23 พฤศจิกายน 2567, 22:17:34
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 122 123 [124] 125 126 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3564554 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 22 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3075 เมื่อ: 09 กันยายน 2554, 20:32:22 »


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                      เมื่อคราวชมรมฯจัดแข่งโบลิ่งครั้งที่ผ่านมา  ผมได้รับปากกับลูกสาวพี่ทองอู่  จักรสิงห์  อยู่หนึ่งเรื่อง คือ วันอาทิตย์ที่ ๙ ตุลาคม เป็นวันครบรอบวันเกิดของพี่ทองอู่ ที่ ๗ รอบ คือ ๘๔ ปี  ลูกสาวอยากจัดงานวันเกิดให้คุณพ่อ  และสิ่งที่คุณพ่อมีความสุขคือ อยู่ท่ามกลาวชาวซีมะโด่ง  ดังนั้น ผมจึงรับปากว่าจะจัดงานครบรอบวันเกิด ๗ รอบให้พี่ทองอู่ ดังนั้น ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ผมจะนำเรื่องนี้ปรึกษากับคุณวัฒนา  ประธานชมรมฯ และท่านอาจารย์เผ่า อีกครั้ง ว่าจะจัดที่ไหน  ทางลูกสาวพี่ทองอู่เสนอที่ร้านกุหลาบ เพราะใกล้บ้าน ครับ  ได้เรื่องอย่างไรจะแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบ และเรียนเชิญทุกท่านไปฉลองวันเกิดให้พี่ทองอู่ ถือว่าพวกเราไปพบปะสังสรรค์กันด้วยครับ

                      ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3076 เมื่อ: 09 กันยายน 2554, 21:13:15 »

สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
ได้เข้าweb เสียเป็นอาทิตย์
เข้ามาทักทายพี่สิงห์สบายดีนะคะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3077 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 08:25:23 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 09 กันยายน 2554, 21:13:15
สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
ได้เข้าweb เสียเป็นอาทิตย์
เข้ามาทักทายพี่สิงห์สบายดีนะคะ
สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก

                 พี่สิงห์สบายดีทั้งกาย และจิต ครับ

                 เธอละเป็นอย่างไรบ้าง  หายไปจากหน้าจอแสดงว่า คงป่วยเรื่องสุขภาพ หรือติดธุระ  สิ่งที่กังวลอย่าไปเก็บเอาไว้  เอามาระบายที่พี่สิงห์นี่ละ  มันจะได้สิ้นกังวล  ปลดมันลงจากบ่าที่แบกหนักเอาไว้เสีย

                 สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3078 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 08:30:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 09 กันยายน 2554, 16:28:45
อ้างถึง
ข้อความของ jeam เมื่อ 09 กันยายน 2554, 08:20:23
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 09 กันยายน 2554, 07:52:00
อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 08 กันยายน 2554, 23:34:41
น้ำค้างสิค๊ะ จะได้เสียงดี

โปรดรักษา ศีลห้าให้เคร่งครัด ! โดยเฉพาะข้อ มุสา ต้องมีปิยะวาจาทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน

เอี๊ยดดดดด......พี่ป๋องถูกเบรค  เหนื่อย
พอไม่มีใครเม๊นท์ไร เจ้าของกระทู้ก็บ่นอีกแหละครับคุณเจียม

ผมกำลังเอาชนะจิตตนเอง

สิ่งที่ทำนั้น ทำด้วยเห็นว่า มันมีประโยชน์ และสามารถปล่อยวางกับผลที่ตามมาได้
 
ไม่ว่าจะมีคนคุยด้วยหรือไม่ เพราะไม่หวังผล

และจะยุติ เมื่อสิ่งที่ทำนั้นไม่ก่อประโยชน์ ก่อทุกข์ทั้งตนเองและผู้อื่น  ซึงจะสามารถรู้ได้ด้วยตนเอง

เมื่อนั้นจะยุติ

ธรรมมันเป็นอย่างนั้น
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3079 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 08:34:49 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องลูกหยี ที่รัก

                      เวลาที่เธออยู่กี่โมง แล้ว  ดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว ตามที่พี่สิงห์นำเอามาให้อ่าน พิจารณาด้วยปัญญาตามความเหมาะสม อย่าเชื่อไปทุกอย่าง ยึดหลักทางสายกลาง ทำแล้วมันดีต่อเรา ก็นำไปใช้  แต่ถ้าทำแล้วก่อทุกข์ ทิ้งไปเลยครับ

                      สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #3080 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 08:40:32 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 10 กันยายน 2554, 08:34:49
สวัสดีค่ะ คุณน้องลูกหยี ที่รัก

                      เวลาที่เธออยู่กี่โมง แล้ว  ดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว ตามที่พี่สิงห์นำเอามาให้อ่าน พิจารณาด้วยปัญญาตามความเหมาะสม อย่าเชื่อไปทุกอย่าง ยึดหลักทางสายกลาง ทำแล้วมันดีต่อเรา ก็นำไปใช้  แต่ถ้าทำแล้วก่อทุกข์ ทิ้งไปเลยครับ

                      สวัสดีค่ะ



พี่สิงห์คะ .. ณ เวลานี้ 2.40 น.

แหะ แหะ .. ยังไม่นอนค่ะ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3081 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 08:45:24 »

