26 พฤศจิกายน 2567, 22:39:04
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 138 139 [140] 141 142 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3582353 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 16 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3475 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 12:36:00 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 13 ตุลาคม 2554, 11:42:35
พี่สิงห์คะ
คิดว่าใครๆรวมทั้งอรด้วย
นอกจากดูจากข่าวทีวีแล้ว ก็จะตรวจข้อมูลจากที่นี่
เพราะไม่ทราบจะหาข้อมูลเป็นระบบได้จากที่ไหนค่ะ

                     เธอเป็นนักเก็บสถิติให้ทีซิ เอาไม้บรรทัดติดกาวแปีะข้างฝา เพื่อวัดระดับน้ำที่ท้วมบ้านเธอ บอกมาทางเวบ  จะได้ตรวจสอบได้ว่า ตัวเลขกรมชลประทาน จริงไม่จริง ครับ

                      หรือใครที่น้ำท้วมแล้ว วัดระดับน้ำแล้วรายงานมา จะเป็นข้อมูลในการประเมิน ครับ

                      อย่างตอนนี้ เครื่องสูบน้ำ 100 cu.m. ที่จะระบายน้ำลาดกระบังลงสู่ทะเล ยังไม่ได้ทำงานเลย  ทั้งๆที่ลาดกระบังน้ำท้วมหมดแล้ว แต่ไม่รู้น้ำมันไปติดอะไรไว้จึงไม่สามารถผ่านสุวรรณภูมิไปได้ ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3476 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 12:50:06 »

ระดับน้ำ กทม. เวลา 12:45 น.

ชาวกทม. ยังปลอดภัย ณ ขณะนี้ ยังไม่มีประตูระบายน้ำที่ไหน พัง หรือระดับน้ำสูงเกินกำลังครับ ยังอุ่นใจได้

ไม่มีข่าวด่วน จากกทม.ด้วย
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3477 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 13:12:13 »





ข้าวต้มลูกโยนภาคใต้

                       เกือบลืมครับ เมื่อวานเป็นวันออกพรรษา โดยปกติบ้านผมที่สิงห์บุรีจะทำบุญออกพรรษาด้วยการทำข้าวต้มลูกโยน ที่ห่อด้วยใบอ้อย ใส้กล้วยและต้องมีถั่วดำ ด้วย ผมเองไม่ได้ไปทำบุญออกพรรษาที่บ้าน เพราะศาลาที่ทำบุญน้ำยังท้วม ไม่มีที่ทำบุญกัน แต่ขอเดาทางวัดอาจจะมาบิณฑบาตร บนถนนคันกั้นน้ำแทนครับ เพราะที่วัดไม่มีสถานที่ จมน้ำหมด และก็คงไม่มีข้าวต้มลูกโยน แน่นอน เพราะหาใบอ้อยอยาก

                        ที่นครศรีธรรมราช วันนี้เป็นวันชักพระ  คือชาวบ้านทำเป็นเรือบรรทุกพระ มาใส่ล้อวิ่งไปตามถนน โดยมีเชือกโยงยาวๆ เพื่อให้ประชาชนได้ชักพระกันไปตามท้องถนน เพื่อขอบริจาคเงินเข้าวัด เป็นประเพณีของชาวใต้ที่เรียกว่า "ประเพณีชักพระ"

                        ผมเลยได้อานิสงค์ คือได้กินข้าวต้มชาวใต้เนื่องในประเพณีชักพระครับ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3478 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 13:23:21 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                       ผมยังคงปฏิบัติธรรม ตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมง เท่าที่ยังระลึกได้ครับ และเช้ามืด ออกกำลังกายเช้า-เย็น ยังคงเดินจงกรมเหมือนเดิม  และเวลาปฏิบัติธรรม จะพิจารณา(ธัมมวิจัย) คำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีต่อ พระพาหิยะเถระ ทุกครั้ง คือ

                       พระบรมศาสดา จึงทรงแสดงพระธรรมเทศให้ฟัง โดยตรัสสอนให้สำรวมอินทรีย์ คือ เมื่อเห็นรูปก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินเสียงก็สักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น ลิ้มรสก็สักแต่ว่าลิ้มรส และสัมผัสสักแต่ว่าสัมผัสเท่านั้น อย่ายินดียินร้ายในสิ่งเหล่านั้น และหมั่นสำเหนียกศึกษาในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อยู่เป็นนิตย์

                        เดี๋ยวนี้ จิตดีขึ้นมาก  ลดความอยาก ความชอบ  ความไม่ชอบ ลงไปอย่างมาก ความไม่พอใจต่างๆที่ได้รับทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย หายไปแยะ และไม่ปล่อยให้จิตคิดร่องลอยไปตามที่จิตเคยชอบ และะในขระเดียวกันพยายามรักษา กาย วาจา ใจ ไปในทางสุจริต (ศีล) ตั้งมั่นอยู่ในทางกุศลธรรม  ทำจิตให้อยู่กับ อิริยาบถ เท่าที่จะนึกขึ้นได้ ไม่ปล่อยให้จิตคิดนอกกาย-ใจ ครับ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3479 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 13:42:05 »

ที่บ้านที่ชลบุรีออกพรรษา
ที่วัดเขาบางทรายจะทำบุญโดยพระจะเดินลงจากเขา
ชาวบ้านจะอยุ่ ๒ ข้างทางลงจะทำข้าวต้มคล้ายกับที่พี่สิงห์ถ่ายรูปมานี่แหละค่ะ
แต่ทำด้วยใบจากจะมีหางยาว
ไว้หิ้วใส่บาตรได้ หรือโยนหากไกลจากบาตร
เรียกว่า ข้าวต้มหางค่ะ
 อร่อยอย่าบอกใคร
พอตักบาตรเสร็จจะลงมาที่ศาลา จะมาซื้อที่วัดรับบาตรเอาขายเอาไปทานต่อ
บางคนห่อทำเป็นเหมือนลูกจันท์ เป็นดาว สวยดีค่ะ พี่สิงห์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3480 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 15:30:52 »

ข่าวน้ำท้วมกรุงเทพมหานครประจำบ่ายนี้ !

