26 พฤศจิกายน 2567, 17:33:51
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 133 134 [135] 136 137 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3581807 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3350 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 21:00:50 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 07 ตุลาคม 2554, 17:12:48
น้ำถึงกรุงเทพรึยังคะพี่ๆ?
ถึงแน่นะคะ?
ไม่ไปขังตามสถานีรถไฟใต้ดิน..
แค่นึกก็...อยากไปฝึกดำน้ำอีกแล้วคะ


หนิงสงสารเจ้าของฟาร์มไก่อยุธยาสิพี่!
เลี้ยงในโรงเรือน น้ำมา ไก่จะหนีกันยังไง
ไม่จมน้ำเป็นแสนๆตัว...
น่าสงสารไก่

กรุงเทพฯ นอกคั้นกั้นน้ำ น้ำท้วมแล้วครับ คือบางกอกน้อย มีนบุรี ลาดกระบัง หนองจอก และทางฝั่งธนบุรี แต่กรุงเทพฯชั้นในมีถนนแยะเป็นกำแพงกั้นน้ำอยู่ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3351 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 21:03:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 07 ตุลาคม 2554, 10:32:12
                      ผมขอวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยดลใจท่านนายกรัฐมนตรี  คุณบรรหาร  อธิบดีกรมชลประทาน  อย่าดึงดันว่าจะรับสถานการณ์น้ำได้  ยอมรับความจริง ท่านรับน้ำจำนวนมหาศาลไม่ไหวหรอกครับ อย่าดึงดันเลย คนได้รับทุกข์มากเพียงพอแล้ว

                       - ยอมปล่อยให้น้ำไหลผ่านประตูบางโฉมศร๊ ไทรงาม ตามเดิม เพื่อเข้าสู่แก้มลิงธรรมชาติ เอาน้ำไปพักไว้ ที่ลุ่มเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก

                       - ยอมปล่อยน้ำเข้าแก้มลิงธรรมชาติฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา

                       - ยอมปล่อยน้ำไปทางสุพรรณบุรีเพื่อระบายลงทะเลให้มากกว่านี้

                       - ยอมปล่อยน้ำไปลงแม่น้ำบางปะกงให้มากกว่านี้

                         ถ้าทำสี่อย่างพร้อมกัน ณ บัดนี้ น้ำจะไปพักอยู่ในแก้มลิงธรรมชาติ  และไหลลงทะเลเพิ่มขึ้น ลดปริมาณน้ำที่จะเข้าท้วมตามตัวเมือง เขตเศรษฐกิจ แหล่งอุตสาหกรรม ลงได้ ในขณะเดียวกันระดับน้ำที่สูงมากทุกจังหวัดจะลดลง ทันที  คนยังพออยู่ได้ ตามบนถนนหนทาง แต่ถ้าปล่อยให้น้ำอยู่อย่างนี้ น้ำไม่มีที่ไป น้ำจะท้วมแบบขั้นบันได ถนนก็ไม่มีให้คนอยู่ ครับ ตรองด้วยปัญญาให้ดีๆ ให้สมกับเป็นมนุษย์อันประเสริฐ  จะรักษาคะแนนเสียง หรือจะให้คนด่า ไล่ สาบแช่ง ครับ  ซึ่งตอนนี้คนที่จมน้ำมานาน ก็ไม่พอใจแล้ว เขาก็มีปัญญาคิดออกแบบผมเหมือนกัน ครับ

                  ผมยังมีความคิดยืนยันตามนี้ครับ  ท่าน สว.ชรินทร์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3352 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 21:07:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 07 ตุลาคม 2554, 11:20:00
โครงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนไม่ให้น้ำท้วมภาคกลาง ในฤดูน้ำหลาก

โครงการที่ ๑

การขุดแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก และการขุดแม่น้ำป่าสักฝั่งตะวันออก ของแม่น้ำเจ้าพระยา

และมีประตูเปิดในหน้าน้ำ ปิดในหน้าแล้ง เรือบรรทุกหนักสัญจรได้

เสนอโดย

นายมานพ  กลับดี
 
ประชาชนผู้ไม่อยากให้คนไทยต้องถูกน้ำท้วมซ้ำซาก หมดตัวทุกปี


วัตถุประสงค์

                    - เร่งระบายน้ำทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ในฤดูน้ำหลาก ลงทะเลเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าจากเดิม

                    - ขยายเขตเศรษฐกิจ  ได้เมืองใหม่ให้คนมีที่อยู่อาศัย ได้เขตอุตสาหกรรม โดยไม่ต้องไปแย่งพื้นที่เกษตรที่มีอย่างจำกัด

                    - มีน้ำประปา และน้ำใช้เพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี ลดการเจาะบ่อบาดาล

                    - ไม่ต้องลงทุกมากนัก เพราะเราจะพัฒนาที่ดินสองฝั่งแม่น้ำใหม่ที่เป็นผลจากการขุดดินขึ้นมาและถมดินลงสองฝั่งแม่น้ำ นำไปจัดสรรค์ที่อยู่อาศัย ตัวเมือง เขตอุตสาหกรรม ฯลฯ

                     - เป็นการเพิ่ม GDP ของประเทศอย่างมหาศาล โดยไม่ต้องลงทุนมาก ดีกว่าการเอาเงินไปทำถนน ทำเขื่อน ซ่อมแซม ช่วยเหลือตอนน้ำท้วม มากมายมหาศาลมากนักในแต่ละปี ๆ

หลักการ

                       โดยปกติดินที่อยู่ตามธรรมชาติจะอัดแน่น เมื่อขุดออกมาแล้วถมลงไปใหม่จะขยายตัวได้มากกว่าเท่าครึ่ง สมมติ เราขุดแม่น้ำลึก ๑๐.๐๐ เมตร กว้าง ๑๐๐ เมตร เราจะได้ที่ดินถมโดยประมาณทั้งสองฝั่งแม่น้ำที่ถมสูง ๒.๐๐ เมตร เราจะได้ที่ดินกว้างฝั่งละ ๓๕๐ เมตร นำมาพัฒนาเพื่อขายเอาเป็นเงินค่าขุดแม่น้ำ และเวนคืนที่ดิน ครับ

วิธีการทำ

                      - เวนคืนที่ดินตามแนวทางที่แม่น้ำตัดผ่าน ด้วยความยุติธรรม ตรงสู่ทะเลให้มากที่สุด สายตะวันตกเริ่มจากอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพราะว่าแม่น้ำเจ้าพระยานั้นพอเลยจากอำเภอพรหมบุรีขึ้นไปทางเหนือแม่น้ำเจ้าพระยาจะกว้างมาก แต่จากอำภเภอพรหมบุรีจะเลยไปเป็นคอขวดเมื่อเข้าสู่จังหวัดอ่างทอง อยุธยาตัวเมือง และขยายออกที่บางไทร อยุธยาจึงรับน้ำเต็มๆ ไปลงทะเลแถวๆ บางบอน บางขุนเทียน หรือเกือบถึงสมุทรสาคร  สำหรับแม่น้ำป่าสักให้เริ่มต้นที่สระบุรี ก่อนถึงตัวเมืองตัดผ่านนครนายก รังสิต บางปะกงไปเลย ลงทะเล

                      - ให้สิทธิผู้ที่แม่น้ำตัดผ่านที่ดิน สามารถซื้อที่ดินที่พัฒนาแล้วในราคามิตรภาพกลับคืน

                      - ประมูลที่ดินที่พัฒนาแล้ว หรือยัง ให้เอกชนสนใจมาลงทุนขุด พัฒนาที่ดินเป็นแปลงๆ เองตามแบบที่กำหนด

                      - ทำโครงการด้วยความโปร่งใสจริงๆ ไม่มีผลประโยชน์ แอบแฝง

                      - ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลแท้จริง ได้มีส่วนร่วมในการทำ แล้วจะสำเร็จ อย่ามุบมิบเผด็จการ

                      ผมขอเสนอคร่าวๆ แบบนี้ไปก่อน ในส่วนรายละเอียดนั้นมันมีมากมหาศาล ขอให้เป็นไอเดียสั้น ๆ ให้สามารถเข้าใจได้ถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ทิศทางการหาเงินเอามาลงทุนขุดแม่น้ำ และผลกระทบกับคนจำนวนมากที่จะต้องโดนเวนคืนที่ดิน แต่ก็คุ้มสุดคุ้ม ตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมาประเทสไทยไม่เคยมีการขุดแม่น้ำเพิ่มเลย มีแต่ถมคลองที่พระองค์ท่านขุดเอาไว้เพื่อป้องกันน้ำท้วม กทม.เสียอีก จะช้าจะเร็วก็ต้องขุดครับ เพราะมันจำเป็นต่อการลดปัญหาน้ำท้วมซ้ำซาก จริงๆ ผมยังเชื่อมั่นว่าใช้เงินลงทุนน้อยกว่า เอาเงินไปถมถนนเพิ่ม ซ่อมถนน ทำเขื่อนป้องกันน้ำท้วม และเงินช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท้วม เงิมซ่อมแซมต่างๆ นาๆ และการเสียโอกาสในการทำธุรกิจทางการเกษตร และอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท้วม และระดับน้ำมันจะท้วมสูงขึ้นทุกปี เป็นอย่างนี้ ดังเช่นที่ท่านเห็นภาพตาม TV อยู่ในขณะนี้

