25 พฤศจิกายน 2567, 20:58:49
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3579165 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #100 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2553, 15:05:55 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 21 สิงหาคม 2553, 14:56:32
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุงหนิง
                          จริง ๆ สงขลา นครศรีธรรมราชมันก็ไม่ไกลกันนะ มีรถตู้บริการ ท่านละร้อยกว่าบาท มานอน นครศรีธรรมราชสักวันหนึ่งไหม?  พี่สิงห์จะพาไปไหว้พระ หาอาหารทะเลกิน  ค้างสักคืนหนึ่ง แต่ขอให้บอกล่วงหน้า เพราะต้องเปลี่ยนเที่ยวบิน ตามโปรแกรมจองตั๋วมานครศรีธรรมราชถึงสิ้นเดือนกันยายน ครับ  จะพาไก่ฟ้าไปร่องเรือปากพนัง และดูหิงห้อยที่ปากนคร ครับถ้าฝนไม่ตก เอาเป็นวันพฤหัสบดีเธอมาตอนเช้าและกลับวันศุกร์ การเดินทางเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น ครับ
                          ส่ง SMS มาที่พี่สิงหืได้เบอร์ 0894891747 ครับ แต่ต้องเป็นภาษาไทย ครับ
                          สวัสดี
พี่สิงห์ที่เคารพ
หนิงพักสมิหราจนอังคาร
ถ้าออกอังคารไปนครฯวันนั้นเลย
พี่สิงห์ขัดข้องหรือไม่
      บันทึกการเข้า


suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #101 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2553, 18:16:41 »

หนุงหนิง
สิงห์ มานพ ฝากความมาว่า
ถ้าไม่ติดงานพระราชทานเพลิงศพ พี่โกวิทย์ ปัญญาตรง ก็ไม่ขัดข้องครับ
รอทราบกำหนดพรุ่งนี้ ตอนนี้กำลังจะขึ้นเครื่องที่นครศรีฯ
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
wannee
Global Moderator
Cmadong พันธุ์แท้
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: จุฬาฯรุ่นประวัติศาสตร์ 2516
คณะ: ทันตแพทยศาสตร์
กระทู้: 4,806

« ตอบ #102 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2553, 09:51:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 21 สิงหาคม 2553, 15:05:40
สวัสดีครับ ชาวเวบที่รักทุกท่าน
                         หลายท่านคงผิดหวัง ที่พี่สิงห์กลับมาคราวนี้ ไม่มีอะไร?มาเล่าสู่กันฟังเลยในกระทู้นี้ จึงเงียบเหงา เป็นเพราะพี่สิงห์ไม่ได้ไปไหน? และอยากจะปล่อยวางบ้าง และสิ่งที่พี่สิงห์รู้ก็ไม่มีอะไร? มาก คือ รู้เพียงว่า พี่สิงห์จะอยู่อย่างไร? ให้มีความสุข  อยู่อย่างพอเพียงจะทำใจได้อย่างไร? อยู่อย่างไร? ให้ไร้โรค  และวิธีเอาชนะใจตนเอง แต่ละเรื่องก็ต้องอาศัยเวลา และอีกอย่างไม่รู้ว่าจะเอามะพร้าวห้าว มาขายสวนหรือเปล่า  หรือทุกท่านไม่ชอบหรือเปล่า  เป็นสิ่งที่ต้องชั่งใจอย่างมาก  เพราะนั่นคือสิ่งที่พี่สิงห์รู้และปฏิบัติมาตลอด อยู่ ครับ ขณะนี้
                         แต่อย่างไรก็ตามไม่อยากให้แฟนๆกระทู้นี้เงียบเหงา ก็จะขอเอาหัวข้อเรื่องที่พี่สิงห์เรียนรู้จากการเอา "สติ"เฝ้าดูใจตัวเองมาระยะหนึ่งนั้น ว่าใจพี่สิงห์คิด ว่าคิดอย่างไร? และได้อะไร? มาบ้างจากการปฏิบัติธรรมมาเขียนให้ทราบก็แล้วกันครับ เชิญติดตาม แต่ขอให้ใช้หลักตาม "กาลามสูตร" ครับ สวัสดี