อาจจะยาวหน่อย แต่อยากให้ท่านอ่านให้จบ เพื่อเอาไว้ดูแลสุขภาพ ครับ


อ่านสุขภาพ
 
พลอากาศตรีนายแพทย์ขวัญชัย  เศรษฐนันท์


            เทคโนโลยีในการตรวจสุขภาพก้าวหน้าไปมากในทุกวันนี้  แต่ถ้าไม่มีฝีมือก็คงอ่านค่าและตีความผลการตรวจอันล้ำยุคนั้นๆ ไม่ได้
            พลอากาศตรีนายแพทย์ขวัญชัย   เศรษฐนันท์  เป็นผู้หนึ่งที่มีฝีมือดังกล่าว  ความสามารถของหมอก่อประโยชน์ให้คนไข้และคนทั่วไปที่สนใจในสุขภาพของตนอย่างมาก
            คุณหมอจบแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ ใน พ.ศ. ๒๕๑๗  เป็นหมอให้กองทัพอากาศตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๘  และจบสูตินรีแพทย์ศาสตร์เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓
            แต่การที่หมอสมัยใหม่จะหันมาสนใจแพทย์ทางเลือกอย่างจริงจังนั้นไม่ใช่เรื่องที่เกิดทั่วไป
           “ผมสนใจธรรมชาติบำบัดเมื่อ ๗-๘ ปีก่อน เพราะคุณพ่อ เสียด้วยโรคหัวใจ  ทั้งๆ ที่กินยาอย่างดีที่สุด  ทุกอย่างดีหมด  แต่หัวใจวายแล้วเสียเลย
            ...ต่อมาคุณแม่ผมเป็นอัมพาต  เส้นเลือดในสมองแตก  ไขมันกับความดันปกติเหมือนกัน  ผมกับพี่เขย ช่วยกันดูแลท่านทั้งสองมาตลอด  พี่เขยผมเป็นหมอที่โรงพยาบาลตำรวจ
            ...แล้วพี่เขยผมนี่ละหัวใจวายตายตอนอายุ ๕๙ ปี  ตายก่อนคุณแม่ผมอีก
            ...ผมเลยเริ่มไม่เชื่อในการรักษาแบบที่ทำกันอยู่
            ...ตัวผมเป็นความดันสูงมาตั้งแต่อายุ ๓๕ ปี รักษาไม่หาย  ความดันไม่ลง  ตรวจไม่รู้เป็นเพราะอะไร  บอกแต่ว่าเครียด  ...อย่างเดียว  ทั้งๆ ที่ออกกำลังกายตลอด  กินผักเยอะ
            ...ตอนที่เริ่มไม่เชื่อ  ก็ยังจับทางไม่ถูกว่าจะทำอย่างไร  แต่ลองทานอาหารเสริมดู  รู้สึกว่าร่างกายดีขึ้น  ก็คิดว่าสงสัยเราไม่ได้ขาดอาหาร  แต่ขาดสารอาหาร  อยากรู้จังว่าขาดอะไรบ้าง
            ...เลยเริ่มอ่านหนังสือโภชนาการ  แรกๆ ก็อ่านภาษาไทยเท่าที่มีในท้องตลาด  แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ  เพราะยังไม่มีทิศทาง
            ...ตอนหลังพี่สาวผมที่สามีเป็นหมอและเสียไปแล้ว  มาชวนไปฟังคุณหมออารีย์  วชิรมโน  เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๔ และ พ.ศ.๒๕๔๕  ก็รู้สึกว่าวิธีนั้นใช่
            ...อาจารย์บรรยายถึงร่างกายคนเรา  แนะให้เปลี่ยนวิถีชีวิต  เปลี่ยนอาหารการกิน
            ...เช่นผมนี่ดูแลเรื่องอาหารมาตลอด  ก็เข้าใจว่าเราทานอาหารห้าหมู่ก็ โอ.เค. แล้ว
            ...แต่เอาเข้าจริงไม่ใช่  ไขมันต้องเลือกกินไขมันที่ดี  โปรตีนก็ต้องเลือกโปรตีนที่ดี  คาร์โบไฮเดรตก็ต้องเลือกชนิดที่ไม่เป็นอันตราย คือคอมเพล็กซ์คาร์โบไฮเดรต  จากพืชผลไม้
            ...ถ้าเป็นซิมเพิล คาร์โบไฮเดรต  เช่น  แป้ง  ข้าวขัดสี  น้ำตาล  จะเป็นอันตราย
            ...คือเราท่องอาหารห้าหมู่  แต่ไม่ได้ถูกสอนให้วิเคราะห์ลึกลงไปว่ามันมีทั้งที่ดีและไม่ดี
            ...เรากินโปรตีนครบ  แต่โปรตีนที่กินนั้นดูดซึมหรือเปล่าไม่รู้  ดูดซึมได้ไม่หมดก็ไม่รู้  เมื่อดูดซึมไม่หมด  ก็เอาไปใช้ได้ไม่ครบ
            ...เดี๋ยวนี้พอศึกษาลึกลงไป  ผมต้องให้งดผลิตภัณฑ์นม  นมมีโปรตีนหลายตัว  ส่วนใหญ่คนย่อยได้  แต่มีตัวนึงเราย่อยไม่ได้  เลยไปกระตุ้นภูมิแพ้
            ...พออายุมากขึ้น  จะเป็นภูมิแพ้ตัวเอง  คือเป็นภูมิแพ้นานไป  ภูมิจะหันมาทำลายตัวเอง
            ...ทั้งโลกละครับที่ย่อยไม่ได้  ฝรั่งเป็นโรคข้อกันเป็นแถวเลย  ยิ่งอายุมากยิ่งข้อติดข้อเสีย  เพราะภูมิต้านทานไปทำลายข้อ”
            เมื่อเรากินอาหารที่แพ้เข้าไป  หรือมีสารที่ย่อยไม่ได้ตกค้างในเลือดมาก  ร่างกายจะสร้างแอนตี้บอดี้มาจับสารเหล่านั้น  เรียกว่าอิมมูน คอมเพล็กซ์
            อิมมูน คอมเพล็กซ์ (แอนตี้บอดี้ ที่จับสารแปลกปลอมแล้ว) ต้องใช้เม็ดเลือดขาวมากินแล้วทำลายทิ้ง
           “แต่พอร่างกายสร้างแอนตี้บอดี้มากๆ  ภูมิต้านทานของร่างกายจะลดต่ำ  เม็ดเลือดขาวที่จะมากินอิมมูน คอมเพล็กซ์เลยลดลงไป  ทำให้มีอิมมูน คอมเพล็กซ์เหลือ
            ...พอเหลือก็ไปเกาะตามอวัยวะต่างๆ  เกาะตรงไหน  ก็จะดึงเม็ดเลือดขาวมาทำลายมัน  พลอยทำลายอวัยวะนั้นไปด้วย เรียกว่าภูมิทำลายตัวเอง
            ...ส่วนใหญ่ที่โดนหนัก คือไตกับผิวหนัง  บางคนเป็นมาก ฝ้าจะขึ้นหน้า
            ...ผมศึกษาแยะมาก  แล้วเริ่มปรับใช้กับตัวเอง  เริ่มเปลี่ยนอาหาร  คือกินผักมากขึ้น  ทานทุกวัน  และเกือบทุกมื้อ  ความดันผมก็ดลง
            ...กินผลไม้  ลดแป้งลงเกือบหมด  เกือบจะไม่กินน้ำตาลเลย  ยกเว้นบางวันไปเฮฮากับเพื่อน
            ...ผักนี่กินผักสดเป็นหลัก  ผักต้มกินน้อย  เพราะต้องการเอนไซม์ซึ่งมีแต่ในผักสดเท่านั้น  ผักที่ปรุงมาไม่มีเอนไซม์แล้ว
            ...เอนไซม์เป็นสารที่สำคัญมากๆ  ถ้าไม่มีเอนไซม์  วิตามินก็ทำงานไม่ได้
            ...ร่างกายสร้างเองได้  เท่าที่ตรวจเจอตอนนี้  มีประมาณ ๓,๐๐๐ ชนิด  แต่เขาประมาณว่านี่ยังไม่ถึง ๑๐% ที่ร่างกายผลิต
            ...ถึงอย่างนั้นก็มีเอนไซม์บางตัวที่เราสร้างไม่ได้  อยู่ในผักสดผลไม้
            ...พอศึกษาสักสี่ปี  ผมก็มั่นใจพอที่จะไปคุยกับเพื่อนหมอด้วยกัน  แต่เขาต่อต้านเพราะการเรียนแพทย์บางทีไปมุ่งเน้นที่อวัยวะนั้นๆ  นั่นคือการเรียนแพทย์ที่ลงลึกเกินไป
            ...โชคดีที่ผมเรียนสูติฯ มีข้อดีที่ต้องดูแลคนเป็นแม่ทั้งตัว  ทำให้รู้สึกว่าการดูแลคนไข้จะดูเฉพาะอวัยวะเป็นส่วนๆ ไม่ได้
            ...จริงๆ หมอทุกคนฟังรู้ว่าการดูแลสุขภาพทั้งตัว หรือดูแลแบบองค์รวมฟังดูใช่  แต่คงต้านเพราะไม่อยากเรียนใหม่
            ...อย่างผมศึกษาแพทย์มา  ก็ไม่ใช่ว่าดูหนังสือสองสามเล่มแล้วเข้าใจนะ  ต้องศึกษาอยู่สี่ปี  ถึงจะมั่นใจพอ  และอยากเอาไปใช้ในโรงพยาบาลที่ทำงาน
            ...ก็ไปคุยกับเจ้ากรมแพทย์และผู้ใหญ่ในโรงพยาบาล ว่าน่าจะเปิดแผนกธรรมชาติบำบัดให้คนไข้มะเร็ง  เพราะได้ผล
            ...ถ้าคนไข้ไม่มีเงิน  แทนที่จะให้คีโม  ใช้เงินมหาศาล  ก็ให้น้ำเกลือ  ให้วิตามินซี  เปลี่ยนอาหารซะ  ทำโรงครัวอีกโรงให้เขา  นั่นคือธรรมชาติบำบัด
            ...ผมไม่ได้เข้าไปเรื่องสมุนไพร  เพราะไม่ได้ศึกษาทางนั้น  ต้องยอมรับว่ารู้เรื่องนั้นน้อย  แต่จะเน้นเรื่องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต  เปลี่ยนวิธีการกิน  ออกกำลังกาย  กินน้ำให้ถูกต้อง  ทำสมาธิ
            ...ผมไม่ได้ศึกษาเรื่องสมาธิ  รู้แต่ว่าเมื่อไรจิตคุณสงบต่อมหมวกไตจะทำงานดีขึ้น  หยุดหลั่งฮอร์โมนเครียด
            ...พอไม่มีฮอร์โมนเครียด  เส้นเลือดก็ขยายตัว  การไหลเวียนของเลือดก็ดีขึ้น  ความดันก็ลง  อวัยวะต่างๆ ทำงานดีขึ้น  เพราะได้รับเลือดไปเลี้ยงพอ
            ...คอเลสเตอรอลก็ลด  พอลดปั๊บ  ภูมิคุ้มกันขึ้น  แล้วร่างกายจะแข็งแรง  นี่คือพื้นฐาน
            ...ฉะนั้น กายกับจิตต้องสมดุล  จิตต้องเป็นนาย  กายต้องเป็นบ่าว  ถ้าจิตคุณดี  ร่างกายคุณจะทำงานดีมาก
            ...ปรากฏว่าทางผู้ใหญ่ที่ไปคุยด้วย  ไม่มีใครรับเลย (ยิ้ม)”
            คุณหมอขวัญชัย  จึงลาออกมาทำคลีนิกธรรมชาติบำบัดที่บ้าน  และศึกษาแนวทางนี้ต่อจนกระทั่งได้รับการทาบทามให้มาประจำที่ศูนย์เอชเอ็มซี  บนตึก ๒๕๓ อโศก
           “เริ่มจากผมไปบรรยายเรื่องมะเร็ง  แล้วเจอคุณหมอจักรกฤษณ์   ภูมิสวัสดิ์  ที่ตอนนั้นเป็นผู้อำนวยการกรมการแพทย์ทางเลือก
            ...ไม่นานคุณหมอก็เชิญผมมาลองทำพาร์ทไทม์ที่เอชเอ็มซี อยู่ ๗-๘ เดือน  ก่อนจะทำประจำได้ปีเศษนี่เอง
            ...ที่นี่มีหลายอย่างที่ผมไม่รู้และทึ่งมาก เช่น เครื่อง MRIT (Molecular  Resonance Imaging Technology) เคยเห็นเมื่อสามปีที่แล้วในการประชุมแห่งหนึ่ง  บริษัทผู้ผลิตเขาเอามาเอง  ก็สงสัยว่าจะเป็นจริงอย่างที่เขาคุยหรือ  ว่าเห็นอวัยวะข้างในหมดเลย
