29 มิถุนายน 2567, 01:42:07
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 190 191 [192] 193 194 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3331562 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4775 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 08:12:11 »

รู้ประวัติพุทธสาวก  ภิกษุณี อรหันต์  เอตทัคคะ

ลำดับที่ ๑๐

พระภัททกาปิลานีเถรี

เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีบุพเพนิวาสานุสสติญาณ


                 พระภัททกาปิลานีเถรี เป็นธิดาของเศรษฐีชื่อโกสิยพราหมณ์ ในนครสาคลนคร มารดา ชื่อสุจิบดี เมื่อเจริญวัยขึ้นมาได้ทำอาวาหมงคลเป็นภรรยาของปิปผลิมานพ ตระกูลสัสสปะ เรียกชื่อตามตระกูลว่า “กัสสปะ” นับว่าเป็นสามีภรรยาที่แปลกเพราะทั้งคู่ไม่ยินดีในการถูกเนื้อต้องตัวกัน แม้จะนอนบนเตียงเดียวกันแต่ก็ขึ้นคนละข้าง และมีแจกันดอกไม้กั้นตรงกลาง อยู่ครองคู่กันจนบิดามารดาของทั้งส่องฝ่ายถึงแก่กรรม ทรัพย์สมบัติทั้งหลายจึงตกอยู่ในปกครองดูแลรับผิดชอบของคนทั้งสอง

            • ไม่ทำบาปแต่ต้องคอยรับบาป

                เนื่องด้วยตระกูลทั้งสองนั้น เป็นตระกูลเศรษฐีมีทรัพย์มาก เมื่อรวมเป็นตระกูลเดียวกันก็ยิ่งมากมายมหาศาล มีสัตว์เลี้ยง และคนงานจำนวนมาก ทั้งสองสามีภรรยาต้องบริหารสั่งการทุกอย่าง วันหนึ่ง ขณะที่กัสสปะผู้สามีออกไปตรวจดูการทำไร่ไถนาอยู่นั้น เห็นนกกาจิกกินสัตว์เล็กสัตว์น้อยแล้วรู้สึกสลดใจที่ตนเองจะต้องคอยรับบาปกรรมที่คนอื่นทำ แม้นางภัททกาปิลานีใช้ให้ทาสและกรรมกรนำเมล็ดถั่วเมล็ดงามาตากที่ลานหน้าบ้าน เห็นนกกามาจิกกินตัวหนอนก็เกิดสลดใจเช่นกัน

                ดังนั้น เมื่อสองสามีภรรยาอยู่กันพร้อมหน้าจึงปรึกษากัน แล้วมีความเห็นตรงกันว่า ไม่ควรจะมานั่งคอยรับบาปกรรมที่คนอื่นกระทำเพื่อตนเลย จึงพร้อมใจกันมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้แก่หมู่ญาติ และทาสกรรมกรแบ่งกันไปดูแล ส่วนตนทั้งสองได้ปลงผมแล้วนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ อธิษฐานเพศบรรพชิต บวชอุทิศต่อพระอรหันต์ในโลกแล้วเดินทางออกจากบ้านไปด้วยกัน พอถึงทางแยกสองแพร่ง กัสสปะได้ไปทางขวา และได้พบพระบรมศาสดาที่ใต้ร่วมพหุปุตตนิโครธ แล้วกราบทูลขออุปสมบทในพระพุทธศาสนา

            • บวชในสำนักปริพาชก

                ส่วนนางภัททกาปิลานี แยกไปทางซ้าย เดินทางไปพบสำนักของปริพาชก จึงบวชอยู่ในสำนักนั้นถึง ๕ ปี เนื่องด้วยขณะนั้นพระพุทธองค์ยังมิทรงอนุญาตให้สตรีบวชในพระพุทธศาสนา ต่อมาเมื่อพระนางปชาบดีโคตมีได้บวชแล้ว นางจึงได้มาบวชในสำนักของนางภิกษุณี ได้ศึกษาพระกรรมฐานบำเพ็ญวิปัสสนา ก็ได้บรรลุพระอรหัตผล พร้อมด้วยวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๓ อภิญญา ๖ เป็นผู้ชำนาญในบุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ ญาณเป็นเครื่องระลึกชาติ

                ดังนั้นพระบรมศาสดา ขณะประทับอยู่ ณ พระเชตะวันมหาวิหาร เมื่อ ทรงสถาปนาภิกษุณีทั้งหลายไว้ในตำแหน่งต่าง ๆ ตามลำดับ จึงทรงสถาปนา พระภัททกาปิลานีเถรี ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายในฝ่าย ผู้มีบุพเพนิวาสานุสสติญาณ

            • วิโมกข์ ความหลุดพ้นจากกิเลส มี ๓ ประการ

                                ๑. สุญญตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นอนัตตาคือความว่าง
                                ๒. อนิมิตตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นอนิจังแล้วถอนนิมิตได้
                                ๓. อัปปณิหิตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นทุกข์แล้วถอนความปรารถนาได้

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4776 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 10:20:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 22 ธันวาคม 2554, 18:41:25
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 22 ธันวาคม 2554, 08:22:09
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                                      วันนี้ผมต้องเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช Boarding 12:15 น. โดย Nok Air ครับ หวังว่าอากาศที่นครศรีธรรมราชคงจะดีสามารถให้เครื่องบินลงได้ และทางนครดีซี ได้โทรศัพท์มาเตือนว่า พอลงเครื่องแล้วให้แวะไปรับ ของขวัญปีใหม่ ที่คุณสุภา(น้องเปี๊ยก แห่งการบินไทย กระบี่) ฝากเอาไว้ให้ที่เค้าเตอร์เช็คอิน ด้วย  พี่สิงห์ ต้องขอขอบคุณ  คุณน้องเปี๊ยก ด้วยครับที่กรุณา

                                          สวัสดีทุกท่านครับ อย่าลืมเช้านี้ทำจิตให้ผ่องใส ความกังวลหรือทุกข์จะไม่เกิดครับ



พี่สิงห์ถึงนครดีซีโดยสวัสดิภาพรึยังคะ?
ช่างเรียกคะ!
ฟังดูหรูไปเลย..

ที่ฝั่งขะโน้นฝนตกค่ะ
อากาศมัวซัว

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

             - นครดีซี  คือชื่อบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่งในนครศรีธรรมราช ที่ชาวนครศรีธรรมราชส่วนใหญ่รู้จักชื่อนี้ดี เจ้าของเป็นรุ่นพี่วิศวฯ เป็นคนนครศรีธรรมราช ตระกูลเก่าแก่ ทำธุระกิจ จำหน่ายตั๋วเครื่องบิน รับเป็นผู้เช็คอิน(ส่วนนี้ให้ลูกสะไภ้ ที่จบอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ดูแล) เป็นตัวแทนจำหน่ายรถมาสด้า มีธุระกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่สุดในนครศรีธรรมราช และทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และอีกหลายกิจการ ครับ

             - วันนี้เธออย่าลืมอบไก่งวง เป็นอาหารขอบคุณพระเจ้าเผื่อพี่สิงห์ ด้วยที่โรงแรมไม่มีขายเพราะคนไม่นิยมซื้อ

             - ช่วยบอกวิธี เปิด file ให้ด้วย พี่สิงห์ลองแล้วเปิดไม่เป็น ครับ แต่เคยเข้าไปอ่านในพระไตรปิฎก online ที่มีอยู่ พี่สิงห์ อยากอ่านในส่วนของพระธรรม ฉบับภาษาไทย เพื่อให้มีความรู้ เพราะทุกวันนี้ที่พุทธศาสนาผิดเพี้ยนไปนั้น สาเหตุมาจาก พระภิกษุที่บวช ไม่ศึกษาพระไตรปิฎก ประชาชนไม่อ่านพระไตรปิฎก ผู้ที่รู้พระไตรปิฎก ก็ไม่เอาเนื้อหาในพระไตรปิฎกมาสอน ศาสนาพุทธมันเลยแปลงไปกลายเป็นวัฒนธรรมส่วนหนึ่งที่ปัจจัยหลักเป็นศาสนาพุทธ แต่ไม่ใช่ของดั้งเดิมที่พระพุทะองค์ทรงสอน พระท่านเลยผิดทางไปเฉไฉไปมาก คิดเอง ตั้งนิกายเอง แต่อยู่ในคราบศาสนาพุทธ มันเป็นการตู่พระพุทธเจ้า เพราะพระพุทธองค์ทรงสอนแต่เรื่องทุกข์ให้รับรู้และวิธีแก้ทุกข์ ทั้งสิ้น แต่ปัจจุบันประชาชนชาวพุทธแม้กระทั่งภิกษุ มีแต่รอคอยสวดอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนั้น ไม่กระทพความเพียรในการกุศลธรรมที่พระพุทะองค์ทรงสอนเลย  ดังนั้นพี่สิงห์ อยากมีความรู้จากพระองค์แท้จริง ก็ต้องศึกษาจากพระไตรปิฎกนี่ละ ส่วนหนังสือธรรมะต่างๆ ที่พระท่านเขียนนั้น รับฟังไว่เฉยๆ เท่านั้น

             สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4777 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 10:52:29 »

พระพุทธองค์ทรงสอน "ให้ระวังอัตตาตนเอง"

               เมื่อเช้ามืดขณะปฏิบัติธรรม จนเป็นอารมณ์เดี๋ยว จิตมันก็น้อมนำเอาคำสอนของพระพุทธองค์ คือ "ให้ระวังอัตตาตนเอง" เข้ามาให้เกิดปัญญา เลยขอนำมาเขียนให้รับทราบกัน เป็นเพียงความคิดของผมที่แวบเข้ามาเท่านั้น ต้องระวังไว้ด้วย ขอให้ท่านพิจารณาด้วยปัญญาของท่าน

                คำว่า"อัตตา" คือสิ่งที่แสดงเป็นตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์คือรูปที่ประกอบไปด้วยธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ มาประชุมรวมกันเป็นร่างกายที่เราสมมติว่าชื่อมนุษย์ที่มีร่างกายตามที่เราเห็นนี่ละมีทั้งบุรุษ-สตรี ด้วยวัยต่างๆ กันตั้งแต่เกิดจนตาย มีทั้งรูปที่ตนเองชอบและไม่ชอบ

                นอกจากนี้คำว่า "อัตตา" ยังหมายถึงสิ่งที่มนุษย์ยึดถือว่าเป็นสิ่งที่ตนอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากเอา อยากใคร่ หรือเป็นสันดารของตน เป็นความอยากของตน เป็นความใคร่ของตน เป็นความชอบของตน เป็นความคิดเห็นของตน เป็นต้น จนติดฝักรากหยั่งลึกลงไปในจิตใจตั้งแต่จำความได้จนถึงปัจจุบัน มันเลยติดเป็นเรื่องเดียวในตนเองไปหมด แยกไม่ออกทั้งสิ้นทำให้หลงยึดติดกับมัน เป็นควมต้องการในการดำรงชีวิตทั้งสิ้น และทำให้มีความโลภไม่มีสิ้นสุด และพอไม่ได้ในสิ่งที่ตนชอบก็โกรธ พยายามหาวิธีเอามาให้ได้ สิ่งไหนเอามาได้ไม่ชอบก็โกรธหรือผิดหวัง แต่ถ้าสิ่งไหนได้แล้วชอบก็เป็นสุขอยากได้อีกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเกิดจากตาเห็นรูป หูได้ฟังเสียง จมูกได้ดมกลิ่น ลิ้นได้ลิ้มรส กายได้สัมผัส จิตได้นึกคิด มีทั้งชอบและไม่ชอบ ล้วนนำทุกข์มาให้ทั้งสิ้น นอกจากนี้ความโลภที่ไม่มีที่สิ้นสุดจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี่ละ จิตมันก็จะสั่งให้รูป-นาม(อัตตา) ไปเอามาให้ได้อีก ถ้าหามาได้โดยสุจริตก็ดีไป แต่ส่วนใหญ่แล้วจะตรงข้ามมันก็จะก่อทุกข์ให้กับเราและคนอื่นร่ำไป

                เพราะความเป็นอัตตาตนเองแท้ๆ นั้นมันปราถนา มันอยาก มันก่อวิวาท ไม่มีที่สิ้นสุด มีแต่นำทุกข์มาให้ทั้งสิ้น พระพุทธองค์ท่านถึงให้ทรงคิดตรงกันข้าม คือไม่ให้มีอัตตาตนเอง หรือมีอัตตาน้อยๆหน่อย คือให้เป็นอนัตตาเสีย เมื่อมีความคิดเป็นอนัตตาในสิ่งที่พึงมีพึงเป็นในธรรมชาติ คือ "ธรรม" เสียแล้ว ความปราถนา ความอยาก ความใคร่ ต่างๆ มันก็ลดน้อยลงๆ หรือไม่มีเลย เราก็จะทุกข์น้อยลงๆ หรือไม่มีทุกข์เลย

                 แต่จะทำไฉนให้อัตตาตัวเองลดน้อยลงไปได้ล่ะนี่ละปัญหา เราก็ต้องยึดมั่นในศ๊ล สมาธิ ปัญญา พยายามสำรวมอินทรีย์คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้อยู่ในความไม่ประมาท หรืออยู่ในมรรค ๘ ให้ได้เป็นส่วนใหญ่เราก็มีชีวิตที่อยู่ได้แล้ว

                 แต่มนุษย์ ปัจจุบันเต็มไปด้วยอัตตาตนเองทั้งนั้น ทั้งการกระทำ ความต้องการในเรื่องที่อยู่อาศัย ความสะดวกสบายในทุกเรื่อง แม้กระทั้งความคิดเห็นตนเองก็มีแต่อัตตนตนเองเป็นส่วนใหญ่ สังคมมันเลยยุ่งเหยิง ไปหมด มีแต่วิวาทกันทางความคิดเห็นไม่จบไม่ิสิ้น มีแต่ทุกข์เต็มไปหมด

                  ดังนั้นมีทางเดียวเท่านั้น เราต้องลดอัตตาตนเองให้น้อยลงๆ จนหมดไปเลย โดยคิดเห็นให้เป็นอนัตตาเสียให้หมด(ตรงกันข้ามกับอัตตา คือไม่ให้มีอัตตาตนเอง) นั่นแหละเป็นทางที่ประเสริฐในการดำรงชีวิตที่แท้จริง

                  สังขาร  ทั้งหลาย   ไม่เที่ยง
                  สังขาร  ทั้งหลาย   เป็นทุกข์
                  ธรรม    ทั้งหลาย   เป็นอนัตตา

                   ธรรมในที่นี้ เป็นทั้งสังขตะธรรม(คือธรรมที่เกิดจากเหตุ-ปัจจัย) และอสังขตธรรม (คือธรรมที่ไม่ได้เกิดจากเหตุ-ปัจจัย เช่นวิสังขารธรรม และนิพพาน)

                  สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4778 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 11:46:53 »

                 ดร.สุริยา  นี่คือพระไตรปิฎกฉบับประชาชน ครับ อยากจะ copy file ทั้งหมดมาอยู่ในเครื่อง

                 http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/praapitham/1.html
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #4779 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 11:52:15 »

ใช่ชุดนี้หรือเปล่าครับ ที่พี่สิงห์สนใจ

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4780 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 12:11:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 23 ธันวาคม 2554, 11:52:15
ใช่ชุดนี้หรือเปล่าครับ ที่พี่สิงห์สนใจ


                  ชุดไหนก็ได้ครับ ขอบคุณมาก

                                    พี่สิงห์ ได้โทรศัพท์ไปสอบถามดูแล้ว วันหลังจะแวะไปที่ร้านเขาเพราะมี ๒ ชุด เลยตัดสินใจไม่ได้
                       
                                    สวัสดี

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4781 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 13:04:35 »

                 ดร. สุริยา  ตกลงผมให้เด็กที่โรงงาน zip file เปลี่ยนออกมาได้แล้ว ครับ

                 สวัสดี
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #4782 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 13:28:05 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 23 ธันวาคม 2554, 13:04:35
                 ดร. สุริยา  ตกลงผมให้เด็กที่โรงงาน zip file เปลี่ยนออกมาได้แล้ว ครับ

                 สวัสดี

และทราบว่าสามารถเปิดอ่านได้จากที่ unzip มาแล้ว
จึงสามารถนำไปอ่านที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องต่ออินเทอร์เนท
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4783 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 13:55:38 »


                 นี่คือรูปที่คุณเหยง เอามาโพสต์ มันบอกอะไรเราได้บ้าง?

                 มันบอกว่าสาเหตุที่เกิดมหาน้ำท้วม กทม. ส่วนหนึ่งนั้นมาจากภาพนี้ครับ ถูก-ผิด ผมไม่รู้ทั้งสิ้น ทุกท่านตัดสินใจเอง ?

