26 มิถุนายน 2567, 19:42:29
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 393 394 [395] 396 397 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3327529 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9850 เมื่อ: 12 สิงหาคม 2556, 21:02:45 »

โชว์นัยน์ตาอาฆาต “อูตอร์” กลับมาป่วนอีกรอบถล่มฟิลิปปินส์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 สิงหาคม 2556 19:15 น.
 

อูตอร์ (Utor) โชว์นัยน์น่าสะพรึงกลัวเมื่อเวลา 7 น.เศษวันอาทิตย์ 11 ส.ค.นี้ ขณะตั้งหน้าตั้งตาปั่นตัวเองขึ้นเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 ทางตะวันออกของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ สำนักพยากรณ์หลายแห่งในย่านนี้ชี้ว่าอูตอร์กำลังจะกลายเป็นไต้ฝุ่นระดับ 3 ในคืนนี้ก่อนซัดเข้าฝั่งเกาะเหนือและเคลื่อนเข้าทะเลจีนใต้ เป็นการกลับมาอีกรอบหนึ่งอย่างอาฆาตพยาบาท หลังจากรอบแรกเมื่อเกือบ 7 ปีก่อนทำให้ชาวฟิลิปปินส์เสียชีวิตไป 30 คน หายสาบสูญอีก 8 ส่งความเสียหายไปถึงมาเลเซีย เวียดนามสั่งเตรียมพร้อมรับมือแต่เนิ่นๆ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา. -- US National Oceanic And Atmosphereic Administration.

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ไต้ฝุ่นลูกใหญ่ก่อตัวขึ้นในทะเลแปซิฟิกทางตะวันตก-ตะวันออกเฉียงเหนือหมู่เกาะฟิลิปปินส์ ในช่วงข้ามวันที่ผ่านมา และปั่นตัวเองขึ้นเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 (ความเร็วใกล้ศูนย์กลาง 119-153 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ภาพดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาแสดงให้เห็นพายุกำลังพัดเอาไอ้น้ำขึ้นคละคลุ้งในมหาสมุทรครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างใหญ่ หากเกิดขึ้นใกล้ชายฝั่งเวียดนามเหมือนกับพายุโซนร้อนมังคุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ไต้ฝุ่นอูตอร์สามารถกลืนกินอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงได้ทั้งหมด
       
       สำนักพยากรณ์อากาศแห่งต่างๆ ในย่านนี้ชี้ชัดตรงกันว่า อูตอร์ (Utor) กำลังจะปั่นความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางขึ้นเป็นไต้ฝุ่นระดับ 3 (178–208 กม./ชม.)ในอีกไม่ช้า พายุลูกใหญ่เริ่มโชว์สิ่งที่เรียกว่า “นัยน์ตาแห่งพายุ” (Eye of Storm) อันน่าสะพรึงกลัวให้เห็นเช้าตรู่วันอาทิตย์ 11 ส.ค.นี้ ขนาดอันใหญ่โตของมันทำให้ทางการเวียดนามประกาศตั้งรับอย่างเป็นทางการตั้งแต่เมื่อวานนี้
       
       แผนภูมิพยากรณ์ของศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางในกรุงฮานอยที่ออกหลายครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ล้วนแสดงให้เห็นอูตอร์เคลื่อนตัวถึงบริเวณเกาะไหหลำของจีนในวันที่ 14 ส.ค.นี้ ขณะอ่อนตัวลงเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 แต่แผนภูมิของศูนย์ร่วมเตือนภัยไต้ฝุ่น หรือ JTWC ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ลากเส้นไปจนถึงวันที่ 15 ซึ่งคาดว่าในวันนั้นไต้ฝุ่นอ่อนตัวลงเป็นพายุโซนร้อนหลังขึ้นบกในมณฑลไห่หนัน-เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง และกลายเป็นดีเปรสชันเมื่อเคลื่อนเข้าภาคเหนือตอนบนของเวียดนาม
       
       กรมใหญ่เสนาธิการกองทัพเวียดนามประกาศในค่ำวันเสาร์ให้กองเรือในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง จัดเตรียมแผนกู้ภัยครั้งใหม่รับมือไต้ฝุ่นลูกนี้ หนังสือพิมพ์กวนโด่ยเญินซเวิน (Quan Doi Nhan Dan) หรือ “กองทัพประชาชน” รายงานในเว็บไซต์ข่าวภาษาเวียดนาม
       
       สำนักอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์ประกาศเตือนในวันอาทิตย์เช่นกัน ให้ท้องถิ่นต่างๆ ระวังภัยพิบัติที่จะเป็นผลจากฝนตกหนักซึ่งในวันเดียวกันอยู่ห่างจากเกาะใหญ่ลูซอนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 160 กม. ความเร็วลมใกล้ศูนย์ถึง 185 กม./ชม. มีรัศมีคลุมพื้นที่ถึง 600 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นไต้ฝุ่นลูกใหญ่ที่สุด แรงที่สุดที่พัดเข้าหมู่เกาะตั้งแต่ต้นปีมานี้ ขณะที่หอสังเกตการณ์ฮ่องกงเรียกอูตอร์เป็น “ไต้ฝุ่นรุนแรง” (Severe Tัyphoon) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน
       
       สหรัฐฯ ได้เสนอชื่อ “อูตอร์” (Utor) เข้าในบัญชีรายชื่อพายุในย่านแปซิฟิกตะวันตก-ทะเลจีนใต้ ชื่อนี้ถูกบรรจุลงในบัญชีที่ 1 เมื่อปี 2544 โดยคำๆ นี้เป็นภาษาพื้นเมืองในหมู่เกาะมาร์แชลมีความหมายว่า Squall Line หรือ “แนวฝน”
       
       ตามบันทึกขององค์การอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) อูตอร์ ได้คิวออกอาละวาดเป็นครั้งแรกต้นเดือน ธ.ค.2549 โดยก่อเกิดในทะเลแปซิฟิกห่างจากจุดกำเนิดของอูตอร์ในสัปดาห์นี้ลงไปทางใต้เพียงเล็กน้อย ก่อนพัดเข้าถล่มเขตวิซายาส (Visayas) หรือหมู่เกาะภาคกลางในฟิลิปปินส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 30 ราย อีก 8 คนหายสาบสูญ สร้างความเสียหายให้ประเทศนี้ไปจนถึงมาเลเซีย รวมเป็นมูลค่า 15.8 ล้านดอลลาร์ตามอัตราแลกเปลี่ยนในปีนั้น
       
       ปีโน้นอูตอร์ออกอาละวาดเพียง 2 สัปดาห์หลังจาก “ทุเรียน” (Durian) ไต้ฝุ่นชื่อไทยทำให้ชาวฟิลิปปินส์นับพันคนเสียชีวิต และ “ทุเรียน” ถูกคณะกรรมการไต้ฝุ่นขององค์การเอสแคปพิจารณาถูกถอดชื่อออกจากระบบในการประชุมปลายเดือน ธ.ค.2549 พร้อมกับไต้ฝุ่นอีกหลายลูก รวมทั้งจันจู (Chanchu) กับช้างสาร (Xang Sane) ในปีที่เกิดไต้ฝุ่นในย่านนี้ถึง 15 ลูก พายุโซนร้อนกับพายุโซนร้อนรุนแรง (Severe Tropical Storm) อีก 8 ลูก ซึงนับว่ามากเป็นประวัติกาลทั้งในด้านจำนวนและความสูญเสียที่เกิดกับชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนในย่านนี้
       
       ในปีต่อมาคณะกรรมการฯ ได้เลือกชื่อ “มังคุด” เข้าใช้แทนชื่อ “ทุเรียน” และมังคุดได้ออกงานแรกในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้น้ำท่วมกรุงฮานอยเป็นเวลา 2 วัน ชาวเวียดนามเสียชีวิตอย่างน้อย 10 คนในหลายจังหวัดที่พายุเคลื่อนตัวผ่าน ทั้งนี้ เป็นรายงานของสื่อทางการ
       
       อูตอร์อยู่มาจนถึงวันนี้ แต่อนาคตของไต้ฝุ่นระดับ 3 ลูกล่าสุดนี้ ย่อมขึ้นอยู่กับผลงานในสัปดาห์นี้เช่นกัน.

 
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์ในกรุงฮานอยออกแผนภูมิพยากรณ์เวลา 14 น.เศษวันอาทิตย์ 11 ส.ค.นี้ มองล่วงหน้าจนถึงวันที่ 14 ซึ่งคาดว่าไต้ฝุ่นอูตอร์จะขึ้นบกที่บริเวณเกาะไหหลำของจีน แต่เวียดนามจะต้องไม่ผิดพลาด ในแผนภูมิยังแสดงให้เห็นดีเปรสชั่นลูกหนึ่งที่ก่อตัวในทะเลจีนใต้บริเวณหมู่เกาะสแปร็ตลีย์ เพียงแต่อิทธิพลของไต้ฝุ่นอูตอร์ทำให้มันไม่สามารถกลายเป็นพายุใหญ่กว่านี้แรงกว่านี้ได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะได้เห็นพายุโซนร้อนรุงแรง (Severe Tropical Storm) ระดับ "มังคุด" เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เข้าซัดเวียดนามอีกลูกก็เป็นได้. 