                       คิดอย่างไรก็คุ้มค่ากับการลงทุนครับ ขอให้ทุกท่านตรองด้วยปัญญา ตามหลัก กาลามสูตร ครับ

                       สวัสดี

                ผมยังยืนยันแก้ปัญหาถาวรต้องทำแบบนี้และสามารถทำได้จริงครับ ท่าน สว.ชรินทร์  ที่รักยิ่งของผม
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3353 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 22:56:37 »

ภาพจาก Joint Typhoon Warning Center (JTWC) ของสหรัฐล่าสุด

ทิศตะวันออก มีหย่อมความกดอากาศต่ำอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ และยังไม่พัฒนาตัวเอง



ทิศตะวันตก ไม่พบหย่อมความกดอากาศหรือพายุใดๆ


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3354 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 22:57:09 »

เริ่มมีข่าวช่อง 3 โดยกิตติ สิงหาปัด แล้วครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3355 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2554, 07:53:57 »

อรุณสวัสดิ์ครับ ชาวซีมะโด่ง และผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                       เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์ เวบของกรมชลประทาน พนักงานยังไม่มาทำงาน ไม่สามารถเปิดเข้าไปอ่านรายงานการวัดปริมาณ น้ำที่จังหวัดต่างๆ มารายงานต่อท่านทั้งหลายได้  ทั้งๆ กรมชลประทาน ประกาศเป็น วิกฤติระดับสามสีแดง คือ ทำงาน 24 ชั่วโมง มีพายุ ฝนตกหนัก เฝ้าระวังตลอดเวลา ครับ ผมจึงไม่มีข้อมูลครับ

                       แต่อย่างไรก็ตามขอขั้นรายการคลายเครียด ด้วยการ นำประวัติ พุทธสาวก อรหันต์ เอตทัคคะที่ตรัวรู้เร็วพลัน คือพอพระพุทธองค์ตรัสเสร็ขปุ๊ปก็ตรัสรู้ธรรมทันที  ซึ่งคำสอนสั้นๆ นี้นักปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่จะจำได้ และนำไปใช้ในการปฏิบัติธรรม ครับ

                       มีข่าวลือว่า กรมชลประทานจะปล่อยน้ำจากเขื่อนขุนด่านตระการชลที่นครนายก มาท้วมซ้ำเติมที่รังสิต คงเป็นการระบายน้ำตามทางน้ำล้น ที่เขื่อนมีปริมาณน้ำมากต้องระบายออกเป็นปกติเพื่อป้องกันเขื่อนพังครับ ใช้หลัก "กาลามสูตร" ในการสัมผัสจากอายะตน ๖ ครับ

                       สวัสดี



รู้ประวัติ พุทธสาวก อรหันต์ เอตทัคคะ

ลำดับที่ ๒๘

พระพาหิยเถระ

เอตทัคคะในทางขิปปาภิญญา

                        พระพาหิยะ เกิดในวรรณแพศย์ ตระกูลกุฎุมพี แคว้นพาหิยะ คงจะเรียกชื่อท่านตามชื่อแคว้น เมื่อเจริญวัยขึ้นได้ประกอบอาชีพค้าขายตามบรรพบุรุษ เนื่องจากมีถิ่นฐานอยู่แถบชายฝั่งทะเล จึงอาศัยเรือเดินทะเลบรรทุกสุวรรณภูมิ อันตั้งอยู่ในแคว้นกัมโพชะ อินเดียตอนเหนือ ท่าจอดเรือรับส่งขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือสุปปารกะ ในอปรันตชนบท

                        • เรือแตกแต่รอดตาย

                        การเดินเรือค้าขายเป็นไปตามปกติตลอดมา แต่วันหนึ่งขณะที่เรือกำลังเล่นอยู่ในทะเลใกล้จะถึงท่าสุปปารกะ ได้มีลมพายุเกิดคลื่นใหญ่ซัดเรืออับปางลงลูกเรือตายทั้งหมด พาหิยะ คนเดียวเท่านั้นที่อาศัยเกาะแผ่นกระดานสามารถพยุงกายมิให้จมน้ำตายเป็นเหยื่อปลาในทะเล พยายามกระเสือกกระสนประคองกายเข้ามาถึงฝั่งที่ท่าสุปปารกะได้ แต่พาหิยะก็มาถึงท่าเพียงตัวเท่านั้น เสื้อผ้าที่สวมใส่หลุดหายไปในทะเล เหลือแต่ร่างกายที่เปลือยเปล่า ณ บริเวณท่าเรือสุปปาระกะนั้น มีพ่อค้าประชาชนหนาแน่น เพราะเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้าและการค้าขาย พาหิยะ นอนหมดแรงอยู่ที่ชายฝั่งทั้งหิวทั้งเพลีย นอนคิดหาหนทางเพื่อเอาชีวิตรอดต่อไป แต่รู้สึกเขินอายที่ร่างกายเปลือยเปล่า ไม่มีสิ่งใดปิดบังร่างกายเลย จึงใช้เปลือกไม้บ้างใบไม้บ้าง เท่าที่จะหาได้มาทำเป็นเครื่องปิดบังแทนเครื่องนุ่งห่ม และได้เข้าไปอาศัยร่มเงาที่ศาลเทพารักษ์แห่งหนึ่งใกล้ ๆ บริเวณท่าเรือสุปปารกะนั้น พอความเหนื่อยเพลียบรรเทาลงแล้ว จึงถือแผ่นกระเบื้องเที่ยวขออาหารจากชาวบ้าน
 
                        • อรหันต์เปลือย

                        ในยุคสมัยนั้นคำว่า “พระอรหันต์” เป็นคำที่ประชาชนกล่าวขานกันทั่วไปว่า มีอยู่ที่โน่นบ้าง มีอยู่ที่นี่บ้าง แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดได้เคยพบพระอรหันต์จริง ๆ เลย พอได้เห็นพาหิยะผู้นุ่งเปลือกไม้ มีร่างกายผ่ายผอม ถือแผ่นกระเบื้องเดินมาในลักษณะอย่างนั้น ต่างก็พากันเข้าใจว่า “นี่แหละ คือ พระอรหันต์” ดังนั้นจึงพากันให้อาหารบริโภคอย่างอุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ทำให้พาหิยะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่พาหิยะปฏิเสธไม่ยอมรับเสื้อผ้ามาสวมใส่ เพราะเกิดความคิดว่า “ถ้าสวมใส่เสื่อผ้าแล้ว จะทำให้เสื่อมจากลาภสักการะ” อีกทั้งก็เริ่มเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นพระอรหันต์จริง ๆ จึงดำรงชีวิตและปฏิบัติตนไปตามนั้น ใบไม้และเปลือกไม้ที่แห้งไปก็เปลี่ยนใหม่ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้นามต่อท้ายชื่อของท่านว่า “ทารุจิริยะ” และเรียกชื่อท่านเต็ม ๆ ว่า “พาหิยทารุจิริยะ” ซึ่งแปลว่า พาหิยะผู้มีเปลือกไม้เป็นเครื่องนุ่งห่ม และท่านได้ดำเนินชีวิตโดยทำนองนี้เรื่องมาเป็นเวลานาน

                         • พระพรหมมาเตือนให้กลับใจ

                         วันหนึ่ง ได้มีพระพรหม ผู้เคยเป็นสหายเก่าที่เคยปฏิบัติธรรมร่วมกันในอดีตชาติกับพาหิยะ และได้บรรลุธรรมถึงชั้นอนาคามิผล เมื่อตายแล้วได้ไปเกิดในพรหมชั้นสุทธาวาส ได้ติดตามดูพฤติกรรมของพาหิยะมาตลอด เห็นว่าสหายกำลังปฏิบัติผิดทาง ดำเนินชีวิตด้วยการลวงโลก ซึ่งจะทำให้เขาไปเกิดในทุคติอบายภูมิ จึงลงมาเตือนให้สติว่า “พาหิยะ ท่านไม่ใช่พระอรหันต์ บัดนี้ พระอรหันต์ที่แท้จริงเกิดขึ้นแล้วในโลกขณะนี้ พระองค์ประทับอยู่ ณ พระเชตะวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล”

