21 กันยายน 2567, 04:21:26
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 136 137 [138] 139 140 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3459869 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 40 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3425 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2554, 16:14:06 »

พี่สิงห์ครับ
อ่านบทวิเคราะห์ของ เดลินิวส์ ออนไลน์ ฉบับวันนี้ซีครับ


รายงานพิเศษ เดลินิวส์ วิกฤติน้ำท่วม 2554

น่าแปลกใจ!น้ำท่วมเต็มเมือง แต่สถานีสูบชายทะเล'ระดับน้ำต่ำ'
วันอังคาร ที่ 11 ตุลาคม 2554 เวลา 15:00 น


กว่าน้ำเหนือจะหลากเฉียดผ่านกรุงเทพ มหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ สู่เป้าหมายไหลลงทะเลอ่าวไทยนั้น มวลน้ำจะถูกแบ่งเป็น 2 ทาง ส่วนหนึ่งมาตามลำน้ำเจ้าพระยา คุมการไหลไม่ให้เกิน 3,500 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที อีกทางปัดออกทางขวา ให้เข้าทุ่งรับน้ำด้านตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ตามแนวคลองระพีพัฒน์ คลองรังสิต คลองหกวาสายล่าง คลองบางขนาก คลองนครเนื่องเขต คลองประเวศบุรีรมย์ ระบายสู่แม่น้ำนครนายกและแม่น้ำบางปะกง ลงสู่อ่าวไทย อีกส่วนหนึ่ง ผ่านคลองสำโรง คลองพระองค์ไชยานุชิต และสถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ ก่อนสูบและระบายลงสู่ทะเล

น้ำที่ระบายผ่านช่องนี้ วันละ 36 ล้านลูกบาศก์เมตร รองจากการปล่อยผ่านประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ทำได้วันละ 51 ล้านลูกบาศก์เมตร

น่าแปลกที่ เส้นทางสู่อ่าวไทยทางตะวันออกพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล แต่บางพื้นที่เช่นเขตหนองจอกกลับมีปัญหาน้ำท่วมเพราะน้ำเหนือหลาก เราจึงอาสาสำรวจระบบสูบและน้ำย่านนี้ขีดความสามารถ ของระบบการระบายและการสูบน้ำย่านติดชายทะเลนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการระบายน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันออกตอนล่าง ในความรับผิดชอบของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร มีสถานีสูบน้ำชายทะเลที่สำคัญ ได้แก่ สถานีสูบน้ำชลหารพิจิตร 2 แห่ง  สถานีสูบน้ำคลองด่าน 2 แห่ง, สถานีสูบน้ำเจริญราษฎร์, สถานีสูบน้ำบางปลา, สถานีสูบน้ำบางปลาร้าและสถานีสูบน้ำตำหรุ ซึ่งมีเครื่องสูบน้ำ อย่างน้อยสถานีละ 8 เครื่อง

ที่ถือเป็นพระเอกของย่านนี้ คือ โครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีทั้งคลองรับน้ำจากคลองสำโรง ที่ขุดขึ้นใหม่ กว้าง 48 เมตรยาว 12 กม. พุ่งตรงเข้าสู่อาคารบังคับน้ำ แล้วยกระดับ ด้วยสะพานน้ำ เปรียบได้กับการยกคลองลอยฟ้า สูงเหนือถนนสุขุมวิท 6 เมตร ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 25 ลบ.ม./วินาที จำนวน 4 เครื่อง สามารถสูบน้ำได้สูงสุด 100 ลบ.ม./วินาที ควบคุมการสูบน้ำด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ให้ลงสู่ทะเลได้ สูงสุดวันละ 90,000 ลบ.ม. มีสถานีไฟฟ้าย่อย ขนาด 115  เควี ของตนเอง มีระบบควบคุมระยะไกลในการเปิดปิดประตูระบายน้ำคลองย่อยอีก 22 คลอง และควบคุมการทำงานของเครื่องสูบ ติดตั้งโทรมาตรอุทกวิทยา รายงานข้อมูลด้วยจีพีอาร์เอส มูลค่าการก่อสร้าง 8,700 ล้านบาท

เพื่ออธิบายให้เห็นประสิทธิภาพโครงการ นายช่างชลประทานท่านหนึ่ง ขยายความว่า คนในวงการเรียกสถานี 100 คิว เพราะได้วินาทีละ 100 ลบ.ม. โดยเครื่องสูบเพียงเครื่องเดียว สูบน้ำได้เท่ากับสถานีสูบน้ำคลองด่าน ที่มีเครื่องสูบถึง 8 เครื่อง โครงการนี้ ทำให้ปัญหาการเสียพื้นที่รับน้ำเพื่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2 หมื่นไร่ หมดไป และช่วยให้สนามบินมีความเสี่ยงน้ำท่วมน้อยลงเยอะ

คนที่เคยกังวลหรือนินทาว่าร้าย เกรงจะมีการสูบน้ำออกจากสนามบินมาท่วมบ้าน หรือบางรายหาว่าเป็นตัวการทำให้น้ำท่วมคงต้องถอนคำพูดกันแล้ว

แต่จากการตรวจสภาพการระบายน้ำ กลับพบว่าที่ลำคลองหน้าสถานีสูบน้ำทุกแห่ง ระดับน้ำต่ำกว่าระดับทะเลปานกลางหรือค่าปกติ ถึง 30 ซม. ทั้งที่หลายแห่งกำลังเผชิญสภาพน้ำท่วม โดยเฉพาะย่านหนองจอกอันเป็นเขตใกล้เคียงพื้นที่ระบายน้ำของสถานีสูบน้ำ

“เราสูบทุกวัน ติดต่อกันมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เพื่อพร่องน้ำ รอให้น้ำเหนือมา ก็ยังไม่มาสักที” เจ้าหน้าที่ประจำสถานีทุกแห่งบอกตรงกัน

ถามไปที่กรมชลประทาน หลายคนก็ไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ที่สุดก็มีคำตอบจาก ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชล ประทาน ที่ไม่มีน้ำให้สูบลงทะเล เพราะน้ำจากตอนเหนือไปไม่ทัน เนื่องจากพื้นที่จากเขตลาดกระบัง ถึงชายทะเลมีความลาดชันน้อย ทางกรมชลประทานพยายามใช้ระบบไซฟอนหรือกาลักน้ำช่วยผลักดันแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ผลนัก

ทางด้านสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพ มหานคร มีคำอธิบายว่า  น้ำเหนือที่มาทางด้านตะวันออก ผ่านเขตหนองจอก ลาดกระบัง มีทางระบายได้ 2 สาย โดยสายแรกมาทางคลองสิบสาม เข้าคลองแสนแสบ คลองลำปลาทิว คลองนครเนื่องเขต ไปทางท่าไข่ ท่าถั่ว ลงสู่แม่น้ำบางปะกง อีกเส้นทาง มาตามคลองลำปลาทิว ถึงคลองบางโฉลก ย่านสุวรรณภูมิ คลองจระเข้ใหญ่ คลองสำโรง สู่คลองตัดใหม่ในโครงการชลหารพิจิตร สู่ระบบสูบน้ำ 100 คิว

นอกนั้นเป็นการระบายลงสู่เส้นทางย่อย เช่นคลองด่านการที่ไม่มีน้ำเข้าสู่สถานีสูบน้ำชายทะเล มีคำอธิบายของเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำว่า เป็นเพราะความลาดของคลองมีไม่มากจึงไหลช้า ครั้นจะปล่อยออกทางจังหวัดฉะเชิงเทรามากก็จะมีปัญหากับชุมชนจึงพยายามระบายผ่านคลองลำปลาทิว ลงทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่ส่วนใหญ่ กทม. จะพยายามให้ลงทางคลองแสนแสบ

ฟังจากทุกฝ่าย นำมาเทียบเคียงกับข้อเท็จจริงสิ่งที่เห็นด้วยตาแล้ว ก็ยังเข้าใจไม่ได้ ว่า เหตุใด ทั้งที่มีระบบซึ่งลงทุนไว้มหาศาล จึงไม่ทำให้เกิดประสิทธิภาพ ปล่อยให้คนส่วนหนึ่งจมน้ำอยู่ได้

มีใครกั๊กอะไรไว้ตรงไหนหรือเปล่า??.

