คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย

[Manop Klabdee]

                         ความโลภ  ความโกรธ  ความหลง เป็นทุกข์(ทนอยู่ไม่ได้) เมื่อก่อนพญามารส่งมาราวีพี่สิงห์เป็นฉากๆ พอจิตใจพี่สิงห์จะคล้อยตามคือปรุงแต่งไปตามที่มารต้องการ  พี่สิงห์ก็มีสติ มากระตุ้นทันที ทำให้ได้คิดว่ามารกำลังมาผจญ พอมีสติปั๊ป เจ้าความโลภ  ความโกรธ  ความหลง  มันก็หยุดไม่สามารถทำให้พี่สิงห์คล้อยตามได้ คือ ไม่โลภ  ไม่โกรธ  ไม่หลง และปัจจุบัน มารชนิดนั้นก็ไม่มาหาอีกเลย เพราะพี่สิงห์มีสติคอยเตือนตัวเองตลอดเวลา วิธรการจริง คือ พี่สิงห์จะพยายามอย่างมากให้มีสติอยู่กับอิริยาบถ ที่กระทำ ณ ปัจจุบัน ให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ทำให้ไม่คิดเรื่อยเปื่อยไปต่างๆ นาๆ และความเป็นจริงพอเจอ สิ่งที่เราไม่ชอบ สิ่งที่เราไม่ปราดถนา ความโลภ  ความโกรธ  ความหลง มาก็ไม่มากร่ำกลาย หรือเกิดขึ้นน้อยมาก
                         เมื่อพญามารมันคิดว่าทำแบบนั้นเอาชนะพี่สิงห์ไม่ได้ มันจึงเปลี่ยนวิธี เอาความสุขมาให้นึก ให้คิด ให้ฝัน เพื่อให้จิตใจคล้อยตามมัน ผลคือ สติของพี่สิงห์ไม่โผล่ออกมาเตือนตัวเองให้รู้ตัวเลย เพราะมันรู้ว่าพี่สิงห์ชอบ มารู้ตัวก็ต่อเมื่อคิดตามมันเสียแล้ว มารก็เลยยิ้ม เพราะจิตใจพี่สิงห์ก็กลับไปเป็ยปุถุชนธรรมดา อยู่นั่นเอง  ตัวอย่าง เช้านี้ตั้งใจเล่นกอล์ฟมาก แต่ขาดสติมาก เพราะจิตมันพาให้ไปคิดนั่น คิดนี่ ตลอดเวลา มาทำลาย สติที่มีต่อการเล่นกอล์ฟ จนรู้ตัวเองเลยว่า  ทำไม?เราขาดสติมากขนาดนี้สำหรับวันนี้ แถบจะนั่งลงแล้วเจริญสติแข่งกับมันให่มีสติ ใจสงบ เลิกคิด ตามที่หลวงพ่อเทียน  ท่านว่า จิตมันไม่สงบก็แก้โดยเจริญสติด้วยการเคลื่อนไหวมือให้มากๆ สามารถเอาชนะได้  ช่วงนี้จิตมาเป็นอย่างนี้จริงๆ กังวล คิดอยากได้โน่นอยากได้นี่ คิดๆๆๆๆๆ จนไม่หยุด บางทีก็ทำตามที่มันคิดเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุ ไม่สมควร  ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน  ใจโลเล  ทั้งๆ ที่ ณ ปัจจุบัน เราก็ไม่มีปัญหาอะไร? มันน่าที่จะสงบ  มีความสุข  ทำไม? จิตมันมาป่วนอย่างนี้ ทำให้ว้าวุ่นใจ มารหนอมาร   เลิกผจญพี่สิงห์เสียที
                        ไม่เป็นไร  ให้มันแตกไปข้างหนึ่ง จะพยายามเจริญสติให้มาก อยู่กับ ปัจจุบันให้มาก อย่างที่เคยทำได้ติดต่อกันมา จนจิตสงบ ไปช่วงหนึ่ง   เหมือนอย่างตอนนี้มีความรู้เรื่องนี้มาก จิตมันอยากให้สอน  แต่ก็ไม่รู้จะไปสอนใคร  เวลาคุยอะไรกับใคร หรือแก้ปัญหาต่างๆ ทางวิชาการ จิตมันก็วกมาให้เราไปยกตัวอย่างทางจิตให้สอดคล้องกับการทำงานได้ทุกที และก็เป็นจริงด้วย จิตหนอจิตเรา
                          สวัสดี ต้องเตรียมตัวเดินทางไปดอนเมือง เพื่อไปนครศรีธรรมราช แล้วครับ