                        • เดินทางทั้งวันทั้งคืน

                       พาหิยะ ได้ฟังคำเตือนของพระพรหมผู้เป็นสหายเก่าแล้วเกิดความสลดใจในการกระทำของตนเอง รู้สึกสำนึกผิดเลิกละการกระทำนั้น และเกิดความปิติยินดีที่ทราบว่า พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลก จึงรีบออกเดินทางจากท่าเรือสุปปารกะ มุ่งสู่เมืองสาวัตถี ซึ่งมีระยะทางถึง ๑๒๐ โยชน์ (๑๙๒ กม.) ท่านเดินทางทั้งวันทั้งคืนอย่างรีบร้อน เพื่อเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาให้เร็วที่สุดเพราะไม่รู้แน่ว่าความตายจะมาถึงเมื่อใด ท่านเดินทางมาถึงเมืองสาวัตถี ในเวลารุ่งเช้าแล้วรีบตรงไปยังพระเชตวันมหาวิหาร เมื่อได้ทราบว่า ขณะนี้พระบรมศาสดา เสด็จเข้าไปบิณฑบาตรในเมือง จึงรีบติดตามไปในเมืองและได้พบพระผู้มีพระภาคกำลังเสด็จบิณฑบาตรอยู่ ด้วยความปีติยินดีอย่างที่สุดได้เข้าไปกราบแทบพระบาทแล้ว กราบทูลขอให้ทรงแสดงธรรมให้ฟัง พระพุทธองค์ตรัสห้ามว่า “พาหิยะ เวลานี้ มิใช่เวลาแสดงธรรม”

                        • ตรัสรู้เร็วพลัน

                        พาหิยะ ได้พยายามกราบทูลอ้อนวอนถึง ๓ ครั้ง พระบรมศาสดา จึงทรงแสดงพระธรรมเทศให้ฟัง โดยตรัสสอนให้สำรวมอินทรีย์ คือ เมื่อเห็นรูปก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินเสียงก็สักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น ลิ้มรสก็สักแต่ว่าลิ้มรส และสัมผัสสักแต่ว่าสัมผัสเท่านั้น อย่ายินดียินร้ายในสิ่งเหล่านั้น และหมั่นสำเหนียกศึกษาในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อยู่เป็นนิตย์ พาหิยะ ส่งกระแสจิตไปตามกระแสพระธรรมเทศนา ก็ได้บรรลุพระอรหัตผลในทันที ท่านได้กราบทูลขออุปสมบท แต่พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระญาณว่า ในอดีตชาติท่านพาหิยะ ไม่เคยทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสามเณรด้วยบาตรและจีวรเลย เมื่อบวชแล้วบาตรและจีวรที่จะเกิดด้วยบุญฤทธิ์ก็จะไม่มี จึงรับสั่งให้ท่านไปหาบาตรและจีวรมาให้ครบก่อน และในขณะที่ท่านกำลังแสวงหาบาตรและจีวรอยู่นั้นได้ถูกอมนุษย์ผู้เคยเป็นศัตรูกันมากแต่อดีตชาติ เข้าสิงร่างแม่โคลูกอ่อนวิ่งเข้าขวิดท่านตาย จึงถือว่าท่านนิพพานตั้งแต่ยังไม่ได้บวช

                         พระพุทธองค์ เสด็จกลับจากบิณฑบาตทอดพระเนตรเห็นศพของท่านนอนอยู่ริมทางจึงรับสั่งให้ภิกษุที่ติดตาม จัดการฌาปนกิจให้ท่าน และทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทาง ขิปปาภิญญา คือ ตรัสรู้เร็วพลัน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3356 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2554, 07:56:49 »

ประกาศ วิกฤติ ระดับ ๓

สัญญาลักษณ์ไฟสีแดงกระพริบ

ตั้งแต่ วันที่ 5 กันยายน 2554

เวลาทำการ  ตลอด 24 ชั่วโมง

เนื่องจาก มีฝนตกหนักมาก เกิดสภาวะน้ำท่วมหนักเป็นบริเวณกว้าง
ประชาชนได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม
หรือมีพายุจร หรือหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศไทย
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและเกิดปัญหาน้ำท่วมเพิ่มมากยิ่งขึ้น

เตือนลุ่มน้ำปิงรับมือน้ำสูงขึ้น ส่งผลเจ้าพระยานครสวรรค์น้ำจะเพิ่มมากขึ้นอีก


          ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักบริเวณลุ่มน้ำปิงตอนบน ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน ส่งผลให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณน้ำในเขื่อนคิดเป็นร้อยละ 97 ของระดับเก็บกักสูงสุด ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนภูมิพลมีประสิทธิภาพสูงสุด และเพื่อรองรับปริมาณน้ำเหนือจำนวนมากที่กำลังจะไหลลงมาเพิ่มเติมอีก จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่ม ลักษณะดังกล่าวนี้ จะส่งผลให้ปริมาณน้ำด้านท้ายเขื่อนภูมิพลมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น กรอปกับปริมาณน้ำในแม่น้ำวังมีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และเมื่อปริมาณน้ำจากแม่น้ำวังไหลลงมาสมทบกับแม่น้ำปิงที่จังหวัดตาก จะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงสูงเพิ่มขึ้นไปอีก และจะทำให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำปิง ในเขตจังหวัดตาก กำแพงเพชร และนครสวรรค์ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำปิง ที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำในเกณฑ์ประมาณ 5,000 – 5,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่วันนี้(5 ตุลาคม 2554)เป็นต้นไป

           ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ จึงขอเรียนมายังประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำปิง ในเขตจังหวัดตาก กำแพงเพชร และนครสวรรค์ ตรวจสอบความแข็งแรงของคันกั้นน้ำชั่วคราวและขอให้เสริมคันป้องกันพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเพิ่มขึ้นไปอีก พร้อมทั้งขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นบนที่สูงหรือที่ปลอดภัยจากน้ำท่วม และขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาด้วย 
 
 

**********************************


กรมชลประทาน ชี้แจงกรณีข่าวการระบายน้ำเขื่อนขุนด่านฯ

           ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยกรณีที่มีกระแสข่าวลือว่าเขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก ระบายน้ำออกมาจำนวนมาก และจะทำให้น้ำท่วมบริเวณคลองรังสิต นั้น

           ขอเรียนชี้แจง ดังนี้ เขื่อนขุนด่านปราการชล ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ จำนวน 201 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 90 ของความจุอ่างฯ ได้ลดการระบายน้ำลงจากเดิมที่ก่อนหน้านี้ ระบายวันละ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือระบายเพียงวันละ 320,000 ลูกบาศก์เมตร เป็นระยะเวลา 4 วันแล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ทางด้านท้ายเขื่อน ทั้งนี้ เขื่อนสามารถรองรับน้ำได้เพิ่มอีกประมาณ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร

           อนึ่ง ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 54 ถึงปัจจุบัน เขื่อนขุนด่านปราการชล ได้ทำหน้าที่รองรับน้ำรวมแล้วกว่า 600 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 267 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ซึ่งกรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำไม่ให้เกิดปัญหาอุทกภัยทางด้านท้ายเขื่อนมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำนครนายกได้เป็นอย่างมาก          
           

**********************************

7  ตุลาคม  2554

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3357 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2554, 10:48:19 »

                       วันเสาร์-อาทิตย์ กรมชลประทานเขาไม่ทำงานกัน เพราะเป็นวันหยุดข้าราชการปกติ จึงไม่มีรายงานปริมาณน้ำ ผมพยายามเข้าไปดูในเวบของกรมชลประทานหลายครั้งแล้ว มีเพียงข้อมูลถึงวันที่ 7 ตุลาคม เท่านั้น ครับ จึงต้องขออภัยทุกท่านด้วย

                        แต่อย่างไรก็ดี ผมคาดว่า ปริมาณน้ำต่างๆ คงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก คิดเสียว่าเท่ากับวันที่ 7 ตุลาคม ก็แล้วกัน และคิดไปในทางที่ดีว่า วันที่ 7 ตุลาคม เรายังผ่านมันมาได้  อดทนเข้าไว้ วันที่ 8-9 ตุลาคม เราก็คงเอาชนะมัน ผ่านพ้นไปได้เช่นกันครับ

                        ผมขอเป็นกำลังใจให้คุณเหยง และทุกๆ ท่านที่กำลังเผชิญกับปัญญาน้ำท้วม ครับ อย่าลืม อย่ายอมแพ้มัน เพราะยอมแพ้มัน เราหมดตัว และไม่มีใครช่วยเราจริง อย่าหวังน้ำบ่อหน้า  สู้กับมันต่อไป อดทน และจงใช้ปัญญา ครับ ขอให้โชคดี สำหรับวันนี้

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3358 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2554, 12:09:40 »


