|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3326 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 04:04:22 » |
|
พี่สิงห์ขราาา เค้ายิ่งเครียดๆกันเรื่องน้ำท้วม... หนิงอยากเครียดไปด้วยคะ(เพื่อกวามสมจริง!) พอเข้ามาอ่านสถานการณ์น้ำท้วมที่นี่... .. .. ตกลงคุณปราโมทย์ ท่านอดีตอธิบดีของเรา.. กลัดหรือไม่กลัดคะ? .. .. ไม้กลัดไม่ไช่เหรอพี่??
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3327 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 04:25:03 » |
|
แม่นแน่... หนูรับประกัน... ว่า"กลัด"คะ
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3328 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 04:46:10 » |
|
บอกแล้ว...ว่าsheชอบ"ล้วง" .. .. อาจารย์ปราโมทย์ ไม้กลัด เกิดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2483 ที่บ้านแขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ เข้าเรียนที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ธนบุรี และโรงเรียนอำนวยศิลป์ที่เขตพญาไท ตามลำดับ เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 แล้ว ได้เข้าเรียนที่คณะวิศวกรรมชลประทาน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ใน พ.ศ. 2501 จนจบปริญญาช่างชลประทานบัณฑิต (เกียรตินิยม) ใน พ.ศ. 2506 .. .. รุ่นพี่พี่ไข่-กมล พี่ชายหนิง และรุ่นพี่พี่สิงห์ด้วย! .. .. ฮั่นแน่
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #3329 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 05:07:16 » |
|
อรุณสวัสดิ์ ค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก
ขอบคุณมากที่แก้ไขให้ถูกต้อง เพราะบางครั้งลืมตรวจสอบครั้งที่สอง ครับ
ขณะนี้เวลา 05:06 น. พี่สิงห์อยู่ที่สนามบินดอนเมือง รอขึ้นเครื่องไปนครศรีธรรมราช ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #3330 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 05:08:45 » |
|
ไม่รู้จัก ผมไม่ใช่นักท่องเวบ แต่ก็ขอบคุณมาก
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #3331 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 08:23:25 » |
|
รู้ประวัติ พุทธสาวก อรหันต์ เอตทัคคะ
ลำดับที่ ๒๘
พระพาหิยเถระ
เอตทัคคะในทางขิปปาภิญญา
(ตรัสรู้เร็วพลัน)
พระพาหิยะ เกิดในวรรณแพศย์ ตระกูลกุฎุมพี แคว้นพาหิยะ คงจะเรียกชื่อท่านตามชื่อแคว้น เมื่อเจริญวัยขึ้นได้ประกอบอาชีพค้าขายตามบรรพบุรุษ เนื่องจากมีถิ่นฐานอยู่แถบชายฝั่งทะเล จึงอาศัยเรือเดินทะเลบรรทุกสุวรรณภูมิ อันตั้งอยู่ในแคว้นกัมโพชะ อินเดียตอนเหนือ ท่าจอดเรือรับส่งขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือสุปปารกะ ในอปรันตชนบท
• เรือแตกแต่รอดตาย
