24 พฤศจิกายน 2567, 04:08:50
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 215 216 [217] 218 219 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3568332 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 27 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #5400 เมื่อ: 22 กุมภาพันธ์ 2555, 23:37:27 »

สวัสดีครับ พี่สิงห์ พี่กุศล และพี่ๆ ทุกท่าน


 เหอๆๆ เหอๆๆ   พี่กุศล ครับ ผมขำ ตั้งแต่ ...


"ขืนบอกเอาบุญมาฝาก เขาจะได้ค้อนให้ปะไร... "


นึกภาพว่า ถ้าบอกเอาบุญมาฝาก ...พร้อม ยื่นซองให้ด้วย ... คงได้มาหลายค้อน
 เหอๆๆ


อ้างถึง
ข้อความของ KUSON เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2555, 20:15:18
อ้างถึง
ข้อความของ KUSON เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2555, 16:23:34

สร้อยประคำ ผ้าพันคอ จะเอาไปฝากเพื่อนๆที่ทำงาน
ขืนบอกเอาบุญมาฝาก เขาจะได้ค้อนให้ปะไร
ยิ่งสร้อยทองคำ3-4เส้นที่เห็นนั่นนะครับ
ตอนกลางวันแขกมาเดินขายเส้นละ2-300รูปีเป็นอย่างต่ำ
พอถึงวันสุดท้ายหลวงพ่อเมตตาอุส่าพาไปแหล่งขายส่ง
พวกธรรมมะ ธรรมโม้ผู้หญิงบางคนทำเป็นใจแข็งไม่ยอมลงไป
ผมเดินส่องไปเรื่อยๆเข้าไปด้านในคูหา
แม่เจ้าโว้ยร้านขายส่งเต็มไปหมด
เหมือนเยาวราชและพาหุรัดรวมกัน(เสียดายลืมถ่ายรูป)
อย่างร้านสร้อยก็มีสร้อยกองเป็นภูเขาเลากา
รับรองของทุกอย่างต่างจากบ้านเราเพราะที่นี่เป็นแหล่งผลิตเองค่าแรงถูกมาก
ผมตรงเข้าไปเลือกสร้อยโดยเร็วกลัวผิดหวังเหมือนตอนเลือกวันก่อนหน้านี้
นายครัย..โหม๋ยดำ โม๋ยลอก รับรอง  จำนำโหม๋ยด้าย (ไม่ดำ ไม่ลอก รับรองจำนำไม่ได๋...แขกหนุ่มวัย15โมษณา
คิก ๆแขกพูดไทยเก่งนิ ใหนว่าใหม่ช้าๆ....กุศลแกล้งเชียร์
โหม่ยดำ โหม่ยลอก.........แขกหนุ่มบ้ายอว่าช้ำแล้วซ้ำอีกหลายเที่ยวท่าทางภูมใจ
ตอจากนั้น กลุ่มคนไทยพอเห็นผมเลือกก็แห่กันเลือกตามแน่นขนัด
น้องๆ  ซ่วยเลือกเผื่อพี่สัก10เส้นนะพ่อคุณ พี่เบียดคนไม่ไหว.....คุณป้าวัย70กว่าสกิดบอกอยู่ข้างหลัง
คนก็แน่น ของก็มาก ทั้งเบียดทั้งแย่งกันซื้อตามประสาไทยมุง
ช่วยหยืบทองอร่าม3เส้นแบบนี้ให้ป้าที.....คุณป้าเจ้าเดิมมาขอให้ผมช่วยเลือกต่อ
พอผมจะดึง3เส้นขึ้นมาก็รู้สึกเหมือนมีคนมาดึงทั้งช่อออกไป
ปึด......เสียงสร้อยขาดคามือ3เส้นรุ่งริ่งคามือกุศลต่อหน้าคนขายที่อยู่ตรงหน้า
โหม๋ยดำ  โหม๋ยลอก รับปากาน......แขกหนุ่มยังลอยหน้าลอยตาโม้คำไทยไม่หยุด สายตาจ้องหน้าโอ้อวดไม่สนใจขาย
กู๊ดๆๆ....เก่งมาก..ผมชูหัวแม่มือขวาแสดงว่าเก่ง ส่วนมือซ้ายที่มีสร้อยขาดคามือรีบยัดคืนกลับเข้าไปในกอง
คุณป้าครับคนบางแล้ว  ช่วยเลือกเองเถอะครับ เดียวผมต้องรีบไปร้านเครื่องสำอางค์ต่อ........ว่าแล้วกุศลรีบเผ่นออกจากร้านทันที
ปล.ปกติสร้อยเส้นละไม้เกินร้อยรูปี แต่ถ้าตกเป็นจำเลยราคาอาจสูงขึ้นอึก4-5เท่าผมรู้จักแขกดี
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #5401 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 03:08:28 »

"....ถ้าเรามีสติอยู่มีสัมปชัญญะอยู่ มีความรู้ตัวอยู่เสมอแล้ว ก็คือเราได้ประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา ดังนั้นไม่ควรคิดว่าธรรมะอยู่ไกล ถ้าเราเห็นสิ่งเหล่านี้สักแต่ว่าเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เท่านี้ปัญญามันก็เกิด

ถ้าอารมณ์สุขขึ้นมา ทุกข์ขึ้นมา ชอบใจขึ้นมา ไม่ชอบใจขึ้นมา เรานึกเห็นมันทุกอย่างว่ามันก็เท่านั้นแหละ สุขมันก็เท่านั้นแหละ ทุกข์มันก็เท่านั้นแหละ ก็แปลว่าเราเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว

เมื่อเห็นแล้วเราไม่ยึดไม่ถือ คลี่คลายจากราคะ โทสะ โมหะ อยู่เรื่อยไป เรียกได้ว่าเราปฏิบัติอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน ทั้งยืนเดินนั่งนอน มีความรู้อยู่ มีความเห็นอยู่ มีความพร้อมเพรียงอยู่ มีความปฏิบัติอยู่ พิจารณาอยู่ ภาวนาอยู่ตลอดเวลา...."


