23 พฤศจิกายน 2567, 15:28:21
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 30 31 [32] 33 34 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3559751 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 46 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Manop Klabdee
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #775 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 11:18:08 »

สวัสดีครับคุณเหยง และชาวเวบที่รักทุกท่าน
                        วันนี้ 09:00 น.ผมไปพบคุณหมอกัลยาณี ที่คลีนิคตลาดหัวอิฐตามนัด ตกลงพี่สิงห์ให้ถอนฟันกรามขวาล่าง คุณหมอกัลยาณี X-ray เพื่อดูรากฟัน และบอกว่าอาการเจ็บคออาจจะมาจากสาเหตุฟัน-เหงือกอักเสพ เพราะเคยเกิดขึ้นมาแล้วแต่คุณหมอหู คอ จมูก ไม่ได้สังเกต แต่พี่สิงห์สังเกตพบเอง จึงตกลงว่าถอนทิ้ง คุณหมอได้ฉีดยาชา ช่วงที่รอให้ยาออกฤทธิ์ ได้คุยกันเรื่องการใช้สมาธิในการรักษาโรค คุณหมอแนะนำให้ใช้ลมหายใจเข้าออกเข้าไปทำให้ลมปราณไหลผ่านไปยังจุดที่เขาเจ็บจะช่วยบรรเทาอาการได้ ได้คุยกันเรื่องการเจริญสติ พี่สิงห์ก็อธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่สิงห์ให้คุรหมอทราบ เมื่อยาชาออกฤทธิ์ คุณหมอกัลยาณีก็ทำการถอน เร็วมากจนพี่สิงห์ไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย แต่มีรากฟันหลุด คุณหมอจึงเอาออก และภายหลังถอนเสร็จ ได้น้ำรากฟันมาต่อเป็นซี่ให้ดู และพี่สิงห์ได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก คุณหมอให้กัดสำลีหนึ่งชั่วโมง พูดไม่ได้ เพื่อให้เลือดจับตัวแข็ง ภายหลังหนึ่งชั่วโมงแล้วให้เอาสำลีออก ป้วนปากด้วนน้ำยา ให้สังเกตลิ่มเลือดที่จับตัวปิดปากแผล ถ้าเป็นเส้นใช้ได้ ถ้ายังมีเลือดไหลให้กัดผ้าก๊อดต่อไปอีกสักหนึ่งชั่วโมง ให้ยาแก้ปวดและน้ำยาบ้วนปากมาหนึ่งขวด รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 300 บาท ผมต้องขอขอบคุณ คุณหมอกัลยาณี เป็นอย่างมาก ต่อไปนี้ก็ต้องทำตามที่คุณหมอแนะนำ คือกลืนน้ำลายลงคอ และกลางวันนี้พี่สิงห์คงงดรับประทานอาหารกลางวันเพื่อไม่ให้เศษอาหารลงไปอยู่ในหลุมที่ถอนฟันออก จะติดเชื้ออักเสพ ได้ คุณหมอไม่ได้ให้ยาอักเสพมาเพราะเห็นว่ากินมาแล้วอย่างมาก
                          ในเมื่อพูดไม่ได้ จึงขอมาพักผ่อนคนเดียวที่โรงแรมแทน จะได้ไม่พบผู้คน ทำงานอยู่บนห้องคนเดียว ก็หวังว่านี่จะแก้สาเหตุต้นตอการเจ็บคอของพี่สิงห์ได้ ถามว่าทนได้ไหม ทนได้ครับ แต่มันรำคาญ แต่ก็ดีเหมือนกัน เป็นการฝึกจิต ที่เราจะต้องเอาชนะมัน เพราะไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร ยอมทนเพื่อวัตถุประสงค์ที่ยาวนาน ครับ เป็นอันว่าฟันกรามล่างสองข้างของผมไม่มีแล้ว คุณหมอบอกว่าฟันยังแข็งแรงดี ผมต้องยอมรับว่าเรากลัวไปเอง ไม่ได้เจ็บอะไรมาก และเอาออกง่าย แต่บ่างโมงครึ่งก็คงปวดเพราะยาชาหมดฤทธิ์ครับ ก็เจริญสติทนเอาครับ
                          สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #776 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 11:59:37 »

พี่สิงห์

ทนนิกหนึ่ง เนื่องจากการผ่าหรือถอนรากฟันซึ่งเป็นหลักในการขบเคี้ยวอาหาร จะต้องละอาหารสักมื้อหนึ่ง
เพื่อป้องกันการใช้ฟันขบอาหารไปโดนแผลที่ยังเปิดอยู่และอาจติดเชื้อในภายหลัง
แต่เนื่องจากพี่สิงห์ทานข้าวเช้าแล้ว คงทนหิวไปได้หนึ่งมื้อ เว้นแต่พี่จะสั่งเป็นไมโลหรือโอวัลตินแทนมื้อเที่ยงก็ได้ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #777 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 12:18:35 »

สวัสดีคุณเหยง
                        ลองเอาสำลีออก ปรากฎว่าเลือดยังไหลอยู่ จึงเอาผ้าก๊อดกัดฟันไว้ครับ
                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #778 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 12:36:00 »