                       บ่ายนี้ผมได้ดู TV ที่ทางคณะผู้ว่า กทม. โดย ดร.วัลลพ ผอ.กังวาน และท่านรองปลัด กทม.

                       - ทุกเขตภายในเขื่อนกั้นน้ำ ทั้งฝั่ง กทม. และฝั่งธนบุรี มั่นใจได้ 100% ว่าน้ำจะไม่ท้วม

                       - ตอนนี้น้ำที่ท้วมนั้น มีเพียงสามเขต คือ มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง เท่านั้นและระดับน้ำที่ท้วมนั้น อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ขณะนี้กำลังดำเนินการสูบออกทางอุโมงน้ำคลองพระขโนง ระดับอยู่ที่  1.30 เมตรจากระดับมาตรฐานของกทม.

                       - ถนนสายหลักในเขตที่น้ำท้วมนั้น สามารถสัญจรไปมาได้ ครับ ทาง กทม. ได้ทำแนวกระสอบทรายกันไว้เพื่อให้รถวิ่งได้

                       - ขณะนี้ระดับน้ำรอบกรุงเทพมหานคร ทรงตัว ไปในทางที่ดี คือลดลงเล็กน้อยจากที่ประมาณการเอาไว้

                       - บางพื้นที่อาจมีน้ำท้วมบ้างจากฝนที่ตกลงมาเท่านั้น ซึ่ง กทม. สามารถระบายออกได้ แต่ใช้เวลานิดหน่อย ไม่ต้องกังวล

                       - แนวป้องกันน้ำฝั่งตะวันออกนั้นเริ่มต้นจากแอนเน็ก นิมิตรใหม่ ถึงถนนกิ่งแก้ว

                       - ฝั่งธนบุรีจากคลองบางกอกน้อยถึงคลองทวีวัฒนา ด้านทิศเหนือ

                       - บ้านที่อยู่ในแนวป้องกันของกทม. ไม่จำเป็นต้องเตรียมกระสอบทรายเอาไว้ เพราะถ้าท้วมจริงกระสอบทรายก็เอาไม่อยู่ครับ  บริจาคให้เขตนอกคันกั้นน้ำเขาเอาไปใช้ดีกว่าครับ เขาจำเป็นกว่า (ใครอยู่เขตน้ำท้วม มาเอากระสอบทรายที่บ้านผมในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ได้ครับ ผมไม่ต้องการแล้วครับ)

                         ดังนั้น อย่าตกใจข่าวลือต่างๆ  ครับ

                         บ้านอาจารย์ถาวร  สบายใจได้อยู่ในเขตป้องกันทั้งหมด เพราะแนวคันกั้นน้ำ กทม. คลองบางกอกน้อย ทำเกือบเสร็จแล้ว 70%  ส่วนที่ยังไม่เสร็จ กทม. ได้ใช้กระสอบทรายแทน แนวป้องกันฝั่งธนบุรีนั้นเริ่มต้นจากคลองบางกอกน้อยถึงคลองทวีวัฒนาเลย จึงปลอดภัยครับ


                        สรุป รายงานประจำวันของ กทม.

                        วันนี้น้ำไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา 3,797 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานเล็กน้อย  ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำอยู่ที่ระดับ 2.06 เมตร แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าแนวเขื่อนป้องกันที่ กทม.สร้างไว้ 74 ซม. พื้นที่ในแนวป้องกันทั้งหมดปลอดภัย
 

                        เฉพาะบ้านเรือนนอกแนวคันกั้นน้ำ 27 ชุมชนริมเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบ ตามระดับการขึ้นของน้ำทะเล วันนี้หนุนสูงสุด เวลา 18.42 น. ที่ระดับ 2.04 เมตร หากน้ำสูงเกิน 2.30 เมตร พร้อมอพยพชุมชนไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวที่เตรียมไว้รองรับพร้อมแล้ว
 

                        จุดอ่อนน้ำท่วม 15 จุดบริเวณพื้นที่ชั้นใน อาจได้รับผลกระทบเนื่องจากจะมีปริมาณฝนหนาแน่น 70% ในกรุงเทพฯ แนะหลีกเลี่ยงเส้นทางหากฝนตกหนัก กทม.จะเร่งระบายภายใน 2 ชั่วโมง
 

                        ฝั่งตะวันออกระดับน้ำในคลองยังอยู่ในภาวะปกติ ไม่เพิ่มสูงขึ้น
 

                        หยุดการเดินเรือคลองแสนแสบชั่วคราว เพื่อเป็นช่องทางผันน้ำจากทางเหนือออกสู่ทะเล ประชาชนที่เห็นน้ำเต็มคลองไม่ต้องวิตก คลองสายหลักทุกแห่งอยู่ในการควบคุมของสำนักระบายน้ำ กทม.



      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #3481 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 15:39:32 »

กินข้าวต้มลูกโยนก่อน..
จิ้มน้ำตาล
จิบกาแฟ..
แล้วจาclickหาอะไรดีๆ
น้ำท้วมน้ำท้วมนี่แหละคะ
แต่หนิงไม่เต้าข่าวเมืองไทยคะ!
ขอแบบที่โน่นเค้าscreenแล้ว...
เพื่อกวามแตกต่างคะพี่สิงห์ขา.
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3482 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 15:48:35 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุง๋หนิ๋ง ที่รัก

                       อย่าลืมที่พี่สิงห์ขอร้อง จะเอาไปดัดแปลง ทำเป็นเขื่อนคอนกรีตขายแบบ น๊อคดาวน์ ครับ

                       พี่สิงห์กินข้าวต้มลูกโยนภาคใต้ไปสามมัด ครับ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3483 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 15:56:04 »

พี่สิงห์ครับ

พื้นที่ 1 ไร่คือ 400 ตร.วา หากระดับน้ำขึ้น 1 ซ.ม. จะได้เป็นน้ำกี่คิวครับ ??
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #3484 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 17:10:17 »

400 ตร.วา = 1600 ตร.เมตร (เพราะ 1 วา = 2 เมตร)
1 ซม. = (1/100) เมตร
คำตอบคือ 1600x1/100 = 16 ลบ.เมตร ครับ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #3485 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 17:14:39 »





คลิ๊กที่รูปแผนที่ จะส่งไปได้ดูภาพใหญ่
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #3486 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 17:30:49 »


คงดูไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะกระบวนการย่อขยายรูปภาพของเว็บฯ เรา
สรุปว่า เหลืองอ่อนคือเขตชั้นในปลอดภัย ว่าง่ายๆ คือใต้ดอนเมืองบ้านผมลงมา
สีส้มท่วมนิดหน่อย เมตรนิดๆ  คือแถวบ้านผม เป็นต้น
ส่วนสีชมพู เมตรถึงสองเมตร
สีฟ้าเละไม่ต้องเซด ท่วมไปแล้ว
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3487 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 17:36:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 13 ตุลาคม 2554, 17:10:17
400 ตร.วา = 1600 ตร.เมตร (เพราะ 1 วา = 2 เมตร)
1 ซม. = (1/100) เมตร
คำตอบคือ 1600x1/100 = 16 ลบ.เมตร ครับ


พี่ป๋อง

ขอบคุณครับ
ถ้าท่วม 6 ล้านไร่ ความสูงของน้ำเพียง 1 ซ.ม. จะได้มวลน้ำถึง 96 ล้าน ลบ.เมตรทีเดียว
พอท่วมอำเภอใหญ่ๆ ได้สูงถึง 1.50 ม. ได้อย่างสบายเลย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3488 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 17:41:51 »

ภาพชุดใหม่ของแนวทางเดินของ "พายุโซนร้อน Banyan" ออกจากฟิลิปปินส์มาแล้ว
หากพายุลูกนี้สะสมน้ำในมหาสมุทรปาชิฟิคเพิ่ม จะทวีความรุนแรงขึ้น
กำหนดขึ้นฝั่งเหนือเมืองเว้ ผ่านมาทางใต้ของจังหวัดมุกดาหารเล็กน้อย ในวันที่ 18 ช่วงเช้า


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3489 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 20:02:06 »

ชาวนาสิงห์บุรีวอน คุณบรรหาร  ศิลปอาชา ระบายเข้าทุ่งนาฝั่งตะวันตก !!!

                       วันนี้ได้คุยกับพี่มรกต  กลับดี  พี่ชายคนโต ฝากบอกให้ทุกคนช่วยกันวิงวอน คุณบรรหาร  ศิลปอาชา ให้เปิดน้ำเข้าทุ่งนาฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแก้มลิงธรรมชาติ ที่ใช้แก้ปัญหาน้ำท้วมมาทุกปีนั้น พื้นที่ตั้งแต่ อำเภอสรรพยา อำเภอโพนางดำ จังหวัดชัยนาท อำเภออินทร์บุรี  อำเภอบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน อำเภอท่าช้าง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี พื้นที่จังหวัดอ่างทองฝั่งตะวันตก โพธิทอง และพื้นที่ติดต่อสุพรรณบุรี  ที่ปีน้ำน้ำไม่ท้วมเลยทั้งๆ ที่ทุกปีต้องท้วม ตอนนี้ส่วนใหญ่ 90% เกี่ยวข้าวหมดแล้ว พี่มรกต  บอกว่า ถ้าระบายน้ำเข้าทุ่งนี้ จะสามารถลดปริมาณน้ำได้มหาศาลเพราะมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 2 - 4 ล้านไร่
 
                       ถ้าปล่อยน้ำเข้าไปผลคือ
 
                        - น้ำแดงดินโคลน จะเป็นปุ๋ยอย่างดีในนาข้าว

                        - นอกจากนี้แมลงต่่างๆที่อยู่ในดิน ซังข้าวจะตาย

                        - ซังข้าวที่เกี่ยวแล้ว ถ้าจมน้ำนานจะเน่า กลายเป็นปุ๋ยอย่างดี

                        - ปลาจะกระจายเพิ่มจำนวนมากขึ้น

                        จะเห็นว่าถ้าปล่อยน้ำเข้านาทุ่งตะวันตกเดี๋ยวนี้ ชาวนามีแต่ได้ อย่างเดียว ทำไม คุณบรรหาร  ศิลปอาชา  จึงไม่สั่งกรมชลประทานให้ระบายน้ำเข้าไป  อยุธยา  ปทุมธานี  กทม. จะได้หมดทุกข์ ระดับน้ำในภาคกลางจะลดลงทันที เพราะมีพื้นที่ 2 - 4 ล้านไร่ รับน้ำได้มหาศาล

                        หรือว่าคุณบรรหาร  กลัวน้ำไปท้วมโซล่าเซล 2,000 ไร่ที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต เป็นเรื่องจริง Huh?

                       เศร้าจริงๆ  ขอให้ทุกคนช่วยกันครับ ปล่อยน้ำเข้าทุ่งนาตะวันตก มีแต่ได้ ได้ ครับ ทำไม่จึงดึงดันไม่ทำกันครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3490 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 20:13:38 »

อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 13 ตุลาคม 2554, 17:46:51
ขอบคุณครับ พี่สิงห์ ...  sorry


ข้อเขียน ของพี่สิงห์ ผมได้รับความรู้ มหาศาล เลยครับ

                       ดร.มนตรี เป็นบุคคลที่สี่ที่ชมผมครับ ก่อนหน้านั้น มี ท่าน สว.ชรินทร์  ดร.จิตเกษม  ดร.เอกรินทร์ จาก FM99 รายการบ้านเขาเมืองเรา ผมทำสำเนา ส่งให้บุคคลทั้งสามนั้น และ ดร.จิตเกษม ได้นำไปลงใน Facebook เพราะผมกับ Facebook มึนไม่สามารถติดต่ออะไรได้เพราะไม่มีความรู้ครับ
                       สวัสดี

หมายเหตุ
                           ตามแผนที่ ที่ ดร.สุริยา นำมานั้น พื้นที่ในกรอบสีเหลือง ทั้งฝั่งกรุงเทพฯ และธนบุรี อยู่ในแนวคันกั้นน้ำ ของ กทม. ทั้งหมด ที่ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร และคุณปลอดประสพ รับรอง 100% ว่าน้ำจะไม่ท้วม ครับ และผมก็จะตรวจสอบทุกวันและรายงานให้ทุกท่านได้ทราบ
      บันทึกการเข้า
ดร.มนตรี
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,540

