22 พฤศจิกายน 2567, 05:11:43
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 162 163 [164] 165 166 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3544038 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4075 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2554, 12:33:03 »




               นี่คือผลของการขัดแย้งระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์ โดยผ่าน ผู้ว่า กทม. และ พรรคเพื่อไทย โดยผ่าน ศปภ. ที่ไม่ดำเนินการอะไรเลย ในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ปล่อยให้น้ำเข้ามาทางดอนเมือง ปล่อยให้น้ำท้วมสนามบิน ฐานทัพอากาศ สะพานใหม่ บางเขน เกษตร ลาดพร้าว จตุจักร และยังจะท้วมต่อไปอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นพื้นที่ต่ำ น้ำใช้ยุทธวิธี "กาลักน้ำ" วิ่งมาตามท่อระบายน้ำ มาโผล่ที่บ่อพัก เป็นมะเร็งร้าย จริงๆ

                ตอนนี้ไม่มีทางที่จะควบคุม หรือหยุดมันได้  มันจะยังไปต่อตราบใดที่ยังไม่ได้ตัดน้ำที่ต้นทางคือ ดอนเมือง Big Bag เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่ทำให้คน กทม. อย่างผม มีความหวัง แต่พอรู้ในสิ่งที่กระทำ ผิดหวัง เหมือนเด็กเล่นปาหี่ เช่นเดียวกันกับการใช้เรือติดเครื่องระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา หมดเงินไปกับค่าน้ำมันมหาศาล Big Bag ก็เหมือนกัน หมดเงินไปมหาศาล สู้ไม่ทำอะไรเลยเสียยังดีกว่า ครับ

                วันนี้ แพรว หลานสาวสามารถเดินทางจาก อนุสาวรีย์ กทม. ไปลงรังสิต ผ่าน นวนคร ไปบางปะอิน อยุธยา อ่างทอง และถึงสิงห์บุรีได้ โดยทางสายเอเซีย แล้วครับ  แสดงว่าน้ำมันลงไปเกิน 50% แล้วที่รถสามารถวิ่งได้

                 แต่คนกรุงเทพฯกำลังรับกรรม ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ทั้งสิ้น อยู่ขณะนี้ ครับ

                 สำหรับน้ำที่บ้านผมนั้น ยังไม่ท้วม เพราะอย่างที่บอก บ้านผมอยู่ในติ่งสีเหลือง ตอนนี้น้ำอ้อมจากเซ็นทรัลลาดพร้าวไปทางรัชดา ไปถึงโรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค และจะถึงศูนย์วัฒนธรรม พระราม ๙ ต่อไปเรื่อยๆ อย่าไปมีอะไรกั้น น้ำจะไม่สะสม ปล่อยมันไป ระดับจะไม่สูง มันจะกระจายไปเต็มพื้นที่ราบลุ่ม  น้ำทิศเหนือกำลังลดลง กำลังมันไม่มีมากแน่นอน ไม่เกินอาทิตย์น้ำเหนือก้จะแห้งแล้ว เพราะตอนนี้ สถานีวัดระดับน้ำที่ อยุธยา บางไทร ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งหมดแล้ว

                 ส่วนวิภาวดี หน้าบ้านผมตรงการบินไทยสำนักงานใหญ่นั้น ระดับน้ำในคลองปกติ ยังเหลืออีกหนึ่งเมตร ส่วนคลองด้านหลังบ้านก็ยังเหลือพอๆ กันครับ  ถ้าเป็นดังนี้ พรุ่งนี้ประชุมเสร็จ อาจกลับบ้านเช้าวันอาทิตย์ เพื่อไปต่อสู้กับน้ำไม่ให้เข้าบ้านดีกว่า ครับ

                 ผมอยู่นครศรีธรรมราช Nok Air ผู้โดยสาร ประมาณ 70% ครับ

                 สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4076 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2554, 13:54:31 »

              ผมอยากเป็นแบบ ดร.กุศล บ้าง

                คือ ที่บ้าน ดร.กุศล น้ำท้วมเพียงระดับหนึ่งคืบ เช้าขึ้นมา ดร.กุศล ก็เดินลุยน้ำระดับหัวเข่าไปที่ศูนย์อพยพ ไปขอข้าวเขากิน และแบ่งมาเป็นข้าวกลางวันบ้างเป็นบางวัน ทำให้ ดร.กุศล ไม่ต้องเสียสตางค์ซื้อข้าวเลย สบายดีจริงๆ อยู่บ้านในยุคน้ำท้วม
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4077 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2554, 14:36:51 »

               ตอนนี้ไม่ต้องไปสนใจน้ำจากกรมชลประทานหรือเขื่อนหรอกครับ เพราะน้ำตามอยุธยา บางไทร ปทุมธานี มันลงจนจะเห็นตลิ่งเกือบหมดแล้ว สายเอเซียรถสามารถวิ่งได้แล้ว ทุกอย่างมันดีไปหมด น้ำทางรังสิต ไม่เกินสอง-สามวัน น่าจะเห็นตลิ่งเสียด้วยซ้ำ ครับ

                 ผมถึงเสียดายจริงๆ  ปล่อยให้น้ำท้วมพื้นที่ กทม. จนเป็นมะเร็งร้าย เพราะคนสั่ง แต่ไม่ทำอะไรให้มันถูกจุด จริงๆ เท่านั้นแหละครับ

                 ผมเองก็เลิกสนใจข่าว กทม. อีกแล้ว เพราะมีแต่หนี อพยพ ไม่คิดสู้กับมันอย่างแท้จริงสักที ได้แต่หวัง เขาก็ไม่ทำกัน

                 ตอนนี้ไม่มีท่านผู้ว่า กทม.ยังอยู่ได้เลย เพราะไม่เกินสามสี่วันวันน้ำทางรังสิต เห็นตลิ่ง แล้ว น้ำก็ไม่มีมาแล้ว ส่วนที่ท้วมอยู่นั้นมันไปได้อีกไม่ไกลเพราะมันกระจายเป็นวงกว้าง ระดับจะไม่สูง ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะครับสำหรับน้ำที่มันเข้ามา ไปลงคลองก็สูบออกอย่างเดียวเพียงขอให้ กทม. สนใจสูบทิ้งอย่างจริงจังเท่านั้น รถยังสามารถวิ่งได้ อาทิตย์เดียวก็ไม่มีแล้ว ให้ลืมมันไปเลย เพราะน้ำเหนือจะลดลงเร็ว ครับ

                 สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4078 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2554, 15:40:07 »

              - น้ำที่คลองบางเขน เขตหลักสี่ น้ำยังท้วมเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่อยู่ในแนวที่วาง Big bag

               - น้ำที่คลองเปรมประชากร ทั้งสองช่วง จากสน.ดอนเมือง และวัดเทวสุนทร น้ำยังท้วมสูง ทั้งๆที่อยู่ในแนวที่วาง Big Bag

               - น้ำในคลองบางซื่อ ตลาดนัดจตุจักร ยังท้วมเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่อยู่ในแนวการวาง Big bag

               - น้ำที่เข้ามาทางดอนเมือง ไม่ได้วาง Big Bag น้ำในคลองรังสิต ลดลงอย่างหน้าใจหาย อาจจะเห็นตลิ่งในสอง-สามวันนี้

               - ดังนั้น ไม่ต้องไปทำอะไรมันอีกแล้ว น้ำกำลังลดลง เพียงแต่รอเวลาอีกนิดหน่อย และให้มันกระจายออกไปให้มากๆ อาจจะเลยห้วยขวาง อสมท. พระราม ๙ เพชรบุรี ถึง สุขุมวิทย์  ตอนนี้ทั้งหน้าบ้านถนนวิภาวดีรังสิต ในนำคลองปกติไม่มีเอ่อขึ้นมา  คลองหลังบ้านก็ปกติ และบ้านผมน้ำยังไม่ท้วมครับ

               - ทุกท่านที่มีภาระต้องเดินทางขึ้นเหนือ ท่านสามารถใช้ถนนสายเอเซียได้แล้ว รวมทั้งถนนพหลโยธินด้วยครับ (เป็นการแสดงว่า น้ำทางเหนือลดลงมากแล้วจริงๆ)

              - ผมอยู่โรงแรมไม่มี internet เพราะ Air card ที่เติมมา ๑๐๐ ชั่วโมง หมดไปภายในไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ครับ

              - อย่าไปสนใจข่าวอะไรอีกเลย มันไม่สำคัญอีกแล้ว กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเรา ท้วมก็คือท้วม  ไม่ท้วมก็คือไม่ท้วม ปล่อยให้มันเป็นธรรมชาติ แบบ ดร.กุศล ตื่นเช้าก็เดินลุยน้ำไปขอข้าวเขากินทั้งมื้อเช้าและกลางวัน ตอนเย็นทำตัวเป็นพระไม่กินข้าวเย็น อยู่ได้สบาย เงินก็ไม่มีที่ใช้ เพราะร้านค้าปิด สบายจะตายครับ

                 สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4079 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2554, 15:51:44 »

พี่สิงห์ถึงนครศรีธรรมราชเรียบร้อย
ให้อุ่นใจคะ.

อีก 9 วันคะที่ต้องอดทนกะน้ำท่วม
9 วันคะ ขาดตัว! ห้ามต่อ ห้ามขอลด!
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4080 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2554, 15:56:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 04 พฤศจิกายน 2554, 13:54:31
              ผมอยากเป็นแบบ ดร.กุศล บ้าง

                คือ ที่บ้าน ดร.กุศล น้ำท้วมเพียงระดับหนึ่งคืบ เช้าขึ้นมา ดร.กุศล ก็เดินลุยน้ำระดับหัวเข่าไปที่ศูนย์อพยพ ไปขอข้าวเขากิน และแบ่งมาเป็นข้าวกลางวันบ้างเป็นบางวัน ทำให้ ดร.กุศล ไม่ต้องเสียสตางค์ซื้อข้าวเลย สบายดีจริงๆ อยู่บ้านในยุคน้ำท้วม



อ้าว,พี่กุศลก็น้ำท่วมเหมือนกันเหรอคะ?
คืบนี้คือในบ้านเหรอคะพี่สิงห์?
เป็นพื้นปาร์เก้ไม้ล่ะยุ่งเลย!
เพราะไม้จะบวม โป่ง ต้องรื้อหมด
แต่หากเป็นกระเบื้อง ก็ร่อนคะ!
ถ้าแช่น้ำนานๆ

ได้ซ่อมแน่คะไม่ว่าจะรูปแบบไหน.
      บันทึกการเข้า


พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #4081 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2554, 23:58:57 »

วันที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7645 ข่าวสดรายวัน


น้ำท่วมโทรทัศน์

คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน


ในวิกฤตน้ำท่วม มีโอกาสให้กับเจ้าของสินค้าที่สอดรับกับความจำเป็นของผู้ประสบภัยหรือกำลังจะประสบภัย ไม่ว่าจะเป็น อาหารแห้ง อาหารเก็บนาน น้ำดื่ม รองเท้าบู๊ต เสื้อชูชีพ ผ้าใบผ้าพลาสติก กระสอบทราย ถังน้ำ

ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือพาย

ถึงขั้นโก่งราคากันหลายเท่าตัวก็มี

จนล่าสุดรัฐบาลต้องออกมาเตือนคาดโทษความผิด จำคุกกัน 6-7 ปี

แต่ในวิกฤตก็ก่อวิกฤตให้กับเจ้าของสินค้าอื่นๆ

ร้านอาหาร ตลาดใหญ่ ย่านการค้าบางพื้นที่ ไม่มีลูกค้าเข้า เพราะคนเข้าใจผิดว่าถูกน้ำท่วมไปเรียบร้อยแล้ว

เข้าใจผิดจากข่าวโทรทัศน์เป็นส่วนใหญ่!