            ...ตอนนั้นไม่ได้สนใจ หมอคนอื่นๆ ก็ไม่เชื่อ  แม้ว่าทางรัสเซียเขาจะใช้เครื่องนี้ตรวจสุขภาพนักบินอวกาศก็ตาม
            ...พอมาเห็นที่เอชเอ็มซี  ผมก็ลองใช้ตรวจตัวเองดู  ผลตรงกับที่รู้อยู่แล้ว คือความดันสูง  หลอดเลือดหัวใจตีบ  มีปัญหาตับอ่อนนิดหน่อย  มีปัญหาระบบย่อยอาหาร
            ...หลักการคือส่งคลื่นเสียงความถี่ต่ำไปกระทบอวัยวะแล้วสะท้อนกลับมา  เครื่องก็วัดค่าคลื่นนั้น
            ...แต่ละคลื่นสามารถแยกได้ว่าเป็นโรคหรือมีอาการอย่างไรบ้าง  ตรวจคนไข้บ่อยๆ  วินิจฉัยบ่อยๆ ถามเขาว่าเป็นอย่างนี้หรือเปล่า  อย่างนั้นหรือเปล่า  ปรากฏว่าตรงกับที่อ่านค่าออกมาหมด  ก็ชักเชื่อ
            ...อย่างคนไข้หนุ่มๆ ตัวเลขขึ้นว่าขี้ลืม  ผมก็ถามว่าขี้ลืมเหรอ  เขารับว่าใช่  เป็นประเภทความจำระยะสั้นเสีย
            ...บางคนวางกุญแจปุ๊บ  ลืมแล้วว่าวางตรงไหน  บางคนบอกว่าเข้าห้างแล้วต้องเดินมาล็อกรถใหม่ทุกครั้ง
            ...แต่อาการอย่างนี้แก้ได้ด้วยการปรับวิถีชีวิต  กินอาหารเสริมความจำ  คือน้ำมันตับปลา  ทำให้เซลล์สมองได้รับอาหาร  ผักช่วยเรื่องนี้ได้...แต่น้อย
            ...อาการที่ผมทึ่งว่าเครื่องไม่น่าจะตรวจได้  แต่กลับตรวจรู้คือมะเร็ง  หรือต่อมลูกหมากโต  หรือมีก้อนเนื้อ(ซีสต์) เช่น ในรังไข่  ในมดลูก  เต้านม  ดูค่าปุ๊บ  เป็นถุงน้ำ  มีก้อน
            ...ให้คนไข้ไปทำอัลตราซาวด์พิสูจน์  ก็พบจริงๆ  เราก็แนะนำได้ถูกว่าคุณต้องปรับปรุงเรื่องดื่มน้ำ  เรื่องอาหาร  มีน้ำย่อยน้อย  ต้องกินอย่างไง
            ...ซีสต์นี่เป็นเรื่องฮอร์โมน  ปรับปรุงอาหารแล้วฮอร์โมนจะปรกติเอง
            ...อย่างคนที่น้ำย่อยเสียทั้งหลาย  ถามไปเถอะ  ดื่มนมถั่วเหลืองทุกคน  เพราะถั่วเหลืองมีสารต้านน้ำย่อย  ทำให้ท้องอืด
            ...น้ำย่อยเสีย  คือน้ำย่อยน้อยลง  เอนไซม์ที่จะย่อยอาหารจึงน้อยลง
            ...คนที่ชอบนมถั่วเหลือง  ควรดื่มไม่เกินวันละกล่อง ๓๐ กรัม หรือ ๒๔๐ ซีซี (๘ ออนซ์)
            ...แต่ถ้ากินนมถั่วเหลืองแล้วยังกินเต้าหู้อีก  อันตรายแล้ว  เพราะจะไปหยุดการสร้างน้ำย่อย  แล้วมีฮอร์โมนผู้หญิง เป็นเหตุให้เกิดมะเร็งเต้านมได้  แล้วยังเป็นตัวการทำให้การทำงานของต่อมไธรอยด์ลดลง
            ...สังเกต คนที่กินมังสวิรัติ กินเต้าหู้มากๆ  ซีดทุกคน  เพราะไม่มีน้ำย่อยที่จะย่อยโปรตีนกับวิตามิน
            ...เมื่อย่อยไม่ได้  ร่างกายก็ดูดซึมสารอาหารไปใช้ไม่ได้  โปรตีนลดลง  วิตามินลดลง  กินเสริมเข้าไปยังไงก็ไม่ไหว  เพราะมีตัวคอยขัด  ระบบการย่อยอาหารก็มีปัญหา”
            การอ่านค่าเช่นนี้ไม่ใช่ใครก็อ่านได้  ประสบการณ์การเป็นหมอสูติฯนาน ๓๐ กว่าปี คือรากฐานที่คุณหมอนำมาผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ศูนย์เอชเอ็มซี  จนเชี่ยวชาญในการอ่านค่าเหล่านั้นในเวลาอันรวดเร็ว
           “คือพอเราเป็นหมอ  เวลาอ่านเรื่องโปรตีน  เรื่องระบบย่อยอาหาร  ผมนึกภาพออกว่ากระบวนการทั้งหมดเป็นอย่างไร
            ...ถ้าไม่ได้เรียนแพทย์มา  จะนึกภาพไม่ออก  ความเข้าใจจะไม่เหมือนกัน  การเป็นหมอทำให้ศึกษาเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น  แต่ไม่ใช่ไม่ใช้เวลา  ผมใช้เวลา ๗-๘ ปี  นานพอๆ กับที่เรียนแพทย์  แล้วตอนนี้ผมก็เชื่อว่า รู้น่าจะยังไม่ถึง ๑๐% ของความรู้ทั้งหมด”
            การตรวจสุขภาพจะมีสองส่วน  นอกจากไช้เครื่อง MRIT แล้ว  ยังเจาะเลือดหนึ่งหยดที่ปลายนิ้วมาส่องกล้องดูที่กำลังขยาย ๔๐๐ เท่า  ว่าคุณภาพเลือดเป็นอย่างไร เรียกว่า Live Blood Analysis
            ทั่วไปแล้วจะต้องเห็นเซลล์เม็ดเลือดแดงกระจายเป็นเม็ดๆ  แต่คนยุคปัจจุบันมักจะมีเซลล์เม็ดเลือดแดงจับตัวเป็นแถวซ้อนกันแน่น
            ในนั้นยังมีสารโลหะหนักที่สะท้อนแสงแวววาว เรียกอีกอย่างว่า “คริสตัล”  ถ้ามีสีแดงหรือขาว  แสดงว่าได้รับจากมลภาวะ
            แต่ถ้าเป็นสีเหลืองแดง  ว่าไม่ได้ถ่ายท้องช่วงเช้า  ทำให้สารพิษในลำไส้ซึมกลับเข้าสู่กระแสเลือด
            “ก่อนเจ็ดโมงเช้านั้นสำคัญ  เพราะร่างกายดีทอกซ์ตัวเอง  ถ้าเขากวาดพิษไปกองไว้แล้วไม่ได้กำจัดออกไป  พิษนั้นจะย้อนกลับเข้ามาใหม่  ถึงจะขับถ่ายเวลาอื่น  ก็ยังย้อนกลับมาได้
            ...อย่างเห็นเม็ดเลือดแดงเข้าแถวซ้อนกัน  ก็รู้ได้เลยว่าค่าเลือดเป็นกรด
            ...เลือดนี่ต้องเป็นประจุลบ  ค่า pH (Hydrogen Ion) ประมาณ ๓.๔  แล้วเม็ดเลือดจะผลักกันเอง  กระจายตัวได้ดี  เลือดไหลเวียนในหลอดเลือดง่าย
            ...แต่ถ้ากินแป้งมาก  กินโปรตีนจากเนื้อสัตว์มาก  จะมีประจุไฟฟ้าบวกเยอะ  ทำให้เม็ดเลือดแดงบางเม็ดเป็นบวก  บางเม็ดเป็นลบ  มีแรงแม่เหล็กดูดติดกัน  เลือดอย่างนี้จะไหลไปไหนก็ไม่ดี
            ...แล้วถ้าเลือดเป็นกรด  อย่างนี้นานๆ คุณตาย  ร่างกายเลยแก้ด้วยการดึงแคลเซี่ยมออกมาจากกระดูกเพื่อให้เลือดเป็นด่าง
            ...ยิ่งเป็นกรดมาก  ก็ยิ่งดึงแคลเซี่ยมออกมามาก  กระดูกคุณก็พรุนสิ
            ...อีกโรคที่การตรวจเลือดแบบนี้บอกได้ค่อนข้างดี ว่าเป็นหรือเปล่า คือ Leak Gut หรือลำไส้รั่ว
            ...ปรกติเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้จะติดกันแน่น  แต่พอเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด  กินเร็ว  กระเพาะก็ส่งต่ออาหารโมเลกุลใหญ่ๆ ไปให้ลำไส้  นานเข้าช่องระหว่างเซลล์ผนังเยื่อบุลำไส้เลยหลวม
            ...อาการหลวมๆ นี่ละที่เรียกว่าลำไส้รั่ว
            ...โมเลกุลใหญ่ๆ ของอาหารบางชนิดที่ผ่านช่องระหว่างเซลล์นี้ไปได้  โดยพาะโปรตีนที่ไม่ย่อย  พอเข้าไปในเลือดจะกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ไปกระตุ้นให้ภูมิต้านทานของเราทำงาน  ระบบในร่างกายก็รวน  ผิดปรกติ”
            คุณหมอขวัญชัย สรุปสั้นๆ ว่า  อาการผิดปกติของคนยุคปัจจุบันมาจากปาก  จึงต้องแก้ที่ปาก
            “ปรับอาหารให้เป็นด่าง  คือกินผักเยอะมากๆ  งดนม  ชีส  ถั่วเหลือง
            ...คุณรู้มั้ยว่าในผักผลไม้ทุกชนิดมีโปรตีนครบ  ถ้ากินผักผลไม้ได้หลากหลายชนิดแล้วทานโปรตีน เช่น จากถั่วบางชนิด  จากปลา  สัตว์น้ำ  เนื้อสัตว์อื่น  ก็ได้โปรตีนครบ
            ...ถ้าสั่งอาหารข้างนอก  กินอะไรก็ได้ที่มีผักเยอะๆ  ๑ ชาม  ผักสดได้ยิ่งดี  แล้วค่อยทานข้าว  หรือเนื้อสัตว์  แต่อย่าทานเยอะ
            ...เนื้อสัตว์ทั้งวันกินแค่ ๑ ฝ่ามือคุณก็พอ  ราว ๑๐๐ กรัม หรือ ๔๐๐ แคลอรี
            ...อย่ากินของทอด  ของผัด  ของหวานกับขนมปังนี่เลิกไปเลย  เพราะขนมปังกับเค้ก มีกลูเตนที่กระตุ้นภูมิแพ้
            ...ส่วนคนที่อยากได้แคลเซี่ยม  ให้กินที่เป็นไบโอ  แคลเซี่ยมเยอะๆ  คือปลาเล็ก ปลาน้อย  งาดำ  ผักใบเขียว
            ...แล้วออกกำลังกาย  ถ้าไม่มีเวลาก็เดิน  ทำงานก็เดินขึ้นบันไดไปสิ  สามสี่ชั้นก็พอ ๑๕ นาที  เดินไปเรื่อยๆ  ไม่ต้องเร่ง  แต่ถ้าเดินพื้นราบเดินเร็วๆ
            ...แล้วดื่นน้ำอย่างนี้  ตื่นมาดื่มน้ำ ๒ แก้ว  หนึ่งชั่วโมงหลังอาหารทุกมื้อให้ดื่ม ๑ แก้ว
            ...สายกับบ่าย  ก่อนอาหารหนึ่งชั่วโมงดื่ม ๒ แก้ว ได้แล้ว ๙ แก้วต่อวัน
            ...ก่อนนอนไม่ต้องดื่ม  เพราะไตต้องการพักผ่อน
            ...คนไข้ที่ไม่ฟังก็มีเยอะไป  เขาเชื่อผลที่ออกมา  แต่ไม่เปลี่ยนการกิน  ไม่เปลี่ยนการใช้ชีวิต  เพราะไม่อยากเปลี่ยน
            ...บางคนอยากกินโต๊ะจีน  อยากกินขนม  นี่แสดงให้เห็นชัดๆ ว่าหมอเป็นแค่คนนำทาง  คุณต้องไปปฏิบัติเองถึงจะเห็นผล
            ...คนที่ไปปฏิบัติตาม  ได้ผลทุกคนครับ  มีคนนึง-ความที่เขาเป็นอาจารย์  แล้วเป็นด็อกเตอร์  มีวินัยสูง  ทำตามที่ผมสอนทุกอย่าง  น้ำหนักเขาลดไป ๑๒ กิโลกรัมในสองเดือน  กระฉับกระเฉงเป็นคนละคนเลย”
            จากที่เคยจับต้นชนปลายไม่ถูกกับกรณีของคุณพ่อ  คุณแม่ และพี่เขยตัวเอง  ตอนนี้คุณหมอบอกว่า มีความสุขมากที่ช่วยคนอื่นๆ ได้  กระทั่งคุณหมอเองก็เปลี่ยนไปเยอะ



มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  เพราะใช้ชีวิตประจำวันได้ถูกต้อง

ด้วยการเปลี่ยนวิถีชีวิตเสียใหม่  อยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้น  โดยเฉพาะเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3082 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 10:25:56 »

รู้ประวัติ สาวก อรหันต์ เอตทัคคะ

ลำดับที่ ๑๔

พระปิ่นโฑลภารทวาชเถระ

เอตทัคคะในทางผู้บันลือสีหนาท


                       พระปิณโฑลภารทวาชะ เป็นบุตรของพราหมณ์มหาศาล ตระกูลภารทวาชะ ผู้เป็นปุโรหิตของพระเจ้าอุเทน เดิมชื่อว่า “ภารทวาชมาณพ” ศึกษาจบไตรเพท คือ คัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิพราหมณ์ มีความเชี่ยวชาญในวิชา ไตรเพท

                        • โทษของการไม่รู้ประมาณในอาหาร

                        ภารทวาชมาณพ ได้ตั้งสำนักเป็นอาจารย์ใหญ่สอนไตรเพท มีศิษย์มาขอศึกษามากมายแต่เนื่องจากเป็นคนมีความโลภในอาหาร แสวงหาอาหารด้วยอาการอันไม่เหมาะสม ไม่รู้ประมาณในการบริโภค จึงถูกศิษย์พากันทอดทิ้ง มีความเป็นอยู่ลำบาก ต่อมาได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่เมืองราชคฤห์ ตั้งสำนักสั่งสอนไตรเพทอีก แต่ก็ไม่ค่อยมีคนนับถือเพราะเป็นคนต่างถิ่นและเมืองราชคฤห์ก็มีสำนักอาจารย์ใหญ่ ๆ มากอยู่แล้ว จึงประสบกับชีวิตที่ฝืดเคืองยิ่งขึ้นเมื่อพระบรมศาสดา ประกาศพระพุทธศาสนามาจนถึงเมืองราชคฤห์ มีประชาชนเคารพนับถือเป็นจำนวนมาก ลาภสักการะก็เกิดขึ้นอุดมสมบูรณ์ ปิณโฑลภารทวาชะ คิดที่จะอาศัยพระพุทธศาสนาเลี้ยงชีวิต อีกทั้งได้มีโอกาสฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดาแล้ว ก็เกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงกราบทูลขอบรรพชาอุปสมบท เมื่อได้บวชเป็นพระภิกษุในพระธรรมวินัย แล้วอุตสาห์บำเพ็ญเพียรเจริญวิปัสสนากรรมฐานไม่ช้าก็บรรลุพระอรหัตผลเป็นพระอเสขบุคคลในพระพุทธศาสนา
                        ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะเถระ เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยอินทรีย์ทั้ง ๓ คือ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ และยังเป็นผู้ที่สามารถแสดงฤทธิ์ได้เทียบเท่าพระมหาโมคคัลลานเถระ ท่านเคยแสดงฤทธิ์จนเป็นสาเหตุให้พระบรมศาสดาแสดงยมกปาฏิหาริย์ ดังมีเรื่องเล่าว่า....

                        • เศรษฐีอยากรู้จักพระอรหันต์

                        สมัยหนึ่ง เมื่อพระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ที่พระเวฬุวัน มหาวิหาร กรุงราชคฤห์ มีเศรษฐีผู้หนึ่งใคร่จะลงเล่นน้ำในแม่น้ำคงคา จึงให้บริวารขึงตาข่ายเป็นรั้วล้อมในท่าที่ตนอาบน้ำอยู่นั้น เพื่อป้องกันอันตรายจากสัตว์น้ำต่าง ๆ ขณะนั้นมีไม้จันทน์แดงต้นหนึ่งเกิดที่ริมฝั่งเหนือน้ำขึ้นไป ถูกน้ำเซาะรากโค่นลงไหลมาตามน้ำถูกกระแสน้ำพัดกระทบกับของแข็งหักเป็นท่อนเล็กท่อนใหญ่กระจัดกระจายไปตามน้ำ มีอยู่ก้อนหนึ่งเป็นปุ่มซึ่งแตกออกมา กลิ้งกระทบหินและกรวดทรายกลายเป็นก้อนกลมอย่างดี และมีตะใคร่น้ำเกาะอยู่โดยรอบไหลมาติดที่ตาข่ายนั้นเศรษฐีให้คนตรวจดูรู้ว่าเป็นไม้จันทน์แดงแล้วคิดว่า “ไม้จันทน์แดง ในบ้านของเรามีอยู่มากมาย เราควรจะทำอะไรดีกับไม้จันทน์แดงก้อนนี้” พลางก็คิดขึ้นได้ว่า “ชนเป็นจำนวนมากต่างก็พูดอวดว่าตนเป็นพระอรหันต์ เรายังไม่รู้ชัดว่าผู้ใดเป็นพระอรหันต์กันแน่ เราควรให้ช่างกลึงปุ่มไม้จันทน์แดงนี้ ทำเป็นบาตรแล้วแขวนไว้ที่ปลายไม้ผ่าต่อกันให้สูง ๑๕ วา ประกาศว่าผู้ใดสามารถเหาะมาเอาบาตรไปได้ จึงจะเชื่อถือผู้นั้นว่าเป็นพระอรหันต์ เราพร้อมด้วยภรรยา และบุตรจะขอถึงผู้นั้นเป็นสรณะที่พึ่งตลอดชีวิต” เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วก็สั่งให้ทำตามที่คิดนั้นทุกประการ

                       • เดียรถีย์แสดงท่าเหาะ

                       ครั้งนั้น เจ้าสำนักครูทั้ง ๖ คือ ปูรณกัสสป มักขลิโคสาล อชิตเกสกัมพล สัญชัยเวลัฎฐบุตร ปกุทธกัจจายนะ และ นิครนถ์นาฎบุตร ต่างก็มีความประสงค์อยากจะได้บาตรไม้จันทน์แดงด้วยกันทั้งนั้น จึงได้ไปพูดกับท่านเศรษฐีว่า:-
                       “ท่านเศรษฐี บาตรนี้สมควรแก่เรา ท่านจงยกให้แก่เราเถิด”
                       “ถ้าท่านต้องการอยากจะได้ ก็จงเหาะขึ้นไปเอาด้วยตนเอง” เศรษฐีกล่าวยืนยันครั้นถึงวันที่ ๖ นิครนถ์นาฎบุตร ได้ใช้ให้ศิษย์ไปบอกแก่เศรษฐีว่า:-
                       “บาตรนี้ สมควรแก่อาจารย์ของเรา ท่านอย่าให้ถึงกับต้องแสดงฤทธิ์เหาะมาเพราะเหตุเพียงบาตรใบเดียว ซึ่งเป็นวัตถุเล็กน้อยนี้เลย จงมอบให้แก่อาจารย์ของเราเถิด”
                        ท่านเศรษฐี ก็ยังคงยืนยันเหมือนเดิม นิครนถ์นาฏบุตรจึงวางแผนกับลูกศิษย์ว่า
                       “เมื่อเราทำท่ายกมือ ยกเท้า แสดงอาการจะเหาะขึ้นไปเอาบาตร พวกเจ้าจงเข้ายึดมือและเท้าของเราไว้แล้วกล่าวห้ามว่า ไฉนท่านอาจารย์จึงทำอย่างนี้ท่านอย่าได้แสดงคุณความเป็นพระอรหันต์ที่ปกปิดไว้เพราะเหตุเพียงบาตรใบนี้เลย” เมื่อตกลงวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าไปพูดขอบาตรกับเศรษฐี เมื่อได้รับคำปฏิเสธเช่นเดิม จึงแสดงท่าจะเหาะขึ้นไปเอาบาตร บรรดาศิษย์ทั้งหลายก็พากันเข้าห้ามฉุดรั้งไว้แล้ว กล่าวตามที่ตกลงกันไว้นั้น นิครนถ์นาฏบุตรจึงพูดกับเศรษฐีว่า “เราจะเหาะขึ้นไปเอาบาตร แต่บรรดาศิษย์ทั้งหลายพากันห้ามฉุดรั้งไว้อย่างที่เห็นนี้ ดังนั้น ขอท่านจงให้บาตรแก่เราเถิด” เศรษฐีก็ยังไม่ยอมให้เช่นเดิม