« ตอบ #3491 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2554, 20:18:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 ตุลาคม 2554, 20:13:38
อ้างถึง
ข้อความของ ดร.มนตรี เมื่อ 13 ตุลาคม 2554, 17:46:51
ขอบคุณครับ พี่สิงห์ ...  sorry


ข้อเขียน ของพี่สิงห์ ผมได้รับความรู้ มหาศาล เลยครับ

                      ดร.มนตรี เป็นบุคคลที่สี่ที่ชมผมครับ ก่อนหน้านั้น มี ท่าน สว.ชรินทร์  ดร.จิตเกษม  ดร.เอกรินทร์ จาก FM99 รายการบ้านเขาเมืองเรา ผมทำสำเนา ส่งให้บุคคลทั้งสามนั้น และ ดร.จิตเกษม ได้นำไปลงใน Facebook เพราะผมกับ Facebook มึนไม่สามารถติดต่ออะไรได้เพราะไม่มีความรู้ครับ
                       สวัสดี

หมายเหตุ
                           ตามแผนที่ ที่ ดร.สุริยา นำมานั้น พื้นที่ในกรอบสีเหลือง ทั้งฝั่งกรุงเทพฯ และธนบุรี อยู่ในแนวคันกั้นน้ำ ของ กทม. ทั้งหมด ที่ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร และคุณปลอดประสพ รับรอง 100% ว่าน้ำจะไม่ท้วม ครับ และผมก็จะตรวจสอบทุกวันและรายงานให้ทุกท่านได้ทราบ


ขอโทษครับ พี่สิงห์ ผมแอบเข้ามาลบที่โพสไว้ ... เกรงว่าจะไม่เหมาะสม เพราะข้อความที่โพส อาจดูเหมือนยกยอพี่สิงห์

เลยคิดจะเรียบเรียงคำพูดใหม่  ....  แต่ถ้าพี่สิงห์ quote ไว้ ผมก็ต้องยืนยันว่า ผมชื่นชม พี่สิงห์จากใจจริง ... ด้วยความนับถือ ครับ
sorry
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3492 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2554, 07:39:40 »

สถานการณ์ น้ำท้วม กทม.!!!

วันศุกร์ ที่ 14 ตุลาคม 2554 เวลา 07.27 น.

 ข้อมูลล่าสุด

07.20 น. - กทม.และปริมณฑลไม่พบกลุ่มฝนl ระดับน้ำคลองต่างๆใน กทม. อยู่ในภาวะปกติ
 
                      - ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางนา+1.75 ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 0.75 ม.

                      - ปากคลองตลาด +2.05 ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 0.75 ม.บางเขนใหม่+2.34 ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 0.66 ม. 14 ต.ค. 2554

                      - ระดับน้ำตามประตูระบายน้ำต่างๆ ของ กทม. ในแนวคันกั้นน้ำ (วงแหวนสีเหลือง ตามแผนที่ของ TEAM) ปกติ

                       ดังนั้น  กรุงเทพมหานคร จึงปลอดภัย 100% ครับวันนี้  ยกเว้นเขตมีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง ที่มีพื้นที่บางส่วนอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ วันนี้อาจจะมีระดับน้ำสูงขึ้นจากเมื่อวานนี้ เพราะมีน้ำเหนือหลากเข้ามาทางสายไหม คลองคูคต แต่ กทม. พยายามสูบน้ำออกทางสถานีสูบน้ำคลองพระขโนง สำหรับพื้นที่ริมแม่น้ำ หรือใกล้แนวคันกั้นน้ำ กทม. อาจมีน้ำซึมออกมา นั่นเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเห็นไหลแรง  ช่วยกันแจ้ง กทม. นะครับ เพราะมันจะเป็นสัญญาณที่ไม่ดี ผนังกั้นน้ำอาจแตกได้ ครับ ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะเรามีผลกระทบโดยตรง คือถูกน้ำท้วม

                        สวัสดี

                        สำหรับข้อมูลจา กรมชลประทาน ต้องรอท่านอธิบดีกรมชลประทาน มาทำงาน ตรวจสอบตัวเลจก่อน จึงจะประกาศทางเวบไซต์ ได้ คือ มีการปรับแต่งตัวเลขให้ดูดี สามารถให้ประชาชนรับทราบได้  จึงต้องรอ ครับ



หมายเหตุ
                        ข้อมูลที่ท่านควรเชื่อถือ คือ สิ่งที่ผมเขียน และ ของ บ.ที่ปรึกษา TEAM นั้นเป็นความจริง (ข้อมูลของ TEAM กับ กทม. อันเดียวกัน เพราะเขาเป็นผู้ทำข้อมูลให้ กทม.) แต่บางครั้งเขาแสดงความคิดเห็นการแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะ บ. TEAM ยังต้องหากินกับทางราชการที่เกี่ยวกับแหล่งน้ำ เขาจึงแสดงการแก้ปัญหาไม่ได้ทางข่าว ครับ

                        สำหรับข้อมูลที่ท่านเห็นทาง TV ของ ดร.เสรี นั้น (น่าจะเป็นชาวซีมะโด่ง รุ่น 2515) เป็นทางด้านวิชาการ เท่านั้น ไม่ใช่มืออาชีพที่มีข้อมูลมาก เท่ากับ บ. TEAM และเป็นไปในทาง สร้่างความทุกข์(ใจ) ให้กับผู้ฟัง ผู้ดู ครับ เกินจริงไปหน่อย โอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้น คือผนังคันกั้นน้ำ กทม. พัง ขยายวงกว้าง แต่ยังไม่รุนแรงเท่า เพราะ พื้นที่ กทม.ยังมีถนน ทางรถไฟ อาคาร ต่างๆ เป็นเสมือน ฝายน้ำล้น มากมายครับ และเป็นพื้นที่ใหญ่มาก คงไม่ท้วมสูงขนาดนั้น

                         ยึดหลัก กาลามสูตร และอย่าปล่อยให้จิตมันปรุงแต่ง(คิดมาก) เพราะจะทำให้ท่าน ทุกข์ อยู่กับปัจจุบัน อย่าวิตกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ได้แต่ใช้ "สติ-ปัญญ" พิจารณาไตร่ตรอง ว่าเราจะสามารถกระทำอะไรที่ไม่ยุ่งยาก ที่สามารถกระทำได้ ก็กระทำไปเพื่อความสะบายใจครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3493 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2554, 07:56:53 »

เขตลุ่มน้ำเจ้าพระ และ การระบายน้ำลงทะเล



ประวัติศาสตร์ที่น่าเรียนรู้

   บ้านผมเดิมตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ผมจำความได้ถึงหน้าน้ำช่วงสารทไทย และทอดกฐิน จะเป็นช่วงที่น้ำท้วมภาคกลางเป็นประจำทุกปี ปีไหนน้ำไม่ท้วมปีนั้นอยากจน  แต่ทำไม่ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา และที่ราบลุ่มภาคกลาง จึงไม่ได้รับความเดือดร้อน ดังเช่นปัจจุบัน เพราะอะไร?