เพราะข่าวโทรทัศน์ออกเร็ว ผ่านหูเร็ว ประชาชนคนฟังจับความได้นิดๆ หน่อยๆ แล้วตีความไปไกล

ความเร็วของข่าวทีวี บางทีขาดรายละเอียด นำมาสู่ความเข้าใจผิด

เช่น ไปยืนรายงานข่าวขณะน้ำขึ้นที่เยาวราช แต่ลืมอธิบายว่าส่วนไหนของเยาวราชที่ท่วม และท่วมแบบน้ำขึ้นน้ำลงเช่นไร

ผลก็คือ ย่านการค้าเยาวราช ย่านร้านทองเยาวราช ไม่มีใครเข้า

ซอยดังๆ บางซอย ที่มีกิจการค้ามากมาย น้ำท่วมแค่ปลายซอย ก็ยืนรายงานกันตรงที่จมน้ำ แต่บอกว่าซอยนี้ท่วมแล้ว ประชาชนก็เข้าใจว่าจมมิดแล้วทั้งซอย

ร้านค้าที่ยังแห้งสนิท ก็เลยเงียบสนิทไปด้วย!

แน่นอนว่าสื่อย่อมต้องมีข้อดีเด่นและข้ออ่อนในตัว

ข่าวโทรทัศน์มีเสียงมีภาพให้ดูพร้อม แต่ความที่นักข่าวต้องไปยืนอยู่ในบริเวณที่น้ำท่วมมากที่สุด ภาพก็เลยเหมือนท่วมหนักไปหมดทั้งย่านนั้น

ถ้าเน้นรายละเอียดกันอีกสักนิด บอกเสียหน่อยว่าขณะนี้ยืนอยู่บริเวณไหน แล้วท่วมจากไหนถึงไหน

ประชาชนจะได้ไม่เข้าใจผิด หวาดผวาไป ล่วงหน้า!

แล้วประเภทเชิญนักวิชาการมาออกรายการก็อีกอย่าง

บางครั้งอาจารย์ท่านก็พูดราวกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจริง ทั้งที่เป็นเพียงทฤษฎีผสมการคาดการณ์

เชิญผู้รู้มาให้ข้อมูลข้อวิเคราะห์ข้อแนะนำไม่ใช่เรื่องผิด เป็นประโยชน์แน่นอน

แต่ต้องบอกให้ชัดว่านี่เป็นแค่การมองในเชิงวิเคราะห์วิชาการ

ไม่ใช่พูดราวกับว่าตนเองเป็นผอ.ศปภ.

หน้า 2
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4082 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 10:33:03 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                วันนี้คุณมิ้งค์ โทรศัพท์มาแต่เช้า ผมไม่ได้รับสายเพราะช่วง 06:00-07:00 น. ไปออกกำลังกายเดินจงกรมที่ชั้นสาม หลังจากนั้นรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม อากาศที่นครศรีธรรมราชไม่มีฝนครับ

                หลังจากนั้น 08:30 น.คุณทรงเกียรติได้โทรศัพท์มาถามเรื่องน้ำท้วม ผมขอตอบให้ทราบทุกท่าน ครับ

                 - ณ.เวลานี้ พี่วสันต์ เพื่อนบ้าน บอกว่า น้ำได้เข้าบริเวณโรงรถที่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้วเมื่อเวลาตีสองครับ สำหรับพื้นบ้านนั้นน้ำยังไม่ได้ท้วม คงวันนี้หน้าที่จะท้วมครับ  ผมคงปล่อยให้น้ำท้วมบ้าน ตามธรรมชาติของมัน ถ้ามันอยากจะท้วมก็ท้วมไป ผมจะได้มีข้ออ้าง ทิ้งโซฟาทั้งหมด บ้านจะได้โล่ง พื้นบ้านปูหินอ่อน ไม่เป็นไร มีแต่เฟอร์นิเจอร์ตู้คงปล่อยให้มันท้วมไป สิ่งของอันไหนที่น้ำท้วม ไม่คิดเลย ทิ้งอย่างเดียวเท่านั้น บ้านจะได้โล่ง ถ้าน้ำท้วมสูง ผ้าม่านเปียกก็จะได้ถือโอกาส ทิ้งทั้งหมดและไม่ใส่อีก นอกนั้นไม่มีอะไร จะหนักหน่อยก็เครื่องซักผ้า และตู้เย็น ถ้ามันจะเสียก็ยอมเสีย ตู้เสี้อผ้าของพี่สาวที่อยู่อเมริกา จะได้ทิ้งทั้งหมด เตาแก๊ซ  ปั้มน้ำ ทิ้งทังหมด คงมีเพียงนั้นครับ

                - ของนอกกายทั้งนั้น ไม่เสียดายอะไรเลย  อ้อ! ผมจะได้เงินค่าน้ำท้วมหลังละ 5,000 บาท จะเอาไปเป็นค่าทาแลคเกอร์เฟอร์นิเจอร์ และจะถือโอกาส ทาสีบ้านใหม่หมดเลย

                - ผมก็ไม่รู้จะกลับบ้านเมื่อไร ผมถอดปลั๊กไฟฟ้า ตัดคัตเอ้า หมดแล้ว รอเวลาน้ำลงแล้วไปสูบออกเท่านั้น จะกลับบ้านตอนนี้ก็คงกลับไม่ได้ คือไม่มีรถ Taxi  เข้าไปส่งที่บ้าน ครับ แต่ตอนนี้ถนนวิภาวดี ขาเข้าน้ำยังไม่ท้วม ถนนในซอย น้ำยังไม่ท้วม น้ำนั้นมาทางคลองหลังบ้าน เอ่อขึ้นมาทางคลองระบายน้ำ และท่อระบายน้ำ จริงๆ กทม.สามารถสูบออกได้หรือปิดคลอง แต่ กทม.ไม่ทำ ผมก็ต้องยอมรับสภาพน้ำท้วมตามที่ กทม.อยากให้ท้วม

                 - ผมจะจดจำไว้เล่นๆ สาเหตุนั้น มาจากการเมืองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ โดยผู้ว่า กทม. และพรรคเพื่อไทย โดยนายกและ ศปภ. ที่ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้น้ำเข้ามาทางทิศเหนือ ดอนเมือง เป็นเหตุให้น้ำเข้ามาท้วมทุกพื้นที่ ในกทม.แบบ "กาลักน้ำ" ที่เป็นมะเร็งร้าย ไม่สามารถแก้ได้ทั้งสิ้น ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

                    ผมสบายดีครับ น้ำคงท้วมไม่นานเกินหนึ่งอาทิตย์ เพราะว่าโรงงานพรรคพวกที่อยู่ทางพหลโยธิน น้ำลดลงหมดแล้ว รถสามารถไปทางพหลโยธิน สายเอเซียได้แล้ว อีกสอง-สามวัน ตลิ่งที่คลองรังสิตคงโผล่ แล้ว น้ำมันก็หมดพิษสงไปเอง ครับ ปล่อยมันไปตามธรรมชาติของมัน

                    สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4083 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 10:52:07 »

                ผมขอย้ำน้ำทางเหนือลดลงเกือบจะทำให้ถนนโผล่หมดแล้ว ยกเว้นเพียงคลองรังสิตเท่านั้น ที่กำลังลดลง นี่ละเป็นน้ำที่เติมเข้ามาทางดอนเมือง ที่ทาง ศปภ. ดร.ธงทอง คุยเสียดีว่า จะกั้นน้ำไม่ให้เข้ามาทางดอนเมือง จาก Big Bag แต่เป็นการโกหกหลอกลวงประชาชน ไม่ได้ทำตามที่บอก วางเฉพาะแนวรางรถไฟ ไม่มีประโยชน์เลยสำหรับน้ำที่เข้ามาทางดอนเมือง เพราะไม่ได้ทำ เสียทั้งเงิน และเวลา นี่ละรัฐบาลที่เชื่อคำพูดไม่ได้เลย  นึกว่าประชาชนเป็นคนโง่ อยุู่ตลอดเวลา ไม่คิดเลยว่า ตัวเองนั้นโง่ กว่าประชาชนเสียอีก เพราะทำอะไรก็ทำไม่เป็น แก้ไม่ได้สักเรื่อง ไม่มีใครเขาเชื่อแล้ว ทั้งรัฐบาล และ ศปภ. นี่คือความจริงที่ต้องจดจำ

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4084 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 11:24:58 »

ข่าววันนี้.......

น้ำห้าแยกลาดพร้าวเริ่มเข้า ม.เซนต์จอห์น
วันเสาร์ ที่ 05 พฤศจิกายน 2554 เวลา 1:10 น

เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 00.45 น.สถานการณ์น้ำบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ฝั่งถนนพหลโยธินนั้น น้ำได้ท่วมขึ้นสูงประมาณ 50 ซม.เนื่องจากเป็นพื้นที่ต่ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ได้ปิดการจราจรถนนพหลโยธินขาออกแล้ว และให้ผ่านเฉพาะรถใหญ่ โดยน้ำได้เริ่มท่วมขังไปถึงบริเวณมหาวิทยาลัยเซนต์จอห์นบางส่วน ขณะที่สถานการณ์น้ำฝั่งถนนวิภาวดี ยังอยู่บริเวณแยกรัชวิภา และยังไม่เคลื่อนไปถึงบริเวณห้าแยกลาดพร้าว แต่เริ่มมีน้ำผุดตามท่อ และพื้นดินบริเวณขนส่งหมอชิตเก่า
 
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=174135
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4085 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 12:02:11 »


                วันนี้น้ำควรจะถึง อสมท. ห้วยขวาง ซอยอารีย์  แต่กำลังเสริมอ่อนเต็มทีแล้ว เพราะคลองรังสิต ตลิ่งกำลังจะโผล่ ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4086 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 12:06:35 »


               จะเห็นว่าพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แทบจะไม่มีน้ำท้วมแล้ว ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4087 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 12:38:58 »

               ใครมีบ้านอยู่คลองรังสิต หรือ Future Parks บอกด้วยว่าระดับน้ำลดลงถึงไหนแล้ว เราจะได้รู้ว่าเรากำลังรบกับอะไร มันมีกำลังขนาดไหน เมื่อทราบจะได้รู้ ว่าน้ำจะแห้ง เมื่อไร ครับ

               จักขอบคุณมาก

                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4088 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 12:54:36 »

  


สุภาพสตรี ทางขวามือ ครับ
 
   

       พี่สิงห์ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง กับคุณฉันทนา (แดง) ที่ต้องเสียชีวิตจากไปแบบกระทันหัน เมื่อตอนตีสี่เมื่อคืนนี้ ฟุบไปหน้าจอ computer แบบไม่มีวันกลับ ตั้งศพที่ อู่ทอง ที่พวกเราเคยไปร่วมงานคุณแม่ของเขา และจะเผาวันพุธ ที่จะถึงนี้

                 ผมเอง พวกเรา คงไม่สามารถที่จะไปกันได้ คงต้องทำบุญไปให้ พรุ่งนี้ ผมจะไปทำบุญที่วัดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ คุณน้องแดง ครับ

                 คุณเหมี๋ยว แจ้งมาให้ทราบ

                 สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4089 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 13:01:44 »

พี่สิงห์

ขอรายละเอียดมากกว่านี้หน่อยครับ
ผมกำลังจะเดินทางไปนครปฐมในวันจันทร์ เพื่อทำพิธีระลึึกถึงวันเสียชีวิตของเตี่ย
หากมีเวลาจะได้ไปร่วมงานด้วย
และขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ "น้องแดง-ฉันทนา" ในครั้งนี้้ด้วยครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4090 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 13:10:17 »

อ่านเต็มๆ จากเดลี่นิวส์ออนไลน์ ครับ........