                        พระปิณโฑลภารทวาชะเหาะขึ้นไปเอาบาตรในวันที่ ๗ เวลาเช้า พระมหาโมคคัลลานเถระ กับพระปิณโฑลภารทวาชเถระ จะเข้าไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ ยืนห่มจีวรอยู่บนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง ได้ยินเสียงนักเลงทั้งหลายพูดกันว่า “ครูทั้ง ๖ ต่างกล่าวอวดอ้างว่าตนเป็นพระอรหันต์ จนถึง ๗ วันเข้าวันนี้แล้ว ก็ไม่เห็นมีใครสักคนเดียวเหาะขึ้นไปเอาบาตรที่ท่านเศรษฐีแขวนไว้ พวกเราก็เพิ่งจะรู้กันในวันนี้เองว่าพระอรหันต์ไม่มีในโลก” พระมหาโมคคัลลานเถระ จึงกล่าวว่า “ท่านภารทวาชะ ท่านได้ยินหรือไม่ถ้อยคำของนักเลงเหล่านั้นพูดหมิ่นประมาทพระพุทธศาสนาท่านก็มีฤทธิ์อานุภาพมาก จงเหาะไปเอาบาตรใบนั้นมาให้ได้”
                        พระผู้เป็นเจ้าภารทวาชะ รับคำของพระมหาโมคคัลลานเถระแล้วเข้าจตุถฌานสมาบัติอันเป็นฐานแห่งอภิญญา กระทำอิทธิฤทธิ์เหาะขึ้นไปบนอากาศพร้อมทั้งแผ่นศิลาที่ยืนอยู่นั้นเหาะเวียนรองกรุงราชคฤห์แล้ว เหาะลอยเลื่อนมาอยู่ตรงหลังคาเรือนของเศรษฐี ท่านเศรษฐีเห็นดังนั้นแล้วทั้งดีใจที่ได้เห็นพระอรหันต์ที่แท้จริง และตกใจกลัวว่าก้อนหินจะล่วงลงมาทับบ้านของตน จึงกราบหมอบลงจนอกติดพื้นดินแล้ว กล่าวละล่ำละลักว่า “ขอพระผู้เป็นเจ้า ลงมาเถิด” พระเถระจึงสลัดก้อนหินไปประดิษฐานในที่เดิมแล้วเหาะลงมาจากอากาศ เมื่อพระเถระลงมาแล้ว ท่านเศรษฐีจึงนิมนต์ให้นั่ง ณ อาสนะที่จัดถวาย ให้คนนำบาตรลงมาจากที่แขวนไว้ บรรจุอาหารอันประณีตจนเต็มแล้วถวายพระเถระพระผู้เป็นเจ้าภารทวาชะ รับแล้วก็กลับสู่วิหาร
                         ฝ่ายประชาชนเป็นจำนวนมากที่ไปทำธุระนอกบ้านมิได้เห็นปาฏิหาริย์จึงพากันชุมนุมติดตามพระเถระไปอ้อนวอนนิมนต์ให้ท่านแสดงปาฏิหาริย์ให้ชมบ้าง พระเถระก็แสดงให้ชมตามที่นิมนต์นั้น พระบรมศาสดาทรงสดับเสียงอื้ออึง จึงตรัสถามพระอานนท์ว่า “นั่นเสียงอะไร ?” เมื่อทรงทราบความทั้งหมดแล้ว มีรับสั่งให้พระภารทวาชเถระเข้าเฝ้า ทรงตำหนิการกระทำนั้นแล้วมีพระบัญชาให้ทำลายบาตรนั้น บดให้เป็นผงทำเป็นเภสัชสำหรับหยอดตา จากนั้นทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามพระสาวกทั้งหลายทำปาฏิหาริยิ์อีกต่อไป

                       • ได้ยกย่องในทางบันลือสีหนาท

                       โดยปกติ ท่านปิณโฑลภารทวาชเถระ มักจะบันลือสีหนาทด้วยวาจาอันองอาจว่า “ยสฺส มคฺเค วา ผเล วา กงฺขา อตฺถิ โส มํ ปุจฺฉตุ แปลว่า ผู้ใด มีความสงสัยในมรรคหรือในผล ผู้นั้น ก็จงถามเราเถิด” แม้แต่ในที่เฉพาะพระพักตร์พระบรมศาสดา ท่านก็บันลือสีหนาทเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้ พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายพากันกล่าวขวัญถึงท่านว่าเป็นผู้มีความองอาจประกาศความเป็นพระอรหันต์ของตนในที่เฉพาะพระพักตร์ พระบรมศาสดาและยังได้กระทำอิทธิปาฏิหาริยิ์ เหาะขึ้นไปเอาบาตรไม้จันทน์แดง จนทำให้เศรษฐีพร้อมด้วยบุตรและภรรยาพากันประกาศตนเป็นพุทธมามกะ คือ ประกาศตนเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา
                        พระภิกษุสงฆ์เหล่านั้นพากันกล่าวสรรเสริญเกียรติคุณของพระปิณโฑลภารทวาชเถระ แล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธองค์ทรงถือเอาคุณความดีของพระเถระนี้ตรัสสรรเสริญว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านภารทวาชะได้ประกาศความเป็นพระอรหันต์ ของตนเช่นนั้นก็พราะท่านอบรมอินทรีย์ ๓ ประการ คือ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ และปัญญินทรีย์ ไว้มาก
                        ครั้นตรัสดังนี้แล้ว ทรงประกาศยกย่อง พระปิณโฑลภารทวาชะ ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในฝ่าย ผู้บันลือสีหนาท ท่านพระปิณโฑลภารทวาชเถระ ดำรงอายุสังขารโดยสมควรแก่กาลเวลาแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพาน
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3083 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 11:07:18 »

สวัสดีตอนสายค่ะ พี่สิงห์
ที่หายไปเพราะใช้สายตามากตาอักเสบค่ะ
หมอให้หยุดใช้คอมฯค่ะ เสียเกือบ ๒ อาทิตย์เลยไม่ได้เข้ามาคุยด้วยค่ะเพิ่งเข้ามาเมื่อวานนี้คะ
กำลังค่อยๆไล่ตามอ่านธรรมของพี่สิงห์วันละเล็กละน้อยค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3084 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 11:35:52 »

หลักในการดูแลสุขภาพ
คัดลอกจากหนังสือ อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ
นายเริ่ม   งามขำ
ตอนที่ ๑๘
ถึงเดือนเหล่านี้ให้ระวังดูแลเป็นพิเศษ.....


มกราคม      ระวัง   ดูแลปอด
กุมภาพันธ์                  ระวัง   ดูแลลำไส้
มีนาคม      ระวัง   กระเพาะอาหาร
เมษายน      ระวัง   ม้าม – ความอ้วน
พฤษภาคม                  ระวัง   หัวใจ
มิถุนายน      ระวัง   ลำไส้เล็ก  ไขมันเกาะลำไส้
กรกฎาคม                  ระวัง   กระเพาะปัสสาวะ  ปัญหา  มดลูกรังไข่  ต่อมลูกหมาก  ต่อมไทรอยด์
สิงหาคม      ระวัง   เกี่ยวกับตับ – ไต  สาเหตุมาจากลำไส้เล็กมีไขมันเกาะ
กันยายน      ระวัง   เรื่องคอเลสเตอรอล – หลอดเลือด – เยื่อหุ้มหัวใจ
ตุลาคม      ระวัง   ระบบความร้อนในร่างกาย
พฤศจิกายน   ระวัง   ไมเกรน – ถุงน้ำดี
ธันวาคม      ระวัง   เรื่องของตับ

อากาษชื้น                  มีผลกับธาตุดิน   เกี่ยวข้องกับม้าม, กระเพาะอาหาร
อากาศเย็น                  มีผลกับธาตุน้ำ   เกี่ยวข้องกับไต, กระเพาะอาหาร
อากาศแห้ง                  มีผลกับธาตุลม   เกี่ยวข้องกับปอด, ลำไส้ใหญ่
อากาศร้อน                  มีผลกับธาตุไฟ   เกี่ยวกับหัวใจ, ลำไส้เล็ก, ระบบหลอดเลือด, ระบบความร้อนในร่างกาย
ลมแรง       มีผลกับธาตุไม้   เกี่ยวข้องกับตับ, ถุงน้ำดี

คนเจ็บป่วย  จากความคิด ๘๐%  มากกว่าการกินแล้วเจ็บป่วย

                       • คุณคิดอย่างไร?  ก็เป็นอย่างที่คิด  เช่น  คิดว่าตัวเองอ่อนแอ  เกียจคร้านก็เป็นอย่างที่คิด
                       • คุณพูดอย่างไร?  ก็เป็นอย่างที่พูด  เช่น  พูดคำหยาบเป็นประจำ  ก็เป็นคนหยาบคาย
                       • คุณทำอย่างไร?  ก็เป็นอย่างที่ทำ  เช่น  นั่งผิดท่า  นั่งท่าเดียว  เอียงข้างใดข้างหนึ่งเป็นปี  ก็ปวดกระดูก

ไม่ไปโรงพยาบาล  ไม่กล้าไปให้แพทย์ตรวจ...

