23 พฤศจิกายน 2567, 12:27:08
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 69 70 [71] 72 73 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3557426 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 34 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #1750 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 21:14:05 »

มาติดตามอ่านค่ะ ชอบเรื่องเก่าๆ
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #1751 เมื่อ: 05 เมษายน 2554, 22:48:20 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 เมษายน 2554, 20:53:46
                         สมัยที่พี่สิงห์เป็นเด็ก หนึ่งวันพระก่อนถึงสงกรานต์ จะเป็นวันตรุษไทย คือช่วงนี้ละ วันโกนแต่ละบ้านจะทำขนมไปทำบุญ ไหว้บรรพบุรุษ และแจกเพื่อนบ้านแลกเปลี่ยนกันรับประทานคือ จะทำขนมกวน และข้าวเหนี๋ยวแดง เป็นประเพณี ขนมสองอย่างอยู่ได้นาน พี่สิงห์ชอบขนมกวนมาก และแม่พี่สิงห์ทำอร่อยมาก เพราะเป็นแม่ค้าทำขนมขายมาก่อน และที่บ้านพี่สิงห์มีอุปกรณ์ทำขนมครบทุกอย่างครับ แต่ไม่ดีตรงที่พี่สิงห์ต้องโม่แป้งนี่ละ เพราะโม่หินหนักมากโม่แป้งได้ละเอียด  แต่ปัจจุบันไม่มีบ้านไหนทำกันแล้ว และคนที่ทำขนมกวน ข้าวเหนี๋ยวแดงเป็นนั้นกำลังจะตายจากไปหมดแล้ว คนรุ่นใหม่ทำไม่เป็นแล้ว อนิจจา
                          นอกจากนี้คนหนุ่ม คนสาวจะเล่นตรุษกัน คือเล่นลูกช่วง มอนซ่อนผ้า เด็กๆจะเล่น ทอยกอง หมากเขย่ง ตี่จับ  ขี้ม้าส่งเมือง จะไปเล่นกันที่วัด และชายหาดในเวลาเย็น ลืมไป เด็กๆได้เล่นว่าว ตามชายหาดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทุกวัดจะสนุกสนานมาก เพราะในสมัยนั้นไม่มีวิทยุ ไม่มีทีวี ไม่มีรถเครื่อง ไม่มีรถยนต์ มีแต่จักรยาน ที่หนุ่มๆ ต่างถิ่นขับมาจีบสาวในเทศกาลตรุษไทย นี่ละครับ จะเป็นช่วงที่ไม่ต้องทำนา ชาวบ้านจะมารวมตัวกันที่วัด สนุกสนานไปตามวัยย์แก่หน่อยก็เล่นเพลงฉ่อย ตามท้องถิ่น สนุกมากครับ
                          เสียดาย ปัจจุบันไม่มีแล้วครับ วัดเงียบหง๋อย วัดไม่ได้เป็นสถานที่หนุ่มๆ สาวๆ มาดูตัว หรือจีบกัน จาการเล่นตรุษไทย อีกแล้วครับ
                          ราตรีสวัดิ์ทุกท่านครับ

....พี่สิงห์เล่าเรื่องโม่แป้ง นึกภาพออก เคยช่วยแม่โม่แป้งทำขนมไหว้เหมือนกันค่ะ
ตอนหยอดข้าวแล้วตามด้วยน้ำโม่ง่ายหน่อยพอน้ำเริ่มออกหมดหนืดหนักเมื่อยแขนเชียว
ยังเก็บโม่หินไว้เป็นที่ระลึก  ชอบอาสาขูดมะพร้าวด้วยกระต่ายมากกว่าค่ะ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1752 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 08:27:41 »

อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 05 เมษายน 2554, 22:48:20
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 เมษายน 2554, 20:53:46
                         สมัยที่พี่สิงห์เป็นเด็ก หนึ่งวันพระก่อนถึงสงกรานต์ จะเป็นวันตรุษไทย คือช่วงนี้ละ วันโกนแต่ละบ้านจะทำขนมไปทำบุญ ไหว้บรรพบุรุษ และแจกเพื่อนบ้านแลกเปลี่ยนกันรับประทานคือ จะทำขนมกวน และข้าวเหนี๋ยวแดง เป็นประเพณี ขนมสองอย่างอยู่ได้นาน พี่สิงห์ชอบขนมกวนมาก และแม่พี่สิงห์ทำอร่อยมาก เพราะเป็นแม่ค้าทำขนมขายมาก่อน และที่บ้านพี่สิงห์มีอุปกรณ์ทำขนมครบทุกอย่างครับ แต่ไม่ดีตรงที่พี่สิงห์ต้องโม่แป้งนี่ละ เพราะโม่หินหนักมากโม่แป้งได้ละเอียด  แต่ปัจจุบันไม่มีบ้านไหนทำกันแล้ว และคนที่ทำขนมกวน ข้าวเหนี๋ยวแดงเป็นนั้นกำลังจะตายจากไปหมดแล้ว คนรุ่นใหม่ทำไม่เป็นแล้ว อนิจจา
                          นอกจากนี้คนหนุ่ม คนสาวจะเล่นตรุษกัน คือเล่นลูกช่วง มอนซ่อนผ้า เด็กๆจะเล่น ทอยกอง หมากเขย่ง ตี่จับ  ขี้ม้าส่งเมือง จะไปเล่นกันที่วัด และชายหาดในเวลาเย็น ลืมไป เด็กๆได้เล่นว่าว ตามชายหาดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทุกวัดจะสนุกสนานมาก เพราะในสมัยนั้นไม่มีวิทยุ ไม่มีทีวี ไม่มีรถเครื่อง ไม่มีรถยนต์ มีแต่จักรยาน ที่หนุ่มๆ ต่างถิ่นขับมาจีบสาวในเทศกาลตรุษไทย นี่ละครับ จะเป็นช่วงที่ไม่ต้องทำนา ชาวบ้านจะมารวมตัวกันที่วัด สนุกสนานไปตามวัยย์แก่หน่อยก็เล่นเพลงฉ่อย ตามท้องถิ่น สนุกมากครับ
                          เสียดาย ปัจจุบันไม่มีแล้วครับ วัดเงียบหง๋อย วัดไม่ได้เป็นสถานที่หนุ่มๆ สาวๆ มาดูตัว หรือจีบกัน จาการเล่นตรุษไทย อีกแล้วครับ
                          ราตรีสวัดิ์ทุกท่านครับ