สวีสดีค่ะเสียด
                         เลือดไม่หยุดเลยกัดผ้าก๊อดไว้ต่อ และไม่กินข้าวกินน้ำกลางวัน เพราะกลัวเลือดไหลไม่หยุด แต่อยากทราบว่า ทำไมคุณหมอกัลให้กินยา อม๊อกซี่เม็ดเดียว ไม่ป้องกันแผลอักเสบหรือ สงสัย และจำเป็นต้องกินไหม? ขอบคุณ
                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #779 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 12:40:30 »

เพื่อแก้การเจ็บทางรูป และมีเวลาว่าง เลยขอนั่ง "เจริญสติ" ข่มความเจ็บ-ความหิว แทนครับ
      บันทึกการเข้า
wannee
Global Moderator
Cmadong พันธุ์แท้
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: จุฬาฯรุ่นประวัติศาสตร์ 2516
คณะ: ทันตแพทยศาสตร์
กระทู้: 4,806

« ตอบ #780 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 12:45:25 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop Klabdee เมื่อ 05 พฤศจิกายน 2553, 12:18:35
สวัสดีคุณเหยง
                        ลองเอาสำลีออก ปรากฎว่าเลือดยังไหลอยู่ จึงเอาผ้าก๊อดกัดฟันไว้ครับ
                        สวัสดี

วางโทรศัพท์แล้วเพิ่งเห็นข้อความค่ะพี่สิงห์    พี่ก็ใช้ผ้าก๊อดกัดฟันต่อค่ะ   

จากประสบการณ์..อาจพบว่ายังมีซึมๆอยู่บ้าง  ถ้าเพียงแค่ไหลซึมนิดหน่อย และกัดเมื่อยแล้ว ก็ไม่ต้องกัดต่อได้ค่ะ

หมอกัลฝากบอกว่า  ถ้ามีมีอะไรผิดปกติ (เลือดยังไหลอยู่ หรือ เจ็บแผลมาก) ให้กลับไปให้หมอกัลดูอีกครั้ง

      บันทึกการเข้า

"เสียด" ภาษาจีนฮากกา แปลว่า หิมะ
wannee
Global Moderator
Cmadong พันธุ์แท้
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: จุฬาฯรุ่นประวัติศาสตร์ 2516
คณะ: ทันตแพทยศาสตร์
กระทู้: 4,806

« ตอบ #781 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 12:50:56 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop Klabdee เมื่อ 05 พฤศจิกายน 2553, 12:36:00
สวีสดีค่ะเสียด
                         เลือดไม่หยุดเลยกัดผ้าก๊อดไว้ต่อ และไม่กินข้าวกินน้ำกลางวัน เพราะกลัวเลือดไหลไม่หยุด แต่อยากทราบว่า ทำไมคุณหมอกัลให้กินยา อม๊อกซี่เม็ดเดียว ไม่ป้องกันแผลอักเสบหรือ สงสัย และจำเป็นต้องกินไหม? ขอบคุณ
                         สวัสดี

ตามที่เรียนพี่สิงห์ว่าเสียดทราบระดับความยากง่ายของการถอนฟันของพี่สิงห์ครั้งนี้

เหตุที่คุณหมอกัลให้กินยา อม๊อกซี่เม็ดเดียว ไม่ป้องกันแผลอักเสบ เพราะหมอกัลมั่นใจว่าแผลพี่จะไม่อักเสบ  ฉนั้นยาแก้อักเสบจึงไม่จำเป็นค่ะ

เรื่องความหิว (มาก)  แก้โดยพยายามใช้หลอดดูดเป็นตัวช่วยขณะที่ต้องกัดสำลี

เรืองความเจ็บ (มาก) ทานยาแก้ปวด ซึ่งสามารถทานได้ทุกๆ  4-6 ชม.
      บันทึกการเข้า

"เสียด" ภาษาจีนฮากกา แปลว่า หิมะ
Manop Klabdee
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #782 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 13:24:30 »

ขอบคุณมากค่ะ คุณน้องเสียด ที่แนะนำ จะปฏิบัติตาม
ตอนนี้ก็ใช้หลอดดูดน้ำ กินยาแก้ปวด กัดผ้าก๊อดตั้งใจไว้ถึงสามโมงเย็นครับ
สวัสดี
      บันทึกการเข้า
wannee
Global Moderator
Cmadong พันธุ์แท้
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: จุฬาฯรุ่นประวัติศาสตร์ 2516
คณะ: ทันตแพทยศาสตร์
กระทู้: 4,806

« ตอบ #783 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 14:19:08 »



ค่ะพี่สิงหื และพักผ่อนนะคะ

ถ้ามีอาการที่ไม่แน่ใจ โทรคุยได้ตลอดเวลาค่ะ
      บันทึกการเข้า

"เสียด" ภาษาจีนฮากกา แปลว่า หิมะ
Manop Klabdee
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #784 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 15:55:48 »