วีระพันธ์ โตมีบุญ


http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=711&contentId=168946

      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #3426 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2554, 19:20:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 11 ตุลาคม 2554, 15:30:25
...

                          ทำเจ้าพระยาสอง ตามที่ผมแนะนำ เถิดครับ ช่วยได้แน่ๆ GDP โตอีกด้วย ช่วยสร้างงานได้อีกมาก ครับ

                          สวัสดี

ทำไมคิดเรื่องเจ้าพระยาสองตรงกันกับ ฯพณฯ บรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งกำลังผลักดันอยู่เป๊ะเลยครับ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3427 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2554, 19:35:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 11 ตุลาคม 2554, 14:05:54
อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 11 ตุลาคม 2554, 12:42:31
สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
ตอนนี้กำลังติดตามข่าวน้ำเหมือนกัน
และนึกขอบคุณที่ ๒ วันนี้ฝนไม่ตกมาก
อิฐบล็อกหาไม่ได้เลยค่ะ
อิฐมวลเบากว่าจะได้ก็ต้องออกแรงมากแล้วค่ะ
ตอนนี้อิฐอะเรก็ได้ที่กันน้ำได้ค่ะพิ่สิงห์
คิดอยุ่เหมือนกัน เมื่อเช้าไปลูบดู เป็นเม็ดๆหลุอออกมา ยังนึกอยุ่ว่า แล้วจะทนนำได้นานแค่ไหนนี่
สงสัยต้องฉาบ เมื่อวานช่างเขาก่อแล่วไม่ได้ฉาบ
เพราะมีงานรอให้ก่อบ้านอื่นๆอีกมาก
ของคนอื่นยังไม่ได้ก่อ เราก่อแล้ว ก็ได้ในระดับหนึ่ง
สงสัยพอเขาเริ่มว่างคงต้องให้มาฉาบอีกรอบค่ะ


พี่'อร

อิฐบล๊อคที่ก่อขึ้นมาต้องฉาบหน้าที่สัมผัสกับน้ำ จะกันซึมได้
หากไม่ฉาบต้องหาผ้าพลาสติดมาปิดเอาไว้ เป็นตัวกั้นน้ำซึม
มีอีกวิธีหนึ่ง หากไม่มีช่างคือ ฉาบกันเอง ทุกคนลองทำดูครับ ทำไปก็จะชำนาญได้
เวลาฉาบ ซื้อน้ำยากันซึม หรือ น้ำยาปูนขาว สักแกลลอนหนึ่ง (5 ลิตร) ผสมเข้ากับปูนฉาบจะช่วยกันซึมได้มาก
ใส่ไม่มากครับ มีสูตรติดข้างแกลลอน

แต่ให้ระวังเรื่อง ฝนตก น้ำท่วม แล้วไฟดับเอาไว้ด้วยครับ
ไฟดับนี่น่ากลัวมาก ยิ่งเป็นช่วงเวลากลางคืน น้ำดื่มเป็นถัง ไฟฉาย ไฟแช็ค ยากันยุง เทียน พัด
อย่าลืมยารักษาโรค รวมทั้งยาประจำตัวนะครับ ชนิดที่ต้องมีไว้ใช้มากกว่า 7 วัน

อีกประการคือ เดินรอบบ้านสำรวจปลั๊กไฟ ที่อยู่ที่ต่ำ ว่ายังปลอดภัยหรือจำเป็นต้องตัด เพื่อกันไฟรั่ว
น้ำจะซึมเข้าทางท่อระบายน้ำ มักโผล่ขึ้นในครัว ส่วนนี้เตรียมอุดและใช้กระสอบทรายทับเอาไว้
กันน้ำดันย้อมกลับ จนท่วมในบ้านด้วยครับ

หากไฟฟ้าไม่ดับ แต่ออกไปไหนไม่ได้ อาหารสำเร็จทั้งมาม่า และที่ใส่ไมโครเวพ มีติดตู้เย็นไว้บ้างก็ดี
กะเอาไว้อย่างน้อย 3 วัน

ขอบคุณมากค่ะน้องเหยง สำหรับคำแนะนำ
พี่จะลองตามช่างมาดูอีกที หากไม่ฉาบแช่น้ำคงไม่รอดใช่ไหมคะ
หรือหาซื้อผ้าพลาสติกมากันไว้อีกที
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3428 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2554, 19:46:17 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 11 ตุลาคม 2554, 13:05:18
สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก

                       อย่าลืมก่ออิฐฐล๊อกนั้น มันกั้นน้ำไม่ให้ซึมผ่านได้ แต่ต้องรับแรงดันจากน้ำได้ด้วย คือต้องใช้น้ำหนักตัวมันเองด้วย ก่อแผ่นเดียวเกินสามชั้น ไม่น่าจะอยู่ครับ กรณีทำสูงๆ ต้องทำสองหรือสามชั้น และที่ฐานต้องมีกระสอบทรายเป็นน้ำหนักถ่วงแรงตามแนวราบครับ อย่าลืมคอนกรีตมีแรงยึดเกาะไม่เกิน 15 ksc. นั้นอย่าชะล่าใจ สูงๆ ให้วางกระสอบทรายซ้อนด้านหลังให้เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก จะได้ต้านน้ำอยู่ครับ

                        อดทนไว้ขอให้โชคดีครับ  พี่สิงห์ยังซื้อไดรโว่ไม่ได้ แต่ทางร้านให้แวะไปเย็นๆ เขาจะนำมาเพิ่ม ครับ

                        สวัสดี

สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
ได้ไดโว่แล้วหรือยังคะ
ที่ได้มาเป็นของไต้หวัน ยี่ห้อ tsurumi ขนาด ๒ นิ้ว ราคาห้าพันกว่าค่ะ
จะใช้การได้ดีหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่ก็ดีกว่าไม่มี
 พี่สิงห์ลองหายี่ห้อที่น้องเหยงใช้สิคะ น่าจะดี ใช้งานได้ทนค่ะ
พี่ได้ทรายหรือยังคะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3429 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2554, 21:06:58 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก

                      พี่สิงห์ซื้อเครื่องไดรโว่ได้แล้ว เป็นของอเมริกาและแคนนาดา ร่วมกันเพราะมีธงชาติและเครื่องหมายรับรองคุรภาพ ขนาด ๒ นิ้ว ราคา 3,200 บาท บวกค่าสายอ่อนม้วนได้อีก 600 บาทรวมเป็น 3,800 บาทครับ พ่อค้าเขาใจดีพอมีของก็โทรศัพท์ให้ไปเอาเลยเพราะเขาได้มา ๕ เครื่อง มีคนจองมา ๔ เครื่อง ตอนนี้เหลือเพียงรอลูกน้องที่ PSTC นำกระสอยทรายมาให้ในวันพรุ่งนี้ครับ จากสระบุรี
                     และวันนี้ คุณนิรันดร์ แห่ง ST Group สูงเนิน โคราช มาเอารถพี่สิงห์ไปเก็บแล้ว จึงไม่มีอะไรห่วงแล้วครับ และต้องอยู่กรุงเทพฯ โดยไม่มีรถใช้ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย อยู่บ้านจะได้มีเวลาปฏิบัติธรรมมากขึ้น แต่จริงๆ แล้วอยู่หน้าจอมากกว่าครับ

                     ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3430 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2554, 21:39:43 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 11 ตุลาคม 2554, 19:20:55
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 11 ตุลาคม 2554, 15:30:25
...