หัวน้ำรุกขยายวงกลืนกทม.ชั้นในส่อไม่รอด! แยกลาดพร้าวจมแล้ว
วันเสาร์ ที่ 05 พฤศจิกายน 2554 เวลา 10:12 น

    'หัวน้ำ'ทะลุห้าแยกลาดพร้าวจมเรียบร้อยจ่อไล่ถล่มสุทธิสาร-สะพานควาย-ห้วยขวาง อีกสายมุ่งหน้าเข้าท่าพระฝั่งธนบุรี ขณะที่เขตดินแดงกับย่านรัชดาไม่รอดน้ำเจิ่งนองถนน ส่วนจรัญฯเจอน้ำเน่าขยะลอยเกลื่อน ชาวปิ่นเกล้าวอนจนท.ช่วยตรวจตราบ้านเรือน ผวาโจรยกเค้าเกลี้ยง “สิงห์บุรี” ระทึกอีกหน ประตูบางโฉมศรีแตก ปล่อยให้น้ำทะลัก “ชลิต” ฉะ “สุขุมพันธ์ุ” เรื่องขอเครื่องสูบน้ำไม่ได้ ท้าเอาเอกสารมาดู “ผู้ว่าฯกทม.” ยันไม่ได้พูด มั่นใจ “บิ๊กแบ็ก” กู้ถนนวิภาวดีฯ-พหลโยธินได้แน่ ชี้ใช้ทางคู่ขนานวิภาวดีฯเป็นฟลัดเวย์ระบายน้ำไปบึงมักกะสันไม่ใช่เรื่องง่าย “ศปภ.” ยันไม่ย้ายศูนย์มั่นใจแห้งสนิทชัวร์ วอนอย่าทำลายคันกั้นน้ำ “กทม.” ชี้ทุกเขตระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ย้ำยังมีเหลือบางเขตที่ไม่จม ขณะที่อธิบดีกรมชลเล่นแง่ไม่ยอมเปิดประตูคลอง 8-10 อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา ก่อนตัดปัญหาให้ตร.ถือกุญแจประตูระบายน้ำ
   
สถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพมหานคร  (กทม.) คืบคลานโอบล้อมเข้าสู่ใจกลางกรุงเกือบทุกพื้นที่ ถนนหลายสายจมบาดาลจนต้องปิดการจราจร ไม่ว่าจะเป็นถนนวิภาวดีรังสิตที่ขยายวงกว้าง ถนนพหลโยธินระดับน้ำเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง โดยหัวน้ำที่มาตามถนนวิภาวดีฯได้ไหลทะลักเข้าไปในถนนรัชดาภิเษกเรียบร้อย เตรียมมุ่งหน้าเข้าถล่มห้าแยกลาดพร้าวตามลำดับ ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นกระทรวงพลังงาน ที่ทำการของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) แห่งใหม่ เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำ  หินคลุกไปเทตั้งแต่ทางลงโทลล์เวย์ห้าแยกลาดพร้าว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจากถนนวิภาวดีฯฝั่งขาเข้า ไหลทะลักเข้ามาฝั่งขาออก
   
ขณะที่ฝั่งธนฯน้ำจากคลองทวีวัฒนา ได้ไหลกลืนถนนเพชรเกษม เขตบางแคตลอดสาย เพื่อที่จะรุกเข้าไปชั้นใน จนเกือบจะถึงแยกท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ โดยก่อนหน้านี้ถนนจรัญสนิทวงศ์ ตั้งแต่ลงจากสะพานพระราม 7 เรื่อยไปจนถึงแยกพาต้าปิ่นเกล้าได้ปิดการจราจรไปโดยปริยาย รถยนต์ไม่สามารถแล่นผ่านได้ ต้องใช้รถยีเอ็มซีของทหารเท่านั้น ส่วนชาวบ้านต้องหันมาต่อแพและเรือใช้แทนรถ ส่วนกรณีการใช้ “บิ๊กแบ็ก” หรือถุงทรายยักษ์วางกั้นตามทางรถไฟ ข้างคลองรังสิตประยูรศักดิ์ เพื่อชะลอการไหลของน้ำให้เข้าสู่กรุงเทพฯช้าลง โดยเจ้าหน้าที่เริ่มวางมาตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.เป็นต้นมาจนถึงวันที่ 3 พ.ย. รวม 1,960 กระสอบ เป็นระยะทางกว่า 3 กม. ขณะนี้ระดับน้ำวัดจากจุดที่วางกระสอบพบว่าได้ลดลงราว 4 ซม.

น้ำทะลุห้าแยกลาดพร้าว
   
ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ขณะนี้ระดับน้ำบนถนนวิภาวดีฯ และถนนพหลโยธินยังไหลทะลักเข้ามาเป็น   วงกว้าง โดยหัวน้ำได้ไหลทะลุมาถึงห้าแยกลาดพร้าวเรียบร้อยแล้วโดยมีระดับสูง 40-50 ซม. การจราจรใช้ได้เพียงช่องทางเดียวคือ   เลนขวาสุด โดยหัวน้ำได้ไหลมุ่งหน้าไปแยกสุทธิสาร-สะพานควาย และย่านห้วยขวางใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งมีถนนตัดหลายสาย อีกทั้งเป็นย่านเศรษฐกิจ โดยน้ำส่วนหนึ่งได้เลี้ยวแผ่กว้างไปหน้าห้างเซ็นทรัลฯ สาขาลาดพร้าว ทำให้การจราจรติดขัด เพราะรถยนต์ทุกชนิดต้องเลี่ยงออกทางขวา เนื่องจากเลนซ้ายมีน้ำท่วมขังประมาณ 20 ซม. และมีทีท่าว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับขยายไปฝั่งตรงข้าม ประกอบกับน้ำในท่อระบายน้ำได้ผุดขึ้นมาสมทบ โดยน้ำยังได้เข้าไปในกองบังคับการตำรวจปราบปราม (ข้างแดนเนรมิตเก่า) เนื่องจากหัวน้ำจากถนนพหลโยธินได้ไหลมาสมทบ คาดว่าภายในเย็นนี้ถนนตลอดทั้งสายในบริเวณดังกล่าว จะเต็มไปด้วยน้ำรวมทั้งภายในซอยแยกต่าง ๆ 2 ข้างทางน้ำจะไหล    เข้ามาท่วมเป็นวงกว้าง

ผ่านหน้าบริษัทปตท.ไปเรื่อย
   
ส่วนบนถนนวิภาวดีฯ ขาออก น้ำได้ไหลผ่านด้านหน้าอาคารกระทรวงพลังงาน สถานที่ตั้งของศปภ.แต่ไม่ได้ไหลเข้าไปด้านใน เนื่องจากเจอหินคลุกที่เจ้าหน้าที่นำมากั้น เช่นเดียวกับหน้าบริษัทปตท.จำกัด เริ่มมีน้ำจากท่อระบายน้ำได้ผุดขึ้นมาผสมทำให้ระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นกระแสน้ำได้ไหลผ่านไปจนถึงด่านเก็บเงินโทลล์เวย์ลาดพร้าว โดยระดับน้ำสูงประมาณ 20-30 ซม. รถเล็กวิ่งผ่านได้ค่อนข้างช้า สำหรับระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นบนถนนวิภาวดีฯ ส่งผลให้การสัญจรรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าวเป็นไปค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะที่สถานีพหลโยธิน ที่มีช่องทางเข้าสถานี 5 ช่องทาง ประกอบด้วยช่องทางฝั่งลาดพร้าวซอย 4 ประตูทางเข้าฝั่งเซนต์จอห์นซึ่งได้ปิดให้บริการแล้ว ประตูทางเข้าฝั่งสวนสมเด็จย่าปิดในบางส่วน ประตูทางเข้าฝั่งห้างยูเนี่ยนมอลล์ และประตูทางเข้าฝั่งลาดพร้าวซอย 1 ยังเปิดให้ดำเนินการตามปกติ

จรัญฯน้ำเน่าขยะเกลื่อน
   
ขณะที่สถานการณ์ระดับน้ำในเขตฝั่งธนฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระดับน้ำยังท่วมสูงหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ลงสะพานพระราม 7 ถนนจรัญสนิทวงศ์ยาวตลอดแนว จนถึงคลองบางกอกน้อย มีระดับน้ำสูงระหว่าง 80-140 ซม. และน้ำเริ่มเน่าเหม็น ชาวบ้านต้องต่อแพต่อเรือโดยเอาวัสดุที่พอหาได้ ทั้งโฟม กะละมัง ถังน้ำมันที่นอนมาทำเป็นยานพาหนะ ขณะเดียวกันพนักงานเก็บขยะของกรุงเทพมหานคร ได้นำเรือออกมาช่วยเก็บขยะที่ลอยเกลื่อนและเริ่มส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ

ปิ่นเกล้าอ่วมจี้ ตร. ดูบ้าน
   
ส่วนบริเวณเชิงสะพานสมเด็จพระ     ปิ่นเกล้า ซึ่งยังมีผู้พักอาศัยในบ้านบนชั้น 2     เป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้แยกอรุณอมรินทร์มีระดับลึกกว่า 130 ซม. จนเรียกได้ว่าบริเวณดังกล่าวเป็นคลองอรุณอมรินทร์ไปแล้ว ขณะที่ช่วงแยก 35 โบว์ล ไปจนถึงแยกอรุณอมรินทร์ทั้ง     2 ฝั่งเต็มไปด้วยน้ำ รวมถึงภายในซอยต่าง ๆ ที่เป็นหมู่บ้านราคาแพง ระดับน้ำสูงตั้งแต่เอวไปจนถึงหน้าอก อาทิ หมู่บ้านบุญพงษา 1 ซอยสมเด็จพระปิ่นเกล้า 17 ที่ชาวบ้านบางส่วนขึ้นไปพักอาศัยบนชั้น 2 ของตัวบ้านต้องพากันอยู่อย่างหวาดผวา เนื่องจากไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจตราดูแลรักษาความปลอดภัย

มุ่งหน้าถล่มแยกท่าพระ
   
สำหรับถนนเพชรเกษมหลังจากน้ำในคลองทวีวัฒนา ได้ไหลทะลักถล่มศาลายากับพุทธมณฑล ก่อนจะลามเข้าไปในเขตภาษี เจริญ ผ่านหน้าสถานีดับเพลิงบางแค และมหาวิทยาลัยสยาม ที่ขณะนี้มีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงต้องปิดการจราจรตั้งแต่สะพานข้ามคลองราชมนตรี ไปจนถึงหน้ามหาวิทยาลัยสยาม โดยเฉพาะที่บริเวณหน้าห้างเดอะมอลล์บางแคนั้น ระดับน้ำได้ท่วมสูงไม่ต่ำกว่า 100 ซม. รถเล็กไม่สามารถแล่นผ่านไปมาได้ ต้องอาศัย    รถจีเอ็มซีของทหารที่คอยวิ่งรับส่งประชาชนเท่านั้น โดยหัวน้ำได้ไหลบ่ามุ่งหน้าไปทาง แยกท่าพระ คาดว่าอีกไม่กี่ชั่วโมง บริเวณแยกท่าพระและใกล้เคียงต้องจมบาดาล เช่นเดียวกัน

เขตดินแดง-ศาลอาญาไม่รอด
   
จากนั้นเวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ระดับน้ำได้เริ่มขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ โดยเริ่มจากถนนรามอินทรา ตั้งแต่วงเวียนบางเขนไปจนถึงแยกวัชรพล รถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ มีเพียงรถประจำทางและรถของเจ้าหน้าที่ทหารเท่านั้น  ส่วนหัวถนนนวมินทร์ตัดกับกม.8 รามอินทรา มีน้ำเอ่อท่วมสูงเช่นกัน แต่รถยังสามารถสัญจรไปมาได้ การจราจรค่อนข้างติดขัด
   
ทางด้านถนนรัชดาภิเษกตั้งแต่แยกรัชโยธิน ไปจนถึงสะพานข้ามคลองบางซื่อ มีน้ำท่วมสูงเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้า    ศาลยุติธรรมและศาลอาญารัชดา มีน้ำขังเป็นจำนวนมาก ทำให้รถที่วิ่งข้ามสะพานคลองบางซื่อมา ต้องกลับรถใต้สะพานกลับรถหน้าอาคารจอดรถผู้โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน เนื่องจากจุดนี้น้ำท่วมสูงประมาณ 50 ซม. อย่างไรก็ตามเนื่องจากน้ำในคลองบางซื่อที่เพิ่มระดับขึ้น ส่งผลให้ชุมชนริมคลองบางซื่อ แขวงและเขตดินแดง กทม. ต่างได้รับผลกระทบไม่แพ้ที่อื่น โดยก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา น้ำจากคลองบางซื่อได้ไหลเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนชุมชนสูงประมาณ 30 ซม. ประชาชนต้องเร่งเสริมกระสอบทรายตามบ้านเรือน อย่างไรก็ตามถนนรามคำแหงและสวนสยาม ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์พังประตูน้ำคลองสามวายังคงเป็นปกติ มีเพียงด้านหน้าของสวนสยามเท่านั้น ที่มีน้ำล้นท่อระบายน้ำท่วมขังประมาณ 10-20 ซม.

