25 พฤศจิกายน 2567, 20:59:41
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 108 109 [110] 111 112 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3579170 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2725 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 10:09:57 »

อ้างถึง
ข้อความของ prapasri AH เมื่อ 03 สิงหาคม 2554, 09:19:38
สิงห์ เธจะตายไปทำไม  ตายเเล้วไม่ได้เกิด นะ มันดับไปเลย

อย่าเชื่อว่าชาติหน้ามีจริง เธอจะได้เกิดมาเป็นตัวหนูเล็กๆเเล้วเอ็นเข้าจุฬาอีกนะ

 เด่วนี้เขาสอบตรงกันเเล้วอาจจะใช้เส้นกัน

มาก หากเธอไปเกิดบ้านนอก เธออาจจะเรียนไม่ทันเด็กกรุงเทพแล้วสอบเข้าจุฬาไม่ได้เธอก็ไม่ได้อยู่หอละทีนี้

สอบ เเกท เเพท ก็ยากนะ

อย่ารีบตาย อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน ฉํนจะมีอายุถึง100-120 ปีเเบบเเข็งเเรงนะ

เวลานอนฉันใส่ถุงเท้านอนมานานเเล้ว

เเต่ตื่นขึ้นมารีบถอดนะ เพราะหากใส่ถุงเท้าเดินลงบันได้อาจลื่นตกบันไดได้ ฉันเป็นมาเเล้วเเต่ไม่ตาย

เธอลื่นอาจจะตายก็ได้เพราะเธออยากตาย

ฉันไม่อยากตายเลย รีบมีสติไม่ให้หัวฟาด และรีบลุกขึ้นมาโดยเร็ว เลยไม่ตาย

อย่าตายเลย สิงห์เอ่ย เพราะหากเธอตาย จะมีคนตายอีกหลายคน เวบคงเหงาเเย่

ป๋อง...จะอยู่ยังไง ป๋องต้อง ตามไปตายไปอีกคน พวกเราคงเหงาเเย่

ตอนนี้ป๋องอายุมากแล้ว ข่าวว่าเป็นเมโนพอสซะด้วย......

เจ้าพระคุณอย่าให้ป๋องตายไปตามเธอนะ ฉัน กลัวผีเธอสองคนจะมาหลอก


สวัสดีค่ะ คุณประภาศรี ที่รัก

                 ขอบคุณมากครับ  ผมเตรียมเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดความกังวล และอยู่ในความไม่ประมาท ครับ

                 พี่หมอหาญเป็นอย่างไรบ้างครับ  สบายดีหรือเปล่า  เธอได้อุ้มหลานหรือยัง ?

                 ชาติหน้านั้น ผมไม่คิดว่ามี หรือไม่มี ทั้งนั้น เพราะไม่รู้

                 แต่ชาตินี้ ช่วงชีวิตที่เหลือนี้ อยากอยู่อย่างไรทุกข์ให้น้อยที่สุด เพราะถึงอย่างไรต้องเจอแน่แน่ ทุกข์กาย  ทุกข์ใจ  หลีกเลี่ยงไม่พ้น  ได้แต่เจริญสติ เตรียมใจไว้เผชิญกับทุกข์ที่จะพึงมีครับ

                 สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2726 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 10:11:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ supanee เมื่อ 03 สิงหาคม 2554, 10:06:08
ทราบข่าวด้วยความอาลัยยิ่งค่ะ
สวดฯที่ ศาลาจารุมิลินท  เริ่มเวลา 19.00น.

ทุกท่านอย่าลืม ศพอาจารย์แม่บ้านอยู่วัดชลประทาน ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2727 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 11:14:20 »

อาจารย์แม่บ้านหอหญิง จากไปแล้ว
 
ด้วยความอาลัยยิ่ง ของศิษย์





อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา

นี่ละธรรมที่เป็นจริงเสมอ  

ความตาย ทุกท่านไม่อาจหนีพ้นไปได้ เป็นทุกข์อย่างหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ "ความตายก็เป็นทุกข์"



อาจารย์ผู้ส่งเสริมความสำเร็จให้ศิษย์ ผู้อยู่เบื่องหลังจริงๆ



น่าที่จะเป็นภาพกิจกรรมสุดท้าย ที่ท่านมาร่วมงากับพวกเรา ครับ ก่อนหน้านั้นท่านไปเชียงใหม่กับพวกเรามา















ด้วยรัก และอาลัย
 
อาจารย์แม่บ้านหอหญิง  ท่านอาจารย์อำไพ   จูฑะศร๊



มีกำหนดสวดพระอภิธรรมสามวันคือ พุธ  พฤหัสบดี และศุกร์

สวดฯที่ ศาลาจารุมิลินท  เริ่มเวลา 19.00น. วัดชลประทาน

ส่วนวันฌาปณกิจศพนั้น อาจะเป็นวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ ครับ

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
            
              ผมได้รับความกรุณาจากคุณ อดิสร  ได้ส่งรูปท่านอาจารย์แม่บ้านหอหญิงมาให้ครับ  ขอขอบคุณอดิสร มาก ๆ ครับ

              ท่านอาจารย์แม่บ้านหอหญิงนั้น ท่านมีเมตตาต่อผม  มาตั้งแต่ผมเป็นประธานหอพักนิสิตชาย  ประธานชมรมฯ ปัจจุบัน เสมอมาครับ

              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
wannee
Global Moderator
Cmadong พันธุ์แท้
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: จุฬาฯรุ่นประวัติศาสตร์ 2516
คณะ: ทันตแพทยศาสตร์
กระทู้: 4,806

« ตอบ #2728 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 15:31:59 »

เรียนพี่สิงห์ และขออนุญาตโพสท์นะคะ


หอพักนิสิตจุฬาฯ และชมรมนิสิตเก่าหอพักนิสิตจุฬาฯ  จะร่วมเป็นเจ้าภาพทำพิธีสวดอภิธรรมศพ
ในวันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2554 ที่ ศาลาจารุมิลินท  วัดชลประทาน เวลา19.00 น.
จึงใคร่ขอเชิญชาวซีมะโด่งทุกท่านไปร่วมงานในวันเวลาดังกล่าว

พิธีฌาปนกิจ จะมีในจันทร์ที่่ 8 สิงหาคม เวลา 10.00 น.
      บันทึกการเข้า

"เสียด" ภาษาจีนฮากกา แปลว่า หิมะ
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2729 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 16:15:07 »

อ้างถึง
ข้อความของ wannee เมื่อ 03 สิงหาคม 2554, 15:31:59
เรียนพี่สิงห์ และขออนุญาตโพสท์นะคะ


หอพักนิสิตจุฬาฯ และชมรมนิสิตเก่าหอพักนิสิตจุฬาฯ  จะร่วมเป็นเจ้าภาพทำพิธีสวดอภิธรรมศพ
ในวันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2554 ที่ ศาลาจารุมิลินท  วัดชลประทาน เวลา19.00 น.
จึงใคร่ขอเชิญชาวซีมะโด่งทุกท่านไปร่วมงานในวันเวลาดังกล่าว

พิธีฌาปนกิจ จะมีในจันทร์ที่่ 8 สิงหาคม เวลา 10.00 น.
สวัสดีค่ะ คุณน้องเสียด ที่รัก

            วันศุกร์พี่สิงห์อยู่นครศรีธรรมราช ไม่สะดวก

            วันนี้พี่สิงห์ จะไปร่วมฟังพระสวดพระอภิธรรม และวันจันทร์คงไปร่วงานฌาปนกิจ ครับ

            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2730 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 16:45:31 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 03 สิงหาคม 2554, 08:48:28
                       ดร.สุริยา

                       เมื่อวานนี้ผมไปจัดการเรื่องประกันชีวิตที่ครบอายุ หกสิบปีแล้วหนึ่งฉบับ (ยังเหลืออีกสองฉบับที่จะครบอายุตามกรมธรรค์ ที่อายุ ๖๕ ปี) ไม่ต้องจ่ายอีกแล้ว ผมจะทิ้งไว้เป็นค่าเผาศพผม จำนวนสามแสนบาท แต่ถ้าตายโดยอุบัติเหตุหรือจลาจลจะได้เพิ่มอีกสามแสนบาท ที่ไทยประกันชีวิต  ถ้าผมมีเหตุต้องตายไปก่อน โปรดดำเนินการให้ด้วยคือเผา ไม่ต้องมีพิธีอะไรมาก เก็บไว้นานไม่ดี เป็นการสร้างทุกข์ให้ผู้อื่น

                       หรือจะทำอย่างดนุ มอบร่างให้โรงพยาบาลศิริราช พร้อมบริจาคเงินค่าประกันชีวิตให้โรงพยาบาล จักขอบคุณมาก

                       สวัสดี
พี่สิงห์,
จลาจล รึ จราจร?
หนูไม่ค่อยได้อ่านไทยนะ
อย่าทำให้หนูสับสน!