บทนำ
สิ่งที่ได้จากการเจริญสติ
      

                จากการปฏิบัติธรรมเจริญสติแบบเคลื่อนไหวตามแนวทาง ของหลวงพ่อเทียน   จิตตสุโภ  มาระยะหนึ่งนั้นผมพอที่จะเข้าใจและได้อะไรจากการปฏิบัติธรรมมาบ้าง พอสรุปได้คือ
๑.   อย่างแรกเลย คือได้รู้ “รูป-นาม” หรือเบญจขันต์จากการปฏิบัติสามารถเข้าใจได้อย่างง่าย ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นอ่านเรื่องนี้มาก็มากแต่ก็ไม่เข้าใจอย่างแท้จริงสักทีว่า รูป  เวทนา  สัญญา  สังขาร วิญญาณ แท้จริงมันคืออะไร? การทำงานของมันเป็นอย่างไร? แต่ภายหลังพอเกิดขึ้นจริงจากการปฏิบัติธรรม เราเข้าใจมันได้ลึกซึ้งแบบง่ายๆ อย่างนี้นี่เอง
๒.    การจะเข้าใจอะไรอย่างแท้จริงนั้น ไม่สามารถเข้าใจได้จากการฟัง การอ่าน การได้ยิน ถึงแม้เราจะกระทำหลาย ๆ ครั้งมันก็ไม่สามารถที่จะจำได้ดีและเข้าใจ(หรือว่าหัวสมองเราโง่ เป็นบัวใต้น้ำก็ไม่รู้ จึงเข้าใจอยาก) แต่การรู้ด้วยปัญญาจากการปฏิบัตินั้นเมื่อรู้และเข้าใจแล้วเพียงเกิดขึ้นครั้งเดียวก็จำไปจนตาย คือเป็นอาสวะกิเลส(ในทางที่ดี) ที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาลหรือจิตใจของเรา แต่เจ้าอาสวะกิเลส(ในทางที่ดีนั้น)เวลาที่จะเรียกใช้นั้นมันจะอยากเย็นแสนเข็นมาก คือนึกขึ้นมาไม่ค่อยได้ ต้องใช้ปัญญานึกคิด ถึงจะดึงออกมาได้ เพราะมันเป็นกิเลสอย่างละเอียดในส่วนที่ดี จึงต้องใช้ปัญญาในการมานึกมาคิดเอาออกมาทั้งๆ ที่เราก็เป็นคนคิดขึ้นมาเอง ส่วนอาสวะกิเลส(ในส่วนที่ไม่ดี คือ ความโลภ(รวมราคะ) ความโกรธ ความหลง นี้ เมื่อประสพเหตุการนั้นอีกครั้ง จะโพรงออกมาเองชนิดที่เราไม่สามารถไปปิดกันมันได้เลย ยกเว้นผู้ที่ปฏิบัติธรรมเจริญสติมานาน ๆ เท่านั้นจึงจะสามารถไปมีสติมายับยั้งมันได้ทันด้วยปัญญาและเหตุผลทางปรมัตถ์เท่านั้น ก่อนที่จะแสดงอาการออกไปภายนอกทางกายหรือรูป ซึ่งจะก่อความทุกข์ให้กับเรา หรือผู้อื่น)
๓.    อาสวะกิเลส เกิดขึ้นและจะแสดงออกมาทางรูปในภายหลังได้อย่างไร? และเราจะระงับมันได้อย่างไร? (ยังหาวิธีดับให้สนิทไม่ได้ในในตอนนี้)
๔.    “ธรรม” คือ อะไร? ศาสนาคืออะไร?
๕.    ทำไม?หลวงพ่อเทียน และหลวงพ่อชา จึงให้เราเอา “สติ” มาดูสิ่งที่ใจมันคิด มาดูกายของเราว่าเกิดอะไรขึ้นมา คือทำไม? พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงสอนให้มี “สติ”ตลอดเวลาในทุกอิริยาบถ บัดนี้เรารู้แล้วจากการปฏิบัติธรรม
๖.    วิธีที่เราจะเอาสติมาดูสิ่งที่เป็นต้นเหตุ(มูลฐานของความคิด)นั้นทำได้อย่างไร? เรารู้และเราเข้าใจแล้ว
๗.    ทำไม?ความโลภ(รวมราคะ) ความโกรธ ความหลง มันจึงเกิดขึ้นกับเรา และทำไม? เราไม่สามารถบังคับมันได้ หรือควบคุมมันได้ เพราะมันโพรงออกมาเร็วมาก จนเราไม่สามารถมี “สติ” มาระงับได้ทันนอกเสียจากว่าเราต้องปฏิบัติธรรมให้มากกว่านี้มากๆ “สติ” ถึงจะโพรงออกมาเหมือนกับความโกรธ ความโลภ ความหลง ให้ทันกันเหมือน แมวจับหนูฉันใดฉันนั้น
๘.   ต้นเหตุแห่งความโลภ(รวมราคะ) ความโกรธ ความหลง มันคืออย่างนี้นี่เอง เรารู้ต้นเหตุมันแล้วจากการมีสติและใช้ปัญญาขคิดใคร่ครวญหาเหตุผลทางปรมัตถ์มาเอาชนะใจตนเองขณะที่ความโลภ(รวมราคะ) ความโกรธ ความหลง กำลังจะเกิดขึ้นกับเราได้ทันทีจากที่เราประสพมา
๙.   “มาร” ที่แท้จริงที่พระพุทธเจ้าท่านเอ่ยถึงนั้น มันคืออย่างนี้นี่เองหนอ เราเข้าใจมันแล้ว
๑๐.   เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่าต้องมี “สติ” จึงจะเอาชนะกิเลสอย่างหยาบ คือความโลภ(รวมราคา) ความโกรธ ความหลงได้
๑๑.    เข้าใจความหมายต้องมี “สมาธิ” จึงจะเอาชนะกิเลสอย่างกลาง คือสิ่งที่ทำให้ใจเราวุ่นวายใจให้สงบลงได้
๑๒.    เข้าใจความหมายต้องใช้ “ปัญญา” จึงจะเอาชนะกิเลสอย่างละเอียด คือเอาชนะใจเราได้
๑๓.    ค้นพบวิธีที่เราสามารถจะเอาชนะใจของเราได้ คือ “การปล่อยวาง” และ “อย่ายึดมั่นถือมั่น” เพราะทุกอย่างที่เราสัมผัสได้ทางอายตนะ ๖ นั้น มันเป็นสิ่งสมมติขึ้นทั้งนั้น แท้จริงมันไม่มีตัวตนอยู่ก่อนแล้ว
๑๔.   เข้าใจสิ่งที่หลวงพ่อเทียนท่านให้กระทำ คือ “สติ” สมมติให้เป็น “แมว” สิ่งที่ “ใจ”มันคิด สมมติว่ามันคือ “หนู” แมวเจอหนูปั๊ป ก็ต้องตระครุบหนูปุ๊ป ว่าในทางธรรมนั้นมันคืออะไร ทำไมเราต้องเลี้ยงแมวให้ตัวโต จึงจะตะครุ๊ปหนูได้
๑๕.   เข้าใจคำว่า “ทุกข์” อริยสัจคืออะไร? และอุปทานทุกข์ คืออะไร? และทำไมถ้าจะให้พ้นทุกข์ต้องตัดที่ตัณหาในวงจรทุกข์
๑๖.   เข้าใจคำว่าปรุงแต่งอารมณ์ คือ สังขาร และการปล่อยวางอารมณ์เพื่อไม่ให้เกิดอุปาทานทุกข์ขึ้นมาภายหลัง
๑๗.   เข้าใจสิ่งที่ใจมันชอบคิด และเราไม่สามารถไปยับยั้งมันได้ แต่สามารถบังคับทิศทางในสิ่งที่มันจะคิดได้
๑๘.   “นิพพาน” คือความสงบ เราไม่ต้องรอจนเราบรรลุโสดาบัน อนาคามี หรืออรหันต์ เราก็สามารถถึง “นิพพาน” ได้ ณ ปัจจุบันมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
๑๙.   ความสุขที่แท้จริง คือปีติที่เกิดจากปัญญา มันเป็นเช่นนี้นี่เอง คือความปีติจากการว่างเปล่า หรือปีติจากจิตที่ว่างเปล่า มันเป็นความสุขเช่นนี้นี่เอง
๒๐.   สามารถนำสิ่งที่เราฝึกการ “เจริญสติ” มาใช้กับการทำงานของเราได้ มาคอยดูความคิดของตัวเอง หรือบังคับใจของตัวเองให้คิดในทางธรรมให้ได้

                ผมเองยังมีความโลภ(รวมราคะ)  ความโกรธ  ความหลง  ยังไม่สามารถบรรลุโสดาบัน  อนาคามี หรืออรหันต์ ทั้งนั้น แต่ในบางเวลาถ้ามี “สติ” สามารถที่จะ ปล่อยวางลงได้ และ “สติ” สามารถโพรงออกมาก่อนได้ทัน ทำให้มีปัญญา หาเหตุผลมาเชนะใจตนเองได้ ทำให้ไม่โลภ  ไม่โกรธ  ไม่หลง แต่มันเป็นได้บางครั้งบางคราวเท่านั้น ครับ ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ นั้นจะเล่าให้ฟังเปนตอน ๆ ไปจากการปฏิบัติธรรม “เจริญสติ”


สวัสดีค่ะ พี่สิงห์    ปิ๊งๆ 

แฟนคลับของพี่ก็คือแฟนคลับที่ติดตามข่าวคราวของพี่เสมอค่ะ  ตามที่พี่เคยบอกว่า ข้าก็มีแฟนคลับของข้า  หึหึ
      บันทึกการเข้า

"เสียด" ภาษาจีนฮากกา แปลว่า หิมะ
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #103 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2553, 12:31:22 »