หนุ่มอ้างถูกไอ้เข้งับขา
   
ขณะเดียวกันได้มีข่าวแพร่ออกมาว่า มีชาวบ้านโดนจระเข้กัดในย่านหลักสี่ เกี่ยวกับเรื่องนี้นายอาทิตย์ พันสูตร อายุ 29 ปี ชาวบ้านในชุมชนตลาดหลักสี่อ้างว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ถูกจระเข้กัดระหว่างลงไปหยิบของที่บันไดริมคลองเปรมประชากร หลังห้างไอทีสแควร์ หลักสี่ ช่วงนั้นเกิดนึกอยากรู้ความลึกของน้ำ จึงใช้เท้าซ้ายจุ่มลงไปในน้ำ แต่กลับรู้สึกเจ็บจี๊ดเหมือนถูกกัดขึ้นมาทันที ด้วยความสงสัยเลยจุ่มเท้าขวาลงไปพิสูจน์อีกที แต่คราวนี้กลับถูกกัดที่ต้นขาขวาอย่างแรง จึงรีบดึงขาขึ้นจากน้ำ ปรากฏว่าเป็นแผลเหวอะถึงกระดูกชั้นไขมันทะลักออกมา ต้องรีบใช้มือปิดแผลไว้แล้วตะโกนให้คนช่วยส่งโรงพยาบาลเย็บถึง 112 เข็ม แม้ช่วงนั้นจะมืด แต่จำได้ว่าขณะถูกกัดเห็นสิ่งมีชีวิตว่ายออกไป จนเกิดน้ำวน จึงคาดว่าสัตว์ที่ทำร้ายน่าจะเป็นจระเข้

ไม่เชื่อมีจระเข้หลักสี่
   
ขณะที่นายประพันธ์ ลีปายะคุณ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมการค้าสัตว์น้ำและปัจจัยการผลิต กล่าวว่า จากการสอบถามแพทย์เจ้าของไข้ทราบว่า แผลของผู้ที่อ้างว่าถูกจระเข้กัด มีลักษณะเรียบคล้ายถูกของมีคม แต่หากเป็นฟันของจระเข้ลักษณะแผลน่าจะฉีกหลุดลุ่ย จึงไม่เชื่อว่าจะเป็นจระเข้จริง อย่างไรก็ตามได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปพิสูจน์ โดยนำโครงไก่ไปแช่ในน้ำบริเวณดังกล่าวแล้ว ซึ่งยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด

ประตูน้ำบางโฉมศรีพัง
   
ขณะที่ต่างจังหวัดหลายจังหวัดเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ มีเพียงแค่น้ำท่วมขัง โดยระดับน้ำได้เริ่มลดลง แต่แล้วจู่ ๆ ชาวสิงห์บุรีก็ระทึกขวัญขึ้นอีกครั้ง หลังจากเมื่อช่วงเช้ากระแสน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้พังกำแพงคอนกรีต     ใต้สะพานที่เชื่อมต่อกับประตูระบายน้ำบางโฉมศรี อ.อินทร์บุรี เป็นแนวกว้าง 6 เมตร สูง 1 เมตร จากนั้นมวลน้ำมหาศาลได้ไหลทะลักลงสู่คลองเชียงราก ซึ่งจะส่งผลให้น้ำล้นเอ่อเข้าท่วม ต.เชียงราก, โพธิ์ชัย และ ต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี และ ต.หัวไผ่ อ.เมือง ซึ่งเป็น เขตติดต่อกับ อ.ท่าวุ้ง-อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน สำหรับจุดเกิดเหตุล่าสุดอยู่ใกล้กับจุดที่ก่อนหน้านี้ แนวคันกั้นน้ำได้แตกออกจนน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมหลายตำบล ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามหาทางซ่อมแซม แต่คาดว่าน่าจะลงมือได้ในวันที่ 5 พ.ย. ส่วนที่ จ.สุพรรณบุรี นายวิโรจน์ คณูวัฒนา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสองพี่น้อง ได้ระดมเจ้าหน้าที่ ชาวบ้านและจิตอาสานำกระสอบทรายไปปิดรอยรั่วแนวกั้นริมถนนราษฎร์เจริญที่พังเสียหาย พร้อมกับนำเครื่องสูบน้ำมาเร่งระบายน้ำออก คาดว่าคงใช้เวลาราว 5 ชม.จะสามารถซ่อมแนวกั้นได้ตามเดิม

เปิดศึกโต้กันในวงประชุม    
   
ต่อมาเวลา 09.00 น. วันเดียวกันที่ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม กทม. ชั้น 6 สำนักการระบายน้ำ กทม. 2 ดินแดน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผอ.ศปภ. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ และนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน ได้เดินทางมาประชุมติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และการทำงานของศูนย์ระบบป้องกันน้ำท่วมของ กทม. โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.และข้าราชการระดับสูงของกทม.ให้การต้อนรับ จากนั้นนายสัญญา ชีนิมิต ผอ.สำนักการระบายน้ำกทม. ได้รายงานรายละเอียดการทำงานทั้งหมดของระบบการระบายน้ำใน กทม.ให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเครียด
   
ขณะที่นายชลิต อธิบดีกรมชลประทาน ได้รายงานว่า การระบายน้ำเป็นไปตามแผนที่กรมชลประทานวางไว้ โดยน้ำทางฝั่งตะวันออก ได้ระบายออกทางคลองหกวาสายล่าง และคลองแสนแสบไปยังแม่น้ำบางปะกง ซึ่งขณะนี้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงมาก แม้ว่าน้ำจะลงไปทิศทางข้างล่างต่ำกว่าคลองแสนแสบ ซึ่งทำให้มีผลกระทบบ้าง แต่ยังอยู่ในทิศทางที่เราควบคุมได้ ส่วนทางด้านตะวันตก เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา น้ำในแม่น้ำท่าจีนเริ่มต่ำกว่าตลิ่งบ้างแล้ว ทางกรมชลประทานจึงได้เริ่มเปิดระบายน้ำแล้ว ส่วนการอุดรูรั่วตามรอยแตกบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ก้าวหน้ากว่าแผนไปพอสมควร

“ชลิต” ฉะ “สุขุมพันธ์ุ”
   
“แต่อยากขอกราบเรียนเรื่องที่ผู้ว่าฯกทม. ได้ออกข่าวทางทีวีเมื่อคืนนี้ว่า ได้ขอเครื่องสูบน้ำของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรฯ เพื่อไปช่วยกทม.ทางด้านภาษีเจริญ และขอให้กรมชลประทานช่วยเปิดประตู แต่ไม่ได้รับการตอบสนองเลย เรื่องนี้อาจจะคลาดเคลื่อน เพราะเราเช็กหมดแล้วว่าในที่ประชุม ศปภ.ทุกวันไม่มีการพูดเรื่องนี้ ผมเช็กหนังสือทั้งหมดที่เข้ามาทางกรมชลประทาน และกระทรวงเกษตรฯไม่มีเลย ผมอยากทราบหนังสือ  ไม่เช่นนั้นกรมชลประทานจะเสียหาย” นายชลิต กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อนายชลิตพูดเช่นนี้ ทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ได้พยายามชี้แจงว่าไม่ได้พูดอย่างนั้น แต่นายชลิต ยืนยันด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า ผู้ว่าฯพูดซึ่งทำให้เราเสียหายมาก เพราะถ้ากรมชลประทานต้องช่วย เราก็ช่วยอยู่แล้ว ตนจึงอยากทราบว่าข้อเท็จจริงแล้ว ผู้ว่าฯขอไปทางใคร ถ้าทำให้เราเสียหายก็อยากให้ผู้ใหญ่แก้ข่าวให้เราด้วย กระทั่งบรรยากาศทำท่าจะบานปลาย เพราะมีการโต้เถียงกันไปมาชนิดคำต่อคำ นายกรัฐมนตรีจึงได้พยายามไกล่เกลี่ยให้ว่าขอให้ใช้เวทีการประชุมในคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ เป็นศูนย์กลางในการตัดสินใจและพูดคุยกันดีกว่า จากนั้นผู้ว่าฯกทม.ได้ให้นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกทม. ชี้แจงว่าทาง กทม.ได้ขอเครื่องสูบน้ำผ่านไปยัง ศปภ. ไม่ได้ขอที่กรมชลประทานโดยตรง นายกรัฐมนตรีจึงได้บอกว่า ถ้าเช่นนั้นจะไปตรวจสอบกันได้ อย่างไรก็ตามนายชลิตยังไม่ยอม โดยได้พูดว่า “ท่านนายกฯครับกรมชลประทานขอความเป็นธรรมด้วย เพราะสื่อออกไปแล้วเราเสียหายมาก อย่างน้อยขอให้ช่วยแก้ข่าวให้กรมชลประทานด้วย เพราะเราโดนมาตลอด”

ขอเครื่องสูบน้ำปมเหตุ
   
เมื่อนายชลิตพูดจบ  ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ได้พูดสวนทันที และมองหน้านายชลิตด้วยสายตาไม่พอใจว่า “ไม่มีอะไรต้องแก้ข่าว นักข่าวถามว่าได้หรือยัง ตนก็บอกว่ารออยู่ แล้วไม่จริงหรือครับที่รออยู่” ทั้งนี้เมื่อเหตุการณ์ตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงานเจรจาปัญหาความไม่เข้าใจของมวลชน จึงได้พูดไกล่เกลี่ยให้ว่าครั้งนี้แล้วก็แล้วไป      ต่อไปเมื่อทำหนังสือส่งตรงมาที่ ศปภ. ให้ทำสำเนาส่งหน่วยงานที่รับผิดชอบด้วย จะได้      ไม่มีปัญหา ตนอยากให้ประนีประนอมมากที่สุด แต่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุไม่ยอมและพูดสวนกลับว่า ไม่มีแล้วไปแล้ว ตนไม่ได้ดูถูกดูหมิ่นกรมชลประทาน แต่ตนกำลังรออยู่ ทั้งนี้ท้ายที่สุดนายกรัฐมนตรีจึงได้ตัดบทอีกครั้งว่า เรา   มาทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประเทศเหมือนกัน ถือว่าทุกคนมีเจตนาดี ส่วนรายละเอียด    ให้ไปติดตามกัน ขณะที่ พล.ต.อ.ประชาชี้แจงว่า กำลังหาหนังสือที่ทาง กทม.บอกว่าส่งมาให้ ตอนนี้ยังหาไม่เจอ ตนจะขอไปตรวจสอบอีกที

“นายกฯปู” รีบเคลียร์จับแยก
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ดึงทุกฝ่ายเข้าสู่เนื้อหาการประชุมต่อ โดยได้สอบถามผอ.สำนักระบายน้ำว่า คิดว่าพื้นที่ไหนบ้างในกทม.เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย นายสัญญาชี้แจงว่า ทางด้านฝั่งตะวันตกคิดว่าน้ำจะลามท่วมไปเรื่อย ๆ ส่วนด้านตะวันออกตนยังไม่ค่อยมั่นใจ เพราะน้ำได้ล้นคันกั้นที่เราทำมาบางส่วนแล้ว ตอนนี้น้ำเริ่มมีผลกระทบกับพื้นที่ตะวันออกทั้งหมดแล้ว เรายังดำเนินการไม่ได้ตามเวลาที่ตั้งเป้าไว้ ตอนนี้ที่เรายันอยู่เพราะระบบสูบริมน้ำทั้งหมด แต่เพียงซื้อเวลาไปเท่านั้น ถ้าสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้ น้ำจะลามเข้ามาเรื่อย ๆ ส่วนการใช้บิ๊กแบ็ก ด้านเหนือของ กทม. นั้น ตนยังหนักใจเพราะน้ำยังเข้ามาตอนนี้ถึงลาดพร้าวแล้ว ถ้ายังยันไม่อยู่จะเข้ามาลามทั้งหมดถึงใจกลางเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราห่วง ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า การทำงานมี 2 ส่วนคือ กรมชลประทานหน่วงน้ำเอาไว้ และการทำแนวกระสอบทรายยักษ์กั้น ซึ่งถ้าเสร็จน่าจะดีขึ้น แต่เราเจอปัจจัยใหม่ ๆ ทุกวัน จึงต้องมานั่งคุยกัน เพื่อร่วมมือกันแก้ปัญหา
 