หลวงปู่ชา สุภทฺโท
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5402 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 08:10:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2555, 22:38:28
   "มาวัดเพื่ออะไร มาเพื่อศึกษาให้มันรู้ความจริงตามธรรม ถ้ารู้แล้วมันจะหมดทุกข์ รู้แล้วมันจะหมดอยาก รู้แล้วมันจะหายลำบาก จะไม่มีโศกาปริเทวารำพัน มันจะรู้เสมอภาคว่า
    สภาพทั้งหลาย ของสังขารที่มันอยู่นี้ตามความเป็นจริง ถ้ารู้ตามความเป็นจริงแล้ว พวกเราจะไม่พากันเป็นทุกข์ จะพากันสบาย ของมันได้มาก็ได้มาอย่างนี้ ได้มาอย่างนี้มันก็ไปอย่างนั้น ใจเราก็จะก็ไม่ยึด ไม่มั่น มีลูกก็ให้รู้ว่าสมมุตินะนี่นะ มีบ้านเรือนก็รู้แต่ว่ามันเป็นเพียงสมมุติ เลยไม่มีของเราจริงๆ มันก็จะได้คิด

    ถ้าคนไม่รู้จักก็มีแต่ของกูๆ ลูกกู เมียกู หลานกู กู๊...กูๆ ๆ อยู่อย่างนั้นเหมือนกันกับนกเขา อยู่บนต้นมะขาม ร้อง กูๆ กูๆ มีแต่ของกูของกู หรือเหมือนบ่างตาโตกินมะขาม จะว่าของกูอย่างนั้นเหรอ... พากันดูหน่อยดูข้างหน้าข้างหลังหน่อย ดูข้างล่างดูข้างบนหน่อย โยมไม่เคยเห็นหมอลำเขารำหรือ โยมพ่อออกแม่ออกหมอลำเขาว่าอย่างไร? เขาว่า "เอา...จิ๊กเข้าไปเข้าไปข้างในข้างนอก" ได้ยินไหมล่ะไม่รู้อะไร? ไม่รู้ข้างในไม่รู้ข้างนอก รู้ไหมล่ะ ข้างในก็เหมือนข้างนอก ข้างนอกก็เหมือนข้างใน เขาก็เหมือนกัน เราก็เหมือนเขา มันไม่ได้แปลกอะไรกัน ลูกท่านหลานท่าน ก็เหมือนกับลูกเราหลานเรา พ่อท่านแม่ท่านก็เหมือนพ่อเรา แม่เราของเราก็เหมือนของท่าน นี่แหละท่านจึงว่า ให้รู้เข้าไปข้างในข้างนอก ยังจะพูดเล่นอยู่นั้นหรือ อย่าว่าของเราของเรา ต้องมีเมตตา กรุณา ดูให้มันทั่วให้มันถึง

    ถ้าเรามีธรรม รู้จักธรรมแล้วเราจะสบายกันมาก จะพากันถอนความโลภออก ถอนความโกรธออก ถอนความหลงออก หลงว่าของคนโน้น หลงว่าของคนนี้ หลงว่าของกูหลงว่าของมึง หลงยึดหลงหมาย หลงทุกข์ หลงยาก หลงลำบาก แต่ที่สุดก็ไม่มีอะไร ให้พากันเข้าใจเอาไว้ให้พากันรู้เรื่องเอาไว้ ถ้ารู้เรื่องสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ข้างนอกก็ดีข้างหลังก็ดี ข้างนอกคือต้นไม้ภูเขาเครือเขาเถาวัลย์ก็ดี

    ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนเป็นของไม่แน่นอน เกิดมาแล้วก็ละลายไปเป็นธรรมดา เห็นไหมล่ะ? ต้นไม้บ้าง ดินบ้าง มันมีที่สูงที่ต่ำ ต้นไม้ก็ต้นตอต้นงอเป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้น
    เป็นธรรมชาติของสังขารข้างในเราก็เหมือนกัน ตาบ้าง หูบ้าง จมูกบ้าง ลิ้นบ้าง กายบ้าง ก็ไม่เหมือนกันเป็นของไม่แน่นอน เป็นไปตามสภาพของมัน หูมันอยากหนวกวันไหน มันก็หนวก
    ตามันอยากบอดวันไหนมันก็บอด กายมันอยากเจ็บวันไหนมันก็เจ็บ อยากพิการตรงไหนมันก็พิการ มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น จะไปร้องขอยอมือกับมันไม่ได้ ถึงคราวมันจะเป็นมันก็เป็น อันนั้นมันเป็นของเราแท้ๆ เป็นสังขารแท้ๆ เป็นสังขารแท้ๆ ไม่ใช่เป็นของเราตามเป็นจริง เป็นของเราโดยสมมุติ ดังนั้น พระพุทธเจ้าก็ดี สาวกทั้งหลายก็ดี ท่านพ้นจากทุกข์ จากความลำบาก ก็เพราะท่านมารู้ตามความเป็นจริง รู้อะไร? ก็คือรู้ว่าของมันไม่แน่นอน"


    พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
    วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี
  



                
                  สาธุ ขออนุโมทนา ด้วย ขอให้ ดร.สุริยา  มีดวงตาเห็นธรรม ตามที่หลวงพ่อชา  ได้กล่าวไว้ข้างต้น

                  แท้จริงมนุษย์ ผู้ที่ยังมี "อวิชชา"ครอบงำ  จึงไม่รู้เท่าทันมองไม่เห็นความจริงของธรรมชาติ ว่า ธรรมทั้งหลายเป็น "อนัตตา" ไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่นว่ามันมีตัวมีตน หรือไปยึดมั่น หลงติดกับสมมติบัญญัติ  จึงมองไม่เห็นธรรม ดังกล่าว จึงแบกทุกข์ไว้ไม่รู้จบรู้สิ้น เพราะความอยากแห่งจิตแท้ ๆ ที่ยังอยากมี  อยากเป็น  อยากได้  อยากเอา ไม่รู้จบรู้สิ้นเพียงเพื่อ "ตัวกู" หรือ "อัตตา" ตัวตนทั้งสิ้น

                  แต่ก็นั่นละ เรื่องของคนอื่นก็ต้องปล่อยไป มันเป็นเรื่องของเขา  ได้แต่ชี้แนะเท่านั้น เราต้องระวังจิตของเราอย่าให้หลงไปตามคนอื่นที่ยังอยู่ภายใต้ "อวิชชา" เป็นดีที่สุด

                  สวัสดี ยามเช้าครับ  

                  วันนี้อยู่บ้าน ไม่ได้ไปตีกอล์ฟตามที่ได้ตั้งใจไว้ เพราะกลัวเสียดายโอกาส และพระท่านจะอด ขออยู่บ้านหุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้านดีกว่า เวลาเหลือไม่มากแล้ว