                          ทำเจ้าพระยาสอง ตามที่ผมแนะนำ เถิดครับ ช่วยได้แน่ๆ GDP โตอีกด้วย ช่วยสร้างงานได้อีกมาก ครับ

                          สวัสดี

ทำไมคิดเรื่องเจ้าพระยาสองตรงกันกับ ฯพณฯ บรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งกำลังผลักดันอยู่เป๊ะเลยครับ

                     ผมไม่ได้ดู TV ตลอดเห็นคุณบรรหาร  พูดเสนอว่า ต่อไปนี้ทางรัฐบาลต้องจัดงบให้ทุกจังหวัดทำเขื่อนถาวรกั้นน้ำ  เอาอีกแล้วจะทำให้ กทม.จมน้ำ และประชาชนนอกเขื่อนรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อเพิ่มขึ้น เพราะน้ำมันจะไปไหนได้ ครับ มีแต่เขื่อนกั้น  ถนนกั้น ต่อไปประชาชนต้องปลุกบ้านชั้นสองสูงมากกว่า ๕ เมตรแล้วครับ  
                     ผมไม่เข้าใจความคิดแกเลยที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชนเสียเลยคิดแบบพล่อยๆ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์มาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ เมื่อทำเขื่อนกั้นเขตเศรษฐกิจ ครบด้วยเงินมหาศาล สมมติแต่ละจังหวัดใช้สร้างเขื่องจังหวัดละ ๑๐ กิโลเมตร ราคาค่าก่อสร้าง = 10*1000*40000 = 400,000,000 บาท เป็นอย่างน้อย และบรรดาเขตอุตสาหกรรม ต้องใช้มากกว่า สิบกิโลเมตร เอาเงินที่ไหน และคำถามคือ ประชาชนที่อยู่นอกเขื่อนจะได้รับผลกระทบจากน้ำท้วม สูงกว่าเดิม กทม.ก็ต้องทำเขื่อนให้สูงกว่าเดิมทุกปี เพราะน้ำไม่มีที่ไป ครับ ต้องแก้ให้ถูกจุด

                       วาน ดร.สุริยา นำคุณ.....ไปสาบายต่อหน้าพระแก้วมรกต ไหมล่ะ ว่าท่านเป็นคนสั่งการกรมชลประทานให้ปล่อยน้ำไปสุพรรณบุรีในปริมาณที่น้อย  ทุกคนจำได้ไหม ตอนที่น้ำท้วมใหม่ๆ นายช่างที่ควบคุมประตูระบายน้ำทศพล ที่เปิดประตูน้ำไปสุพรรณบุรี ต้องขออนุญาติผ่าน TV เพราะถ้าไม่เปิดประตูทศพลเดี๋ยวนี้ ด้วยความแตกต่างของระดับน้ำ จะทำให้ประตูระบายน้ำทศพลพังแบบบางโฉมศรี และนายช่างก็เปิดประตูทันทีไม่รอคำตอบเพราะวิกฤต ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

                        ผมยังยืนยัน นอนยันคนที่ทำให้เศรษฐกิจฉิบหายครั้งนี้ คือ.......  ที่เข้าไปก้าวก่ายกรมชลประทาน โดยผิดกฏหมาย เพราะทุกปีที่ผ่านมากรมชลประทานจะระบายน้ำเข้าทุ่งตะวันตกและทางสุพรรณบุรี เสมอ เราจึงเห็นภาพปกติคือทุ่งตะวันตก สุพรรณบุรี น้ำท้วมสูง แต่ปีนี้ไม่ท้วมเลยแถมบางพื้นที่กำลังเตรียมปลูกข้าวครั้งใหม่เพราะรู้ว่าน้ำจะไม่ท้วมสุพรรณบุรีปีนี้ ครับ สองคือท่านอธิบดีกรมชลประทาน ควรจะลาออก เพราะท่านอ่อนเกินไปยอมให้นักการเมืองมาก้าวก่ายงานที่ตัวเองรู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ไม่สามารถกระทำได้ตามนั้น  สามท่านนายกรัฐมนตรี เพราะท่านเป็นผู้บริหารสูงสุด แต่ท่านไม่รู้เรื่อง มาแก้แต่ปลายเหตุ ไม่แก้ที่ต้นเหตุุ คือการบริหารจัดการน้ำไม่ให้เขตเศรษฐกิจเสียหาย ท่านไม่ได้ดูแล สั่งการอะไรเลย ท่านยกให้......จัดการเบ็ดเสร็จ มันจึงเป็นอย่างที่เห็น

                         ผมเชื่อว่า ทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว  ใครทำอะไรไว้กับประชาชน  ย่อมได้รับผลกรรมอันนั้นในกรรมที่ก่อเอาไว้ในครั้งนี้มันแสนสาหัสจริงๆ ตัวคนสั่งเองก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนี้ ผมเชื่อว่าเมื่อ คนทำผิดเอาไว้ เห็นภาพความเดือดร้อนจากประชาชนแล้ว จากการกระทำของตน ผมเชื่อว่า ตอนนี้คนที่ทุกข์ที่สุด คือ คุณ....... ที่สั่งการ  และท่านอธิบดีกรมชลประทาน เพราะท่านทั้งสองรู้ความจริงว่าได้ทำอะไรเอาไว้กับประชาชนและประเทศชาติในครั้งนี้ โดยคิดไม่ถึง เพราะว่าภาพนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้  แต่ด้วยทิฏฐิที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว และรู้ด้วยว่าทำผิดมหันต์ มันจะเป็นภาพหลอกหลอนท่านทั้งสองไปจนตลอดชีวิต  จนกว่าจะตาย  ลบก็ไม่ออก ตรอมใจแน่นอนครับ น่าสงสารจริงๆ บุคคลทั้งสองนั้น

                         สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #3431 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2554, 22:01:35 »

พี่สิงห์,
เมื่อกี้หนิงได้โทรคุยกะพี่ชาย
เค้าโกรธและรำคาญความอืดอาด
ของรัฐบาลที่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่
ควรจะฉับไวต่อปัญหาน้ำท่วม...

เค้าบอกว่าเรื่องนี้ไม่ไช่เรื่องของตำรวจ
ไม่ไช่เรื่องของนักรัฐศาสตร์ที่ bla blaไม่รู้เรื่อง
แต่เป็นเรื่องของengineerแท้ๆที่มีอยู่มากมาย
ที่กรมโยธาฯ หรือที่กรมชลประทาน...ที่ควร
ให้อำนาจคนเหล่านี้ได้ทำงานที่ตนถนัด
มอบอำนาจได้ ให้มอบไปเลย ไม่ไช่มัวไป
ขอบคุณฮุนเซ็น หรือบ้านหลังแรกรถคันแรก
บ้าบอคอแตก...

นี่แหละพี่สิงห์ พี่เค้าว่ายังงี้
แถมท้ายอีกนิด...นานๆน้องหนิงโทรที
ขอพี่แกพูดหน่อย..ว่ากทม.มีแต่ถมสร้าง
สร้างถนน สร้างหมู่บ้าน สร้างที่อยู่
ไม่มีทาง ไม่มีคลองให้น้ำไหลผ่าน

ฝายกั้นน้ำที่มีก็แบบเล่นๆไม่สูง ขัง2-3ก็ละลาย
ไหลตามน้ำหมด...ต้องขุดคลองขุดคู ขุดทางออก
ให้น้ำออกได้...อะไรกันกทม.สมัยก่อนสัญจรทางน้ำแท้ๆ


ก่อนพี่ชายหนิงจะหมั่นเขี้ยวคุยต่อ
หนิงเกือบหลุด"นี่เลยพี่,มาคุยกะพี่สิงห์
รับรอง ต้องได้อะไรสักอย่างสองอย่าง
เรื่องนี้ล่ะ" อ่านมาจากพี่นี่แหละจำได้
ว่าขาเดียวกันแน่ๆ


หนุงหนิงน้องพี่ไข่
      บันทึกการเข้า


suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #3432 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2554, 22:07:28 »

ไม่น่าไปแหย่รังแตนเลยเรา
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #3433 เมื่อ: 11 ตุลาคม 2554, 22:11:09 »

จำได้อีกนิด,
พี่เค้าเอ่ยถึงมหาจำลอง
สมัยเป็นผู้ว่าฯกทม.ว่า
มีการเสนอให้ขุดคลอง
ขุดคู สำหรับรับน้ำเหนือ
ไหลลงทะเล...ถูกบูววววว
ว่าไม่ได้ความสู้ถมที่ทำถนน
ทำเขตอยู่อาศัยไม่ได้..