“ปลอดประสพ”เฉ่งผู้ว่าฯกทม.
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของการประชุมได้เกิดการถกเถียงกันอีก 1 คู่ ระหว่างนายปลอดประสพกับผู้ว่าฯกทม. เนื่องจากนายปลอดประสพได้แสดงความข้องใจ ที่กทม.ยังไม่ยอมแจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมอพยพ โดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งตะวันตกที่บอกว่าจะถูกน้ำท่วมทั้งหมด เพราะควรจะต้องมีการแจ้งเตือนก่อน หากปล่อยให้ท่วมแล้วประกาศ ประชาชนจะเดือดร้อน แต่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ชี้แจงว่า ไม่เคยพูดแม้แต่ครั้งเดียวว่ากทม.จะท่วมทั้งหมด เพราะตนมั่นใจว่ากทม.จะไม่ท่วมทั้งเมือง จึงไม่เห็นด้วยที่จะให้ยกระดับการเตือนในขณะที่ยังไม่เกิดปัญหา เพราะจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่กทม.ได้ติดตามข้อมูลน้ำตลอด หากพื้นที่ไหนเริ่มมีปัญหา 70% เราจะประกาศให้อพยพทันที ดังนั้นเราต้องชั่งน้ำหนัก ระหว่างการสร้างความเดือดร้อนให้กับคนที่ยังไม่มีปัญหาอะไรเลย กับความจำเป็นที่ต้องให้เวลาอพยพ ซึ่งที่ผ่านมาเราสร้างความสมดุลเรื่องนี้ได้ดีพอสมควร ส่วนระบบการระบายน้ำของกทม.นั้น เราสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์หลักในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่กทม.จากฝนตกหนักหรือน้ำล้นตลิ่ง ไม่ใช่เพื่อระบายน้ำจากเหนือไปใต้
 
ยัน“บิ๊กแบ็ก”กู้วิภาวดี-พหลได้
   
จากนั้นเวลา 10.20 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ภายในกระทรวงพลังงาน  พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดที่ท่วมถนนวิภาวดีรังสิต และบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ใกล้กับที่ทำการของศปภ. ว่า การจะย้ายที่ตั้งของศปภ.หรือไม่นั้นเป็นเรื่องของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณา แต่ตนคิดว่าคงไม่มีการย้ายศูนย์ดังกล่าว โดยเราได้จัดทางลงจากทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์เชื่อมทางเข้าที่ทำการ ศปภ. ซึ่งเป็นการถมถนนให้สูงขึ้นอีก 1.1 เมตร ส่วนรถที่จะออกจากศปภ.ให้ใช้เส้นทางเดียวกัน วิ่งสวนขึ้นไปบนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ สำหรับกรณีของรถไฟฟ้าใต้ดินนั้นมีระบบป้องกันที่ถูกออกแบบไว้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และรถไฟฟ้าใต้ดินยังสามารถวิ่งให้บริการได้ แต่มีการปิดทางลงที่บางสถานีเท่านั้น
   
รมว.คมนาคม กล่าวอีกว่าสำหรับการวางแนวกระสอบทรายยักษ์ (บิ๊กแบ็ก) ตามแนวคลองรังสิตนั้นจะเสร็จในบ่ายวันนี้ (4 พ.ย.) โดยขณะนี้จะมีรถไฟอีก 4 เที่ยว แบ่งเป็นเช้า-บ่าย ช่วงละ 2 เที่ยว ขนกระสอบทรายดังกล่าว และจะมีการวางกระสอบทราย 600,000 ใบเสริมแนวของบิ๊กแบ็ก  นอกจากนี้ส่วนที่ต่อจากบิ๊กแบ็กในบริเวณดอนเมือง ตัดกับถนนวิภาวดีรังสิตประมาณ 100 เมตร จะใช้ถังน้ำมัน 100 ใบ นำมาบรรจุทรายให้เต็ม แล้วนำมาเป็นกำแพงกั้นน้ำ รวมถึงใช้กระสอบทรายขนาดเล็กวางไว้ด้านบน เพื่อทำเป็นกำแพงเชื่อมต่อกับกำแพงของสนามบินดอนเมือง ถ้าทำตรงนี้เสร็จจะทำให้น้ำที่เข้ามีจำนวนน้อยกว่าน้ำที่ออก สถานการณ์จะคลี่คลายลง ทั้งนี้การระบายน้ำออกนั้นมี 2 ส่วน คือ 1.ส่วนที่จะถูกสูบออกลงคลองรังสิตเพื่อให้ไหลไปแม่น้ำเจ้าพระยา 2.น้ำที่ไหลเข้ามาพื้นที่ด้านในซึ่งมาถึงห้าแยกลาดพร้าวแล้วนั้น จะถูกสูบออกไปโดยระบบของกทม.
 
ชี้ทำฟลัดเวย์ไม่ทันแล้ว
   
ต่อข้อถามว่าเมื่อทำแนวกั้นบิ๊กแบ็กแล้ว จะทำให้น้ำที่จะไหลไปฝั่งตะวันตกของกทม. มีมากขึ้นหรือไม่ รมว.คมนาคมตอบว่า ไม่เกี่ยวกันเพราะน้ำส่วนนี้จะไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเป็นการไหลผ่านคลองรังสิต ส่วนปัญหาการจราจรในกทม.ที่จะเป็นอัมพาต จากปัญหาน้ำท่วมที่ขยายตัวมากขึ้นในขณะนี้ ตนยอมรับว่าจะเกิดปัญหานี้แน่นอน ทั้งนี้ตนได้แจ้งให้ศปภ.ว่า ต้องมีการประกาศให้ประชาชน ได้รับทราบสถานการณ์ขณะนี้ว่าเป็นอย่างไร ส่วนข้อถามว่าจะพิจารณาข้อเสนอของฝ่ายวิชาการ ที่ให้ใช้ช่องทางคู่ขนานถนนวิภาวดีรังสิต ตามแนวทางด่วนเป็นฟลัดเวย์ในการระบายน้ำไปยังบึงมักกะสัน เพื่อช่วยในการระบายน้ำออกสู่ทะเลหรือไม่ รมว.คมนาคมระบุว่า การที่น้ำเดินทางจากดอนเมือง ผ่านดินแดงไปยังบึงมักกะสันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะใช้เวลานานซึ่งน้ำที่เข้าท่วมบริเวณห้าแยกลาดพร้าวในตอนนี้ เป็นน้ำที่มาทางคลองระบายน้ำไม่ได้
   
เมื่อถามว่ากังวลเรื่องของระบบน้ำประปาหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เรากำลังทำอยู่ไม่มีปัญหา การประปานครหลวง (กปน.) กำลังกั้นน้ำที่ท่วมไม่ให้เข้าไปในส่วนที่ใช้ผลิตน้ำประปา และเขามีระบบสำรองทั้งที่โรงผลิตน้ำประปาบางเขนและคลองมหาสวัสดิ์ ถ้าการทำแนวบิ๊กแบ็กเสร็จสิ้นทุกอย่างจะควบคุมได้ ทั้งในเรื่องของน้ำประปารวมถึงกรณีของน้ำที่ไหลท่วมถนนวิภาวดีรังสิตและพหลโยธิน
 
“ศปภ.” ยันไม่ย้ายศูนย์หนี
   
ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวแสดงความมั่นใจว่าน้ำจะไม่ท่วมเข้ามาถึงภายในบริเวณกลุ่มอาคาร ปตท.โดยเฉพาะตึกเอ็นเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของกระทรวงพลังงานและศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) อย่างแน่นอน โดยได้มอบหมายให้ ปตท.วางแผนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์มาเป็นเดือน เพราะประเมินล่วงหน้าแล้วว่าน้ำจะท่วมมาถึงถนนด้านหน้าอาคาร ไม่เช่นนั้นเราคงไม่กล้าเสนอให้ใช้เป็นสถานที่ตั้งของ ศปภ. ทั้งนี้หากมีน้ำเข้าท่วมในพื้นผิวการจราจรและพื้นที่โดยรอบ ก็ประเมินว่าจะสูงไม่เกิน 50-80 ซม. ซึ่งไม่กระทบต่อการสัญจรเข้า-ออก เนื่องจากได้ทำถนนสูงกว่า 1 ม.เชื่อมต่อกับทางลงทางด่วนดินแดง-วิภาวดีฯ เข้าสู่ด้านหน้าอาคาร ศปภ. โดยตรงอีกทั้งยังมีทางเข้า-ออก ด้านหลังของอาคารซึ่งเชื่อมต่อกับทางด่วนด่านกำแพงเพชร 2 ได้ด้วย และบนอาคารยังมีลานจอดเฮลิคอป เตอร์ อีกทั้งเตรียมพร้อมเรื่องของระบบน้ำประปา ไฟฟ้า อาหารการกินเรียบร้อย ตนจึงกล้ารับประกันว่าอาคารกระทรวงพลังงานปลอดภัยสำหรับใช้เป็นสถานที่ตั้งของ ศปภ.ซึ่งได้เรียนนายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ววอนอย่าทำลายคันกั้นน้ำ
   
เช่นเดียวกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทยให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ศปภ.เป็นที่ทำงานที่สามารถย้ายได้หรือไปไหนมาไหนได้ไม่ใช่ปัญหา ไม่ใช่ว่าศูนย์ต้องอยู่ที่ใดที่หนึ่งแล้วย้ายจะเกิดความล่มจม แต่รัฐบาลตั้งศูนย์นี้เพื่อดูแลประชาชน ปัญหาขณะนี้จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและปริมณฑล ต่อข้อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ศปภ.จะย้ายไปปริมณฑล เพื่อให้ยังสามารถดำเนินการได้ นายยงยุทธตอบว่า ยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น วันนี้เป็นห่วงชีวิตประชาชนมากกว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำประปาที่มีสีและกลิ่นนั้น กระทรวงมหาดไทยในฐานะที่ดูแลการประปานครหลวงได้ทำงานอย่างเต็มที่ รวมทั้งประสานกับตำรวจเพื่อลาดตระเวน และคอยซ่อมแซมคันกั้นน้ำอยู่ตลอดเวลา ตนอยากขอร้องประชาชนว่าอย่าทำลายคันกั้นน้ำ เพราะจะทำให้ประชาชนจำนวนมากเดือดร้อนมากขึ้น
 
แจ้งอพยพเพิ่มอีก 4 แขวง
   
ต่อมาเวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. แถลงข่าวภายหลังร่วมประชุมกับคณะผู้บริหาร ที่ศูนย์ระบบป้องกันน้ำท่วมสำนักการระบายน้ำ กทม. ว่า ขณะนี้ตนได้ประกาศให้เขตจตุจักรในพื้นที่รวม 4 แขวง ประกอบด้วย แขวงลาดยาว, เสนานิคม, จันทรเกษม และแขวงจตุจักร ริมคลองเปรมด้านตะวันตก ริมทางรถไฟสายเหนือด้านตะวันออกเป็นพื้นที่อพยพ นอกจากนี้ได้ประกาศให้แขวงหนองแขม ในเขตหนองแขม เป็นพื้นที่เฝ้าระวังเพิ่มเติม ภายหลังที่ประกาศให้แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม เป็นพื้นที่อพยพก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันสถานการณ์ขยะในขณะนี้เริ่มเข้าสู่สภาวะวิกฤติ เพราะกทม.ไม่สามารถจัดเก็บได้ตามเป้า ดังนั้น 3 วันจากนี้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยในพื้นที่เขตที่มีน้ำท่วม และไม่สามารถจัดเก็บขยะได้เอง จะส่งเจ้าหน้าที่จากสำนักสิ่งแวดล้อมลงไปเก็บขยะ ที่ค้างไว้ให้แล้วเสร็จทั้งหมด ทั้งทางเรือและรถยนต์ โดยได้ดัดแปลงรถขยะโดยนำท่อไอเสียยกสูงจำนวน 60 คัน เพื่อเตรียมใช้งานในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม จึงถือว่าการเก็บขยะเป็นภารกิจสำคัญ ทั้งนี้จังหวัดต่าง ๆ ได้เตรียมส่งเรือมาช่วยเหลือ กทม. โดยมี 4 จังหวัด ที่ส่งเรือมาให้กทม.แล้วประกอบด้วย จ.ปราจีนบุรี, ราชบุรี, นครสวรรค์ และ จ.สุโขทัย นอกจากนั้นยังมีอีก 17 จังหวัดที่เตรียมช่วยเหลือเพิ่มเติม
 