พี่เขียนทุกวัน คุยกับพี่น้องทุกวันเถอะ
รับรอง....สุขภาพดีอิ่มหมีพีมันกินอิ่มนอนหลับ

อย่าเพิ่งเชื่อพี่!
ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่...
หนิงเขียนเองยังเหล่ๆอยู่เนี่ย
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2731 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 16:55:06 »

 
อ้างถึง   
สวัสดีครับ พี่สิงห์ น้องหนุงหนิง และพี่น้องทุกท่าน

ผมเองเป็นคนหนึ่งที่มาอ่านกระทู้ ในห้องนี้เกือบทุกวัน เพียงแต่ไม่ได้โพสท์อะไร

ขออนุญาต ตอบน้องหนุงหนิงก่อนนะครับ มิฉะนั้นนอกจากจะโดนน้องหนุงหนิงท้าชกแล้ว อาจโดนแฟน Cmadong.com พันธ์แท้รุมเหยียบได้


ความจริงพี่เองก็เป็นแฟนเวปนี้อยู่ด้วยครับ เพราะรู้สึกเหมือนบ้านที่สอง ทุกครั้งที่เข้าอินเตอร์เนทก็เข้าเวปนี้ทุกที เข้าทุกวัน วันละหลายรอบ และให้ค้างไว้โดยไม่ปิดtab ดังนั้นทุกครั้งที่เข้า fire fox ก็จะเข้าเวปซีมะโด่งครับ เพราะฉะนั้นขอปฏิเสธว่า ไม่ได้หมายความว่า  "เข้าเวบไม่เป็นผลดี"

แต่เคยแนะนำพี่สิงห์ ว่าให้ลองเจริญสติอย่างต่อเนื่อง และในช่วงที่กำลังปฏิบัติ ก็ "งดพูดคุยที่ไม่จำเป็น งดรับโทรศัพท์ งดเปิดคอมพ์เพื่อเช็คอีเมล์และเข้าเวป"

แต่ไม่ได้หมายความว่า นอกเวลาปฏิบัติ แล้วไม่ควรเข้าครับ


พี่รุ่ง,
เครื่องหนิงเพิ่งเจ๊งกะบ๊งวันก่อน
quoteยาวๆแล้วจะทำสี ทำขนาด
ข้อความตัวเองยากมาก...ไม่ง่ายอย่างแต่ก่อน
ยังตั้งเม้าส์และการทำเข้ม ทำขนาดไม่ได้ดี
จึงยังquote replyพี่มาตอบหมดไม่ได้คะ
..
..
copy &pasteแค่นี้
แล้วจะตอบพี่ว่า
..
..
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2732 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 17:06:20 »

 
อ้างถึง   
ที่นี้มาถึง ช่วงเวลานี้ของพี่สิงห์  ผมเห็นด้วยกับน้องสมชาย ว่าพี่สิงห์อาจจะต้องงดการ เล่าเรื่องและพูดคุยกับน้องๆระยะหนึ่ง เราจะเห็นว่าในการปฏิบัติธรรม ตามสำนักต่างๆ ข้อหนึ่งคือการงดพูดคุย ยกเว้นการสอบอารมณ์ หรือการให้ครูบาอาจารย์ช่วยแนะนำ การแก้ปัญหาให้

พวกเรารู้ดีว่าการมีห้องหรือกระทู้ ของตัวเองนั้น  เวลาโพสท์อะไรไป เวลาคนอื่นมาเยี่ยม เราก็ต้องเข้ามาตอบ และกลับไปเยี่ยมห้องของแขกเหล่านั้นบ้าง นั่นจะใช้เวลามากในแต่ละวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พี่สิงห์เอง นอกจากเล่าเรื่องความเป็นไป ของตัวเองในแต่ละวันแล้ว ก็ยังต้องหาธรรมะดีๆมาฝากพวกเรา (หลายๆครั้งก็ต้องพิมพ์เอง)   ซึ่งคิดว่าวันหนึ่งไม่น่าจะต่ำกว่า สองชั่วโมง

แต่ถ้าเอาเวลาเหล่านั้นไปเจริญสติ ก็อาจจะได้เรียนรู้มากขึ้น  และค่อยนำมาเล่าทีเดียวเมื่อเวลาเหมาะสม เพราะจิตคนเราซับซ้อนมาก บางวันมันก็แกล้งหลอกเราว่า เราไม่โกรธแล้วในเรื่องหนึ่ง แต่พออีกวันหนึ่ง เรื่องที่เล็กกว่า เรากลับโกรธ  ต่อเมื่อเราเข้าใจมันดีพอแล้ว นั่นแหละ คือหนทางที่แท้จริง

ผมคิดว่าพี่สิงห์อาจใช้วิธีพูดกับสมุดบันทึกแทน พี่น้องซีมะโด่ง(ในเวป)  เหมือนที่หลวงพ่อพุทธทาสเคยใช้ เขียนไว้ในหนังสือชื่อ อนุทินปฏิบัติธรรม  เป็นบันทึกรายวันขณะฝึกฝนตนอย่างเข้มข้นในวัยหนุ่ม  ท่านบันทึกไว้ 90วัน เขียนรายละเอียดต่างๆ เรื่องศีล ธุดงค์ อกุศลวิตก เบ็ดเตล็ด และบันทึก ปัญหาที่พบ ผลของการปฏิบัติ อาหาร ความฝัน ราคะ ฯลฯ

นั้นจะช่วยให้พี่สิงห์รู้จักสิ่งที่ตัวเองศึกษาได้ถึงแก่น   จนถึงเวลาที่เหมาะสม พี่สิงห์มีวิญญานของการถ่ายทอด และการสอนอยู่แล้ว  ก็จะนำมาเล่าให้น้องๆฟังได้อย่างชัดเจน

ส่วนห้องนี้ก็คงไว้ ให้น้องๆมาเยี่ยม  เขียนอะไรถึงพี่สิงห์บ้าง และกลับมาอ่านเนื้อเรื่องที่เคยกระโดดข้ามไป (เพราะมันยาว) ซึ่งพี่สิงห์ก็อาจจะแอบเข้ามาอ่าน (แบบบุคคลทั่วไป)  และไม่ต้องโพสท์ตอบก็ได้ครับ

เขียนมานี้ อาจไม่ตรงใจใครบ้าง แต่ก็เขียนอย่างบริสุทธิ์ใจ  ผมเองก็ยังเข้ามาเรียนรู้ แบบอย่างชีวิตที่มีระเบียบ จากพี่สิงห์ในนี้ครับ

เราทุกคนที่เคยเห็นกระทู้พี่สิงห์ ตอนที่หนึ่ง(ถูกลบไปแล้ว)   กับกระทู้ปัจจุบัน จะเห็นว่าพี่สิงห์เปลี่ยนแปลงไปมาก นั่นคือผลจากพี่สิงห์เจริญสติ และด้วยนิสัยพี่สิงห์  ซึ่งเอาจริงเอาจัง แล้ว ผมเชื่อว่า พี่จะพบสิ่งที่พี่ควรจะได้พบครับ

ขอบคุณ และสวัสดีครับ



ยัง quoteไม่จบที!
อ่านไป สมองทำงานไป
และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
คือตอบทันควัน..version spontan.
หืมมม อย่าให้saidคะพี่รุ่ง!
สุดโลดโผน ทีนี้ถ้าจะตอบofficialหน้าจอ
เฮอะ,หนิงต้องเรียบเรียงใหม่สิ!
ไหนๆพี่ก็ตั้งใจอ่านพี่สิงห์อยู่แล้ว...
หนิงชิ่งดีกว่า...ไม่เสียเวลาิ
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2733 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 20:06:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 03 สิงหาคม 2554, 10:09:57
                                ชาติหน้านั้น ผมไม่คิดว่ามี หรือไม่มี ทั้งนั้น เพราะไม่รู้

                 แต่ชาตินี้ ช่วงชีวิตที่เหลือนี้ อยากอยู่อย่างไรทุกข์ให้น้อยที่สุด เพราะถึงอย่างไรต้องเจอแน่แน่ๆ ทุกข์กาย  ทุกข์ใจ  หลีเลี่ยงไม่พ้น  ได้แต่เจริญสติ เตรียมใจไว้เผชิญกับทุกข์ที่จะพึงมีครับ

                 สวัสดีค่ะ

พี่สิงห์,
พี่ตอบอะไรหนิงหน่อยคะ
เพราะที่ผ่านมา...เหมือนจะ
ดื่มด่ำแต่ด้านทุกข์...ทุกข์นั่น
ทุกข์นี่ อะไรทำให้เกิดทุกข์
วิธีปลดทุกข์ เอ๊ย,ปลอดจากทุกข์
ทุกข์มาจากจิต จิตลวงให้เป็นทุกข์
ทุกข์
ทุกข์
ทุกข์
..
..
พี่แจงให้ฟังอีกด้านนึงหน่อยค่ะ
สุข!

อย่าบอกว่าสุขก็คือทุกข์นะคะ!
เดี๋ยวได้เลิกคุยกันแน่


ลงชื่อ
น้องสุขนิยม
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2734 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 21:25:16 »

อาจารย์แม่บ้านหอหญิง

ท่านอาจารย์อำไพ   จูฑะศรี

ท่านเสียชีวิตด้วยโรคเนื้อร้ายที่ลำไส้ ที่โรงพยาบาล เมื่อเช้าวันพุธที่ 3 กรกฎาคม เวลา 08:10 น.