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5403 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 08:24:58 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 03:08:28
"....ถ้าเรามีสติอยู่มีสัมปชัญญะอยู่ มีความรู้ตัวอยู่เสมอแล้ว ก็คือเราได้ประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา ดังนั้นไม่ควรคิดว่าธรรมะอยู่ไกล ถ้าเราเห็นสิ่งเหล่านี้สักแต่ว่าเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เท่านี้ปัญญามันก็เกิด

ถ้าอารมณ์สุขขึ้นมา ทุกข์ขึ้นมา ชอบใจขึ้นมา ไม่ชอบใจขึ้นมา เรานึกเห็นมันทุกอย่างว่ามันก็เท่านั้นแหละ สุขมันก็เท่านั้นแหละ ทุกข์มันก็เท่านั้นแหละ ก็แปลว่าเราเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว

เมื่อเห็นแล้วเราไม่ยึดไม่ถือ คลี่คลายจากราคะ โทสะ โมหะ อยู่เรื่อยไป เรียกได้ว่าเราปฏิบัติอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน ทั้งยืนเดินนั่งนอน มีความรู้อยู่ มีความเห็นอยู่ มีความพร้อมเพรียงอยู่ มีความปฏิบัติอยู่ พิจารณาอยู่ ภาวนาอยู่ตลอดเวลา...."


หลวงปู่ชา สุภทฺโท




พระปลัด ดร.ธีรศักดิ์  ไกด์บรรยายอีกรูปหนึ่ง ควบคุมรถอีกคันหนึ่ง


                  
                   การปฏิบัติอยู่อย่างนี้ เมื่อก่อนคิดว่าทำไม่ได้ ทั้งวันทั้งคืน ตลอดเวลา

                   แต่พอทำบ่อย ๆ เข้า จิตมาพาไปเอง ตราบใดที่เรามีความรู้สึกตัว เราจะพิจารณาสิ่งรอบ ๆ ตัวไปด้วย สามารถรับทุกสถานะการณ์ ไม่ยินดี ยินร้ายในสิ่งที่สัมผัสได้จากอายตนะ ทุกขณะ ปล่อยมันผ่านไปได้  ทำให้ความอยากมันหายไป  จิตหมดกังวล เพราะไม่คิด อยู่กับการรู้สึกตัว คอยระวังเข้าไว้ เตือนตนเองเข้าไว้ มันจะไม่มีปมด้อยอยู่ในจิต เกิดขึ้น เพราะธรรมมันเป็นเช่นนั้น

                   เมื่อเช้ามืดโดนมารเล่นงานอย่างหนัก หลงติดอยู่กับมันจนยากแก่การถอนตัว จึงได้พิจารณาดูจิต ว่าเราจะแก้มันอย่างไรดี มันรุกฆาตจริงๆ ตัดความคิดไม่ขาด เลยตั้งจิตสร้างจังหวะรู้สึกตัวอย่างเดียว ยื้ออยู่เป็นชั่วโมง  ในที่สุดก็สามารถถอนจิตออกจากความคิดนั้นเสียได้ เกิดปีติ เป็นอุเบกขา ไม่ปรุงแต่งถึงมันอีกแล้ว

                   การสร้างจังหวะรู้สึกตัวนี่ละ เราถึงจะเอาชนะความคิดปรุงแต่งได้  ขอเพียงมีศรัทธา มีวิริยา จิตมันจะคลายเอง

                  ต้องขอขอบคุณ ดร. สุริยา  ธรรมของหลวงพ่อชา  บทนี้ลึกซึ้งมีความหมายยิ่งนัก ต่อนักปฏิบัติธรรม ที่ควรสำเหนียก อยู่เป็นนิจ  หรือให้มันเกิดขึ้นเองในจิตแบบอัตโนมัติ แหละจริง ๆ เมื่อเจริญสติมาก ๆ มันก็เกิดขึ้นของมันเอง ไม่ต้องไปตั้งใจนึก คิด หรือท่องจำ

                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #5404 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 08:47:43 »

สวัสดีครับพี่สิงห์ครับ
เข้ามาอ่านสาระดีๆ ก่อนทำงานตอนเช้าๆแบบนี้เป็นมงคลชีวิต
มีโอกาสก็อยากตามพี่สิงห์ไปอินเดียสักครั้งเหมือนกันนะครับ

คุณแม่พี่สิงห์ท่านยังคงเข้มแข็งดีนะครับ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5405 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 08:55:52 »


                           
                             ขอนำมาเล่าสู่กันฟัง และรายงานให้ ดร.สุริยา ทราบ เพื่อให้เห็น "ธรรม"

                             เมื่อวาน ดร. สุริยา บอกท้องเสีย ไม่ได้ไปประชุมกรรมการ วศ. ๑๓ ผมไปถึงร้านบ้านม้า 16:30 น. ก่อนเวลามาก จึงได้นั่งปฏิบัติธรรม และเดินจงกรม เพื่อใช้เวลาให้เป็นประโยชน์

                             ประมาณหกโมงเย็น ดร.นิพนธ์ มาถึง ก็เริ่มบ่นเรื่องต่างๆ ที่เขาต้องรับปัญหาแก้ไข ของเพื่อนๆ ผมก็นั่งรับฟังด้วยอาการสงบ และก็ปลงไปว่า คนเรามันก็อย่างนี้ ความคิดไม่เหมือนกัน ต่างจิตต่างใจ เต็มไปด้วย "ตัวกู" ทั้งสิ้น ดร.นิพนธ์ ไม่ปล่อยวางมันก็มีแต่ทุกข์ นินทาเพื่อน เพื่อนอาจจะไม่เป็นแบบ ดร.นิพนธ์ เขาอาจจะสุขที่ได้กระทำ แต่ ดร.นิพนธ์ มีแต่ทุกข์ ผมไม่ได้โต้แย้งอะไรเลย ได้แต่ปลงในสิ่งที่ได้รับทราบ พิจารณาอย่างเดียว จิตมนุษย์มันเป็นอย่างนี้ ยังหลงในตัวตน ไม่คิดว่าเป็น อนัตตาเลย นานมาก ดร.นิพนธ์  คงระบายออกมาหมดแล้ว  ผมจึงพูดขึ้นบ้าง  ดร.นิพนธ์ เรื่องค่าใช้จ่าย วันหลังนายก็เบิกเงินสดจาก กิตติมาไว้สักก่อนเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่าย เช่น ดอกไม้งานศพ และบริจาคอื่นๆ ไม่มีใครว่าหรอก เรื่องการเตรียมเงิน หรือเก็บเงินในการจัดกอล์ฟ ก็เหมือนกัน ผมเชื่อว่ากิตติ เขาก็ทำหน้าที่ของเขาได้ดีมาทุกปี  ไม่บกพร่อง เขาเตรียมของเขามาเรียบร้อย โดยที่ไม่ต้องเตือนเลยเป็นอย่างนั้นมาทุกครั้ง นายจะไปทุกข์ทำไม  ปล่อยวางเสียบ้าง  พอดี ที่ประธานรุ่น ผู้ว่า กฟภ. มาพอดี