ทุกเขตระดับน้ำสูงขึ้น
   
สำหรับสถานการณ์น้ำขณะนี้ ระดับน้ำในคลองหลายแห่งยังทรงตัว โดยที่คลองสองระดับน้ำอยู่ที่ 2.88 เมตร คลองทวีวัฒนาอยู่ที่ 2.72 เมตร คลองรังสิตมีน้ำลดลงอยู่ที่ 3.60 เมตร คลองมหาสวัสดิ์อยู่ที่ 2.88 เมตร ขณะนี้ยังมีปริมาณน้ำเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมอยู่แล้วมีระดับน้ำสูงขึ้น อาทิ เขตบางเขนระดับน้ำสูงขึ้น 20-50 ซม. เขตจตุจักรน้ำสูงขึ้น 20 ซม. เขตหลักสี่น้ำสูงขึ้น 30 ซม.-1.2 เมตร เขตมีนบุรีน้ำสูงขึ้น 10-35 ซม. เขตคลองสามวาน้ำสูงขึ้น 60-90 ซม. เขตหนองจอกน้ำสูงขึ้น 5-10 ซม.
 
ย้ำไม่จมหมดทั้งเมือง
   
ผู้ว่าฯ กทม. ระบุอีกว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในกทม.ขณะนี้ ปัจจุบันปริมาณน้ำแผ่ขยายวงกินพื้นที่กว้างมากขึ้น แต่คิดว่าสถานการณ์น้ำจากพื้นที่ตอนเหนือที่แผ่ขยายมายังพื้นที่ส่วนกลางของ กทม.คงจะไม่รุนแรง ถ้าศปภ.และกทม.ร่วมมือกันจนสามารถบริหารจัดการทางด้านตะวันออกได้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือพื้นที่ด้านตะวันตก เพราะปริมาณน้ำจากฝั่ง จ.นนทบุรีและนครปฐมยังเข้ามามาก เราต้องพยายามแก้ไขให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ตนพูดมาหลายครั้งว่าระบบการระบายน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันตกไม่ว่าจะเป็นส่วนของ กทม.หรือกรมชลประทาน ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าฝั่งตะวันออก
   
ต่อข้อถามว่าแสดงว่ามีความเป็นไปได้ว่า พื้นที่ทั้งหมดของฝั่งตะวันตกจะถูกน้ำท่วม ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวปฏิเสธว่า ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ไม่มีปัญหา เช่น เขตบางขุนเทียน จอมทอง ซึ่งกทม.จะทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้มีปัญหา เรายังหวังว่าจะปกป้องพื้นที่ในหลายเขตได้ อย่างไรก็ตามตนคงตอบไม่ได้ว่าจะมีกี่เขตในกทม.ที่ปลอดภัย เพราะตนไม่ชอบทำนาย เนื่องจากน้ำเป็นสิ่งยากที่จะหยั่ง มันไหลไปที่ไหนได้มันก็ไป อีกส่วนหนึ่งต้องดูว่าปริมาณน้ำจะเข้ามาเท่าไหร่ ถ้าน้ำเข้ามามากจะดันให้แผ่ขยายวงกว้างไปเรื่อย ๆ
   
ต่อข้อถามว่าแสดงว่ากทม.ยอมรับแล้วใช่หรือไม่ว่าประสิทธิภาพการระบายน้ำที่มีอยู่ กับปริมาณน้ำที่ไหลเข้ามาไม่สามารถรับมือได้  ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ตอบว่า ระบบการระบายน้ำของ กทม.มีขึ้นมาเพื่อระบายน้ำท่วมขังจากปริมาณฝนที่ตกหนัก และน้ำล้นตลิ่ง ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อระบายน้ำจากเหนือไปใต้ กทม. ระบายได้ส่วนหนึ่งประมาณ 10 ล้าน ลบ.ม. จากเหนือไปใต้ คือ 7  ล้าน ลบ.ม.ในฝั่งพระนคร และ 3 ล้าน ลบ.ม.ด้านฝั่งธนบุรี ซึ่งถือว่าน้อยมาก ดังนั้นถ้าน้ำมาจากด้านเหนือผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเราทำได้ แต่ถ้าผ่านมาทางจุดอ่อน ซึ่งไม่ได้อยู่ในเขตของ กทม. เราไม่สามารถทำอะไรได้ โดยเฉพาะที่หลักหก จ.ปทุมธานี หรือบริเวณบางกรวย บางบัวทอง คลองมหาสวัสดิ์บางส่วน จุดอ่อนต่าง ๆ เหล่านี้อยู่นอกเขต กทม.ซึ่งการทำงานร่วมกันของ กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะสั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้ ต้องแก้ปัญหาในระยะยาวร่วมกัน
 
ฉุนอธิบดีกรมชลไม่เปิดประตู
   
จากนั้นเวลา 11.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมายัง ศปภ. พร้อมกับเรียกประชุมคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทานเข้าร่วมด้วย รายงานข่าวแจ้งว่าในที่ประชุมนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความไม่พอใจอธิบดีกรมชลประทาน ที่โยกโย้ไม่ยอมเข้าไปดำเนินการปิดประตูระบายน้ำบริเวณคลอง 8-10 ทั้งที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จไปตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. แต่ทางกรมชลประทานอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา อาทิ ไม่มีเจ้าหน้าที่จากกรมการปกครองไปเจรจากับมวลชน หรือหาตัวคนถือกุญแจประตูระบายน้ำไม่เจอ นอกจากนี้คนที่ถือกุญแจประตูระบายน้ำ ยังอ้างว่าหากปิดแล้วจะไม่กล้าถือกุญแจไว้เพราะกลัวอันตราย เนื่องจากมวลชนต้องการให้เปิด หลังจากที่ถกเถียงกันเป็นเวลานานพอสมควร นายกรัฐมนตรีจึงได้กล่าวสรุปว่า เรื่องการถือกุญแจประตูระบายน้ำนั้น ให้รักษาการผู้ว่าฯปทุมธานีเป็นคนตัดสินใจ โดยขอให้นัดหมายผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกรมชลประทาน ในเวลา 14.00 น. และต้องดำเนินการปิดประตูระบายน้ำให้ได้ภายในวันเดียวกันนี้ (4 พ.ย.) ขณะที่รักษาการผู้ว่าฯปทุมธานี แจ้งว่าจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนถือกุญแจประตูระบายน้ำ
   
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงาน 3 ฝ่ายที่ ศปภ.มอบหมายให้ไปเจรจากับมวลชน เปิดเผยถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างกทม. กับกรมชลประทาน เรื่องหนังสือขอเครื่องสูบน้ำ ว่า เป็นความเข้าใจผิดในเรื่องขั้นตอนการส่งเอกสาร ความจริงนายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกทม.ได้ส่งหนังสือดังกล่าวไปยัง ศปภ.ส่วนหน้าที่มีนายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานแล้ว เพราะกทม.เข้าใจว่า ศปภ.ส่วนหน้ากำกับดูแลกทม. แต่เอกสารดังกล่าวไม่ได้ส่งมาที่ ศปภ.ใหญ่ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการว่า ต่อไปการขอความร่วมมืออะไร ให้ส่งเอกสารไปที่ ศปภ.ส่วนหน้า แล้วขอให้สำเนาเอกสารอีกชุดมายัง ศปภ.ใหญ่ด้วย
 
แฉต้นเหตุทำน้ำท่วมครั้งใหญ่
   
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายในไม่เกินสัปดาห์หน้านี้ พื้นที่ของกรุงเทพฯ ทั้งหมดจะท่วมอย่างแน่นอน ไม่เว้นแม้แต่กรุงเทพฯ ชั้นในแต่ระดับน้ำอาจจะสูงแค่ไม่เกิน 50 ซม. เนื่องจากเอาวิกฤติของน้ำมาเล่นเกมการเมือง ส่วนต้นตอที่ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ เพราะมีนักการเมืองระดับชาติคนดัง สั่งไม่ให้กรมชลประทานผันน้ำเข้า จ.สุพรรณบุรี แต่สั่งให้ผันน้ำออกเจ้าพระยาตอนล่างให้มากขึ้น และระบายน้ำออกจากเขื่อนให้น้อยลง โดยอ้างว่ารอให้ชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวเสียก่อน แต่ความจริงต้องการไม่ให้น้ำเข้าในไร่ข้าวจำนวน 3,000 ไร่ที่ใกล้จะเก็บเกี่ยว จึงสั่งให้กรมชลฯเก็บน้ำไว้ในเขื่อนก่อน แม้ว่าจะมีคำเตือนจากกรมอุตุฯว่าจะมีพายุเข้ามาอีก 3 ลูก
 
ทบ. จัดรถรับส่งวิภาวดีฯ
     
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้สั่งให้กองทัพบกจัดยานพาหนะ รับส่งประชาชนตามเส้นทางต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางถนนวิภาวดีรังสิต ที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมในครั้งนี้ ซึ่งหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยกองทัพบกได้จัดรถมาคอยรับส่งประชาชนในเขตถนนวิภาวดีฯ รวมถึงพนักงานเดลินิวส์ด้วย
 
น้ำใจต่างชาติช่วยคนไทย
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดาโต๊ะ พาดูกา ฮัจญี คามิส บิน ฮัจญี ทามิน เอกอัครราชทูตบรูไน ประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนสมเด็จพระราชาธิบดีฮัสซานัล โบลเกียห์ องค์สุลต่านแห่งบรูไน  พระราชทานเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ
   
นางคริสตี้ เคนนี่ย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มอบเรือยาง 8 ลำ เสื้อชูชีพ 100 ตัว ให้กับตำรวจเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ส่วนที่สนามบินสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม มารับมอบสิ่งของ เช่น เรือยางและมอเตอร์ ที่นายเหวิน เจีย เป่า นายกรัฐมนตรีจีน ส่งมาช่วยเหลือคิดเป็นเงินไทย 500 ล้านบาท  ขณะที่จ.ปทุมธานี นายยุทธศักดิ์ ศิริกุล ผอ.องค์กรแคมปัสนานาชาติ พากลุ่มต่างชาติอาสา กว่า 40 ประเทศ กว่า 40 คน เข้าไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้านเมืองเอก อ.เมืองปทุมธานี
 
“เบิร์ด”ลุยแจกข้าวกล่อง
   
กลุ่มศิลปินอาสาจากบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) นำทีมโดยเบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ตูน-ยอด บอดี้สแลม  ก้อย-รัชวิน สอง พาราด็อกซ์ วงสวีทมัลเล็ท แอร์-ต๋า เดอะมูสส์ ฟักแฟง โน มอร์ เทียร์  และกองทัพบกลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยย่านบางใหญ่ บางกรวย และบางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อแจกจ่ายข้าวกล่อง น้ำดื่ม นมกล่อง นมผงสำหรับเด็ก ยาสามัญประจำบ้าน  ผ้าอนามัย ฯลฯ
 
นายกฯตั้ง9กก.ฟื้นฟูอุทกภัย
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงค่ำวันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 230/2554 ลงวันที่ 4 พ.ย. เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการและกลไกการปฏิบัติงาน ฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย โดยเป็นการปรับโครงสร้างการทำงานของ ศปภ. ใหม่ แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วน คือระยะเร่งด่วน 1-2 เดือนในช่วงวิกฤติน้ำท่วม จะให้ ศปภ.ชุดเดิมที่มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมในฐานะผอ.ศปภ.เป็นประธานทำหน้าที่ต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และส่วนที่ 2 เป็นระยะสั้น 1 ปี เพื่อฟื้นฟูเยียวยาให้ประชาชน ซึ่งได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 9 ชุด ประกอบด้วย
1.คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