[เหยง 16]

คุณป้อม16 จากเชียงใหม่แจ้งว่า เดินทางจะไปรับลูกสาวที่ฝีกงานด้านเภสัชกรรมที่ฉะเชิงเทรากลับบ้าน
โดยออกเดินทางจากเชียงใหม่ในเช้านี้และจะผ่านจังหวัดนครสวรรค์ช่วงประมาณบ่ายโมง
ผมจะออกไปรับ เพื่อพาไปทานข้าวเที่ยงครับ...เสร็จแล้วจะเข้ามาต่อครับ

[เหยง 16]

ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวลิ้น-เนื้อลายเจ้เช็ง ตรงแยกบายพาสเข้าเมืองนครสวรรค์มาเมื่อ 14.30 น.
โดยคณะของคุณป้อม, พี่อู๊ด และคุณแม่ของทั้งพี่อุ๊ดและคุณป้อม เดินทางเข้า กทม.ต่อไปครับ

[khesorn mueller]

		อ้างถึง			ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 09 ธันวาคม 2553, 11:52:57
	สวัสดี ต้องเตรียมตัวเดินทางไปดอนเมือง เพื่อไปนครศรีธรรมราช แล้วครับ

พี่สิงห์ถึงนครฯรึยังคะ?



อยู่ที่นั่นกับอยู่ที่กรุงเทพ
ที่ไหนพี่สงบกว่าคะ?
ความจริง ความคิด ความนึก
ไม่ได้เลือกที่อยู่คะ ไม่เลือกขณะด้วย.

[khesorn mueller]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 09 ธันวาคม 2553, 14:45:10
	ตรงแยกบายพาสเข้าเมืองนครสวรรค์มาเมื่อ 14.30 น. โดยคณะของคุณป้อม, พี่อู๊ด และคุณแม่ของทั้งพี่อุ๊ดและคุณป้อม เดินทางเข้า กทม.ต่อไปครับ

พี่เหยง,
ได้ถ่ายภาพร่วมกันมั้ยคะ?
พี่ป้อมคงยังไม่ถึงกทม.ตอนนี้

[Manop Klabdee]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 08 ธันวาคม 2553, 14:03:59
	เมื่อวานนี้ ดูรายการ "คนค้นคน" ช่อง 9 ยายยิ้ม ยายยิ้ม พูดว่า "ทางไปสวรรค์แสนจะขรุขระ แต่ทางลงนรกแสนจะราบเรียบ"

สวัสดีครับ คุณเหยง
                     พี่สิงห์ไม่ได้ดูทีวีเลยจึงไม่ทราบ  พี่สิงห์ไม่ต้องการไปสวรรค์หลังจากตายแล้ว พี่สิงห์ต้องการความสงบ ไม่โลภ  ไม่โกรธ  ไม่หลง ไม่มีความอยาก ไม่ยึดมั่นถือมั่น จะได้สามารถอยู่อย่างพอเพียงได้ในชีวิตนี้เท่านั้น ครับ ขอเพียงเท่านี้แหละ คือสงบแห่งจิตใจ

[Manop Klabdee]