ความเคยชินที่น้ำท้วมทุกปี จึงสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เข้ากับธรรมชาติได้ คือ

                         -   ปลูกบ้านสูง ให้ที่นอนพ้นระดับน้ำสูงสุด

                         -   มีเรือทุกบ้าน และก่อนที่น้ำจะมาทุกคนจะเตรียมซ่อม ยาชันเรือให้พร้อมใช้เสมอ

                         -   เก็บสิ่งของต่างๆ เอาไว้ในที่สูงให้พ้นระดับน้ำท้วม

                         -   สะสมเสบียงอาหารเอาไว้ให้สามารถอยู่ได้ สอง สามเดือน เพราะจะไม่มีใครมาให้ช่วยเหลือเลย

                         -   มีที่ดินถมสูงเอาไว้ให้วัว ควาย หมา หมู ไก่ ได้อาศัย โดยทำเป็นโคกดินสูง

                         -   ปรับพฤติกรรมการปลูกข้าวนาปี ให้สอดคล้องตามธรรมชาติ จากการเรียนรู้มาจากบรรพบุรุษ คือที่ลุ่มมากจะปลูกข้าวเมล็ดสั้น ข้าวพันธ์นี้สามารถหนีน้ำได้แม้จะจมน้ำนาน ๗ วัน เช่นข้าวพวง ข้าวป้อม แต่ราคาขายไม่ดี ส่วนที่ดอนจะปลูกข้าวเมล็ดยาวแทนเพราะต้องการน้ำน้อย
น้ำท้วมทุ่งหน้าน้ำภาคกลาง

                  หน้าน้ำท้วมภาคกลางนั้น น้ำจะค่อยๆท้วมช้าๆ โดยน้ำจะเออล้นจากแม่น้ำและไหลลงทุ่งฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก ของที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา หรือแก้มลิงธรรมชาติในภาษาปัจจุบัน โดยไม่มีอะไรขวางกั้นน้ำเลย น้ำสามารถกระจายไปได้อย่างอิสละที่เรียกว่าน้ำท้วมทุ่ง น้ำจะถูกเอาไปพักไว้ขณะรอลงไหลสู่ทะเลที่ปากอ่าวไทย อย่างเก่งใช้เวลาเพียงเดือนเดียวน้ำก็ลดลงแล้ว ซึ่งต้องมีพายุเข้าจริงๆ แต่โดยปกติแล้วไม่ถึงเดือนน้ำก็ลดลงหมดแล้ว เป็นอย่างนั้นมานาน เป็นเรื่องปกติทุกปี

                   แต่ภายหลังจากที่สร้างเขื่อนเจ้าพระยาเสร็จ ได้มีการจัดการบริหารน้ำใหม่ ได้สร้างถนนคู่ขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยาจากเขื่อนชัยนาท ถึง อ่างทอง เป็นคันกั้นน้ำไม่ให้เข้าทุ่งและพัฒนาเป็นถนนระหว่างจังหวัด และทางฝั่งตะวันออกยังมีถนนสายเอเซียยกระดับสูงผ่าน เป็นคันกั้นน้ำทุ่งตะวันออก เพิ่มขึ้นเป็นสองแนว ทำให้น้ำไหลผ่านไปลงทุ่งตะวันออกลำบากต้องผ่านประตูน้ำ เช่น ประตูน้ำบางโฉมศรี เป็นต้น
ระยะช่วงนี้การทำเขื่อน ถมดินทำหมู่บ้านจัดสรรค์ และโรงงานอุตสาหกรรมยังไม่มี ปรากฏว่า ติดต่อกันเกิน ๒๐ ปี น้ำที่เคยท้วมภาคกลางประจำทุกปีนั้น น้ำแทบจะไม่ท้วมอีกเลย เป็นเวลาติดต่อกัน จนทำให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยน ไม่รู้จักน้ำท้วมว่าเป็นอย่างไร? เพราะมั่นใจว่าอยู่ท้ายเขื่อนปลอดภัย  จึงได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกบ้าน เป็นบ้านชั้นเดียว เรือที่เคยมีก็ผุพังไป ไม่มีครบทุกบ้าน ไม่มีการสะสมอาหารในหน้าน้ำหลาก ดังเช่นแต่ก่อน

                                เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้นได้เปลี่ยนถนนที่มีระดับเท่าความสูงของคันนา คือไม่เกิน 50 เซนติเมตร เป็นถนนใหม่สูง ถมลูกรัง และปัจจุบันพัฒนาเป็นลาดยางมะตอยในภาษาชาวบ้าน เป็นคันกั้นน้ำเป็นตาหมากรุกอยู่ระหว่างหมู่บ้านเต็มไปหมด จนเป็นคันกั้นน้ำในทุ่งนาไป ในขณะเดียวกันก็เกิดชุมชนใหม่คือหมู่บ้านจัดสรรค์ และตามมาด้วยโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก ผลที่ตามมาคือ น้ำที่เคยไม่ท้วมมานานปี กลับมาท้วมขึ้นอีกครั้งเป็นประจำปี ผลที่ตามมาคือ หมู่บ้านจัดสรรค์  โรงงานอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ ได้ถมดินสูงมากกว่าเก่าเสมอ และตามแหล่งตัวเมืองเศรษฐกิจก็ได้เริ่มทำเขื่อนกันน้ำท้วมตัวเมือง กันยกใหญ่ ถนนต่างๆ ก็เสริมให้สูงขึ้นตาม