ตอนที่ ๑
รู้จัก “รูป-นาม”
   ภายหลังจากผมได้อ่านหนังสือของ “หลวงพ่อเทียน  จิตตสุโภ”  สิบกว่าเล่มที่ท่านอาจารย์ถาวร  โชติชื่น  อุตส่าห์กรุณาไปนำมาจาก “วัดสนามใน” ได้มาทั้ง CD DVD และหนังสือ ผมได้อ่านหนังสือทุกเล่ม บางเล่มอ่านหลายรอบเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างแท้จริง ในสิ่งที่หลวงพ่อเทียน  จิตตสุโภ ท่านค้นพบและแนะนำให้เหล่าชาวพุทธได้ปฏิบัติธรรมกัน หลังจากนั้น ผมก็ลงมือปฏิบัติธรรมเท่าที่จะมีเวลา คือ พอตื่นขึ้นมาก็ทำสมาธิจากการออกกำลังกาย คือให้จิตนิ่งมีสมาธิอยู่กับลมหายใจเข้า-ออกและท่าทางที่ฝึก  เดินจงกรมภายหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ และนั่ง “เจริญสติ” แบบเคลื่อนไหวด้วยมือ ทำเท่าที่จะพอมีเวลา ตอนเย็นกลับจากการทำงานก็ปฏิบัติซ้ำเดิมอีกรอบ และเวลานอนก็กำหนดจิตอยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออก จนกระทั้งหลับ พยายามทำให้เป็นห่วงโซ่  แต่ก็ไม่สามารถจะกระทำได้  เนื่องจากต้องทำงาน ต้องหาอาหารรับประทาน ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เราไม่สามารถทำให้เรามี “สติ”(ระลึกได้) ตลอดเวลาในอิริยาบถต่างๆ และเราเองก็ยังไม่เข้าใจว่า วิธีการเอาสติมาคอยกำกับดูจิตหรือดูใจของเรานั้น กระทำอย่างไร? แต่ก็ได้พยายามปฏิบัติการเคลื่อนไหวด้วยมือให้มีสติ พยายามหาจังหวะที่เหมาะสมกับตัวของเรา ที่จะทำให้สติและจิตเป็นหนึ่งเดียวเกิดเป็น“สมาธิ” (ความตั้งมั่น)ขึ้นได้ พบว่าถ้าเราไม่มีสติอยู่ที่มือแล้ว คือจิตมันแวบไปคิดเรื่องอื่น ๆตามที่ตา หู จมูก และใจที่มันสัมผัสได้ อยู่เสมอ จะพบว่าการเคลื่อนไหวด้วยมือจะเร็วแบบที่เราไม่รู้ตัวเราเลยทั้งๆที่พยายามเคลื่อนไหวสร้างจังหวะอยู่  และมารู้จังหวะของตังเองภายหลังว่า ถ้าเราเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ กำหนดรู้ถึงการเคลื่อนไหวขณะมือเคลื่อนไหว และหยุดในจังหวะที่ต้องหยุดเพื่อให้กำหนดรู้ว่าต้องหยุดในตำแหน่งนั้น ๆ พบว่า สามารถดึงสติอยู่ได้ จิตไม่คิดอะไร จิตหยุดนิ่ง คือ สติและจิตสามารถรวมกันเป็นหนึ่งคือ มี “สมาธิ” (ความตั้งมั่น) จิตสงบไม่ไปคิดเรื่องอื่น ดังนั้น ถ้าใครปฏิบัติธรรมเจริญสติตามแนวทางของหลวงพ่อเทียน  จิตตสุโภ ขอให้ทำจังหวะอย่างช้า ๆ สร้างจังหวะที่เหมาะสมให้กับตัวเอง สมาธิของท่านจะเกิดขึ้นง่าย ไม่ว่าจิตจะไปคิดอะไรอยู่ จิตหันเหไปทางไหน ประเดี๋ยวจิตก็จะกลับมารวมกับสติ เกิดเป็นสมาธิ จิตนิ่งไม่คิดอะไร อีกจนได้
   มีอยู่วันหนึ่งขณะเจริญสติอยู่นั้น มีความรู้สึกว่าทำไม ?หนอ วันนี้เราช่างง่วงเหงาหาวนอนอยู่ตลอดเวลาเสียเหลือเกิน ใจมันบอกว่า ต้องเลิกเจริญสติ เพราะว่ามันทนไม่ไหวแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เกิดแบบนี้มาหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้เอ๊ะใจเท่ากับวันนี้ แต่ก่อนบางครั้งเราก็หยุด บางครั้งเราก็ปฏิบัติต่อ ทำไม? วันนี้มันเป็นอย่างนี้ จิตมันมีตัวตนหรือเปล่า(คิดเอาเอง) ถ้ามีตัวตนซึ่งเรามองไม่เห็น มันคงจะรู้ตัวว่าเรากำลังเจริญสติเพื่อจะเอาชนะมัน มันจึงพยายามแสดงอาการต่อต้านเราแบบนี้เองหรือนี่! จริงหรือเปล่า หรือเราคิดไปเอง มันคืออะไรกันแน่ แต่จิตมันก็ไม่มีตัวตนนีนา เพราะเราไม่เห็น  ไม่รูจัก  แต่เรารู้สึกได้ในสิ่งที่จิตมันคิด
ขณะนั่งรถไปทำงานจากนครศรีธรรมราช ไปท่าศาลา และกำลังนั่งเจริญสติอยู่นั้นก็เกิดอาการง่วงเหงา หาวนอนขึ้นมาอย่างแรง ตาปรือ ทั้งๆ ที่เมื่อคืนก็นอนแต่หัวค่ำและหลับสนิทมันไม่น่าง่วงนอน แขนยกแทบไม่ขึ้นหนักอึ้ง แต่จิตยังมีสติอยู่ ก็ได้คิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันนี่ ก็พยายามใช้ปัญญาคิดหาสาเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเราพยายามทบทวน ตอนนี้เรากำลังฝึกเจริญสติอยู่ อ๋ออาการเคลื่อนไหวด้วยมือของเรานี้แท้จริงมันก็คือ “รูป” ตอนนี้เรากำลังเคลื่อนไหวอยู่ แต่สิ่งที่ใจหรือจิตมันคิด แสดงอารมณ์ว่า มันทนไม่ไหวแล้ว มือยกจะไม่ขึ้น หนักอึ้ง ง่วงนอน และเหมื่อยหล้าอยู่นี้ มันคือ “นาม” จับต้องไม่ได้ เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน แต่มันสามารถควบคุมเราได้ ตอนนี้ทั้ง “รูป-นาม” มันกำลังเรียกร้องให้เราหยุดกระทำ เพราะทนไม่ไหว พอดีสติมาเตือนให้รู้ว่า ตอนนี้เรากำลังปฏิบัติธรรมทางจิต ทวนกระแสจิต กำลังทำความเพียรจิต เพื่อให้สามารถเอาชนะจิตของเราให้ได้  จึงไม่ทำตามที่จิตมันต้องการ คือจิตมันให้หยุด แต่เราต้องการเอาชนะจิตของเรา จึงไม่หยุด ยื้อกันอยู่สักพักหนึ่งใหญ่ ๆ โดยพยายามทำจิตให้นิ่ง ให้สงบ ปล่อยวาง ไม่คิดถึงมัน(ความเหมื่อยหล้า) เอาสติไปกำกับจิตไม่ให้มันคิดเรื่องง่วง ยกแขนไม่ขึ้น ทนไม่ไหว ต่าง ๆ นาๆ สักพักหนึ่งปรากฎว่า จิตมันอ่อนลงและยอมแพ้ไปในทันที เรากับมีจิตที่สงบ ไม่ปวดเหมื่อย ไม่ง่วง ยกแขนไม่หนัก หายเป็นปลิดทิ้งทันที จึงมาพิจารณาด้วยปัญญาว่า ทำไมเราผ่านจุดนี้มาได้ คือดื้อรั้นไม่ยอมหยุดเจริญสติ เอาชนะจิตตนเองได้ เพราะเราไม่คิดถึงมัน คือทำจิตให้สงบและปล่อยวาง ให้มันผ่านไป  อ๋อ “รูป-นาม” มันเป็นอย่างนี้นี่เอง เรามีความรู้สึกด้วยปัญญาของเราเองจริง ๆ  ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนแถบจะต้องท่องจำ แบบท่องอาขยานเลยทีเดียวจึงจะจำมันได้  แต่ก็ไม่รู้จักเข้าใจมันจริงๆ  แต่ตอนนี้เรารู้จักมันจริงๆ แล้วจากการ “เจริญสติ”
 “รูป” ก็คือร่างกายของเราที่ประกอบด้วยอวัยวะต่างๆตามที่ธรรมชาติกำหนด ที่เรียกว่าร่างกาย “มนุษย์” ที่เราเห็นนี่ละ “นาม” ก็คือ จิตหรือใจของเรา จิตมันสามารถรับรู้หรือสัมผัสได้จากตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  และใจ     จิตมันสามารถที่จะกำหนดรู้หรือจำได้จากการสัมผัสจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จิตมาสามารถที่จะ คิด(ปรุงแต่ง)ของมันขึ้นมาเองได้จากการรับรู้หรือสัมผัสจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ หรือจากที่มันเคยประสพมาก่อนหน้านั้น จิตมันมาสามารถจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกได้ว่านี่คือความสุข นี่คือความทุกข์ หรือรู้สึกเฉย ๆได้  จิตเราไม่สามารถจะควบคุมมันได้ และจิตที่มันคิด มันคิดของมันขึ้นมาอย่างไร ? ทำไมมันต้องคิด? และทำไม?เราควบคุมมันไม่ได้ในบางครั้ง และมากเสียด้วยที่เราควบคุมมันไม่ได้ จะต้องทำตามที่จิตมันคิด  เรายังหาไม่พบวิธีที่มันคิดหรือวิธีที่จะควบคุมมัน  แต่มันสามารถบงการรูปคือตัวเราได้ หรือบางครั้งมันก็เป็นทั้ง “รูป-นาม” อันเดียวกันเลย เพราะมันกระทำไปพร้อมกันทันทีทั้งกายและจิตเป็นอัตโนมัติ คือเวลาที่เราเผลอตัว หรือลืมตัว คือไม่มีสติ เช่น เวลาโลภ เวลาโกรธ เวลาหลง หรือเวลาพบกับสิ่งที่ไม่ชอบ(ไม่ชอบอย่างมาก) จะเผลอ ลืมตัว ตัวแสดงอาการออกมาทางกายและใจทันทีเลย ชนิดที่ไม่สามารถควบคุมมันได้สร้างความทุกข์ขึ้นมาภายหลัง เป็นต้น
จิตบางครั้งเราก็สามารถที่จะควบคุมมันได้ คือไม่กระทำตามที่มันต้องการที่จะทำ ซึ่งเราสามารถที่จะมีความรู้สึกแยกมันออกได้ เปรียบเสมือนเรามี “รูป-นาม” สองตน ในตัวเรานี่ละ คือ “รูป-นาม”ตนหนึ่งอยู่กับ “สติ” แต่ “รูป-นาม” อีกตนหนึ่งอยู่กับ “จิต”
จิตมีความรู้สึกเจ็บ ปวด ทรมาน ขณะที่เราเคลื่อนไหวมืออยู่  รู้สึกทรมารในสิ่งที่เรากำลังเจริญสติอยู่ แต่ถ้าเราทำจิตให้สงบเสีย ไม่ไปคิดถึงมัน(ว่ามันทรมาน) คือมีสมาธิ วางเฉยเสีย  เราก็ไม่รู้สึกว่าทรมาน หรือง่วงเหงาหาวนอน หรือปวดเหมื่อยขึ้นได้  เมื่อเรามีความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้น จิตมันก็เลยยอมแพ้ “รูป-นาม” มันเป็นอย่างนี้นี่เอง เรารู้สึกว่ามันปวดเหมื่อยอยู่นี่มันคือ “เวทนา” รู้สึกว่าได้รับทุกข์ ในขณะเดียวกันสิ่งที่เป็นทุกข์นี้ ถ้าเราไปคิดเพิ่มว่าความทุกข์นี้มันทำให้เจ็บปวด เหมื่อยหล้า ถ้าเราไม่หยุดกระทำ มันอาจจะชา เจ็บ พิการตามมาก็ได้ ทำให้เกิดความกังวลใจเป็นทุกข์ขึ้นมาเป็นตุเป็นตะ คิดเรื่อยเปื่อย นี่มัน คือ “สังขาร” จิตที่มันปรุงแต่งความทุกข์ที่เกิดขึ้น  สิ่งที่เรารับรู้ได้จากการดูด้วยตา สัมผัสด้วยใจจากการเคลื่อนไหวด้วยมือ อยู่ในท่านั่งอยู่นี้ นี่ละคือ “วิญญาณ”  การรับรู้ด้วยตา หรือก็คือสิ่งที่สัมผัสได้จาก “อยาตนะ ๖”(ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)นั่นเอง เมื่อเรารับรู้แล้ว เราก็เอามันไปเก็บไว้ที่ในสมอง นี่ละคือ “สัญญา” ความจำได้หมายรู้  อ๋อ “รูป-นาม” หรือ “เบญจขันธ์” มันเป็นอย่างนี้นี่เอง และมันทำงานร่วมกับ “อายตนะ ๖” อย่างนี้นี่เอง  เราเข้าใจมันแล้ว เราเข้าใจมันแล้ว จริง ๆ
หลังจากนั้น เหมือนมีอะไรมากระแทกที่สีข้างผม(ซึ่งความจริงไม่มีเลย เพราะนั่งอยู่คนเดียวในเบาะหลัง และรถก็วิ่งเรียบ) เป็นแต่เพียงความรู้สึกเกิดขึ้นจากอารมณ์เท่านั้น แต่มีจริงๆจนขนลุกซู่ (เลยคิดว่าจิตมันคงเตือนเรา หรือให้เรารับรู้มัน)  ทำให้ผมออกจากความคิด หยุดเจริญสติทันที  พอดีรถใกล้ถึงโรงงาน จึงหยุดการเจริญสติ
   สรุป คนเรานั้นที่เขาสมมติว่าเป็น “มนุษย์” มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้นั้น พระพุทธเจ้าท่าน บอกว่า ประกอบไปด้วย “รูป-นาม”  รูปก็คือตัวร่างกาย  นามก็คือใจหรือจิตของเราซึ่งจิตมันไม่มีตัวตน มีแต่อารมณ์หรือความรู้สึกเท่านั้น  จิตมันสามารถควบคุมกาย สั่งให้กายมันทำตามสิ่งที่มันคิดได้  แต่กายไม่สามารถสั่งจิตได้ แต่ถ้าเรามี “สติ” คือระลึกได้ เราก็สามารถที่จะเอาสติไปควบคุมจิตของเราให้คิดในสิ่งที่ควรคิดได้  ส่วนจิตนั้นยังแยกออกไปเป็น “เวทนา” คือการเสวยทุกข์ หรือเสวยสุข หรือรู้สึกเฉยๆ “สังขาร” นั้น คือสิ่งที่เราปรุงแต่งอารมณ์ของเราต่อไปอีก(คิดมาก) คือคิดเป็นตุเป็นตะไปของมันเอง ตัวนี้ละจะก่อให้เกิด “ทุกข์ถาวร” ตามมาภายหลังที่เราจะต้องไปดับ ส่วน “สัญญา” คือ ความจำได้หมายรู้ในสิ่งที่เรารับรู้ หรือสัมผัสได้ จาก “อายาตนะ  ๖” ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ   ซึ่งการรับรู้หรือสัมผัสได้จาก “อายาตนะ๖” นี้ก็คือ“วิญญาณ” นั่นเอง มันเป็นอย่างนี้นี่เอง “รูป-นาม” เราเข้าใจมันแล้ว
    ผมเขียนที่สนามบินนครศรีธรรมราช ขณะนั่งคอยขึ้นเครื่องบิน เนื่องจากเที่ยวบินวันนี้ คือเย็นวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2553 ออกเดินทางช้ากว่ากำหนดสองชั่วโมง โดยผมนั่งนึกถึงเหตุการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับ “จิต” ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ขณะ “เจริญสติ” ของผมในวันนั้น
ขอให้ทุกท่าน อ่าน และพิจารณาด้วยหลัก “กาลามสูตร” ครับ
                  “กาลามสูตร”
๑.   อย่าเชื่อถือโดยการฟังตามกันมา
๒.   อย่าเชื่อถือโดยเห็นทำตามกันมา
๓.   อย่าเชื่อถือโดยการเล่าลือกันมา
๔.   อย่าเชื่อถือโดยการอ้างตำรา
๕.   อย่าเชื่อถือโดยนัยหรือความคาดหมาย
๖.   อย่าเชื่อถือโดยตรรกคือตรึกคิดเอาเอง
๗.   อย่าเชื่อถือโดยคิดตามอาการเป็นไป
๘.   อย่าเชื่อถือโดยชอบใจว่าตรงตามหลักของตน
๙.   อย่าเชื่อถือโดยเห็นว่าเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ
๑๐.   อย่าเชื้อถือโดยเห็นว่าเป็นครูบาอาจารย์ของเรา

สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #104 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2553, 16:17:49 »

ผมยังเป็นขาประจำ มาศึกษาความรู้จากพี่อยู่เสมอครับ
   
ขอบคุณครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #105 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2553, 20:55:15 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 27 สิงหาคม 2553, 16:17:49
ผมยังเป็นขาประจำ มาศึกษาความรู้จากพี่อยู่เสมอครับ
   
ขอบคุณครับ

                        ขอบคุณมากครับ ตอนหน้าจะเขียน "วิธีชนะใจตนเอง" ผลจากการปฏิบัติธรรม ครับ แต่ผมก็ยังละความโลภ  ความโกรธ  ความหลง  ไม่ได้ครับ แต่ก็จางไปบ้างครับ ตอนนี้ผมอยากจะให้ผมโกรธจริงๆ  แต่มันก็ไม่โกรธขึ้นมาสักที เพราะอยากจะลองดูว่า เราจะมีสติและปัญญาเกิดขึ้นได้เร็วเท่ากับความโกรธของเราหรือไม่ และจะชนะมันได้หรือไม่ และมันเกิดขึ้นอย่างไร? ผมจะชนะมันได้อย่างไร? จะรับรู้และปล่อยวางมันด้วยปัญญาอย่างไร?
                        สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #106 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2553, 21:37:00 »