                       ได้มาแล้วครับรายงานปริมาณน้ำของกรมชลประทาน

                        สรุป
                               - เขื่อนภูมิพล ปริมาณลดลงนิดหน่อยสำหรับน้ำที่ระบายออกมา
                               - เขื่อนสิริกิตต์ ลดลงนิดหน่อย
                               - เขื่อนเจ้าพระยา ปริมาณน้ำที่ระบาย เพิ่มขึ้น
                               - เขื่อนป่าสัก ปริมาณน้ำที่ระบายเท่าเดิม
                               - เขื่อนพระราม ๖ ปริมาณน้ำที่ระบายเพิ่มขึ้น

                        ดังนั้น ปริมาณน้ำที่ นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กทม. มีปริมาณน้ำไหลผ่านมากกว่าเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ประมาณ 10% มากหน่อยก็ที่นครสวรรค์ ผมหวังว่าคงจะรับกันไหวนะครับ คุณเหยง

                         สำหรับชาว กทม. ถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ปริมาณน้ำมหาศาล กับฝนที่ตกมาเมื่อคืน จนมีระดับน้ำท้วมถนนนั้น ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า กทม.จะรับมือไหวครับ พื้นที่เสี่ยงควรจะต้องเตรียมการณ์ได้แล้ว อย่างอาจารย์ถาวร  โชติชื่น ได้โทรศัพท์มาถามถึงว่า อิฐบล๊อกกับอิฐมวลเบาเอาอย่างไหนดี ผมก็บอกไปว่าให้เลือกอิฐบล๊อก มาก่อเป็นกำแพงกั้นน้ำ และทดลงเอาน้ำลาดบนแผ่นว่าน้ำซึมได้หรือไม่เอาชนิดที่น้ำซึมผ่านไม่ได้ เพราะมีบางจุดที่อาจารย์ถาวร ไม่สามารถใช้กระสอยทรายได้ เลยต้องก่ออิฐบล๊อกแทน

                         พี่สาวโทรศัพท์มาถาม เพราะดูข่าวทาง TV น้ำท้วมลาดพร้าว ผมก็บอกว่าที่บ้านยังไม่ท้วม หลานสาวที่อินทร์บุรีบอกมาว่า วันนี้และวันพรุ่งนี้ ระดับน้ำท้วมที่อินทร์บุรีจะท้วมสูงขึ้นเท่าเดิมหรือสูงมากกว่า แน่นอนเพราะเขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำออกมามากกว่าเดิม มันก็เป็นจริง เท่ากับผีซ้ำกรรมซัดแน่ๆ สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา กทม. ขณะนี้น้ำแยะอยู่แล้ว ยังจะปล่อยลงเจ้าพระยามาแยะอีก ทำไมไม่ปล่อยไปทางสุพรรณบุรี  ระวังน้ำท้วม กทม. แน่ๆ

                          ผมยังวิงวอนเหมือนเดิมว่าอย่าดึงดันเลย  ยอมรับความจริง ไม่มีใครว่าทั้งนั้น และโปรดทำตามที่ผมได้ขอร้องไว้เลยครับ 

                          อย่าทำลายเขตเศรษฐกิจ  อย่าทำลายแหล่งอุตสาหกรรม ของประเทศไทยเลยครับ ท่านนายก ความคิด ความอ่านของท่านไม่ทันเขา แต่ต้องรับผิดชอบ อย่าเอาแต่ช่วยเหลือพวกน้ำท้วมอย่างเดียว ต้องสั่งการทำอย่างไรไม่ให้น้ำท้วมเขตเศรษฐกิจ และแหล่งอุตสาหกรรมด้วย เพราะถ้าท้วม ท่านจะทำอย่างไร ภาษีก็เก็บไม่ได้ จะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายช่วยเหลือ ท่านต้องทันเกมส์ และกล้าตัดสินใจ ไม่ใช่ปล่อยเป็นหน้าที่ของราชการประจำ และคุณบรรหาร ไปว่ากันเองแบบนี้ครับ  หรือว่าประเทศไทยถึงคราวเคราะห์ ครับ ! ที่จะต้องเป็นแบบนี้

                           พระพุทธองค์ทรงสอนว่า "ทุ่งสิ่งล้วนเกิดจากเหตุ ปัจจัย ทั้งนั้น  ไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้" ใช้ปัญญาไตร่ตรองครับท่านนายก

                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3359 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2554, 13:02:28 »

พี่สิงห์ครับ

มันเป็นเวรกรรมของประเทศนี้ครับ ข้าราชการหยุดทำงานวันเสาร์-อาทิตย์ ทั้งๆที่ประชาชนกำลังประสบภัย
แต่เขาจะทำงานหลังเลิกงานและวันหยุด หากมีค่าล่วงเวลาครับ ?? !!
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3360 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2554, 13:08:18 »

ข้อมูลน้ำที่นครสวรรค์ ณ วัน(นี้) เสาร์ที่ 8 ตุลาคม 2554

ปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ อยู่ที่ 4,650 ลบ.เมตร/วินาที เพิ่มจากเมื่อวานนี้ 54 ลบ.เมตร/วินาที
ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ณ หน้าตึกเจ้าพระยาหลักทรัพย์ 3 ซ.ม. และสูงเหนือสันเขื่อน 69 ซ.ม.( 2.19 ม. จากพื้นถนน)


http://nsm.go.th/index.asp
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3361 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2554, 14:34:15 »

สวัสดีครับ คุณเหยง

                       เมื่อเช้าผมคุญกับอาจารย์ถาวร  โชติชื่น ไม่เห็นคุณเหยงเข้าเวบตอนเช้า ตกใจสงสัยผลการต่อสู้จะยอมแพ้น้ำเสียแล้วจึงไม่มีเวลามาเข้าเวบ  สักพักอาจารย์ถาวร บอกว่าเห็นเข้ามาแล้ว ผมก็โล่งใจ น้ำยังคงแพ้คุณเหยงตามเดิม แต่อย่างไรก็ตาม เร่งสำรองน้ำมันเอาไว้ด้วยอย่าลืมสายเอเซียใช้การไม่ได้ รถน้ำมันก็ขึ้นไปส่งไม่ได้เหมือนกัน

                       วันนี้ผมกำลังล๊อบบี้อาจารย์ถาวร  โชติชื่น ช่วยแต่งตั้งให้ผมเป็นรัฐมนโทฉุกเฉิน แห่งสภาโจ๊ก สักวัน เพื่อจะได้มีอำนวจสั่งการทำอย่างไรไม่ให้น้ำท้วม เมืองหลวงของประเทศสาระขันต์ และไม่ให้น้ำท้วมภาคกลาง อย่างยั่งยืนในอนาคต  โดยมีคุณทรงเกียรติ   หลิ๋มสิริ  เป็นนายทุนในการล๊อบบี้สภาโจ๊ก ครั้งนี้ครับ

                       อยู่สนามบินนครศรีธรรมราช  รอขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ครับเย็นนี้

                       สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #3362 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2554, 17:34:39 »

พี่สิงห์ขา,
เช้านี้ที่บ้านหนิง...ข่าวน้ำท้วมประเทศไทย
ออกอากาศในสถานีวิทยุทั่วทั้งแคว้นคะ
ทีนี้เค้าเอาจริงคะหนิงว่า..
คือจะเกาะติด ล้วงลึกข้อมูล
หนิงจะได้หาอ่านมาแปะให้ชาวเราทราบ
ว่าเค้ารายงานอะไรให้คนเค้ารู้.

พี่จะเป็นรัฐมนโท จริงนะ?
แล้วพี่ถาวร จะเป็นอะไร
เพราะหนิงจำได้ว่าพี่ถาวรเป็นรัฐมนโทมาก่อน
เลื่อนเป็นรัฐมนเอกเหรอพี่?
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #3363 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2554, 17:38:08 »

พี่เหยง,
ที่บ้านพี่เป็นไงบ้างคะ?
หนิงเอาใจช่วยพี่นะคะ
ขอให้เสียหายน้อยที่สุด.
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3364 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2554, 20:38:51 »

สัญญาณอันตราย กรุงเทพฯ หนีไม่พ้นน้ำท้วมแน่ๆ !!!