รวมสิริอายุได้ 84 ปี 2 เดือน 28 วัน



ท่านอาจารย์แม่บ้านหอหญิง ท่านมีเพียงน้องๆ และหลานๆ และพวกเราชาวซีมะโด่งโดยเแพาะนิสิตหอหญิง เท่านั้น
ชีวิตของท่าน ท่านอยู่แต่หอพักเป็นส่วนใหญ่ เท่าที่ดู จะมีก็ท่านอาจารย์สุพพัดดา เท่านั้นที่ท่านให้ความเคารพ นับถือต่อกันเหมือนญาติ




























สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

              ผมเพิ่งกลับมาจากวัดชลประทาน ไปฟังพระสวดพระอภิธรรมศพท่านอาจารย์อำไพ  จูฑะศรี มาครับ  ได้พบกับท่านอาจารย์สุพพัดดา และพวกเราอีกหลายท่านตามที่มีในรูป และอดิสร ซึ่งเป็นตากล้อง

              แขกที่มาในงานไม่มากนักแต่ก็พอดีกับศาลาที่ไม่ใหญ่โตนัก  ผมจึงอยากเรียนเชิญทุกท่านที่เป็นศิษย์ของท่านอาจารย์โดยเฉพาะชาวหอพักนิสิตหญิง ไปร่วมงานเพื่อแสดงมุฑิตาจิต เป็นครั้งสุดท้ายแด่ท่านอาจารย์แม่บ้าน ด้วยครับ

              ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #2735 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 21:57:42 »

ขอลงรูปต่อจากพี่สิงห์ครับ










      บันทึกการเข้า
lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #2736 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 22:04:36 »























      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2737 เมื่อ: 03 สิงหาคม 2554, 22:27:32 »

เข้ามานั่งรำลึกถึงอาจารย์แม่บ้านคะ.
นานเหลือเกินแล้ว 2527-2531 แต่ภาพอาจารย์
ยังสดใสในห้วงความทรงจำ.
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2738 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2554, 07:44:16 »

สวัสดีครับ คุณอดิสร
               
                       ขอบพระคุณมากที่ได้นำภาพมาลง จะได้ให้พวกเราได้ระลึกถือพระคุณของท่านอาจารย์แม่บ้าน ท่านอาจารย์อำไพ   จูฑะศรี  ที่อยู่เบื่องหลังแห่งการสำเร็จการศึกษา จากจุฬาฯ ของเหล่านิสิตหอพักนิสิตหญิง มีทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่ท่านปฏิบัติต่อนิสิตหญิง ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิต และรับราชการ คือดูแลสิ่งอำนวยประโยชน์ต่างๆ ในหอพักให้เราได้อยู่หอพักอย่างปลอดภัยและเป็นสุขได้ตามอัตภาพ บางท่านอาจจะได้รับคำแนะนำดีๆ จากท่านโดยตรง

                       อย่าลืมไปร่วมกันแสดงมุทิตาจิตต่อท่าน ด้วยการไปร่วมฟังพระสวดพระอภิธรรม และร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ ฌาปนกิจศพของท่าน ร่วมกัน ในเวลา สิบโมงตรงเช้าวันจันทร์ ที่วัดชลประทาน เพราะท่านก็มีแต่พวกเรานี่ละเป็นส่วนใหญ่ที่ท่านระลึกถึง เพราะท่านอยู่แต่หอพักครับ
 
                       แต่อย่าลืมเผื่อเวลารถติดไว้ด้วยนะครับ พี่สิงห์คงไปถึงก่อนหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย กะว่าจะออกจากบ้านเจ็ดโมงเช้าครับ

                       สวัสดียามเช้าครับ  อย่าลืมทำจิตให้ผ่องใสเข้าไว้นะครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2739 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2554, 08:29:55 »

สวัสดีครับ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง และชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน

                       ขอตอบคำถามที่คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ถามเรื่อง "สุข" ความจริงพระพุทธองค์สอนเรื่องความสุขไว้น้อยมาก เพราะเหตุว่า ความสุข ก็คือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความ "ทุกข์" ซึ่งเราสามารถที่จะหาคำตอบให้ตัวเราเองได้จากความ "ทุกข์" ที่เราได้ประสพมา ดังนั้นผมจะขอนำคพสอนของท่าน และคำสอนครั้งสุดท้ายของพระสังฆปรินายกท่านเว่ยหล่าง มาใช้ในการตอบคุณน้องหนุ๋งหนิ๋งเรื่องความ "สุข" ซึ่งคุณน้องหนุ๋งหนิ๋งชอบเป็นพวก "สุขนิยม และ พวกบริโภคนิยม" แต่ขอตอบด้วยภาษาที่เข้าใจได้ นะครับ

                       ตายเนื่องจากการ "จลาจล" ครับ ไม่ใช่ "จลาจร"

                       วันนี้บ่าย 14:15 น. พี่สิงห์ ต้องเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช ครับ

                       สวัสดี

รู้ธรรมวันละนิด  จิตผ่องใส

ตอน

ตอบคำถามเรื่อง "สุข" ให้กับคุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง

            ความทุกข์ คือ ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา เป็นผลมาจาก ความไม่พึงพอใจของเราทางกาย - ใจ
            ความสุข คือ ความสบายกาย ความสบายใจ ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา เป็นผลมาจาก ความพอใจของเราทางกาย - ใจ

            ความทุกข์ เกิดจาก ทุกครั้งที่มนุษย์เกิดมีแต่ทุกข์(บางช่วงของชีวิต ไม่ใช่ตลอดเวลา)
            ความสุข เกิดจาก  นิพพาน คือไม่เกิดอีกแล้วในวัฏสงสาร ถือเป็นยอดปราถนาของมนุษย์

            ความทุกข์ เกิดจาก ความแก่ก็เป็นทุกข์(ทุกท่านทราบดีอยู่แล้ว)
            ความสุข เกิดจาก อยากให้ร่างกายเป็นหนุ่มเป็นสาวตลอดไปชั่วอายุไข

            ความทุกข์ เกิดจาก ความเจ็บไข้ได้ป่วยที่บังเกิดขึ้นกับกาย - ใจ
            ความสุข เกิดจาก มีร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บไข้ได้ป่วยทั้งกาย - ใจ

            ความทุกข์ เกิดจาก  ความตายก็เป็นทุกข์ (กลัวๆๆๆๆ... และกลัวว่าชาติหน้าจะไปเกิดเป็นอะไร? หรืออยู่ในนรกใช้กรรม)
            ความสุข เกิดจาก  ถ้าตายไปแล้วขอให้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นสูงสุด

            ความทุกข์ เกิดจาก ความปราถนาสิ่งใด ชอบสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น
            ความสุข เกิดจาก ปราถนาสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น ชอบสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น

            ความทุกข์ เกิดจาก ความประสพกับสิ่งที่ไม่รัก ไม่ชอบ ไม่ปราถนา ไม่พอใจ
            ความสุข เกิดจาก ขอให้ประสพแต่สิ่งที่รัก ที่ชอบ ที่ปราถนา ที่พอใจ

            ความทุกข์ เกิดจาก ความพลัดพรากหรือสูญเสียจากสิ่งที่รัก ที่ชอบ
            ความสุข เกิดจาก ความไม่พลัดพรากหรือไม่สูญเสียจากสิ่งที่รัก ที่ชอบ

            สุขนิยม หรือบริโภคนิยม หรือความสุขทางโลก คือความสุขทางกามคุณที่เกิดจากการสัมผัสทางอายตนะ ๖ ได้แก่ ความสุขที่ได้จาก ตาเห็นรูป(พอใจ)  หูได้รับยินเสียง(ไพเราะ ชอบใจ) จมูกได้ดมกลิ่น(ที่พึงพอใจ) ลิ้นได้ลิ้มรส(ที่พอใจ ถูกใจ) กายได้สัมผัส(เกิดความพอใจ) ใจได้สัมผัสทางใจ(ฝัน เพ้อ คิดไปเอง)เป็นสุข(พึงพอใจ พอใจชอบ)ใจ

            
สุขนิยม หรือบริโภคนิยม หรือกามสุข หรือความสุขทางโลกนี้ คือความสุขที่เกิดจากการสัมผัสทางอายตนะ ๖

ถ้าเปรียบได้กับ นายช่างไม้ต้องการหาแก่นไม้ สุขนิยมก็คือเปลือกไม้นั่นเอง หาใช่แก่นไม้ที่ต้องการแท้จริงไม่

ความสุขที่แท้จริงคือ ความสุขที่เกิดจาก เจโตวิมุตฺติ คือความหลุดพ้นแห่งใจอันไม่กลับมากำเริบ
                                     
*********
           
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2740 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2554, 15:45:40 »

พี่สิงห์มาแล้ว!
น้องๆเขากังวลแน่ะคะ
ว่าตามพี่ไม่ทัน.....
หนิงบอกทันสิ ที่นี่ล่ะที่ของพี่


ขอบคุณพี่ที่ตอบทันควัน,
อ่านปึ๊บ,อ้าว,ย้าย"ไม่"ไปมานี่เล่า!
ย้ายให้ถูกด้าน...ย้ายผิดอาจมิสะเบย

ก็บริโภคกันทั้งนั้นคะพี่ ดูสิ,
ใครไคร่บริโภคทุกข์เพราะรับรู้สำนึก
ส่วนนี้ได้มากกว่า ก็ทุกข์
ใครไคร่บริโภคสุข เพราะถูกฝึกมา
ให้มองเห็นด้านนี้มากกว่า ก็สุข