             หลายคนไม่ยอมไปตรวจสุขภาพ  เพราะไม่มีเวลาที่จะดูแลสุขภาพตัวเอง  หรือกลัวรู้ความจริงว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร  เราไม่ควรหนีความจริง  แต่เราพยายามจะหลีกเลี่ยงความเจ็บป่วยให้ได้มากที่สุด  ถ้าเกิดเจ็บป่วยแล้วก็ต้องไปพบแพทย์  เพื่อหาสาเหตุให้เจอ  แล้วก็แก้ที่ต้นเหตุ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3085 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 11:43:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 10 กันยายน 2554, 11:07:18
สวัสดีตอนสายค่ะ พี่สิงห์
ที่หายไปเพราะใช้สายตามากตาอักเสบค่ะ
หมอให้หยุดใช้คอมฯค่ะ เสียเกือบ ๒ อาทิตย์เลยไม่ได้เข้ามาคุยด้วยค่ะเพิ่งเข้ามาเมื่อวานนี้คะ
กำลังค่อยๆไล่ตามอ่านธรรมของพี่สิงห์วันละเล็กละน้อยค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณน้องเอมอร ที่รัก

                 ท่าบริหารลูกตา
  
                 นอนหงายหัวเสมอพื้น
                 กลอกลูกตาไปทางแก้มซ้ายค้างไว้     นับหนึ่งถึงสิบ ช้าๆ ยาวๆ
                 กลอกลูกตาไปทางแก้มขวาค้างไว้     นับหนึ่งถึงสิบช้าๆ ยาวๆ
                 กลอกลูกตามองด้านบาน (หน้าผาก) ค้างไว้         นับหนึ่งถึงสิบช้าๆ ยาวๆ
                 กลอกลูกตามองล่าง (ใต้คาง) ค้างไว้                  นับหนึ่งถึงสิบช้าๆ ยาวๆ
                 กลอกลูกตาวนเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกา     ๓ รอบ
                 กลอกลูกตาวนเป็นวงกลมทวนเข็มนาฬิกา     ๓ รอบ
                 ให้ทำทุกวัน เป็นการบริหารกล้ามเนื้อลูกตา

                 วิธีพักสายตา คือ นั่งหลับตาทำสมาธิ ครับ

                 สวัสดี


หมายเหตุ
                 ทำจิตให้ผ่องใส  จะห่างไกลโรค เพราะจะไม่คิด ไม่วิตกกังวลครับ

                 หน้านี้ในสมัยก่อน เป็นหน้าน้ำท้วม  โรคที่มากับน้ำท้วมคือ โรคตาแดง ครับ เป็นเชื้อไวรัส มากับน้ำ พี่สิงห์เคยเป็นประจำ ตั้งแต่เล็กจนโต
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3086 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 11:45:21 »

ขอบคุณมากค่ะพี่สิงห์
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #3087 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 12:14:46 »

สวัสดีค่ะพี่สิงห์ มาอ่านทั้งธรรมะและการดูแลสุขภาพแล้ว
นำไปใช้บ้าง โดยเฉพาะการอ่านสุขภาพของคุณหมอขวัญชัย
ตอบสิ่งที่เคยสงสัย ขอบคุณพี่สิงห์มากค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3088 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 12:24:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 10 กันยายน 2554, 12:14:46
สวัสดีค่ะพี่สิงห์ มาอ่านทั้งธรรมะและการดูแลสุขภาพแล้ว
นำไปใช้บ้าง โดยเฉพาะการอ่านสุขภาพของคุณหมอขวัญชัย
ตอบสิ่งที่เคยสงสัย ขอบคุณพี่สิงห์มากค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณน้อง มีนา ที่รัก

                   บังเอิญ คำสัมภาษย์ของคุณหมอขวัญชัย  มันสอดคล้องกับเรื่องการดูแลสุขภาพ  จึงนำมาให้อ่านกัน เพื่อเอาไปเปลี่ยนวิถีชีวิต เรื่องการกิน ต้องกินให้ถูก  ทางที่ดีไปหาคุณหมอ  ที่อโศก ดูครับ
                   วันหลังพี่สิงห์จะไปเหมือนกัน เพราะอยากดูอวัยวะของตัวเอง ว่ากำลังบกพร่องอะไรบ้าง คุณหมอจะได้แนะนำมาให้เราเอาไปปฏิบัต ต่อครับ
                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3089 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 12:54:37 »

พลอากาศตรีนายแพทย์ขวัญชัย  เศรษฐนันท์

จะเน้นเรื่อง

ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต  เปลี่ยนวิธีการกิน  ออกกำลังกาย  กินน้ำให้ถูกต้อง  ทำสมาธิ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3090 เมื่อ: 10 กันยายน 2554, 20:49:26 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพ ที่รักทุกท่าน

                       วันอาทิตย์เช้าผมไปตีกอล์ฟ เลยต้องรีบมาทำหน้าที่เรื่องสุขภาพต่อครับ คือการกินขมิ้นชัน  ยาสารพัดประโยชน์ เพื่อให้สมจริง ผมทดลองไปซื้อขมิ้นชันชนิดแคปซูล มารับประทานไปแล้วสองวัน รับประทานหลังอาหารสามมื้อครั้งละ ๒ แคปซูล และจะรับประทานตอน 04:00 น.อีก ๑ แคปซูล เพราะโพรงจะมูกผมบวมเนื่องจากแพ้อากาศ เพราะผมตื่นมาเจริญสติพอดีอยู่ในช่วงเวลา 03:00-05:00 น. ได้ผลอย่างไรจะเรียนให้ทราบ
                        ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ



หลักในการดูแลสุขภาพ

คัดลอกจากหนังสือ อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ

นายเริ่ม   งามขำ

ตอนที่ ๑๙

ขมิ้นชัน.....


           ใช้กินเหง้าของขมิ้นชัน  โดยการปอกเปลือก  หรือตากแห้งแล้วบดเป็นผงใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่าง  และแบบผงบรรจุแคปซูลเพื่อสะดวกแก่การกิน

ขมิ้นชันมีประโยชน์และสรรพคุณหลายประการดังนี้...
            ขมิ้นชันมีวิตามิน A, C, E ที่เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานพร้อมกันทั้ง ๓ ตัว  จึงมีผลทำให้ช่วยลดไขมันในตับ – สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร – ช่วยย่อยอาหาร – ทำความสะอาดลำไส้ – เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ – ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งตับ – สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง – กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่กินเข้าไปแล้วสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง – ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังการคลอดบุตรได้ดี  รองลงมาจากการกินหัวปลี

กินขมิ้นชันให้ตรงเวลา...
            กินขมิ้นชันให้ตรงเวลาที่อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายเปิดการทำงานในช่วงเวลานั้น  จะได้ผลตรงกับประเด็นที่ต้องการจะบำรุง  หรือแก้ไขฟื้นฟูระบบของอวัยวะ  กินเพียง ๑ แคปซูลเท่านั้น  จะออกฤทธิ์มากกว่าเวลาอื่นถึง ๔๐ เท่าตัว  แต่ถ้ามีปัญหาหลายอย่างก็กินครั้งละ ๑ แคปซูลทุกๆ ๒ ชั่วโมง  ถ้ากินขมิ้นชันจำนวนมาก  ส่วนที่เหลือจะไปขับไขมันในตับ

กินขมิ้นชันให้เป็นอาหาร..
            กินขมิ้นชันให้เป็นอาหาร  ไม่ใช่กินเป็นยา  ต้องกินให้สนุก  ใช้ปรุงอาหาร  กินบ้าง  หุงข้าวก็ใส่ขมิ้นชันได้  ทอดปลาคลุกขมิ้นชันก็ดี  ทำให้หอมน่ากินและยังได้ประโยชน์อีกด้วย  เพราะตัวขมิ้นชันจะช่วยย่อยไขมันจากน้ำมันที่ใช้ทอดปลาได้บางส่วน
กินขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี้จะได้ผลโดยตรงกับอวัยวะส่วนนั้น...

เวลา  03:00 – 05:00 น.
             ช่วยบำรุง  ป้องกันการเป็นมะเร็งปอด  ช่วยทำให้ปอดแข็งแรง  ช่วยเรื่องภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก  และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง

เวลา  05:00 – 07:00 น.
              ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่  ถ้าเคยกินยาถ่ายเป็นเวลานาน  ให้กินขมิ้นชันเวลานี้  ขมิ้นชันจะช่วยฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่  ต้องกินเป็นประจำ  ถึงจะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัว  เพื่อขับถ่ายอย่างปกติ  แก้ปัญหาลำไส้ใหญ่กลืนลำไส้เล็ก  หรือลำไส้ใหญ่มีปัญหาขับถ่ายมากเกินไป  หรือถ่ายน้อยเกินไป
            ถ้าลำไส้ใหญ่ไม่มีปัญหา  ให้กินขมิ้นชันพร้อมสูตร โยเกิต + นมสด + น้ำผึ้ง + มะนาว หรือน้ำอุ่นก็ได้  จะไปช่วยล้างผนังลำไส้ที่มีหนวดเป็นขนเล็กๆ อยู่เป็นล้านๆ เส้น  ซึ่งขนเหล่านี้มีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารเพื่อไปสร้างเม็ดเลือด  ขมิ้นชันจะช่วยล้างให้สะอาดได้  ก็จะไม่ค่อยมีขยะตกค้าง  จึงไม่เกิดแก๊สพิษที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว  และจะไม่ค่อยเป็นริดสีดวงทวาร  ไม่เป็นมะเร็งลำไส้