                           - ท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ถึงกับต้องนำพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ยืนปางห้ามญาติ มากระทำพิธีพราหมณ์ วิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามประเพณี ขอให้น้ำลดลง แสดงว่าข้อมูลลึกๆ ท่านทราบดีแล้วว่ากรมชลประทานไม่สามารถที่จะควบคุมปริมาณน้ำเหนือได้จริง ๆ จึงต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามภาพที่เห็นทาง TV

                         - คุณบรรหาร ไปยืนบัญชาการปิดประตูระบายน้ำบางโฉมศรี พร้อมด้วยอธิบดีกรมชลประทาน ที่สิงห์บุรี โดยไม่สนใจคำวิงวอนจากท่านนายกเทศมนตรีสิงห์บุรีที่ขออย่าปิดเลย น้ำจะกลับมาอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา ท้วมเขตเศรษฐกิจตัวเมือง สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา เขตอุตสาหกรรม ดังที่เห็น  แถมยังบอกผ่าน TV เป็นการเร่งปิดฝาโลงน้ำท้วมเขตนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด ไม่ให้ขนย้ายสิ่งของเลย ว่าสองวันจะปิดได้ นั่นคืออีกสาม-สี่วันน้ำจะท้วมกรุงเทพฯ และเขตอุตสากรรมทั้งหมด ครับ จำไว้ดี ๆ  ผมไม่ได้มีอคติ แต่นั่นคือความจริง แสดงว่าคำวิงวอนของผมไม่ได้ผล คุณบรรหารปิดประตูบางโฉมศรี  ไม่ปล่อยน้ำไปทางสุพรรณบุรีให้มากขึ้น  ไม่ปล่อยน้ำไปทุ่งตะวันตก โดยฟังข้อมูลที่เอาใจจากกรมชลประทานที่สามารถรับสถานการณ์น้ำได้ ท่านนายกก็ไม่เฉลี๋ยวใจ มอบหมายหน้าที่ไปแล้วก็ปล่อยเลยตามเลย อยู่เหนือความรับผิดชอบ ท่านลืมไปว่าท่านเป็นนายกของประเทศไทย

                          - ท่านนายกรัฐมนตรี ก็มารีบแก้ปลายเหตุ ช่วยสั่งการเร่งหาทางขุดคลองเอาน้ำไปลงทะเลเพิ่มขึ้น โดยมอบหมายให้กองทัพบกดูแลให้เสร็จ ภายในห้าวัน  แสดงว่าท่านก็วิตกว่าน้ำท้วมกรุงเทพฯ แน่ๆ แต่นี่มันปลายเหตุ มันต้องแก้ที่ต้นทาง อย่าให้น้ำเหนือมาซ้ำเติม ต้องทำตามที่ผมเสนอ จะทำให้ระดับน้ำนครสวรรค์ลดลง  เขื่อนยังระบายน้ำออกได้ปกติ  น้ำจะถูกไปพักชั่วคราวที่แก้มลิงธรรมชาติของทุ่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งทุ่งสุพรรณบุรี แต่ระดับจะไม่สูงมาก และชลอเวลาเพื่อลงทะเล  ระดับน้ำที่อยูธยา ปทุมธานี  กรุงเทพฯ จะลดลงทันที ไม่ต่ำกว่า 0.50 - 1.00 เมตร ครับ อย่ามาแก้ปลายเหตุเลยครับท่านนายกรัฐมนตรีที่รัก ขอให้เฉลี๋ยวใจ คิดในทางตรงกันข้ามบ้างครับ ดังพุทธดำรัสแรกตรัสรู้ที่ควงต้นพระศรีมหาโพธิ์ "ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนมีเหตุ เป็นปัจจัยทั้งสิ้น เกิดขึ้นเองไม่ได้  ถ้าเหตุดับ ผลที่เกิดขึ้นจะดับ" เราเอาน้ำไปพักตามแก้มลิงธรรมชาติ จริงอยู่ชาวบ้านจะถูกน้ำท้วมแทน แต่ยังอยู่ได้ แต่ปัจจุบันระดับน้ำมันสูงมาก จนไม่มีถนนให้อยู่ อยู่แล้ว จะไปอยู่ที่ไหนกัน ทุกท่านเห็นทาง TV แล้ว จณะนี้น้ำกำลังเข้าทางด้านหลังของโรงงานประกอบรถยนต์ HONDA ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ เป็นโรงงานเพียงแห่งเดียวของ HONDA ท่านนึกภาพดู เสียหายขนาดไหน มากกว่าประชาชนทั่วไปลิบลับ

                             จริงอยู่ตามภาพข่าวชาวบ้านใต้ประตูบางโฉมศรีที่ยังไม่ยอมอพยพมี 20 หลังคาเรือน เมื่อเทียบกับน้ำท้วมนิคมอุตสาหกรรม เมืองประวัติศาสตร์อยุธยา และกทม. มันเทียบกันไม่ได้เลยครับ  ผมแสดงความเห็นด้วยความเป็นธรรม สงสารก็สงสาร แต่ประเทศชาติมันจะล้มจมเพราะน้ำ ครับ เพราะแหล่งอุตสาหกรรม รายได้หลักของประเทศ คนงานนับล้าน รวมทั้ง กทม. มันจะจมน้ำจริงๆ ตามนิคมอุตสาหกรรม ดังที่ทุกท่านเห็นทาง TV แล้วเราจะเอาเงินที่ไหน มาชดเชยบรรดาโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านั้นครับ ภาษีก็เก็บไม่ได้  งามหน้าละครับ คอยดูต่อไป

                           ความเห็นนี้ตัดแป๊ะข้างฝาไว้ได้เลยครับ แต่ผมขอวิงวอนอย่าให้เป็นดังคำทำนายของผมเลยครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3365 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2554, 21:05:25 »

                        อาทิตย์นี้ผมงดตีกอล์ฟ เตรียมเก็บของหนีน้ำ ให้หลานชายมานำรถกลับไปไว้สิงห์บุรีหนึ่งคัน และวันจันทร์ถ้ายังไม่ท้วม ผมจะนำรถไปไหวที่โคราช ที่ ST GROUP อยู่กรุงเทพฯโดยไม่มีรถใช้  ไม่ไปไหน จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นจนแน่ใจว่าน้ำไม่ท้วมหรือน้ำท้วมลดลงแล้ว ครับ

                        ข้างๆบ้านเขาเตรียมเก็บของ  ยกรถให้สูงขึ้น และเตรียมซื้ออาหารมาสำรองไว้แล้ว ผมก็จะสำรองอาหารเอาไว้เหมือนกัน ครับพรุ่งนี้จะดำเนินการ ไม่หวังพึงความช่วยเหลือ แต่ต้องยอมเสี่ยงน้ำท้วมบ้าน วัดใจกับเขื่อน กทม. ครับ เพราะวันนี้น้ำท้วมที่วัดลาดพร้าวหนึ่งเมตร เอ่อมาจากน้ำฝน และคลองลาดพร้าว ครับ  กทม.ก็บอกว่าเขตลาดพร้าว โดยเฉพาะแถวๆ วัดลาดพร้าวเสี่ยงต่อน้ำท้วมสูงมาก ถ้าท้วม น้ำก็จะกลับมาท้วมแถวๆ บ้านผมแน่นอน เหมือนปี 2538 กทม. ก็บอกแล้ว ปีนี้น้ำมากกว่า 2538 จึงไม่คิดอะไร เอารถรอดเป็นประการแรก บ้านปล่อยมันตามกรรมที่เราเคยก่อเอาไว้ ชดใช้ให้หมดในชาตินี้

                        ราตรีสวัสดิ์ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3366 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2554, 23:13:33 »

สวัสดีครับพี่สิงห์

เมื่อเช้า ระดับน้ำท่วมขึ้นสูงกว่า 20 ซ.ม. ต้องเร่งแก้ไขและกู้สินค้าขึ้นไว้ที่สูง
แฟนของผมออกไปที่ตลาดเพื่อซื้อเครื่องยันมาร์และนาคขนาด 8 นิ้ว ท่องูเหลือม 10 นิ้วพร้อมน้ำมันกลับมา
ติดตั้งและเริ่มสูบน้ำได้เมื่อเวลา 17.00 น.พอดี
ระหว่างติดตั้งนาคสูบน้ำ คนงานไปเจองูเห่าตัวใหญ่มาก ขนาด 2 กก.เศษ เลยได้อาหารพิเศษไป
ผมต้องเสียเหล้าไปหลายขวด เพื่อเป็นของแกล้ม สนุกไปอีกอย่างหนึ่งครับ


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3367 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2554, 23:35:16 »

บทความใน คม ชัด ลึก อนนไลน์..........

แกนโลกสลับขั้วจุดเริ่ม'น้ำท่วมโลก'
แกนโลกสลับขั้ว...เริ่มวิกฤติ 'น้ำท่วมโลก' : โต๊ะรายงานพิเศษ รายงาน

           ช่วงนี้สมาชิกผู้เชื่อมั่นคำพยากรณ์ "วันน้ำท่วมโลก 2012" ต่างอยู่กันไม่เป็นสุข เพราะต้องช่วยกันเฝ้าจับตาดูเหตุการณ์พายุน้ำฝน น้ำป่า น้ำทะเล ไหลท่วมทะลักเข้าประเทศไทยทุกสารทิศ เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สอดคล้องกับคำวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญอย่าง นายวีระ วงศ์แสงนาค ที่ปรึกษาอธิบดีกรมชลประทานประเมินว่า น้ำท่วมไทยปี 2554 ถือว่าเลวร้ายสุด และทำลายสถิติอุทกภัยที่เคยบันทึกมาทั้งหมด !!