สุขจึงน่าจะเป็นขาเข้า
และทุกข์น่าจะเป็นขาออก
..
..
เพราะเข้าๆออกๆทุกวันสลับสับเปลี่ยน
ดูไปดูมาทุกข์กะสุขก็เหมือนจะปนกัน
แยกกันไม่ออก
..
..
อ่าร้ายยยยยย
ได้ไงกันพี่?
ใครเค้าไปปลดสุขกันเล่า
มีแต่ไปปลดทุกข์ทั้งนั้น
..
..
อ๊ากกกกกก
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2741 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2554, 20:20:02 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                       วันนี้เป็นวันแรกที่ผมได้มีโอกาสใช้สนามบินดอนเมืองอาคารผู้โดยสารขาออก อาคาร ๑ เลยได้รับความสะดวกสะบายมากเพราะมีเก้าอี้ให้นั่งมาก สถานที่กว้างขวาง ไม่เหมือนอาคารสายภายในประเทศเดิม แออัดมาก บางช่วงเก้าอี้ไม่พอนั่ง  รู้อย่างนี้ยุให้ย้ายมาตั้งนานแล้ว

                       วันนี้เก้าอี้ชั้นธุรกิจเต็ม ผมจึงไม่สามารถ Upgrade ได้ พอลงที่สนามบินนครศรีธรรมราชจึงรู้ว่า ท่านนายก ดร.อภิสิทธ์ นั่งมาด้วยพร้อม สส.พรรคประชาธิปัติเพื่อไปทุ่งสงไปงานศพคุณแม่ของท่าน สส.ประกอบ ครับ

                        อากาศนครศรีธรรมราช ฝนไม่ตกมาหลายวันแล้วครับ แดดจ้า

                        วันนี้ผมมีธรรมมาฝาก เป็นของพระสารีบุตร นำมาจากพระไตรปิฎก เป็นข้อคิดสกิดใจ เป็นอย่างดี  ขอให้พิจารณาด้วยปัญญาครับ

                        ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ อย่าลืมหลับอย่างมีสติ  จะไม่ฝันร้าย และอย่าลืมสวมถุงเท้านอนด้วยครับ

รู้ธรรมวันละนิด  จิตผ่องใส

ตอน

คว่ำหน้ากิน  แหงนหน้ากิน เป็นต้น

        สมัยหนึ่ง  ท่านพระสารีบุตร อยู่ ณ เวฬุวนาราม  อันเป็นที่ให้เหยื่อแก่กระแต ใกล้กรุงราชคฤห์  เช้าวันหนึ่งท่านพระสารีบุตร นุ่งอันตรวาสก (สบง) แล้วถือบาตและจีวรเข้าไปสู่กรุงราชคฤห์เพื่อบิณฑบาต ครั้นเที่ยวไปตามลำดับตรอกในกรุงราชคฤห์แล้ว  ก็นั่งพิงเชิงกำแพงแห่งใดแห่งหนึ่ง  ฉันบิณฑบาตนั้น  

        ลำดับนั้น  นางสูจิมุขี  ปริพพาชิกา (นักบวชหญิง) เข้าไปหาพระสารีบุตร แล้วถามว่า “ดูก่อนสมณะ ! ท่าน คว่ำหน้าบริโภคใช่หรือไม่ ?"

        พระสารีบุตรตอบว่า  “ดูก่อนน้องหญิง ! เรามิได้คว่ำหน้าบริโภค.”

        นางถามว่า  “ดูก่อนสมณะ ! ถ้าอย่างนั้น ท่านแหงนหน้าบริโภคใช่หรือไม่ ?”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! เรามิได้แหงนหน้าบริโภค.”

        “ดูก่อนสมณะ ! ถ้าอย่างนั้น  ท่านหันหน้าไปตามทิศเฉียงบริโภคใช่หรือไม่ ? ”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! เรามิได้หันหน้าไปตามทิศเฉียงบริโภค.”

        “ดูก่อนสมณะ ! ถ้าอย่างนั้น  ท่านหันหน้าไปตามทิศใหญ่บริโภคใช่หรือไม่ ? ”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! เรามิได้หันหน้าไปตามทิศใหญ่บริโภค.”

        “ดูก่อนสมณะ ! เมื่อข้าพเจ้าถาม  ท่านก็ปฏิเสธทั้งหมด  ถ้าอย่างนั้น ท่านบริโภคอย่างไร ?”

         “ดูก่อนน้องหญิง ! สมณพราหมณ์บางพวกสำเร็จความเป็นอยู่ (ครองชีวิต) ด้วยมิจฉาชีพด้วยติรัจฉานวิชา  คือวิชาดูที่ (ว่าตรงไหนดีเป็นมงคล)  สมณพราหมณ์เหล่านี้ เรียกว่าคว่ำหน้าบริโภค.”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! สมณพราหมณ์บางพวกสำเร็จความเป็นอยู่ (ครองชีวิต) ด้วยมิจฉาชีพด้วยติรัจฉานวิชา  คือวิชาดูดาวฤกษ์  สมณพราหมณ์เหล่านี้ เรียกว่าแหงนหน้าบริโภค.”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! สมณพราหมณ์บางพวกสำเร็จความเป็นอยู่ (ครองชีวิต) ด้วยมิจฉาชีพเพราะประกอบเนือง ๆ ซึ่งการไปชักสื่อ (ให้ชายหญิงเป็นสามีภริยากัน)  สมณพราหมณ์เหล่านี้ เรียกว่าหันหน้าไปตามทิศใหญ่บริโภค.”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! สมณพราหมณ์บางพวกสำเร็จความเป็นอยู่ (ครองชีวิต) ด้วยมิจฉาชีพด้วยติรัจฉานวิชา  คือวิชาดู (ลักษณะ)  ร่างกาย  สมณพราหมณ์เหล่านี้ เรียกว่าหันหน้าไปตามทิศเฉียงบริโภค.”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! เรามิได้สำเร็จความเป็นอยู่ด้วยมิจฉาชีพดังกล่าวนั้น  เราแสวงหาอาหารโดยธรรม ครั้นแสวงหาได้แล้วบริโภค.”


        ลำดับนั้น นางสูจิมุขี ปริพพาชิกา  เข้าไปสู่ถนนจากถนน  สู่ทางแยก  จากทางสี่แยก  เที่ยวบอกกล่าวอย่างนี้ว่า  “สมณศากยบุตรทั้งหลายแสวงหาอาหารโดยธรรม, แสวงหาอาหารที่ไม่มีโทษ  ท่านทั้งหลายจงถวายอาหารแก่สมณศากยบุตรทั้งหลายเถิด.”
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2742 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2554, 08:09:23 »

สัวสดีครับ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง และชาวซีมะโด่งที่รัก ทุกท่าน

              เช้านี้ขอผมขอตอบคำถามเรื่องความสุข ต่อนะครับ หลักวิชาทางพระพุทธศาสนาที่แสดงว่าความสุขมีเป็นขั้น ๆ ตั้งแต่ต่ำจนถึงสูงสุด ถึง ๑๐ ขั้น คือความสุขในกาม ความสุขในรูปณาน ๔ ความสุขในอรูปฌาน ๔ และความสุขในสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ

              เสียดายที่ผมสามารถบอกกล่าวได้เพียงกามสุข หรือความสุขทางโลกเท่านั้น หรืออาจจะก้าวไปสู่ความสุขในรูปฌาน บ้าง แต่ไม่สามารถรับรองได้ จึงยังไม่นับ  ขอให้ท่านลองพิจารณาด้วย โยนิโสมนสิการ ด้วยปัญญา ครับ

              สวัสดี อย่าลืม เช้านี้ทำจิตให้ผ่องใสนะครับ


รู้ธรรมวันละนิด  จิตผ่องใส

ตอน

การบัญญัติความสุขในพุทธศาสนา

๑.

   “ดูก่อนอานนท์ ! กามคุณ ๕ เหล่านี้ กามคุณ ๕ เป็นไฉน? กามคุณ ๕ คือรูปที่พึงรู้แจ้งทางตาอันน่าปราถนา  น่าใคร่  น่าพอใจ  เป็นรูปที่รัก  ประกอบด้วยกาม  เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ; เสียง, กลิ่น, รส, โผฏฐัพพะ (สิ่งที่พึงถูกต้องได้) ที่พึงรู้แจ้งทางหู, จมูก, ลิ้น และกาย  อันน่าปราถนา  น่าใคร่  น่าพอใจ  เป็นรูปที่รัก  ประกอบด้วยกาม  เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด, ดูก่อนอานนท์ ! นี้แล  คือกามคุณ ๕.  ดูก่อนอานนท์ ! ความสุขกาย  สุขใจอันใด  ที่เกิดขึ้นเพราะอาศัยกามคุณ ๕ เหล่านี้  ความสุขกายใจนี้เรียกว่ากามสุข. ดูก่อนอานนท์ ! คนเหล่าใดพึงกล่าวว่า  เขาย่อมเสวยสุขกายสุขใจอันมีอยู่นั้น  นับเป็นความสุขอย่างยอดเยี่ยม เราย่อมไม่รับรู้คำกล่าวของคนเหล่านั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุไร.  ดูก่อนอานนท์ ! เพราะยังมีความสุขอย่างอื่นที่ดีกว่า   ประณีตกว่ากามสุขนั้น.”

๒.