		อ้างถึง			ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 09 ธันวาคม 2553, 12:07:38
	คุณป้อม16 จากเชียงใหม่แจ้งว่า เดินทางจะไปรับลูกสาวที่ฝีกงานด้านเภสัชกรรมที่ฉะเชิงเทรากลับบ้าน โดยออกเดินทางจากเชียงใหม่ในเช้านี้และจะผ่านจังหวัดนครสวรรค์ช่วงประมาณบ่ายโมง ผมจะออกไปรับ เพื่อพาไปทานข้าวเที่ยงครับ...เสร็จแล้วจะเข้ามาต่อครับ

                 รับทราบครับ พี่สิงห์โทรศัพท์ไปคุยด้วยแล้วครับ
                 ขอบคุณมาก

[Manop Klabdee]

สวัสดีครับ คุณน้องหนุงหนิง
                          พี่สิงห์อยู่นครศรีธรรมราช ฝนตกนิดหน่อย เนื่องจากวันหยุดยาวที่โรงแรมเงียบมากครับ
                          อยู่นครศรีธรรมราช จิตใจสงบเพราะ มีเรื่องต้องคิด(ทำงาน) มีสถานที่เหมาะสมในการออกกำลังกาย  ฝึกโยคะ รำมวยจีน และนั่งเจริญสติ และต้องทำตัวเป็นผู้อาวุโสที่น่านับถือของโรงแรม  จิตใจมันกลัว ก็เลยสงบอยู่กับ ปัจจุบัน ได้ดี  อาทิตย์นี้ตั้งใจเจริญสติให้มากทั้งก่อนนอนและเช้ามืดก่อนที่จะไปออกกำลังกายยามเช้า ทำให้มากเข้าไว้เอาชนะจิตที่มันชอบคิด
                          วันนี้ที่ห้องคงหนาวมากเพราะแขกน้อยแอร์ไม่รู้จะไปไหน และพี่สิงห์อยู่ห้องริมสุดด้วย
                          เห็นข่าวยุโรปแล้ว หนาวมีแต่หิมะตก มากกว่าตอนที่พี่สิงห์อยู่อีก คงอยู่กันแต่ในบ้าน  สายกวาดหิมะบนหลังคา เป็นแน่
                          เธอและครอบครัวระวังสุขภาพด้วย
                          สวัสดี

[Manop Klabdee]

                         วันที่สามของคณะ พี่สิงห์ตื่นตีห้ามาออกกำลังกายยามเช้า เจ็ดโมงรับประทานอาหารเช้า และแปดโมงออกเดินทาง เพื่อไปเยอรมัน วันนี้พี่สิงห์ใส่เสื้อหกชั้น รวมทั้งเสื้อกันหนาวอย่างหนาที่ซื้อจากออสเตรีย เพราะรู้ว่าจะต้องขึ้นไปบนภูเขาอุรหภูมิติดรถ ใส่ถุงเท้าวูลฟ์สองชั้น ทาครีมอย่างมากกันหนาว วันนี้เดินทางจากวอลส์บวร์ก ไปเมืองการ์มิชพาร์เทนเคียร์เชน ตั้งอยู่ในเขตประเทสเยอรมันี เป็นเมืองคู่แฝดที่เคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิคฤดูหนาวปี 1936 ตั้งอยู่ตรงเชิงเขาซุสปิตเซ่ ยอดเขาที่สูงที่สุดของเยอรมัน ผ่านชมเมืองการ์มิชซึ่งเป็นเมืองเดียวของเยอรมันนี่ที่ติดอันดับ BEST OF THE ALPS ตัวเมืองน่ารักด้วยภาพวาดบนกำแพงบ้านที่ชมได้ไม่รู้เบื่อ
                         แต่น่าเสียดายที่วันนี้อากาศปิด คือไม่เห็นดวงตะวันเลยทั้งวัน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยสีเทาของเมฆและหิมะตก จึงไม่เหมาะกับการถ่ายภาพ ตลอดระยะทางโดยเฉพาะติดชายแดนเยอรมันนี จะพบโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากในฝั่งของออสเตรีย ผลิตเพื่อส่งไปยังเยอรมันนีครับ ความแตกต่างบ้านของออสเตรียและเยอรมันนี คือ บ้านในเยอรมันนีอยู่อย่างแออัด และรูปทรงไม่สวย แต่บ้านในออสเตรียอยู่เพียงกลุ่มละสองสามหลังเท่านั้น และทรงบ้านสวย ทั้งเยอรมันนี-ออสเตรีย นิยมปลูกบ้านด้วยไม้ ไม่นิยมคอนกรีต ครับ
                         เชิญชมภาพ