                              เวลาประชุม ดร.นิพนธ์ ก็เอาเรื่องเมื่อสักครู่ที่บอกผมเอามาสาธยายอีก โดยเฉพาะเรื่องการเตรียมเงินของกิตติ (เหรัญญิก) ผมก็ได้แต่พิจารณา จิตของ ดร.นิพนธ์  ไป จิตมันเป็นเช่นนี้จริงๆ ไปยึดติดอะไรหนักหนา  ไม่ควรคิด มันเป็นเรื่องของคนอื่น ไม่ใช่เรื่องของเขา  จะไปคิดทำไม ห่วงทำไม ? มันยังไม่เกิดทั้งสิ้น มีแต่ทุกข์  จริง ๆ  ผมก้ได้แต่พิจารณา "ธรรม" ไป ปลงไป จนจล เมื่อหมดเรื่องก็ขอตัวกลับ

                              เรียน ดร.สุริยา วานโทรศัพท์ ไปเตือน กิตติ ให้ด้วยว่าจัดกอล์ฟวันที่ ๘ มีนาคม เพียงแค่นี้เท่านั้น และตอนนี้ทีมต่างๆ เพื่อนๆรับปากแล้ว ๘๐ ทีม ก็ขอให้มาตามนั้นก็แล้วกัน ใครจะทำอะไรหรือไม่ ขอให้มีทีมครบตามนั้น ที่เหลือผมสามารถจัดการกับทางคุณอิทธิ Organizer ได้ไม่มีปัญหาทั้งสิ้น  จบข่าว

                              สวัสดี             
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5406 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 09:00:27 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 08:47:43
สวัสดีครับพี่สิงห์ครับ
เข้ามาอ่านสาระดีๆ ก่อนทำงานตอนเช้าๆแบบนี้เป็นมงคลชีวิต
มีโอกาสก็อยากตามพี่สิงห์ไปอินเดียสักครั้งเหมือนกันนะครับ

คุณแม่พี่สิงห์ท่านยังคงเข้มแข็งดีนะครับ


สวัสดีครับ คุณหนุน

              ขอบคุณมากครับ

              ไปอินเดีย  ถ้ารวบรวมกันได้มากๆ หรือ ครบ สามสิบแปดถึงสี่สิบคนได้ยิ่งดี  ผมจะคุยกับหลวงพ่อ พระมหา ดร.สุเทพ  ให้เอง ในราคาที่ย่อมเยาว์ ไม่ผ่านนายหน้า เหมือนอย่างราคาที่หลวงพ่อเก็บเงินผมครับ โดยเฉพาะมีแต่พวกเรา  จะทำให้สามารถดูแลกันได้ ไม่เหงา

              หลวงพ่อบอกว่า เมื่อก่อนผู้ที่บรรยาย ๔ สังเวชนีย์ในอินเดียได้ดีที่สุด คือ หลวงพ่อประกาศ  วัดไทยสารนารถ ท่านมรณะไปแล้ว  ถ้าปัจจุบันก็ต้อง พระมหา ดร.สุเทพ  อกิญฺจโณ นี่ละครับ

              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5407 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 13:50:06 »

อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2555, 23:37:27
สวัสดีครับ พี่สิงห์ พี่กุศล และพี่ๆ ทุกท่าน


 เหอๆๆ เหอๆๆ  พี่กุศล ครับ ผมขำ ตั้งแต่ ...


"ขืนบอกเอาบุญมาฝาก เขาจะได้ค้อนให้ปะไร... "


นึกภาพว่า ถ้าบอกเอาบุญมาฝาก ...พร้อม ยื่นซองให้ด้วย ... คงได้มาหลายค้อน
  เหอๆๆ


อ้างถึง
ข้อความของ KUSON เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2555, 20:15:18
อ้างถึง
ข้อความของ KUSON เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2555, 16:23:34

สร้อยประคำ ผ้าพันคอ จะเอาไปฝากเพื่อนๆที่ทำงาน
ขืนบอกเอาบุญมาฝาก เขาจะได้ค้อนให้ปะไร
ยิ่งสร้อยทองคำ3-4เส้นที่เห็นนั่นนะครับ
ตอนกลางวันแขกมาเดินขายเส้นละ2-300รูปีเป็นอย่างต่ำ
พอถึงวันสุดท้ายหลวงพ่อเมตตาอุส่าพาไปแหล่งขายส่ง
พวกธรรมมะ ธรรมโม้ผู้หญิงบางคนทำเป็นใจแข็งไม่ยอมลงไป
ผมเดินส่องไปเรื่อยๆเข้าไปด้านในคูหา
แม่เจ้าโว้ยร้านขายส่งเต็มไปหมด
เหมือนเยาวราชและพาหุรัดรวมกัน(เสียดายลืมถ่ายรูป)
อย่างร้านสร้อยก็มีสร้อยกองเป็นภูเขาเลากา
รับรองของทุกอย่างต่างจากบ้านเราเพราะที่นี่เป็นแหล่งผลิตเองค่าแรงถูกมาก
ผมตรงเข้าไปเลือกสร้อยโดยเร็วกลัวผิดหวังเหมือนตอนเลือกวันก่อนหน้านี้
นายครัย..โหม๋ยดำ โม๋ยลอก รับรอง  จำนำโหม๋ยด้าย (ไม่ดำ ไม่ลอก รับรองจำนำไม่ได๋...แขกหนุ่มวัย15โมษณา
คิก ๆแขกพูดไทยเก่งนิ ใหนว่าใหม่ช้าๆ....กุศลแกล้งเชียร์
โหม่ยดำ โหม่ยลอก.........แขกหนุ่มบ้ายอว่าช้ำแล้วซ้ำอีกหลายเที่ยวท่าทางภูมใจ
ตอจากนั้น กลุ่มคนไทยพอเห็นผมเลือกก็แห่กันเลือกตามแน่นขนัด
น้องๆ  ซ่วยเลือกเผื่อพี่สัก10เส้นนะพ่อคุณ พี่เบียดคนไม่ไหว.....คุณป้าวัย70กว่าสกิดบอกอยู่ข้างหลัง
คนก็แน่น ของก็มาก ทั้งเบียดทั้งแย่งกันซื้อตามประสาไทยมุง
ช่วยหยืบทองอร่าม3เส้นแบบนี้ให้ป้าที.....คุณป้าเจ้าเดิมมาขอให้ผมช่วยเลือกต่อ
พอผมจะดึง3เส้นขึ้นมาก็รู้สึกเหมือนมีคนมาดึงทั้งช่อออกไป
ปึด......เสียงสร้อยขาดคามือ3เส้นรุ่งริ่งคามือกุศลต่อหน้าคนขายที่อยู่ตรงหน้า
โหม๋ยดำ  โหม๋ยลอก รับปากาน......แขกหนุ่มยังลอยหน้าลอยตาโม้คำไทยไม่หยุด สายตาจ้องหน้าโอ้อวดไม่สนใจขาย
กู๊ดๆๆ....เก่งมาก..ผมชูหัวแม่มือขวาแสดงว่าเก่ง ส่วนมือซ้ายที่มีสร้อยขาดคามือรีบยัดคืนกลับเข้าไปในกอง
คุณป้าครับคนบางแล้ว  ช่วยเลือกเองเถอะครับ เดียวผมต้องรีบไปร้านเครื่องสำอางค์ต่อ........ว่าแล้วกุศลรีบเผ่นออกจากร้านทันที
ปล.ปกติสร้อยเส้นละไม้เกินร้อยรูปี แต่ถ้าตกเป็นจำเลยราคาอาจสูงขึ้นอึก4-5เท่าผมรู้จักแขกดี
สวัสดีครับ ดร.มนตรี