อ้อพี่เค้าพูดถึงคลอง4-6ที่ขุดใหม่ที่หาดใหญ่
เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม...ต้องแบบนั้นคะ
น้ำต้องมีทางออก ให้ไหลลงทะเลได้รวดเร็ว

พี่เค้าพูดถึงที่กั้นน้ำที่เนเธอแลนด์หรือประเทศ
เบเนลักซ์ ที่เค้าทำจริง มั่นคงแข็งแรง ไม่ไช่ดิน
1-2เมตร ไม่เสริมหิน เสริมซิเมนต์ข้างใน
แบบนี้น้ำมากั้นไม่กี่วันไหลตามน้ำหมด!


อืมมมคะ
หนิงค้นหนังลักษณะนี้ดีกว่า
จะได้ตามที่พี่ไข่พูดถึง...ทัน!
engineerชอบพูดอะไรกันก็ไม่รุ
      บันทึกการเข้า


เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3434 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 07:46:53 »

ข่าวจาก ฐานเศรษฐกิจ ออนไลน์ ในเช้านี้ และทราบจากโทรศัพ์ว่า สี่แยกสะพนาเดชาฯ การจราจรเป็นอัมพาตยาวไปกว่า 5 ก.ม. เพราะรถไม่สามารถขยับเคลื่อนที่ได้เลย เนื่องจากทุกแยกใหญ่มีน้ำเอ่อท่วมบนผิวถนน

ผู้มีกิจธุระจะขึ้นเหนือ ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปใช้เส้น ตาคลี-พิจิตร-เขาทราย-พิษณุโลก แล้วขึ้นเหนือหรือล่องใต้ครับ

นครสวรรค์ยังวิกฤตน้ำท่วมถนนแยกพิจิตร-พิษณุโลกสูง70ซม.
วันพุธที่ 12 ตุลาคม 2011 เวลา 06:59 น. ณัฐญา เนตรหิน

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดนครสวรรค์ยังวิกฤติ หลังจากเมื่อคืนนี้  (11ต.ค.) คันดินคอสะพานเดชาติวงศ์พัง ทำให้น้ำท่วมถนนสายเอเชียไปถึงหน้าบิ๊กซี  ซึ่งเจ้าหน้าที่เร่งนำหินคลุกมาลงเพื่อแก้ปัญหา และเพิ่งเคลียร์ได้เมื่อ 06.00น.วันนี้ (12ต.ค.) โดยด้านหน้าซอยสวรรค์วิถีมีการวางหินคลุกไว้ทั้งหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดแยกสะพานเดชาติวงศ์จนถึงถนนแยกพิจิตร-พิษณุโลก ระดับน้ำขยายไปถนนสายเอเชีย ทำให้ถนนแยกพิจิตร-พิษณุโลกน้ำท่วมสูง 60-70เซ็นติเมตร  ระดับน้ำถนนสายเอเชียตั้งแต่แยกบิ๊กซีเป็นต้นไป รถเล็กไม่สามารถผ่านได้แล้ว  ส่วนบริเวณหน้าโรงแรมพิมานน้ำท่วมสูงขึ้นถึงบันไดทางเข้า  และบริเวณอุทยานสวรรค์น้ำท่วมด้านข้างทั้งหมดแล้ว

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=87858&catid=176&Itemid=524
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3435 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 07:53:39 »

          กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 12 ตุลาคม 2554  ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  
ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น

ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้บริเวณดังกล่าว มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดระนอง พังงาภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้  อนึ่ง ในระยะ 1- 2 วันนี้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีฝนลดลง

 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
 
ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก และพิจิตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค บริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3436 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 08:11:56 »






 
จำภาพเหล่านี้ไว้ ทำให้ท่านมีความรู้ เอาไปใช้ประโยชน์ได้ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3437 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 08:22:23 »


วัตถุประสงค์

                    - เร่งระบายน้ำทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ในฤดูน้ำหลาก ลงทะเลเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่าจากเดิม

                    - ขยายเขตเศรษฐกิจ  ได้เมืองใหม่ให้คนมีที่อยู่อาศัย ได้เขตอุตสาหกรรม โดยไม่ต้องไปแย่งพื้นที่เกษตรที่มีอย่างจำกัด

                    - มีน้ำประปา และน้ำใช้เพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี ลดการเจาะบ่อบาดาล

                    - ไม่ต้องลงทุกมากนัก เพราะเราจะพัฒนาที่ดินสองฝั่งแม่น้ำใหม่ที่เป็นผลจากการขุดดินขึ้นมาและถมดินลงสองฝั่งแม่น้ำ นำไปจัดสรรค์ที่อยู่อาศัย ตัวเมือง เขตอุตสาหกรรม ฯลฯ

                     - เป็นการเพิ่ม GDP ของประเทศอย่างมหาศาล โดยไม่ต้องลงทุนมาก ดีกว่าการเอาเงินไปทำถนน ทำเขื่อน ซ่อมแซม ช่วยเหลือตอนน้ำท้วม มากมายมหาศาลมากนักในแต่ละปี ๆ
หลักการ

                       โดยปกติดินที่อยู่ตามธรรมชาติจะอัดแน่น เมื่อขุดออกมาแล้วถมลงไปใหม่จะขยายตัวได้มากกว่าเท่าครึ่ง สมมติ เราขุดแม่น้ำลึก ๑๐.๐๐ เมตร กว้าง ๑๐๐ เมตร เราจะได้ที่ดินถมโดยประมาณทั้งสองฝั่งแม่น้ำที่ถมสูง ๑.๕๐ เมตร เราจะได้ที่ดินกว้างฝั่งละ ๕๐๐ เมตร นำมาพัฒนาเพื่อขายเอาเป็นเงินค่าขุดแม่น้ำ และเวนคืนที่ดิน ครับ

วิธีการทำ

                      - เวนคืนที่ดินตามแนวทางที่แม่น้ำตัดผ่าน ด้วยความยุติธรรม ตรงสู่ทะเลให้มากที่สุด สายตะวันตกเริ่มจากอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพราะว่าแม่น้ำเจ้าพระยานั้นพอเลยจากอำเภอพรหมบุรีขึ้นไปทางเหนือแม่น้ำเจ้าพระยาจะกว้างมาก แต่จากอำภเภอพรหมบุรีจะเลยไปเป็นคอขวดเมื่อเข้าสู่จังหวัดอ่างทอง อยุธยาตัวเมือง และขยายออกที่บางไทร อยุธยาจึงรับน้ำเต็มๆ ไปลงทะเลแถวๆ บางบอน บางขุนเทียน หรือเกือบถึงสมุทรสาคร
  
                      - ให้สิทธิผู้ที่แม่น้ำตัดผ่านที่ดิน สามารถซื้อที่ดินที่พัฒนาแล้วในราคามิตรภาพกลับคืน

                      - ประมูลที่ดินที่พัฒนาแล้ว หรือยัง ให้เอกชนสนใจมาลงทุนขุด พัฒนาที่ดินเป็นแปลงๆ เองตามแบบที่กำหนด

                      - ทำโครงการด้วยความโปร่งใสจริงๆ ไม่มีผลประโยชน์ แอบแฝง

                      - ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลแท้จริง ได้มีส่วนร่วมในการทำ แล้วจะสำเร็จ อย่ามุบมิบเผด็จการ