 
พนักงานต้อนรับโรงแรม sheraton(สาวออสเตรีย) ครับ













จุดจอดรถบนทางหลวง อยู่ในเขตเยอรมัน และที่นี่พี่สิงห์ ใช้โทรศัพท์สาธารณะ โทรไปคุยกับคุณน้องหนุงหนิง ครับ



พี่สิงห์เห็นขนมเค็กเยอรมัน น่ากิน เลยลองซื้อมาชิมดูกับกาแฟ อร่อยมากครับ แต่จำชื่อไม่ได้ครับ

[Manop Klabdee]

                         เชิญชมภาพบ้านของชาวเยอรมันนี และฟาร์มปศุสัตว์ ซึ่งเติมไปด้วยหิมะทั้งนั้นครับ

[Manop Klabdee]

                         ในที่สุดคณะก็ผ่านตัวเมืองการ์มิช และมาถึงสถานีกระเช้าไฟฟ้าที่จะขึ้นไปบนยอดเขา "ซุสปิตเซ่" ในเยอรมันนี
                          ยอดเขาซุสปิเซ่ คณะนั่งรถกระเช้าไฟฟ้าสู่ยอดเขาซุสปิตเซ่ ที่สูงที่สุดในระดับความสูงถึง 2,964 เมตร ชมความน่ารักของหมู่บ้านเล็กตามเชิงเขาและเทือกเขาแอลป์ ประทับใจกับทัศนียภาพอันงดงาม สถานที่ซึ่งชาวยุโรปนิยมมาพักผ่อนในช่วงฤดูร้อนและเล่นสกีในฤดูหนาว
                          กระเช้ามีอยู่สองกระเช้า บรรทุกคนได้กระเช้าละสามสิบคน ใช้เวลาในการขึ้นไปยอดเขาไม่ถึงสิบนาที คนแน่นมากไม่สามารถถ่ายภาพได้ แต่ดูจากมุมสูงลงมาที่ต้นสวยหิมะจับต้นสนสวยงามมากๆๆ ครับ
                          เชิญชมภาพที่สถานีกระเช้าไฟฟ้า

[Manop Klabdee]

คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ ได้เวลาเจริญสติแล้วครับ
สวัสดี

[khesorn mueller]

cheese cake (Käsekuchen)คะพี่สิงห์
สูตรอร่อยที่สุดมาจาก Schwarzwald
เดี๋ยววันหลังหนิงทำคะ...ง่ายมากๆ
กินแล้วจะฟูอู้ฟู้....อวบอึ๋ม เสื้อผ้ารัดติ้ว
ฮ้าย แค่คิดคะพี่.

[khesorn mueller]

		อ้างถึง			ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 09 ธันวาคม 2553, 19:36:28
	สวัสดีครับ คุณน้องหนุงหนิง                            เห็นข่าวยุโรปแล้ว หนาวมีแต่หิมะตก มากกว่าตอนที่พี่สิงห์อยู่อีก คงอยู่กันแต่ในบ้าน  สายกวาดหิมะบนหลังคา เป็นแน่                           เธอและครอบครัวระวังสุขภาพด้วย                           สวัสดี