การเดินเรือค้าขายเป็นไปตามปกติตลอดมา แต่วันหนึ่งขณะที่เรือกำลังเล่นอยู่ในทะเลใกล้จะถึงท่าสุปปารกะ ได้มีลมพายุเกิดคลื่นใหญ่ซัดเรืออับปางลงลูกเรือตายทั้งหมด พาหิยะ คนเดียวเท่านั้นที่อาศัยเกาะแผ่นกระดานสามารถพยุงกายมิให้จมน้ำตายเป็นเหยื่อปลาในทะเล พยายามกระเสือกกระสนประคองกายเข้ามาถึงฝั่งที่ท่าสุปปารกะได้ แต่พาหิยะก็มาถึงท่าเพียงตัวเท่านั้น เสื้อผ้าที่สวมใส่หลุดหายไปในทะเล เหลือแต่ร่างกายที่เปลือยเปล่า ณ บริเวณท่าเรือสุปปาระกะนั้น มีพ่อค้าประชาชนหนาแน่น เพราะเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้าและการค้าขาย พาหิยะ นอนหมดแรงอยู่ที่ชายฝั่งทั้งหิวทั้งเพลีย นอนคิดหาหนทางเพื่อเอาชีวิตรอดต่อไป แต่รู้สึกเขินอายที่ร่างกายเปลือยเปล่า ไม่มีสิ่งใดปิดบังร่างกายเลย จึงใช้เปลือกไม้บ้างใบไม้บ้าง เท่าที่จะหาได้มาทำเป็นเครื่องปิดบังแทนเครื่องนุ่งห่ม และได้เข้าไปอาศัยร่มเงาที่ศาลเทพารักษ์แห่งหนึ่งใกล้ ๆ บริเวณท่าเรือสุปปารกะนั้น พอความเหนื่อยเพลียบรรเทาลงแล้ว จึงถือแผ่นกระเบื้องเที่ยวขออาหารจากชาวบ้าน • อรหันต์เปลือย
ในยุคสมัยนั้นคำว่า “พระอรหันต์” เป็นคำที่ประชาชนกล่าวขานกันทั่วไปว่า มีอยู่ที่โน่นบ้าง มีอยู่ที่นี่บ้าง แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดได้เคยพบพระอรหันต์จริง ๆ เลย พอได้เห็นพาหิยะผู้นุ่งเปลือกไม้ มีร่างกายผ่ายผอม ถือแผ่นกระเบื้องเดินมาในลักษณะอย่างนั้น ต่างก็พากันเข้าใจว่า “นี่แหละ คือ พระอรหันต์” ดังนั้นจึงพากันให้อาหารบริโภคอย่างอุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ทำให้พาหิยะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่พาหิยะปฏิเสธไม่ยอมรับเสื้อผ้ามาสวมใส่ เพราะเกิดความคิดว่า “ถ้าสวมใส่เสื่อผ้าแล้ว จะทำให้เสื่อมจากลาภสักการะ” อีกทั้งก็เริ่มเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นพระอรหันต์จริง ๆ จึงดำรงชีวิตและปฏิบัติตนไปตามนั้น ใบไม้และเปลือกไม้ที่แห้งไปก็เปลี่ยนใหม่ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้นามต่อท้ายชื่อของท่านว่า “ทารุจิริยะ” และเรียกชื่อท่านเต็ม ๆ ว่า “พาหิยทารุจิริยะ” ซึ่งแปลว่า พาหิยะผู้มีเปลือกไม้เป็นเครื่องนุ่งห่ม และท่านได้ดำเนินชีวิตโดยทำนองนี้เรื่องมาเป็นเวลานาน
• พระพรหมมาเตือนให้กลับใจ
วันหนึ่ง ได้มีพระพรหม ผู้เคยเป็นสหายเก่าที่เคยปฏิบัติธรรมร่วมกันในอดีตชาติกับพาหิยะ และได้บรรลุธรรมถึงชั้นอนาคามิผล เมื่อตายแล้วได้ไปเกิดในพรหมชั้นสุทธาวาส ได้ติดตามดูพฤติกรรมของพาหิยะมาตลอด เห็นว่าสหายกำลังปฏิบัติผิดทาง ดำเนินชีวิตด้วยการลวงโลก ซึ่งจะทำให้เขาไปเกิดในทุคติอบายภูมิ จึงลงมาเตือนให้สติว่า “พาหิยะ ท่านไม่ใช่พระอรหันต์ บัดนี้ พระอรหันต์ที่แท้จริงเกิดขึ้นแล้วในโลกขณะนี้ พระองค์ประทับอยู่ ณ พระเชตะวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล”
• เดินทางทั้งวันทั้งคืน