                            ขอต้อนรับกลับบ้าน ครับ

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5408 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 15:28:12 »


ออกนอกเรื่องไปนาน พาไปดูของสวยของงามกันมากแล้ว
เดี๋ยวจะโดนค่อนแคะว่าไปอินเดียทั้งทีมีแต่เรื่องวัตถุ
จริงๆแล้วผมคิดว่า ถ้าจะฟังธรรมมะ ท่านควรไปเอง ฟังเอง เห็นเองดีที่สุด
ผมยกให้หลวงพ่อพระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณเป็นอันดับ1 ในการบรรยายธรรมมะที่อินเดีย
ผมจะอัดเทปมาลอกให้ท่านอ่านก็ไม่ลึกซึ้งเท่า
สรุป อยากรู้ว่าอินเดีย แหล่งสังเวชนีย์สถานดีอย่างไรโปรดหาโอกาศไปฟังด้วยตนเองเหมาะสมที่สุด

ขอเล่าบรรยากาศสองข้างทางที่ไปพบเห็นมาพอสังเขป
เช้าวันแรกในอินเดียที่พุทธคยา ก่อนถึงวัดไทยมคธ พุทธวิปัสนาที่เราจะไปพำนัก
ขณะรถวิ่งไป หลวงพ่อชี้ให้เห็นทางขวามือของพวกเรา
นี่คือวัดไทยแห่งแรกที่สร้างขึ้นที่นี่ เป็นทรงไทยเห็นไหม
ชื่อวัดไทยพุทธคยา(ถ้าผิดช่วยแก้ใข)
จัดสร้างโดยรัฐบาลไทยแต่ปัจจุบันมีคนมาพักน้อย
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5409 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 15:37:19 »


ก่อนถึงที่พักผมหิวตาลายไปหมด เห็นอาบังมารอทานอาหารหน้าห้างแล้วอยากกระโดดลงไปร่วมแจม
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5410 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 15:43:07 »


เอ๊ะนั่นอะไรเจ้าคะหลวงพพ่อ ที่ใส่ใว้ในกะละมัง....คุณป้าขี้สงสัยถาม
อ๋อขี้วัว โยม เขาเอาใว้ทำประโยชน์หลายออย่างเช่นทำฟืนหุงต้ม
เด็กๆบางคนเห็นวัวถ่ายออกมาเขาก็เอามือไปรองรับก่อนตกถึงพื้น
เขานำขี้วัวไปทำยา และทำประโยชน์ได้หลายอย่างจ๊ะ.......หลวงพ่ออธิบาย
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5411 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 15:49:54 »


เกือบถึงวัดเราแล้วนะโยม พอเลยหัวโด้งนี้ไปก็ถึงแล้ว.......หลวงพ่อบรรยาย
เกือบถึงที่พักจะมีร้านขายผ้า..............กุศลท่องในใจ กลัวพี่มานพใด้ยิน
      บันทึกการเข้า
KUSON
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,125

« ตอบ #5412 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 16:01:58 »

พรุ่งนี้ ผมพานิสิตไปกาญจนบุรี
วันศุกร์ -วันจันทร์คงไม่ได้เข้าเว็บ ต้องขออภัย
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #5413 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 16:12:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ KUSON เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 16:01:58
พรุ่งนี้ ผมพานิสิตไปกาญจนบุรี
วันศุกร์ -วันจันทร์คงไม่ได้เข้าเว็บ ต้องขออภัย
แหม ... กะลังเพลินน่ะเพ่!
เล่นจอดดื้อๆซะงั้นอ่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5414 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 20:29:44 »

                            
                              วัดไทยพุทธคยา สร้างโดยรัฐบาลไทย ที่ พณฯ ท่านเนรูห์ ประธานาธิบดีของอินเดียขณะนั้น ได้เชิญชวนรัฐบาลไทยในฐานะเมืองพุทธศาสนา ร่วมฉลอง พุทธศาสนาดำรงมาได้ ๒๕๐๐ ปี โดยการไปสร้างวัดที่มคธ พุทธสถานที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้  รู้สึกว่าจะเป็นในสมัยจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม (ไม่แน่ใจ)

                               พระภิกษุ ที่จำพรรษา จะบิณฑบาตรไปตามวัด หรือไม่บิณพบาตร เลย เพราะคนอินเดียไม่ใส่บาตรพระ ดังนั้นพระท่านต้องจัดหาอาหารกันเองในวัด ซึ่งอินเดียไม่อดยากเลย ผักมีจำนวนมาก  สะอาด งาม ราคาถูก น่ารับประทานครับ เพราะไม่มีสารเคมี หรือปุ๋ย  พื้นดินดีมาก และขุดลงไปในดินเมตรเศษ ก็เจอน้ำใต้ดินแล้ว