อย่างแรงคะพี่,ข่าวเช้ามืดมาจากAutobahn
ที่หิมะและน้ำแข็าเกาะ รถติดกัน4-5ชม.
ความจริงตั้งแต่ค่ำวานแล้วคะ
วันนี้ที่หลายท่าอากาศยานต้อง cancelled
คนติดที่สนามบินเยอะแยะ..runwayเป็นน้ำแข็งคะ
กว่าจะละลาย กว่าจะปล่อย ช้า เสียเวลากัน

[khesorn mueller]

		อ้างถึง			ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 09 ธันวาคม 2553, 19:55:43
	แต่น่าเสียดายที่วันนี้อากาศปิด คือไม่เห็นดวงตะวันเลยทั้งวัน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยสีเทาของเมฆและหิมะตก จึงไม่เหมาะกับการถ่ายภาพ ตลอดระยะทางโดยเฉพาะติดชายแดนเยอรมันนี จะพบโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากในฝั่งของออสเตรีย ผลิตเพื่อส่งไปยังเยอรมันนีครับ ความแตกต่างบ้านของออสเตรียและเยอรมันนี คือ บ้านในเยอรมันนีอยู่อย่างแออัด และรูปทรงไม่สวย แต่บ้านในออสเตรียอยู่เพียงกลุ่มละสองสามหลังเท่านั้น และทรงบ้านสวย ทั้งเยอรมันนี-ออสเตรีย นิยมปลูกบ้านด้วยไม้ ไม่นิยมคอนกรีต ครับ                          เชิญชมภาพ

จุ๊ๆๆอย่าเอ็ดไปพี่
ประชากรของเยอรมัน10เท่าของออสเตรียคะ
ที่สร้างทิ้งห่างกันเพราะออสเตรียทำการเกษตร
ทำปศุสัตว์คะ....ความจริงเขต Bayernก็ไม่แตกต่าง
จากออสเตรียเท่าไหร่.

[khesorn mueller]

จริงๆนะคะพี่
หนิงไม่เห็นความเหนื่อยอ่อน
เปลี้ยสะโหลสะเหลในรูปพี่เลย
ดูสดใสมากแม้วันฟ้ามัวสลัวแดด
..
..
สงสัยน้ำผลไม้เป็นเหตุแน่เชียว.

[khesorn mueller]

หายไปค้นพักนึงคะพี่
จำได้ว่าเคยทำมาลงที่ห้อง 27แล้ว
cheese cake

[Manop Klabdee]

สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณน้องหนุงหนิง
                         ชีสเค็กอร่อยมากจริงๆ ตอนไปซื้อแหม่มที่เก็บสตางค์ สูงอายุ อ้วนมากๆ ค่ะ จริงๆมีอาหารอีกมากแต่ไม่กล้ารับประทานครับ เยอรมันนีเสียอย่างเดียว เข้าห้องน้ำต้องหยอดเหรียญ แต่ไม่ทราบว่ากี่เหรียยเพราะทาง SIW เป็นผู้จ่าย พี่สิงห์มองหา Asbach ไม่มีเลย มีแต่ Wine
                           พี่สิงห์ยอมรับว่าถึงแม้อากาศจะหนาว แต่มาคราวนี้หายใจโล่งอก ไม่มีอาการแพ้อากาศเลย  ไม่มีอาการเพลียจากการเดินทาง หรืออดนอน หรือหลงเวลาเลย ปกติ สดชื่นครับ เพราะมีหน้าที่ เที่ยวดู กิน นอน อย่างเดียว ตามคำสั่งทัวร์
                           สวัสดี

[Manop Klabdee]