อ้างถึง
ข้อความของ wannee เมื่อ 05 พฤศจิกายน 2553, 14:19:08


ค่ะพี่สิงหื และพักผ่อนนะคะ

ถ้ามีอาการที่ไม่แน่ใจ โทรคุยได้ตลอดเวลาค่ะ
                เลือดน่าจะหยุดแล้ว แต่พออมน้ำยาบ้วนปากทีไร จะมีเลือดออกทุกที แต่ก็ทำใจแล้ว เพียงแค่นี้ไม่ตายง่ายๆ หรอก เลยไม่กังวลอะไรทั้งสิ้น ได้แต่ดื่มน้ำแทนข้าวกลางวัน เอาไว้มื้อเย็นรับประทานข้าวต้ม  อาการปวดไม่มี การเจ็บคอรู้สึกว่าไม่รบกวนเวลากลืนน้ำลาย ปวดร้าวที่หูก้ดีขึ้น ยึดหลักโพชฌงค์ ๗ สติ ธัมมะวิจยะ วิริยะ ปีติ ปัสสัทธิ สมาธิ อุเบกขา เข้าไว้ ถ้าใจมันไม่กระวนกระวาย หรือไม่คิดอะไร  มันก็ไม่มีอะไร ก็สุขดี
                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #785 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 16:47:16 »



สวัสดีค่ะ  พี่สิงห์ .. หายไว ๆ นะคะ ..      รักนะ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #786 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 17:10:33 »

พี่สิงห์ครับ

ใต้ฟันกรามจะเป็นเส้นเลือดใหญ่ การที่มันจะปิดปลายหลอดเลือดให้สนิท คงต้องใช้เวลาอีกสักนิด
เมื่อบ้วนปาก เลือดจึงไหล ถือได้ว่า มันค่อยๆพัฒนาตัวมันแล้วครับ อย่าไปกังวลกับอาการนี้
และเวลาบ้วนปาก อาจใช้วิธีอมน้ำยานิ่งๆ แล้วบ้วนทิ้งเลยก็ได้
โดยไม่ต้องใช้กระพุ้งแก้มและลิ้นช่วย มันจะกระเทือนต่อปลายเส้นเลือดที่พยายามจะปิดตัวมัน
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #787 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 20:31:17 »

                           วันนี้ผมได้รับข่าวร้ายจาก USA คือหลานผม สตีเว่น  ผมไม่นึกว่าหลานผมจะโง่ขนาดนั้นตกเป็นเหยื่อจนได้ ทั้งๆที่เขาจบจาก มหาวิทยาลัยฟลอริดา สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ทำงานที่โรงงาน IBM  Texas เขาก็รู้ว่าผมไม่เก่งภาษาอังกฤษอย่างนั้น แต่เนื่องจากผมช่วยส่งเขาเรียน และล่าสุดที่มาเมืองไทยผมได้ให้พระสมเด็จเลี่ยมทองแก่เขาไป เขาจึงเห็นเป็นโอกาสที่จะช่วยผมบ้าง จึงโอนเงินให้ 3000 เหริยญ ทันที แต่ในจดหมายผมไปตกระกำลำบากที่ไนจีเรีย ผมไม่รู้ว่าหลานผมทำไมทำโง่ๆ แบบนั้น ครับ
                            นี่ละครับโจรที่มากับความเจริญ
                            โดยระบบของ Hot mail เขาตั้งเงื่อนไขซับซ้อนช่วยคนโกง เขาไม่ช่วยเจ้าของตัวจริงครับ ผมยอมแพ้แล้ว
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #788 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 20:36:27 »

อ้าว .. ว๊า !!       เหนื่อย

สงสารหลานนะคะ  ตั้งใจทำความดีตอบแทนพี่สิงห์
ไม่เป็นไรค่ะ  ให้หลานถือเป็นบทเรียน
คราวหน้าต้องรอบคอบกว่านี้
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
Manop Klabdee
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #789 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 20:44:27 »