   “ดูก่อนอานนท์ ! ความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (กามสุข)นั้นเป็นไฉน? ดูก่อนอานนท์ ! ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้  สงัดจากกาม  สงัดจากอกุศลธรรม เข้าสู่ฌานที่ ๑ อันมีความตรึก (วิตก) ความตรอง (วิจาร) มีความอิ่มใจและความสุข (ปีติสุข) อันเกิดแต่ความสงัดอยู่.  นี้แล อานนท์ คือความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุขนั้น (กามสุข). ดูก่อนอานนท์ ! คนเหล่าใดพึงกล่าวว่า  เขาย่อมเสวยความสุขกายสุขใจอันมีอยู่นั้น (สุขในฌานที่ ๑) นับเป็นความสุขอย่างยอดเยี่ยม เราย่อมไม่รับรู้คำกล่าวของคนเหล่านั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุไร?  ดูก่อนอานนท์ ! เพราะยังมีความสุขอย่างอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในฌานที่ ๑) นั้น.”

๓.

   “ดูก่อนอานนท์ ! ความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในฌานที่ ๑)นั้นเป็นไฉน? ดูก่อนอานนท์ ! ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้  เพราะสงบความตรึก  ความตรอง (วิตก วิจาร) ได้ จึงเข้าฌานที่ ๒ อันมีความผ่องใสภายใน   มีภาวะแห่งจิต  มีอารมณ์เป็นหนึ่งเกิดขึ้น ไม่มีความตรึก ไม่มีความตรอง มีความอิ่มใจและความสุข (ปีติสุข) อันเกิดแต่สมาธิอยู่.  นี้แล อานนท์ คือความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในฌานที่ ๑) นั้น. ดูก่อนอานนท์ ! คนเหล่าใดพึงกล่าวว่า  เขาย่อมเสวยความสุขกายสุขใจอันมีอยู่นั้น (สุขในฌานที่ ๒) นับเป็นความสุขอย่างยอดเยี่ยม เราย่อมไม่รับรู้คำกล่าวของคนเหล่านั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุไร?  ดูก่อนอานนท์ ! เพราะยังมีความสุขอย่างอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในฌานที่ ๒) นั้น.”

๔.

   “ดูก่อนอานนท์ ! ความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในฌานที่ ๒)นั้นเป็นไฉน? ดูก่อนอานนท์ ! ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้  เพราะคลายความอิ่มใจจึงเป็นผู้วางเฉยมีสติสัมปชัญญะอยู่  เธอเสวยความสุขด้วยนามกาย เข้าสู่ฌานที่ ๓ ซึ่งเป็นเหตุให้พระอริยเจ้ากล่าวถึงผู้เข้าฌานนี้ว่าเป็นผู้วางเฉย  มีสติอยู่เป็นสุข. นี้แล อานนท์ คือความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในฌานที่ ๒) นั้น. ดูก่อนอานนท์ ! คนเหล่าใดพึงกล่าวว่า  เขาย่อมเสวยความสุขกายสุขใจอันมีอยู่นั้น (สุขในฌานที่ ๓) นับเป็นความสุขอย่างยอดเยี่ยม เราย่อมไม่รับรู้คำกล่าวของคนเหล่านั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุไร?  ดูก่อนอานนท์ ! เพราะยังมีความสุขอย่างอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในฌานที่ ๓) นั้น.”

๕.

   “ดูก่อนอานนท์ ! ความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในฌานที่ ๓) นั้นเป็นไฉน? ดูก่อนอานนท์ ! ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้  เพราะละสุขละทุกข์ได้ (ละสุขกายทุกข์กายได้) เพราะสุขใจ (โทมนัส) ดับไปในกาลก่อน จึงเข้าถึงฌานที่ ๔ อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีความบริสุทธิ์แห่งสติอันเกิดขึ้นเพราะอุเบกขา (ความวางเฉย). นี้แล อานนท์ คือความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในฌานที่ ๓) นั้น. ดูก่อนอานนท์ ! คนเหล่าใดพึงกล่าวว่า  เขาย่อมเสวยความสุขกายสุขใจอันมีอยู่นั้น (สุขในฌานที่ ๔) นับเป็นความสุขอย่างยอดเยี่ยม เราย่อมไม่รับรู้คำกล่าวของคนเหล่านั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุไร?  ดูก่อนอานนท์ ! เพราะยังมีความสุขอย่างอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในฌานที่ ๔) นั้น.”

๖.

   “ดูก่อนอานนท์ ! ความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในฌานที่ ๔) นั้นเป็นไฉน? ดูก่อนอานนท์ ! ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้  เพราะก้าวล่วงความกำหนดหมายในรูป (รูปสัญญา) ด้วยประการทั้งปวงเพราะความดับไปแห่งความกำหนดหมาย ความกระทบกระทั่ง (ปฏิฆสัญญา ได้แก่ความกำหนดหมายในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เมื่ออารมณ์ทั้งห้านี้ ผ่านทางตา หู เป็นต้น) เพราะไม่ทำไว้ในใจซึ่งสัญญาต่าง ๆ (นานัตตสัญญา-หมายความได้ ๒ อย่าง คือสัญญาที่เป็นไปในอารมณ์ต่าง ๆ และสัญญาต่าง ๆ ๔๔ ชนิดดูคำอธิบายในวุสุทธิมรรค อารุปปนิทเทส หน้า ๑๓๙) ทำไว้ในใจว่า “อากาศไม่มีที่สิ้นสุด” เข้าสู่อรูปฌานชื่ออากาสานัญจายตนะ (มีอากาศไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์) อยู่. นี้แล อานนท์ คือความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในฌานที่ ๔) นั้น. ดูก่อนอานนท์ ! คนเหล่าใดพึงกล่าวว่า  เขาย่อมเสวยความสุขกายสุขใจอันมีอยู่นั้น (สุขในอรูปฌานชื่ออากาสานัญจายตนะ) นับเป็นความสุขอย่างยอดเยี่ยม เราย่อมไม่รับรู้คำกล่าวของคนเหล่านั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุไร?  ดูก่อนอานนท์ ! เพราะยังมีความสุขอย่างอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในอรูปฌานชื่ออากาสานัญจายตนะ) นั้น.”

๗.

   “ดูก่อนอานนท์ ! ความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในอรูปฌานชื่ออากาสานัญจายตนะ) นั้นเป็นไฉน? ดูก่อนอานนท์ ! ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้  ก้าวล่วงอรูปฌานชื่ออากาสานัญจายตนะ ด้วยประการทั้งปวง แล้วทำในใจไว้ว่า “วิญญาณหาที่สุดมิได้” เข้าสู่อรูปฌานชื่อวิญญาณัญจายตนะ (มีวิญญาณหาที่สุดมิได้เป็นอารมณ์) อยู่. นี้แล อานนท์ คือความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในอรูปฌานชื่ออากาสานัญจายตนะ) นั้น. ดูก่อนอานนท์ ! คนเหล่าใดพึงกล่าวว่า  เขาย่อมเสวยความสุขกายสุขใจอันมีอยู่นั้น (สุขในอรูปฌานชื่อวิญญาณัญจายตนะ) นับเป็นความสุขอย่างยอดเยี่ยม เราย่อมไม่รับรู้คำกล่าวของคนเหล่านั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุไร?  ดูก่อนอานนท์ ! เพราะยังมีความสุขอย่างอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในอรูปฌานชื่อวิญญาณัญจายตนะ) นั้น.”

๘.

   “ดูก่อนอานนท์ ! ความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในอรูปฌานชื่อวิญญาณัญจายตนะ) นั้นเป็นไฉน? ดูก่อนอานนท์ ! ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้  ก้าวล่วงอรูปฌานชื่อวิญญาณัญจายตนะ ด้วยประการทั้งปวง แล้วทำในใจไว้ว่า “อะไร ๆ ก็ไม่มี” เข้าสู่อรูปฌานชื่ออากิญจัญญายตนะ (มีความกำหนดหมายว่าไม่มีอะไรเป็นอารมณ์) อยู่. นี้แล อานนท์ คือความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในอรูปฌานชื่อวิญญาณัญจายตนะ) นั้น. ดูก่อนอานนท์ ! คนเหล่าใดพึงกล่าวว่า  เขาย่อมเสวยความสุขกายสุขใจอันมีอยู่นั้น (ความสุขในอรูปฌานชื่ออากิญจัญญายตนะ) นับเป็นความสุขอย่างยอดเยี่ยม เราย่อมไม่รับรู้คำกล่าวของคนเหล่านั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุไร?  ดูก่อนอานนท์ ! เพราะยังมีความสุขอย่างอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในอรูปฌานชื่ออากิญจัญญายตนะ) นั้น.”

๙.

   “ดูก่อนอานนท์ ! ความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในอรูปฌานชื่ออากิญจัญญายตนะ) นั้นเป็นไฉน? ดูก่อนอานนท์ ! ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้  ก้าวล่วงอรูปฌานชื่ออากิญจัญญายตนะ ด้วยประการทั้งปวง แล้วเข้าสู่อรูปฌานชื่อเนวสัญญานาสัญญายตนะ (มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่) อยู่. นี้แล อานนท์ คือความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในอรูปฌานชื่ออากิญจัญญายตนะ) นั้น. ดูก่อนอานนท์ ! คนเหล่าใดพึงกล่าวว่า  เขาย่อมเสวยความสุขกายสุขใจอันมีอยู่นั้น (ความสุขในอรูปฌานชื่อเนวสัญญานาสัญญายตนะ) นับเป็นความสุขอย่างยอดเยี่ยม เราย่อมไม่รับรู้คำกล่าวของคนเหล่านั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุไร?  ดูก่อนอานนท์ ! เพราะยังมีความสุขอย่างอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในอรูปฌานชื่อเนวสัญญานาสัญญายตนะ) นั้น.”