                               สำหรับขี้วัวนั้น หญิงสาวอินเดียทุกคน จะมีหน้าที่หลักคือ เอาขี้วัวผสมฟางข้าวที่สับเป็นท่อนสั้น ๆ แล้วระเลงเป็นแผ่น เอาไปตากตามฝาผนังบ้าน กลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี เอาไว้สำหรับหุงหาอาหารและปิ้งจัมปาปี เป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษอินเดีย เพราะอินเดียมีต้นไม่น้อยมาก ดังนั้นฟืนหุงข้าวไม่ค่อยมี จึงใช้เชื้อเพลิงที่ทำจากขี้วัวผสมกับฟางข้าวนี่ละครับ แต่มีข้อแม้คือ จะมีควันไฟมากหน่อยเท่านั้น

                               วัดไทย หรือวัดทุกวัดของชาวต่างชาติ เช่น ธิเบต ศรีลังกา พม่า เกาหลี  ญี่ปุ่น ลาว เขมร ไทย จะมีหน้าที่เป็นที่พัก(โรงแรม) ที่รับประทานอาหารของประเทศนั้น ๆ เพราะโรงแรมใหญ่ๆ ไม่มี ร้านอาหารใหญ่ๆ ไม่มี จึงไม่สามารถรับคณะทัวร์ได้ วัดจึงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของทัวร์จาริกแสวงบุญ ครับ

                                โรงแรม ต้องรออีกสิบปี รับรองเกิดขึ้นแน่นอน ครับ ใจเย็นๆ สำหรับท่านที่ยังยึดติดอยู่กับอัตตาตนเอง

                                 ราตรีสวัสดิ์ครับ
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #5415 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 23:29:53 »

อ้างถึง
ข้อความของ ทราย 16 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 16:12:16
อ้างถึง
ข้อความของ KUSON เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 16:01:58
พรุ่งนี้ ผมพานิสิตไปกาญจนบุรี
วันศุกร์ -วันจันทร์คงไม่ได้เข้าเว็บ ต้องขออภัย
แหม ... กะลังเพลินน่ะเพ่!
เล่นจอดดื้อๆซะงั้นอ่ะ

น่านหน่ะสิ เฮ้อ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #5416 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2555, 23:41:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sitthiphong เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 23:29:53
อ้างถึง
ข้อความของ ทราย 16 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 16:12:16
อ้างถึง
ข้อความของ KUSON เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 16:01:58
พรุ่งนี้ ผมพานิสิตไปกาญจนบุรี
วันศุกร์ -วันจันทร์คงไม่ได้เข้าเว็บ ต้องขออภัย
แหม ... กะลังเพลินน่ะเพ่!
เล่นจอดดื้อๆซะงั้นอ่ะ

น่านหน่ะสิ เฮ้อ
น่าจะหา iPad ติดกระเป๋าไว้บ้าง การรายงานข่าวจะได้ต่อเนื่องกว่านี้
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #5417 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 06:19:32 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 08:47:43
สวัสดีครับพี่สิงห์ครับ
เข้ามาอ่านสาระดีๆ ก่อนทำงานตอนเช้าๆแบบนี้เป็นมงคลชีวิต
มีโอกาสก็อยากตามพี่สิงห์ไปอินเดียสักครั้งเหมือนกันนะครับ

คุณแม่พี่สิงห์ท่านยังคงเข้มแข็งดีนะครับ

ปีหน้า ไปกันเลยครับ พี่หนุน
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #5418 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 06:23:45 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 09:00:27
อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 08:47:43
สวัสดีครับพี่สิงห์ครับ
เข้ามาอ่านสาระดีๆ ก่อนทำงานตอนเช้าๆแบบนี้เป็นมงคลชีวิต
มีโอกาสก็อยากตามพี่สิงห์ไปอินเดียสักครั้งเหมือนกันนะครับ

คุณแม่พี่สิงห์ท่านยังคงเข้มแข็งดีนะครับ


สวัสดีครับ คุณหนุน

              ขอบคุณมากครับ

              ไปอินเดีย  ถ้ารวบรวมกันได้มากๆ หรือ ครบ สามสิบแปดถึงสี่สิบคนได้ยิ่งดี  ผมจะคุยกับหลวงพ่อ พระมหา ดร.สุเทพ  ให้เอง ในราคาที่ย่อมเยาว์ ไม่ผ่านนายหน้า เหมือนอย่างราคาที่หลวงพ่อเก็บเงินผมครับ โดยเฉพาะมีแต่พวกเรา  จะทำให้สามารถดูแลกันได้ ไม่เหงา

              หลวงพ่อบอกว่า เมื่อก่อนผู้ที่บรรยาย ๔ สังเวชนีย์ในอินเดียได้ดีที่สุด คือ หลวงพ่อประกาศ  วัดไทยสารนารถ ท่านมรณะไปแล้ว  ถ้าปัจจุบันก็ต้อง พระมหา ดร.สุเทพ  อกิญฺจโณ นี่ละครับ

              สวัสดี

ผมไปด้วย 4 ที่ ผมตั้งใจจะพาพ่อแม่ผมไปด้วยครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5419 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 07:46:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2555, 06:23:45
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 09:00:27
อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 08:47:43
สวัสดีครับพี่สิงห์ครับ
เข้ามาอ่านสาระดีๆ ก่อนทำงานตอนเช้าๆแบบนี้เป็นมงคลชีวิต
มีโอกาสก็อยากตามพี่สิงห์ไปอินเดียสักครั้งเหมือนกันนะครับ

คุณแม่พี่สิงห์ท่านยังคงเข้มแข็งดีนะครับ


สวัสดีครับ คุณหนุน

              ขอบคุณมากครับ

              ไปอินเดีย  ถ้ารวบรวมกันได้มากๆ หรือ ครบ สามสิบแปดถึงสี่สิบคนได้ยิ่งดี  ผมจะคุยกับหลวงพ่อ พระมหา ดร.สุเทพ  ให้เอง ในราคาที่ย่อมเยาว์ ไม่ผ่านนายหน้า เหมือนอย่างราคาที่หลวงพ่อเก็บเงินผมครับ โดยเฉพาะมีแต่พวกเรา  จะทำให้สามารถดูแลกันได้ ไม่เหงา