2.คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (กคฐ.) มี รมว.คมนาคม เป็นประธาน

3.คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) มี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธาน
   
4.คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านฟื้นฟูคุณภาพชีวิต (กคช.) มีพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ เป็นประธาน

5.คณะกรรมการบริหารศูนย์ปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อยปลอดภัยและการจราจร (กรจ.) มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นประธาน

6.คณะกรรมการบริหารศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติการ (กปก.) มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม เป็นประธาน

7.คณะกรรมการสื่อสารสาธารณะ (กสส.) มีนายธงทอง จันทรางศุ เป็นประธาน

8.คณะที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการน้ำ (คปน.) มีบุคคลที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธาน และ

9.คณะกรรมการบริหารศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนการบริหารการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (กบภ.) มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ทั้งนี้ให้มีศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนการบริหารการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยอาจว่าจ้างบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยงานได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี.


http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=174140&categoryID=561
      บันทึกการเข้า
ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #4091 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 13:32:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 พฤศจิกายน 2554, 12:54:36
 


สุภาพสตรี ทางขวามือ ครับ
 
     
       พี่สิงห์ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง กับคุณฉันทนา (แดง) ที่ต้องเสียชีวิตจากไปแบบกระทันหัน เมื่อตอนตีสี่เมื่อคืนนี้ ฟุบไปหน้าจอ computer แบบไม่มีวันกลับ ตั้งศพที่ อู่ทอง ที่พวกเราเคยไปร่วมงานคุณแม่ของเขา และจะเผาวันพุธ ที่จะถึงนี้
ผมเอง พวกเรา คงไม่สามารถที่จะไปกันได้ คงต้องทำบุญไปให้ พรุ่งนี้ ผมจะไปทำบุญที่วัดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ คุณน้องแดง ครับ

                 คุณเหมี๋ยว แจ้งมาให้ทราบ
                 สวัสดี


ขอแสดงความเสียใจ
กับครอบครัวน้องแดง
ด้วยค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4092 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 13:33:15 »

                 - ตั้งศพที่อำเภออู่ทอง สุพรรณบุรี

                 - สวดพระอภิธรรมศพ ๕ วัน

                 - เผาวันพุธ

                    ผมก็รู้เท่านี้ หรือ สอบถามคุณเหมี๋ยว 0891050351

                    ผมได้โทรศัพท์ไปบอก รศ.ประกายแก้ว ให้บอกแต๋ง สั่งลูกน้องที่อู่ทอง นำพวงหรีด และเงินทำบุญจากชมรมไปให้ด้วย เพราะพวกเราคงไม่สามารถไปร่วมงานได้ เพราะสภาพน้ำท้วม ครับ

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4093 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 13:46:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 05 พฤศจิกายน 2554, 13:01:44
พี่สิงห์

ขอรายละเอียดมากกว่านี้หน่อยครับ
ผมกำลังจะเดินทางไปนครปฐมในวันจันทร์ เพื่อทำพิธีระลึึกถึงวันเสียชีวิตของเตี่ย
หากมีเวลาจะได้ไปร่วมงานด้วย
และขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ "น้องแดง-ฉันทนา" ในครั้งนี้้ด้วยครับ

                คุณเหยง ถ้าไปจริง ฝากเงินทำบุญให้ด้วย ครับ
       
                 ขอบคุณมาก
      บันทึกการเข้า
supapon
มือใหม่หัดเมาท์
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 90

« ตอบ #4094 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 13:48:56 »

ศพแดงอยู่ที่วัดเขาพระ(วัดพระศรีฯ) อ.อู่ทอง จ.สุพรรณ สวดห้าวัน เผาวันพุธ
หนูก็ทราบมาเท่านี้ค่ะ
เสียใจมาก เพิ่งจะคุยกับแดงทางโทรศัพท์เมื่ิอวันพุธที่ผ่านมานี้่เอง
เรื่องระดมทุนช่วยเหลือเพื่อนครุคนหนึ่ง(อ.มณี เคยสอนที่สวนกุหลาบ ต่อมาจอประสาทตาเสื่อม)
พร้อมแม่และพี่ชายที่เป็นอัมพาท ซึ่งแดงได้ช่วยพวกเขาหนีน้ำท่วมมาอยู่ที่บ้านนครปฐม
Miew18
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4095 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 13:56:32 »

เหมี่ยว

พี่กำลังแพลนงานที่นครสวรรค์ เพื่อจะกลับไปไหว้วันคล้ายวันครบรอบการเสียชีวิตของเตี่ย ที่นครปฐม
หากสามารถผ่านอำเภออู่ทองได้ จะพยายามไปงานจ๊ะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #4096 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 13:58:58 »