สวัสดีครับ คุณเหยง
                          เมื่อเย็นผมตัดสินใจรับประทานอาหารเย็น ภายหลังจากทนหิวจากกลางวันไม่รับประทาน เพราะกลัวเลือดไหล ติดเชื้อ ตอนเย็นมานั่งนึกดู เวลาสุนัขมันบาดเจ็บมันยังใช้น้ำลายของมันเลียแผล  แผลก็หาย ดังนั้นทำไมผมจึงไม่ให้ธรรมชาติมันเยียวยา ทำให้เป็นธรรมชาติ เมื่อหิวก็กินปกติเป็นอะไรเป็นกัน จึงลงไปกินข้าวต้มเมื่อ 17:30 น. รับประทานข้าวต้มกับไข่เจียว คะน้าผัดปลาเค็ม ค่อยๆเคี้ยวอย่างมีสติ ช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด เคี้ยวทางซีกซ็ายเท่านั้น พยายามไม่ให้อาหารไปทางขวาโดยการเอียงคอไปทางซ้ายให้ต่ำก็ได้ผลครับ รับประทานข้าวต้มจนอิ่ม เสร็จแล้วเอาน้ำอุ่นกลั่วปาก บ้วนทิ้งสองครั้ง ตามด้วยน้ำยาบ้วนปากที่คุณหมอกัลยาณีให้มากลั่วไปทางแผล ทิ้งไว้สักครู่ก็บ้วนทิ้ง ประกฎว่าไม่มีเลือดไหล เป็นอันว่าใช้ได้  จึงเดินไปเพื่อให้อาหารย่อยไปซื้อน้ำเกลือสำเร็จรูปและฆ่าเชื้อ ขึ้นมาถึงห้องใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันในปากแทนการสีฟัน แล้วอมน้ำเกลือกลั่วคออีกที สังเกต ไม่มีเลือดคือน้ำไม่เป็นสีแดง และสังเกตแผลที่เป็นหลุม มีลิ่มเลือดอุดอยู่ตามที่คุณหมอกัลยาณีได้บอกไว้ เป็นอันว่าคงจะดีขึ้นครับ แต่รู้สึกว่าจะมีไข้ดีว่ารับประทานยาแก้ปวดเมื่อกลางวันและตอนเย็น และได้ไปซื้อเสื้อยึดแขนยาวมาอีกตัวหนึ่งใสนอนครับ
                          นี่ละครับชีวิตที่มีรสชาติ พยายามทำใจปกติไม่คิดถึงความเจ็บปวดหาอะไรมาทำ ให้เพลิน คือเขียนหนังสือ และนั่งเจริญสติ เพื่อระงับใจให้สงบ ครับ
                          วันนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #790 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 20:46:32 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหะยี
                            ดีนะที่เธอไม่เคยส่ งmail หาพี่สิงห์ จึงไม่โดนหรอกเอาครับ เธอสบายดีนะ พี่สิงห์ก็ทนทุกข์ทางกายได้ครับ ส่วนทุกข์ทางใจไม่มีครับ อยู่กับปัจจุบัน ไม่วิตกกังวลอะไรมาก
                           สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #791 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 20:50:54 »