                       บนยอดเขาซุสปิตเซ่ ที่ความสูง 2,964 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ลมแรงมาก วันนี้อุณหภูมิ -12 อาศาเซนเซียส คนต่างชาติมีเฉพาะกลุ่มของ SIW และชาวญี่ปุ่นอีกสามสี่คนเท่านั้น ที่นั่งรับประทานอาหารกลางวัน นอกนั้นมีแต่ชาวเยอรมันนีที่ขึ้นไปเล่นสกี ในหุบเขาเบื่องล่างอีกด้านหนึ่ง ซึ่งมองเกือบจะไม่เห็นเพราะหิมะตก ครับ
                      พอมาถึงก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี วันนี้เป็นซุปร้อนๆ ขาหมูเยอรมันนีคนละหนึ่งขา สลัดผัก  ของหวาน(เป็นแบบลอดช่องเม้ดกลมๆ มีสีหลายสี ทำจากแป้งมัน ปนเปกัน ใส่ไว้ในโถแก้ว ไม่มีน้ำเชื่อม ลองชิมแล้วไม่อร่อยครับ) และเบียร์เยอรมันนี ขาหมูนั้นผมรับประทานแต่เนื้อ เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น แต่ท่านอื่นๆ หมดทั้งขา รวมทั้งหนังหมูด้วย แต่ผมไม่กล้ารับประทานหนังหมูครับ กลัวๆๆๆๆๆๆ และเบียร์ก็ไม่กล้ารับประทานเพราะอยู่ที่สูง  จำได้ว่าในสมัยที่ขึ้นไปบนยอดเขาเซอร์มัต สวัสเวอร์แลนด์ ไปวิ่งเล่นบนหิมะกับเด็กๆ เกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะหายใจไม่ทันจริงๆ เลยเที่ยวนี้รู้ว่าอากาสเบาบาง อายุมาก เลยระวังร่างกาย จะเดินขึ้นบันได หรือเดินเล่นบนยอดเขา จะเดินช้าๆ อย่างมีสติ  กันพลาดและหายใจไม่ทันครับ แต่ก็รู้สึกได้เลยว่าอากาศเบาบาง เพราะเหนื่อยเร็ว แน่นหน้าอก ต้องหายใจลึกๆ ตามที่ฝึกรำมวยจีนมา จึงรู้สึกสบายขึ้น  สักพักก้ปรับตัวได้ดี  แต่ก็พยายามระวังทุกอิริยาบถ
                       มองไปรอบๆ ไม่ได้ไกลมากนักเพราะหิมะตก ตลอดเวลา  ลมแรง หนาวๆๆๆๆ แต่จากการฝึกจิตใจมา รู้ว่าความหนาวเกิดจาก "เวทนา" ที่เกิดขึ้นกับใจ  ถ้าเราไม่ไป "สังขาร" คือ คิด หรือปรุงแต่ง ตามจิตมัน มันก็ไม่หนาว สามารถเป็นปกติ ได้ คือสามารถทนอยู่ได้ เดิน ดู ไปรอบๆ ถ่ายรูป อยู่ได้เวลานานๆ เกือบครึ่งชั่วโมงที่อุณหภูมิ -12 องศาเซนเซียส ครับ
                    

[Manop Klabdee]

                        เช้านี้ที่นครศรีธรรมราช ฝนไม่ตก มีแสงแดด ผมก็ไปฝึกโยคะ รำมวยจีนเจริญสติ ตามปกติที่มาที่นี่เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง คือ 06:00 - 07:00 น. อากาศดี เย็น มีลมพัดอ่อนพอให้รู้สึกเย็น แต่แดดยังไม่ออก  ฝึกเสร็จก็ลงไปรับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวต้มกล้องกับผักสด ครับ
                        ตอนลงจากเครื่องบินที่นครศรีธรรมราช คุณสุภาณี คุณหลิว  ติดต่อพี่สิงหืไม่ได้ จึงโทรศัพทืกลับ คุรหลิวชวนให้ไปเซี่ยงไห็ ช่วงตรุษจีน พี่สิงหืได้ตอบปฏิเสธไป เพราะทาง SIW เคยพาไปแล้ว และเป็นช่วงเทสกาลตรุษจีนพอดี ผลคือ ชาวจีนจะแน่น แย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว นึกภาพไม่ออก และคระ 80 ท่าน จะควบคุมอย่างไร? ขนาดผมเคยไปก่อนตรุษจีนยังแน่นมาก จึงได้ปฏิเสะไปครับ และช่วงนั้นผมมีรายการต้องแข่งขันกอล์ฟอาชีพที่หาดใหญ่ ยังไม่ได้กำหนดวัน จึงคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ จึงขอพักครับ ต้องขอบคุณที่อุตส่าห์ชวน และเสียใจด้วยที่ผมต้องปฏิเสธไปครับ
                         สวัสดี