           "ปกติแล้วกรมชลประทานจะใช้ตัวเลขปริมาณน้ำเมื่อปี 2538 และปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่น้ำท่วมมากสุดเป็นมาตรฐานวัดสถิติน้ำท่วม โดยระดับน้ำสูงสุดจากระดับน้ำทะเลปานกลางของปี 2538 บริเวณ จ.ปทุมธานี อยู่ที่ 3.17 เมตร แต่ปี 2554 สูงถึง 3.21 เมตร ส่วนระดับน้ำที่ จ.นนทบุรี ปี 2538 สูงที่ 2.33 เมตร แต่ปีนี้พุ่งสูงสุดที่ 2.56 เมตร..." นายวีระ ยกตัวอย่าง

           จนถึงวันนี้...ยังไม่มีใครวิเคราะห์ได้ว่า น้ำจะท่วมเพิ่มสูงขึ้นไปอีกเท่าไร !?!

           หลายคนไม่เชื่อว่าคำพยากรณ์น้ำท่วมโลกจะเป็นเรื่องจริง อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ยังแปลกใจเมื่อเห็นสถิติพายุมรสุมในแต่ละปีมีจำนวนมากขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บางคนเชื่อว่าเกิดจากภาวะภูมิอากาศแปรปรวน หรือ ภาวะโลกร้อน แต่หลายคนเชื่อว่ามหันตภัยน้ำท่วมปีนี้ คือ จุดเริ่มต้นของน้ำท่วมโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012 หรือ พ.ศ. 2555

           กลุ่มผู้เชื่อใน "วันน้ำท่วมโลก" อ้างอิงข้อมูลวิทยาศาสตร์ว่า 1.ธารน้ำแข็งบริเวณหมู่เกาะกรีนแลนด์ ซึ่งตั้งในมหาสมุทรอาร์กติกทางเหนือกำลังละลาย ด้วยพื้นที่กว่า 2.2 ล้าน ตร.กม. มีน้ำแข็งกว่า 19 ร้อยล้านตัน น้ำแข็งกำลังละลายเป็นน้ำวันละ 1 ล้านตัน โดยจะไหลลงมาสะสมจนทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในปี 2012 ขณะที่คำทำนายจากกลุ่มนักวิจัยอวกาศอ้างว่า องค์การนาซา หรือองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์คำนวณได้ว่า "วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว" หมายถึง ขั้วโลกเหนือจะพลิกมาอยู่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้นโลกจะไม่มีพลังสนามแม่เหล็กออกมาป้องกันรังสีต่างๆ ทำให้พลังความร้อนสูง หรือ "เปลวสุริยะ" (solar flare) จากดวงอาทิตย์พุ่งตรงมายังโลก ทำให้ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลัน เกิดหายนะน้ำท่วมทั่วโลก

           "สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา" อดีตนักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซา ให้สัมภาษณ์ว่า น้ำท่วมไทยปีนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะมีการเตือนภัยมานานกว่า 10 ปีแล้ว เนื่องจากระหว่างที่แกนโลกเคลื่อนตัวพลิกกลับขั้วจากเหนือไปใต้นั้น ส่งผลให้พลังสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลง แกนโลกเอียงจาก 23.5 องศาเป็น 24.5 องศา ภาวะแปรปรวนของจักรวาลทำให้โลกร้อนระอุอย่างรวดเร็ว น้ำแข็งจากทั่วโลกละลายเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะเกิดพายุลมมรสุมและภัยธรรมชาติด้านต่างๆ

           "เปรียบเทียบได้กับไฟฟ้าลัดวงจร ปกติไฟฟ้าจะวิ่งจากสูงลงต่ำ แต่พลิกกลับด้านเป็นวิ่งจากต่ำขึ้นสูง ภัยพิบัติธรรมชาติจะมีทั้ง ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ สังเกตไหมว่าช่วงปีที่ผ่านมา มีรายงานข่าวเรื่องดินถล่ม โคลนถล่ม ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก จากนั้นก็เกิดคลื่นยักษ์สึนามิและน้ำท่วมในประเทศต่างๆ ต่อไปจะเกิดภัยธรรมชาติที่เกี่ยวกับลม เช่น พายุลมที่ปกติความเร็ว 40 กม.ต่อชม. จะเพิ่มเป็น 450 กม.ต่อชม. จากนั้นจะเกิดเป็นไฟป่าทั่วไป หน้าร้อนจะร้อนมากขึ้น" อ.สุมิตร กล่าววิเคราะห์

           สำหรับนักวิทยาศาสตร์ไทยกลุ่มที่ไม่ปักใจเชื่อเรื่องน้ำท่วมโลกนั้น พวกเขาวิเคราะห์ว่า น้ำท่วมประเทศไทยหนักขึ้นทุกปี เพราะแผ่นดินทรุดตัวและมีการสร้างตึกสูงหรือสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ขวางทางน้ำไหล "ดร.เสรี ศุภราทิตย์" ผอ.ศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ข้อมูลว่า จากงานวิจัยเรื่อง "ผลกระทบและแนวทางการปรับตัวจากผลพวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อกรุงเทพฯ และปริมณฑล" พบว่า ปกติพื้นที่กรุงเทพฯ รับปริมาณน้ำฝนไหลผ่านได้ไม่เกิน 2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที แต่ปี 2554 มีน้ำไหลผ่าน 4,700 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้น้ำท่วมหนัก

            สาเหตุหลักเกิดจาก 1.พื้นที่ชายฝั่งทะเลไทยหายไปปีละประมาณ 10 เมตร และพื้นดินเป็นดินอ่อนมีการทรุดตัวอยู่ตลอดเวลา อีก 40 ปีข้างหน้าจะทรุดต่ำลงไปอีกประมาณ 30 ซม.ทำให้น้ำท่วมง่าย และ 2. ผลจากภาวะโลกร้อนเมื่อน้ำฝนเพิ่มมากขึ้นการระบายน้ำจึงไม่ทัน ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ตามแนวชายฝั่งมักจะมีการสร้างตึกสูงหรือสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำไหล ทำให้ไม่มีช่องทางระบายน้ำออก

           "องค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจสหภาพยุโรป (โออีซีดี)ใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์น้ำท่วมในอนาคต มีผลยืนยันได้ว่าอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า คือ พ.ศ. 2563 จะเกิดน้ำท่วม 9 เมืองใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย หนึ่งในนั้นมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย คือ 1.เมืองโกลกาตา 2.เมืองมุมไบ อินเดีย 3.เมืองดักกา บังกลาเทศ 4.มณฑลกวางสี จีน 5.เมืองเซี่ยงไฮ้ จีน 6.นครโฮจิมินห์ เวียดนาม 7.เมืองไฮฟอง เวียดนาม 8.เมืองย่างกุ้ง พม่า และ 9.กรุงเทพมหานคร ตอนแรกคาดกันว่าน้ำจะเริ่มท่วมประมาณปี 2560 2561 2562 แต่ไม่รู้ว่า 2554 คือจุดเริ่มต้นหรือเปล่า วิธีแก้คือต้องปล่อยให้น้ำไหลไปตามทางธรรมชาติ อย่าสร้างสิ่งกีดขวาง" ดร.เสรีกล่าวแนะนำทิ้งท้าย


http://www.komchadluek.net/detail/20111008/111212/แกนโลกสลับขั้วจุดเริ่มน้ำท่วมโลก.html
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #3368 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2554, 00:06:13 »

พี่สิงห์คะ,
ข่าว 19.00 น ตอนนี้
บอกว่าอุณหภูมิตก หิมะแรกตกที่สวิสฯ
หลายช่องแคบผ่านไม่ได้ อย่าง Gothard Tunnel
บริเวณเทือกเขาแอลป์หิมะแรกตกแล้วพี่!


nn.
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3369 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2554, 08:32:03 »


โครงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนไม่ให้น้ำท้วมภาคกลาง ในฤดูน้ำหลาก

โครงการที่ ๑

การขุดแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก และ มีประตูเปิดในหน้าน้ำ ปิดในหน้าแล้ง เรือบรรทุกหนักสัญจรได้

เสนอโดย

นายมานพ  กลับดี
 
ประชาชนผู้ไม่อยากให้คนไทยต้องถูกน้ำท้วมซ้ำซาก หมดตัวทุกปี


วัตถุประสงค์
                    - เร่งระบายน้ำทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ในฤดูน้ำหลาก ลงทะเลเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่าจากเดิม

                    - ขยายเขตเศรษฐกิจ  ได้เมืองใหม่ให้คนมีที่อยู่อาศัย ได้เขตอุตสาหกรรม โดยไม่ต้องไปแย่งพื้นที่เกษตรที่มีอย่างจำกัด