ธรรมะจากพระดี
“หลักมนุษย์”
               เนื้อหาของธรรมะเรื่องนี้เรียบเรียงมาจากพระธรรมเทศนาเรื่อง “อัปปมาทกถา” ของพระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตฺโต) ซึ่งแสดงถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี(สมเด็จย่า) เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๓๙ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
   คนเราทุกคนย่อมต้องการให้ชีวิตของตนเองมีความสุขทั้งทางโลก คือในด้านการเรียน การทำงาน ฯลฯ มีความเจริญก้าวหน้า ประสพผลสำเร็จตามที่ตั้งใจ และมีความสุขในทางธรรม คือมีจิตใจที่ผ่องใส สงบ สดชื่น ลดความโลภ โกรธ หลง ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
   การจะไปสู่ชีวิตที่สมบูรณ์ดังกล่าวได้ เราจะต้องไม่ตกลงไปใน “หลุมดักมนุษย์” ซึ่งทำให้เราหยุดนิ่งไม่พัฒนาตนเอง เพราะมัวไปหลงมัวเมาอยู่กับบางสิ่งบางอย่าง พระธรรมปิฎก ได้แสดงธรรมที่จะเป็นเคล็ดลับของการมีชีวิตอยู่เหนือ “หลุมดักมนุษย์” ไว้อย่างน่าสนใจ ผู้จัดพิมพ์จึงนำมาเสนอให้ผู้อ่าน ได้มีโอกาสศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าที่พระเดชพระคุณท่านนำมาแสดงไว้ และเราเชื่อว่า การที่พระเดชพระคุณท่านดำรงความเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ(สุปฏิปันโน) มาได้โดยยาวนาน ก็เนื่องจากท่านมหาเถระเป็นผู้ที่มีธรรมะในข้อนี้อยู่ตลอดเวลา จึงมีความก้าวหน้าเจริญในธรรม มาอย่างต่อเนื่องมั่นคง
   ในสังคมที่เรียกว่าเจริญนี้ มีเครื่องกล่อมจิตและผ่อนคลายชีวิตมากมาย หากไม่ระวัง ทำให้ถูกต้องและพอดี จะมีโทษ ทำให้เกิดความประมาท นำความพินาศมาให้ตนเองและคนอื่นได้ “สิ่งกล่อม” หมายถึงสิ่งที่ประโลมใจให้ชุ่มชื่น ช่วยให้พักใจ ลืมทุกข์ หลบปัญหาได้ชั่วคราว แต่สิ่งกล่อมนี้ไม่ได้แก้ปัญหาหรือความทุกข์ที่สาเหตุอันแท้จริง จึงไม่ทำให้ทุกข์และปัญหาต่างๆ หมดไป หากมัวติดเพลิดเพลินกับสิ่งกล่อมก็กลายเป็นความประมาท ทำให้เกิดความเสื่อมและพินาศในที่สุดได้
   สิ่งกล่อมบางอย่างมีโทษร้ายแรง หาประโยชน์ยาก เช่น อบายมุข สุรา ยาเสพติดทั้งหลาย ความเพลิดเพลินในการพนัน การหมกมุ่นสำส่อนทางเพศ การมั่วสุมต่างๆ
   สิ่งกล่อมบางอย่างมีประโยชน์บ้าง ถ้ารู้จักใช้ให้ถูกต้อง จำกัดให้พอดี เช่น การสนุกสนาน บันเทิง รวมทั้งดนตรี กีฬา ที่ไม่เป็นพิษภัยหรือก่อความเดือดร้อนแก่ใคร ก็อาจช่วยพักใจคลายทุกข์ได้ชั่วคราว และพัฒนาร่างกาย ส่งเสริมสติปัญญาได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตไม่เกินพอดี
   ความเชื่อทางศาสนา บางครั้งกลายเป็นสิ่งกล่อมจิตอย่างหนึ่งไปได้ เพราะทำให้คลายทุกข์ เช่น ความเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือการพึ่งคนอื่น ฯลฯ สิ่งกล่อมนี้ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวังมาก ถ้าติดเพลินหมกมุ่น จะทำให้จิตใจอ่อนแอ หวังพึ่งแต่ภายนอกให้ช่วย ไม่คิดแก้ไขสาเหตุของทุกข์ที่แท้ ไม่สู้ปัญหา ลักษณะแบบนี้จะทำให้ศาสนากลายเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจแบบเหนี่ยวดึง “ลง” จนกระทั่งคนเราไม่พัฒนาตนเอง
   แม้แต่สมาธิ หรือสิ่งดีงามประเสริฐ หากใช้ผิดจุดมุ่งหมาย ก็อาจกลายเป็นสิ่งกล่อมที่นำไปสู่ความประมาท เช่น สมาธิ ที่นำมาใช้เพื่อให้เกิดความสุข สงบใจ ลืมทุกข์ ลืมปัญหาไปชั่วคราว ก็อาจกลายเป็นสิ่งกล่อมที่ทำให้หยุดจมอยู่ในความประมาท ไม่คิดแก้ไขปัญหาที่เป็นสาเหตุอันแท้จริงให้หมดไป เช่นเดียวกับการปลงอนิจจัง(ปล่อยวาง) ก็อาจกลายเป็นสิ่งกล่อมให้สบายใจชั่วคราว โดยไม่คิดแก้ไขปัญหาที่แท้จริงเช่นกัน
   ดังนั้นการปฏิบัติสิ่งที่ดีงามทั้งหลาย จะต้องเป็น “สัมมาปฏิบัติ” คือทำให้ถูกต้อง จำกัดขอบเขตให้พอดีด้วย เช่นใช้เพื่อฟื้นฟูจิตใจ พักใจชั่วคราว เมื่อมีเรี่ยวแรง เข้มแข็งมากขึ้นแล้ว ก็ต้องเดินทางให้ก้าวหน้าต่อไป สู่จุดหมายที่ถูกต้อง ไม่ใช่ไปตกหลุมดักอยู่กับสิ่งกล่อมนั้นๆ จนไม่ไปไหน