สวัสดีครับ ชาวเวบที่รักทุกท่าน
                         พี่สิงห์อยู่นครศรีธรรมราชครับ เมื่อคืนวานได้นั่งคุยกับสมศักดิ์ วิศวกรรุ่นน้องที่ผมคอยให้คำแนะนำต่างๆ มามาก เมื่อคืนเราคุยกันถึงเรื่องการปฏิบัติธรรม เขาเกิดสับสนขึ้นมามาก ผมเลยได้นั่งอธิบายในหลายๆเรื่องที่เขาสงสัย ตอบเพื่อให้เข้าใจ จะได้นำไปปฏิบัติได้ถูก ไม่เกิด "วิจิกิจฉา" ขึ้น คือความลังเลสงสัยในแนวทางปฏิบัติและข้อกังขาต่างๆ นอกจากนี้ยังได้แนะนำเพิ่มเติมถึงวิธีที่จะชนะใจตนเอง ที่จะต้องดุแลเรื่องอาหารการกินและการออกกำลังกาย TAI CHI ทุกวันต่อไปภายหลังจากที่เขาทำมาสองเดือนผลคือ เขาหายใจคล่องขึ้น  เอวลดลงจนมีคนทักว่าผอมลง  เดินเหิรคล่องขึ้น ผอมเลยบอกเคล้ดลับหรือเทคนิคต่างๆในการดูแลตัวเองเพิ่มเติม
                         ผมบอกเขาไปว่าวิธีที่จะเอาชนะใจตัวเองนั้นมันอยากแสนอยากเพราะมันเป็นกิเลสอย่างละเอียดในการชนะความหยากของใจเรานั้นต้องใช้ "ปัญญา" คือ
                         - ต้องให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย  อาหารการกิน และการพักผ่อน เป็นอันดับแรก เราถึงจะมีเวลาให้มัน ตามหลักการบริหารเวลา
                         - ให้ถือว่าการออกกำลังกายนั้น เป็นการปฏิบัติความเพียรทางจิตอย่างหนึ่ง ที่เราจะต้องเอาชนะใจของเรา เพียงแค่เอาชนะใจตนเองในการออกกำลังกาย และการกินยังไม่ได้ เรื่องการทำความเพียรทางจิต  ไม่ต้องพุดถึงทำไม่ได้แน่ ๆ เพราะการทำความเพียรทางจิต  อยากกว่าชนิดไม่เห็นวี่แววเลย การออกกำลังกายเป็นการชนะใจตนเองอย่างหนึ่งเพียงขี้ผงเอง  ต้องทำให้ได้ทุกวัน ถือเป็นการฝึกจิต เอาชนะใจตนเองไปเรื่อยๆ ทุกวัน  จิตมันจะอ่อนไปเอง
                         - ใช้ "ปัญญา" หาเหตุผลทางธรรม หรือทางธรรมชาติ คือความจริง  ตอนนี้เรายังมีคนที่เรารักที่สุด คือ ลูก ลูกสมควรจะมีความสุขกับครอบครัว หรือกับการทำงานของเขา  แต่ถ้าเราเมื่ออายุมากขึ้นกลับล้มป่วยเป็นโรคเรื้องรังเช่น อ้วน  ความดัน  เบาหวาน หลอดเลือดหัวใจตีม-ตัน หรืออำมพาธ เป็นต้น เราจะได้รับทุกข์อย่างแสนสาหัส และลูกที่เรารักก็ทุกข์เพราะต้องเอาเวลามาดูแลเราที่ป่วย แทนที่จะสร้างครอบครัวเขา เท่ากับเราไปตัดอนาคตของลูกที่เรารัก  แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำไม?เราไม่ดูแลตัวเราเองให้ห่างไกลจากโรคเรื้อรังเหล่านั้นเสีย ซึ่งเราสามารถทำได้ ถ้าชนะใจตนเอง เพียงแต่เราเสียสละเวลามาดูแลตัวเองวันละชั่วโมงเรื่องการออกกำลังกายและดูแลการกินกับการผักผ่อน ลูกอันเป็นที่รักของเราก็พ้นทุกข์เพราะไม่ต้องเสียเวลามาดูแลเราแล้วครับ พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสไว้แล้วว่า การชนะใจตนเองนั้นต้องใช้"ปัญญา" ครับ
                            สมศักดิ์ ก็บอกผมว่า มันก็จริงตามพี่ว่า ผมจะทำและเอาชนะใจตนเองให้ได้ครับ ถือว่าเป็นการทำความเพียรอย่างหนึ่งซึ่งสามารถกระทำได้
                            ผมก็หวังว่าผู้ที่ผ่านมาอ่าน คงจะเอาไปคิดด้วยปัญญา นะครับว่า เราอยากไห้ลูกอันเป็นที่รักของเราได้รับทุกข์เพราะเราหรือเปล่าครับ จากการที่เราไม่ดูแลสุขภาพของเรา กลับปล่อยให้เป็นโรคเรื้อรังเมื่อแก่เฒ่า
                             สวัสดี ราตรีสวัสดิ์ครับ
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #107 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2553, 14:42:26 »

พี่สิงห์ที่เคารพ
หนิงหวังว่าวันนี้พี่จะมีความสุขเหมือนเมื่อวานนะคะ
ร้อนกายแก้ได้คะ อย่าให้ร้อนใจเป็นใช้ได้
กลับมาพักผ่อนครั้งนี้เสมือนหนิงได้มาซ่อมแซมเรือนที่สาม
(เรือนที่อยู่ หรือบ้านหลังที่สามก็ได้)คือได้กลับมาเก็บกวาด
ทาสี แปะกระเบื้อง แขวนม่านใหม่ ทำหลังคา
หลายอย่างทำด้วยตัวเองแล้วมีสมาธิค่ะ
เสร็จแล้วอาบน้ำ เป็นอันว่าทั้ง3เรือนสะอาด สว่าง สงบค่ะ
วิถีง่ายๆโดยไม่ยุ่งยากซับซ้อนคะพี่


nn
      บันทึกการเข้า


ทราย 16
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,838

« ตอบ #108 เมื่อ: 02 กันยายน 2553, 10:28:40 »

คารวะพี่สิงห์ค่ะ
ตามที่สัญญาไว้ ...
เรื่องการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย
พี่สามารถเข้าไปที่เวปนี้ค่ะ ...
www.topendsports.com
เพื่อศึกษาและลองทดสอบ
ปกติ การตรวจสอบพื้นฐานได้แก่ ...
Rest heart rate, blood pressure,
flexibility, muscle endurance,
muscle strength, body fat, cardiovasculary.

บางรายการมี software ให้เราเอาข้อมูล
ของเราเข้าไปวิเคราะห์ได้ค่ะ
สำหรับภาษาไทยจะส่งให้ภายหลังนะคะ
ขอให้พี่สิงห์มีสุขภาพแข็งแรงๆ
เป็นขวัญใจชาวเวปต่อไปค่ะ
ทราย 16
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #109 เมื่อ: 02 กันยายน 2553, 11:20:14 »

วันที่ 02 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 08:03:36 น.  มติชนออนไลน์

"พระราชินี-พระเทพฯ"เสด็จฯพระราชทานเพลิงศพ"สหัส-โกวิทย์"


สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายโกวิทย์ ปัญญาตรง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายสหัส บุญญาภิวัฒน์ ที่ปรึกษาสำนักพระราชวัง ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เมื่อ 1 ก.ย.