แผนภูมิอพยากรณ์โดยศูนย์ร่วมเตือนภัยไต้ฝุ่น (JTWC) หน่วยงานของกองทัพเรือสหรัฐที่อ่าวเพิร์ล มลรัฐฮาวาย ที่ออกในวันอาทิตย์นี้ มองไปจนถึงวันที่ 16 ส.ค. หลังจากไต้ฝุ่นอูตอร์ขึ้นบกแถบมณฑลไห่หนันของจีน อ่อนตัวลงเป็นพายุโซนร้อนในวันที่ 14-15 และกลายเป็นดีเปรสชั่นในช่วงวันที่ 15-16 ส.ค. แต่ก็ยังแผ่อิมิพลปกครองภาคเหนือตอนบนของเวียดนาม.  


"อูตอร์" เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2549 หรือเมื่อเกือบ 7 ปีก่อนในการออกงานแรก ขณะปั่นตัวเองขึ้นเป็นไต้ฝุ่นระดับ 3 พุ่งเข้าซัดหมู่เกาะภาคกลางฟิปปินส์ ในปีที่พายุดุที่สุดอีกปีหนึ่งในย่านแปซิฟิกตะวันตก ปีเดียวกับที่เกิดพายุช้างสาร (Xang Sane) ไคมารอน (Cimaron) เจบิ (Chebi) ทุเรียน (Durian) และอื่นๆ รวมเป็นไต้ฝุ่นทั้งสิ้น 15 ลูก พายุโซนร้อนธรรมดากับโซนร้อนรุนแรง (Severe Tropical Storm) อีก 8 ลูก ดีเปรสชั่นอีกเกือบสิบลูก. -- Earthobservatory.Nasa.Gov   



http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9560000099668
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #9851 เมื่อ: 12 สิงหาคม 2556, 23:19:44 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 12 สิงหาคม 2556, 13:46:51
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                      ดีแล้วที่กระทำกินเอง อยู่แบบพอเพียง  ไม่รวย เราก็สุขได้ อิ่มได้เหมือนกัน

                      วันนี้ขณะขับรถกลับบ้าน ช่วง 10:00-11:00น. ฟังข่าวจากวิทยุ รองประธานอุตสาหกรรมออกมาให้ข่าว ผ่านทาง FM 100.5 ว่า ขณะนี้ธุรกิจ SME กำลังจะตาย ทางแบ้งได้จำกัดและเข้มงวดในการให้เงินกู้ และ SME ทางผู้ผลิตอพหลั่ยรถยนต์กำลังจะตายเพราะการผลิตรถยนต์ปีนี้ลดลงจากปีที่แล้ว 30'40%

                      นอกจากนี้หนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ และไม่มีทางใช้คืน ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังแรก รถคันแรก กองทุนหมู่บ้าน  จนรัฐบาลกำลังออกกกหมายการทวงหนี้เร็ว ๆ นี้

                       และสภาวะทดถอยทางเศรษฐกิจของไทย  เงินที่เฟ้อ  ค่าครองชีพที่สูงขึ้นมาก ๆ

                       สามารถชี้ชัดได้แล้วว่า เศราฐกิจไทยกำลังถดถอย กำลังซื้อลดลงอย่างมาก และฟองสบู่อาจจะแตกเมื่อไรก็ได้ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมากจะโทษค่าแรง 300 บาท ที่ก้าวกระโดด  จนไม่สามารถอั้นราคาสิ้นค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก หรือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมา มันกำลังสร้างปัญหาระยะยาวทางเศรษฐกิจ

                       หนี้ครัวเรือนน่ากลัวมาก  นี้คือคำชี้แจงที่พอสรุปได้

                       ดังนั้น ตัวใครตัวมัน  ต้องอยู่อย่างมีสติ  อย่าประมาท  ระวังจงหนัก เข้าสู่สภาวะที่น่ากลัวทางเศรษฐกิจแล้ว

                      ที่ผ่านมาธุรกิจที่ผมดูแล นั้นผลิตเสาเข็มกันไม่ทันขาย  ราคาก็สูง แต่ปัจจุบัน ชักแย่งงานกันแล้ว นี่ละรางบอกเหตุการถดถดยของเศรษฐกิจ ละ ระวังจงหนัก

