ไม่เหมือนเก่า ท่านก็คงสวดมนต์ในใจ  พี่สิงห์พูดถึงการสวดมนต์ออกเสียงนี่
               เป็นการอัญเชิญเทวดา พี่คงสวดบทพระปริตรบทใดบทหนึ่งมังค่ะ  ส่วนต้อยสวดวันที่นึกได้กับวันที่
              รับปากแม่เค้าเรียกทำตามใจ
                                    แต่มีตัวอย่างที่ดีให้เห็นที่แม่จะไปสวดมนต์ที่พุทธสมาคมประจำ เช้าจะใส่บาตร
             แม้วันที่เข้าร.พก็เป็นช่วงใส่บาตรเสร็จและมีบุญรักษามาจนทุกวันนี้ค่ะ   

สวัสดีค่ะ คุณน้องต้อยที่รัก

                      จริงๆ แล้วการสวดมนต์นั้น สวดเพียงเพื่อระลึกถึง พระพุทธ  พระธรรมคำสั่งสอน และพระอริยสงฆ์ เท่านั้น ได้แก่บท อิติปิโส สวาขาโต  สุปฏิปันโณ และแผ่เมตตา ออกเสียงให้เทวดารับรู้ก้เพียงพอแล้ว ทำกาย วาจา ใจ ของเราให้เป็นปกติ เพียงแค่นี้

                      ถ้าต้องการมากกว่านี้ก็สวดบททำวัตรเช้า-เย็น เพิ่มบทพระสูตรเพื่อเตือนตัวเราเองให้ปฏิบัติ และแผ่เมตตา ประจำวันเท่านี้ครับ สวดบทขอพรต่าง ๆ มันไม่จำเป็นครับ มันเป็นการอ้อนวอนที่แต่งขึ้นมาเอาใจชาวพุทธภายหลัง

                      เลือกสวดบทพระสูตรเอามาเตือนตัวเราเองนี่ละดีที่สุด ได้สอนตัวเรา ได้สอนดวงวิญญาณที่ร่องลอย ได้สอนผู้ที่ได้ยิน เช่นเทวดา เพราะภาษาบาลีนั้น  เทวดาท่านได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้วครับ จะได้อนุโมทนาด้วย

                      อย่างคุณแม่ของคุณน้องต้อย ต้องสดบท ติลักขณาทิคาถา  ปัจฉิมพุทโธวาทปาฐะ  ภารสุตตคาถา หรือ ภัทเทกรัตตคาถา เป็นต้น เพื่อเตือนตัวเอง ให้ปล่อยวาง จิตจะสงบ

                      สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5622 เมื่อ: 12 มีนาคม 2555, 11:22:40 »


                             ผมเคยเจอพวกเราชาวซีมะโด่ง หอหญิงท่านหนึ่ง เข้าใจว่าจะรุ่น ๒๕๒๐ ที่บ้านคุณกนกวรรณ เป็นโรคกระดูกพรุน และจิตมีความวิตกเป็นอย่างยิ่ง  เขาบอกว่าเขาสวดมนต์บทคาถาชีนบัญชร ทุกวันนะ  แต่จิตยังไม่สงบมีแต่ความวิตกกังวล มีแต่ทุกข์

                             ญาติโยมหลายท่านที่ไปอินเดีย เวลาพระท่านนำสวด คาถามงคลจักรวาฬแปดทิศ สามารถสวดท่องจำได้แบบนกแก้ว  นกขุนทองเลย  แต่เวลาสวดบทพระสูตร สวดไม่ได้เลย  นอกจากนี้ยังไม่ปล่อยวาง มีแต่ความยึดมั่นถือมั่น ตกอยู่ในทุกข์

                             ศาสนนาพุทธ สอนให้มีขันติ มีสติ ใช้ปัญญา สอนให้กระทำด้วยตัวเอง  ไม่อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นบทสวดพระสูตร นั้นจะย้ำเตือนให้เราตระหนัก ที่จะนำไปปฏิบัติ ครับ