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1283389421&grpid=02&catid=00
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #110 เมื่อ: 02 กันยายน 2553, 13:41:46 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 27 สิงหาคม 2553, 20:55:15
อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 27 สิงหาคม 2553, 16:17:49
ผมยังเป็นขาประจำ มาศึกษาความรู้จากพี่อยู่เสมอครับ
   
ขอบคุณครับ

                        ขอบคุณมากครับ ตอนหน้าจะเขียน "วิธีชนะใจตนเอง" ผลจากการปฏิบัติธรรม ครับ แต่ผมก็ยังละความโลภ  ความโกรธ  ความหลง  ไม่ได้ครับ แต่ก็จางไปบ้างครับ ตอนนี้ผมอยากจะให้ผมโกรธจริงๆ  แต่มันก็ไม่โกรธขึ้นมาสักที เพราะอยากจะลองดูว่า เราจะมีสติและปัญญาเกิดขึ้นได้เร็วเท่ากับความโกรธของเราหรือไม่ และจะชนะมันได้หรือไม่ และมันเกิดขึ้นอย่างไร? ผมจะชนะมันได้อย่างไร? จะรับรู้และปล่อยวางมันด้วยปัญญาอย่างไร?
                        สวัสดีครับ

...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...ดีใจด้วยค่ะที่พี่สิงห์ได้พบทางเดินที่ถูกต้องแล้ว...
...ยังมีอีกหลายคนค่ะที่เค้าน่าจะได้พบกับเส้นทางสายนี้...แต่ก็ยังไม่มีโอกาสสักที...
...เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน...ตู่ได้ไปทำบุญที่วัดญาณมา...
...ท่านเจ้าคุณได้เทศน์ให้ฟังว่าบุญวาสนาของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน...
...บางคนก็ได้พบกับทางธรรมเร็ว...เช่นคนที่บวชตั้งแต่หนุ่มๆ...
...แต่บางคนกว่าจะได้ก็ต้องอ้อมไปอ้อมมา...
...เพราะว่ายังหลงในกิเลศตัณหาอยู่...(อาจจะหมายถึงตู่ด้วยก็เป็นได้...ตอนประเคนของท่านทักค่ะว่าหายไปนานนะเรา)
...ไม่ได้ไปทำบุญกับท่านเกือบ 10 ปีแล้วค่ะ...ซึ่งแต่ก่อนนี้เคยไปปฎิบัติกับท่านมา 1 เดือน...
...พี่สิงห์คะ...ถ้าพี่ชอบทางนี้...ลองหาวัดที่พี่ชอบแล้วไปปฎิบัติ...อาจจะอยากบวชอีกก็ได้...
...แต่คิดว่าพี่สิงห์คงไม่ไปค่ะ...เพราะพี่ต้องบอกว่ายังมีภาระอยู่(งาน,คุณแม่)...
...แต่ทำได้แค่นี้ก็ดีแล้วค่ะ...ขออนุโมทนาบุญด้วย...พี่สิงห์อย่าเครียดมากนะคะ...
...ถ้าใจมันวอกแวก...ก็ปล่อยมันบ้าง...อาจารย์ของตู่เค้าให้ตามดูเท่านั้นค่ะ...
...ตามดูเพื่อให้รู้ว่า...มันเป็นอนิจจัง...ทุกขัง...อนัตตา...
...และถ้าง่วง...ก็นอนค่ะ...เมื่อตื่นมาร่างกายและจิตจะมีกำลังใหม่...
...ก็ขอให้พี่สิงห์ได้มรรคผลนะคะ
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #111 เมื่อ: 02 กันยายน 2553, 13:47:06 »

...ท่านเจ้าคุณเป็นพี่ชายของแอ๊ด-กัลยา16 ค่ะ...เป็นสมณศักดิ์เมื่อหลายปีมาแล้ว...ตอนนี้คงได้เลื่อนเป็นชั้น...แล้วค่ะ(ลืมถามแอ๊ดมา)...
...ส่วนอาจารย์ของตู่ที่ว่านั้น...หมายถึงหลวงพ่อปราโมทย์ค่ะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #112 เมื่อ: 02 กันยายน 2553, 20:29:07 »

สวัสดีครับชาวเวบที่รักทุกท่าน
                          ขอกราบขอบคุณ  คุณพิเชษฐ์(เหยง) เป็นอย่างมากที่กรุณานำภาพ พระราชทานเพลิงศพพี่โกวิทย์  ปัญญาตรง  มาลงครับ ผมก็ถ่ายไว้สองรูปครับ เป็นงานพระราชพิธี จึงไม่กล้าซุ่มซ่ามครับ ดีไปอย่างเจ้าภาพไม่ต้องทำอะไรเลย มีคนจัดการให้ทุกอย่างครับ   ตามธรรมเนียมงานศพจะเป็นงานที่ญาติ ๆ พี่ๆ น้องๆ ได้มาเจอกันทีเป็นการรวมญาติครั้งใหญ่เลยทีเดียวก็ว่าได้ แต่ก็ได้แต่นั่งดูและคุย ทักทายกันเท่านั้นครับ เพราะมันเป็นงานใหญ่ มองซ้าย มองขวา ถ้าไม่ใช่ญาติ ก็ไม่รู้จักเลยครับ เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ผมไปถึงวัดสี่โมงเช้าเพื่อไปร่วมทำบุญเพล ไปฟังพระท่านเทศน์หน้าศพ สวดมาติกาบังสกุล พิธีเสร็จตอนเที่ยงกว่าๆ ก็รับประทานอาหารกลางวันที่วัดเลย วันนี้มีข้าวเหนี๋ยวหมูปิ้ง ที่พี่โกวิทย์ชอบ  มาเสริฟแขกด้วยครับ ร้านที่มาตั้งนั้นเป็นร้านดังๆ ทั้งนั้นและก้อร่อยจริงครับ
                           กินข้าวเสร็จผมก็ไปไหวญาติๆ พี่โกวิทย์  พี่ๆ น้องๆ ทุกท่าน และไปกราบศพ บอกว่าผมอาจจะกลับมาเผาไม่ทันก็ขอกราบตรงนี้เลย เพราะได้รับปากเขาไว้แล้วว่าต้องไปบรรยายให้เด็กนักเรียนโรงเรียรพระตำหนักสวนกุหลาบมัธยม  ที่ศาลายา นครปฐม กว่าจะเสร็จก็สี่โมงครึ่ง กลับมาไม่ทันงานแน่ จึงเรียนให้พี่ๆ น้องๆ ทราบ ทุกท่านก็ให้อภัยไม่เป็นไร มันจำเป็นทางนี้เป็นงานพระราชพิธีอยู่แล้วข้าราชการแยะมาก ๆ
                            ผมไปบรรยายให้นักเรียนฟังสามเรื่องด้วยกัน โดยมีอาจารย์ถาวร  โชติชื่น และคุณโสภณ  สิกขโกศล  ร่วมด้วยเสร็จตอนเกือบ ห้าโมงเย็น  พอดีอาจารย์ถาวร  นัดคุณน้องจินตนา (ทราย) ทานข้าวเย็นจึงไปรับประทานอาหารเย็นและคุยกันต่อที่ร้านสวนพุธ หน้าพุทธมณฑล ครับ กลับมาบ้านได้ทันดูข่าวในพระราชสำนักทันครับ แต่ก่อนหน้านั้นทุกคืนเวลาผมสวดมนต์ก่อนนอนก็ได้กรวดน้ำให้พี่โกวิทย์ทุกคืน ครับ
                            ขอขอบคุณคุณน้องทรายที่เลี้ยงอาหารเย็นพี่สิงห์ครับ และส่งสิ่งที่พี่สิงห์อยากได้มาให้ครับ ขอบคุณมาก ๆๆ
                            ขอบคุณมากครับ คุณน้องตู่  พี่สิงห์คงไม่ไปสำนักไหนหรอกครับ ขอปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้านตามแนวทางของหลวงพ่อเทียนและหลวงพ่อชา  ให้ใจสงบ ไม่ต้องมีพิธีอะไรทั้งสิ้น อยากทำก็ทำไม่เลือกเวลา พยายามให้มีสติรู้ตัวตลอกเวลา ดูกาย ดูใจของเราว่าเป็นอย่างไร? ก็สุขแล้วครับ
                               ราตรีสวัสดิ์ครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #113 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 07:42:18 »