                      สวัสดี


พี่สิงห์ที่เคารพ,

แล้วยังงี้ประเทศไทยจะล้มละลายมั้ยคะ?
คือไม่มีกำลังส่งหนี้?
กู้มาอีกเท่ากับปั้มเงินกู้มาละลายใช้จ่าย?
เหมือนกรีก เหมือนปอร์ตุกัลเหรอคะ?
เขาบอกให้ประหยัด ประหยัดและประหยัดไง.
      บันทึกการเข้า


suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #9852 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 01:14:57 »

      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9853 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 05:35:38 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                   ประเทศไทย  ยังไม่ถึงกับเหมือนกับกรีก  โปรตุเกต ณ ขณะนี้หรอก แต่ว่าเศรษฐกิจการส่งออกมันลดลง ถดถอย  หนี้ภาคครัวเรือนมาก และข้าวของแพง  ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะแก้อย่างไรเท่านั้น

                   แต่สำหรับประชาชนแล้ว ต้องอยู่ด้วยความไม่ประมาท มีสติ-สัมปชัญญะ  อยู่อย่างพอเพียงในการดำรงค์ชีวิต เพียงเท่านี้เท่านั้น คือรายจ่าย ต้องน้อยกว่ารายรับ  ทำตามนี้ก็อยู่ได้ มันจะลำบาก เกิดความไม่สะดวกสบายก็ไม่เป็นไร ดีกว่าไปก่อหนี้แล้วมีแต่ทุกข์

                   สำหรับรัฐบาล ควรกระตุ้นการลงทุนในปัจจัยพื้นฐาน แต่ต้องไม่มีการทุจจริตในโครงการ กระทำด้วยจิตที่ปราศจากกิเลส  แต่คงยาก นอกจากนี้ต้องกระตุ้น ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใน และให้ต่างชาติมาท่องเที่ยวให้มาก  ขยายตัวทางท่องเที่ยวให้มาก เพราะมันจะเป็นการกระจายรายได้ไปสู้ชนบท และเป็นการลงทุนน้อยที่สุด

                    แต่ที่ดีที่สุดคือ ทำอย่างไร ที่จะควบคุมสินค้าอุปโภค  บริโภค ให้ลดลง หรือไม่ให้ขึ้นราคาได้ เพราะมันจะกระทบความเป็นอยู่ของคน  อย่าใช้วิธีขึ้นเงินเดือน ค่าแรงรายวันเลย เพราะยิ่งขึ้น ของก็ยิ่งแพง และเงินก็เฟ้อ หมดคุณค่า  พวกที่มีเงินออมคือผู้สูงอายุ จะอยู่ลำบากเพราะเงินหมดความหมาย คือมีคุณค่าลดลงมากเกินไป  กลับไปทำงานอีกก็ไม่ได้  นี่ละทกข์ของคนแก่ละ

                    แต่ตอนนี้ประเทศไทย  ยังอยู่ได้  เศรษฐกิจ ยังไปได้  ยังไม่เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ เพียงแต่ต้องจับตาดู  อยู่อย่างไม่ประมาท เท่านั้นเอง

                     พี่สิงห์ ก็ได้แต่เตือนตัวเอง และบอกให้ทราบกันเท่านั้น ว่ามีแนวโน้มที่อันตรายกำลังก้าวมาหาเราเท่านั้น

                     ฝนกำลังลงเม็ดเช้านี้

                     สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9854 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 05:58:19 »



สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                        เช้ามืดนี้ได้นั่งภาวนาเรียบร้อยแล้ว

                        ได้สวดมนต์ทำวัตรเช้า และแผ่เมตตาแล้ว

                        ได้หุงข้าว เตรียมสำหรับใส่บาตรพระที่หน้าบ้านแล้ว

                        ถึงเวลาสอนธรรมะแด่ผี-สาง วิญญาณที่ร่องลอย หมู่เทวดา สัตว์เดรฉาน และมนุษย์ แล้ว

                        ขณะล้างหม้อหุงข้าว ก้นหม้อข้าวมีข้าวเกาะติดมาก เนื่องจากเราอุ่นข้าวนานเกินไปเลยแข็งติดก้น  ต้องใช้ความพยายามในการขัดก้นหม้ออยู่นานมาก เพราะไม่มีเวลาแช่น้ำให้ข้าวอ่อนตัว  จึงเกิดความท้อแท้ขึ้นในจิต  แต่ก็ระลึกได้ว่า เพียงแค่นี้เรายังทำไม่ได้ แล้วเราจะเอาชนะจิตตนเองได้อย่างไร  ความพยายามก็บังเกิดขึ้น จึงสามารถขัดก้นหม้อข้าวได้หมด และเตรียมหุงข้าวใส่บาตรพระในตอนเช้าได้