[Manop Klabdee]

                        
                        บนยอดเขาซุสปิตเซ่ เรามองลงไปด้านล่าง มองไม่เห็นอะไรนอกจากสีขาวของละอองหิมะ ขนาดสถานที่เล่นสกี ในหุบเขาห่างไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรหรือมากกว่าต้องใช้กระเช้าไฟฟ้าลงไป ยังมองไม่เห็นอะไรเลย ถ้าเป็นหน้าร้อนเราก็อยู่บนก้อนเมฆ แต่นี่เป็นหน้าหนาว มีแต่ละอองหิมะที่ตก และที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ การอยู่ที่อุณหภูมิ -12 องศาเซนเซียส และอากาสเบาบาง ต้องควบคุมจิตใจ ไม่ไปปรุงแต่งตามความเย็นที่เกิดขึ้นกับกาย เราก็สามารถอยู่ได้นานๆ โดยไม่รู้สึกหนาว อากาศหายใจโล่งอกมาก  ไม่มีน้ำมูกเลย ลมแรง แต่ต้องไม่วิ่ง หรือเดินเร็ว ต้องมีสติในการกระทำ เพราะอากศเบาบาง หิมะลื่นมาก ต้องเดินให้มั่นคงครับ
                         เชิญชมภาพ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ -12 องศาเซนเซียส ลมแรง อากาศเบาบาง

สถานที่เล่นสกี มองแถบไม่เห็นเลย ต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าลงไป แต่คณะเวลาน้อย ร่างกายคงทนไม่ไหว ไม่เคยชิน จึงไม่ได้ลงไปกันครับ

[เหยง 16]

		อ้างถึง			ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 10 ธันวาคม 2553, 07:51:08
	สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณน้องหนุงหนิง                          ชีสเค็กอร่อยมากจริงๆ ตอนไปซื้อแหม่มที่เก็บสตางค์ สูงอายุ อ้วนมากๆ ค่ะ จริงๆมีอาหารอีกมากแต่ไม่กล้ารับประทานครับ เยอรมันนีเสียอย่างเดียว เข้าห้องน้ำต้องหยอดเหรียญ แต่ไม่ทราบว่ากี่เหรียยเพราะทาง SIW เป็นผู้จ่าย พี่สิงห์มองหา Asbach ไม่มีเลย มีแต่ Wine                          พี่สิงห์ยอมรับว่าถึงแม้อากาศจะหนาว แต่มาคราวนี้หายใจโล่งอก ไม่มีอาการแพ้อากาศเลย  ไม่มีอาการเพลียจากการเดินทาง หรืออดนอน หรือหลงเวลาเลย ปกติ สดชื่นครับ เพราะมีหน้าที่ เที่ยวดู กิน นอน อย่างเดียว ตามคำสั่งทัวร์                          สวัสดี