   สรุปก็คือ “หลุมดักมนัษย์” ที่ทำให้คนเราแม้แต่คนดี คนประเสริฐ ตกลงไปในความประมาทมี ๓ อย่าง คือ
•   ความสุข
•   ความสำเร็จ
•   ความดีงาม
               ผู้ที่มีความสุขแล้ว ก็มักจะติดเพลินในความสุขนั้นๆ ชอบผัดผ่อน ไม่คิดจะลุกขึ้นมาขวนขวายทำอะไรให้ก้าวหน้าอีก เพราะติดความสุขสบายนั้น
ผู้ที่มีความสำเร็จแล้ว คือประสพความสำเร็จ ได้ลาภ ยศ ร่ำรวย มีตำแหน่ง ฯลฯ บางคนก็เกิดความเฉื่อยชา หยุดรอเสวยผลสำเร็จนั้น ไม่คิดทำอะไรอีก บางคนเกิดความลำพองมัวเมาในความสำเร็จ ใช้ทรัพย์หรืออำนาจไปข่มขู่คุกคาม เบียดเบียนคนอื่นให้ทุกข์ร้อน
                ผู้ที่ก้าวหน้าไปในความดี ก็มักเกิดความภูมใจและพอใจในความดีงามที่ตนเองไปถึงหรือมี ทำให้หยุด ไม่พัฒนาตนเองไปสู่ความดีงามที่สูงยิ่งๆขึ้นไป
พระพุทธเจ้าได้สอนให้คนเราไม่ประมาท คือเมื่อ ประสบความสุข สำเร็จ มีความก้าวหน้าดีงาม ก็ให้รู้เท่าทันความไม่แน่นอน และรู้ว่าสิ่งที่ได้มานั้น เป็นเพียงเครื่องมือ และโอกาสที่ตนเองจะสร้างประโยชน์เพื่อทำสิ่งที่ดีงามแก่ตนเองและผู้อื่นให้เพิ่มพูนยิ่งๆ ขึ้นไป ไม่ไปติดกับ หรือตกหลุม หยุดอยู่กับที่ ไม่ยอมไปไหน
          ลักษณะสำคัญของความไม่ประมาท คือ “เป็นอยู่อย่างไม่ขาดสติ” มีความระลึก ตื่นตัว อยู่ในสิ่งที่ดีงาม ระวังไม่ยอมให้จิตใจ ไถลออกไปกับความชั่ว ที่จะทำให้เกิดความเสียหาย และไม่ทิ้งโอกาสแห่งการสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้างอกงามให้แก่ตนเองและผู้อื่น
              ความไม่ประมาทนั้น แสดงเด่นชัดที่การรู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ไม่ปล่อยเวลาแม้แต่ขณะเดียวให้ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์เวลาแต่ละวันอย่าให้ผ่านไปเปล่า ไม่มากก็น้อยต้องให้ “ได้” อะไรบ้าง
              สิ่งที่ “ได้” นั้น มีหลายอย่าง ตั้งแต่ได้วัตถุสิ่งของ เงินทองการงาม ได้บำเพ็ญประโยชน์ ทำบุญทำทาน ได้ความรู้ ได้เพิ่มพูนคุณธรรม ได้ความสุขสบายใจ ได้ปัญญามองเห็นโลก เข้าใจชีวิตอย่างรู้เท่าทัน สรุปคือ ได้พัฒนาชีวิต จิตใจ และทำปัญญาให้เจริญงอกงามและได้ทำประโยชน์ตนและแก่ผู้อื่น ถ้าทำทุกวัน แม้ไม่มาก ก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา ก็ถือว่าเวลาไม่สูญเปล่า บุคคลคนนั้นก็เป็นผู้ “ไม่ประมาท”
            ส่วนผู้ประมาทนั้น แสดงออกหลายอย่าง เช่น ขี้เกียจ เห็นแก่ความสะดวกสบาย เอาแต่ที่ง่ายๆ ลุ่มหลงหมกมุ่นในความสุข ตามใจตนเองอยู่เรื่อย การแสดงออกเหล่านี้ เนื่องจากมองข้ามความสำคัญของเวลา ก็เลยผัดวันประกันพรุ่งอยู่เรื่อย
            บ้างก็เมาวัย เมาในความไร้โรค เมาชีวิต คิดว่าตัวเองยังเด้ก หนุ่มสาว ร่างกายแข็งแรง หรือคิดว่าชีวิตจะอยู่ได้ตลอดไป ไม่รู้จักตาย ก็เลยปล่อยตัวปล่อยใจ ปล่อยเวลา มารู้เอาก็เมื่อสายเกินไปเสียแล้ว
              เรื่องความไม่ประมาทนี้จึงสำคัญนัก ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน(ไม่เวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป) เรื่องที่ทรงกล่าวสั่งเสียครั้งสุดท้าย ที่เรียกว่า “ปัจฉิมโอวาท” ก็คือเรื่อง “ความไม่ประมาท”
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #792 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 20:52:00 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop Klabdee เมื่อ 05 พฤศจิกายน 2553, 20:46:32
สวัสดีค่ะ คุณน้องหะยี
                            ดีนะที่เธอไม่เคยส่ งmail หาพี่สิงห์ จึงไม่โดนหรอกเอาครับ เธอสบายดีนะ พี่สิงห์ก็ทนทุกข์ทางกายได้ครับ ส่วนทุกข์ทางใจไม่มีครับ อยู่กับปัจจุบัน ไม่วิตกกังวลอะไรมาก
                           สวัสดีค่ะ