....พี่สิงห์เล่าเรื่องโม่แป้ง นึกภาพออก เคยช่วยแม่โม่แป้งทำขนมไหว้เหมือนกันค่ะ
ตอนหยอดข้าวแล้วตามด้วยน้ำโม่ง่ายหน่อยพอน้ำเริ่มออกหมดหนืดหนักเมื่อยแขนเชียว
ยังเก็บโม่หินไว้เป็นที่ระลึก  ชอบอาสาขูดมะพร้าวด้วยกระต่ายมากกว่าค่ะ

...เมื่อก่อนนี้พี่ตู่ก็ช่วยแม่ขูดมะพร้าวค่ะ...เสียดายของเก่าๆของแม่ไม่ได้เก็บไว้เลย...เพราะย้ายบ้านบ่อย...
...ที่โม่แป้ง...ถ้าไม่ได้ใช้...เอามาแต่งสวนได้นะ...นี้...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1753 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 08:32:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 เมษายน 2554, 20:25:42
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ คุณน้องเอมอร คุณน้องมีนา และคุณน้องยังชิน ที่รัก
                         รูปแรกพี่สิงห์ยืนหน้าตรง
                         รูปที่สองนั้นสังเกตุได้ง่ายมาก พี่สิงห์มีเสื้อผ้าสองชุดสำหรับไปโรงเรียน คือมีกางเกงสองตัว เสื้อสีขาวหนึ่งตัว และเสื้อกากีหนึ่งตัวสามารถแต่งเครื่องแบบลูกเสือได้ ส่วนรองเท่านั้นมีคู่เดียวคือชุดลูกเสือ พ่อแม่จบเพียงแค่ชั้น ป.๔ เท่านั้นไม่รู้อะไรมาก มีเพียงแค่นั้นก็ดีแล้วครับ วันนั้นพี่สิงห์ใส่เสื้อสีกากี ครับ ส่วนเพื่อนๆ เขามีเสื้อผ้าหลายชุดเขาสามารถใส่เสื้อสีขาวได้ทุกวัน ส่วนพี่สิงห์ต้องสลับวันเว้นวัน ซึ่งคุณครูไม่ว่าอะไร เพราะมีเพียงแค่นั้นครับ เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ก็ไม่มีรองเท้าใส่เหมือนกับพี่สิงห์ กลางวันเดินกลับบ้านไปกินข้าวกลางวันที่บ้าน   โรงเรียนหยุดวันโกน-วันพระ หน้าดำนาหยุดหนึ่งเดือน หน้าเกี่ยวข้าวโรงเรียนหยุดสองเดือน เพื่อให้เด็กนักเรียนได้เฝ้าบ้านเพราะพ่อ-แม่ไปทำนากันหมด
                          หลักสูตรสมับพี่สิงห์ชั้นประถมศึกษานั้น ต้องเรียนจัก-สาน  ปลุกผันสวนครัว เพราะจบป.๗ หรือ ป.๔ ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนต่อ ต้องไปทำนากันหมด ยกเว้นบ้านพี่สิงห์ ไม่มีนาให้ทำเพราะปู่มีลูกมาก พ่อจึงไม่มีมรดกจากปู่คือที่นา ทำนาจึงต้องหาอาชีพอื่นทำ คือร่อนกรวดมาขายกรุงเทพฯ และแม่ทำขนมไทยขายเพื่อให้ลูกๆได้เรียนหนังสือ ครับ
                          เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง
                           สวัสดี
...ถ้าใส่เสื้อสีกากี...ก็คนที่สองจากขวาค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #1754 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 11:59:25 »


อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 06 เมษายน 2554, 08:27:41
อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 05 เมษายน 2554, 22:48:20
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 เมษายน 2554, 20:53:46
                        สมัยที่พี่สิงห์เป็นเด็ก หนึ่งวันพระก่อนถึงสงกรานต์ จะเป็นวันตรุษไทย คือช่วงนี้ละ วันโกนแต่ละบ้านจะทำขนมไปทำบุญ ไหว้บรรพบุรุษ และแจกเพื่อนบ้านแลกเปลี่ยนกันรับประทานคือ จะทำขนมกวน และข้าวเหนี๋ยวแดง เป็นประเพณี ขนมสองอย่างอยู่ได้นาน พี่สิงห์ชอบขนมกวนมาก และแม่พี่สิงห์ทำอร่อยมาก เพราะเป็นแม่ค้าทำขนมขายมาก่อน และที่บ้านพี่สิงห์มีอุปกรณ์ทำขนมครบทุกอย่างครับ แต่ไม่ดีตรงที่พี่สิงห์ต้องโม่แป้งนี่ละ เพราะโม่หินหนักมากโม่แป้งได้ละเอียด  แต่ปัจจุบันไม่มีบ้านไหนทำกันแล้ว และคนที่ทำขนมกวน ข้าวเหนี๋ยวแดงเป็นนั้นกำลังจะตายจากไปหมดแล้ว คนรุ่นใหม่ทำไม่เป็นแล้ว อนิจจา
                          นอกจากนี้คนหนุ่ม คนสาวจะเล่นตรุษกัน คือเล่นลูกช่วง มอนซ่อนผ้า เด็กๆจะเล่น ทอยกอง หมากเขย่ง ตี่จับ  ขี้ม้าส่งเมือง จะไปเล่นกันที่วัด และชายหาดในเวลาเย็น ลืมไป เด็กๆได้เล่นว่าว ตามชายหาดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทุกวัดจะสนุกสนานมาก เพราะในสมัยนั้นไม่มีวิทยุ ไม่มีทีวี ไม่มีรถเครื่อง ไม่มีรถยนต์ มีแต่จักรยาน ที่หนุ่มๆ ต่างถิ่นขับมาจีบสาวในเทศกาลตรุษไทย นี่ละครับ จะเป็นช่วงที่ไม่ต้องทำนา ชาวบ้านจะมารวมตัวกันที่วัด สนุกสนานไปตามวัยย์แก่หน่อยก็เล่นเพลงฉ่อย ตามท้องถิ่น สนุกมากครับ
                          เสียดาย ปัจจุบันไม่มีแล้วครับ วัดเงียบหง๋อย วัดไม่ได้เป็นสถานที่หนุ่มๆ สาวๆ มาดูตัว หรือจีบกัน จาการเล่นตรุษไทย อีกแล้วครับ
                          ราตรีสวัดิ์ทุกท่านครับ