                      ผมขอเสนอคร่าวๆ แบบนี้ไปก่อน เพื่อให้ทุกท่านนึกภาพออก ในส่วนรายละเอียดนั้นมันมีมากมหาศาล ขอให้เป็นไอเดียสั้น ๆ ให้สามารถเข้าใจได้ถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ทิศทางการหาเงินเอามาลงทุนขุดแม่น้ำ และผลกระทบกับคนจำนวนมากที่จะต้องโดนเวนคืนที่ดิน แต่ก็คุ้มสุดคุ้ม ตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมาประเทสไทยไม่เคยมีการขุดแม่น้ำเพิ่มเลย มีแต่ถมคลองที่พระองค์ท่านขุดเอาไว้เพื่อป้องกันน้ำท้วม กทม.เสียอีก จะช้าจะเร็วก็ต้องขุดครับ เพราะมันจำเป็นต่อการลดปัญหาน้ำท้วมซ้ำซาก จริงๆ ผมยังเชื่อมั่นว่าใช้เงินลงทุนน้อยกว่า เอาเงินไปถมถนนเพิ่ม ซ่อมถนน ทำเขื่อนป้องกันน้ำท้วม และเงินช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท้วม เงิมซ่อมแซมต่างๆ นาๆ และการเสียโอกาสในการทำธุรกิจทางการเกษตร และอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท้วม และระดับน้ำมันจะท้วมสูงขึ้นทุกปี เป็นอย่างนี้ ดังเช่นที่ท่านเห็นภาพตาม TV อยู่ในขณะนี้

วิธีก่อสร้าง

                      - ทำแบบซื่อๆ เลย ระดมรถขุด(แบคโค) รถบรรทุก  รถเกรด  รถแทรกเตอร์ รถบดถนน ขุดแล้วเอาไปถม บดอัดให้แน่น เครื่องจักรในประเทศมีเพียงพอ เป็นการจ้างงานได้มหาศาล เพิ่ม  GDP ให้กับประเทสแบบก้าวกระโดด

                       - ทำดีหน่อยเพื่อให้ถูกลง เอารถกิ้งก่า (เรียกตามสมัยที่ผมเป็นเด็ก ที่กรมชลประทานมาขุดคลอง) มาเปิดหน้าดิน เอาดินไปถม บดอัด เป็นแนวตวามความกว้างที่ได้ประมาณการเอาไว้ ขุดลึกจนถึงน้ำ หรือรถไม่สามารถทำงานได้อีกแล้ว ในแม่น้ำใหม่จะมีน้ำ ซึมขึ้นมาหรือเิปดน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้า ใช้เรือดูดดิน-ทราย โดยเฉพาะ(ตามที่ท่านเคยเห็น DUBAI ใช้เรือดูดทรายในทะเล แล้วเอาไปพ้นออกถมเป็นพื้นดินใหม่) ขึ้นมาผ่านท่อที่เคลื่อนย้ายได้ เอาไปพ้นลงในพื้นที่ที่ต้องการจะถม ทั้งสองฝั่ง  ผมเชื่อว่าเตรียมการดีๆ ปีเดียวเท่านั้นครับ เราก็ได้แม่น้ำเพื่อระบายน้ำสายใหม่แล้ว

                       - จากนั้น พัฒนาที่ดินตาม Master Plan วางถนน ประตูระบายน้ำ ไฟฟ้า  ประปา เขตเมื่อง เขตราชการ เขตบ้านพักอาศัย เขตอุตสาหกรรม ท่าเรือ
 
                       - ทำประตูเปิดปิดแม่น้ำ(เขื่อน) ตรงจุดที่ระบายออกทะเล  และถ้าเป็นไปได้ตรงจุดที่บรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อว่าหน้าแล้งมีน้ำใช้ตลอดปี และป้องกันน้ำทะเลเข้ามา หน้าน้ำระบายน้ำออก

                       - จะเพิ่มแหล่งทำมาหากินให้กับคนจำนวนมหาศาล ในยามเศรษฐกิจโลกตกต่ำเป็นอย่างดี ครับ

                       - สมัยโบราณ เราสร้างเมือง สร้างที่อยู่อาศัย ริมแม่น้ำเสมอ ครับ

                       - ค่าขุดดินเอาไปถมใหม่นั้น cu.m. ละไม่เกิน 300 บาท สมมติแม่น้ำยาว 150 กิโลเมตร ใช้เงิน = 300*100*10*150*1000 = 45,000 ล้านบาท ครับ  น้อยกว่าเงินที่จะต้องชดใช้ให้กับชาวบ้านที่ถูกน้ำท้วมในปีนี้เสียอีกครับ ที่แพงคือค่าเวณคืนที่ดิน แต่อย่าลืมสมมติเราขายที่ดินที่พัฒนาแล้ว ตารางวาละ 5,000 บาท คิดอย่างไรก็ได้กำไร อยู่ดีครับ ไม่เชื่อลองให้ ดร.สุริยา หรือคุณพรชัย หรือนักพัฒนาที่ดินมาตีราคาดูจะพบ ว่าไม่ต้องลงทุนอะไรมากเลยจริงๆ กำไรเห็นๆ

                       - เพียงแต่ ต้องประชาสัมพันธ์ให้คนไทยทั้งประเทสเข้าใจและมีความจำเป็น ที่จะต้องมีเจ้าพระยาสายใหม่ เราไปแก้ไขในสิ่งที่ไม่เป็นระเบียบผิดธรรมชาติ คือบรรดาถนน บ้านจัดสรรค์ อุตสาหกรรม ที่ขวางทางน้ำ แย่งพื้นที่แก้มลิงตามธรรมชาติ ไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีนี้ละครับ จะเป็นวิธีที่ยั่งยืน ไม่ใช่ปล่อยให้กรมทาง กรมชล เทศบาล เมือง วัด ศูนย์ราชการ อุตสาหกรรม มาทำเขื่อนให้สูงขึ้นทุกปี อุดจาดสายตา แต่ประชาชนรอบนอกยังน้ำท้วมทุกปีเหมือนเดิมและหนักยิ่งขึ้น เสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการขุดแม่น้ำใหม่เพื่อระบายน้ำทิ้งเสียอีกเพียงปีเดียวเท่านั้น และแก้ปัญหาไม่ได้อยู่ดี ครับ ตรองดูด้วยปัญญา ครับ

                         คิดอย่างไรก็คุ้มค่ากับการลงทุนครับ ขอให้ทุกท่านตรองด้วยปัญญา ตามหลัก กาลามสูตร ครับ

                         สวัสดี
                         มานพ   กลับดี
                         9  ตุลาคม 2554


                       บทความนี้ ผมได้ส่งไปให้ท่าน สว.ชรินทร์  หาญสืบสาย  ดร.หร่ง  ดร.เอก แห่งสถานีวิทยุ FM 99 อสมท. ครับ ช่วยกันเผยแผ่ออกไปครับ  อย่าปล่อยให้นักการเมืองทำไม่ดี สร้างความเดือดร้อนกับเราและประชาชนอีกต่อไปเลยครับ เพราะท่านเหล่านั้น คิดแต่ประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก มาหลอกเอางบประมาณไปใช้ในการเลือกตั้ง และร่ำรวยขึ้นจากการเป็นนักการเมือง เมืองไทยครับ
                         ผมเองไม่ให้ความเคารพ นักการเมืองไทยเลย เพราะผมไม่เคยโกงประชาชน หรือคอรัปชั่น ยังมีความดีอันนี้อยู่ แต่นักการเมืองเมืองไทยไม่มีเพราะเขาถือว่า มันเป็นอาชีพของเขา ที่เขาจำเป็นต้องหาเงินด้วยวิธีแบบนั้น

                         ท่านขุน  สงสัยช่วงนี้วิปัสสนู มันเล่นงานผมในเรื่องความคิดครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3438 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 08:52:45 »