                                 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ผลจากการพัฒนาเมือง กลายเป็นอุปสรรคของน้ำ  น้ำไม่มีที่ไปต้องถูกกักอยู่แต่ในลำน้ำเจ้าพระยา และยังถูกควบคุมโดยกรมชลประทาน ที่จะชี้เป็นชี้ตายว่า สามารถจะเนรมิตให้น้ำไปท้วมที่ไหนเลือกเอา คือ ทุ่งฝั่งตะวันตก  ทุ่งฝั่งตะวันออก ทุ่งสุพรรณบุรี แต่โดยมากเนื่องจากฝั่งตะวันออกมีถนนสายเอเซียเป็นคันกั้นน้ำที่ยาวและสูง ประกอบกับชาวลพบุรีรู้แกว จึงนำกำลังทหารมาควบคุมประตูระบายน้ำทุกปี ดังนั้นกรมชลประทานจะไม่มีทางเลือก กลัวน้ำท้วมกรุงเทพฯก็จะผันน้ำเข้าทุ่งตะวันตก และสุพรรณบุรีทุกปีมาจนถึงปัจจุบัน

                                 นับย้อนหลังไปมากกว่าห้าปีจะเป็นแบบนี้ทุกปี แต่ปีนี้คุณบรรหาร  สิลปอาชา  ดูแลกระทรวงเกษตรฯ และผ่านการเลือกตั้งมาใหม่ คงไปรับปากชาวสุพรรณบุรีที่ร้องเรียนมาว่าน้ำท้วมสุพรรณบุรี  พรรคคุณบรรหาร  คุมกรมชลประทานจะปล่อยให้น้ำท้วมได้อย่างไร? คุณบรรหาร  จึงต้องลงมาควบคุมสั่งการเอง ตามที่ท่านเห็นทาง TV โดยที่คุณบรรหาร  เองก็ไม่คาดคิดว่าผลจากการกระทำของท่าน มันจะส่งผลรุนแรง ศูนย์เสียมหาศาลเกินความควาดหมายขนาดนี้  ท่านเห็นภาพทาง TV และคงรู้สึกเสียใจกับการสั่งการของท่านที่มันเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยไปแล้ว และท่านก้เคยเป็นถึงอดีตนายากรัฐมนตรีของประเทศไทย




                                 คลองชลประทานเดิม ที่กรมชลประทานได้ขุดเอาไว้ นั้นแคบ ไม่ลึก ใช้งบประมาณรัฐบาลอย่างเดียว มันจึงได้เพียงคั้นกั้นน้ำ และถนนเรียบคลองที่ขุด และสูง กับมีที่เหลือเป็นเขตทาง เพราะถมสูงให้เป็นคันกั้นน้ำ ส่วนถนนนั้นเป็นผลพลอยได้ ถ้าทำแบบเดิมรัฐบาลต้องลงทุนมหาศาล ตามที่ ดร.สุริยา นำข่าวมาบอกว่า คุณบรรหาร ได้เสนอการขุดเจ้าพระยา ๒
มันต่างกับหลักการของผม ที่ขุดเจ้าพระยา ๒ เพื่อการระบายน้ำเขตภาคกลางมากกว่า 1,000 ลุกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อขยายเขตเมือง เศรษฐกิจ สร้างงานเพื่ม GDP ให้ประเทศ แต่ใช้เงินจำนวนน้อย เพราะเราจะนำดินที่ขุดขึ้นมาถมพัฒนาเป็นคันกั้นน้ำ(ไม่สูงมากนัก) ถนน เขตเมือง ศูนย์ราชการ เขตที่อยู่อาศัย เขตนิคมอุตสาหกรรมสองฝั่งแม่น้ำ โดยมีเขื่อนควบคุมน้ำทั้งต้นทางและปลายทาง โดยเอาที่ดินขายกลับคืนให้ผู้ที่สนใจมาลงทุนพัฒนาที่ดิน มันจะใช้เงินไม่มากได้กำไรกับมาภายหลัง



 
ทำไม !!! จึงขุดเจ้าพระยา ๒ เพื่อระบายน้ำลงทะเลให้มากขึ้น

                        - ผมไม่สามารถหยุดการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท้วม ตามเขตเศรษฐกิจต่างๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้

                       - ผมไม่สามารถหยุดกรมชลประทาน ที่จะต้องเสริมคันกั้นน้ำ ตั้งแต่ชัยนาท ถึงอ่างทอง และเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ให้สูงกว่าเดิมขึ้นไปอีกเพื่อป้องกันน้ำล้นตลิ่ง ได้

                       - ผมไม่สามารถหยุดกรมทางหลวงแผ่นดิน กรมทางหลวงชนบท ที่จะต้องเสริมความสูงถนนให้เพิ่มสูงขึ้นจากเดิม เพื่อป้องกันน้ำท้วม ได้

                       - ผมไม่สามารถออกกฏหมาย ให้ผู้ที่จะพัฒนาหมู่บ้านจัดสรรค์ เขตอุตสาหกรรม ให้จัดหาพื้นที่ในโครงการของตน ต้องมีพื้นที่รับน้ำเสีย ฝนตก น้ำท้วม เป็นแก้มลิงธรรมชาติอยู่ในเขตพื้นที่พัฒนา 25% ได้

                       - รวมทั้งผมไม่สามารถหยุด อบต. ประชาชน ที่จะถมดินป้องกันน้ำท้วมตนเอง ได้

                       - ผมไม่สามารถให้ชาวนากลับไปปลูกข้าวเมล็ดสั้น ข้าวนาปี หนีน้ำท้วม ตามที่บรรพบุรุษเคยกระทำมาในอดีต ได้

                       - ผมไม่สามารถให้กรมชลประทาน กรมทางหลวงแผ่นดิน กรมทางหลวงชนบท ทำสะบานในถนนต่างๆ ให้มาก ให้เกิดเป็นแก้มลิงตามธรรมชาติ  ดังเดิมเหมือนในสมัยที่บรรพบุรุษเคยได้รับ คือน้ำจะกระจายไปได้อิสสระตามลักษณะความราบลุ่มของแต่ละพื้นที่ ได้อย่างอิสสละ ผลก็คือระดับน้ำจะท้วมไม่สูง เพราะกระจายเต็มพื้นที่ ไม่มีที่ใดกักเอาไว้ น้ำอยู่ในแก้มลิงธรรมชาติ เพื่อรอระบาลงทะเลอีกครั้ง ได้