                         ฉันใดก็ฉันนั้น

                         กิเลส คือ สิ่งที่มาเกาะติดที่จิต แล้วทำให้จิตเศร้าหมอง  หดหู่ หรือยินดีเพลิดเพลิน ติดใจ เกิดนิวรณ์ ๕ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เกาะติดอยากที่จะเอาออก  ยิ่งปล่อยให้ยึดเกาะ คือเราไปยึดมั่นถือมัน ในกิเลสที่จรมาตั้งแต่เกิด จนถึงปัจจุบันด้วยแล้ว กิเลสนั้นก็ยิ่งเกาะติดแน่นหนา เต็มไปด้วยความยึดถือในตัวตนเป็นยิ่งนัก  หลงตนลืมตัวอยู่แต่ในความคิด มันจึงเกาะติดที่อยากจะเอาออก ยิ่งกว่าข้าวติดก้นหม้อหลายร้อยเท่า พันเท่านัก

                          การที่จะกำจัดกิเลศออกจากจิตได้นั้น จึงอยากแสนอยาก  ต้องใช้ความวิริยะอย่างแรงกล้า เช่นเดียวกับการที่เราเอาน้ำไปแช่ข้าวให้มันอ่อนตัวลง คือ เราก็พยายามกระทำ ทำบ่อย ๆ ด้วยการมีศีลเป็นเกราะ กระทำด้วยความวิริยา  กิเลสมันก็จะค่อย ๆ อ่อนตัวลง ๆ จนสามารถหลุดออกไปทีละน้อย ๆ ได้ เพราะเราเห็นความจริงที่ปรากฏแห่งจิตเรา  จิตมันก็คลายความยึดมั่นถือมั่นลงได้ เช่นเดียวกัน

                          กิเลส กับ ข้าวติดก้นหม้อ หรือดินพอกหางหมู มันก็มีพฤติกรรมที่เหมือนกัน และการแก้ก็เหมือนกัน แก้ที่ต้นเหตุ

                          การปฏิบัติธรรมนั้น อย่าใจร้อน  ค่อยเป็นค่อยไป กระทำให้ต่อเนื่อง ทำบ่อย ๆ มีศีลเป็นเกราะ ก็จะพบได้

                          ตามกฎไตรลักษณ์  ไม่มีอะไรที่จะจิรังยั่งยืนได้ คือเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง คือจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ทรุดโทรงลง ไม่วันใดก็วันหนึ่ง  โดยเฉพาะร่างกาย ความคิด มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไปด้วยตัวของมันเอง  ถ้าเรารู้ความจริงนี้ และสามารถอุเบกขาได้ อย่าไปหลงว่ามีตัวตน

                          เราจะอุเบกขาได้  ต้องถอนความยึดมั่นถือมั่นในตนเองลง

                          จะถอดถอนความยึดมั่นใจตนเองลงได้ ต้องให้จิตมันเห็นความจริงอันนี้(ความเป็นรูป-นาม ไตรลักษณ์)

                          เมื่อจิตมันเห็นความจริงในธรรมนั้น มันก็จะไม่ยึดมั่นในตัวตน ที่คิดว่ามีตัวตนนั้นลงได้

                          แต่ทุกสิ่งมันไม่ได้เกิดจากการอ่าน ได้ยิน  ได้ฟัง หรือคิด ขึ้นเองได้

                          ท่านต้องภาวนาเจริญสติ  มีสติ-สัมปชัญญะ และเอาสติมาดูจิตของท่าน พิจารณาอารมณ์ที่เกิดขึ้น และพิจารณาให้เห็นจริง ตามคำสอนของพระพุทธองค์

                          ได้เวลาที่จะไปเดินจงกรมออกกำลังกายและเดินไปซื้อกับข้าวมาใส่บาตร แล้ว

                          สวัสดีครับ

            
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9855 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 06:50:38 »



               อาหารใส่บาตรพระ ที่หน้าบ้าน เช้านี้

               ประกอบด้วย ข้าวกล้อง  ผัดวุ้นเส้นใส่กระเทียมดอง ถั่วและ น้ำสิงห์ และปัจจัย

               วันนี้ได้ซื้อถั่วและ มาฝากพี่โส กัลญามิตรข้างบ้าน

               ถั่วและมีประโยชน์ ต่อหัวใจ และหลอดเลือด
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9856 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 07:51:43 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 13 สิงหาคม 2556, 01:14:57




                   ระวัง !