                       วันนี้เพื่อนฝูงส่ง email มาบอก เพื่อนร่วมรุ่น วศ.รุ่น ๕๔ คุณวันชัย  ภาครัตน์  ได้รับแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรีเป็นอธิบดีกรมทางหลวงแผ่นดิน คนใหม่ (รับรองรวยแน่ๆ เพราะจะได้รับงบประมาณในการบูรณะถนนสายหลักใหม่ทั้งหมด และต้องหาเงินให้พรรคเพื่อไทยและรัฐมนตรีคมนาคม  นี่ละสร้างทุกข์ให้ตัวเอง กับเกียรติที่ได้รับ แต่มนุษย์ถือว่าเป็นเรื่องปกติ)

                       เท่ากับเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นใหญ่อยู่คือ ดร.ประสาน ผู้ว่าธนาคารชาติ ณรงค์ศักดิ์  ผู้ว่า กฟภ. อาทร  ผู้ว่า กฟน. วิฑูรย์  ผู้ว่า การเคหะฯ  วันชัย  อธิบดีกรมทางหลวงแผ่นดิน และวิเศษ  อดีตผู้ว่า กปภ. ที่เกษียณไปแล้ว เป็นรุ่นที่ต้องจดจำมากที่สุด ในประวัติศาสตร์

                       หวังว่าทุกท่านคงรู้ว่า จะเอาตัวรอดอย่างไร ? เพราะสามารถแรกเปลี่ยนประสพการณ์กันได้ และเป็นทีมนำพาชาติให้รอด

                       ดร.สุริยา  ปีนี้เราสบายกันแล้ว จัดกอล์ฟการกุศล สบายมาก ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3439 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 09:18:24 »

บุคคลที่น่าสงสาร !!!

                       ผมเชื่อว่า บุคคลที่น่าสงสารที่สุดสำหรับประเทศไทย ตอนนี้คงหนีไม่พ้นคุณบรรหาร  ศิลปอาชา และท่านอธิบดีกรมชลประทาน ครับ เพราะท่านทั้งสองทราบดีในผลที่ตนเองได้สั่งการลงไปในการบริหารจัดการน้ำปีนี้ เพราะท่านทั้งสองโดนสังคมลงโทษแน่ๆ และท่านทั้งสองไม่สามารถลบภาพที่ท่านเห็น  นึกไม่ถึงว่ามันจะมีผลกระทบมากแบบนี้  ออกไปจากจิตของท่านทั้งสองได้ มันจะเป็นภาพหลอน ตรอมใจ หลอกตัวเอง ให้ได้รับทุกข์ไปตลอดชีวิต จนกว่าจะตาย เพราะมันเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยไปแล้ว และท่านทั้งสองก็รู้ตัวดีว่า ท่านทั้งสองได้ทำกรรมแก่คนไทยและนักลงทุนต่างชาติ  ถ้าย้อนเวลาได้ ผมเชื่อว่าท่านทั้งสองอยากย้อนเวลาเป็นอย่างยิ่งครับ

                        สวัสดี


หมายเหตุ

                        อธิบดีกรมชลประทาน ท่านคงละอาย บรรดานายช่างลูกน้องตัวเองอยู่ที่ท่านไม่รับฟังข้อมูล หรือบรรดานายช่วงประท้วงเงียบทนเห็นสภาพน้ำท้วมไม่ได้  จึงยังไม่สามารถเข้าไปดูข้อมูลปริมาณน้ำที่ระบายตามเขื่อนและระดับน้ำที่จังหวัดต่างๆ ที่ถูกน้ำท้วมได้ครับ

                        การระบายน้ำจากเขื่อนต่างๆ คงใกล้เคียงเมื่อวาน และระดับน้ำตามจังหวัดต่างๆ ยังคงสูงขึ้นนิดหน่อย อย่างเก่งถ้าไม่สูงขึ้น คงเท่าเมื่อวาน  คิดในแง่ปัจจุบัน เมื่อวานท่านยังรับได้  สถานการณ์วันนี้ก็เป็นเช่นนั้น ครับ

                        วันนี้จะเป็นวัน D-Day ที่น้ำจะเข้าท้วมกรุงเทพมหานคร ในจุดที่พื้นที่เปราะบาง ครับ ขอให้ระวังกันเอาไว้ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3440 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 09:55:48 »


                       คลองชลประทานเดิม ที่กรมชลประทานได้ขุดเอาไว้ นั้นแคบ ไม่ลึก ใช้งบประมาณรัฐบาลอย่างเดียว มันจึงได้เพียงคั้นกั้นน้ำ และถนนเรียบคลองที่ขุด และสูง กับมีที่เหลือเป็นเขตทาง เพราะถมสูงให้เป็นคันกั้นน้ำ ส่วนถนนนั้นเป็นผลพลอยได้  ถ้าทำแบบเดิมรัฐบาลต้องลงทุนมหาศาล ตามที่ ดร.สุริยา นำข่าวมาบอกว่า คุณบรรหาร ได้เสนอการขุดเจ้าพระยา ๒

                       มันต่างกับหลักการของผม ที่ขุดเจ้าพระยา ๒ เพื่อการระบายน้ำเขตภาคกลางมากกว่า 1,000 ลุกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อขยายเขตเมือง เศรษฐกิจ สร้างงานเพื่ม GDP ให้ประเทศ แต่ใช้เงินจำนวนน้อย เพราะเราจะนำดินที่ขุดขึ้นมาถมพัฒนาเป็นคันกั้นน้ำ(ไม่สูงมากนัก) ถนน เขตเมือง ศูนย์ราชการ เขตที่อยู่อาศัย เขตนิคมอุตสาหกรรมสองฝั่งแม่น้ำ โดยมีเขื่อนควบคุมน้ำทั้งต้นทางและปลายทาง โดยเอาที่ดินขายกลับคืนให้ผู้ที่สนใจมาลงทุนพัฒนาที่ดิน มันจะใช้เงินไม่มากได้กำไรกับมาภายหลัง ครับ



ทำไม !!! จึงขุดเจ้าพระยา ๒ เพื่อระบายน้ำลงทะเลให้มากขึ้น

                       - ผมไม่สามารถหยุดการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท้วม ตามเขตเศรษฐกิจต่างๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้
                        - ผมไม่สามารถหยุดกรมชลประทาน ที่จะต้องเสริมคันกั้นน้ำ ตั้งแต่ชัยนาท ถึงอ่างทอง และเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ให้สูงกว่าเดิมขึ้นไปอีกเพื่อป้องกันน้ำล้นตลิ่ง ได้
                        - ผมไม่สามารถหยุดกรมทางหลวงแผ่นดิน กรมทางหลวงชนบท ที่จะต้องเสริมความสูงถนนให้เพิ่มสูงขึ้นจากเดิม เพื่อป้องกันน้ำท้วม ได้
                        - ผมไม่สามารถออกกฏหมาย ให้ผู้ที่จะพัฒนาหมู่บ้านจัดสรรค์ เขตอุตสาหกรรม ให้จัดหาพื้นที่ในโครงการของตน ต้องมีพื้นที่รับน้ำเสีย ฝนตก น้ำท้วม เป็นแก้มลิงธรรมชาติอยู่ในเขตพื้นที่พัฒนา 25% ได้
                        - รวมทั้งผมไม่สามารถหยุด อบต. ประชาชน ที่จะถมดินป้องกันน้ำท้วมตนเอง ได้
                        - ผมไม่สามารถให้ชาวนากลับไปปลูกข้าวเมล็ดสั้น ข้าวนาปี หนีน้ำท้วม ตามที่บรรพบุรุษเคยกระทำมาในอดีต ได้
                        - รัฐบาล แก้ไม่ตรงจุด ได้
                          ด้วยเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ ผมจึงเป็นห่วงประชากรส่วนใหญ่ที่อยู่ริมแม่น้ำภาคกลาง ที่อยู๋นอกคันกั้นน้ำ อยากจนจำนวนมหาศาล และชาวกรุงเทพมหานครที่จะได้ผลกระทบจากน้ำท้วมสูงมากขึ้นๆ ทุกปี ครับ
                          มันเป็นหนทางเดียวจริงๆ สามารถกระทำได้  ทุกท่านแต่งตั้งให้ผมเป็นหัวหน้าโครงการซิครับ รับรองโปร่งใส มีจิตอยู่เหนือนักการเมือง ทำเพื่อประชาชนจริงๆ ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น ในชาตินี้พอแล้วครับ ขออยู่อย่างพอเพียง จิตที่สงบ สุขมากกว่า เกียรติยศ  ชื่อเสียง เงินทอง ของนอกกายเสียอีกครับ