สวัสดีค่ะ  พี่สิงห์

แม้จะไม่ได้รับจากพี่สิงห์  ก็เคยได้รับจากคนอื่น ๆ ไม่น้อยค่ะ
จดหมายแบบนี้มีพิรุธหลายอย่าง
อ่านแว้บแรก .. ก็ได้กลิ่นทะแม่ง ๆ ค่ะ

ที่ตลกคือ .. เป็นจดหมายจากลูกน้องเราที่นั่งทำงานอยู่ด้วยกัน
อยู่ ๆ ก็เขียนมาบอกว่าตกระกำลำบาก ..
แน่ะ .. เขียนมาเป็นภาษาอังกฤษซะด้วย ปกติแล้วภาษาเธออ่อนแอมาก
และอีกอย่าง .. มันจะลำบากได้ยังไง
ก็เห็นนั่งทำงานกับเราหน้าบานเป็นกระด้งอยู่เนี่ย ..

เขียนมาแลกเปลี่ยนกันค่ะ ..

      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
wannee
Global Moderator
Cmadong พันธุ์แท้
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: จุฬาฯรุ่นประวัติศาสตร์ 2516
คณะ: ทันตแพทยศาสตร์
กระทู้: 4,806

« ตอบ #793 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2553, 21:16:18 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop Klabdee เมื่อ 05 พฤศจิกายน 2553, 20:44:27
สวัสดีครับ คุณเหยง
                          เมื่อเย็นผมตัดสินใจรับประทานอาหารเย็น ภายหลังจากทนหิวจากกลางวันไม่รับประทาน เพราะกลัวเลือดไหล ติดเชื้อ ตอนเย็นมานั่งนึกดู เวลาสุนัขมันบาดเจ็บมันยังใช้น้ำลายของมันเลียแผล  แผลก็หาย ดังนั้นทำไมผมจึงไม่ให้ธรรมชาติมันเยียวยา ทำให้เป็นธรรมชาติ เมื่อหิวก็กินปกติเป็นอะไรเป็นกัน จึงลงไปกินข้าวต้มเมื่อ 17:30 น. รับประทานข้าวต้มกับไข่เจียว คะน้าผัดปลาเค็ม ค่อยๆเคี้ยวอย่างมีสติ ช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด เคี้ยวทางซีกซ็ายเท่านั้น พยายามไม่ให้อาหารไปทางขวาโดยการเอียงคอไปทางซ้ายให้ต่ำก็ได้ผลครับ รับประทานข้าวต้มจนอิ่ม เสร็จแล้วเอาน้ำอุ่นกลั่วปาก บ้วนทิ้งสองครั้ง ตามด้วยน้ำยาบ้วนปากที่คุณหมอกัลยาณีให้มากลั่วไปทางแผล ทิ้งไว้สักครู่ก็บ้วนทิ้ง ประกฎว่าไม่มีเลือดไหล เป็นอันว่าใช้ได้  จึงเดินไปเพื่อให้อาหารย่อยไปซื้อน้ำเกลือสำเร็จรูปและฆ่าเชื้อ ขึ้นมาถึงห้องใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันในปากแทนการสีฟัน แล้วอมน้ำเกลือกลั่วคออีกที สังเกต ไม่มีเลือดคือน้ำไม่เป็นสีแดง และสังเกตแผลที่เป็นหลุม มีลิ่มเลือดอุดอยู่ตามที่คุณหมอกัลยาณีได้บอกไว้ เป็นอันว่าคงจะดีขึ้นครับ แต่รู้สึกว่าจะมีไข้ดีว่ารับประทานยาแก้ปวดเมื่อกลางวันและตอนเย็น และได้ไปซื้อเสื้อยึดแขนยาวมาอีกตัวหนึ่งใสนอนครับ
                          นี่ละครับชีวิตที่มีรสชาติ พยายามทำใจปกติไม่คิดถึงความเจ็บปวดหาอะไรมาทำ ให้เพลิน คือเขียนหนังสือ และนั่งเจริญสติ เพื่อระงับใจให้สงบ ครับ
                          วันนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ

อ่านตามที่พี่สิงห์เล่ามา  เป็นแนวทางที่ดูแลตัวเองดีแล้ว  และแผลจะหายในที่สุดค่ะ

อาจมีเลือดซึมนิดๆบ้าง  เจ็บได้บ้าง  ก็เป็นธรรมดาของแผลทั่วไป

ที่สำคัญ อย่าไปจงใจ แคะล้างหลุมแผลที่ถอนฟันมา เพราะถ้าพลาดท่าไปแคะเอาลิ่มก้อนเลือดนั้นออกมา เป็นปัญหาใหญ่เลยค่ะ

    ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่สิงห์
      บันทึกการเข้า

"เสียด" ภาษาจีนฮากกา แปลว่า หิมะ
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #794 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2553, 00:54:53 »

โอ้ว สวัสดีครับพี่สิงห์
เมื่อวานนีพี่สิงห์โทรมาหาผมเหรอครับ
ขอโทษทีครับไม่ได้รับสาย (เมื่อวานไปนำเสนองานครับ)
เพิ่งได้รับ pm จากพี่เหยง

สรุปพี่สิงห์จะใช้ account เดิมแต่เปลี่ยนอีเมลล์นะครับ?
เดี๋ยวผมจะจัดการให้ครับ email ที่ว่าคือตัวไหนคัรบ
ใช่ตัวนี้หรือเปล่าครับพี่สิงห์ singhamanop@gmail.com

      บันทึกการเข้า
phraisohn
บักสน
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


บักสนแคมโบ้
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu89 (ปี 2549)
คณะ: วิทยาศาสตร์
กระทู้: 9,557

เว็บไซต์
« ตอบ #795 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2553, 01:02:28 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop Klabdee เมื่อ 04 พฤศจิกายน 2553, 20:09:59
สวัสดี คุณน้องไพรสนต์ที่รัก
                          พี่สิงห์โทรศัพท์ไปทำไมไม่รับสาย พี่สิงห์เข้าไปแก้ประวัติใหม่ด้วย mail อันใหม่ มันไม่ยอมให้พี่สิงห์เข้าเวบ จนพี่สิงห์ต้องลงทะเบียนใหม่  admin ท่านใดว่าง กรุณาแก้ไขให้ผมด้วย หรือแนะนำว่าผมควรจะทำอย่างไรให้มีรูปเดิม ครับ
                           ขอบคุณ

พี่สิงห์ครับ ผมเข้าไปแก้อีเมลล์ให้แล้วนะครับ
ใน account เดิมครับ (เปลี่ยนอีเมลล์เป็น singhamanop@gmail.com)
ลองล็อกอินดูนะครับพี่สิงห์
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #796 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2553, 06:31:43 »