๑๐.

   “ดูก่อนอานนท์ ! ความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในอรูปฌานชื่อเนวสัญญานาสัญญายตนะ) นั้นเป็นไฉน? ดูก่อนอานนท์ ! ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้  ก้าวล่วงอรูปฌานชื่อเนวสัญญานาสัญญายตนะ  แล้วเข้าสู่สัญญาเวทยิตนิโรธ (สมาบัติดับสัญญาและเวทนาเป็นสมาบัติสูงสุดที่พระอนาคามีกับพระอรหันต์เท่านั้นทำให้เกิดได้) อยู่. นี้แล อานนท์ คือความสุขอื่นที่ดีกว่า  ประณีตกว่าความสุข (ในอรูปฌานชื่อเนวสัญญานาสัญญายตนะ) นั้น.

สรุปความ

   “ดูก่อนอานนท์ ! มีฐานะอยู่ที่นักบวชเจ้าลัทธิอื่นพึงกล่าวอย่างนี้ว่า  พระสมณโคดมกล่าวถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ  ย่อมบัญญัติสัญญาเวทยิตนิโรธในความสุข  ข้อนั้นคืออะไรกัน? ข้อนั้นจะเป็นได้อย่างไรกัน? (คือสัญญเวทยิตนิโรธ ดับความจำ ดับความรู้สึก แล้วจะว่ามีความสุขได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีความรู้สึก) ดูก่อนอานนท์ ! นักบวชเจ้าลัทธิอื่นผู้กล่าวอย่างนี้พึงเป็นผู้อันท่านชี้แจง “ผู้มีอายุ ! พระผู้มีพระภาคย่อมไม่ทรงบัญญัติในความสุข  หมายเอาเฉพาะสุขเวทนาอย่างเดียว ในที่ใด ๆ ย่อมหาความสุขได้ ในฐานะใด ๆ มีความสุข  พระผู้มีพระภาคย่อมทรงบัญญัติฐานะนั้น ๆ ในความสุข”


กายเดือดร้อน  อย่าให้จิตเดือดร้อน

   “ดูก่อนคฤหบดี ! เพราะเหตุนั้น  ท่านพึงสำเนียกอย่างนี้ว่า  เมื่อกายของเราเดือดร้อนอยู่  เมื่อกายของเราเดือดร้อนอยู่  จิตของเราจักไม่เดือดร้อน.  ดูก่อนคฤหบดี ! ท่านพึงสำเนียกอย่างนี้แล.”
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2743 เมื่อ: 05 สิงหาคม 2554, 10:07:25 »


                       วันที่ผมไปฟังพระสวดพระอภิธรรมศพ อาจารย์แม่บ้านหอพักนิสิตหญิง อาจารย์อำไพ   จูฑะศรี  นั้น คุณน้องใหม่ได้มาสวัสดี บอกว่าเป็น Fan Club ของผมจำได้ไหม?

                       พี่สิงห์จำได้เสมอ เพราะคุณน้องใหม่เป็นผู้ที่มีความกรุณาต่ออาจารย์สุพพัดดา เป็นอย่างมาก พี่สิงห์ยังเทียบไม่ได้ คือ คุณน้องใหม่จะคอยรับ-ส่งอาจารย์สุพพัดดา เสมอ เพราะรู้ว่าอาจารย์ไม่สะดวกในการเดินทาง จึงรับอาสาอาจารย์รับ-ส่ง เวลาอาจารย์มาร่วมกิจกรรม  อย่างครั้งนี้ รู้ว่าอาจารย์นั่ง Taxi มา จึงรีบจัดการให้เพื่อน บ้านอยู่ใกล้บ้านอาจารย์ พาไปส่งบ้านคือคุณหนุ่ม(อาจจะจำผิดต้องขออภัย) เป็นนิสิตเก่าวิศวฯ ชาวหอ(สุภาพบุรุษที่นั่งอีกด้านหนึ่งในรูปครับ)

                       เมื่อก่อนหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของ ดร.สุริยา  พี่สิงห์เองก็เคยไปรับท่านอาจารย์ที่บ้าน และอีกท่านหนึ่งคือ ดร.นราพร ครับ

                       วันนั้นท่านอาจารย์สุพพัดดา บอกกับผมว่า ยังระลึกถึงอยู่เสมอ หมายความว่า เวลาจะไปทำบุญ เที่ยว หรือเวลาว่าง ให้ไปเยี่ยมอาจารย์ที่บ้านบ้าง ครับวันหลังผมจะแวะไปเยี่ยมที่บ้าน เพราะรู้ว่า อาจารย์อยู่บ้านคนเดียว  ย่อมเหงาเป็นธรรมดา อยู่กับการอ่านหนังสือ ดู TV รอเวลาลูก ๆ หลาน ๆ กลับบ้าน จึงจะมีอะไรที่ต้องกระทำ  อาจารย์บอกว่าเดี๋ยวนี้อยากทำอะไรก็ต้องรีบทำให้หมดเสีย เพราะถ้าสังขารร่วงโรยมากกว่านี้ ก็ทำไม่ได้แล้ว

                       ขอบพระคุณมากคุณน้องใหม่ ที่คอยดูแลอาจารย์สุพพัดดา ที่พี่สิงห์เคารพรัก ครับ

                       สวัสดี

หมายเหตุ
                      ชาวซีมะโด่งอย่าลืม วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม คือวันนี้เวลา 19:00 น. ชมรมฯ และหอพักเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพท่านอาจารย์อำไพ  จูฑะศรี ที่วัดชลประทาน
                      เวลาท่านเลี้ยวรถเข้าไปวัดชลประทาน ขับรถตรงไปเลยครับประมาณ ๒๐๐ เมตร เป็นศาลาสองชั้น แต่อยู่ชั้นล่าง ขวามือมีที่จอดรถ แต่ไม่มากนัก ถ้าท่านจอดรถที่ลานจอดรถ ต้องเดินไกล ครับ
                      วันนี้พี่สิงห์อยู่นครศรีธรรมราช ไม่สามารถไปร่วมงานได้ แต่จะไปวันฌาปนกิจ คือวันจัทร์ที่ 8 สิงหาคม เวลา 10:00 น. พระราชทานเพลิงศพ แทนครับ
                      อย่าลืม ท่านอาจารย์อำไพ  จูฑะศรี  มีแต่พวกเราเป็นส่วนใหญ่ที่รู้จัก เพราะช่วงชีวิตท่านอยู่แต่หอพักเป็นส่วนใหญ่ ครับ
      บันทึกการเข้า
Mai25
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 525

« ตอบ #2744 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2554, 00:07:36 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 สิงหาคม 2554, 10:07:25

                       วันที่ผมไปฟังพระสวดพระอภิธรรมศพ อาจารย์แม่บ้านหอพักนิสิตหญิง อาจารย์อำไพ   จูฑะศรี  นั้น คุณน้องใหม่ได้มาสวัสดี บอกว่าเป็น Fan Club ของผมจำได้ไหม?

                       พี่สิงห์จำได้เสมอ เพราะคุณน้องใหม่เป็นผู้ที่มีความกรุณาต่ออาจารย์สุพพัดดา เป็นอย่างมาก พี่สิงห์ยังเทียบไม่ได้ คือ คุณน้องใหม่จะคอยรับ-ส่งอาจารย์สุพพัดดา เสมอ เพราะรู้ว่าอาจารย์ไม่สะดวกในการเดินทาง จึงรับอาสาอาจารย์รับ-ส่ง เวลาอาจารย์มาร่วมกิจกรรม  อย่างครั้งนี้ รู้ว่าอาจารย์นั่ง Taxi มา จึงรีบจัดการให้เพื่อน บ้านอยู่ใกล้บ้านอาจารย์ พาไปส่งบ้านคือคุณหนุ่ม(อาจจะจำผิดต้องขออภัย) เป็นนิสิตเก่าวิศวฯ ชาวหอ(สุภาพบุรุษที่นั่งอีกด้านหนึ่งในรูปครับ)

                       เมื่อก่อนหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของ ดร.สุริยา  พี่สิงห์เองก็เคยไปรับท่านอาจารย์ที่บ้าน และอีกท่านหนึ่งคือ ดร.นราพร ครับ

                       วันนั้นท่านอาจารย์สุพพัดดา บอกกับผมว่า ยังระลึกถึงอยู่เสมอ หมายความว่า เวลาจะไปทำบุญ เที่ยว หรือเวลาว่าง ให้ไปเยี่ยมอาจารย์ที่บ้านบ้าง ครับวันหลังผมจะแวะไปเยี่ยมที่บ้าน เพราะรู้ว่า อาจารย์อยู่บ้านคนเดียว  ย่อมเหงาเป็นธรรมดา อยู่กับการอ่านหนังสือ ดู TV รอเวลาลูก ๆ หลาน ๆ กลับบ้าน จึงจะมีอะไรที่ต้องกระทำ  อาจารย์บอกว่าเดี๋ยวนี้อยากทำอะไรก็ต้องรีบทำให้หมดเสีย เพราะถ้าสังขารร่วงโรยมากกว่านี้ ก็ทำไม่ได้แล้ว