สวัสดียามเช้าครับชาวเวบที่รักทุกท่าน
                         ผมอยู่นครศรีธรรมราชครับ เมื่อวานรู้สึกเป็นไข้นิดหน่อยเพราะไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่2009 มาพอครบเจ็ดวันออกฤทธิ์ทันที แต่เช้านี้หายแล้วครับไม่ได้ไปหาหมอ เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาหกโมงเช้าก็ไปออกกำลังกาย TAI CHI and YOKA และนั่งเจริญสติ จนเจ็ดโมงเช้าจึงไปรับประทานอาหารเช้า ก่อนรับประทานอาหารเช้าได้คั้นน้ำมะนาวสี่ลูกผสมน้ำผึ่งดื่มก่อนรับประทานอาหารเช้า ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น อาจารย์ถาวร   บอกว่ามะนาวเป็นด่าง  ร่างกายของเราในกระแสเลือดเป็นกรด ฉนั้นต้องดื่มน้ำมะนาวหรือส้มโอให้มากไว้ ครับ จึงจะทำให้สภาวะเลือดเป็นกลาง นอกจากนี้มะนาวยังช่วยต้านอนุมูลอิสสระได้ คือป้องกันมะเร็ง และมีวิตามีนซีอีกด้วยครับ  ระยะหลังผมไม่ได้รับประทานภายหลังออกกำลังกายเสร็จ เพราะรถขายมะนามไม่มาขายสองเดือนแล้วครับ ปกติผมจะซื้อไว้ครั้งละ 200 ลูกเป็นประจำครับ
                          เดิมทีวันนี้ผมต้องไปสอนการออกกำลังกายและ "อยู่อย่างไร?ให้ไร้โรค" ให้กับพนักงาน SCG โรงปูนทุ่งสง ในเวลา 14:00-17:00 น. แต่บังเอิญ กจก. ต้องไปดูงานที่อินโดนิเซียด่วน เลยขอเลื่อนเป็นวันศุกร์ที่ 10 กันยายน แทน

                          วันนี้ที่นครศรีธรรมราชมีงาน IT และมีการประกวด ธิดา IT ด้วยครับ ผมว่าจะไปเดินดูอุปกรณ์ทาง Computer ครับ
                          อากาศเช้านี้ดี แต่บ่ายๆ เย็นๆ ฝนตกครับ
                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #114 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 07:44:50 »

อ้างถึง
ข้อความของ Jintana Yhoung-aree เมื่อ 02 กันยายน 2553, 10:28:40
คารวะพี่สิงห์ค่ะ
ตามที่สัญญาไว้ ...
เรื่องการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย
พี่สามารถเข้าไปที่เวปนี้ค่ะ ...
www.topendsports.com
เพื่อศึกษาและลองทดสอบ
ปกติ การตรวจสอบพื้นฐานได้แก่ ...
Rest heart rate, blood pressure,
flexibility, muscle endurance,
muscle strength, body fat, cardiovasculary.

บางรายการมี software ให้เราเอาข้อมูล
ของเราเข้าไปวิเคราะห์ได้ค่ะ
สำหรับภาษาไทยจะส่งให้ภายหลังนะคะ
ขอให้พี่สิงห์มีสุขภาพแข็งแรงๆ
เป็นขวัญใจชาวเวปต่อไปค่ะ
ทราย 16

สวัสดีค่ะ
                      คุณน้องทรายขอเป็นภาษาไทยได้ไหมครับ หรือที่เธอสอนหรือที่บรรยายก็ได้ครับ ขอบคุณมาก
                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #115 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 08:04:59 »

สวัสดีครับ คุณพรชัย    เกตุเล็ก
                          เรื่องที่ถามมานั้น พี่สิงห์อยากให้กรรมการดำเนินการกันเองไปเลยครับ  พี่สิงห์ขอเป็นผู้ชม แต่ถ้าไปจริง พี่สิงห์ก็จะทำเป็นอัลบั้มรูปค่ายสมัยนั้นไปมอบให้เป็นสมบัติของโรงเรียน และจะหาทุนการศึกษาไปให้เท่าที่จะหาได้ครับ
                          เราควรที่จะไปพักเขื่อนหรือในตัวเมืองขอนแก่นสักคืนหนึ่งก่อนให้สดชื่น ก่อนไปที่โรงเรียนและไปที่อื่นที่เห็นสมควรครับ
                          เรื่องการหารถทัวร์ จัดทัวร์ ให้คุณน้องTippy คุณหลิว คุณน้องนกและรุ่น 20 ช่วยดำเนินการให้เพราะทำเป็นสบายมาก
                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #116 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 08:32:57 »

ยินดีด้วยครับที่ W7 เร็วได้เยี่ยงจรวด
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #117 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 09:11:52 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 03 กันยายน 2553, 07:42:18
สวัสดียามเช้าครับชาวเวบที่รักทุกท่าน
                         ผมอยู่นครศรีธรรมราชครับ เมื่อวานรู้สึกเป็นไข้นิดหน่อยเพราะไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่2009 มาพอครบเจ็ดวันออกฤทธิ์ทันที แต่เช้านี้หายแล้วครับไม่ได้ไปหาหมอ เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาหกโมงเช้าก็ไปออกกำลังกาย TAI CHI and YOKA และนั่งเจริญสติ จนเจ็ดโมงเช้าจึงไปรับประทานอาหารเช้า ก่อนรับประทานอาหารเช้าได้คั้นน้ำมะนาวสี่ลูกผสมน้ำผึ่งดื่มก่อนรับประทานอาหารเช้า ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น อาจารย์ถาวร   บอกว่ามะนาวเป็นด่าง  ร่างกายของเราในกระแสเลือดเป็นกรด ฉนั้นต้องดื่มน้ำมะนาวหรือส้มโอให้มากไว้ ครับ จึงจะทำให้สภาวะเลือดเป็นกลาง นอกจากนี้มะนาวยังช่วยต้านอนุมูลอิสสระได้ คือป้องกันมะเร็ง และมีวิตามีนซีอีกด้วยครับ  ระยะหลังผมไม่ได้รับประทานภายหลังออกกำลังกายเสร็จ เพราะรถขายมะนามไม่มาขายสองเดือนแล้วครับ ปกติผมจะซื้อไว้ครั้งละ 200 ลูกเป็นประจำครับ
                          เดิมทีวันนี้ผมต้องไปสอนการออกกำลังกายและ "อยู่อย่างไร?ให้ไร้โรค" ให้กับพนักงาน SCG โรงปูนทุ่งสง ในเวลา 14:00-17:00 น. แต่บังเอิญ กจก. ต้องไปดูงานที่อินโดนิเซียด่วน เลยขอเลื่อนเป็นวันศุกร์ที่ 10 กันยายน แทน

                          วันนี้ที่นครศรีธรรมราชมีงาน IT และมีการประกวด ธิดา IT ด้วยครับ ผมว่าจะไปเดินดูอุปกรณ์ทาง Computer ครับ
                          อากาศเช้านี้ดี แต่บ่ายๆ เย็นๆ ฝนตกครับ
                          สวัสดี
รบกวนช่วยไปเรียนถามอาจารย์ถาวรให้ด้วยนะครับว่า
มะนาวพันธุ์ไหนมันเป็นด่าง จะหาซื้อไปปลูกที่ทัพทันสักสามสี่ต้น
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #118 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 09:31:59 »

...จริงด้วยเนอะ...พี่ป๋อง...มะนาวมันรสเปรี้ยว...มันก็น่าจะเป็นกรดด้วย...
...เมื่อกี้ก็เข้ามาอ่านรอบนึงแล้วค่ะ...แต่ไม่ฉุกคิดเหมือนพี่ป๋อง...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Khun28
Full Member
**


ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784

« ตอบ #119 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 10:24:26 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 03 กันยายน 2553, 07:42:18
สวัสดียามเช้าครับชาวเวบที่รักทุกท่าน
                         ผมอยู่นครศรีธรรมราชครับ เมื่อวานรู้สึกเป็นไข้นิดหน่อยเพราะไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่2009 มาพอครบเจ็ดวันออกฤทธิ์ทันที แต่เช้านี้หายแล้วครับไม่ได้ไปหาหมอ เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาหกโมงเช้าก็ไปออกกำลังกาย TAI CHI and YOKA และนั่งเจริญสติ จนเจ็ดโมงเช้าจึงไปรับประทานอาหารเช้า ก่อนรับประทานอาหารเช้าได้คั้นน้ำมะนาวสี่ลูกผสมน้ำผึ่งดื่มก่อนรับประทานอาหารเช้า ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น อาจารย์ถาวร   บอกว่ามะนาวเป็นด่าง  ร่างกายของเราในกระแสเลือดเป็นกรด ฉนั้นต้องดื่มน้ำมะนาวหรือส้มโอให้มากไว้ ครับ จึงจะทำให้สภาวะเลือดเป็นกลาง นอกจากนี้มะนาวยังช่วยต้านอนุมูลอิสสระได้ คือป้องกันมะเร็ง และมีวิตามีนซีอีกด้วยครับ  ระยะหลังผมไม่ได้รับประทานภายหลังออกกำลังกายเสร็จ เพราะรถขายมะนามไม่มาขายสองเดือนแล้วครับ ปกติผมจะซื้อไว้ครั้งละ 200 ลูกเป็นประจำครับ
                          เดิมทีวันนี้ผมต้องไปสอนการออกกำลังกายและ "อยู่อย่างไร?ให้ไร้โรค" ให้กับพนักงาน SCG โรงปูนทุ่งสง ในเวลา 14:00-17:00 น. แต่บังเอิญ กจก. ต้องไปดูงานที่อินโดนิเซียด่วน เลยขอเลื่อนเป็นวันศุกร์ที่ 10 กันยายน แทน

                          วันนี้ที่นครศรีธรรมราชมีงาน IT และมีการประกวด ธิดา IT ด้วยครับ ผมว่าจะไปเดินดูอุปกรณ์ทาง Computer ครับ
                          อากาศเช้านี้ดี แต่บ่ายๆ เย็นๆ ฝนตกครับ
                          สวัสดี

เรียนพี่สิงห์ที่เคารพ
             การฉีดวัคซีนไข้หว้ดใหญ่ 2009  ตอนนี้เป็นที่แพร่หลายในบ้านเราแล้วเหรอครับ หรือพี่เป็นอาสาสมัครครับ  เผื่อถ้าผมกลับเมืองไทย จะได้ไปฉีดมั่งครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #120 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 13:36:35 »

อ้างถึง
ข้อความของ too_ploenpit เมื่อ 03 กันยายน 2553, 09:31:59
...จริงด้วยเนอะ...พี่ป๋อง...มะนาวมันรสเปรี้ยว...มันก็น่าจะเป็นกรดด้วย...
...เมื่อกี้ก็เข้ามาอ่านรอบนึงแล้วค่ะ...แต่ไม่ฉุกคิดเหมือนพี่ป๋อง...


เรียนคุณตู่ และ ดร.สุริยา
                ผมแย้งเขาแล้วว่ามะนาวเปรี้ยวเป็นกรด แต่วงการวิทยาศาสตร์ที่ อาจารย์ถาวรอ้างถึง เขาบอกว่ามะนาวเป็นด่าง  ดร.จินตนา  นักโภชนาการ ก็ไม่คัดค้านครับ
                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #121 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 13:41:11 »

อ้างถึง
ข้อความของ Khun28 เมื่อ 03 กันยายน 2553, 10:24:26
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 03 กันยายน 2553, 07:42:18
สวัสดียามเช้าครับชาวเวบที่รักทุกท่าน
                         ผมอยู่นครศรีธรรมราชครับ เมื่อวานรู้สึกเป็นไข้นิดหน่อยเพราะไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่2009 มาพอครบเจ็ดวันออกฤทธิ์ทันที แต่เช้านี้หายแล้วครับไม่ได้ไปหาหมอ เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาหกโมงเช้าก็ไปออกกำลังกาย TAI CHI and YOKA และนั่งเจริญสติ จนเจ็ดโมงเช้าจึงไปรับประทานอาหารเช้า ก่อนรับประทานอาหารเช้าได้คั้นน้ำมะนาวสี่ลูกผสมน้ำผึ่งดื่มก่อนรับประทานอาหารเช้า ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น อาจารย์ถาวร   บอกว่ามะนาวเป็นด่าง  ร่างกายของเราในกระแสเลือดเป็นกรด ฉนั้นต้องดื่มน้ำมะนาวหรือส้มโอให้มากไว้ ครับ จึงจะทำให้สภาวะเลือดเป็นกลาง นอกจากนี้มะนาวยังช่วยต้านอนุมูลอิสสระได้ คือป้องกันมะเร็ง และมีวิตามีนซีอีกด้วยครับ  ระยะหลังผมไม่ได้รับประทานภายหลังออกกำลังกายเสร็จ เพราะรถขายมะนามไม่มาขายสองเดือนแล้วครับ ปกติผมจะซื้อไว้ครั้งละ 200 ลูกเป็นประจำครับ
                          เดิมทีวันนี้ผมต้องไปสอนการออกกำลังกายและ "อยู่อย่างไร?ให้ไร้โรค" ให้กับพนักงาน SCG โรงปูนทุ่งสง ในเวลา 14:00-17:00 น. แต่บังเอิญ กจก. ต้องไปดูงานที่อินโดนิเซียด่วน เลยขอเลื่อนเป็นวันศุกร์ที่ 10 กันยายน แทน

                          วันนี้ที่นครศรีธรรมราชมีงาน IT และมีการประกวด ธิดา IT ด้วยครับ ผมว่าจะไปเดินดูอุปกรณ์ทาง Computer ครับ
                          อากาศเช้านี้ดี แต่บ่ายๆ เย็นๆ ฝนตกครับ
                          สวัสดี

เรียนพี่สิงห์ที่เคารพ
             การฉีดวัคซีนไข้หว้ดใหญ่ 2009  ตอนนี้เป็นที่แพร่หลายในบ้านเราแล้วเหรอครับ หรือพี่เป็นอาสาสมัครครับ  เผื่อถ้าผมกลับเมืองไทย จะได้ไปฉีดมั่งครับ


สวัสดีครับ Khon 28
                   ทางกระทรวงสาธาณสุขให้ฉีดฟรีในกลุ่มเสี่ยง หรืออายุ 50 ปี ขึ้นไป แต่คนไทยไม่ไปฉีดกันครับ วัคซีนนี้จะมีเชื้อไข้หวัดใหญ่2009 ไข้หวัดใหญ่ Type A&B ด้วยครับ ผมตั้งใจฉีดครับ
                   สวัสดี
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #122 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 16:59:00 »

ผมจำได้ว่า มะนาว มันมี Citric acid และ Tartaric acid เป็นส่วนประกอบ

แต่ไม่ทราบว่า ราชบัณฑิต เขาแปลใหม่ว่า acid คือ ด่าง ไปแล้วก็ไม่รู้ได้ เราไปอยู่บ้านนอกนานๆ อาจตามเขาไม่ทันก็เป็นได้
 เอิ่มม

พี่ป๋อง ไม่ลองไปหา พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิต ที่ ท่านรองนายกฯ ถาวร อ้างใช้บ่อยๆ มาดูหน่อยหรือ ??  งง งง
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #123 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 17:09:53 »

(ต่อ)

ขนาดน้ำเปปซี่ ยังปรับสภาพเป็นกรดอ่อนๆ เมื่อดื่มขณะเย็นๆ จะมีผลให้ชื่นใจ ดังที่เราเคยดื่มมาแล้ว

แม้กระทั่งน้ำโซดา ตราสิงห์ก็ออกเป็นกรดอ่อนๆ ของ Carbonic acid เวลาชงกับเหล้า หรือดื่มน้ำโซดาเพียวๆ ก็ชื่นใจ

ถ้าเราดื่มน้ำในสภาพที่เป็นด่างอ่อนๆ ในขณะที่กระเพาะมีสภาพเป็นกรด หลับตามองภาพไม่ออกครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ใครลองเอาน้ำขี้เถ้าก็ได้ หรือน้ำผสมผงฟู กรองให้สะอาด ดื่มหมดแก้วแล้วบอกผมด้วย เป็นอย่างไร สดชื่นขนาดไหน ??

ผมจะได้ทานเป็นประจำ ??
 บรึ๋ยยย  เหนื่อย
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #124 เมื่อ: 03 กันยายน 2553, 20:09:10 »

แต่ท้องร่วง ถ่ายเหลว น้ำหมดตัว
ดื่มโค้กผสมน้ำ ทั้งวัน 2 วันเต็มๆ
ร่างกายสบายจังคะพี่เหยง
      บันทึกการเข้า


  หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><