พาหิยะ ได้ฟังคำเตือนของพระพรหมผู้เป็นสหายเก่าแล้วเกิดความสลดใจในการกระทำของตนเอง รู้สึกสำนึกผิดเลิกละการกระทำนั้น และเกิดความปิติยินดีที่ทราบว่า พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลก จึงรีบออกเดินทางจากท่าเรือสุปปารกะ มุ่งสู่เมืองสาวัตถี ซึ่งมีระยะทางถึง ๑๒๐ โยชน์ (๑๙๒ กม.) ท่านเดินทางทั้งวันทั้งคืนอย่างรีบร้อน เพื่อเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาให้เร็วที่สุดเพราะไม่รู้แน่ว่าความตายจะมาถึงเมื่อใด ท่านเดินทางมาถึงเมืองสาวัตถี ในเวลารุ่งเช้าแล้วรีบตรงไปยังพระเชตวันมหาวิหาร เมื่อได้ทราบว่า ขณะนี้พระบรมศาสดา เสด็จเข้าไปบิณฑบาตรในเมือง จึงรีบติดตามไปในเมืองและได้พบพระผู้มีพระภาคกำลังเสด็จบิณฑบาตรอยู่ ด้วยความปีติยินดีอย่างที่สุดได้เข้าไปกราบแทบพระบาทแล้ว กราบทูลขอให้ทรงแสดงธรรมให้ฟัง พระพุทธองค์ตรัสห้ามว่า “พาหิยะ เวลานี้ มิใช่เวลาแสดงธรรม”
• ตรัสรู้เร็วพลัน
พาหิยะ ได้พยายามกราบทูลอ้อนวอนถึง ๓ ครั้ง พระบรมศาสดา จึงทรงแสดงพระธรรมเทศให้ฟัง โดยตรัสสอนให้สำรวมอินทรีย์ คือ เมื่อเห็นรูปก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินเสียงก็สักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น ลิ้มรสก็สักแต่ว่าลิ้มรส และสัมผัสสักแต่ว่าสัมผัสเท่านั้น อย่ายินดียินร้ายในสิ่งเหล่านั้น และหมั่นสำเหนียกศึกษาในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อยู่เป็นนิตย์ พาหิยะ ส่งกระแสจิตไปตามกระแสพระธรรมเทศนา ก็ได้บรรลุพระอรหัตผลในทันที ท่านได้กราบทูลขออุปสมบท แต่พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระญาณว่า ในอดีตชาติท่านพาหิยะ ไม่เคยทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสามเณรด้วยบาตรและจีวรเลย เมื่อบวชแล้วบาตรและจีวรที่จะเกิดด้วยบุญฤทธิ์ก็จะไม่มี จึงรับสั่งให้ท่านไปหาบาตรและจีวรมาให้ครบก่อน และในขณะที่ท่านกำลังแสวงหาบาตรและจีวรอยู่นั้นได้ถูกอมนุษย์ผู้เคยเป็นศัตรูกันมากแต่อดีตชาติ เข้าสิงร่างแม่โคลูกอ่อนวิ่งเข้าขวิดท่านตาย จึงถือว่าท่านนิพพานตั้งแต่ยังไม่ได้บวช
พระพุทธองค์ เสด็จกลับจากบิณฑบาตทอดพระเนตรเห็นศพของท่านนอนอยู่ริมทางจึงรับสั่งให้ภิกษุที่ติดตาม จัดการฌาปนกิจให้ท่าน และทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทาง ขิปปาภิญญา คือ ตรัสรู้เร็วพลัน
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #3332 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 08:25:53 » |
|
ผมอยู่นครศรีธรรมราชครับ เช้านี้แสงแดดจ้า ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้ฝน ครับ
|
|
|
|
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557
|
|
« ตอบ #3333 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 08:38:15 » |
|
ไม่ได้แวะมานาน พี่สิงห์สบายดีนะครับ ^^
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #3334 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 09:43:03 » |
|
สวัสดีครับ คุณน้องไพรสนต์
พี่สิงห์สบายดีทั้งกาย และใจ ครับ
เธอเป็นอย่างไรบ้าง ? ทั้งสุขภาพและการงาน อย่าลืม เธอต้องสร้างครอบครัวใหม่เป็นของตนเอง ในขณะเดียวกันก็ต้องเอาใจใส่ดูแลพ่อ-แม่ หรือผู้มีพระคุณ คนที่มีความกตัญญูต่อ บิดา มารดา ครู และผู้อุปการะคุณ เป็นผู้ที่เจริญ จะมีผู้ช่วยที่มองไม่เห็นคอยเป็นกำลังใจและคุ้มครองให้ประสพความสำเร็จในชีวิตเสมอ
สวัสดีครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #3335 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 09:47:16 » |
|
อย่าลืมแสดงมุทิตาจิตต์แด่
พี่ทองอู่ จักรสิงห์
พี่ผู้อาวุโสของชมรมฯ
วันอาทิตย์ที่ ๙ ตุลาคม เวลา ๑๘: ๐๐ น. ณ ภัตตาคารสวนกุหลาบ ซอยอารีย์
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3336 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 10:06:09 » |
|
ออกคำเตือนมาได้สักครึ่งชั่วโมงแล้วครับ.......... คำเตือนจากเทศบาลนครนครสวรรค์ หากท่านได้ยินสัญญาณเตือนภัยเป็นไซเรนดับเพลิงพร้อมเสียงแตรรถดังสลับต่อเนื่องกันตลอดเส้นทาง
แสดงว่ากำลังเกิดน้ำไหลทะลักเข้าสู่พื้นที่เขตเมืองที่ไม่อาจควบคุมได้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง อพยพ ขนย้ายทรัพย์สินสู่ที่ปลอดภัยโดยทันที
พื้นที่รองรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม •สำนักงานเทศบาลนครนครสวรรค์ •วัดคีรีวงศ์ •โรงเรียนเทคโนโลยีภาคเหนือ •สนามกีฬากลางจังหวัด http://nsm.go.th/index.asp
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3337 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 10:13:28 » |
|
สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดนครสวรรค์ เริ่มวิกฤติมากขึ้น เนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ มีหลายพื้นที่ที่พนังกั้นน้ำแตก เนื่องจากนครสวรรค์มีแม่น้ำไหลผ่านหลายสาย ที่สำคัญในขณะนี้คือ แม่น้ำปิง ซึ่งมีน้ำก้อนใหญ่จากเขื่อนภูมิพล ที่ปล่อยล้านสปินเวย์ออกมาเกือบ 200 ล้าน ลบ.เมตร/วินาที
วันนี้ (7 ต.ค.) มีน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 4,596 ลบ.เมตร/วินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 18 ลบ.เมตร/วินาที ระดับน้ำหน้าตึกเจ้าพระยาหลักทรัพย์ ถนนริมเขื่อน สูงขึ้น 2 ซ.ม. เป็น 66 ซ.ม. จากขอบบนของพนังกั้นน้ำหรือ มีระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าพื้นถนนถึง 1.50 + 0.66 = 2.16 ซ.ม. แล้ว
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #3338 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 10:14:02 » |
|
สวัสดีครับ คุณเหยง
เป็นไปได้บอกให้เก็บเลยสิ่งของตั้งแต่เดี๋ยวนี้ บัดนี้ เพราะอย่าลืมระดับน้ำที่แตกต่างกันสามเมตร นั้น พอแตกเจาะทะลุทะลวงได้แรงดันมหาศาล มันจะแผ่กว้างทันที อย่าว่าแต่สิ่งของต้องขนย้ายเลย แม้ชีวิตคนยังช่วยตัวเองหนีไม่ทันเลยถ้าอยู่ในบริเวณที่แตก ครับ
เหยงอย่ายอมแพ้ อย่ายกธงขาว ต่อสู้ต่อไปกับน้ำ เอาชนะมันให้ได้ อย่าลืมยาวิเศษ "ยอมแพ้มัน เราฉิบหายหมดตัวทันที และไม่มีใครช่วยเลย" นี่จะเป็นกำลังใจที่ทำให้เราเอาชนะมันได้ครับ เรามีลูก ลุกน้องต้องดูแลรับผิดชอบ พี่สิงห์ ขอเป็นกำลังใจเอาชนะมันให้ได้ในครั้งนี้ ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3339 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 10:18:44 » |
|
ข้อมูลเป็นภาพครับ.....