....พี่สิงห์เล่าเรื่องโม่แป้ง นึกภาพออก เคยช่วยแม่โม่แป้งทำขนมไหว้เหมือนกันค่ะ
ตอนหยอดข้าวแล้วตามด้วยน้ำโม่ง่ายหน่อยพอน้ำเริ่มออกหมดหนืดหนักเมื่อยแขนเชียว
ยังเก็บโม่หินไว้เป็นที่ระลึก  ชอบอาสาขูดมะพร้าวด้วยกระต่ายมากกว่าค่ะ

...เมื่อก่อนนี้พี่ตู่ก็ช่วยแม่ขูดมะพร้าวค่ะ...เสียดายของเก่าๆของแม่ไม่ได้เก็บไว้เลย...เพราะย้ายบ้านบ่อย...
...ที่โม่แป้ง...ถ้าไม่ได้ใช้...เอามาแต่งสวนได้นะ...นี้...

ค่ะ.. โม่หินให้น้องชายไปแต่งสวน
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1755 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 12:33:13 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 06 เมษายน 2554, 08:27:41
อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 05 เมษายน 2554, 22:48:20
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 เมษายน 2554, 20:53:46
                         สมัยที่พี่สิงห์เป็นเด็ก หนึ่งวันพระก่อนถึงสงกรานต์ จะเป็นวันตรุษไทย คือช่วงนี้ละ วันโกนแต่ละบ้านจะทำขนมไปทำบุญ ไหว้บรรพบุรุษ และแจกเพื่อนบ้านแลกเปลี่ยนกันรับประทานคือ จะทำขนมกวน และข้าวเหนี๋ยวแดง เป็นประเพณี ขนมสองอย่างอยู่ได้นาน พี่สิงห์ชอบขนมกวนมาก และแม่พี่สิงห์ทำอร่อยมาก เพราะเป็นแม่ค้าทำขนมขายมาก่อน และที่บ้านพี่สิงห์มีอุปกรณ์ทำขนมครบทุกอย่างครับ แต่ไม่ดีตรงที่พี่สิงห์ต้องโม่แป้งนี่ละ เพราะโม่หินหนักมากโม่แป้งได้ละเอียด  แต่ปัจจุบันไม่มีบ้านไหนทำกันแล้ว และคนที่ทำขนมกวน ข้าวเหนี๋ยวแดงเป็นนั้นกำลังจะตายจากไปหมดแล้ว คนรุ่นใหม่ทำไม่เป็นแล้ว อนิจจา
                          นอกจากนี้คนหนุ่ม คนสาวจะเล่นตรุษกัน คือเล่นลูกช่วง มอนซ่อนผ้า เด็กๆจะเล่น ทอยกอง หมากเขย่ง ตี่จับ  ขี้ม้าส่งเมือง จะไปเล่นกันที่วัด และชายหาดในเวลาเย็น ลืมไป เด็กๆได้เล่นว่าว ตามชายหาดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทุกวัดจะสนุกสนานมาก เพราะในสมัยนั้นไม่มีวิทยุ ไม่มีทีวี ไม่มีรถเครื่อง ไม่มีรถยนต์ มีแต่จักรยาน ที่หนุ่มๆ ต่างถิ่นขับมาจีบสาวในเทศกาลตรุษไทย นี่ละครับ จะเป็นช่วงที่ไม่ต้องทำนา ชาวบ้านจะมารวมตัวกันที่วัด สนุกสนานไปตามวัยย์แก่หน่อยก็เล่นเพลงฉ่อย ตามท้องถิ่น สนุกมากครับ
                          เสียดาย ปัจจุบันไม่มีแล้วครับ วัดเงียบหง๋อย วัดไม่ได้เป็นสถานที่หนุ่มๆ สาวๆ มาดูตัว หรือจีบกัน จาการเล่นตรุษไทย อีกแล้วครับ
                          ราตรีสวัดิ์ทุกท่านครับ

....พี่สิงห์เล่าเรื่องโม่แป้ง นึกภาพออก เคยช่วยแม่โม่แป้งทำขนมไหว้เหมือนกันค่ะ
ตอนหยอดข้าวแล้วตามด้วยน้ำโม่ง่ายหน่อยพอน้ำเริ่มออกหมดหนืดหนักเมื่อยแขนเชียว
ยังเก็บโม่หินไว้เป็นที่ระลึก  ชอบอาสาขูดมะพร้าวด้วยกระต่ายมากกว่าค่ะ

...เมื่อก่อนนี้พี่ตู่ก็ช่วยแม่ขูดมะพร้าวค่ะ...เสียดายของเก่าๆของแม่ไม่ได้เก็บไว้เลย...เพราะย้ายบ้านบ่อย...
...ที่โม่แป้ง...ถ้าไม่ได้ใช้...เอามาแต่งสวนได้นะ...นี้...


เมื่ออยู่นครปฐม ผมต้องช่วยโม่แป้ง และขูดมะพร้าว เพราะที่บ้านมีแม่และอาอี้(น้าสาว)อีก 2 คน ทำขนมขาย
เครื่องมือเครื่องใช้ทำขนมยังพอมีอยู่ แต่โม่ซึ่งเก่าแก่ ถูกไฟไหม้ไปพร้อมๆกับบ้านในปี 2527 ครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1756 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 12:40:35 »

เดี๋ยวนี้ เขาใช้โม่หินขนาดเล็ก (สักประมาณ 10-12 นิ้ว) ติดมอเตอร์ 1 แรงม้า
วิ่งได้เร็วมาก และโม่ได้แป้งจำนวนมาก แต่เนื้อแป้งไม่ละเอียด
รวมทั้งยังมีแป้งข้าวเจ้าสำเร็จรูป เวลาใช้ก็นำมาผสมน้ำแล้วคนสักครู่ก็เข้ากันแล้ว และใช้ได้ทันที
อย่างที่ใช้ในขนนครกที่ขายกันในปัจจุบัน เวลาแม่ค้าแคะจากเตาใส่ถาดให้เราถือกลับไปถึงบ้าน แทบจะเละไม่เป็นรูปเลย