                       ขอบพระคุณมากคุณน้องใหม่ ที่คอยดูแลอาจารย์สุพพัดดา ที่พี่สิงห์เคารพรัก ครับ

                       สวัสดี

หมายเหตุ
                      ชาวซีมะโด่งอย่าลืม วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม คือวันนี้เวลา 19:00 น. ชมรมฯ และหอพักเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพท่านอาจารย์อำไพ  จูฑะศรี ที่วัดชลประทาน
                      เวลาท่านเลี้ยวรถเข้าไปวัดชลประทาน ขับรถตรงไปเลยครับประมาณ ๒๐๐ เมตร เป็นศาลาสองชั้น แต่อยู่ชั้นล่าง ขวามือมีที่จอดรถ แต่ไม่มากนัก ถ้าท่านจอดรถที่ลานจอดรถ ต้องเดินไกล ครับ
                      วันนี้พี่สิงห์อยู่นครศรีธรรมราช ไม่สามารถไปร่วมงานได้ แต่จะไปวันฌาปนกิจ คือวันจัทร์ที่ 8 สิงหาคม เวลา 10:00 น. พระราชทานเพลิงศพ แทนครับ
                      อย่าลืม ท่านอาจารย์อำไพ  จูฑะศรี  มีแต่พวกเราเป็นส่วนใหญ่ที่รู้จัก เพราะช่วงชีวิตท่านอยู่แต่หอพักเป็นส่วนใหญ่ ครับ

สวัสดีค่ะพี่สิงห์ที่นับถือ
สรุปเปลี่ยนเป็นพี่หน่าไปส่งค่ะ

ใหม่ก็เลยสำรองความพร้อมไว้


วันที่5  ท่านอาจารย์และชาวหอไปกันจนน่าปลื้มใจ                                   

พระท่านเทศน์เสร็จ ถามว่า  ทักทายกันครบหรือยัง  ทำนองว่าโอ้โฮจากต่างที่แล้วตั้งใจมางานอาจารย์อำไพ

แต่ที่แน่ๆอาจารย์อำไพคงนั่งยิ้มแก้มปริ ที่เห็นพวกเราค่ะ  แต่ถ้าพวกเราเห็นอาจารย์ละก็...สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2745 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2554, 07:35:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ Mai25 เมื่อ 06 สิงหาคม 2554, 00:07:36
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 สิงหาคม 2554, 10:07:25

                       วันที่ผมไปฟังพระสวดพระอภิธรรมศพ อาจารย์แม่บ้านหอพักนิสิตหญิง อาจารย์อำไพ   จูฑะศรี  นั้น คุณน้องใหม่ได้มาสวัสดี บอกว่าเป็น Fan Club ของผมจำได้ไหม?

                       พี่สิงห์จำได้เสมอ เพราะคุณน้องใหม่เป็นผู้ที่มีความกรุณาต่ออาจารย์สุพพัดดา เป็นอย่างมาก พี่สิงห์ยังเทียบไม่ได้ คือ คุณน้องใหม่จะคอยรับ-ส่งอาจารย์สุพพัดดา เสมอ เพราะรู้ว่าอาจารย์ไม่สะดวกในการเดินทาง จึงรับอาสาอาจารย์รับ-ส่ง เวลาอาจารย์มาร่วมกิจกรรม  อย่างครั้งนี้ รู้ว่าอาจารย์นั่ง Taxi มา จึงรีบจัดการให้เพื่อน บ้านอยู่ใกล้บ้านอาจารย์ พาไปส่งบ้านคือคุณหนุ่ม(อาจจะจำผิดต้องขออภัย) เป็นนิสิตเก่าวิศวฯ ชาวหอ(สุภาพบุรุษที่นั่งอีกด้านหนึ่งในรูปครับ)

                       เมื่อก่อนหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของ ดร.สุริยา  พี่สิงห์เองก็เคยไปรับท่านอาจารย์ที่บ้าน และอีกท่านหนึ่งคือ ดร.นราพร ครับ

                       วันนั้นท่านอาจารย์สุพพัดดา บอกกับผมว่า ยังระลึกถึงอยู่เสมอ หมายความว่า เวลาจะไปทำบุญ เที่ยว หรือเวลาว่าง ให้ไปเยี่ยมอาจารย์ที่บ้านบ้าง ครับวันหลังผมจะแวะไปเยี่ยมที่บ้าน เพราะรู้ว่า อาจารย์อยู่บ้านคนเดียว  ย่อมเหงาเป็นธรรมดา อยู่กับการอ่านหนังสือ ดู TV รอเวลาลูก ๆ หลาน ๆ กลับบ้าน จึงจะมีอะไรที่ต้องกระทำ  อาจารย์บอกว่าเดี๋ยวนี้อยากทำอะไรก็ต้องรีบทำให้หมดเสีย เพราะถ้าสังขารร่วงโรยมากกว่านี้ ก็ทำไม่ได้แล้ว

                       ขอบพระคุณมากคุณน้องใหม่ ที่คอยดูแลอาจารย์สุพพัดดา ที่พี่สิงห์เคารพรัก ครับ

                       สวัสดี

หมายเหตุ
                      ชาวซีมะโด่งอย่าลืม วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม คือวันนี้เวลา 19:00 น. ชมรมฯ และหอพักเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพท่านอาจารย์อำไพ  จูฑะศรี ที่วัดชลประทาน
                      เวลาท่านเลี้ยวรถเข้าไปวัดชลประทาน ขับรถตรงไปเลยครับประมาณ ๒๐๐ เมตร เป็นศาลาสองชั้น แต่อยู่ชั้นล่าง ขวามือมีที่จอดรถ แต่ไม่มากนัก ถ้าท่านจอดรถที่ลานจอดรถ ต้องเดินไกล ครับ
                      วันนี้พี่สิงห์อยู่นครศรีธรรมราช ไม่สามารถไปร่วมงานได้ แต่จะไปวันฌาปนกิจ คือวันจัทร์ที่ 8 สิงหาคม เวลา 10:00 น. พระราชทานเพลิงศพ แทนครับ
                      อย่าลืม ท่านอาจารย์อำไพ  จูฑะศรี  มีแต่พวกเราเป็นส่วนใหญ่ที่รู้จัก เพราะช่วงชีวิตท่านอยู่แต่หอพักเป็นส่วนใหญ่ ครับ

สวัสดีค่ะพี่สิงห์ที่นับถือ
สรุปเปลี่ยนเป็นพี่หน่าไปส่งค่ะ

ใหม่ก็เลยสำรองความพร้อมไว้


วันที่5  ท่านอาจารย์และชาวหอไปกันจนน่าปลื้มใจ                                    

พระท่านเทศน์เสร็จ ถามว่า  ทักทายกันครบหรือยัง  ทำนองว่าโอ้โฮจากต่างที่แล้วตั้งใจมางานอาจารย์อำไพ

แต่ที่แน่ๆอาจารย์อำไพคงนั่งยิ้มแก้มปริ ที่เห็นพวกเราค่ะ  แต่ถ้าพวกเราเห็นอาจารย์ละก็...สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณน้องใหม่ ที่รัก

            ขอบคุณมากค่ะ ที่รายงานให้ทราบ อย่างที่พี่สิงห์บอก ช่วงที่ท่านมีชีวิตอยู่ ก็มีพวกเราชาวหอ และท่านอาจารย์สุพพัดดาเท่านั้น ที่ท่านติดต่ออยู่ครับ

            เห็นอาจารย์ซิดี  จะได้ถามว่าคนเราตายไปแล้วไปไหน  นรก  สวรรค์มีจริงหรือไม่ ครับ

            อย่าลืมวันจันทร์ที่ ๘ สิงหาคม ไปรำลึกถึงท่านเป็นครั้งสุดท้ายครับ เวลา 10:00 น.พระราชทานเพลิงศพ

            สวัสดี

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #2746 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2554, 07:48:49 »

สวัสดีครับ คุณน้องตู่ ที่รัก

              พี่สิงห์ติดค้างไว้หนึ่งเรื่อง  วันนี้พอมีเวลา จึงขอนำมาเสนอให้พิจารณาด้วยปัญญา ครับ

              สวัสดี

รู้ธรรมวันละนิด  จิตผ่องใส

ตอน

๕๓. โทษในการกล่าวธรรมด้วยเสียงขับอันยาวของภิกษุ

               “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! โทษ ๕ ประการเหล่านี้ ของภิกษุผู้กล่าวธรรมด้วยเสียงขับอันยาว คือ:-
                ๑. ตนเองก็ติดในเสียงนั้น
                ๒. ผู้อื่นก็ติดในเสียงนั้น
                ๓. คฤหบดีทั้งหลายจะยกโทษว่า สมณะ ศากยบุตรเหล่านี้ขับร้องเหมือนพวกตน
                ๔. เมื่อติดใจการทอดเสียง สมาธิก็ทำลาย
                ๕. ประชุมชน (ภิกษุ) ในภายหลังจะถือเป็นแบบอย่าง
              “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! โทษของภิกษุผู้กล่าวธรรมด้วยเสียงขับอันยาว ๕ ประการนี้แล.”