สวัสดีครับ  คุณน้องไพรสนต์
                           ขอบคุณมากครับ  เธอเปลี่ยนรูปใหม่ แสดงว่ากำลังอยู่ใน Love period พี่สิงห์ขอแสดงความยินดีด้วย
                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #797 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2553, 06:43:43 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวเวบที่รักทุกท่าน
                         เมื่อคืนนี้ผมหลับสบายทั้งคืน ตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนห้าทุ่มครั้งเดียวเอง และไม่ได้กินยาแก้ปวดตอนดึก เพราะอยากจะรู้ว่ามันจะปวดมากไหม ผลคือไม่ปวดมากทนได้สบายเลย แต่เช้านี้ผมไม่ได้ไปออกกำลังกายเพราะกลัวว่าถ้าเหนื่อยหัวใจจะสูบเลือดแรง มีแรงดันมาก จะทำให้แผลที่ถอนฟันออกซึ่งเปราพบางอยู่จะทนแรงดันเลือดไม่ได้ ทำให้มีเลือดออกได้ จึงของดไปก่อนสักสองสามวัน ค่อยว่ากันใหม่เรื่องออกกำลังกายยามเช้า เช้านี้ฝนไม่ตกและเมื่อคืนก็ไม่มีฝน ที่นครศรีธรรมราช
                         ผมว่าเรื่องน้ำท้วมที่นครศรีธรรมราช เป็นกระต่ายตื่นตูม เป็นแฟชั่น เพื่อจะได้ขอบริจาค หรือประกาศเป็นเขตภัยพิบัติเพื่อว่าผู้ว่าจะได้เบิกเงินได้ 50 ล้านบรรเทาสาธารณภัย ผมวนรอบเทศบาล มีเพียงที่ลุ่มจริงๆ ที่น้ำท้วมแต่ไม่มาก แม้กระทั้งรอบนอก คลองยังเห็นฝั่ง ระดับน้ำยังเพียงแค่ หนึ่งในสิบของบ้านผมที่สิงห์บุรีเท่านั้น ครับขณะนี้ ในสายตาผมเป็นเรื่องธรรมดา แต่ออกข่าวเสียใหญ่โต เศร้าเมืองไทย
                        มันเป็นเฉพาะบางจุดที่เป็นพื้นที่รับน้ำแก้มลิงธรรมชาติที่เป็นป่าพรุ ที่ชาวบ้านไปปลุกปาล์ม และมีถนนเป็นคันกั้นน้ำ รอการระบายลงคลอง ลงทะเลเท่านั้น ย่อมท้วมเป็นธรรมดา ครับ นี่ละความจริง
                         วันนี้เย็นผมเดินทางกลับกรุงเทพฯ น้องสาวที่สิงห์บุรีพร้อมครอบครัวจะมาเยี่ยมผมและคุณหมอพีร์ ที่เรียนอายุรศาสตร์ที่ จุฬาฯ ครับ
                         สวัสดียามเช้าครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #798 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2553, 07:49:06 »

สวัสดียามเช้าครับชาวเวบที่รักทุกท่าน
                         ขอทบทวนอาการ ปวด-เจ็บจาการถอนฟันกรามล่างขวาของพี่สิงห์
                         เมื่อคืนหลับสบาย ปวดนิดหน่อยที่แผล ทนได้สบายมาก
                         เช้าตื่นขึ้นมาใช้อมน้ำเกลือกลั้วปาก ดื่นน้ำอุ่น รับประทานเสาวรสหนึ่งผล
                         รับประทานข้าวต้ม ผักสด ผัดคะน้าปลาเค็ม ถั่วลิสง ผลไม้มีแตงโม ฝรั่ง กล้วยเล็บมือนาง
                         กลั้วคอด้วยน้ำอุ่นสองครั้ง
                         ขอดื่มกาแฟสักแก้วบนห้อง อมน้ำยาบ้วนปากที่คุณหมอกัลยาณีให้มาเป็นการฆ่าเชื้อ  ตามด้วยการขัดฟันด้วยไหมขัดฟัน อมน้ำเกลือล้าง ขอยังไม่แปรงฟันครับ กลัวฟองยาสีฟันจะไปโดนแผลครับ(ลองแปรงฟันด้านนอกดูแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น) คงต้องแปรงฟักปกติ ทำอะไรๆปกติให้ตามธรรมชาติ เป็นอะไรเป็นกัว
                         อาการปวดมีนิดหน่อย ไม่รุนแรง ทนได้ เพราใจไม่ได้ป่วย

                         ปรากฎว่าเช้านี้ท้องฟ้านครศรีธรรมราชปิด ฝนเริ่มตกพรำๆ อีกแล้วคงตลอดทั้งวันครับ โรงงานที่พี่สิงห์ทำงานคงหยุดเพราะฝนตก แต่คงมีการประชุมตามปกติ ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาแรงงานครับ ไม่รู้จะทำอย่างไร คนใต้ไม่ยอมทำงานกรรมกร ชอบทำงานสบาย เงินเดือนมากๆ โรงงานอย่างพี่สิงห์อยู่ไม่ได้หรอกครับค่าแรงแพง เพราะราคาขายผลิตภัณฑ์ราคาถูกแทบจะขายขาดทุน อย่างเสาไปฟ้านี่ขายขาดทุนเพราะไม่ขายก็ไม่มีงานทำ อาชีพอย่างพี่สิงห์ลำบากครับ วิศวกรโยธา  อย่าไปเรียนมันเลย ไปเรียนบัญชี  รัฐศาสตร์ ดีกว่าครับ
                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #799 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2553, 09:10:15 »

พี่สิงห์

ขอแก้ไขครับ มติ ครม. เมื่ออังคารที่แล้วโน่น ให้ผู้ว่าฯเบิกงบกลางเพิ่มจาก 50 เป็น 250 ล้านบาทครับ
ที่ได้ตามมาคือ งบฟื้นฟูหลังน้ำลดครับ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 30 31 [32] 33 34 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><