              หลวงพ่อบอกว่า เมื่อก่อนผู้ที่บรรยาย ๔ สังเวชนีย์ในอินเดียได้ดีที่สุด คือ หลวงพ่อประกาศ  วัดไทยสารนารถ ท่านมรณะไปแล้ว  ถ้าปัจจุบันก็ต้อง พระมหา ดร.สุเทพ  อกิญฺจโณ นี่ละครับ

              สวัสดี

ผมไปด้วย 4 ที่ ผมตั้งใจจะพาพ่อแม่ผมไปด้วยครับ



ลุมพินี  สถานที่พระพุทธองค์ทรงประสูติ

                     ขออนุโมทนากับท่านขุน ๒๘ ด้วยครับ ที่พาคุณพ่อคุณแม่ไปด้วย ปีหน้า

                     ที่สังเวชนยสถานลุมพินี สถานที่พระพุทธองค์ประสูติ  หลวงพ่อพระมหาดร.สุเทพ ท่านจะทำพิธีให้รำลึกถึงพระคุณของคุณแม่ ด้วย  ให้ลูกได้กราบคุณแม่  เท่าที่ผมเห็นเกือบทุกคู่ทั้งแม่-ลูกจะดีใจจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาจากความรู้สึกออกมาได้เลย ปีนี้ผมได้อาสาออกไปร้องเพลงค่าน้ำนมร่วมกับสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ณ สถานที่พระพุทธเจ้าประสูติ ถ้าปีหน้าพวกเราไป ผมจะร้องเพลงค่าน้ำนมให้ดีที่สุดครับ (ดร.กุศล  มาบอกผมภายหลังที่ทำพิธีเสร็จว่า คุณแม่พี่สิงห์ ต้องได้อานิสสงแน่นอน ท่านไม่จากไปแน่ๆ ในช่วงที่อยู่อินเดีย)

                         ปีหน้าผมจะลองพูดคุยกับหลวงพ่อ เอาไว้แต่เนิ่น ๆ  ไปช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ไม่หนาวมาก และไม่ร้อน กลางเดือนมีนาคมจะร้อนมากเป็นลำดับ  ผมจะรับอาสาเป็นหัวหน้าทัวร์ ดูแลพวกเราเองครับ  ขอให้รวบรวมให้ได้หนึ่งคันรถ ๓๘-๔๐ ที่นั่ง แต่อย่าลืมต้องตัดสินใจประมาณเดือนพฤศจิกายน เพราะทุกอย่างต้องเตรียมการ จะทำตัวเป็นคุณนายตื่นสาย ไม่ได้ครับ เพราะหลวงพ่อจะมีคนจองคิวท่านมาก  และท่านบอกว่าอีสามปี เมื่ออายุครบ ๖๐ ปี ท่านจะเลิกพาแสวงบุญ หันไปปฏิบัติธรรมแทน

                         ผมสังเกตมาสองปีแล้ว พระทุกรูปที่นำทัวร์ไปอินเดีย พอเห็นพระมหา ดร.สุเทพ รวมทั้งญาติโยมที่จำท่านได้ ก็จะมากราบทักทาย ท่านเสมอ  ดังนั้น คงสมจริงที่ว่า พระมหา ดร.สุเทพ เป็นกระบี่มือหนึ่งในการ บรรยายสังเวชนียสถาน ๔ แห่ง จริงๆ และคณะทัวร์ไทย ส่วนมาก จะมาพัก รับประทานอาหารที่วัดของท่าน ทั้งสองแห่ง

                         บริษัทแลนด์ทัวร์ท้องถิ่นที่อินเดีย ที่พระมหาดร.สุเทพ  ใช้บริการ เชื่อถือได้  SADA นับถือศาสนาพุทธ และยังเป็นกรรมการบริหารวัดไทยมคธพุทธวิปัสสนา ตามกฏหมายอินเดีย ร่วมกับศาสตราจารย์ อาจารย์ของท่าน ที่อินเดีย ด้วย  SADA เอาใจใส่ดี เพราะถือว่า พระมหา ดร.สุเทพ ทำให้เขามีรายได้ จนตั้งตัวได้ เปิดบริษัท กุสินาคาทัวร์  มีรถไว้บริการจำนวนหลายคัน รับแลนด์ทัวร์จาก เวียตนาม อเมริกา ไทย ลาว เขมร พม่า จึงมีความพร้อมมาก และเชื่อใจพระมหา ดร.สุเทพ ในขณะเดียวกันทางพระมหา ดร.สุเทพ ก็เชื่อใจ SADA เป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งเรื่องการเงินด้วย พระมหา ดร.สุเทพ  บอกว่าเท่าที่คบกับแขกอินเดียมาหลายปี สามารถเชื่อใจได้มากว่านักธุรกิจไทย อาตมา

                         ปีหน้าถ้า ดร.สุริยาไป ผมจะแคะกระปุ๊กสตางค์ ออกค่าเดินทางให้ ทั้งหมด ถ้าไม่พอจะเรี่ยรายน้องชาวซีมะโด่ง ให้ด้วย

                         นับดู ท่านขุน ๔ ท่าน คุณหนุน  น้องทราย  มานพ ดร.กุศล รวม ๘ ท่านแล้วครับ ทัวร์จาริกแสวงบุญพุทธสถาน ๔ แห่งที่อินเดีย - เนปาล กุมภาพันธ์ปีหน้า ๒๕๕๖

                         สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5420 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 08:18:39 »



                             
                             ธรรมะสำหรับเช้าวันนี้

                             ไม่ว่าท่านจะประสบกับสิ่งที่รัก ที่ชอบ  ยินดีพอใจ หรือ ไม่รัก  ไม่ชอบ ไม่ยินดี  ไม่พอใจ  หรือเฉย ๆ ก็ตาม ขอให้มีสติ(ความรู้สึกตัวเสมอ) พยายามสำรวมกาย  วาจา  ใจ อยู่เป็นนิจ หรือ รักษาอินทรีย์ของท่านให้ปกติ เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้ดมกลิ่น  ลิ้มได้ลิ้มรส  กายได้สัมผัส และไม่เผลอใจคิดปรุงแต่งใด ๆ ทั้งสิ้น โดยยึดหลักอุเบกขาเข้าไว้ ไม่ยินดี  ยินร้ายทั้งสิ้น รับรู้(วิญญาณ)ทุกสิ่ง พิจารณาให้เห็นตามกฏไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา ความยึดมั่นถือมั่น หรืออัตตาตนเอง  จะค่อยๆ หมดไปเอง  เราก็จะอยู่ในสังคมได้อย่างปีติสุขที่แท้จริง  ประสพความสำเร็จในการทำทุกสิ่งเพราะมีสติเกิดปัญญา พิจารณา ว่าอะไรควร ไม่ควร ที่จะกระทำ ครับ