                   อย่าคิด แทนคนอื่น เพราะจิตมนุษย์แต่ละคนนั้น คิดไม่เหมือนกัน และจะคิดเข้าข้างตนเอง

                   เพียงคิด !  ก็ผิดแล้ว เพราะจะหลงอยู่ในโมหะ !

                   ยกเว้น  ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ เป็นเครื่องเตือนใจ  ก็สมควรคิด และกระทำ(เพื่อให้ผู้อื่นได้สำนึก หรือแนะนำเป็นไปในทางแห่งการพ้นทุกข์ถาวร)

                   การบิณฑบาตรนั้น พระพุทธองค์สอนว่า ต้องให้มีผลเสมอกัน การบิณฑบาตรนั้นถึงจะบริสุทธิ์

                   ขอให้พิจารณาด้วยโยนิโสมนสิการ  ท่านก็จะพบความจริง ในธรรมะ หน้านี้ได้

                   สวัสดี

                  
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9857 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 07:59:24 »


สวัสดีครับ คุณเหยง

                            ขอบคุณมาก

                            นัยย์ตานี้ มีแต่ความพินาศที่จะตามมา นัยย์ตายิ่งใหญ่ และลึก(ดำ) นั่นแสดงว่าความเร็วลมสูงมาก

                            ธรรมชาติ ย่อมลงโทษ มนุษย์ที่ทำลายธรรมชาติ เสมอ และจะยิ่งรุนแรงขึ้นทุกขณะ

                            ดังนั้น จงหยุดทำลายธรรมชาติ  อยู่แบบธรรมชาติ นั่นละหนทางอันประเสริฐ

                            สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9858 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 09:02:50 »

ข่าวด่วน !

                       ข่าวด่วน เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ที่ผ่านมากระทรวงพาณิขย์ได้ออกกฏหมายมาปกป้องคุ้มครองอุตสาหกรรมเหล็ก wire rod ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิต PC wire and PC strands ที่ใช้ในการก่อสร้างโคร้งสร้างคอนกรีตอัดแรง เช่น เสาเข็ม แผ่นพื้นหล่อสำเร็จ คาน เสาไฟฟ้า..... เป็นต้น ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของอุตสาหกรรมก่อสร้าง และความเจริยเติบโตของประเทศ

                       ผลคือ ราคา PC wire and PC strands จะเพิ่มขึ้นจากราคาปัจจุบัน 5-6 บาท ต่อกิโลกรัม

                       ดังนั้น ทุกท่านที่จะต้องก่อสร้าง ก็ขอให้รีบสั่งซื้อโดยด่วน

                       ท่านที่ผลิตเสาเข็ม เสาไฟฟ้า แผ่นพื้น คานสะพาน ท่านจะต้องรู้ว่าท่านจะต้องทำอย่างไร

                       การขึ้นราคาครั้งนี้ไม่ยุติธรรม ตามที่ผมเคยเสนอไปแล้ว เป็นก้าวกระโดดเลยทีเดียว  จะทำให้ต้นทุนการก่อสร้าง เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในสภาวะที่ไม่ดีทางเศรษฐกิจ  ย่อมปั่นป่วนเป็นธรรมดา

                        ทาง TATA เจ้าของ โรงงานเหล็กใหญ่สุดในเมืองไทย ขอให้กระทรวงพาณิชย์ออกกฏหมายฉบับนี้ โดยมีจีนมาทุ่มราคา แต่จริง ๆ แล้วคุณภาพของ TATA มันไม่ได้  จึงไม่มีใครซื้อมากกว่า และมีการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้ออกกฏหมายฉบับนี้

                        มันไม่ยุติธรรมเลย ในระบบการค้าเสรี  ที่ผู้ใช้ควรได้รับผลประโยชน์สูงสุด  ไม่ใช่ออกกฏหมายมาปกป้องแบบนี้ และคุณภาพก็ไม่ดี ตามนิสัยคนอินเดียทำธุรกิจ เพราะในประเทศอินเดีย  คนยอมรับได้  แต่ไม่ใช่ประเทศที่เจริญแล้ว คุณภาพต้องมาก่อน