                    - มีน้ำประปา และน้ำใช้เพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี ลดการเจาะบ่อบาดาล

                    - ไม่ต้องลงทุกมากนัก เพราะเราจะพัฒนาที่ดินสองฝั่งแม่น้ำใหม่ที่เป็นผลจากการขุดดินขึ้นมาและถมดินลงสองฝั่งแม่น้ำ นำไปจัดสรรค์ที่อยู่อาศัย ตัวเมือง เขตอุตสาหกรรม ฯลฯ

                     - เป็นการเพิ่ม GDP ของประเทศอย่างมหาศาล โดยไม่ต้องลงทุนมาก ดีกว่าการเอาเงินไปทำถนน ทำเขื่อน ซ่อมแซม ช่วยเหลือตอนน้ำท้วม มากมายมหาศาลมากนักในแต่ละปี ๆ

หลักการ

                       โดยปกติดินที่อยู่ตามธรรมชาติจะอัดแน่น เมื่อขุดออกมาแล้วถมลงไปใหม่จะขยายตัวได้มากกว่าเท่าครึ่ง สมมติ เราขุดแม่น้ำลึก ๑๐.๐๐ เมตร กว้าง ๑๐๐ เมตร เราจะได้ที่ดินถมโดยประมาณทั้งสองฝั่งแม่น้ำที่ถมสูง ๑.๕๐ เมตร เราจะได้ที่ดินกว้างฝั่งละ ๕๐๐ เมตร นำมาพัฒนาเพื่อขายเอาเป็นเงินค่าขุดแม่น้ำ และเวนคืนที่ดิน ครับ

วิธีการทำ

                      - เวนคืนที่ดินตามแนวทางที่แม่น้ำตัดผ่าน ด้วยความยุติธรรม ตรงสู่ทะเลให้มากที่สุด สายตะวันตกเริ่มจากอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพราะว่าแม่น้ำเจ้าพระยานั้นพอเลยจากอำเภอพรหมบุรีขึ้นไปทางเหนือแม่น้ำเจ้าพระยาจะกว้างมาก แต่จากอำภเภอพรหมบุรีจะเลยไปเป็นคอขวดเมื่อเข้าสู่จังหวัดอ่างทอง อยุธยาตัวเมือง และขยายออกที่บางไทร อยุธยาจึงรับน้ำเต็มๆ ไปลงทะเลแถวๆ บางบอน บางขุนเทียน หรือเกือบถึงสมุทรสาคร  
                      - ให้สิทธิผู้ที่แม่น้ำตัดผ่านที่ดิน สามารถซื้อที่ดินที่พัฒนาแล้วในราคามิตรภาพกลับคืน

                      - ประมูลที่ดินที่พัฒนาแล้ว หรือยัง ให้เอกชนสนใจมาลงทุนขุด พัฒนาที่ดินเป็นแปลงๆ เองตามแบบที่กำหนด

                      - ทำโครงการด้วยความโปร่งใสจริงๆ ไม่มีผลประโยชน์ แอบแฝง

                      - ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลแท้จริง ได้มีส่วนร่วมในการทำ แล้วจะสำเร็จ อย่ามุบมิบเผด็จการ

                      ผมขอเสนอคร่าวๆ แบบนี้ไปก่อน ในส่วนรายละเอียดนั้นมันมีมากมหาศาล ขอให้เป็นไอเดียสั้น ๆ ให้สามารถเข้าใจได้ถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ทิศทางการหาเงินเอามาลงทุนขุดแม่น้ำ และผลกระทบกับคนจำนวนมากที่จะต้องโดนเวนคืนที่ดิน แต่ก็คุ้มสุดคุ้ม ตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมาประเทสไทยไม่เคยมีการขุดแม่น้ำเพิ่มเลย มีแต่ถมคลองที่พระองค์ท่านขุดเอาไว้เพื่อป้องกันน้ำท้วม กทม.เสียอีก จะช้าจะเร็วก็ต้องขุดครับ เพราะมันจำเป็นต่อการลดปัญหาน้ำท้วมซ้ำซาก จริงๆ ผมยังเชื่อมั่นว่าใช้เงินลงทุนน้อยกว่า เอาเงินไปถมถนนเพิ่ม ซ่อมถนน ทำเขื่อนป้องกันน้ำท้วม และเงินช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท้วม เงิมซ่อมแซมต่างๆ นาๆ และการเสียโอกาสในการทำธุรกิจทางการเกษตร และอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท้วม และระดับน้ำมันจะท้วมสูงขึ้นทุกปี เป็นอย่างนี้ ดังเช่นที่ท่านเห็นภาพตาม TV อยู่ในขณะนี้


                      
วิธีการทำ

                       - ทำแบบซื่อๆ เลย ระดมรถขุด(แบคโค) รถบรรทุก  รถเกรด  รถแทรกเตอร์ รถบดถนน ขุดแล้วเอาไปถม บดอัดให้แน่น เครื่องจักรในประเทศมีเพียงพอ เป็นการจ้างงานได้มหาศาล เพิ่ม  GDP ให้กับประเทสแบบก้าวกระโดด

                       - ทำดีหน่อยเพื่อให้ถูกลง เอารถกิ้งก่า (เรียกตามสมัยที่ผมเป็นเด็ก ที่กรมชลประทานมาขุดคลอง) มาเปิดหน้าดิน เอาดินไปถม บดอัด เป็นแนวตวามความกว้างที่ได้ประมาณการเอาไว้ ขุดลึกจนถึงน้ำ หรือรถไม่สามารถทำงานได้อีกแล้ว ในแม่น้ำใหม่จะมีน้ำ ซึมขึ้นมาหรือเิปดน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้า ใช้เรือดูดดิน-ทราย โดยเฉพาะ(ตามที่ท่านเคยเห็น DUBAI ใช้เรือดูดทรายในทะเล แล้วเอาไปพ้นออกถมเป็นพื้นดินใหม่) ขึ้นมาผ่านท่อที่เคลื่อนย้ายได้ เอาไปพ้นลงในพื้นที่ที่ต้องการจะถม ทั้งสองฝั่ง  ผมเชื่อว่าเตรียมการดีๆ ปีเดียวเท่านั้นครับ เราก็ได้แม่น้ำเพื่อระบายน้ำสายใหม่แล้ว
                       - จากนั้น พัฒนาที่ดินตาม Master Plan วางถนน ประตูระบายน้ำ ไฟฟ้า  ประปา เขตเมื่อง เขตราชการ เขตบ้านพักอาศัย เขตอุตสาหกรรม ท่าเรือ

                       - ทำประตูเปิดปิดแม่น้ำ(เขื่อน) ตรงจุดที่ระบายออกทะเล และถ้าเป็นไปได้ตรงจุดที่บรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อว่าหน้าแล้งมีน้ำใช้ตลอดปี และป้องกันน้ำทะเลเข้ามา หน้าน้ำระบายน้ำออก

                       - จะเพิ่มแหล่งทำมาหากินให้กับคนจำนวนมหาศาล ในยามเศรษฐกิจโลกตกต่ำเป็นอย่างดี ครับ

                       - สมัยโบราณ เราสร้างเมือง สร้างที่อยู่อาศัย ริมแม่น้ำเสมอ ครับ

                       - ค่าขุดดินเอาไปถมใหม่นั้น cu.m. ละไม่เกิน 300 บาท สมมติแม่น้ำยาว 150 กิโลเมตร ใช้เงิน = 300*100*10*150*1000 = 45,000 ล้านบาท ครับ  น้อยกว่าเงินที่จะต้องชดใช้ให้กับชาวบ้านที่ถูกน้ำท้วมในปีนี้เสียอีกครับ ที่แพงคือค่าเวณคืนที่ดิน แต่อย่าลืมสมมติเราขายที่ดินที่พัฒนาแล้ว ตารางวาละ 5,000 บาท คิดอย่างไรก็ได้กำไร อยู่ดีครับ ไม่เชื่อลองให้ ดร.สุริยา หรือคุณพรชัย หรือนักพัฒนาที่ดินมาตีราคาดูจะพบ ว่าไม่ต้องลงทุนอะไรมากเลยจริงๆ กำไรเห็นๆ

                       - การหาเงินที่จะนำมาใช้ดำเนินการก่อน คือใช้วิธีออกพันธบัตรเงินกู้ขุดแม่น้ำเจ้าพระยาสาย ๒ ขายให้กับประชาชน