                              สวัสดี
                 
             
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #5421 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 08:35:00 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 23:41:16
อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sitthiphong เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 23:29:53
อ้างถึง
ข้อความของ ทราย 16 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 16:12:16
อ้างถึง
ข้อความของ KUSON เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 16:01:58
พรุ่งนี้ ผมพานิสิตไปกาญจนบุรี
วันศุกร์ -วันจันทร์คงไม่ได้เข้าเว็บ ต้องขออภัย
แหม ... กะลังเพลินน่ะเพ่!
เล่นจอดดื้อๆซะงั้นอ่ะ
น่านหน่ะสิ เฮ้อ
น่าจะหา iPad ติดกระเป๋าไว้บ้าง การรายงานข่าวจะได้ต่อเนื่องกว่านี้
พี่ป๋องแนะนำดี๊ดีค่ะ
 บรึ๋ยยย บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5422 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 10:02:38 »

อ้างถึง
ข้อความของ ทราย 16 เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2555, 08:35:00
อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 23:41:16
อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sitthiphong เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 23:29:53
อ้างถึง
ข้อความของ ทราย 16 เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 16:12:16
อ้างถึง
ข้อความของ KUSON เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2555, 16:01:58
พรุ่งนี้ ผมพานิสิตไปกาญจนบุรี
วันศุกร์ -วันจันทร์คงไม่ได้เข้าเว็บ ต้องขออภัย
แหม ... กะลังเพลินน่ะเพ่!
เล่นจอดดื้อๆซะงั้นอ่ะ
น่านหน่ะสิ เฮ้อ
น่าจะหา iPad ติดกระเป๋าไว้บ้าง การรายงานข่าวจะได้ต่อเนื่องกว่านี้
พี่ป๋องแนะนำดี๊ดีค่ะ
 บรึ๋ยยย บ่ฮู้บ่หัน

               
                  เป็นความคิดที่ดี  แต่ต้องซื้อให้ และสอนวิธีใช้  ขนาด computer ยังไม่ซื้อเลย และใช้อะไรไม่เป็น  ถึงแม้จะจบมาทางเทคโนโลยี่สื่อสารก็ตามที  กรรมแท้ ๆ

                  แต่มีเงินไปซื้อบ้านที่สวางคนิวาส สมุทรปราการของสภากาชาดไทย เอาไว้ตอนแก่ ตาย ก็ดีจะได้มีคนคอยดูแล

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #5423 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 10:19:28 »









บริษัท ทัยทิมเทศทัวร์ จำกัด

พระมหา ดร.สุเทพ  อากิญฺจโณ 

 

                        ผมเองมีความรู้เกี่ยวกับสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล และประวัติศาสนา ไม่แพ้ พระมหาร ดร.สุเทพ แต่ผมไม่สามารถบรรยายได้อย่างพิสดาล ให้ญาติโยมรับทราบได้ดีไม่ถึงหนึ่งในสิบของท่านเลย มันเหมาะเจาะ ได้อรรถรส เป็นที่ชื่นชอบของโยมทั้งหลาย จริง ๆ ไม่เชื่อท่านลองเปิดสถานียานเกราะฟังดูก็ได้ท่านกำลังพาญาติโยมไปอินเดีย บรรยายสดกลับมาทุกวัน วันละสองเวลา คือห้าโมงเช้า และสี่โมงเย็นของประเทศไทย

                        นอกจากนี้ท่านเตรียมการต่าง ๆ ได้ดีกว่าบริษัททัวร์ทั้งหลาย ท่านพร้อมไปหมด มีตัวช่วยแยะ คนขับรถไว้ใจได้ และรู้จักนิสัยคนไทย ขับรถดีมาก เด็กประจำรถ จะเตรียมสุขาพลาสติกเคลื่อนที่เตรียมไว้ให้ใน กรณีขี้อาย บุคคลากรเหล่านี้ทำงานกับหลวงพ่อมานานปี  จนจะเป็นคนไทยไปแล้ว เชื่อใจได้ทุกคน ขยัน ไม่เรื่องมากเลย  รอรับใช้อย่างเดียว บุคคลเหล่านี้หมดหน้าทัวร์จะมาช่วยงานที่วัด แทน และไม่รับทัวร์อย่างอื่น

                         ลองพิจารณาดูครับ ปีหน้าเราจัดซีมะโด่งทัวร์ไปจาริกแสวงบุญกัน แต่อย่าลืม เมื่อตกลงแล้ว ท่านจะต้องจ่ายสตางค์ทันที ไม่มีข้อแม้ ติดโน่นติดนี่ ไม่แน่ใจ ต้องตัดทิ้ง ตั้งใจไปอย่างเดียว เพราะมันจะมีมารมาผจญ ทำให้ท่านไม่สามารถไปกราบสังเวชนีย์ตามที่พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ให้ไประลึกถึงท่าน แล้วจะไม่ตกนรก เพราะเราจะได้เห็นทุกข์  ปลงสังเวศ สามารถยกระดับจิตของเราให้สูงขึ้นได้

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #5424 เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์ 2555, 10:33:08 »

พี่สิงห์

ชาวอินเดียใช้ฟืนไปกับการเผาศพที่ริมแม่น้ำคงคา ใช้ขี้วัวผสมกับฟางข้าวเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในบ้าน
เนื่องจากมีฟางข้าวเป็นทรัพยากรที่มีเหลือเฟือในนาข้าว
การไม่ต้องซื้อถ่านเป็นเชื้อเพลิง เป็นการประหยัดเงินที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
แต่ไทยเราเผาฟางข้าวทิ้ง สร้างมลภาวะอยู่ในภาคเหนืออยู่ในขณะนี้ รวมทั้งไม่เลี้ยงวัวเพื่อใช้ไถนาด้วย
ประเทศไทย จีน และในภูมิภาคนี้ก็เคยใช้ขี้วัวผสมฟาง ดินพรุ เศษถ่าน เป็นเชื้อเพลิงในเตา


นอกจากนี้ ควันที่พี่บอกว่ามีปริมาณที่มากนั้น มีประโยชน์ครับ ?? !!
คือช่วยกำจัดยุงและแมลง ซึ่งเป็นพาหะนำโรคของประเทศร้อนชื้นครับ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 215 216 [217] 218 219 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><