ส่วนมะพร้าวก็ใช้เครื่องขูดติดมอเตอร์แล้ว เครื่องขูดมีรอบเร็วมาก ได้มะพร้าวเนื้อละเอียดจัด
เวลาทำขนม ซึ่งต้องใส่เนื้อมะพร้าวด้วยนั้น ขนมแทบจะไม่รู้สึกเลยว่ามีเนื้อมะพร้าวผสมอยู่ด้วย
ผิดกับการขูดด้วยมือ ที่เนื้อมะพร้าวจะหยาบจนลิ้นและฟันสัมผัสเจอ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1757 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 13:22:38 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 06 เมษายน 2554, 12:40:35
เดี๋ยวนี้ เขาใช้โม่หินขนาดเล็ก (สักประมาณ 10-12 นิ้ว) ติดมอเตอร์ 1 แรงม้า
วิ่งได้เร็วมาก และโม่ได้แป้งจำนวนมาก แต่เนื้อแป้งไม่ละเอียด
รวมทั้งยังมีแป้งข้าวเจ้าสำเร็จรูป เวลาใช้ก็นำมาผสมน้ำแล้วคนสักครู่ก็เข้ากันแล้ว และใช้ได้ทันที
อย่างที่ใช้ในขนนครกที่ขายกันในปัจจุบัน เวลาแม่ค้าแคะจากเตาใส่ถาดให้เราถือกลับไปถึงบ้าน แทบจะเละไม่เป็นรูปเลย


ส่วนมะพร้าวก็ใช้เครื่องขูดติดมอเตอร์แล้ว เครื่องขูดมีรอบเร็วมาก ได้มะพร้าวเนื้อละเอียดจัด
เวลาทำขนม ซึ่งต้องใส่เนื้อมะพร้าวด้วยนั้น ขนมแทบจะไม่รู้สึกเลยว่ามีเนื้อมะพร้าวผสมอยู่ด้วย
ผิดกับการขูดด้วยมือ ที่เนื้อมะพร้าวจะหยาบจนลิ้นและฟันสัมผัสเจอ


...สรุปแล้ว...ขนมไทยแท้ๆสมัยนี้อร่อยสู้ขนมที่เรากินสมัยก่อนไม่ได้...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1758 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 14:01:37 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 06 เมษายน 2554, 13:22:38
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 06 เมษายน 2554, 12:40:35
เดี๋ยวนี้ เขาใช้โม่หินขนาดเล็ก (สักประมาณ 10-12 นิ้ว) ติดมอเตอร์ 1 แรงม้า
วิ่งได้เร็วมาก และโม่ได้แป้งจำนวนมาก แต่เนื้อแป้งไม่ละเอียด
รวมทั้งยังมีแป้งข้าวเจ้าสำเร็จรูป เวลาใช้ก็นำมาผสมน้ำแล้วคนสักครู่ก็เข้ากันแล้ว และใช้ได้ทันที
อย่างที่ใช้ในขนนครกที่ขายกันในปัจจุบัน เวลาแม่ค้าแคะจากเตาใส่ถาดให้เราถือกลับไปถึงบ้าน แทบจะเละไม่เป็นรูปเลย


ส่วนมะพร้าวก็ใช้เครื่องขูดติดมอเตอร์แล้ว เครื่องขูดมีรอบเร็วมาก ได้มะพร้าวเนื้อละเอียดจัด
เวลาทำขนม ซึ่งต้องใส่เนื้อมะพร้าวด้วยนั้น ขนมแทบจะไม่รู้สึกเลยว่ามีเนื้อมะพร้าวผสมอยู่ด้วย
ผิดกับการขูดด้วยมือ ที่เนื้อมะพร้าวจะหยาบจนลิ้นและฟันสัมผัสเจอ


...สรุปแล้ว...ขนมไทยแท้ๆสมัยนี้อร่อยสู้ขนมที่เรากินสมัยก่อนไม่ได้...

สูตรมันอาจจะเหมือนกันครับ แต่วัตถุดิบต่างกัน เช่นแป้งโม่จากข้าวหรือข้าวเหนียวสดๆ
ไม่ใช่จากแป้งผลสำเร็จ มาละลายน้ำ
มะพร้าวหยาบๆเพื่อให้ลิ้นและฟันขบเจอ และรู้รสหวานมันของเนื้อมะพร้าวขูดมือ
แต่มะพร้าวขูดเครื่องป่นละเอียด จนยากแก่การรู้รส ยิ่งเอามาปิ้งหรืออบ หาควันหรือกลิ่นของมะพร้าวไม่เจอเลย
ขนมยุดใหม่รสชาติและความอร่อยจึงสู้ของเดิมหรือโบราณไม่ได้ นั่นเองครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1759 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 15:29:51 »

มาโพสต์ให้พี่สิงห์ทราบด้วยครับ

เขาเพิ่งส่ง "หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน" ไปให้ และเริ่มเปิดอ่าน เจอกับพาดหัวไม้ครับ





หมายเหตุ เป็นการรับบริจาคผ่าน ทีวี หลักอยู่ที่ ช่อง 9
ผมดูได้พักเดียว ฯพณฯ พร้อมดารา นักแสดง นางแบบ ก็หายไปจากจอ เข้าเวลาปกติ
ผลที่ตามมาคือ หัวไม้ของ มติชนดังที่เห็น
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1760 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 17:36:23 »

อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 05 เมษายน 2554, 22:48:20
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 05 เมษายน 2554, 20:53:46
                        สมัยที่พี่สิงห์เป็นเด็ก หนึ่งวันพระก่อนถึงสงกรานต์ จะเป็นวันตรุษไทย คือช่วงนี้ละ วันโกนแต่ละบ้านจะทำขนมไปทำบุญ ไหว้บรรพบุรุษ และแจกเพื่อนบ้านแลกเปลี่ยนกันรับประทานคือ จะทำขนมกวน และข้าวเหนี๋ยวแดง เป็นประเพณี ขนมสองอย่างอยู่ได้นาน พี่สิงห์ชอบขนมกวนมาก และแม่พี่สิงห์ทำอร่อยมาก เพราะเป็นแม่ค้าทำขนมขายมาก่อน และที่บ้านพี่สิงห์มีอุปกรณ์ทำขนมครบทุกอย่างครับ แต่ไม่ดีตรงที่พี่สิงห์ต้องโม่แป้งนี่ละ เพราะโม่หินหนักมากโม่แป้งได้ละเอียด  แต่ปัจจุบันไม่มีบ้านไหนทำกันแล้ว และคนที่ทำขนมกวน ข้าวเหนี๋ยวแดงเป็นนั้นกำลังจะตายจากไปหมดแล้ว คนรุ่นใหม่ทำไม่เป็นแล้ว อนิจจา
                          นอกจากนี้คนหนุ่ม คนสาวจะเล่นตรุษกัน คือเล่นลูกช่วง มอนซ่อนผ้า เด็กๆจะเล่น ทอยกอง หมากเขย่ง ตี่จับ  ขี้ม้าส่งเมือง จะไปเล่นกันที่วัด และชายหาดในเวลาเย็น ลืมไป เด็กๆได้เล่นว่าว ตามชายหาดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทุกวัดจะสนุกสนานมาก เพราะในสมัยนั้นไม่มีวิทยุ ไม่มีทีวี ไม่มีรถเครื่อง ไม่มีรถยนต์ มีแต่จักรยาน ที่หนุ่มๆ ต่างถิ่นขับมาจีบสาวในเทศกาลตรุษไทย นี่ละครับ จะเป็นช่วงที่ไม่ต้องทำนา ชาวบ้านจะมารวมตัวกันที่วัด สนุกสนานไปตามวัยย์แก่หน่อยก็เล่นเพลงฉ่อย ตามท้องถิ่น สนุกมากครับ
                          เสียดาย ปัจจุบันไม่มีแล้วครับ วัดเงียบหง๋อย วัดไม่ได้เป็นสถานที่หนุ่มๆ สาวๆ มาดูตัว หรือจีบกัน จาการเล่นตรุษไทย อีกแล้วครับ
                          ราตรีสวัดิ์ทุกท่านครับ

....พี่สิงห์เล่าเรื่องโม่แป้ง นึกภาพออก เคยช่วยแม่โม่แป้งทำขนมไหว้เหมือนกันค่ะ
ตอนหยอดข้าวแล้วตามด้วยน้ำโม่ง่ายหน่อยพอน้ำเริ่มออกหมดหนืดหนักเมื่อยแขนเชียว
ยังเก็บโม่หินไว้เป็นที่ระลึก  ชอบอาสาขูดมะพร้าวด้วยกระต่ายมากกว่าค่ะ

เช่นกัน
ที่บ้านโม่หิน  ก็ยังคงอยู่ ตอนนี้ตั้งอยู่ หน้าบ้าน แต่ไม้ที่เป็นมือหมุน กับเป็นสะดือ ไปไหนแล้วไม่รู้
 ที่บ้าน ยายเคยทำขนมถ้วย ขนมชั้น เคยช่วยยายโม่เหมือนกัน
แต่หมุนเร็วมาก ด้วยความขี้เกียจ หยาบไป
ต้องให้กลับมาโม่ใหม่ บ่อยๆ
 ขนมที่ว่าอร่อยนั้น อาจจะเพราะตอนเป็นเด็ก เราไม่มีขนมให้เลือกมากนัก
เป็นขนม ก็อร่อยไปหมด
ตอนเด็กๆ เคยกวนแป้งมัน ใส่น้ำตาลกินกันกับน้องก็ยังอร่อยเลย
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1761 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 20:33:30 »

สวัสดีครับคุณเหยง คุณน้องเอมอร คุณน้องตู่ คุณน้องมีนา คุณน้องป้อม และชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน
                         เป็นอันว่าสนามบินนครศรีธรรมราชเปิดใช้ได้แล้วครับแต่มีเพียงสองเที่ยวบินเท่านั้น วันเสาร์ Nok Air ถึงจะบินปกติคือวันละสี่เที่ยวบิน พรุ่งนี้วันพฤหัสบดี พี่สิงห์ได้เดินทางไปนครศรีธรรมราช คงได้ดูความเสียหายจริงที่เกิดขึ้นกับบริษัท ฯและความเสียหายทั่วไปของนครศรีธรรมราช คงปรึกษาหารือกันอย่างหนักถึงอนาคตของบริษัท กับความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังดีกว่าชาวบ้านที่ไม่มีบ้านอยู่ครับ เราสามารถฟื้นฟูของเราขึ้นมาใหม่ได้ พี่สิงห์พร้อมที่จะเผชิญทุกอย่าง เอาอย่างไรเอากัน ตอนนี้ก้เริ่มให้คนงานดำเนินการผลิต-ส่งของตามปกติแล้วครับ
                         พี่สิงหือยู่กรุงเทพฯก้ไปสำนักงาน ดร.สุริยา-คุณรองรัตน์ ทำงานที่รับปากเขามา ตอนนี้เสร็จแล้ว อยู่บ้านก้พยายามเจริญสติให้มากเมื่อไม่มีอะไรจะทำ ผลคือ เวลานอนกลางคืนพญามารมาผจญตลอดในรูปความฝัน รู้สึกว่าพี่สิงห์จะเผลอโดนรุกฆาตอยู่เรื่อย คือจิตไปคิดตามความคิดของจิตนานเกินไปกว่าสติจะมาเตือนโดยเแพาะเวลาส่งมารสาวๆ มาราวีจนเกือบเสียการ แต่ก็มีสติมาทัดทานจนได้ รอดไป ตอนนี้ก็ได้แต่เตือนตนเองเสมอว่า เราก้าวมาไกลมากแล้ว อย่ากลับไปมักมาก หรือไปยึดติดกับสิ่งต่างๆที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เคยได้รับมาก่อนนั้นเลย เอาชนะใจตัวเองให้ได้ แต่บางทีก้แพ้เช่น รถเข็นไอศครีมกะทิผ่านหน้าสำนักงานคุณรองรัตน์ ได้ยินเสียงกระดิ่งทีไร ใจมันอยากกินทันที เพราะไม่ได้กินมานานมากแล้ว เลยต้องยอมแพ้ไปสองครั้งแล้วในหนึ่งอาทิตย์ ถ้วยละสิบบาท ก็กินไปอย่างนั้น วันนี้เห็น ดร.สุริยา ซื้อ Cracker เกาหลีมาวางไว้ ก็อดใจไม่ไหวรับประทานไปสองห่อเล็ก เพราะใจมันอยาก ไม่ได้กินมานานมากแล้วน่าจะเป็นปี อดใขไม่ไหว แต่ก็คิดไปอีกที เราก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนีนา ถ้าจะโทษต้องโทษ ดร.สุริยา ที่ไปซื้อมาตั้งไว้
                          ปกติพี่สิงห์จะไม่กินจุบจิบ ขนมนอกเวลาอาหารหลัก แต่คนชอบซื้อมาให้อยู่เรื่อยๆ เพื่อที่จะทำให้พี่สิงห์แพ้ใจตัวเอง  แต่บางทีเราก็รู้ว่า กายเราก็ยังต้องการอาหารแบบนั้นอยู่ ก็เลยปล่อยๆบ้างตอนนี้
                          ตอนนี้คิดถึงนครศรีธรรมราชมากครับ
                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1762 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 20:43:04 »