                             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #5623 เมื่อ: 12 มีนาคม 2555, 12:09:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 11 มีนาคม 2555, 12:26:46
อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sitthiphong เมื่อ 11 มีนาคม 2555, 09:49:58
@พี่สิงห
คุณแม่กลับมาอยู่บ้านแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ


สวัสดีค่ะ คุณน้องป้อม ที่รัก

                             แม่กลับมาอยู้บ้าน นั้นความสะดวกสบาย มันสู้อยู่โรงพยาบาลไม่ได้ เพราะตัวช่วยคือพยาบาล  แต่มีปัยหาตรงคนดูแลประจำที่เบื่อ ไม่สะดวกต่าง ๆ ในหลายด้าน  พี่สิงห์ต้องจำยอม แต่คุณหมอวิทิต  ก็มาดูแลทุกวัน เพราะอาการของแม่ ไม่มีอะไรมาก ประคองให้แผลที่มีอยู่เดิม หาย หรือไม่เพิ่มขึ้น เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ร่างกายมันก็โรยลา ลงไปตามวิถีทางของกฏไตรลักษณ์ จะอยู่หรือไม่  ไม่มีผลใด ๆ ทั้งสิ้น ต่อผม  แต่ก็อยากให้อยู่นาน ๆ เท่านั้น

                             ลำบากมากก็ต้องมีคนไปรับอาหารเหลวจากทางโรงพยาบาลทุกวันมาให้แม่ เท่านั้นเอง  ผมก็ยังสามารถไปเยี่ยมได้ทุกอาทิตย์ เหมือนเดิม เพียงแต่ช่วงนี้กลัวเอาหวัดแดดไปติดแม่เท่านั้น  เราต้องรู้ว่าภูมิต้านทานแม่ต่ำ

                             ถ้าแผลหายทันสงกรานต์ คงพาแม่กลับไปบ้านที่ บ้านเดิมได้ ดังเช่นทุกปีที่ผ่านมาครับ

                             ควันไฟที่เชียงใหม่เป็นอย่างไรบ้าง อยากทราบ เพราะจะไปเชียงใหม่กับสุธี ครับ

                             ขอบคุณมาก

                             สวัสดีครับ


ที่เชียงใหม่ฝนไม่ยอมตกสักที ควันก็เลยยังมากอยู่ค่ะ ป้อมไอเป็นเดือนแล้วยังไม่หายเลย
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5624 เมื่อ: 12 มีนาคม 2555, 14:29:50 »

โถๆๆ เพราะความหวังดีแท้ๆ
กลัวว่าพี่ป๋องซึ่งไม่ยอมออกไปใหนอยู่แต่ในบ้านจะเจ็บใข้ได้ป่วย
กุศลจึงนำกลอน"ชายใดบ่ เที่ยว เทียวไป......."มาเป็นอุทธาหรณ์
ได้ผล ลูกน้องพี่ป๋องออกมาปกป้องพัลวัน
ส่วนพี่ป๋องก็ตะลอนเที่ยวสามวัน เจ็ดวัน ไม่ยอมหลับยอมนอน ....
ผลคือประสบอุบัติเหตุ  สาเหตเพราะความหวังดีของพวกน้องๆทั้งหลาย แล้วเป็นไง
พอพี่ป๋องล้มหมอนนอนเสื่อได้ข่าวทุกคนเงียบกริบ
โอ้พ่อคุณทูนหัว  ต่อแต่นี้กระผมมิบังอาจสั่งโน่นสั่งนี่ ให้ไปใหนๆอีกแล้วพ่อคุณ
ปล่อยให้นอนแช่อยู่นั่นแหละ ดีแล้วจะได้ไม่ต้องโทษใครอีก (คิกๆๆ)
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 223 224 [225] 226 227 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><