                 หมายความว่า ในภาพท่านจะเห็นนาข้าว ในส่วนที่น้ำไม่ท้วม นั่นคือทุ่งนาข้าวฝั่งตะวันตก ของแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ใต้เขื่อนเจ้าพระยาที่ชัยนาท ลงมาทางใต้จรดอ่างทอง อยุธยา และสุพรรณบุรี ที่กรมชลประทาน โดยคุณบรรหาร  ไม่ได้ปล่อยน้ำเข้าทุ่งเลย ทุ่งนี้มีประมาณ 2-4 ล้านไร่ ทุกปี น้ำจะท้วมทุ่งนี้ทั้งหมด แทนท้วมทุ่งฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่กรมชลประทานไม่สามารถเกิดประตูบางโฉมศรีปล่อยน้ำไปทางบ้านหมี่-ท่าวุ้งได้ เพราะท่านผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี จะนำทหารมายืนถือปืน M16 ตลอดเวลา แต่บังเอิญปีนี้น้ำมาเร็วและแรง จนทำให้ประตูบางโฉมศรีพัง น้ำเลยไหลเข้าทุ่งฝั่งตะวันออกได้ จน ณ เวลานี้น้ำยังไม่แห้ง ไม่สามารถปลุกข้าวได้เลย  ฝั่งตะวันตกหลังบ้านผมที่เห็นในภาพ น้ำจึงไม้ท้วม ขนาดชาวนาเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว อยากให้กรมชลประทานปล่อยน้ำเข้าทุ่ง กรมชลประทานยังไม่ปล่อยน้ำเข้าเลย และ ณ เวลานี้ชาวนาปลูกข้าวหมดแล้ว แต่อนิจจาไม่มีน้ำทำนาเลย ตรงข้ามกับทุ่งนาฝั่งตะวันออกน้ำยังท้วมแต่ปลูกข้าวไม่ได้ มันกลับกันเลย

                 ทุกท่านลองนึกดู ถ้าประตูบางโฉมศรีไม่แตก น้ำในทุ่งอีก 2-4 ล้านไร่จะไปไหน มันก็ท้วม กทม.เพิ่มจากระดับเดิมอีกไม่ต่ำกว่า ๑ เมตร และท้วมนานอีก หนึ่งเดือน แน่นอน ดีชะบุญที่ประตูบางโฉมศรีพัง เราจึงท้วมอย่างที่เห็นครับ

                 ถ้าปีหน้า กรมชลประทานไม่ระบายน้ำเข้าทุ่งตะวันตกอีก และกรมชลประทานไม่สามารถระบายน้ำเข้าทุ่งตะวันออกได้  อะไรจะเกิดขึ้น ทุกท่านคิดดูเองก็แล้วกัน  ถ้าการระบายน้ำยังอยู่ในมือกรมชลประทาน ที่จะบันดาลให้น้ำท้วมพื้นที่ไหนก็ได้ และท้ายสุด กทม. ก็จะรับกรรมเพิ่มขึ้นอยู่ดี

                 ถึงจะทำ floodway จากบางไทรก็ดี มันแก้เพียงระบายน้ำ ไม่ให้เข้า กทม. มากเท่านั้น แต่มันแก้น้ำท้วมอ่างทอง อยุธยา บางบัวทอง และนิคมอุตสาหกรรมที่อยุธยาไม่ได้ เพราะอะไร? เพราะแม่น้ำเจ้าพระยาที่อ่างทอง  อยุธยา มันกว้างเพียงหนึ่งในสามของที่สิงห์บุรีเท่านั้น แล้วน้ำที่มาจากชัยนาท สิงห์บุรี มันจะไปไหนได้ทัน ในเมื่อแม่น้ำเจ้าพระยามันเล็กก่อนที่จะมาถึงบางไทร มันก็ท้วมที่สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา และนอคมน่ะซิครับ

                  ผมถึงบอกว่าต้องทำหลายๆ ประการตามที่เคยเสนอเอาไว้แต่ก่อนและต้องขุดแม่น้ำเจ้าพระยาสายใหม่โดยเริ่มต้นที่สิงห์บุรีลงมาทางฝั่งตะวันตกที่เป็นพื้นที่ลุ่ม ไม่ใช่ฝั่งตะวันออก ชาวบางบัวทอง พุทธมณฑล จึงจะปลอดจากน้ำท้วมครับ

                  แบบที่ผมบอกวันก่อนตอนนี้มันต้องมีแผนแม่บทออกมาเป็นมาตรฐานได้แล้วจากข้อมูลที่ผ่านมาว่า ถ้าระดับน้ำในเขื่อนที่มิอิทธิพลคือ เขื่อนภูมิพล แควน้อย  สิริกิต เจ้าพระยา และป่าสักชลสิทธิ์ มีระดับเท่าไร ต้องระบายน้ำลงทางแม่น้ำเจ้าพระยาปริมาณเท่าใด ที่จะสามารถระบายได้ทันไม่ให้เกิดน้ำท้วม และกรณ๊มันต้องท้วม ต้องบ่งชัดเจนว่าทุ่งฝั่งตะวันตกต้องปล่อยน้ำท้วมเท่าไร ทุ่งฝั่งตะวันออกต้องปล่อยน้ำท้วมเท่าไร ทั้งสองทุ่ง ไม่ใช้ทุ่งใดทุ่งหนึ่ง เพราะถ้าเอาน้ำเข้าไปพักเป็นแก้มลิงทั้งสองทุ่งระดับน้ำจะไม่สูงเลย ข้าวอยู่ได้ คนอยู่ได้ แต่ที่ผ่านมากรมชลประทานเอาน้ำอยู่แต่ในลำแม่น้ำเจ้าพระยาเพราะไม่สามารถระบายน้ำเข้าทุ่งได้ เพราะ สส. นักการเมือง ผู้ว่า ประชาชน ค้าน แต่สุดท้าย กรมชลจะอ้างว่าเขื่อนจะพังต้องปล่อยน้ำเข้าทุ่ง แต่จะเข้าเพียงทุ่งเดียว มันก็ฉิบหายหมด เป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว ความคิดแบบนี้ มันใช้ไม่ได้

                  ต้องเอาแบบโบราณสมัยที่ไม่มีถนน น้ำกระจายเต็มทั้งสองทุ่ง ท้วมอย่างมากสุดในชีวิตที่ผมเติบโตมา ไม่เกิน ๑๕-๓๐ วัน และระดับไม่สูงไม่เคยเกินหน้าอกครับ ไม่ใช่สามเดือนแบบปีที่แล้ว และระดับน้ำไม่สูง ชาวนาชอบเพราะปีต่อไปจะปลูกข้าวได้ดีเพราะน้ำท้วมมันเพิ่มปุ๋ยธรรมชาติ ผมถึงบอกว่ากรมชลประทานสมองโง่ หรือแกล้งโง่ ในการปล่อยน้ำผมไม่รู้ทั้งสิ้น

                  ถึงไม่ทำอะไรเพิ่มตอนนี้ ถ้าผมเป็นอธิบดีกรมชลประทาน  จะสามารถระบายน้ำไม่ให้ท้วมได้ แต่อย่าเอานักการเมืองมาคุมผม ให้มีอิสระ ระหว่างผมกับผู้ว่าราชการจังหวัดใต้เขื่อนเจ้าพระยาเท่านั้น ก็สามารถกระทำได้ ครับ

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4784 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 14:16:52 »


              
                 เมื่อสักครู่ ดร.กุศล  ได้โทรศัพท์มาบอกว่า พระหลวงพ่อทวด ที่พ่อให้นั้น เป็นพระวัดช้างให้ ปัตตานี สร้างปี ๒๔๙๗ เนื้อว่าน ที่มีการสร้างหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ครั้งแรก  พ่อเขียนปีสร้างพระ ๒๔๙๗  ไว้ที่กระดาษใส่ถุงพลาสติกไว้กับองค์พระ เป็นการยืนยัน

                 สิ่งที่อยากได้ ก็ไม่ได้ แต่สิ่งที่อยากได้ ไม่มีโอกาส แต่ก็ได้มาแบบไม่นึกไม่ฝัน

                 ตอนที่ ดร.กุศล  ยืนพระให้และบอกว่าพี่สิงห์ เป็นลูกพ่ออีกคนหนึ่ง ท่านจึงเอาพระไว้ให้สององค์ ทั้งๆที่มีลูกชายคนเดียว ตอนผมรับองค์พระมาจากมือ ดร.กุศล ผมรู้สึกได้ถึงพลังอะไรบางอย่างเกิดขึ้น มีปีติในใจ และก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นพระรุ่นไหน ในเมื่อพ่อให้ก็เลยต้องเสียสตางค์ ๗๐๐๐ บาท ไปใส่กรอบทองเพื่อเอาไว้ติดตัวเพื่อระลึกถึงพุทธศาสนา ไม่ให้ประพฤติชั่วทางกาย วาจา ใจ สำรวมอินทรีย์อยู่เป็นนิจ ทำจิตให้ผ่องใส
    