สวัสดีค่ะ พี่สิงห์
 มารเล็กๆน้อย เรื่องอาหาร คงไม่ร้ายแรงนักมังคะ
อย่างที่พี่ว่า ไม่ได้เบียดเบียนใคร
ไม่ทานอาจจะเบียดเบียนตัวเอง ก็ได้นะคะ
เพราะทำให้เราหิว หรืออยากทานอยู่เรื่อย
งานข้างหน้า อาจจะเหนื่อย
แต่พี่สิงห์ เตรียมกาย เตรียมใจไปแล้ว คงไม่หนักหนามากนะคะ
เดินทางปลอดภัยค่ะ
 
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #1763 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 20:53:35 »

                          โม่บ้านพี่สิงห์ใหญ่มากและหนักมาก จึงสามารถโม่แป้งได้ละเอียดมาก แต่จะเหมื่อยมือมากๆ เพราะใช้แรงหมุนมาก สำหรับมะพร้าวนั้นพี่สิงห์ก็โดนประจำเนื่องจากพี่ๆไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯหมดที่บ้านเหลือเพียงพ่อ แม่ และน้องสาว ดังนั้นหน้าที่หลักของพี่สิงห์เท่าที่จำความได้คือ ถูบ้านเช้า-เย็น ใส่บาตรพระตอนเช้า โม่แป้ง ขึ้นมะพร้าว ปอกมะพร้าว ขูดมะพร้าว(กระต่ายขูดมะพร้าว) ตำน้ำพริกทุกชนิด ไม่ว่าน้ำพริกแกงส้ม แกงกะทิ แกงเขียวหวาน น้ำพริกกะปิ น้ำพริกเผา โดยใส่ของตามที่แม่บอก ซึ่งเป็นงานที่ไม่อยากทำเลย แต่มาคิดดูอีกที ถ้ารื้อฟื้นความจำได้อยากเขียนเป็นตำราเลย เพราะทุกวันนี้ที่สามารถอยู่คนเดียวได้ เพราะสามารถหุงข้าว ทำกับข้าว ช่วยตัวเองได้ จากการเป็นลูกมือแม่นี่ละ มีกับข้าวไทยแท้ที่อร่อยๆ ไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละฤดูกาล และไม่ได้กินมานานแล้ว เช่น แกงมัสมั่นเนื้อ เวลาแม่แกงจะใช้เวลาเคี่ยวสองวันเพื่อให้เนื้อเปื่อยจริงๆ น้ำจะข้นมากและอร่อยมาก หรือต้มจื้อปลาเนื้ออ่อนตัวเล้กเหยาะเต้าเจี่ยวใส่ใบแมงรัก เป็นแกงจืดที่วิเศษมาก แม้กระทั้งแกงเลียงข้าวโพดใส่ใบแมงรัก ก็อร่อย ต้มขาหมูใส่หัวใฉ่โป้ดอง ใส่ถั่วลิสง ก็อร่อยมาก  ฟักทองแกงหมู  ต้มปลาร้าหัวตาลใส่ขนุนอ่อน กระทั้งแกงเนื้อหน่อไม้ดองก้อร่อย แกงผักบุ้งหมูเทโพก้อร่้อย เดี๋ยวนี้ไม่มีให้กินแล้ว มีแต่ผักบุ้งไฟแดง ไข่เจียว คะหน้าหมูกรอบ แกงเขียวหวาน ต้มยำ ไม่อร่อยเลย
                           เวลาผมไปหาแม่ ผมจะถามเรื่องกับข้าว การทำขนม การขายขนม การสีข้าว แม่สามารถอธิบายได้เป็นพักๆ กลายเป็นสิ่งแปลกๆของหลานๆ ไปเพราะคนสมัยใหม่ไม่เคยพบและเจอครับกับข้าวพวกนั้น ยิ่งตอนนี้เป็นเทศกาลสงกรานต์ แม่จะต้องเตรียมทำขนมจีนไปทำบุญและให้บรรพบุรุษด้วย บ้านไหนไม่ทำขนมจีน บ้านนั้นจะได้กลิ่นขนมจีนซึ่งบรรพบุรุษมาเข้าฝันเพราะอยากกินขนมจีน การทำนั้นต้องหมักข้าวทำขนมจีนเป็นข้าวเจ้าไม่ต่ำกว่าห้าวัน และต้องล้างน้ำทุกวัน เพื่อว่าเวลาเป็นขนมจีนสามารถเก็บได้สามสี่วันไม่บูดง่าย และต้องเตรียมหาปลากรายมาทำน้กยา และหากุ้งแม่น้ำมาทำน้ำพริก เอาไว้กินกับขนมจีน ในเทสกาลสงกรานต์ครับ
                             ราตรีสวัสดี
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1764 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 21:13:32 »

พี่สิงห์
อ่านแล้วหิวค่ะ
ฟังแล้วน่าสนุกและน่าอร่อยมาก
เขียนแล้วพี่สิงห์ มิอยากทานกับข้าวอร่อยๆ
ยิ่งกว่าอยากทานไอสครีมกะทิ หรือขนมปังกรอบหรือคะ
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #1765 เมื่อ: 06 เมษายน 2554, 22:45:30 »

อ่านแล้วหิวเหมือนกันจะลุกไปหยิบขนมปังใส้สับปะรดมากินแล้วยั้งใจไว้ได้
ระวังพุงด้วยหนอ...พรุ่งนี้ค่อยกินเหอะ
      บันทึกการเข้า
pusadee sitthiphong
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: พาณิชยศาสตร์และการบัญชี
กระทู้: 4,689

« ตอบ #1766 เมื่อ: 07 เมษายน 2554, 09:18:52 »

