สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
อาจารย์ถาวร โชติชื่น ได้ส่งข้อคำสอนของพระพุทะเจ้ามาให้พี่สิงห์พิจารณา เพราะกลัวว่าพี่สิงห์จะยังไม่ทราบว่า อันไหนเป็นคำสอนของพระพุทะเจ้า อันไหนไม่ใช่คำสอนของพระพุทะเจ้า จริงๆแล้วสิ่งที่ส่งมานั้นดีมาก แต่พี่สิงห์ได้อ่านพบและเข้าใจมาก่อนหน้านี้แล้วเพราะมีอยู่ในพระสูตร ในพระไตรปิฎกฉบับประชาชน ที่พี่สิงห์อ่านมาแล้วครับ แต่อย่างไรต้องขอขอบคุณในการอองอาจารย์ถาวร โชติชื่น และขอนำมาให้ทุกท่านได้ศึกษาครับ
สวัสดี(28246)
รู้ธรรมวันละนิด จิตผ่องใส
ตอนที่ ๑๙
แยกแยะอย่างไรว่าอันใดเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า อันใดไม่ใช่ ?
ลักษณะตัดสินพระธรรมวินัย 8
พระพุทธองค์ทรงตรัสแก่ พระนางปชาบดีโคตมีว่า
ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อ (1)วิราคะ ความคลายกำหนัด ความไม่ติดพัน เป็นอิสระ ไม่เป็นไปเพื่อกำหนัดย้อมใจ หรือเสริมความติด
(2)วิสังโยค ความหมดเครื่องผูกรัด ไม่ประกอบทุกข์
(3)อปจยะ ความไม่พอกพูนกิเลส
(4)อัปปิจฉตา ความมักน้อย ไม่มักมาก
(5)สันตุฏฐี ความสันโดษ พอใจในผลอันสมด้วยเหตุ (ตามมีตามได้)
(6)ปวิเวก ความสงัด ไม่คลุกคลีด้วยหมู่
(7)วิริยารัมภะ ประกอบความพากเพียร
(8)สุภรตา ความเลี้ยงง่าย
ธรรมเหล่านั้นพึงรู้ว่า เป็นธรรม เป็นวินัย เป็นสัตถุสาสน์ คือ คำสอนของพระศาสดา
(3) ลักษณะตัดสินพระธรรมวินัย 7
พระพุทธองค์ทรงตรัส แก่พระอุบาลี ว่า
ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อ เอกันตนิพพิทา ความหน่ายสิ้นเชิง,ไม่หลงไหลเคลิบเคลิ้ม
วิราคะ ความคลายกำหนัด ไม่ยึดติดรัดตัว เป็นอิสระ
นิโรธะ ความดับ,หมดกิเลส หมดทุกข์
อุปสมะ ความสงบระงับ
อภิญญา ความรู้ยิ่ง, ความรู้ชัด
สัมโพธะ ความตรัสรู้
นิพพาน ความดับกิเลสสิ้นเชิง สุขสงบ เย็น
ธรรมเหล่านั้นพึงรู้ว่า เป็นธรรม เป็นวินัย เป็นสัตุสาสน์ คือคำสอนของพระศาสดา
(4) คำของพระองค์ ตรงเป็นอันเดียวกันหมด ภิกษุทั้งหลาย นับแต่ราตรี ที่ตถาคตได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาโพธิญาณ
จนกระทั่งถึงราตรี ที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปทิเสสนิพพานธาตุ
ตลอดเวลาระหว่าง นั้น ตถาคตได้กล่าวสอน พร่ำสอน แสดงออกซึ่งถ้อยคำใด
ถ้อยคำเหล่านั้น ทั้งหมด ย่อมเข้ากันได้โดยประการเดียวทั้งสิ้น
ไม่แย้งกันเป็นประการอื่นเลย
(5) สิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงไม่นำมากล่าวสอน และสิ่งที่นำมากล่าวสอนภิกษุทั้งหลาย เหตุไรเล่า เราจึงไม่กล่าวสอนธรรมะส่วนนั้นๆ
ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุว่า ธรรมะส่วนนั้นๆ ไม่ประกอบอยู่ด้วยประโยชน์
ไม่เป็นเงื่อนไขแห่งพรหมจรรย์
ไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย
ไม่เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด
ไม่เป็นไปเพื่อความดับ
ไม่เป็นไปเพื่อความสงบ
ไม่เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง
ไม่เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม
ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน
ฉะนั้นเราจึงไม่กล่าวสอน
ภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันใดเล่าเป็นธรรมะที่เรากล่าวสอน
ภิกษุทั้งหลาย คือข้อที่ว่า ความทุกข์เป็นอย่างนี้ๆ
เหตุเป็นที่เกิดของความทุกข์เป็นอย่างนี้ๆ
ความดับสนิทของความทุกข์เป็นอย่างนี้ๆ
ข้อปฏิบัติเพื่อถึงความดับสนิทของความทุกข์เป็นอย่างนี้ๆ
ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุไรเล่า ธรรมะส่วนนี้เราจึงนำมากล่าวสอน
ภิกษุทั้งหลาย เพราะว่าธรรมส่วนนี้ ประกอบอยู่ด้วยประโยชน์
เป็นเงื่อนต้นแห่งพรหมจรรย์
เป็นไปเพื่อความหน่าย
เป็นไปเพื่อคลายความกำหนัด
เป็นไปเพื่อความดับ
เป็นไปเพื่อสงบ
เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง
เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม
เป็นไปเพื่อนิพพาน
เพราะเหตุนั้นแล เราจึงนำมากล่าวสอน
(ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่ป่า สีสปา ใกล้เมืองโกสัมพี)