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3340 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 10:22:14 » |
|
พยากรณ์อากาศครับ............. แต่หาข่าวดีไม่เจอเลย ?? ++!!! อุตุนิยมวิทยา ชี้ ภาคกลาง อีสานตอนล่าง ตะวันออก และใต้ฝั่งตะวันตก ฝนหนัก เตือนชาวเรือระวังคลื่นสูงวันนี้ (7 ต.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยารายงานลักษณะอากาศโดยทั่วไป ว่า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ซึ่งลักษณะเช่นนี้จะทำให้ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะนี้ ส่วนทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร จึงขอให้ชาวเรือระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย
สำหรับการพยากรณ์อากาศมีดังนี้
ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก สุโขทัย และพิษณุโลก อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา สุรินทร์ และบุรีรัมย์ อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดชลบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=562&contentID=168157
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #3341 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 10:32:12 » |
|
ผมขอวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยดลใจท่านนายกรัฐมนตรี คุณบรรหาร อธิบดีกรมชลประทาน อย่าดึงดันว่าจะรับสถานการณ์น้ำได้ ยอมรับความจริง ท่านรับน้ำจำนวนมหาศาลไม่ไหวหรอกครับ อย่าดึงดันเลย คนได้รับทุกข์มากเพียงพอแล้ว
- ยอมปล่อยให้น้ำไหลผ่านประตูบางโฉมศร๊ ไทรงาม ตามเดิม เพื่อเข้าสู่แก้มลิงธรรมชาติ เอาน้ำไปพักไว้ ที่ลุ่มเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก
- ยอมปล่อยน้ำเข้าแก้มลิงธรรมชาติฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา
- ยอมปล่อยน้ำไปทางสุพรรณบุรีเพื่อระบายลงทะเลให้มากกว่านี้
- ยอมปล่อยน้ำไปลงแม่น้ำบางปะกงให้มากกว่านี้
ถ้าทำสี่อย่างพร้อมกัน ณ บัดนี้ น้ำจะไปพักอยู่ในแก้มลิงธรรมชาติ และไหลลงทะเลเพิ่มขึ้น ลดปริมาณน้ำที่จะเข้าท้วมตามตัวเมือง เขตเศรษฐกิจ แหล่งอุตสาหกรรม ลงได้ ในขณะเดียวกันระดับน้ำที่สูงมากทุกจังหวัดจะลดลง ทันที คนยังพออยู่ได้ ตามบนถนนหนทาง แต่ถ้าปล่อยให้น้ำอยู่อย่างนี้ น้ำไม่มีที่ไป น้ำจะท้วมแบบขั้นบันได ถนนก็ไม่มีให้คนอยู่ ครับ ตรองด้วยปัญญาให้ดีๆ ให้สมกับเป็นมนุษย์อันประเสริฐ จะรักษาคะแนนเสียง หรือจะให้คนด่า ไล่ สาบแช่ง ครับ ซึ่งตอนนี้คนที่จมน้ำมานาน ก็ไม่พอใจแล้ว เขาก็มีปัญญาคิดออกแบบผมเหมือนกัน ครับ
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3343 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 11:15:08 » |
|
ภาพจากดาวเทียมอุตุนิยมฯ ของสหรัฐ ชุดที่ 1 บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดีย แต่ไม่น่ากระทบกับประเทศไทย
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #3344 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 11:20:00 » |
|
โครงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนไม่ให้น้ำท้วมภาคกลาง ในฤดูน้ำหลาก
โครงการที่ ๑
การขุดแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก และการขุดแม่น้ำป่าสักฝั่งตะวันออก ของแม่น้ำเจ้าพระยา
และมีประตูเปิดในหน้าน้ำ ปิดในหน้าแล้ง เรือบรรทุกหนักสัญจรได้
เสนอโดย
นายมานพ กลับดี ประชาชนผู้ไม่อยากให้คนไทยต้องถูกน้ำท้วมซ้ำซาก หมดตัวทุกปี วัตถุประสงค์
- เร่งระบายน้ำทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ในฤดูน้ำหลาก ลงทะเลเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าจากเดิม
- ขยายเขตเศรษฐกิจ ได้เมืองใหม่ให้คนมีที่อยู่อาศัย ได้เขตอุตสาหกรรม โดยไม่ต้องไปแย่งพื้นที่เกษตรที่มีอย่างจำกัด
- มีน้ำประปา และน้ำใช้เพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี ลดการเจาะบ่อบาดาล
- ไม่ต้องลงทุกมากนัก เพราะเราจะพัฒนาที่ดินสองฝั่งแม่น้ำใหม่ที่เป็นผลจากการขุดดินขึ้นมาและถมดินลงสองฝั่งแม่น้ำ นำไปจัดสรรค์ที่อยู่อาศัย ตัวเมือง เขตอุตสาหกรรม ฯลฯ
- เป็นการเพิ่ม GDP ของประเทศอย่างมหาศาล โดยไม่ต้องลงทุนมาก ดีกว่าการเอาเงินไปทำถนน ทำเขื่อน ซ่อมแซม ช่วยเหลือตอนน้ำท้วม มากมายมหาศาลมากนักในแต่ละปี ๆ
หลักการ
โดยปกติดินที่อยู่ตามธรรมชาติจะอัดแน่น เมื่อขุดออกมาแล้วถมลงไปใหม่จะขยายตัวได้มากกว่าเท่าครึ่ง สมมติ เราขุดแม่น้ำลึก ๑๐.๐๐ เมตร กว้าง ๑๐๐ เมตร เราจะได้ที่ดินถมโดยประมาณทั้งสองฝั่งแม่น้ำที่ถมสูง ๒.๐๐ เมตร เราจะได้ที่ดินกว้างฝั่งละ ๓๕๐ เมตร นำมาพัฒนาเพื่อขายเอาเป็นเงินค่าขุดแม่น้ำ และเวนคืนที่ดิน ครับ
วิธีการทำ
- เวนคืนที่ดินตามแนวทางที่แม่น้ำตัดผ่าน ด้วยความยุติธรรม ตรงสู่ทะเลให้มากที่สุด สายตะวันตกเริ่มจากอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพราะว่าแม่น้ำเจ้าพระยานั้นพอเลยจากอำเภอพรหมบุรีขึ้นไปทางเหนือแม่น้ำเจ้าพระยาจะกว้างมาก แต่จากอำภเภอพรหมบุรีจะเลยไปเป็นคอขวดเมื่อเข้าสู่จังหวัดอ่างทอง อยุธยาตัวเมือง และขยายออกที่บางไทร อยุธยาจึงรับน้ำเต็มๆ ไปลงทะเลแถวๆ บางบอน บางขุนเทียน หรือเกือบถึงสมุทรสาคร สำหรับแม่น้ำป่าสักให้เริ่มต้นที่สระบุรี ก่อนถึงตัวเมืองตัดผ่านนครนายก รังสิต บางปะกงไปเลย ลงทะเล
- ให้สิทธิผู้ที่แม่น้ำตัดผ่านที่ดิน สามารถซื้อที่ดินที่พัฒนาแล้วในราคามิตรภาพกลับคืน
- ประมูลที่ดินที่พัฒนาแล้ว หรือยัง ให้เอกชนสนใจมาลงทุนขุด พัฒนาที่ดินเป็นแปลงๆ เองตามแบบที่กำหนด
- ทำโครงการด้วยความโปร่งใสจริงๆ ไม่มีผลประโยชน์ แอบแฝง
- ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลแท้จริง ได้มีส่วนร่วมในการทำ แล้วจะสำเร็จ อย่ามุบมิบเผด็จการ
ผมขอเสนอคร่าวๆ แบบนี้ไปก่อน ในส่วนรายละเอียดนั้นมันมีมากมหาศาล ขอให้เป็นไอเดียสั้น ๆ ให้สามารถเข้าใจได้ถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ทิศทางการหาเงินเอามาลงทุนขุดแม่น้ำ และผลกระทบกับคนจำนวนมากที่จะต้องโดนเวนคืนที่ดิน แต่ก็คุ้มสุดคุ้ม ตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมาประเทสไทยไม่เคยมีการขุดแม่น้ำเพิ่มเลย มีแต่ถมคลองที่พระองค์ท่านขุดเอาไว้เพื่อป้องกันน้ำท้วม กทม.เสียอีก จะช้าจะเร็วก็ต้องขุดครับ เพราะมันจำเป็นต่อการลดปัญหาน้ำท้วมซ้ำซาก จริงๆ ผมยังเชื่อมั่นว่าใช้เงินลงทุนน้อยกว่า เอาเงินไปถมถนนเพิ่ม ซ่อมถนน ทำเขื่อนป้องกันน้ำท้วม และเงินช่วยชาวบ้านที่ถูกน้ำท้วม เงิมซ่อมแซมต่างๆ นาๆ และการเสียโอกาสในการทำธุรกิจทางการเกษตร และอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท้วม และระดับน้ำมันจะท้วมสูงขึ้นทุกปี เป็นอย่างนี้ ดังเช่นที่ท่านเห็นภาพตาม TV อยู่ในขณะนี้