พี่อรและพี่นี้ขา
จิตพี่สิงห์กำลังฟุ้งซ่านค่า
แว๊บบบบบบบบบบบ
ขืนอยู่เดี๋ยวโดนเขกหัว ha ha
      บันทึกการเข้า

pom shi 2516
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1767 เมื่อ: 07 เมษายน 2554, 09:26:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 06 เมษายน 2554, 20:33:30
สวัสดีครับคุณเหยง คุณน้องเอมอร คุณน้องตู่ คุณน้องมีนา คุณน้องป้อม และชาวซีมะโด่งที่รักทุกท่าน
                         เป็นอันว่าสนามบินนครศรีธรรมราชเปิดใช้ได้แล้วครับแต่มีเพียงสองเที่ยวบินเท่านั้น วันเสาร์ Nok Air ถึงจะบินปกติคือวันละสี่เที่ยวบิน พรุ่งนี้วันพฤหัสบดี พี่สิงห์ได้เดินทางไปนครศรีธรรมราช คงได้ดูความเสียหายจริงที่เกิดขึ้นกับบริษัท ฯและความเสียหายทั่วไปของนครศรีธรรมราช คงปรึกษาหารือกันอย่างหนักถึงอนาคตของบริษัท กับความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังดีกว่าชาวบ้านที่ไม่มีบ้านอยู่ครับ เราสามารถฟื้นฟูของเราขึ้นมาใหม่ได้ พี่สิงห์พร้อมที่จะเผชิญทุกอย่าง เอาอย่างไรเอากัน ตอนนี้ก้เริ่มให้คนงานดำเนินการผลิต-ส่งของตามปกติแล้วครับ
                         พี่สิงหือยู่กรุงเทพฯก้ไปสำนักงาน ดร.สุริยา-คุณรองรัตน์ ทำงานที่รับปากเขามา ตอนนี้เสร็จแล้ว อยู่บ้านก้พยายามเจริญสติให้มากเมื่อไม่มีอะไรจะทำ ผลคือ เวลานอนกลางคืนพญามารมาผจญตลอดในรูปความฝัน รู้สึกว่าพี่สิงห์จะเผลอโดนรุกฆาตอยู่เรื่อย คือจิตไปคิดตามความคิดของจิตนานเกินไปกว่าสติจะมาเตือนโดยเแพาะเวลาส่งมารสาวๆ มาราวีจนเกือบเสียการ แต่ก็มีสติมาทัดทานจนได้ รอดไป ตอนนี้ก็ได้แต่เตือนตนเองเสมอว่า เราก้าวมาไกลมากแล้ว อย่ากลับไปมักมาก หรือไปยึดติดกับสิ่งต่างๆที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เคยได้รับมาก่อนนั้นเลย เอาชนะใจตัวเองให้ได้ แต่บางทีก้แพ้เช่น รถเข็นไอศครีมกะทิผ่านหน้าสำนักงานคุณรองรัตน์ ได้ยินเสียงกระดิ่งทีไร ใจมันอยากกินทันที เพราะไม่ได้กินมานานมากแล้ว เลยต้องยอมแพ้ไปสองครั้งแล้วในหนึ่งอาทิตย์ ถ้วยละสิบบาท ก็กินไปอย่างนั้น วันนี้เห็น ดร.สุริยา ซื้อ Cracker เกาหลีมาวางไว้ ก็อดใจไม่ไหวรับประทานไปสองห่อเล็ก เพราะใจมันอยาก ไม่ได้กินมานานมากแล้วน่าจะเป็นปี อดใขไม่ไหว แต่ก็คิดไปอีกที เราก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนีนา ถ้าจะโทษต้องโทษ ดร.สุริยา ที่ไปซื้อมาตั้งไว้
                          ปกติพี่สิงห์จะไม่กินจุบจิบ ขนมนอกเวลาอาหารหลัก แต่คนชอบซื้อมาให้อยู่เรื่อยๆ เพื่อที่จะทำให้พี่สิงห์แพ้ใจตัวเอง  แต่บางทีเราก็รู้ว่า กายเราก็ยังต้องการอาหารแบบนั้นอยู่ ก็เลยปล่อยๆบ้างตอนนี้
                          ตอนนี้คิดถึงนครศรีธรรมราชมากครับ
                           สวัสดี

...พี่สิงห์คะ...ไม่ได้ผิดศีล 5 คงไม่เป็นไรค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #1768 เมื่อ: 07 เมษายน 2554, 09:56:30 »

อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 06 เมษายน 2554, 22:45:30
อ่านแล้วหิวเหมือนกันจะลุกไปหยิบขนมปังใส้สับปะรดมากินแล้วยั้งใจไว้ได้
ระวังพุงด้วยหนอ...พรุ่งนี้ค่อยกินเหอะ