                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3441 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 11:58:55 »

พี่สิงห์

มีข่าวว่าเขื่อนภูมิพลจะลดการปล่อยน้ำลงวันละ 10-15 ล้าน ลบ.ม จากเดิมที่ปล่อยออก 100 ล้าน ลบ.เมตร/วัน
โดยแจ้งว่า ฝนในภาคเหนือลดน้อยลง
แต่มีน้ำจากแม่น้ำวังไหลมารวมแม่น้ำปิง เป็น 115 ลบ./วัน นั่่นคือ ลดลงในส่วนของแม่น้ำวัง
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3442 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 13:16:07 »

วันนี้ พุธที่ 12 ตุลาคม 2554 วันพระขึ้น 15 ค่ำ วันออกพรรษา
ทางจันทรคติ
ตั้งแต่วันนี้ไป น้ำจะเต็มท้องน้ำและนองตลิ่ง จนไปถึงวันลอยกระทง (พฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน 54)
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3443 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 13:49:19 »

แนวความคิดของ กพร. ในการตั้งกระทรวงน้ำคือ

เดิม งานเกี่ยวกับน้ำมีกระจายอยู่หลายกระทรวง อาทิ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงคมนาคม จึงต้องเสนอ พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 25.... เพื่อตั้งกระทรวงที่ 21 เพื่อนำส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาไว้รวมกัน โดยจะมีการเพิ่มข้าราชการระดับ 11 คือปลัดกระทรวง 1 ตำแหน่ง, รองปลัดกระทรวง และผู้ตรวจราชการกระทรวง ส่วนที่เหลือโอนย้ายมาจากส่วนราชการเดิม

โครงสร้า้งของกระทรวงน้ำ จะมีการแบ่งงานออกเป็น 5 ส่วนราชการคือ
1.งานด้านนโยบาย, บุคคลากร และงบประมาณ
2.การจัดหาน้ำปัจจัยพื้นฐาน
3.การจัดการลุ่มน้ำปัจจัยการผลิต
4.การจัดสรรบริหารน้ำเพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม และ
5.การจัดการน้ำเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือน้ำเสีย

หน่วยงานโอนเข้าจากสังกัดเดิม อาทิ
จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือ กรมทรัพยากรน้ำ (ทั้งกรม), กรมทรัพยากรน้ำบาดาล (ทั้งกรม) และสำนักจัดการคุณภาพน้ำ ในสังกัดกรมควบคุมมลพิษ
จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือ กรมชลประทาน (ทั้งกรม), สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ในสังกัดสำนักปลัดกระทรวงเกษตรฯ
จากกระทรวงมหาดไทย คือ การประปานครหลวง, การประปาภูมิภาค, งานป้องกันน้ำท่วมชุมชนเมือง สังกัดกรมโยธาธิการและผังเมือง
จากกระทรวงคมนาคม คือ สำนักพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำ ในสังกัดกรมการขนส่งทางน้ำ

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3444 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 13:50:34 »

กระทรวงน้ำหรือชื่อใดก็ตาม ต้องมีอย่างน้อย 4 กรมขึ้นไป และ 2 รัฐวิสาหกิจ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3445 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 14:15:38 »


สรุป สถานการณ์น้ำประจำวัน

      - เขื่อมภูมิพล ปริมาณน้ำในอ่าง 99% ไหลเข้า 82.25 ระบายออก 93.62 ระบายออกลดลงจากเมื่อวาน 0.20 ล้านลูกบาศก์เมตร

      - เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาณน้ำในอ่าง 98% ไหลเข้า 36.02 ระบายออก 30.03 ระบายออกลดลงจากเมื่อวาน 10.00 ล้านลูกบาศก์เมตร

      - เขื่อนแควน้อย ปริมาณน้ำในอ่าง 100% ไหลเข้า 13.12 ระบายออก 12.96 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายออกลดลงจากเมื่อวาน 2.52 ล้าน ลบ.ม

      - เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำในอ่าง 131% ไหลเข้า 58.41 ระบายออก 51.91 ระบายออกลดลงจากเมื่อวาน 12.89 ล้านลูกบาศก์เมตร
     
      - เขื่อนเจ้าพระยา ระดับน้ำหน้าเขื่อน 17.81 m. ลดลงจากเมื่อวาน 0.02m. ปริมาณน้ำระบายออก 3,624 ลดลงจากเมื่อวาน 20.00 ล้านลูกบาศก์เมตร

      - เขื่อนพระรามหก ระดับน้ำหน้าเขื่อน 11.13 m. ลดลงจากเมื่อวาน 0.24 m. ปริมาณน้ำระบายออก 1,002 ลดลงจากเมื่อวาน 120.0 ล้านลูกบาศก์เมตร

ปริมาณน้ำไหลผ่าน จังหวัดต่างๆ หน่วยเป็น ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

        - นครสวรรค์    วันนี้  4,668   เมื่อวาน   4,650  ระดับน้ำสูงขึ้น

        - อุทัยธานี      วันนี้    710    เมื่อวาน     710   ระดับน้ำเท่าเดิม

        - สิงห์บุรี        วันนี้  2,895    เมื่อวาน   2,895  ระดับน้ำเท่าเดิม

        - อ่างทอง      วันนี้  2,656    เมื่อวาน   2,656  ระดับน้ำเท่าเดิม

        - อยุธยา        วันนี้  1,488    เมื่อวาน   1,491  ระดับน้ำลดลง

        - บางไทร      วันนี้  3,762     เมื่อวาน   3,476  ระดับน้ำเพิ่มขึ้น

        - ระดับน้ำ ที่จังหวัดปทุมธานี ไม่มีการวัดมาสองวันแล้วแสดงว่าน้ำท้วมสูงเกินระดับที่สามารถวัดได้


            สรุปโดยภาพรวม

                    - ปรามาณน้ำในเขื่อน ถือว่าดีกว่าเมื่อวาน คือการระบายน้ำออกจากเขือนต่างๆ ลดลง จากเมื่อวานเนื่องจากมีน้ำไหลเข้าน้อย และโดนแรงกดดันจากรัฐบาลให้ลดการปล่อยน้ำออกให้น้อยลง

                    - ปริมาณน้ำที่ผ่านนครสวรรค์สูงขึ้น ต้องเสริมกระสอบทรายเพิ่ม

                    - ปริมาณน้ำที่ผ่านจากสิงห์บุรี  อ่างทอง อยุธยา  เท่าเดิม  เฝ้าระวังคันกั้นน้ำอย่าให้พัง

                    - ปริมาณน้ำที่บางไทรเพิ่มขึ้นอย่างมาก แสดงว่าการกระจายของน้ำในพื้นที่ปทุมธานี กรุงเทพฯมหานคร นั้น เริมตัน มีน้ำเหลือจากการระบายลงทะเลมากขึ้น จึงมีผลดันให้ระดับน้ำที่บางไทรสูงขึ้นกว่าเมื่อวาน ดังนั้นวันนี้พื้นที่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น กว่าเมื่อวาน ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3446 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 14:55:43 »

กทม.รายงานสถานการณ์น้ำ พร้อมทั้งเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงใกล้ชิด
 

           (12 ต.ค.54) ที่โรงเรียนวัดปุรณาวาส เขตทวีวัฒนา เวลา 10.30 น. : ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงสรุปสถานการณ์น้ำรวมถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตลอดจนภารกิจประจำวันของคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครในการลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อเฝ้าระวังเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ

สถานการณ์น้ำประจำวันยังอยู่ในภาวะปกติ
 

          ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ประจำปี 2554 ของกรุงเทพมหานคร รายงานข้อมูลสถานการณ์น้ำและสภาพน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ ประจำวันที่ 12 ต.ค.54 ว่า ปริมาณฝนสูงสุดที่เขตทวีวัฒนา วัดได้ 34.5 มิลลิเมตร  ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาและพระรามหกลงสู่เจ้าพระยา รวม 4,630 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่ง ลดจากเมื่อวาน 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปริมาณน้ำผ่าน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา วัดได้ 3,649 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มจากเมื่อวาน 89  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุด วันนี้ เวลา 07.11 น. ระดับ  +0.97 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และเวลา 18.20 น. ระดับ  +1.04 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง  โดยในวันพรุ่งนี้ (13 ต.ค.54) ระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุด เวลา  07.48 น. ระดับ  +1.04 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และเวลา  18.42 น.  ระดับ  +1.01  เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง  
 

          ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ตรวจวัดที่ปากคลองตลาด เมื่อวานนี้ (11 ต.ค.54) เวลา 18.00 น. ระดับ +2.02  เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 72 ซม.) ขณะที่วันนี้ (12 ต.ค.54) สูงสุด เวลา  07.00 น.  ระดับ +2.01 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ต่ำกว่าคันกั้นน้ำ 88 ซม.) สำหรับการคาดการณ์วันนี้ โดยกรมอุทกศาสตร์ ทหารเรือ ระดับน้ำสูงสุดเวลา 18.20 น. ที่ระดับ +2.04 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง

สถานการณ์น้ำในกรุงเทพมหานครวันนี้ อยู่ในภาวะที่รับมือได้เนื่องจากปริมาณน้ำลดลงโดยเฉลี่ย โดยในส่วนของจุดเสี่ยงนอกแนวป้องกันริมแม่น้ำเจ้าพระยา ยังคงเฝ้าระวังเนื่องจากระดับน้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาและระดับน้ำทะเลหนุนปริมาณลดลงจากเมื่อวานนี้ ส่วนสถานการณ์น้ำด้านกรุงเทพมหานครด้านตะวันออกพบว่า ประตูระบายน้ำคลองแสนแสบมีนบุรี ระดับน้ำ 1.29 ม. สูงกว่าระดับควบคุม 39 ซม. และประตูระบายน้ำคลองประเวศบุรีรมย์ ตอนลาดกระบังระดับน้ำ 0.78 ม. สูงกว่าระดับควบคุม 18 ซม. ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากเมื่อวานนี้ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังเนื่องจากบริเวณชุมชนที่อยู่ริมคลองยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำเอ่อล้น


          สำหรับจุดอ่อนที่อยู่ในพื้นที่ชั้นใน ยังคงสามารถควบคุมได้ กรณีที่มีฝนตกหนักและมีน้ำท่วมขัง เจ้าหน้าที่จะเข้าไปดำเนินการสูบน้ำภายใน 2 ชั่วโมง ส่วนระดับน้ำคลองต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร ขณะนี้ยังอยู่ในสภาวะปกติ ซึ่งสามารถตรวจสอบระดับน้ำคลองได้ทาง http://dds.bangkok.go.th/canal


ไชโย  กรุงเทพมหานคร ยังปลอดภัยจากน้ำท้วม ครับวันนี้!!!
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3447 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 15:01:44 »

พี่สิงห์

ใน ไทยรัฐออนไลน์..........หัวข้อ "เฉลิมสอนเชิง ครม. อย่าเต้นตามเกม ปชป."


http://www.thairath.co.th/content/pol/208609

วรรคท้ายสุดครับ......
..ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.เฉลิม ได้ขอให้ทุกคนไปดูข้อมูลย้อนหลังไป 7 เดือน ที่อธิบดีกรมชลประทานพยากรณ์ว่าปริมาณน้ำในปีนี้จะน้อย ขอให้ประชาชนอย่าทำนามากกว่า 2-3 ครั้ง ขอให้ทำเพียงครั้งเดียว ซึ่งการประเมินสถานการณ์อย่างนั้น ณ วันนั้น จึงทำให้เขื่อนเชื่อว่าน้ำจะน้อยเลยกักเก็บน้ำไว้มาก พอมีฝนตกลงมามากๆ ก็ยังเก็บน้ำไว้อีก มารู้อีกทีน้ำก็ล้นเขื่อนแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามรัฐบาลก็ต้องทำให้ระดับน้ำลดลงให้เร็วที่สุด ซึ่งนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ ก็ไม่ได้โต้แย้งและแทบไม่ได้มีส่วนร่วมในการหารือเรื่องนี้ใน ครม.แต่อย่างใด


คลิ๊กไปอ่านทั้งหมดครับ...สนุก !!
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3448 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 16:21:25 »

สวัสดีครับ คุณเหยง   และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                       ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูลต่างๆ ผมอ่านหมดเพื่อประดับความรู้  
 
                       ผมเองยอมรับว่า ไม่ไหว้นักการเมืองเลย โดยเฉพาะรัฐมนตรี  สส. ยกเว้น สว.ชรินทร์ ครับ ผมเจอทุกวันเวลานั่งเครื่องบินไปใต้ นั่งคู่กับ อดีตรัฐมนตรี สส. คนเหมือนกันสิทธิเท่ากัน  ไม่ได้ทำดีกว่าผม เพราะผมไม่เคยคอรัฟชั่นงบประมาณหลวง

                       ตอนนนี้ทำอย่างไร ประชนสามารถที่จะมีส่วนร่วมหรือรับรู้การทำงานของกรมชลประทาน เพราะผมไม่ไว้ใจอีกแล้วครับ ผมไม่ยอมให้ปู่ยี่ปู้ยำแบบนี้อีก ผมอยากมีส่วนร่วมจริงๆ

                       ทุกอย่างที่ผมเขียนลงไปในเวบ นั้น ผมสำเนาให้ ดร.จิตเกษม  ได้เอาไปลงไว้ใน Facebook บ้านเขาเมืองเรา FF99

                       และผมได้ส่งให้ท่าน สว.ชรินทร์ ได้เอาไปศึกษา ครับ

                       ผมอยู่ดอนเมืองวันนี้ เพื่อเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช  กลับเย็นวันศุกร์ เพราะสัปดาห์นี้เลื่อนประชุม บริษัท มาเป็นวันศุกร์ และผมจะได้อยู่บ้านตอนที่น้ำขึ้นสูงสุดวันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม น้ำทะเลหนุน พอดี  วันนี้ผมได้กระสอบทรายมาครบตามที่ต้องการแล้วเหลือเพียงการวางเท่านั้น ตอนนี้ยัง ขอดูสักพักถ้าระดับน้ำสูงขึ้นจะวางกระสอบทรายเตรียมเอาไว้ แต่ตอนนี้ กทม.ยังควบคุมสถานการณ์ ได้ จึงรอดูท่าที  ไม่อยากให้บ้านข้างเคียงตกกระใจ  ครับ

                       พนักงานนกแอร์บอกผมว่า วันนี้เที่ยวบินผู้โดยสารเต็มทุกเที่ยวบิน ครับ เพราะน้ำท้วม

                       ลืมรายงานไปวันนี้เป็นวันที่แปลกมากๆ ตลาดลุงเพิ่มหลังการบินไทยที่รถติดประจำตอนกลางวัน วันนี้แทบจะไม่มีคนเดินตลาดเลย มีเฉพาะพนักงานการบินไทยเท่านั้น ที่จอดรถว่างสนิท ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แสดงว่าทุกคนอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ รอฟังข่าวน้ำท้วม กทม. ครับ

                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #3449 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2554, 17:19:19 »

พี่สิงห์,
เดินทางถึงนครฯโดยสวัสดิภาพนะคะ.


nn.
      บันทึกการเข้า


  หน้า: 1 ... 136 137 [138] 139 140 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><