                ผมเองเมื่อวันพฤหัสบดีเวลาใส่บาตพระและก่อนหน้านั้น และเมื่อคืนภายหลังสวดมนต์เสร็จก็อุทิศส่วนกุศลให้ท่านคุณพ่อบัญญัติ   อิสดุลย์ มาตลอด และตั้งใจว่าทำบุญครบ ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน และตอนเอากระดูกท่านไปไว้ที่พระพุทธรูปที่วัดพระมหาธาตุ จะไปทำบุญด้วย ครับ

                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4785 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 16:32:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 22 ธันวาคม 2554, 20:57:50
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                        - เมื่อสักครู่น้องสาวได้โทรศัพท์มาขอความเห็นเรื่องแม่ คือแผลที่เป็นรองช้ำที่นิ้วเท้าเนื่องจากเส้นเลือดตีบอุดตัน ไม่สามารถไปเลี้ยงเซลต่างๆ ได้ ทำให้แผลเขียวช้ำ ถ้าปล่อยไว้เนื้อจะตาย และจะรามมากขึ้น มีทางเลือกสองทาง คือ ปล่อยรักษาตามอาการ หรือ เข้ากรุงเทพฯไปโรงพยาบาลทรวงอก เพื่อสวนหลอดเลือดบอลลูน และต้องตัดนิ้วเท้าทิ้ง  ความเห็นน้องสาวคือ อยากปล่อยตามธรรมชาติ รักษาตามอาการ เพราะผ่าตัดต้องวางยาสลบ แม่อาจจะทนไม่ได้เพราะอายุมากแล้ว น้องสาวบอกว่ายังสามารถคุยกับแม่ได้ทุกวัน ยังสงสาร ยังห่วงอยู่  อยากให้แม่อยู่นานๆ   ความเห็นผมคือ ปล่อยตามธรรมชาติ รักษาตามอาการ ถ้าไม่ดีขึ้นให้บอก  ผมจะพาแม่กลับบ้าน ตามที่ได้รับปากแม่เอาไว้ ผมรับได้ทุกสถานะการณ์ และได้ถามพี่ชายที่เป็นหมอ อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พี่หมอ บอกว่า ถ้าเราไปตัดก็เหมือนไปเร่งให้แม่ไปเร็วเกินไป อยากจะปล่อยให้เป็นไปแบบนั้นคือ รักษาตามอาการ แต่จะขอไปดูแม่ก่อน แล้วจะตัดสอนใจ

               เป็นอันว่า อาทิตย์หน้า ผมคงไม่สามารถไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าสุคะโตได้  ขอไปอยู่กับแม่ ดีกว่า วันที่ ๑ มกราคม เป็นวันเกิดแม่ ครบ ๙๓ ปี ครับ

               ราตรีสวัสดิ์ทุกท่าน ครับ

 

พี่สิงห์คะ,
คุณแม่พี่ เป็นชาวราศีมังกรนี่!
ถึงว่าสิคะ อดเนื้ออดทน.
เรื่องนี้ยากแก่คนภายนอกจะตัดสินใจ
รึแสดงความเห็นค่ะ..แต่พี่คุยกับท่านได้
ยังรู้เรื่องนะคะ?
ถามท่านสิพี่...ท่านรู้สึกยังไง?
ท่านเจ็บตรงไหน จะได้ช่วยปัดเป่าได้ตรง.
93ถือเป็นของขวัญ บุญทำมาดีคะ

หนิงยังจำคุณย่าหนิงเมื่ออายุ 91ได้
ตอนนั้นท่านแทบเดินไม่ได้ มองไม่ชัด
ลูก-สะใภ้-หลานๆมาเยี่ยมต้องล้อมที่นอน
ให้ท่านลุกนั่ง ถามว่า นั่นใคร นั่นใคร..
หลานเยอะค่ะ..พ่อขนลูกๆไปที6-7คนได้!
ขืนขนไป12คนครบ ย่าต้องเหนื่อยแน่ค่ะ..
ย่าอยู่จน92รึไง รึ91นั่นแหละคะท่านหลับไปเฉยๆ.
ไปสบายคะ ไม่เจ็บ ไม่ทุกข์


      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4786 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 17:07:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 23 ธันวาคม 2554, 08:05:29
สวัสดีคุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ดร.สุริยา และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                เรื่องแม่ ผมคิดถูกหรือผิด โปรดแนะนำ ที่ผมอยากปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะถ้าทำบอลลูนขยายหลอดเลือดที่ขา ก็ทำได้เฉพาะเส้นเลือดใหญ่ แต่เส้นเลือดฝอยคงตีบเช่นเดิม ถ้าตัดนิ้วเท้าที่ไม่มีเลือดไปเลี้ยง ต้องวางยาสลบ และจะลามขึ้นมาเรื่อยๆ จ้องตัดร่ำไป และปัญหาการวางยาสลบแล้ว จะฟื้นหรือไม่ เพราะอายุมาก และร่างกายมันจะรับไม่ไหว แบบคุณ John Skinner  หรือคุณพ่อ ดร.กุศล  ที่ผ่าตัดลำไส้ แล้วติดเชื้อ จะทำให้ท่านจากเราไปเร็วขึ้น แต่ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ อยู่ได้อีกพอสมควร แต่แผลจะตาย เพราะไม่มีเลือดไปเลี้ยง และได้รับทุกขเวทนาพอสมควร แม่ยังคุยรู้เรื่อง มีสติ เจอหน้าผมจะต้องบอกทันทีอย่าลืมพาแม่ไปบ้านนะ ทุกครั้ง ไม่คุยเรื่องอื่นทั้งสิ้น เพราะกลัวผมลืม

                 ประวัติแม่เคยเป็นง่อย(ในภาษาชาวบ้าน ตั้งแต่คลอดลูกคนแรก และเสียชีวิต  ยายของแม่ก็เป็นง่อย และแม่เส้นเลือดในสมองตีบ มาตั้งแต่อายุประมาณ ๔๐ ปี แบบอัมพฤกษ์ย่อยๆ มานาน แต่ก็มีวินัยในการกินยา และดูแลตัวเอง จนไม่สามารถช่วยตัวเองได้)
             
                สวัสดี



                 


พี่สิงห์คะ,
หนิงก็เคยได้ยินคะว่าหมอเลี่ยงวิถี
ที่จะผ่าตัดใหญ่กับคนไข้สูงอายุ
ด้วยความเสี่ยงของการพักฟื้นหลังผ่า
ดูจะมีมากกว่า แต่เห็นตอนแม่แฟนหนิง
ผ่าตัดสะโพกเมื่อ14ปีก่อน...ตอนนั้นท่าน74
ยินว่าถกกันนานมากค่ะว่าจะผ่าไม่ผ่า
ตอนหลังแม่เค้าตัดสินใจเอง! เธอว่าไม่ผ่า
เธอก็เจ็บเวลาเดิน...ทำอะไรก็ได้ให้หายเจ็บ..
ผ่านมา14ปีตอนนี้เธอ88 เธอขอบคุณสวรรค์
ที่ยังสามารถทำกิจการในชีวิตประจำวันได้
ด้วยตัวเองคะ...มีสามีวัยใกล้ๆกันงกๆเงิ่นๆคู่กัน
อยู่ในบ้านอุ่นสบาย...นั่นคือฝรั่งสูงวัยคะที่
อยากทำอะไรเองไม่พึ่งใคร...นานๆทีเค้าจะโทรมา
ขอให้ลูกจัดการอะไรให้...แถมยังแจกเงินลูกหลาน
ทุกเทศกาล..เท่าเทียมไม่มีเลือกที่รักมักที่ชัง
เค้าก็มีนะคะ"Wehwehchen"ถือเป็นการรายงานสุขภาพ
เหมือนรายงานพยากรณ์อากาศ!!เค้าฟังสัญญาณร่างกาย
น่ะพี่ว่าเป็นอะไร เจ็บปวดตรงไหน ก็รักษาตัวเองกันไป
นอกนั้นก็ไม่มีอะไรงานใหญ่ป่วยใหญ่คะ

ทำยังไงก็ได้นะพี่ที่จะไม่ให้ท่านต้องเจ็บปวด
ต้องทรมาน เรื่องหายไม่หาย สำหรับผู้สูงวัย
หลีกเลี่ยงลำบากคะ เมื่อสภาวะร่างกายถึงกาล
ต้องซ่อมแซม คงต้องเลือกซ่อมคะพี่ที่จะให้
ท่านสบายตัวที่สุด.