พี่สิงห์ มาเพิ่มเติมครับ....เขาว่า "น้ำลด ตอผุด" น่าจะเป็นจริง

สิ่งประจักษ์ "น้ำท่วม" เพราะใคร?
เปลว สีเงิน 5 พฤศจิกายน 2554 - 00:00

     มีเรื่องอยากคุย-อยากเล่า-อยากบอกเยอะ มนุษย์ด้วยกันจะได้เตรียมตัว-เตรียมใจกันทัน เพราะนี่มันก็ใกล้เวลา "นรก-สวรรค์" กำหนดเข้ามาทุกทีแล้ว เผอิญมีผู้ส่งข้อเขียน "ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต" ใน FB มาให้อ่าน ประจวบกับระยะนี้ขบวนการ "ไพร่จัณฑาล" สร้างข่าว โดยใช้ "ชื่อเขื่อนใหญ่ ๒ แห่ง" เป็นแพะ หวังให้ชาวบ้านที่พวกเขาหลอกใช้หลงเชื่อ "เป็นตัวการ" ปล่อยน้ำให้ท่วม หวังทำลายรัฐบาล "น้องสาวทักษิณ"
    อารยชนทั้งหลายฟังแล้วก็เศร้าใจ กับอนันตริยกรรมที่เขาเหล่านั้นสร้างขึ้น เรียกว่าเลวทรามหยาบช้า สุดที่อภัยฟ้า-อภัยดิน จะมีให้ได้!
    ผมก็เห็นข้อเขียน ดร.พิชายนี้ "ทำความจริงประจักษ์" ได้ดี ไม่ใช่การตอบโต้ ไม่ใช่การแก้ต่างคำป้ายสีพวกไพร่จันฑาลนั้น หากแต่ทรงศักดิ์แห่งตน ด้วยการลำดับความเชิงวิเคราะห์บน "ข้อมูลประจักษ์" ให้รับรู้-รับทราบ เพื่อการเข้าใจที่ถูกต้องตามเป็นจริง ผมขออนุญาตนำเผยแพร่ ดังนี้
เกมอำนาจกับการจัดการน้ำ
ปัญญาพลวัตร โดย...ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
    ในสังคมใด เมื่อมนุษย์ผู้ใดกลุ่มใดโชคดีมีอำนาจขึ้นมา แต่ขาดภูมิปัญญา ใช้อำนาจไม่เป็นและใช้ไปอย่างผิดทาง ก็จะสร้างความหายนะแก่สังคม และท้ายที่สุดอำนาจก็จะหวนกลับมาทำลายตนเอง ดังที่กำลังเกิดขึ้นกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์
    ขณะที่คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีฝึกงาน กำลังสาละวนและละล้าละลังในการจัดการกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของเธอ ก็หมกมุ่นกับการช่วงชิงอำนาจกับฝ่ายทหาร โดยด้านหนึ่งวิพากษ์ทหารว่าเสพติดอำนาจ และอีกด้านหนึ่งก็สนับสนุนให้ ส.ส.ในสังกัดดำเนินการแก้ พ.ร.บ. กลาโหม เพื่อช่วงชิงอำนาจในการแต่งตั้งนายทหารระดับสูง จากเดิมที่อยู่ในรูปแบบของคณะกรรมการ ให้มาอยู่ภายใต้นักการเมือง
    ด้วยความที่หมกมุ่นอยู่กับการแสวงหาแนวทางและวิธีการที่จะช่วยเหลือพี่ชายให้กลับสู่ประเทศไทยโดยปราศจากความผิด ความอ่อนหัดไร้ประสบการณ์การบริหารราชการแผ่นดิน ความจำกัดของความรอบรู้ในปัญหาและระบบงานราชการ ส่งผลให้การตัดสินใจในการแก้ปัญหาของ "ผู้นำจำเป็น” ของประเทศไทย เกิดความล่าช้าและผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และการใช้อำนาจก็เป็นไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ และไร้ทิศทาง
    ปัญหาวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ในปัจจุบัน ได้แสดงตัวออกมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน และปรากฏอย่างชัดเจนในเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา พายุหลายลูกที่พัดผ่านประเทศไทยตอนบนก่อให้เกิดปริมาณน้ำฝนที่มากกว่าปีก่อนๆ ทำให้หลายจังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ต้องประสบกับชะตากรรมอันเลวร้ายของการถูกน้ำท่วม ตามมาตรฐานของหลักการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนต่างๆ เมื่อน้ำไหลเข้าเขื่อนจำนวนมากก็ต้องเพิ่มปริมาณการระบายน้ำออกมา แต่ในครั้งนี้หลักการดังกล่าวกลับเกิดขึ้นอย่างล่าช้าเพราะมี "อำนาจ” บางอย่างสั่งให้เจ้าหน้าที่เขื่อนกักน้ำไว้ก่อน และกำหนดให้ระบายน้ำออกมาราวกับว่าเป็นสถานการณ์ปกติ จนกระทั่งถึงจุดที่ใกล้วิกฤติของเขื่อน จึงได้มีการเพิ่มปริมาณการระบายน้ำออกจากเขื่อน อำนาจที่ว่านั้นมิใช่อำนาจลึกลับใดๆ แต่เป็นอำนาจซึ่งดำรงอยู่ในคณะรัฐมนตรีนั่นแหละ
    เหตุผลที่มีการสั่งกักน้ำไว้ก่อน หากมองในแง่บวกก็คือ เป็นเจตนาดีที่ไม่ต้องการให้มี "มวลน้ำ" ไหลลงสู่แม่น้ำในปริมาณที่มาก น้ำจะได้ไม่ท่วม แล้วค่อยๆ ทยอยเพิ่มปริมาณการระบายน้ำในภายหลัง แต่เจตนาดีเหล่านี้ย่อมมีแรงจูงใจอยู่เบื้องหลัง นั่นก็คือการรักษาคะแนนนิยมในกลุ่มประชาชนภาคเหนืออันเป็นฐานเสียงของรัฐบาล และในท้ายที่สุด กลับทำให้เกิดมหาอุทกภัยซึ่งสร้างความหายนะแก่ประเทศไทยอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
    ความแปลกประหลาดของการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลในครั้งนี้ มีร่องรอยให้สืบสาวจากข้อมูลที่ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพลสัมภาษณ์เอาไว้ นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพลระบุว่า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2554 ถึงเดือนกันยายน 2554 มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเฉลี่ย 1,000 ล้าน ลบ.ม.ต่อเดือน รวมห้าเดือนมีน้ำเข้าไปอยู่ในเขื่อนภูมิพลประมาณ 5,000 ล้าน ลบ.ม. แต่ในช่วงห้าเดือนนั้นเขื่อนระบายน้ำออกมาเพียงเดือนละ 100 กว่าล้าน ลบ.ม.เท่านั้น รวมห้าเดือนก็ระบายออกประมาณ 500 ลบ. ม. หรือมีน้ำเข้าเขื่อนมากกว่าน้ำที่ระบายออกมาถึงประมาณ 10 เท่า
    ปริมาณน้ำที่ปล่อยออกมาในช่วง 5 เดือน เฉลี่ยประมาณแค่ 5 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันเท่านั้น แต่ในเดือนตุลาคมได้มีการระบายน้ำเพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยในช่วง 1-4 ตุลาคม เพิ่มเป็น 40-60 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ต่อมาระหว่างวันที่ 5-11 ตุลาคม เพิ่มเป็น 100 กว่าล้าน ลบ.ม.ต่อวัน และในช่วง 12-19 ตุลาคม ลดลงเหลือประมาณ 50-80 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน รวมอย่างคร่าวๆ น้ำในเขื่อนภูมิพลที่ระบายออกมาเฉพาะ 16 วันของเดือนตุลาคม มีประมาณ 1,200 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 2 เท่ากว่าของช่วงห้าเดือน (150 วัน) ซึ่งปล่อยออกมาเพียงประมาณ 500 ล้าน ลบ.ม.
    สำหรับพายุที่เข้าประเทศไทยตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมมี 2 ลูก คือปลายเดือนมิถุนายนมีพายุไหหม่า ต่อมาในปลายเดือนกรกฎาคมก็เกิดพายุนกเตน พายุสองลูกนี้นำน้ำจำนวนมหาศาลเข้าประเทศไทย แต่ที่น่าประหลาดใจคือ การปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลก็ยังปล่อยเท่าๆ กับเดือนพฤษภาคม
    เป็นไปได้ว่า ระหว่างนั้นนักการเมืองผู้ทรงอำนาจทั้งหลายคงไม่มีเวลาเพียงพอในการดูแลจัดการปัญหาเรื่องน้ำในเขื่อน เพราะมัวแต่แข่งขันเลือกตั้งช่วงชิงอำนาจ แม้ว่าน้ำได้ท่วมในบางพื้นที่บางจังหวัดแล้ว สิ่งที่นักการเมืองทำก็คือ การฉวยโอกาสอาศัยความเดือดร้อนของประชาชนเป็นแหล่งในการหาเสียงสร้างคะแนนนิยมเท่านั้น ไม่มีการเตรียมการใดที่จะรับมือกับมหันตภัยที่กำลังคุกคามอยู่แม้แต่น้อย
    รัฐบาลใหม่ของคุณยิ่งลักษณ์ตั้งขึ้นมาต้นเดือนสิงหาคม ปัญหาเรื่องน้ำก็ยังเป็นเรื่องเล็กสำหรับรัฐบาล ส่วนปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือ การหาทางในการช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตร ให้กลับเข้ามาในประเทศไทยโดยปราศจากความผิดติดตัว การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเพื่อกระชับอำนาจให้แข็งแกร่ง การเจรจาและจัดงานบันเทิงเฉลิมฉลองเตะฟุตบอลร่วมกับผู้นำประเทศกัมพูชา การสนับสนุนข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ การช่วยเหลือเยียวยาสาวกของเสื้อแดง การพยายามแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม และการหาแนวทางต่างๆ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้
    สิ่งที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องปัญหาน้ำท่วมก็มีบ้าง เช่น การรับบริจาค การออกไปเยี่ยมเอาของไปแจกผู้ประสบภัยบางคนบางพื้นที่ เพื่อสร้างภาพเป็นนายกฯ นางงามแจกของ แต่ยังไม่เห็นความตระหนักในการแก้ปัญหา และการคิดอย่างเป็นระบบเชิงบูรณาการเพื่อรับมือกับปัญหาน้ำท่วมแม้แต่น้อย เราจึงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนอื่นๆ ทั้งที่เขื่อนเหล่านั้นมีน้ำเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมหาศาลจากพายุทั้งสองลูกที่เข้ามา
    ต่อมาในปลายเดือนกันยายน พายุก็ได้เข้ามาประเทศไทยอีก 2 ลูกคือ ไห่ถาง กับเนสาด และต้นเดือนตุลาคม พายุนาลแกก็พัดเข้ามา พายุทั้งสามทำให้ฝนตกหนักและน้ำจำนวนมหาศาลไหลเข้าเขื่อน จากการที่เขื่อนปล่อยน้ำน้อยก่อนหน้านั้น ทำให้ความสามารถในการรับน้ำใหม่ที่เข้ามามีต่ำลง เขื่อนจึงจำเป็นต้องเพิ่มปริมาณการปล่อยน้ำอย่างมหาศาลตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นมา
    ถึงกระนั้นรัฐบาลก็ยังคงสับสนและมะงุมมะงาหราอยู่ ทำอะไรไม่ถูกแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ และเพิ่งมาคิดจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ขึ้นมา โดยมีหน้าที่ช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัย และประกาศแจ้งเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำเป็นหลัก
    การตั้งชื่อและกำหนดหน้าที่ของ ศปภ.ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า รัฐบาลมีวิธีคิดในการแก้ปัญหาอุทกภัยแบบเสี่ยงและมีแนวทางในเชิงการตั้งรับ คือคิดเพียงแต่ว่าเมื่อน้ำท่วมแล้วจะช่วยอย่างไร ฟื้นฟูอย่างไร รวมทั้งแค่แจ้งเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำเท่านั้น โดยไม่ได้คิดถึงว่าจะจัดการหรือควบคุมมวลน้ำจำนวนมหาศาลอย่างไร เพื่อบรรเทาความรุนแรงและลดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วม การทำงานของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบใน ศปภ.สะท้อนถึงตัวตนที่อ่อนหัด ทำงานไม่เป็นในการรับมือและแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น
    ในความคิดของผม หลักการสำคัญของการจัดการมวลน้ำที่ท่วมขังมีอยู่ 3 ประการ คือ การผลักดันมวลน้ำลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การควบคุมน้ำให้อยู่ในพื้นที่ซึ่งสร้างผลกระทบน้อยที่สุดไว้ชั่วคราว และการป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่สำคัญ การจะดำเนินการตามหลักการทั้งสามนั้น อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนบางกลุ่ม และอาจสร้างความขัดแย้งขึ้นมาได้ ดังนั้น การใช้อำนาจตามปกติจึงไม่สามารถจัดการตามหลักการทั้งสามได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อการจัดการขาดประสิทธิภาพ สิ่งที่ตามมาก็คือ คะแนนนิยมรัฐบาลลดลงเรื่อยๆ ขณะที่กองทัพกลับได้รับคะแนนนิยมเพิ่มเติมจากการลงไปช่วยเหลือประชาชนทุกรูปแบบ ทั้งการป้องกันไม่ให้น้ำท่วมในบางพื้นที่ และการช่วยเหลืออื่นๆ แก่ผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมอยู่แล้ว แม้ว่ากองทัพจะเป็นกลไกของรัฐ แต่เป็นกลไกที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์และแกนนำเสื้อแดงมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก มีความระแวงอยู่ตลอดเวลาว่าทหารจะทำรัฐประหาร
    ดังนั้นเมื่อทหารมีคะแนนเพิ่มขึ้น ก็สร้างความหวั่นวิตกแก่ทักษิณ ชินวัตร ผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาล เป็นเหตุให้เขาต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ทำลายความน่าเชื่อถือของทหารโดยระบุว่า "ทหารเสพติดอำนาจ” และต่างชาติไม่ยอมรับการรัฐประหาร ทั้งที่ผู้เสพติดอำนาจอย่างโงหัวไม่ขึ้น ทำลายหลักประชาธิปไตยและหลักธรรมาภิบาลมากที่สุดคนหนึ่ง ก็คือตัวทักษิณเองนั่นแหละ การเดินเกมเพื่อช่วงชิงอำนาจในการแต่งตั้งนายทหารระดับสูง จึงกลายเป็นเกมสำคัญของทักษิณ หากเขาชนะในเกมนี้ ทักษิณก็จะควบคุมการแต่งตั้งโยกย้ายทหารได้ทั้งหมดผ่านน้องสาวที่เป็นหุ่นเชิดของเขา แต่ความฝันของเขาอาจเป็นฝันสลาย เพราะอาจถูกพลังอันมหาศาลของสายน้ำทำลายลงไป ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ
    ความจริงเรื่องน้ำอยากให้ทุกท่านทราบ และช่วยกันโพสต์ต่อไป เอาเฉพาะลิงก์ก็ได้
    วันที่ 24 มิ.ย. น้ำในเขื่อนที่ตากมีอยู่ 7,500 ล้านลูกบาศก์เมตร   
    วันที่ 22 ก.ค. น้ำในเขื่อนที่ตากมีอยู่ 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตร   
    วันที่ 19 ส.ค. น้ำในเขื่อนที่ตากมีอยู่ 9,800 ล้านลูกบาศก์เมตร
    วันที่ 2 ก.ย. น้ำในเขื่อนที่ตากมีอยู่ 10,600 ล้านลูกบาศก์เมตร
    วันที่ 14 ต.ค. น้ำในเขื่อนที่ตากมีอยู่ 14,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
    แสดงว่ารัฐบาลชุดก่อนไม่ได้สั่งเก็บ และไม่มีทางที่จะสั่งปล่อยได้ ปัญหาคือ รัฐบาลชุดนี้รู้ว่าน้ำมากและพายุจะเข้าแต่ไม่พร่องน้ำออกมา
    ข้อมูลดิบ (ตามที่แนบ file) ท่านสามารถดูได้ที่ water.egat.co.th/old-web/sumdam-rep/dam-bb/graph-bb.htm
    ครับ...นี่คือบทวิเคราะห์ด้วย "ข้อมูลประจักษ์" ด้านหนึ่งของ ดร.พิชาย ก็ยังมีบทวิเคราะห์ด้วย "หลักฐานประจักษ์" จากอีกหลายๆ ท่านที่ผมอ่านพบ แล้วจะค่อยๆ นำน้ำขาวมาไล่น้ำครำ.


http://www.thaipost.net/news/051111/47632
      บันทึกการเข้า
supapon
มือใหม่หัดเมาท์
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 90

« ตอบ #4097 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 14:04:57 »

เพือนครุ กำลังติดต่อ หนู(อ.พนมไพร)ซึ่งสอนอยู่ที่วิทยาลัยพลศึกษาสุพรรณ
เพื่อให้เป็นตัวแทนเพื่อนฟังสวดและเผา ถ้าไม่สำเร็จก็คงต้องรบกวนฝากพี่เหยงทำบุญ
เหมือนกันค่ะ(ถ้าพี่สามารถผ่านอู่ทองได้)
miew18.
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4098 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 14:37:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 04 พฤศจิกายน 2554, 15:51:44
พี่สิงห์ถึงนครศรีธรรมราชเรียบร้อย
ให้อุ่นใจคะ.

อีก 9 วันคะที่ต้องอดทนกะน้ำท่วม
9 วันคะ ขาดตัว! ห้ามต่อ ห้ามขอลด!

             อาจจะไม่ถึง ๙ วัน น้ำที่ทิศทางเหนือ มันลดลงจะหมดแล้ว รถวิ่งได้เพิ่มทุกวัน ครับ เห็นตลิ่งคลองรังสิตเมื่อไร น้ำก็ไม่มีเติม ที่ดอนเมืองแล้ว ส่วน Big Bag มันวางผิดที่ผิดทาง ไม่ได้วางทางเหนือ มาวางขนานทางรถไฟ เท่านั้น แก้ไม่ถูกทาง ไม่ควรวางเสียด้วยซ้ำ เสียเงิน เสียเวลา ยังไปหรอกนายกให้เชื่ออีก แต่หรอกผมไม่ได้หรอกครับ

              น้ำที่ประตูจุฬาลงกรณ์ มันลดลงตามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ลดลง และไม่มีน้ำทางเหนือมาเติม ครับ ไม่ได้เกิดจาก Big bag ครับ

             สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #4099 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2554, 15:14:20 »

               เมื่อสักครู่ คุณมิ้งค์โทรศัพท์มา บอกว่า พี่ปรีดา  รวมเมฆ ได้โทรศัพท์มาบอกเรื่องคุณฉันทนา กับผม  และคุณมิ้งค์ จะไปสำรวจเส้นทาง ผมเลยขอร้องคุณมิ้งค์ให้นำพวงหรีดในนามของชมรมฯ ไปให้ด้วยพร้อมกับเงินจำนวน 2,000 บาท ไปมอบให้กับเจ้าภาพ ครับ

                 ผมกำลังติดต่อคุณวัฒนา แต่ยังติดต่อไม่ได้ ครับ

                 สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 162 163 [164] 165 166 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><