                       - เพียงแต่ ต้องประชาสัมพันธ์ให้คนไทยทั้งประเทสเข้าใจและมีความจำเป็น ที่จะต้องมีเจ้าพระยาสายใหม่ เราไปแก้ไขในสิ่งที่ไม่เป็นระเบียบผิดธรรมชาติ คือบรรดาถนน บ้านจัดสรรค์ อุตสาหกรรม ที่ขวางทางน้ำ แย่งพื้นที่แก้มลิงตามธรรมชาติ ไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีนี้ละครับ จะเป็นวิธีที่ยั่งยืน ไม่ใช่ปล่อยให้กรมทาง กรมชล เทศบาล เมือง วัด ศูนย์ราชการ อุตสาหกรรม มาทำเขื่อนให้สูงขึ้นทุกปี อุดจาดสายตา แต่ประชาชนรอบนอกยังน้ำท้วมทุกปีเหมือนเดิมและหนักยิ่งขึ้น เสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการขุดแม่น้ำเสียอีกเพียงปีเดียว และแก้ปัญหาไม่ได้อยู่ดี ครับ ตรองดูด้วยปัญญา ครับ

                         คิดอย่างไรก็คุ้มค่ากับการลงทุนครับ ขอให้ทุกท่านตรองด้วยปัญญา ตามหลัก กาลามสูตร ครับ

                         สวัสดี

                         มานพ   กลับดี

                         9  ตุลาคม 2554


                       ผมขอรบกวน ชาวซีมะโด่งที่มีความสามารถ นำสิ่งที่ผมเขียนนี้ส่งไปให้พรรคการเมืองทั้งรัฐบาล  ฝ่ายค้าน  ท่านรัฐมนตรี  ท่าน สว. ท่าน สส. รวมทั้งสิ่งที่ผมได้เขียนมาตั้งแต่น้ำเริ่มต้น รวบรวมเป็นหมวดหมู่ นำไปให้ท่านผู้มีเกียรติเหล่านั้นได้อ่าน จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง ผมยินดีออกค่าใช้จ่ายให้ ครับ โดยเแพาะบรรดาเหล่า Admin. ที่สามารถกระทำได้รวบรวมทั้งหมด เป็นเล่มเกี่ยวกับสิ่งที่ผมแสดงความคิดเห็น ทุกกระทู้ เกี่ยวกับน้ำท้วม เพื่อให้ผู้ทรงเกียรติ สส.สว ได้อ่าน ครับ

                        ขอบคุณมาก
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3370 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2554, 10:17:56 »


                       สรุปสถานการณ์ปริมาณน้ำ
                            - ปริมาณน้ำที่เขื่อนภูมิพล สิริกิต์ แควน้อย ป่าสัก เกือบถือว่าปล่อยออกมาในปริมาณเท่าเมื่อวานนี้  ดังนั้นคุณเหยงเตรียมรับน้ำที่เพิ่มขึ้นอีก ๒๐ เซนติเมตรครับ วันนี้และพรุ่งนี้

                            - ปริมาณน้ำที่ปล่อยออกมาจากเขื่อนเจ้าพระยา ป่าสัก พระรามหก เพิ่มขึ้นนิดหน่อย ผลคือระดับน้ำที่สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นอีกประมาณ ๕-๑๐ เซนติเมตร ดังนั้นทุกท่านต้องเฝ้าระวังน้ำท้วม กทม. ครับ

                            - ข่าวดีปริมาณฝนในอาทิตย์นี้ลดลง ฝนตกน้อย จะเป็นผลดีทำให้น้ำไม่เพิ่มขึ้นในปริมาณที่ควบคุมไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้ผมขอวิงวอนเทวดาที่รักยิ่ง อย่าตกมาซ้ำเติมเลยสักสองอาทิตย์ ครับ น้ำจะไหลลงทะเลได้มาก เป็นการให้ประชาชนที่ถูกน้ำท้วมได้มีสติ หายใจโล่งอกขึ้น ครับ

                            - โดยรวมเฝ้าระวังน้ำท้วมอย่าไปไหน ไกลๆ ครับ สำหรับชาวกรุงเทพฯ ตอนนี้อาหารต่างๆ เริ่มร่อยหลอลงตามห้าง เพราะประชากรชาวกรุงเทพฯ ไปรุมซื้อกันหมดเป็นห้างๆ แล้วครับ บ่ายนี้ผมก็จะไปซื้อเตรียมไว้เหมือนกันสำหรับอาหาร และจะไปเตรียมกระสอบทรายอุดหน้าบ้าน อุดท่อระบายน้ำในบ้าน ซื้อเครื่องสูบน้ำ บ้านผมมีอิฐบลีอคล้อมรอบ เอากระสอบทรายกั้นที่ประตูหน้าบ้าน และสูบน้ำออกให้มีปริมาณของน้ำออกมากกว่าที่ซึมผ่านพื้นดินเข้ามา เท่านั้นก็อยู่ได้แล้วครับ  แต่ต้องหาที่จอดรถ หรือนำไปไว้ในที่สูง ฝากเพื่อนที่โคราช หยุดการใช้รถ หนึ่งเดือน ครับ
ดีเสียอีกจะได้อยู่บ้าน ปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้น และประหยัดเงินครับ

                             สวัสดี และขอให้โชคดีน้ำไม่ท้วมบ้านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3371 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2554, 13:43:37 »

อย่าลืมแสดงมุทิตาจิตต์แด่

พี่ทองอู่  จักรสิงห์

พี่ผู้อาวุโสของชมรมฯ

วันอาทิตย์ที่ ๙  ตุลาคม เวลา ๑๘: ๐๐ น. ณ ภัตตาคารสวนกุหลาบ ซอยอารีย์
      บันทึกการเข้า
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #3372 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2554, 14:23:51 »


                                

        พี่สิงห์ ที่เคารพรัก ผมนำโครงการแก้น้ำท่วมไปโพสต์ใน Facebook แล้วครับที่

               https://www.facebook.com/groups/120124054743600/

               https://www.facebook.com/groups/185668798140723/

               https://www.facebook.com/groups/197468403608526/

               https://www.facebook.com/groups/Triam35/

               https://www.facebook.com/guanyupk
 
                                     หลั่นล้า หลั่นล้า หลั่นล้า
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
Samrotri2517
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
****


จะเป็นด้านที่1และ2ของ3เหลี่ยมฯ เพื่อให้เกิดด้านที่3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: รหัสเข้า 17 รุ่น 57
คณะ: แพทยศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 30
กระทู้: 1,915

« ตอบ #3373 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2554, 15:28:40 »


        

         Rattawoot Pratoomraj ผมไ่ม่ใช่ผู้รู้แต่ได้ยินว่า แนวทางที่ประหยัด สอดคล้องตาม
แนวพระราชดำริ คือพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กเป็นพื้นที่รับน้ำ(หน้าแล้งใช้ทางการเกษตรได้อีก)

         ทำแก้มลิงที่ถูกหลักวิชาการ ขุดลอกคูคลอง และแม่น้ำ ระบบระบายน้ำที่มีอยู่ทั้งหมด
ตลอดจนรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่น ฝายทดน้ำขนาดเล็ก ฯลฯ กำหนดผังเมืองบังคับใช้จริงจัง
ไม่สร้างสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำหลากเข้าสู่ระบบระบายน้ำ อนุรักษ์ป่าไม่ใหญ่บนภูเขาช่วย
ดูดซับน้ำ ปลูกหญ้าแฝกยึดดิน ก็จะแ้ก้ทั้งปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ได้อย่างยั่งยืน

         ประเด็นคือ โครงการมันเล็ก แต่เยอะ กระจายทั่วประเทศ ซึ่งนักการเมืองส่วนกลาง
ไม่ได้คอรัปชั่น สู้โครงการใหญ่ไม่ได้


                       ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ

นำมาเรียนพี่สิงห์ โครงการใหญ่ลงทุนสูงคอรัปชั่นง่าย สู่โครงการเล็กกระจายทั่ว ๆ ไม่ได้

         จาก https://www.facebook.com/groups/197468403608526/?id=276943045661061&notif_t=group_activity

                        gek gek gek
      บันทึกการเข้า

3 เหลี่ยมเขยื้้อนภูเขา เสนอโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี มี 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านให้ความรู้กับกลุ่มคน ด้านที่ 2 กลุ่มคน ที่ได้รับความรู้ เห็นด้วย สร้างวัฒนธรรมไม่มีบทลงโทษถ้าไม่ทำ ด้านที่ 3 ด้านการเมือง เป็นด้านออกกฏหมาย มีบทลงโทษถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้ามีครบ 3 ด้านจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3374 เมื่อ: 09 ตุลาคม 2554, 17:36:08 »

ข้อมูลน้ำที่จังหวัดนครสวรรค์

วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม 2554
มีมวลน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ ในปริมาณ 4,650 ลบ.เมตร/วินาที คงที่เท่ากับเมื่อวานนี้
ระดับน้ำหน้าตึกเจ้าพระยาหลักทรัพย์ เพิ่มขึ้น 1 ซ.ม. จากเมื่อวาน ส่งผลให้นำเหนือสันพนัง 70 ซ.ม.

      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 133 134 [135] 136 137 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><