ถามนิดคะ: ง่อยนี่ คือPolioรึปล่าวคะ?
สมัยโน้นเมืองไทยคงยังไม่มีวัคซีนแพร่หลาย
แต่ง่อยเพียงทำให้ขาลีบเล็ก..หายแล้วตัวก็ใช้ชีวิต
ได้ตามปกติไช่มั้ยคะ?ไม่ไช่ทุพลภาพที่มีผลต่อ
การดำเนินชีวิต.
เดี๋ยวนี้เค้าฉีดกันในวัยทารกคะพี่
หนิงยังได้ฉีดฟรีตอนเล็กๆจำได้
เค้ามาฉีดที่โรงเรียน หนิงกลัวมาก
แต่ทำเก่งเข้าแถวก่อน ฉีดก่อน..
เพราะฉีดเสร็จเค้าแจกไมโลค่ะ!!
อร้อยอร่อยยยยย เครื่องดื่มช๊อคโกแล็ตเย็น
แหมนะคะ,ขนาดกลัวหนิงยังมีalternativeเลย
พี่คิดดู.

พี่สิงห์ พี่ตัดสินใจกะพี่สาวพี่ชายพี่นะคะเรื่องนี้
ไม่มีผิด ไม่มีถูกค่ะเพราะทุกคนตั้งใจดีให้แม่สบาย
หายเร็วๆได้กลับบ้านคะ.



      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4787 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 17:17:25 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 23 ธันวาคม 2554, 13:04:35
                 ดร. สุริยา  ตกลงผมให้เด็กที่โรงงาน zip file เปลี่ยนออกมาได้แล้ว ครับ

                 สวัสดี


zipไหนคะพี่สิงห์?
zipหนิงรึ zipพี่ป๋อง?


ว้ายยยยยยย
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4788 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 17:30:10 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 23 ธันวาคม 2554, 10:20:12
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

             - นครดีซี  คือชื่อบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่งในนครศรีธรรมราช ที่ชาวนครศรีธรรมราชส่วนใหญ่รู้จักชื่อนี้ดี เจ้าของเป็นรุ่นพี่วิศวฯ เป็นคนนครศรีธรรมราช ตระกูลเก่าแก่ ทำธุระกิจ จำหน่ายตั๋วเครื่องบิน รับเป็นผู้เช็คอิน(ส่วนนี้ให้ลูกสะไภ้ ที่จบอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ดูแล) เป็นตัวแทนจำหน่ายรถมาสด้า มีธุระกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่สุดในนครศรีธรรมราช และทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และอีกหลายกิจการ ครับ

             - วันนี้เธออย่าลืมอบไก่งวง เป็นอาหารขอบคุณพระเจ้าเผื่อพี่สิงห์ ด้วยที่โรงแรมไม่มีขายเพราะคนไม่นิยมซื้อ

             - ช่วยบอกวิธี เปิด file ให้ด้วย พี่สิงห์ลองแล้วเปิดไม่เป็น ครับ แต่เคยเข้าไปอ่านในพระไตรปิฎก online ที่มีอยู่ พี่สิงห์ อยากอ่านในส่วนของพระธรรม ฉบับภาษาไทย เพื่อให้มีความรู้ เพราะทุกวันนี้ที่พุทธศาสนาผิดเพี้ยนไปนั้น สาเหตุมาจาก พระภิกษุที่บวช ไม่ศึกษาพระไตรปิฎก ประชาชนไม่อ่านพระไตรปิฎก ผู้ที่รู้พระไตรปิฎก ก็ไม่เอาเนื้อหาในพระไตรปิฎกมาสอน ศาสนาพุทธมันเลยแปลงไปกลายเป็นวัฒนธรรมส่วนหนึ่งที่ปัจจัยหลักเป็นศาสนาพุทธ แต่ไม่ใช่ของดั้งเดิมที่พระพุทะองค์ทรงสอน พระท่านเลยผิดทางไปเฉไฉไปมาก คิดเอง ตั้งนิกายเอง แต่อยู่ในคราบศาสนาพุทธ มันเป็นการตู่พระพุทธเจ้า เพราะพระพุทธองค์ทรงสอนแต่เรื่องทุกข์ให้รับรู้และวิธีแก้ทุกข์ ทั้งสิ้น แต่ปัจจุบันประชาชนชาวพุทธแม้กระทั่งภิกษุ มีแต่รอคอยสวดอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนั้น ไม่กระทพความเพียรในการกุศลธรรมที่พระพุทะองค์ทรงสอนเลย  ดังนั้นพี่สิงห์ อยากมีความรู้จากพระองค์แท้จริง ก็ต้องศึกษาจากพระไตรปิฎกนี่ละ ส่วนหนังสือธรรมะต่างๆ ที่พระท่านเขียนนั้น รับฟังไว่เฉยๆ เท่านั้น

             สวัสดีค่ะ


เอ๋าาาา เป็นงั้นไปคะ
คิดว่าพี่สิงห์ createชื่อจังหวัด
ใหม่ เก๋ อิงวอชิงตันดีซีว่าไปโน่น.

ไม่คะไม่มีไก่งวงคะพี่!
พรุ่งนี้ Heiligabendตั้งต้นคริสต์มาส
ตกแต่ง ไปโบสถ์ แล้วกลับมาทำ..
ทำอะไรกิน?? นกค่ะพี่สิงห์ Wachtel
น่าจะคล้ายนกกระทาค่ะพี่!
ความที่ตัวเล็กมาก เกรงไม่พอ
จะปรุงน่องห่านค่ะ แล้วอะไรอีก?
พรุ่งนี้คะพี่สิงห์.

ตกลงพี่เปิด fileได้รึยังคะ?
เห็นreplyต่อจากนี่ว่าเปิดzipได้แล้ว
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4789 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 20:49:35 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

             - ตกลงสามารถเปิด file พระไตรปิฎกเอาไป save ไว้ในเครื่องเปิดอ่านได้แล้วครับ โดยให้พนักงานที่บริษัท ทำให้ครับ ขอบคุณมากที่ไปหาเอาของดีๆ มาให้พี่สิงห์

             - ยายน้อย คงเป็นน้องสาวของยายผม เป็นง่อย หมายความว่า มีสามี มีลูก แต่ตัวเองพิการเดินไม่ได้ เมื่อคลอดลูกออกมาแล้ว ไม่ใช่โปลิโอ ครับ แต่มันพิการ ที่ผมเห็นยายน้อย สามารถช่วยตัวเองได้ทุกอย่างแต่เดินไม่ได้ ต้องใช้วิธีถัดไปแทน ยังสามารถนุ่งจูงกะเบนได้ อยู่แต่บนบ้านพูดเก่ง ดูมีความสุขเวลาแม่ไปเยี่ยม เสียดายตอนที่ท่านตายผมอยู่กรุงเทพฯ ไม่มีใครบอกเลยไม่ได้ไปเผา ทั้งยายน้อย ยายหนู  สมัยผมเรียนชั้นประถมแม่พาไปตลาดปากบางไปเยี่ยมพี่ชาย พี่สาวแม่ และข้ามฝากแม่น้ำเจ้าพระยา ไปเยี่ยมยายหนู  ยายน้อย ฝั่งตรงข้าม ตลาดพรหมบุรีที่มีผัดไทยอร่อยนั่นแหละครับ ส่วนยายหนูจะทำขนมไทยๆ ข้ามฝากมาขายที่ตลาดปากบาง ส่วนตาฝ่าย สามียายน้อย หาปลาเก่ง ขนาดอำเภอพรหมห่างจากอินทร์บุรี ๒๐ กิโลเมตร ยังเคยเห็นตาฝ้ายพายเรือผีหรอกหาปลาทั้งคืนมาถึงอินทร์บุรีเอาปลามาให้และกินข้าวเช้าด้วยกันเลย ขนาดพายเรือทวนน้ำขึ้นมา ในสมัยนั้น

              - วันนี้น้องสาวชวนแม่สวดมนต์ และถามแม่ว่าอยากตายที่ไหน แม่บอกว่าอยากกลับบ้าน  ทำไมต้องกลับบ้าน แม่บอกว่ามีข้าวกิน  กำลังใจแม่ดีมาก วันนี้แผลที่นิ้วเท้ามีเลือดออก เลยต้องให้ยาแก้อักเสบเพิ่ม  แม่ไม่รู้สึกเจ็บ เพราะปราสาทมันหายไปแยะแล้ว เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงสมองน้อย และให้อาหารทางสายยางมาหลายปีแล้ว  แต่ปีใหม่นี้ผมได้บอกพี่ๆ และน้องสาว ว่าจะพาแม่ไปทำบุญปีใหม่ที่วัดพระนอน เพราะเป็นวันเกิดแม่ด้วย   และก็อยากให้ทุกคนได้อโหสิกับแม่เสียตั้งแต่ที่แม่ยังมีชีวิตอยู่จะได้ไม่เป็นบาปต่อกัน จากกันไปด้วยดี  ส้วนผมและน้องสาวนั้น ได้บอกอโหสิกรรมกับแม่ ไปแล้วตอนที่อาการท่านหนัก ครั้งที่ผ่านมา  สรุปคงปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เกิด แก่ เจ็บตาย  รักษาตามอาการ ไม่ตัดอะไรทิ้งทั้งสิ้น และจะหาโอกาสไปอยู่กับแม่บ่อยขึ้น เท่าที่จะว่างจากการเดินทาง คงเป็นโอกาสช่วงสุดท้ายแล้วครับ