                        ผมในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของ SIW ไม่สบายใจในเรื่องนี้ได้เตือนไปนานแล้ว ระวัง คนไทยจะไม่ซื้อ ถ้ามีทางเลือกอื่นๆ ที่ดีกว่า  มันเสียความรู้สึกที่เป็นการเอาเปรียบ และมาอยู่ในช่วงเศรษฐกิจชลอตัวพอดี  ย่อมกระเทือนหนักแน่นอน

                        กรรมจึงตกหนักกับวงการก่อสร้าง ที่ต้องชะงักงัน สักสอง สามเดือน เพื่อรอปรับตัว  ส่วนพวกที่รับงานไปแล้ว ขายหมู่บ้านไปแล้ว ก็ต้องได้รับผลจากกฏหมายฉบับนี้

                        ไม่เป็นผลดีต่อ SIW บริษัทลูกของ TATA คือ จุดกระแสความเกลียดชังให้กับลูกค้า  และมีต้นทุนสูงในการส่งออก ทำให้ขายสู้บริษัทอื่นไม่ได้

                        มันเป็นเรื่องทางโลก  ใกล้ตัว  มีประโยชน์ ก็เรียนให้ทราบทั่วกัน

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9859 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 09:33:43 »


                   ความคิดทางโลก  ทีก่อประโยชน์

                   ถ้าผมเป็นรัฐมนตรีของจีน ที่ได้ผลกระทบหนักในการกระทำของไทยครั้งนี้  ย่อมออกมาตรการมาตอบโต้แน่นอน

                   ผมไม่ทราบว่าจีนจะออกมาตอบโต้ รัฐบาลไทยอย่างไร  เพราะจีนก็กำลังแย่ เศรษฐกิจถดถอย  ก็ต้องหาทาออก ระบายสินค้าไปยังต่างประเทศให้ได้

                    ก็ขอให้ทางรัฐบาลจีน  อุดหนุนสินค้าส่งออก wire rod ด้วยการลดภาษีภายในให้ต่ำลง และสามารถส่งออกในราคาเดิมได้  ซึ่งจีนต้องกระทำแน่เพราะมันกระทบแยะมาก  มิฉะนั้น จีนจะแย่หนัก ในอุตสาหกรรมเหล็ก เพราะโดนไทยออกกฏหมายมาสองครั้งแล้ว

                    และครั้งที่สามระวัง อุตสาหกรรมเหล็กจากแขก TATA ที่เป็นยักษ์ใหญ่ คุมอยู่ในเมืองไทยและอาเซี่ยน

                    ถ้าเป็นตามนี้ ผู้บริโภค ในไทยก็เดือดร้อนน้อยหน่อย

                    ภาวนาเอากันเองครับ

                    สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9860 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 12:15:00 »



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9861 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 13:23:35 »

พายุไต้ฝุ่นมีความรุนแรงขึ้น ผู้จะเดินทางไปจีน เกาะฮ่องกง เกาะไต้หวัน ต้องตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง
ฝนมากในทุกภาคเพราะมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากทะเลอันดามันและอ่าวไทย


พยากรณ์อากาศ ประจำวันอังคารที่ 13 สิงหาคม 2556
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"พายุไต้ฝุ่น “อูตอร์” "

ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2556

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 10:00 น.  เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (13 ส.ค.56) พายุไต้ฝุ่น “อูตอร์” (UTOR) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 500 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกของเกาะไหหลำ ประเทศจีน หรือที่ละติจูด 18.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 115.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 20 กม./ชม. คาดว่าจะขึ้นฝั่งบริเวณมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนในวันพรุ่งนี้
(14 ส.ค.56) สำหรับพายุ “อูตอร์” (UTOR) นี้เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกแรกที่เกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ของปีนี้ โดยมีความรุนแรงเทียบเคียงกับพายุไต้ฝุ่นเกย์ (GAY) ที่มีผลกระทบต่อภาคใต้ของประเทศไทยในอดีตที่ผ่านมา ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศจีนตอนใต้ และเกาะฮ่องกงขอให้ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางไว้ด้วย
อนึ่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกและชายฝั่งภาคตะวันออกมีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดสระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือใน 1-2 วันนี้ไว้ด้วย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้.  

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่
ตาก พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา
บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี
กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดสระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆมากกับมีโอกาสฝนตก ร้อยละ 80 ส่วนมากในข่วงเย็นถึงค่ำ
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9862 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 13:58:10 »

วันนี้พายุมีความเร็วลมถึง 115 น๊อตหรือ 184 กม./ชม.