 
ปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๒/๒๗๙


              *** จะเห็นได้ว่าพระพุทธองค์ท่านไม่สรรเสริญให้กระทำ  แต่ก็ไม่มีบทลงโทษทางวินัยสงฆ์ พระองค์เพียงแต่แสดงโทษ
ให้ทราบเท่านั้น  ขึ้นอยู่ในดุลย์พินิจของพระภิกษุสงฆ์ที่จะปฏิบัติ ตามหลักพุทธศาสนา และสิ่งที่พระองค์ท้วงติงแสดงโทษเอาไว้

 
หลักศาสนาพุทธ

ละการกระทำชั่วทั้งปวงทางกาย วาจา และใจ (ด้วยการรักษาศีลให้บริบูรณ์อยู่เสมอ)
กระทำความดีให้ถึงพร้อม (ตั้งมั่นอยู่ในทางกุศลธรรมอยู่เป็นนิจ หรือสมาธิ)
ทำจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใส (เจริญสติวิปัสสนากรรมฐาน จนเกิดปัญญา)


๔๒. เหตุที่ทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่นาน

   “สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคประทับ ณ ป่าไผ่ ใกล้เมืองมิถิลา  ลำดับนั้นท่านพระกิมพิละเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคม นั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่งแล้ว กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ‘ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่ทำให้พระสัทธรรมไม่ตั้งอยู่ได้นานในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว’.  ‘ดูก่อนกิมพิละ ! เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว ภิกษุ  ภิกษุณี  อุบาสก  อุบาสิกา  ในพระธรรมวินัยนี้  ไม่เคารพ  ไม่ยำเกรงในพระศาสดา  ในพระธรรม  ในพระสงฆ์  ในการศึกษา  ไม่เคารพยำเกรงกันและกัน, นี้แลกิมพิละ !  เป็นเหตุเป็นปัจจัยที่ทำให้พระสัทธรรมไม่ตั้งอยู่ได้นานในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.”

ปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๒/๒๗๕

๔๓. เหตุที่ทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้นาน

   “พระกิมพิละกราบทูลถามต่อไปว่า ‘ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แล้วก็อะไรเล่าเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่ทำให้พระสัมธรรมตั้งอยู่ได้นานเมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว’  ดูก่อนกิมพิละ ! เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว ภิกษุ  ภิกษุณี  อุบาสก  อุบาสิกา  ในพระสัทธรรมวินัยนี้  เคารพยำเกรงในพระศาสดา  ในพระธรรม  ในพระสงฆ์  ในการศึกษา  เคารพยำเกรงกันและกัน, นี้แล  กิมพิละ ! เป็นเหตุเป็นปัจจัยที่ทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้นานในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.”

ปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๒/๒๗๕
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2747 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2554, 20:39:25 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 04 สิงหาคม 2554, 20:20:02
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน

                       วันนี้เป็นวันแรกที่ผมได้มีโอกาสใช้สนามบินดอนเมืองอาคารผู้โดยสารขาออก อาคาร ๑ เลยได้รับความสะดวกสะบายมากเพราะมีเก้าอี้ให้นั่งมาก สถานที่กว้างขวาง ไม่เหมือนอาคารสายภายในประเทศเดิม แออัดมาก บางช่วงเก้าอี้ไม่พอนั่ง  รู้อย่างนี้ยุให้ย้ายมาตั้งนานแล้ว

                       วันนี้เก้าอี้ชั้นธุรกิจเต็ม ผมจึงไม่สามารถ Upgrade ได้ พอลงที่สนามบินนครศรีธรรมราชจึงรู้ว่า ท่านนายก ดร.อภิสิทธ์ นั่งมาด้วยพร้อม สส.พรรคประชาธิปัติเพื่อไปทุ่งสงไปงานศพคุณแม่ของท่าน สส.ประกอบ ครับ

                        อากาศนครศรีธรรมราช ฝนไม่ตกมาหลายวันแล้วครับ แดดจ้า

                        วันนี้ผมมีธรรมมาฝาก เป็นของพระสารีบุตร นำมาจากพระไตรปิฎก เป็นข้อคิดสกิดใจ เป็นอย่างดี  ขอให้พิจารณาด้วยปัญญาครับ

                        ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ อย่าลืมหลับอย่างมีสติ  จะไม่ฝันร้าย และอย่าลืมสวมถุงเท้านอนด้วยครับ
รู้ธรรมวันละนิด  จิตผ่องใส


สวมไม่ได้คะพี่สิงห์!
ช่วงนี้ร้อน..
ถึงหนาวก็เถอะ,
เหงื่อออกที่เท้า..
ไม่ค่อยดีคะ


หนิงใช้วิธีเด็ดกว่านั้น....
เท้าเย็นเยียบของหนิง
ชอบไหลไปคลุกอุ่นที่เท้าแควนหนิง!
โอ๊ววววว อุ่นจริงค่ะ
      บันทึกการเข้า


khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #2748 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2554, 20:48:21 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 04 สิงหาคม 2554, 20:20:02
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
รู้ธรรมวันละนิด  จิตผ่องใส

ตอน

คว่ำหน้ากิน  แหงนหน้ากิน เป็นต้น

        สมัยหนึ่ง  ท่านพระสารีบุตร อยู่ ณ เวฬุวนาราม  อันเป็นที่ให้เหยื่อแก่กระแต ใกล้กรุงราชคฤห์  เช้าวันหนึ่งท่านพระสารีบุตร นุ่งอันตรวาสก (สบง) แล้วถือบาตและจีวรเข้าไปสู่กรุงราชคฤห์เพื่อบิณฑบาต ครั้นเที่ยวไปตามลำดับตรอกในกรุงราชคฤห์แล้ว  ก็นั่งพิงเชิงกำแพงแห่งใดแห่งหนึ่ง  ฉันบิณฑบาตนั้น 

        ลำดับนั้น  นางสูจิมุขี  ปริพพาชิกา (นักบวชหญิง) เข้าไปหาพระสารีบุตร แล้วถามว่า “ดูก่อนสมณะ ! ท่าน คว่ำหน้าบริโภคใช่หรือไม่ ?"

        พระสารีบุตรตอบว่า  “ดูก่อนน้องหญิง ! เรามิได้คว่ำหน้าบริโภค.”

        นางถามว่า  “ดูก่อนสมณะ ! ถ้าอย่างนั้น ท่านแหงนหน้าบริโภคใช่หรือไม่ ?”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! เรามิได้แหงนหน้าบริโภค.”

        “ดูก่อนสมณะ ! ถ้าอย่างนั้น  ท่านหันหน้าไปตามทิศเฉียงบริโภคใช่หรือไม่ ? ”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! เรามิได้หันหน้าไปตามทิศเฉียงบริโภค.”

        “ดูก่อนสมณะ ! ถ้าอย่างนั้น  ท่านหันหน้าไปตามทิศใหญ่บริโภคใช่หรือไม่ ? ”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! เรามิได้หันหน้าไปตามทิศใหญ่บริโภค.”

        “ดูก่อนสมณะ ! เมื่อข้าพเจ้าถาม  ท่านก็ปฏิเสธทั้งหมด  ถ้าอย่างนั้น ท่านบริโภคอย่างไร ?”

         “ดูก่อนน้องหญิง ! สมณพราหมณ์บางพวกสำเร็จความเป็นอยู่ (ครองชีวิต) ด้วยมิจฉาชีพด้วยติรัจฉานวิชา  คือวิชาดูที่ (ว่าตรงไหนดีเป็นมงคล)  สมณพราหมณ์เหล่านี้ เรียกว่าคว่ำหน้าบริโภค.”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! สมณพราหมณ์บางพวกสำเร็จความเป็นอยู่ (ครองชีวิต) ด้วยมิจฉาชีพด้วยติรัจฉานวิชา  คือวิชาดูดาวฤกษ์  สมณพราหมณ์เหล่านี้ เรียกว่าแหงนหน้าบริโภค.”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! สมณพราหมณ์บางพวกสำเร็จความเป็นอยู่ (ครองชีวิต) ด้วยมิจฉาชีพเพราะประกอบเนือง ๆ ซึ่งการไปชักสื่อ (ให้ชายหญิงเป็นสามีภริยากัน)  สมณพราหมณ์เหล่านี้ เรียกว่าหันหน้าไปตามทิศใหญ่บริโภค.”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! สมณพราหมณ์บางพวกสำเร็จความเป็นอยู่ (ครองชีวิต) ด้วยมิจฉาชีพด้วยติรัจฉานวิชา  คือวิชาดู (ลักษณะ)  ร่างกาย  สมณพราหมณ์เหล่านี้ เรียกว่าหันหน้าไปตามทิศเฉียงบริโภค.”

        “ดูก่อนน้องหญิง ! เรามิได้สำเร็จความเป็นอยู่ด้วยมิจฉาชีพดังกล่าวนั้น  เราแสวงหาอาหารโดยธรรม ครั้นแสวงหาได้แล้วบริโภค.”


        ลำดับนั้น นางสูจิมุขี ปริพพาชิกา  เข้าไปสู่ถนนจากถนน  สู่ทางแยก  จากทางสี่แยก  เที่ยวบอกกล่าวอย่างนี้ว่า  “สมณศากยบุตรทั้งหลายแสวงหาอาหารโดยธรรม, แสวงหาอาหารที่ไม่มีโทษ  ท่านทั้งหลายจงถวายอาหารแก่สมณศากยบุตรทั้งหลายเถิด.”


อ่านแล้ว...
เดี๋ยวจะได้เยื้องกาย...
ไปหาอาหารที่ห้องครัว
โดย....ทำ!
ไม่ทำ ก็ไม่ได้กินคะพี่
      บันทึกการเข้า


เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #2749 เมื่อ: 06 สิงหาคม 2554, 20:55:54 »

สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
แวะมาเยี่ยมค่ะ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 108 109 [110] 111 112 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><