                 สุขสรรค์วันคริสมาสทั้งครอบครัวครับ

                 ราตรีสวัสดิ์ครับ
 
           
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4790 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 21:09:06 »

             
                 - เมื่อตอนเย็นที่ผ่านมาอากาศนครศรีธรรมราชดี คือเห็นแสงพระอาทิตย์ฝนไม่ตก ทำให้ผมสามารถไปเดินจงกรมออกกำลังกายที่เทอเรสชั้นสาม และฝึกโยคะได้ ลมเย็นดีกว่าในห้องฟิตเนส ครับ

                 - เมื่อวานผมไปอบซาวน่า ได้ถามคนนครศรีธรรมราช คนหนึ่งเป็นพ่อค้า ผมถามว่าเดี๋ยวนี้ที่นครศรีธรรมราชยังมียิงกันไหม? เขาตอบว่ามี ส่วนใหญ่เป็นเรื่องขัดผลประโยชน์ทางการเมืองท้องถิ่นที่ผิดใจกัน และพวกผู้รับเหมาที่ประมูลตัดหน้าฟันราคากัน ขณะที่เขาฮั้วประมูลกันอยู่ แบบนี้เขายิงทิ้งเพื่อให้หราบจำ ส่วนผมนั้นไม่มีใครรู้จักเพราะไม่เคยแนะนำชื่อทั้งสิ้น คนนครศรีธรรมราชมีดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ ถ้าเจอหน้ากันเขาจะยิ้มและจะสวัสดีเสมอ ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่  ยิ่งเคยเห็นหน้าบ่อยๆ ละก็สวัสดีทันทีเลย แต่ทำไมยิงกันง่ายๆก็ไม่รู้ในอดีต มันตรงกันข้ามกับนิสัยที่แสดงออกเลยทั้งสิ้น

                  - ปีนี้ทั้งปี เป็นอันว่าผมไม่ได้ไปไหว้พระธาตุเลย ปีหน้าต้นปีคงต้องหาโอกาสไปไหว้พระธาตุ และพระพุทธสิหิงค์ ครับ สาเหตุที่ไม่ได้ไปเพราะความเกรงใจคนขับรถ เลยไม่ได้ไปไหนเลยทั้งสิ้นนอกจากโรงแรมและโรงงานเท่านั้น และอยู่ที่โรงแรมก็ไม่ได้ไปไหน ทำงาน-ปฏิบัติธรรมอยู่ในห้อง เมื่อถึงเวลาออกกำลังกายค่อยออกไป และถึงเวลาก้ไปกินข้าวแล้วกลับมาในห้อง จนพนักงานโรงแรมเขาถามเสมอ ว่าอาจารย์ไม่ค่อยมานครศรีธรรมราชเลยหรือ ผมก็บอกว่าผมยังไปทุกอาทิตย์เป็นปกติ เพียงแต่เลิกทุกสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมด

                    ราตรีสวัสดิ์ครับ 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4791 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 22:18:59 »

โยนหินถามทาง ใครอยากได้กระทรวงเกษตรฯ ยังไงก็ไม่ยกให้ใคร อดอยากปากแห้งมานาน!! ??

"ชุมพล" โวย "คนรัฐบาล" โยนบาปแก้น้ำท่วมเหลว บอกใครอยากได้ "ก.เกษตรฯ" เอาไปเลย
วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 15:52:39 น.

 
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวตอนหนึ่งในงามประชุมใหญ่ของพรรค ว่า การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมาซึ่งหลายฝ่ายมอง ว่า มีความล้มเหลวและมีคนของรัฐบาลกล่าวโทษว่าเพราะกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งที่ในความเป็นจริงความล้มเหลวที่เกิดขึ้น เป็นเพราะคนที่ไม่มีความรู้และประสบการณ์เป็นผู้ออกคำสั่งแก้ไข ดังนั้น แนวทางจึงเป๋ เมื่อปัญหาแก้ไม่ได้จึงพยายามหาแพะ ทั้งนี้ตนขอร้องอย่ามาโยนบาปให้พรรค หากใครอยากได้กระทรวงเกษตรฯ ให้เอาไป ตนไม่มีปัญหา และไม่ขัดข้อง

นายชุมพล กล่าวเพิ่มเติมในประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยว่า อยากให้นำข้อดีของรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 มาผสมรวมกัน และในประเด็นนี้อยากให้รัฐบาลออกมาพูดให้ชัด อย่ากล้าๆ กลัวๆ ว่าจะทำให้ขัดแย้ง ตนขอเสนอแนวทางแก้ปมดังกล่าวว่า ต้องพูดให้ชัดว่าจะแก้ไขในประเด็นใดบ้าง, ยืนยันว่าไม่ได้แก้เพื่อผลประโยชน์ใคร และที่สำคัญต้องยุติการพูดถึงเรื่องแก้มาตรา 309 และ กฎหมายอาญา มาตรา 112

นายชุมพลกล่าวในประเด็นที่ควรแก้ไข ว่า ประเด็นสอดแทรกผลประโยชน์ของผู้ที่ยกร่าง เช่น การสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ที่มีกลุ่มอำมาตย์, อดีตข้าราชการ, เข้ามาทำหน้าที่ รวมถึงมาตรา 190 ที่ให้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซง

 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1324628811&grpid=00&catid=&subcatid=
      บันทึกการเข้า
ตุ๋ย 22
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2522
คณะ: ครุศาสตร์
กระทู้: 20,173

« ตอบ #4792 เมื่อ: 23 ธันวาคม 2554, 23:18:11 »

      บันทึกการเข้า

น้ำใจน้องพี่สีชมพู ไม่เสื่อมคลายหายไปจากหัวใจ
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4793 เมื่อ: 24 ธันวาคม 2554, 06:21:46 »

พี่สิงห์ที่เคารพ,
หนิงclickเข้าไปที่น้องขุนให้ linkมา
พบว่าต้องดาวน์โหลด 92 ครั้งคะ!

ฉบับzipที่พี่สิงห์ดาวน์โหลดไปแหละคะที่ง่ายสุดๆแล้ว
พี่เปิดอ่าน เคาะหา linkต่อ ไปไหนถึงไหน
ทั้งที่ซื้อมาเป็นเล่มก็ไม่แน่ใจว่าจะง่าย
และสะดวกในการตอบข้อสงสัยเราได้รวดเร็ว
อย่างนี้รึปล่าว ต้องขอบคุณคณะผู้จัดทำนะคะ
ที่ตั้งใจอดทนรวบรวมรายละเอียดปลีกย่อย
มาไว้ด้วยกัน สะดวกแก่การค้นศึกษา
เท่าที่เราข้องใจสงสัย ไม่ต้องท่องจำทั้งหมด
ม่ายงั้นคงตีกันอุตลุตในสมอง..ยุ่งเหยิงพาลจะ
ถึงสติแตกค่า

ได้ประโยชน์ ก็ถือว่าแบ่งบุญกันพี่.
ชอบมั้ยคะ?
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4794 เมื่อ: 24 ธันวาคม 2554, 07:55:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 24 ธันวาคม 2554, 06:21:46
พี่สิงห์ที่เคารพ,
หนิงclickเข้าไปที่น้องขุนให้ linkมา
พบว่าต้องดาวน์โหลด 92 ครั้งคะ!

ฉบับzipที่พี่สิงห์ดาวน์โหลดไปแหละคะที่ง่ายสุดๆแล้ว
พี่เปิดอ่าน เคาะหา linkต่อ ไปไหนถึงไหน
ทั้งที่ซื้อมาเป็นเล่มก็ไม่แน่ใจว่าจะง่าย
และสะดวกในการตอบข้อสงสัยเราได้รวดเร็ว
อย่างนี้รึปล่าว ต้องขอบคุณคณะผู้จัดทำนะคะ
ที่ตั้งใจอดทนรวบรวมรายละเอียดปลีกย่อย
มาไว้ด้วยกัน สะดวกแก่การค้นศึกษา
เท่าที่เราข้องใจสงสัย ไม่ต้องท่องจำทั้งหมด
ม่ายงั้นคงตีกันอุตลุตในสมอง..ยุ่งเหยิงพาลจะ
ถึงสติแตกค่า

ได้ประโยชน์ ก็ถือว่าแบ่งบุญกันพี่.
ชอบมั้ยคะ?


สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

            ฉบับที่เธอเอามาให้นั้น มันก็ฉบับเดียวกันนั่นแหละของมหาวิทยาลัยจุฬาลงราชวิทยาลัย มีทั้งหมด ๔๕ เล่ม แล้วแต่ว่าใครจะเขียนโปรแกรมอย่างไร  ส่วนที่เธอนำมาให้นั้น เขาต้องการให้เอาไปศึกษาจริงๆ จึงทำให้ง่าย รวมทั้งมีแผ่น CD แจกฟรีด้วยถ้าต้องการ การอ่านหนังสือทุกเล่ม ต้องอ่านที่คำปรารภ และคำนำ ก่อนจึงจะทราบวัตถุประสงค์ ของผู้ทำครับ

            ต้องขอขอบคุณเธอที่ไปสรรหาสิ่งดีๆ มาให้พี่สิงห์ นับว่าเป็นของขวัญในเทศกาลคริสมาส และปีใหม่ที่ดีที่สุดสำหรับพี่สิงห์ ชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว ต่อแต่นี้มันจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อพี่สิงห์ ค่อยๆ เปิดอ่านไปเรื่อยๆ ทีละเล่มๆ คงใช้เวลาเป็นปี หลายปี จนกว่าจะจบ แต่ก็ตั้งใจว่าต้องอ่านให้จบทุกหน้า ถือเป็นการปฏิบัติธรรม เพราะต้องตั้งใจ  มีศรัทธา ใช้ความวิริยะ และใช้ปัญญาใคร่ครวญ อย่างสูงจริงๆ จึงจะอ่านได้จบ ครับ จะพยายามเพื่อดำรงไว้ซึ่งพุทธศาสนา ที่แท้จริง  จะได้นำไปบอกกล่าวต่อได้ไม่ผิดไปจากของเดิมทางพุทธศาสนา ครับ

              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4795 เมื่อ: 24 ธันวาคม 2554, 08:20:57 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

              เมื่อเช้ามืดอากาศดีมาก ผมจึงสามารถเดินจงกรมออกกำลังกายได้ที่ชั้น ๓ เทอเรสกลางแจ้งของโรงแรมได้  ระยะแรกในการเดินจงกรมนั้น จิตมันจะวุ่นวาย คิดๆๆๆ ไม่หยุดให้เราฟุ้งซ่าน  นอกจากนี้จะคันตรงนั้น ตรงนี้ เพื่อที่จะให้เราเลิกการกระทำนั้นเสีย เราต้องมีอุเบกขา เอาชนะจิตเราให้ได้ อย่าไปเกา ในส่วนที่คัน อดทน  ทำจิตอยู่ที่การเดินทีละก้าว มันคิดหนักก็ภาวนาคำว่า "พุทธ โธ" ไปทีละก้าว สักพักมันก็เป็นสมาธิ เป็นเอกคตาสมาธิ คือ มีอารมณ์เดียว สติอยู่ที่การเดินทีละก้าวๆ ไปเรื่อยๆ จนลืมเวลาทั้งสิ้น

              แต่โดยมากจิตคนนั้นมันยังต้องคิด อยู่ที่เราว่าเราจะให้มันคิดเรืองอะไร ถ้าเป็นเรื่องนอกกาย ใจ ก็ตัดทิ้งเสียด้วยการมีความรู้สึกตัวเดินไปทีละก้าว ถ้ามันผุดความคิดมาทางเรื่องกาย ใจ ของเราก็ดูไป ปล่อยให้มันคิด แต่เราต้องยังมีความรู้สึกตัวว่าเรากำลังเดินทีละก้าวๆ ตลอดเวลา

              วันนี้สิ่งที่จิตผมคิดก็คือ ได้มาทบทวนตัวของเราเอง ว่า ณ เวลานี้เรามีกิจอะไรที่ต้องกระทำบ้าง มีเพียงแม่ที่ยังอยู่ที่เราต้องดูแลท่านเท่านั้น นอกนั้น เราไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไรเลยทั้งสิ้น การทำงาน ก็ทำไปเพียงเพื่อให้เรามีอะไรทำ เพื่อให้มีรายได้เอามาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ เท่านั้นไม่ได้มากมายอะไร ถ้าเราไม่ทำงาน เราก็อยู่ได้แบบพอเพียง สมถะไม่เดือดร้อนมากนัก งานที่ทำขาดเราไปเสียคนหนึ่งเขาก็ทำกันได้ไม่เดือดร้อน สิ่งอื่นนอกจากนี้ ทุกวันนี้ก็ไม่ได้รับทราบอะไรทั้งสิ้น การดู TV ข่าวต่างๆ น้อยมากจนตัดทิ้งได้  จะมีเพียงข่าวสารที่รับทราบได้ทางเวบที่มีผู้หวังดีให้รับทราบเอามาลงให้อ่านเช่น ของคุณเหยงนี้เท่านั้น  การตีกอล์ฟก็น้อยมาก ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย มีกิจที่ทำเป็นประจำเวลานี้ คือ ต้องหุงข้าวใส่บาต  หาอาหารกิน ซักผ้า รีดผ้า ทำความสะอาดบ้าน ออกกำลังกายประจำวัน และปฏิบัติธรรมเท่านั้น  ถ้าแม่ไม่อยู่แล้วชีวิตเราไม่มีอะไรที่ต้องกังวลอีกแล้ว

               จิตมันหดหู่ ปล่อยวาง ถามตัวเองว่า เราจะอยู่เพื่ออะไร  อยู่ในเพศฆาราวาส ที่รอความตาย  ไม่มีอะไรให้ต้องทำทั้งสิ้น ไร้ประโยชน์ ทำไมเราไม่ทำเพื่อตัวเราเอง จิตมันน้อมนำในทางใครบวชเพื่อจะได้มีเวลาปฏิบัติธรรมจริงๆ ตามที่พระพุทะองค์ทรงตรัสไว้ การถือเพศบรรพชิต  จะมีเวลาในการปฏิบัติธรรมมาก เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและที่อยู่อาศัย  มันก็จริงดังที่พระพุทธองค์ทรงแนะนำ

                ปัญหาคือ ชาวบ้านเขาจะว่าเราได้ มีความรู้แต่เอาตัวไม่รอดต้องมาให้ชาวบ้านเลี้ยง  เราก็สามารถตอบได้ เพราะเรายังมีทรัพย์สิน ที่การันตีว่า สามารถอยู่ได้  บวชแล้วเราตั้งหน้าปฏิบัติธรรม สามารถนำไปสอนชาวบ้านให้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบได้  สามารถดูแลผู้สูงอายุในหมู่บ้าน  ออกไปเยี่ยมทุกบ้านได้ตอนบ่ายแทนที่จะจำวัด หรือช่วยสอนหนังสือตามโรงเรียนพระ-เณร หรือโรงเรียนชุมชนที่ขาดครูเพราะนักเรียนมีน้อย ครูจึงไม่ครบทุกชั้น และยังช่วยกิจการพระศาสนาได้ให้ดำรงไว้

                เมื่อเทียบเคียงดูแล้ว จิตมันน้อมนำไปในทางใคร่บวชเสียมากกว่าจริงๆ

                นอกจากนี้ได้พิจารณาถึง รูป สังขาร(ความคิดปรุงแต่ง) รูปเราไม่เที่ยง เป็นทุกข์ สังขารเรายิ่งไมท่เที่ยงใหญ่เลย เพราะเป็นเพียงความคิดที่เกิดขึ้นมัน คงอยู่ ถ้าเรามีอุเบกขาเพียงพอไม่ปรุงแต่งตาม มันก็ดับของมันไปอยู่แล้ว ขอเพียงเราควบคุม "อัตตา" ตัวเองให้ได้ คือไม่ปล่อยจิตให้เป็นทาสของ "อัตตา" ตัวเองเท่านั้น ความเป็น "อนัตตา" ในรูป-สังขาร มันเกิดขึ้นเอง เราไม่อยากได้ ไม่อยากปราถนา อะไรอีกแล้ว จิตมันคลายของมันเอง ความคิดที่ว่าไม่มีตัวไม่มีตนมันเกิดของมันเองคือ "อนัตตา" ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน "ธรรม ทั้งหลาย เป็นอนัตตา"

                 สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4796 เมื่อ: 24 ธันวาคม 2554, 10:32:40 »