                       - รัฐบาล แก้ไม่ตรงจุด ได้
ด้วยเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ ผมจึงเป็นห่วงประชากรส่วนใหญ่ที่อยู่ริมแม่น้ำภาคกลาง ที่อยู๋นอกคันกั้นน้ำ อยากจนจำนวนมหาศาล และชาวกรุงเทพมหานครที่จะได้ผลกระทบจากน้ำท้วมสูงมากขึ้นๆ ทุกปี ครับ

                         มันเป็นหนทางเดียวจริงๆ ที่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ก่อนที่น้ำจะผ่าน อ่างทอง อยุธยา เขตอุสาหกรรม ปทุมธานี นนทบุรี กทม.สามารถกระทำได้ ทุกท่านแต่งตั้งให้ผมเป็นหัวหน้าโครงการซิครับ รับรองโปร่งใส มีจิตอยู่เหนือนักการเมือง ทำเพื่อประชาชนจริงๆ ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น ในชาตินี้พอแล้วครับ ขออยู่อย่างพอเพียง จิตที่สงบ สุขมากกว่า เกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทอง ของนอกกายเสียอีก แต้จะสุขใจที่ทำให้ผู้อื่น คือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศพ้นทุกข์จากภัยน้ำท้วม ทุกปี ครับ


                          สวัสดี

หมายเหตุ
                          ใครจะนำสิ่งนี้ไปโพสต์ที่ไหน  ได้ทั้งนั้น ผมอยากให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ทราบ แต่ผมไม่มีความสามารถทางด้านจัดการข้อมูล ครับ  ต้องขอร้องให้ ดร.มนตรี  จัดการให้ครับ


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3494 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2554, 08:56:25 »

                      สำหรับชาว กทม. ที่อยู่ในแนวคันกั้นน้ำของ กทม. นั้น ท่านไม่ต้องวิตกกังวลอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องเตรียมกระสอบทราย ไดรโว่ ปล่อยให้ผู้ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ กทม. เขาเอาไปเถอครับ ผมเองก็ได้บอกพี่ชายที่อยู่นนทบุรี ให้มาเอากระสอบทราย ไดรโว่ ที่บ้านผมไป ผมไม่ต้องการแล้ว เพราะผมดูข้อมูลต่างๆ แล้ว มั่นใจว่า พื้นที่ กทม.ในแนวคันกั้นน้ำ นั้น ปลอดภัย 100% แต่ถ้าผนังคันกั้นน้ำพัง มีไดรโว่  กระสอบทราย ก็เอาไม่อยู่ครับ ดังนั้น ทำจิตให้ผ่องใส ดีกว่า ไม่ต้องวิตกกังวล เตรียมการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ครับ


                        ข้อมูลที่ท่านควรเชื่อถือ คือ สิ่งที่ผมเขียน และ ของ บ.ที่ปรึกษา TEAM นั้นเป็นความจริง (ข้อมูลของ TEAM กับ กทม. อันเดียวกัน เพราะเขาเป็นผู้ทำข้อมูลให้ กทม.) แต่บางครั้งเขาแสดงความคิดเห็นการแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะ บ. TEAM ยังต้องหากินกับทางราชการที่เกี่ยวกับแหล่งน้ำ เขาจึงแสดงการแก้ปัญหาไม่ได้ทางข่าว ครับ

                        สำหรับข้อมูลที่ท่านเห็นทาง TV ของ ดร.เสรี นั้น (น่าจะเป็นชาวซีมะโด่ง รุ่น 2515) เป็นทางด้านวิชาการ เท่านั้น ไม่ใช่มืออาชีพที่มีข้อมูลมาก เท่ากับ บ. TEAM และเป็นไปในทาง สร้่างความทุกข์(ใจ) ให้กับผู้ฟัง ผู้ดู ครับ เกินจริงไปหน่อย โอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้น คือผนังคันกั้นน้ำ กทม. พัง ขยายวงกว้าง แต่ยังไม่รุนแรงเท่า เพราะ พื้นที่ กทม.ยังมีถนน ทางรถไฟ อาคาร ต่างๆ เป็นเสมือน ฝายน้ำล้น มากมายครับ และเป็นพื้นที่ใหญ่มาก คงไม่ท้วมสูงขนาดนั้น

                         ยึดหลัก กาลามสูตร และอย่าปล่อยให้จิตมันปรุงแต่ง(คิดมาก) เพราะจะทำให้ท่าน ทุกข์ อยู่กับปัจจุบัน อย่าวิตกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ได้แต่ใช้ "สติ-ปัญญ" พิจารณาไตร่ตรอง ว่าเราจะสามารถกระทำอะไรที่ไม่ยุ่งยาก ที่สามารถกระทำได้ ก็กระทำไปเพื่อความสะบายใจครับ

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3495 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2554, 09:23:42 »

โผล่มาแบบไม่บอกล่วงหน้า มาช่วยเติมน้ำให้ภาคหนือตอนล่าง ภาคกลางและภาคอีสาน
โดยมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าว มีฝนตกหนักบางแห่ง


       วันนี้ (14 ต.ค.)สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  
ระบุว่าร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนาม ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักได้บางแห่งบริเวณภาคกลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกในระยะนี้
 
                    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้  

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร แพร่ และน่าน อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.  

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดชัยภูมินครราชสีมา สกลนคร กาฬสินธ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญและอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.  

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.  