คิดอย่างไรก็คุ้มค่ากับการลงทุนครับ ขอให้ทุกท่านตรองด้วยปัญญา ตามหลัก กาลามสูตร ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3345 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 11:20:57 » |
|
ชุดที่ 2 นี่น่ากลัว หากเกิดขึ้นจริง หย่อมความกดอากาศต่ำในมหาสมุทรปาแซฟิค บริเวณทิศตะวันออกของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ ลูกนี้หากพัฒนาเป็นพายุ เป็นเรื่องแน่
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #3346 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 12:50:16 » |
|
สรุป
วันนี้ ปริมาณน้ำไหลผ่าน นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี กรุงเทพฯ
เพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อวาน ทุกจังหวัด
เขื่อนภูมิพล ยังคงระบายน้ำออกมามากกว่าเมื่อวานนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเขื่อนพระรามหก ครับ
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3347 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 17:12:48 » |
|
น้ำถึงกรุงเทพรึยังคะพี่ๆ? ถึงแน่นะคะ? ไม่ไปขังตามสถานีรถไฟใต้ดิน.. แค่นึกก็...อยากไปฝึกดำน้ำอีกแล้วคะ
หนิงสงสารเจ้าของฟาร์มไก่อยุธยาสิพี่! เลี้ยงในโรงเรือน น้ำมา ไก่จะหนีกันยังไง ไม่จมน้ำเป็นแสนๆตัว... น่าสงสารไก่
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #3348 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 17:51:10 » |
|
พี่สิงห์คะ, ขยายลำน้ำ กะขุดรอกลำน้ำไม่ให้ตื่นเขิน ได้ดิน ได้ทรายเหมือนกัน..
เค้ามีการขุดรอกเจ้าพระยากันมั่งมั้ยคะพี่?? นึกภาพน้ำเหนือพัดพา... คงตื้นเขินไปไม่มากก็น้อย
(เขาขุดทราย แถบแม่น้ำในเยอรมัน นำไปขายคะ สำหรับก่อสร้าง..มากันใน เรือท้องแบน วางกองริมน้ำ ใครจะซื้อ เข้าไปเค้าตักกะเครนใส่รถบรรทุกเป็นcu.m m³คะ... )
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #3349 เมื่อ: 07 ตุลาคม 2554, 20:57:28 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก ทรายในลำน้ำเจ้าพระยามีมหาศาลมากที่ทำให้แม่น้ำตื่นเขิน แต่เนื่องจากเมื่อก่อนอนุญาติให้ขุดทรายได้ผลคือทำให้ตลิ่งพัง จึงงดการดูดทรายในลำแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด และแม่น้ำเจ้าพระยาไม่เคยลอกแม่น้ำเลยแถมที่บ้านพี่สิงห์เป็นแม่น้ำใหญ่มากมีเกาะกลางน้ำด้วยทางกรมชลประทานก็ดูดทรายมาปิดกั้นน้ำจนกลายเป็นที่ดินเพิ่มขึ้นแทนที่จะเป็นเกาะเหมือนเดิมเก็บน้ำได้มาก ตามเดิม เพราะในสมัยที่พี่สิงห์เรียนหนังสืออยู่ที่บ้านจากที่เคยน้ำท้วมทุกปี ปรากฏว่าสิบกว่าปีน้ำไม่ท้วมเลย คนเลยชิน มาท้วมทุกปีระยะหลังและรุนแรงมากเพราะเราะทำถนน ถมที่กันมากจนน้ำไม่มีที่ไป มันจึงท้วมระเนระนาด ดังที่เห็นในภาพ ครับ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
|
|
|
|
|