รู้ประวัติพุทธสาวก ภิกษุณี อรหันต์ เอตทัคคะ

ลำดับที่ ๑๑

พระภัททากัจจานาเถรี

เอตทัคคะในฝ่ายผู้ทรงอภิญญา


                พระภัททากัจจานาเถรี เป็นราชธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะ แห่งโกลิยวงศ์ ในพระนครเทวทหะ เป็นพระกนิษฐภคินีของพระเทวทัต บรรดาพระประยูรญาติได้ขนานพระนามว่า “ภัททากัจจานา” หรือที่นิยมเรียกพระนามว่า “ยโสธราพิมพา”

           • พอประสูติโอรสพระสามีก็หนีบวช

               เมื่อพระนางเจริญวัยขึ้นจนมีพระชนมายุ ๑๖ พรรษา ได้รับอภิเษกเป็นอัครมเหสีของ เจ้าชายสิทธัตถะ บรมโพธิสัตว์ แห่งศากยวงศ์ ในพระนครกบิลพัสดุ์ และเมื่อพระชนมายุ ๒๙ พรรษา ได้ประสูติพระโอรสพระนามว่า “พระราหุลกุมาร” ในวันที่พระราหุลกุมารประสูตินั้นเจ้าชายสิทธัตถะบรมโพธิสัตว์ได้เสด็จออกทรงผนวช และทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๖ ปี ก็ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ ที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ จากนั้นพระพุทธองค์ ก็ทรงจาริกไปตามคามนิคมต่าง ๆ เพื่อเทศนาสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้ได้บรรลุอมฤตธรรม ตามสมควรแก่อำนาจวาสนาบารมีแล้วได้เสด็จสงเคราะห์พระประยูรญาติ ณ หบิลพัสดุ์บุรี
 
               ยังพระประยูรญาติศากยวงศ์ มีพระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาเป็นประธาน ได้ดื่มน้ำอมฤตธรรม จนได้บรรลุอริยภูมิตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์เป็นจำนวนมาก

               ในคราวที่พระบรมศาสดา เสด็จโปรดพระประยูรญาติครั้งนี้ พระราหุลกุมาร ก็ได้ติดตามองค์พระบิดาบรรพชาเป็นสามเณร นอกจากนี้ศากยกุมารทั้งหลายจากสกุลอื่น ๆ ก็เสด็จออกบวชเป็นจำนวนมาก ครั้นกาลต่อมา พระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาเข้าสู่พระปรินิพพานแล้ว จากนั้น พระนางมหาปชาบดีโคตมี พร้อมด้วยขัติยนารีชาวศากยะ ๕๐๐ นาง ก็พากันเสด็จออกบรรพชาในสำนักพระศาสดากันทั้งสิ้น

                ทางด้านพระนครกบิลพัสดุ์ ก็ว่างเว้นกษัตริย์ที่จะปกครองดูแล หมู่อำมาตย์ราชปุโรหิตทั้งหลายได้ประชุมปรึกษาเห็นพ้องต้องกันได้ทำพิธีราชาภิเษกอัญเชิญเจ้าชายมหานามศากยราช ผู้เป็นพระเชษฐโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะ ขึ้นครอบครองราชย์สมบัติในกรุงกบิลพัสดุ์สืบต่อไป

           • ออกบวชตามพระสวามีและโอรส

                ฝ่ายพระนางยโสธราพิมพาราชเทวี พระชนนีของพระราหุลกุมาร ทรงว้าเหว่าโศกาดูรด้วยพระดำริว่า “โลกสันนิวาสนี้ มิมีอะไรแน่นอน พระสวามีและลูกน้อยต่างก็ได้เสด็จออกบรรพชา อีกทั้งพระประยูรญาติทั้งชายหญิง ก็พากันออกบวชตามเสด็จ เมื่อเป็นเช่นนี้ จะมีประโยชน์อะไรแก่เราในเพศฆราวาส เราควรสละสมบัติทั้งปวงแล้วออกบวชโดยเสด็จพระภัสดาในบัดนี้ จะประเสริฐกว่า”

                 พระนางจึงเสด็จเข้าไปกราบทูลลาพระเจ้ามหานามะ แล้วพร้อมด้วยพระนางรูปนันทาชนบทกัลยาณีและสาวสนมกำนัล รวมประมาณ ๕๐๐ นาง เสด็จไปยังพระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี ถวายอัญชลีแล้วกราบทูลขออุปสมบท สมเด็จพระบรมศาสดาประทานสงเคราะห์ด้วยครุธรรม ๘ ประการ
พระนาง ครั้นบวชแล้วได้นามปรากฏว่า “ภัททากัจจานาเถรี” ได้เรียนพระกรรมฐานในสำนักพระบรมศาสดาแล้วเจริญวิปัสสนา ได้บรรลุพระอรหัตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้ง๔ ประการ เมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ปรากฏว่าพระเถรีเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญในอภิญญาทั้งหลาย นั่งขัดสมาธิครั้งเดียวสามารถระลึกชาติได้ถึงหนึ่งอสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป

                 เมื่อคุณความสามารถปรากฏเช่นนั้น พระบรมศาสดา ได้ทรงสถาปนาแต่งตั้งพระเถรีนี้ ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีสาวิกาทั้งหลายในฝ่าย ผู้ทรงอภิญญา

      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4797 เมื่อ: 24 ธันวาคม 2554, 20:01:09 »

พี่สิงห์ พี่ป๋อง ที่เคารพ

ไก่โต้ง ไก่ฟ้า ขอกราบคารวะคุณลุง
เนื่องในวันคริสต์มาส 2011
พวกหนูสัญญาจะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน
หนูจะเล่นเทนนิส ผมจาว่ายน้ำ
ไปเข้าคอร์สกีต้าร์ มาดีดสีให้คุณลุงฟังครรับ!
ผม/หนู กำลังเติบโตเป็นทายาทซิมะโด่งที่smart
แม่เขาว่าจังซั่น...ว่าวันนึงพวกผมจะมาคารวะ
คุณลุงๆถึงตัก...

อย่าเพิ่งไปบวช!



<a href="http://www.4shared.com/embed/53199951/9617978e" target="_blank">http://www.4shared.com/embed/53199951/9617978e</a>
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4798 เมื่อ: 24 ธันวาคม 2554, 20:26:36 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง คุณหลานโรบิน และคุณหลานไก่ฟ้า ที่รัก

            สุขสรรค์วันคริสต์มาส 2011 เช่นกันครับ ขอให้มีความสุขทั้งครอบครัว นะครับ

            อย่าลืมกลับมาเมืองไทย ทั้งโรบิน และไก่ฟ้า สามารถดวลกับลุงป่อง ได้ทั้งสองคน เพราะ ลุงป๋อง เป็นอดีตนักเทนนิส สจม. และอดีตนักเรียนโรงเรียนดนตรีสยามกลการ เรียนกีต้าร์  ถ้าชนะลุงป๋องได้  ลุงป๋อง จะพาไปทัวร์ทัพทัน ครับ

            เย็นนี้อากาศที่ กทม.คนละเรื่องเลย พอลงเครื่องบินเท่านั้นกระทบอากาศเย็นจามทันที  ส่วนเมื่อเย็นที่ผ่านมา เครื่องบินล่าช้าไปหนึ่งชั่วโมง และเวลาบินขึ้นที่นครศรีธรรมราชก็บินขณะกำลังฝนตก ครับ

            อาทิตย์หน้า ไม่ได้ไปปฏิบัติธรรม ตามที่ได้ตั้งใจไว้ เพราะวันจันทร์จะไปหาแม่ คุยกับแม่ วันอังคารไปที่ PSTC วันพุธ-พฤหัสบดี ต้องไปทำงานที่นครศรีธรรมราช  แต่ถึงอย่างไรก็ปฏิบัติธรรม เป็นปกติเพียงแต่ไม่ได้ อยู่กับสถานที่ที่เอื้อต่อก่ารปฏิบัติธรรม เท่านั้น

            วันที่ ๑ มกราคม จะพาแม่ไปทำบุญปีใหม่ วันเกิดแม่ ที่วัดพระนอน ได้นัดกับน้องสาว และพี่ชายใหญ่เอาไว้แล้ว

            สวัสดี ค่ะ
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4799 เมื่อ: 24 ธันวาคม 2554, 20:38:53 »


MERRY CHRISTMAS AND HAPPY NEW YEAR 2012

แด่

ชาวซีมะโด่ง และครอบครัว

ขอให้

มีสติ-สัมปชัญญะ มีสุขภาพแข็งแรง  สมปราถนาในทุกสิ่ง และปราศจากทุกข์ทั้งปวง เทอญ

มานพ   กลับดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 190 191 [192] 193 194 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><