เวลา  07:00 – 09:00 น.
             ช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหาร  เกิดจากการกินข้าวไม่เป็นเวลา  ท้องอืดจุกแน่น  ปวดเข่า  ขาตึง  ช่วยบำรุงสมอง  ป้องกันความจำเสื่อม

เวลา  09:00 – 11:00 น.
             ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย  มีแผลในปาก  อ้วนเกินไป  ผอมเกินไป  ที่เกี่ยวข้องกับม้าม  ลดอาการเป็นเก๊าต์  ลดอาการเบาหวาน

เวลา  11:00 - 13:00 น.
             ใครมีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ  มีหรือไม่มี  ก็กินขมิ้นชันเวลานี้  จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง  ถ้าเลย 11:00 น. ไปแล้ว  ขมิ้นชันจะไปทำงานที่ตับแล้วตับจะส่งมาที่ปอด  ปอดจะส่งไปที่ผิวหนัง  แต่ส่วนมากมาไม่ถึงเพราะกินขมิ้นชันน้อยเกินไป  อวัยวะส่วนอื่นจะดึงไปใช้งานก่อนเลยมาไม่ถึงผิวหนัง  จึงต้องลงขมิ้นชันทางผิวช่วยอีกทางหนึ่งด้วย

เวลา  13:00 – 15:00 น.
                        ช่วยแก้ปัญหาเรื่องปวดท้องบ่อย  เพราะมีไขมันเกาะลำไส้เล็ก  ไขมันที่เคลือบลำไส้จะเคลือบขยะเอาไว้ด้วยแล้วสะสมตัวกัน  ทำให้เกิดแก๊สและมีอาการปวดท้องตอนบ่ายในช่วงเวลานี้  ถ้ากินสูตร โยเกิต + นมสด + น้ำผึ้ง + มะนาว  และขมิ้นชัน  จะช่วยล้างลำไส้เล็กได้ดีที่สุด  สูตรโยเกิตนี้ตัวจุลินทรีย์จะช่วยเปลี่ยนขยะในลำไส้เล็กให้เป็นวิตามิน B 12 เพื่อส่งไปเลี้ยงสมองต่อไป

เวลา 15:00 – 17:00 น.
              ช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง  แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรีและควรกินน้ำกระชายเวลานี้ด้วย  จะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง  ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออกจะดีมาก  เพราะร่างกายต้องการขับสารพิษให้ได้มากที่สุดในเวลานี้
            กินเหลือเลยเวลาจากช่วงนี้  จนไปถึงการกินก่อนนอน  ขมิ้นชันจะไปช่วยเรื่องความจำให้ความจำดี  ช่วยขับไขมันในตับระหว่างเวลา 01:00 – 03:00 น.  ตื่นนอนตอนเช้าจะไม่ค่อยเพลีย  และช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น  กินขมิ้นชันมากจะช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ผิวหนังไม่เป็นผดผื่นคันง่ายๆ
            กินขมิ้นชัน  แบบผงหรือบรรจุแคปซูล  ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานและสะอาดเชื่อถือได้  ไร้สารเคมี  ไม่มีสเตรอย์ที่เกิดจากการอบแห้งด้วยความร้อนเกิน ๖๕ องศา  ควรตัดสินใจเอง  เพราะเราจะต้องกินทุกวัน  ก็ควรกินให้ปลอดภัยและสบายใจ (สมุนไพรปัญจะศรี  02-8808112-5)
            ถ้ากินขมิ้นชัน  แบบผง ๑ ช้อนชา  ใช้ผสมน้ำ ๑ แก้ว (ไม่เต็ม)  ขมิ้นชันจะไหลผ่านส่วนต่างๆ ตั้งแต่
                       • ผ่านลำคอ  ช่วยขับไล่ไรฝุ่นที่ลำคอ  ช่วยดูแลปอดให้หายใจดีขึ้น  ลดความชื้นของปอด
                       • ผ่านลำไส้  ก็สมานแผลในลำไส้
                       • ผ่านตับ  ก็ไปบำรุงตับ  ล้างไขมันในตับ
                       ขมิ้นชันยังช่วยดูแลเซลล์ต่างๆ ที่ฉีกขาด  ก็จะไปเชื่อมให้  และไปกวาดขยะ  กวาดไขมันมากองไว้  ถ้าจะอุ้มขยะไปทิ้งโดยการขับถ่ายก็กินอาหารปกติ  เช่น  พืช  ผัก  ผลไม้  ที่มีกากใย  หรือกินน้ำลูกสำรอง (พุงทลาย) เพื่ออุ้มไขมัน  อุ้มแก๊สไปทิ้ง
                       • คนธาตุเบา  แสดงว่ามีการระคายเคือง  อักเสบ  เป็นแผลเรื้อรังบางอย่างที่ผนังลำไส้เป็นอาจิณ
                       • คนธาตุหนัก  แสดงว่าปลายประสาทลำไส้ใหญ่เสื่อม  อาจเกิดจากการกินยาถ่ายเป็นประจำ  หรือกินน้ำน้อย  ทั้งธาตุเบาและธาตุหนักไม่ดีทั้งคู่  ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่ามีปัญหาที่ลำไส้  และปลายประสาทลำไส้ใหญ่ผิดปกติ  หากปล่อยไว้วันข้างหน้าจะมีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้  ควรกินขมิ้นชันเป็นประจำ  เพื่อค่อยๆปรับให้เข้าที่  แล้วกลับมาถ่ายอย่างปกติ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3091 เมื่อ: 11 กันยายน 2554, 18:21:57 »

ข่าวล่า.........

5 อำเภอเมืองจันทน์จมน้ำ ปชช.เกือบ 5 พันคนเดือดร้อน
11 กันยายน 2554 17:19 น.

       สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.จันทบุรี ขยายวงกว้างขึ้น เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยอาสาสมัครสมาคมสว่างกตัญญู ทหารค่ายตากสิน ตำรวจตระเวนชายแดน ได้เร่งช่วยชาวบ้านขนย้ายสิ่งของ โดยที่ตลาดเจริญสุข เขตเทศบาลเมืองท่าช้าง น้ำท่วมสูงประมาณ 1 เมตร ถนนสายพระยาตรังรถไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เรือท้องแบนเข้าไปช่วยขนย้ายสิ่งของช่วยพ่อค้าแม่ค้า ส่วนที่หมู่บ้านชัยยันต์เขตเทศบาล ต.พลับพลานารายณ์ซึ่งเป็นจุดวิกฤตน้ำจากเทือกเขาสระบาปไหลบ่าเข้าท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ทางเทศบาลได้นำรถแบ็กโฮขุดขยายช่องทางน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากหมู่บ้านชัยยันต์ ถนนสายจันทบุรี สระแก้ว บริเวณสี่แยก อ.มะขามน้ำเชี่ยวมากรถไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่ให้ใช้เส้นทางสายวังแซ้มแทน
        ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.จันทบุรี พบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันแยกเป็น อ.เมือง 25 หมู่บ้าน อ.ขลุง 29 หมู่บ้าน อ.มะขาม 5 หมู่บ้าน อ.ท่าใหม่ 6 หมู่บ้าน และ อ.แก่งหางแมว 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเกือบ 5,000 คน ขณะที่สภาวะอากาศที่ จ.จันทบุรีฝนยังคงตกต่อเนื่อง ระดับน้ำที่ฝายท่าระม้า อ.มะขามเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกันกับระดับน้ำที่ อ.เขาคิชฌกูฏ


 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000115367
 
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #3092 เมื่อ: 11 กันยายน 2554, 18:52:35 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 11 กันยายน 2554, 18:21:57
ข่าวล่า.........

5 อำเภอเมืองจันทน์จมน้ำ ปชช.เกือบ 5 พันคนเดือดร้อน
11 กันยายน 2554 17:19 น.

       สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.จันทบุรี ขยายวงกว้างขึ้น เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยอาสาสมัครสมาคมสว่างกตัญญู ทหารค่ายตากสิน ตำรวจตระเวนชายแดน ได้เร่งช่วยชาวบ้านขนย้ายสิ่งของ โดยที่ตลาดเจริญสุข เขตเทศบาลเมืองท่าช้าง น้ำท่วมสูงประมาณ 1 เมตร ถนนสายพระยาตรังรถไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เรือท้องแบนเข้าไปช่วยขนย้ายสิ่งของช่วยพ่อค้าแม่ค้า ส่วนที่หมู่บ้านชัยยันต์เขตเทศบาล ต.พลับพลานารายณ์ซึ่งเป็นจุดวิกฤตน้ำจากเทือกเขาสระบาปไหลบ่าเข้าท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ทางเทศบาลได้นำรถแบ็กโฮขุดขยายช่องทางน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากหมู่บ้านชัยยันต์ ถนนสายจันทบุรี สระแก้ว บริเวณสี่แยก อ.มะขามน้ำเชี่ยวมากรถไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่ให้ใช้เส้นทางสายวังแซ้มแทน
        ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.จันทบุรี พบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันแยกเป็น อ.เมือง 25 หมู่บ้าน อ.ขลุง 29 หมู่บ้าน อ.มะขาม 5 หมู่บ้าน อ.ท่าใหม่ 6 หมู่บ้าน และ อ.แก่งหางแมว 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเกือบ 5,000 คน ขณะที่สภาวะอากาศที่ จ.จันทบุรีฝนยังคงตกต่อเนื่อง ระดับน้ำที่ฝายท่าระม้า อ.มะขามเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกันกับระดับน้ำที่ อ.เขาคิชฌกูฏ


 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000115367
 

ติดฝนอยู่กลับกรุงเทพไม่ได้
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3093 เมื่อ: 11 กันยายน 2554, 19:51:08 »

ป๋าทู

แล้วต้องให้ช่วยอะไรมั้ย ??
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3094 เมื่อ: 11 กันยายน 2554, 19:58:03 »

อ้างถึง
ข้อความของ patooman 64 เมื่อ 11 กันยายน 2554, 18:52:35
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 11 กันยายน 2554, 18:21:57
ข่าวล่า.........