ห้องน้ำในเยอรมัน จะสะอาดจริงๆ มีคนคอยทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา บางแห่งมีคนนั่งอยู่ในห้องน้ำด้วยการทำงานอดิเรกเช่น ถักโครเชหรืออ่านหนังสือ และคอยทำความสะอาดห้องน้ำไปด้วย ปกติพวกเราไม่ทานเบียร์เป็นกิจวัตร จึงต้องเข้าห้องน้ำบ่อยเพื่อไปรองน้ำจากก๊อกเอาไว้ทาน แทนการดื่มเบียร์ (มีถุงหนังแกะขนาด 3 ลิตรเพื่อรองน้ำ)
ค่าเข้าห้องน้ำในปี 2525 ประมาณ 3 เหรียญย่อยของเงินมาร์ค เท่ากับ 30 ฟินิกหรือประมาณ 9 บาท เทียบจาก 1 ดอซ์ยมาร์คละ 27 บาทไทย แต่หากเจอห้องน้ำประเภทหยอดเหรียญที่ประตู ซึ่งมักเป็นปั๊มน้ำมัน ที่พักรถโดยสาร คนไทยชอบครับ เข้าทีละคน เสร็จแล้วจะเปิดประตูรอคนไทยคนต่อไปผลักประตูเข้าไป สรุปทั้งรถเสียค่าผ่านประตูเฉพาะคนแรกเข้าเพียงคนเดียวที่ต้องหยอดเหรียญ ที่เหลือเป็นของแถมครับ..เขาคงไม่ว่ามั้ง ??
แต่หากเป็นภัตตาคาร ห้องอาหาร จะมีคนนั่งเฝ้าอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งต้องวางเงินเอาไว้หลังเสร็จภาระกิจ ดังนั้นต้องมีเศษเงินของเยอรมันเพื่อการเข้าห้องน้ำด้วย 



8100   

[Manop Klabdee]

                        คุณเหยงต้องหยอดเหรียญตลอดครับ ถ้าไม่ยอดเหรียญ ที่กั้นแบบรถไฟฟ้าบ้านเรามันไม่ยอมเปิด และต้อง one by one จะลักไก่ก็ไม่ได้ เพราะมีแหม่มแก่ๆ นั่งทำงานคอยกำกับอยู่ครับ  พูดง่ายๆ โกงไม่ได้ ยกเว้นใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามครับ
                        สวัสดี

[เหยง 16]

ครับ ถ้ามีแหม่มนั่งเฝ้า ก็ต้องจ่ายตามธรรมเนียมฝรั่ง แต่ถ้าตั้งอยู่โดดๆ ก็ใช้ธรรมเนียมไทย คละเคล้ากันไปตามสถานการณ์ครับ

[Manop Klabdee]

สวัสดีครับ คุณน้องหนุงหนิง
                        นี่คือสิ่งเสพติดที่พี่สิงห์ ซื้อติดมือมาเมืองไทยไปแจกเพื่อนฝูงครับ
                        Asbach ในเยอรมันนี พี่สิงห์พยายามหา ก็หาไม่เจอครับ จนตัดใจว่าของไม่สามารถซื้อไปฝากพี่วิชัย ได้แน่ๆ ในซุปเปอร์มาร์เกต ออสเตรีย ก็ไม่มีครับ  บังเอิญที่สนามบินออสเตรียร้านปลอดภาษี มีและคงเป็นที่นิยมสำหรับผู้โดยสารที่กำลังรอขึ้นเครื่องบินพี่สิงห์เห็นขายแบบหนึ่งกั๊กขวดแบบนเล็กพร้อมทั้งแก้วพลาสติกหนึ่งใบราคา 3 ยูโร มีเต็มไปหมด ในที่สุดพี่สิงห์ก็หาที่เติมขวดได้และกล่องใสสวยงามครับ
                        ส่วน wine นั้น ในงานเลี้ยงที่โรงแรมเชอราตัน ดื่มแล้วชอบ ทาง SIW ให้มาสองขวดทั้ง wine ขาวและแดงราคาขวดละ 22 ยูโร ส่วนที่สนามบินพี่สิงห์ซื้อเพิ่มอีกสองขวดเพราะเหลือเงิน 20 ยูโร ในกระเป๋า เลยซื้อ wine แดงสองขวดไปฝากคุณ John คือ ดื่มกันสี่คนภายหลังจากตีกอล์ฟเสร็จวันอาทิตย์ รสชาดดี คุณ John บอกและราคาก็ถูก คือ 9.9 ยูโร เอง
                        สวัสดี