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร  

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร  

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร  

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.  
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #3496 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2554, 09:43:19 »


เรียนพี่สิงห์
     ผมติดตามอ่านข้อมูลของพี่และพี่เหยงทุกวันนะครับ
เพราะเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้ว เราจะไปหวังพึ่งรัฐบาลไม่ได้
ทำให้ผมได้เตรียมพร้อมในเรื่องน้ำท่วมมาพอสมควร ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ซื้อน้ำดื่มและอาหารสามารถอยูได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ซื้อถ่านไฟฉาย ไฟแช๊กเพื่อจุดเทียน(กรณี เขาดับไฟ)  ขณะที่ผมไปของที่ท๊อป ด้านล่างของที่ทำงานผม เพื่อนๆที่ทำงานหาว่าผมเป็นกระต่ายตื่นตูม แต่ผมซื้อได้สบายๆ ไม่ต้องแย่งกับใคร  แต่เมื่อวันเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมเห็นเพื่อนๆผม ไปแย่งกันซื้อของกันครับ  ที่ท๊อปหลายๆ สาขาคนเยอะมาก ไม่เคยเจออย่างนี้มาก่อน
            ผมเตรียมพร้อมโดยขนของขิ้นชั้น 2 อย่างเดียว ที่เหลือปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะผมคิดว่า กระสอบทรายและไดรโว้ สูบน้ำออกไปบ้านอื่น ไม่มีประโยชน์ครับ สุดท้ายผมว่า เอาไม่อยู่
ที่เหลือ ก็ต้องทำใจถ้าน้ำท่วมถึงชั้น 2 ครับ

ปล.  บ้านผมอยู่ หลังวัดโคนอน บางกรวย ไทรน้อย 26


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3497 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2554, 10:06:15 »

สวัสดี น้องขุน

ดีใจที่น้องสามารถเอาตัวรอดได้อย่างสบายๆ แลัด้วยการเตรียมตัวล่วงหน้า

นครสวรรค์นั้น น้ำใส่ขวดสีขุ่น ขวดละ 10 บาทแล้วครับ หาซื้อไม่ค่อยจะได้ วางปุ๊บ-หมดปั๊บเลย เพราะเขาเอาไปลูบตัวด้วย เพราะประปายังไม่ไหล ไฟ้ายังดับหลายจุด เนื่องจากหม้อแปลงใหญ่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ ต้องย้ายให้เสร็จสิ้น ถึงจะปล่อยกระแสไฟฟ้าได้

ปัญหาสำคัญในช่วงน่ำท่วมคือ ไฟฟ้าดับ ใช้ห้องน้ำไม่ได้ ประปาไม่ไหล
ห้องน้ำถ้ามีชั้นล่าง ให้น้องหากระสอบทรายไว้สัก 2 ถุง อัดลงไปในโถเพื่อกันมันลอยย้อนกลับ เวลาชักโครกจากชั้น 2
น้ำถังใหญ่ หรือขนาด 5 ลิตร ซื้อไว้เยอะหน่อย ราคาจะถูกกว่าขวดเล็ก จำเป็น 2 ลิตรก็ซื้อครับ

ไฟฟ้าดับนี้สำคัญมาก ถ้ามีเตาแก๊สจะช่วยได้มาก หากไม่มี ถังขนาดปิกนิกก็พอได้ครับ ใช้หุงข้าวแทนหม้อหุงข้าว อุ่นกับข้าวหรือผัดกับข้าวก็ยังพอกล้อมแกล้มไปสัก 1-2วัน จนกว่าไฟฟ้าจะมา

ไฟดับขณะฝนตก ยุงชุม อย่าลืมยากันยุง สัก 2-3 กล่อง เหลือยังบริจาคได้ แต่ไม่มีนอนไม่ได้เลย เพราะต้องเปิดกระจก ไม่เช่นั้นอากาศร้อนอบอ้าวมาก

รองเท้าบู๊ทและเสื้อชูชีพ จำเป็นก็ชื้อไว้ 1 ชุด (ไม่จำเป็นไม่ต้อง) เอาไว้ใช้ในเวลาออกนอกบ้าน ขณะน้ำท่วมสูง ปลอดภัยไว้ก่อนครับ หากไม่มี แผ่นโฟมที่ลูกๆ เคยใช้ว่ายน้ำก็พอได้

ครั้งนี้ทำให้พวกเรารับรู้และเห็นจริง เวลาฟังข่าวว่า พี่น้องคนไทยประสบภัยแล้วจะเป็นอย่างไร มโนภาพจะเกิดทันทีเลย

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3498 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2554, 10:47:36 »


                      เนื่องจากผมติดประชุมถึงบ่ายโมง ขอสรุปโดยภาพรวม คือ

                       - การปล่อยน้ำจากเขื่อนลดลง

                       - น้ำที่ผ่าน จังหวัดต่างๆ ยังใกล้เคียงกันทุกวัน

                       - ปริมาณน้ำที่ผ่านบางไทร วันนี้สูง 3,841 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มากกว่าเมื่อวานนี้ ดังนั้น ปริมาณน้ำที่ ปทุมธานี  นนทบุรี  กทม. ยังสูงมาก อยู่ และเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อวานทุกวัน  นั้นคือสิ่งที่ เกินความคาดหวัง ที่คิดเอาไว้ทั้งนั้น เกินความคาดหวังของกรมชลประทาน กทม. และยังไม่สามารถเอาน้ำจำนวนนี้ลงทะเลได้มากกว่าเดิม ไม่รู้ว่าน้ำไปอยู่ที่ไหน เพราะปริมาณน้ำที่ลงทะเล ยังน้อยอยู่ ณ ปัจจุบัน ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะปริมาณน้ำที่บางไทร มากขึ้นทุกวัน ไม่ลดลงเลย

                 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3499 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2554, 10:54:18 »

อัพเดท พายุโซนร้อน บันยอน Banyan ครับ

น่าจะสบายใจขึ้นระดับหนึ่งครับ พายุหกหัวลงใต้เมืองเว้ (Hue) ของเวียตนาม ส่งผลให้พายุจะพัดเข้าประเทศเขมร โดยผ่านตอนใต้ของ สปป.ลาว และน่าจะมีอิทธิพลต่อเมืองชายทะเลตะวันตกของไทยคือ จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี ศรีษะเกษ ในรูปของดีเปรสชั่น ในวันพุธที่ 19 ต.ค.นี้ โดยเริ่มตั้งแต่ตีหนึ่งเป็นต้นไป ด้วยความเร็วลมประมาณ 20 ถึง 30 น๊อต

      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 138 139 [140] 141 142 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><