...กินไปเถอะ...นี้ยังผอมอยู่...
...พี่ตู่ทานไอศครีมเกือบหมดถ้วยแล้วค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1769 เมื่อ: 07 เมษายน 2554, 11:25:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ pusadee sittipong เมื่อ 07 เมษายน 2554, 09:18:52
พี่อรและพี่นี้ขา
จิตพี่สิงห์กำลังฟุ้งซ่านค่า
แว๊บบบบบบบบบบบ
ขืนอยู่เดี๋ยวโดนเขกหัว ha ha
น้องป้อม
พวกพี่ๆ ทั้งหลาย มีส่วนเป็นมารของพี่สิงห์หรือเปล่าก็ไม่รู้
พี่สิงห์กำลังบังคับตัวเองเรื่องไม่ให้อยากทาน นั่น นี้ เราก็มาคุยกันเรื่องกินกันใหญ่
กระตุ้นให้พี่สิงห์ คิดเรื่องกินไปเรื่อย
บาปกรรมจริง
      บันทึกการเข้า
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #1770 เมื่อ: 07 เมษายน 2554, 11:32:19 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 06 เมษายน 2554, 20:53:35
                          โม่บ้านพี่สิงห์ใหญ่มากและหนักมาก จึงสามารถโม่แป้งได้ละเอียดมาก แต่จะเหมื่อยมือมากๆ เพราะใช้แรงหมุนมาก สำหรับมะพร้าวนั้นพี่สิงห์ก็โดนประจำเนื่องจากพี่ๆไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯหมดที่บ้านเหลือเพียงพ่อ แม่ และน้องสาว ดังนั้นหน้าที่หลักของพี่สิงห์เท่าที่จำความได้คือ ถูบ้านเช้า-เย็น ใส่บาตรพระตอนเช้า โม่แป้ง ขึ้นมะพร้าว ปอกมะพร้าว ขูดมะพร้าว(กระต่ายขูดมะพร้าว) ตำน้ำพริกทุกชนิด ไม่ว่าน้ำพริกแกงส้ม แกงกะทิ แกงเขียวหวาน น้ำพริกกะปิ น้ำพริกเผา โดยใส่ของตามที่แม่บอก ซึ่งเป็นงานที่ไม่อยากทำเลย แต่มาคิดดูอีกที ถ้ารื้อฟื้นความจำได้อยากเขียนเป็นตำราเลย เพราะทุกวันนี้ที่สามารถอยู่คนเดียวได้ เพราะสามารถหุงข้าว ทำกับข้าว ช่วยตัวเองได้ จากการเป็นลูกมือแม่นี่ละ มีกับข้าวไทยแท้ที่อร่อยๆ ไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละฤดูกาล และไม่ได้กินมานานแล้ว เช่น แกงมัสมั่นเนื้อ เวลาแม่แกงจะใช้เวลาเคี่ยวสองวันเพื่อให้เนื้อเปื่อยจริงๆ น้ำจะข้นมากและอร่อยมาก หรือต้มจื้อปลาเนื้ออ่อนตัวเล้กเหยาะเต้าเจี่ยวใส่ใบแมงรัก เป็นแกงจืดที่วิเศษมาก แม้กระทั้งแกงเลียงข้าวโพดใส่ใบแมงรัก ก็อร่อย ต้มขาหมูใส่หัวใฉ่โป้ดอง ใส่ถั่วลิสง ก็อร่อยมาก  ฟักทองแกงหมู  ต้มปลาร้าหัวตาลใส่ขนุนอ่อน กระทั้งแกงเนื้อหน่อไม้ดองก้อร่อย แกงผักบุ้งหมูเทโพก้อร่้อย เดี๋ยวนี้ไม่มีให้กินแล้ว มีแต่ผักบุ้งไฟแดง ไข่เจียว คะหน้าหมูกรอบ แกงเขียวหวาน ต้มยำ ไม่อร่อยเลย
                           เวลาผมไปหาแม่ ผมจะถามเรื่องกับข้าว การทำขนม การขายขนม การสีข้าว แม่สามารถอธิบายได้เป็นพักๆ กลายเป็นสิ่งแปลกๆของหลานๆ ไปเพราะคนสมัยใหม่ไม่เคยพบและเจอครับกับข้าวพวกนั้น ยิ่งตอนนี้เป็นเทศกาลสงกรานต์ แม่จะต้องเตรียมทำขนมจีนไปทำบุญและให้บรรพบุรุษด้วย บ้านไหนไม่ทำขนมจีน บ้านนั้นจะได้กลิ่นขนมจีนซึ่งบรรพบุรุษมาเข้าฝันเพราะอยากกินขนมจีน การทำนั้นต้องหมักข้าวทำขนมจีนเป็นข้าวเจ้าไม่ต่ำกว่าห้าวัน และต้องล้างน้ำทุกวัน เพื่อว่าเวลาเป็นขนมจีนสามารถเก็บได้สามสี่วันไม่บูดง่าย และต้องเตรียมหาปลากรายมาทำน้กยา และหากุ้งแม่น้ำมาทำน้ำพริก เอาไว้กินกับขนมจีน ในเทสกาลสงกรานต์ครับ
                             ราตรีสวัสดี

  อยากกินขนมจีนน้ำยา บ้านพี่สิงห์...จะมีบุญวาสนาได้กินไหมน๊าาาา.....??
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #1771 เมื่อ: 07 เมษายน 2554, 11:39:36 »

ไม่หร็อก..อร..ช่วยเสริมพลังจิตพี่สิงห์ให้แกร่งขึ้นต่างหาก คิดบวก...
ไม่ใช่เฉพาะเรา 2 คนที่มาป่วน พี่ตู่ด้วยพูดเรื่องไอติม
น้องป้อมแหละหนักเลยวิ่งจู๊ดไปแล้ว  พี่ๆวิ่งไม่ทัน เหนื่อย
อ้าวกำลังจะโพสท์เห็นพอดี เพิ่มอ้อย 17 อีกคน พูดเรื่องขนมจีน ไปก่อนแระ  bye bye
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #1772 เมื่อ: 07 เมษายน 2554, 11:45:57 »

ดีจังได้คุยกันเรื่องอาหาร
นี้ เราทำเมี่ยงก๋วยเตี๋ยว ไปดูในห้องออสเตรเลียนะ
เป็นอาหารกลางวัน วันนี้
เผื่อพี่สิงห์ด้วยค่ะ
วันนี้เดินทางไปแล้ว
ที่นครฯคงไม่มีทานแน่
แต่ที่นครฯมีขนมจีนอร่อยอยู่หลายร้าน
มีขนมขาวด้วยค่ะ
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #1773 เมื่อ: 07 เมษายน 2554, 12:36:47 »

ไปดูเมี่ยงก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว วันนี้ทำไม่ทัน เดี๋ยววันหยุดทำกิน
น่าจะดี หลายคนหนุบหนับ
      บันทึกการเข้า
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #1774 เมื่อ: 07 เมษายน 2554, 12:48:38 »

อ้างถึง
ข้อความของ มีนา เมื่อ 07 เมษายน 2554, 11:39:36
ไม่หร็อก..อร..ช่วยเสริมพลังจิตพี่สิงห์ให้แกร่งขึ้นต่างหาก คิดบวก...
ไม่ใช่เฉพาะเรา 2 คนที่มาป่วน พี่ตู่ด้วยพูดเรื่องไอติม
น้องป้อมแหละหนักเลยวิ่งจู๊ดไปแล้ว  พี่ๆวิ่งไม่ทัน เหนื่อย
อ้าวกำลังจะโพสท์เห็นพอดี เพิ่มอ้อย 17 อีกคน พูดเรื่องขนมจีน ไปก่อนแระ  bye bye


    จะรีบไปไหนคะ พี่นี้....อยู่คุยกันก่อนค่ะ...อิอิ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 69 70 [71] 72 73 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><