5 อำเภอเมืองจันทน์จมน้ำ ปชช.เกือบ 5 พันคนเดือดร้อน
11 กันยายน 2554 17:19 น.

       สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.จันทบุรี ขยายวงกว้างขึ้น เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยอาสาสมัครสมาคมสว่างกตัญญู ทหารค่ายตากสิน ตำรวจตระเวนชายแดน ได้เร่งช่วยชาวบ้านขนย้ายสิ่งของ โดยที่ตลาดเจริญสุข เขตเทศบาลเมืองท่าช้าง น้ำท่วมสูงประมาณ 1 เมตร ถนนสายพระยาตรังรถไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เรือท้องแบนเข้าไปช่วยขนย้ายสิ่งของช่วยพ่อค้าแม่ค้า ส่วนที่หมู่บ้านชัยยันต์เขตเทศบาล ต.พลับพลานารายณ์ซึ่งเป็นจุดวิกฤตน้ำจากเทือกเขาสระบาปไหลบ่าเข้าท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ทางเทศบาลได้นำรถแบ็กโฮขุดขยายช่องทางน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากหมู่บ้านชัยยันต์ ถนนสายจันทบุรี สระแก้ว บริเวณสี่แยก อ.มะขามน้ำเชี่ยวมากรถไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่ให้ใช้เส้นทางสายวังแซ้มแทน
        ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.จันทบุรี พบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันแยกเป็น อ.เมือง 25 หมู่บ้าน อ.ขลุง 29 หมู่บ้าน อ.มะขาม 5 หมู่บ้าน อ.ท่าใหม่ 6 หมู่บ้าน และ อ.แก่งหางแมว 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเกือบ 5,000 คน ขณะที่สภาวะอากาศที่ จ.จันทบุรีฝนยังคงตกต่อเนื่อง ระดับน้ำที่ฝายท่าระม้า อ.มะขามเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกันกับระดับน้ำที่ อ.เขาคิชฌกูฏ


 
จาก http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.asp?NewsID=9540000115367
 

ติดฝนอยู่กลับกรุงเทพไม่ได้

แก้ปัญหาน้ำท้วมซ้ำซาก

- คงได้เวลาแล้วที่กรมทางหลวงจะต้องทำสะพานข้ามถนนทุกสายในพื้นที่ลุ่ม และทุกสายให้มาก ไม่ให้ถนนเป็นเขื่อนกั้นน้ำ  น้ำจะสามารถไหลเป็นธรรมชาติผ่านถนนได้เพื่อเป็นทางระบายน้ำไม่ให้ ถนนเป็นคันกั้นน้ำ แบบขั้นบันได เหมือนทุกวันนี้

- ออกกฏหมาย หมู่บ้านจัดสรรค์  โรงงานอุตสาหกรรม และสถานที่ถมดินสูงกว่าธรรมชาติ ต้องมีสระน้ำ(พื้นที่รับน้ำ) ไม่ต่ำกว่า 20% ของบริเวณที่ถมดินทำหมู่บ้านจัดสรรค์และโรงงาน เพื่อรับน้ำเสีย และน้ำฝนที่ตกในบริเวณ ไม่ให้ปล่อยไปท้วมที่อื่น เพราะเป็นต้นเหตุให้พื่นที่รับน้ำหายไป และน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ไปทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น  จึงต้องรับผิดชอบต่อสังคมคืนมา

- ขุดเจ้าพระยาสายที่สอง ต่อจากจังหวัดสิงห์บุรี ลงทะเล เราจะได้เมืองใหม่ที่แม่น้ำไหลผ่าน โดยไม่ต้องใช้งบประมาณ เพียงแต่รัฐบาลต้องเวณคืนที่ดินที่ทิศทางจะตัดแม่น้ำไหลผ่าน
 
- งดการสร้างเขื่อน ในแต่ละจังหวัด เพราะจะกักน้ำอยู่ในพื้นที่ลุ่มและในแม่น้ำ เป็นการซ้ำเติมประชาชนนอกเขื่อนกั้นน้ำ

- ใช้หลักการให้น้ำกระจายเติมพื้นที่ได้สะดวกไม่มีการกักน้ำ ให้เป็นไปตามธรรมชาติ เฉลี่ยความเดือดร้อนเท่าเทียมกัน

- พื้นที่ลุ่มที่น้ำท้วมซ้ำซาก  ต้องปลูกข้าวเม็ดสั้น(ข้าวหนัก) เพราะสามารถหนีน้ำได้ และจมน้ำสามวันยังโผล่ได้

- กำหนดพื้นที่ลุ่มทำเป็นแก้มลิงทุกจังหวัด และทำให้เป็นเขตเพาะพันธ์ปลาน้ำจืด ให้มีน้ำตลอดทั้งปี จะได้ประโยชน์สองทาง และปราชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณนั้น ยังมีอาชีพหาปลาทดแทนได้

-ฯลฯ ยังคิดไม่ออก
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #3095 เมื่อ: 11 กันยายน 2554, 20:15:20 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 11 กันยายน 2554, 19:51:08
ป๋าทู

แล้วต้องให้ช่วยอะไรมั้ย ??

พอดีบ้านอยู่ที่สูง ปลอดภัยแต่ไปไหนไม่ได้ เหมือนอยู่เกาะ บ้านผมอยู่ ต.ท่าช้างครับใกล้ตลาดเจริญสุขครับ
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3096 เมื่อ: 11 กันยายน 2554, 20:17:34 »

คัดลอกจากหนังสือ อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ

นายเริ่ม   งามขำ

ตอนที่ ๒๐

ล้างน้ำตาลในเลือด.....


           กินของหวานมากๆ ทุกวัน  จนเกินความต้องการของร่างกาย  น้ำตาลที่ร่างกายใช้ไม่หมด  จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด  ไปเกาะผนังหลอดเลือด  เกิดเป็นขนเล็กๆ ตามผนังหลอดเลือด

            โดยปกติหลอดเลือดต้องสะอาด  เรียบโล่ง  เลือดจึงไหลเวียนได้ดี  แต่น้ำตาลที่สะสมในเลือดมาก  ทำให้หลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น  เมื่อเวลาอากาศเปลี่ยนจะไม่สบาย เช่น  อากาศร้อนหลอดเลือดก็ไม่ขยายตัว  อากาศเย็นหลอดเลือดก็ไม่หดตัว  เป็นสาเหตุทำให้ปวดหัว  ถ้าคนที่หลอดเลือดสะอาด  ยืดหยุ่นดี  เลือดจะไหลเวียนได้สะดวก

                        ควรงดกินน้ำตาลมากเกินความต้องการของร่างกาย  ควรได้น้ำตาลจากผลไม้บ้าง  สลับกับการกินขนมหวาน

สูตรล้างหลอดเลือด

                        • กินน้ำรางจืด  เพื่อล้างน้ำตาลในเลือด

                        • กินใบมะยมสด  หรือต้มรากเตยกินน้ำ  ก็ช่วยฟื้นฟูตับอ่อน  เมื่อตับอ่อนแข็งแรง  การคุมน้ำตาลจะดีขึ้นเอง (ต้องกินเป็นประจำ)
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #3097 เมื่อ: 11 กันยายน 2554, 21:10:38 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 11 กันยายน 2554, 19:51:08
ป๋าทู

แล้วต้องให้ช่วยอะไรมั้ย ??

ช่วยซ้ำเติมให้ที
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3098 เมื่อ: 11 กันยายน 2554, 21:27:28 »

พี่ป๋อง

ทำไม "ซ้ำ" แล้วต้อง "เติม" ด้วยละ ?? !!
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #3099 เมื่อ: 13 กันยายน 2554, 06:12:58 »








อรุณสวัสดิ์ครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                    เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ ๑๒ กันยายน ที่ผ่านมา พี่สิงห์ อาจารย์พินิจ-พี่ติ๋ว คุณสมชาย-คุณน้องอ๊อด คุณรองรัตน์ ได้ไปรับประทานอาหารค่ำกับ คุณน้องป้อม-สามี-ลูกสาว(น้องออม) ที่ร้านอาหารเพลินตั่งแต่ก่อนหกโมงครึ่ง(เวลานัดหมาย) จนถึงสามทุ่มครึ่ง เนื่องในโอกาสที่คุณน้องป้อม และสามี มาอบรมที่ยาสูบหนึ่งเดือน จริงๆเพื่อขอบคุณ คุณน้องป้อมที่เวลาไปเชียงใหม่ก็เลี้ยงข้าวพวกเราทุกที มื้อนี้คุณสมชายอ้างว่ายังมีเงินเดือน จึงขอเลี้ยงพี่ๆ ที่ไม่มีเงินเดือนแล้ว ครับ

                      วงสนทนาก็คุณกันสัพพเเหระต่างๆ ตามประสาชาวซีมะโด่ง แต่จะหนักไปทางด้านสุขภาพ  ผมเองก็เพิ่งทราบว่าพี่ติ๋วป่วยต้องไปนอนโรงพยาบาลหญิงมาเกี่ยวกับโรคหูดับ สองครั้ง ลำบากเหมือนกัน

                      ผมเพิ่งทราบว่า คุณสมเชย-คุณน้องอ๊อด รับประทานขมิ้นชัน-น้ำกระชายปั่นมามากกว่าสามปีติดต่อกัน ผลคือ ไม่เจ็บไม่ป่วยอะไรเลยครับ นี่ละสมุนไพรไทยครับ อย่ามองข้าม

                     เชิญชมภาพครับ

                     สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 122 123 [124] 125 126 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><