      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9863 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 17:56:47 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9864 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 17:57:32 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9865 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 18:00:43 »

      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #9866 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 18:42:52 »


พี่สิงห์ที่เคารพ,
ตอนนี้หนิงกำลังเจริญรอยตามพี่ท่าน
ที่สอนสั่งไว้หน้าไหนไม่รุ...ว่าให้กินหยั่งUrang-Utang
กินแตงโม กินผลไม้ กินข้าวเถื่อน(wild rice)
อืม กินไปนึกถึงอุรังอุตังในสวนสัตว์ไปให้สะอึกติดคอ
ก็...อุรังอุตังน่ะ ล้วนพุงปลิ้นทั้งนั้นเลยคะพี่ท่าน!
กลัวพุงโรก้นปอดค่า...
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9867 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 20:14:28 »

สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                       ลิงอุรังอุตัง มีชาติพันธ์ใกล้เคียงมนุษย์ที่สุด และเป็นสัตว์กินพืช ผัก  ผลไม้ ไม่กินเนื้อสัตว์ จึงไม่เจ็บป่วยอะไร จึงเป็นแบบอย่างที่มนุษย์ ควรจะกินแบบนั้น คือกินผัก ผลไม้ให้มาก และหลากหลาย งดกินเนื้อสัตว์ที่เลี้ยลูกด้วยน้ำนม(กินได้แต่ไม่ควรกินมาก คือบ่อย ๆ)

                       เหตุที่ลิงอุรังอุตัง ท้องปลิ้น ป่อง เพราะ มันยืนแบบคนไม่ได้ ต้องเดินสี่ขา พุงมันเลยป่องเป็นธรรมชาติของมัน

                       สัตว์ที่กินพืช  จะตัวใหญ่ และแข็งแรง เช่น ช้าง  แรด  ควาย  ยีราฟ ม้า......... ขยัน และอายุยืน

                       สัตว์กินเนื้อ อายุสั้น มีแต่โรคโดยเฉพาะไวรัส เช่น สิงโต  เสือ  จรเข้ หมาป่า ....และขี้เกียจ

                       ดังนั้น เราควรกินผัก  ผลไม้ให้มาก ตามฤดูกาล  แต่โปรตีนก็สำคัญ  กินเนื้อบ้างแต่ให้น้อย

                       สำหรับพี่สิงห์ ได้กลิ่นเนื้อ หมู  ไก่  ปลา  มันชักไม่ชวนรับประทานแล้ว มันเหม็น  แต่ก็ต้องฝืนกินบ้าง เพื่อไม่ให้ขาดโปรตีน  ช่วงเดือน สองเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากกินเนื้อสัตว์น้อย  ผลคือ ตีกอล์ฟไม่ไกล เลย กล้ามเนื้อรีบ ไม่มีกำลัง  ระยะหายไปแบบน่าตกใจมาก  ถ้าเป็นแบบนี้คงเล่นเพื่ออกกำลังกายแล้ว  แข่งขันไม่ได้เพราะตีสั้นเกินไป  ต้องยอมรับความจริงแล้ว  จน Caddy ยังรู้เลย 

                       สวัสดีค่ะ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9868 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2556, 20:30:52 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                      วันนี้อยู่บ้านทั้งวัน นั่งภาวนา  ทำงาน และไปซ้อมกอล์ฟที่ All Star กลับมาบ้านก็ได้เดินจงกรมออกกำลังกาย รำชิกง ที่หน้าบ้าน หนึ่งชั่วโมงด้วยกัน

                      การออกกำลังกายถือเป็นหน้าที่สำคัญ ที่พยายามกระทำ  เมื่อมีเวลา และโอกาส  

                      พรุ่งนี้ไปทำงานที่บ้านแพ้ว  สมุทรสาคร ไปตั้งแต่หกโมงเช้า  กลับก็เกือบสองทุ่ม ไม่มีโอกาสออกกำลังกายเลย  แต่อาศัยขี่จักรยาน ดูคนงานทำงานในแต่ละแท่นได้ เพราะโรงงานใหญ่มาก  กว้างมาก เดินไม่ไหว  เขามีรถกอล์ฟให้  แต่ขอขี่จักรยานดีกว่า เพราะได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย และได้ตากแดด

                     คืนนี้ฝนตกพรำ ๆ ชุ่มช่ำดี ครับ  คงตกทั้งคืน เป็นการล้างฝุ่นละอองในอากาศ แต่อย่างไร  ระวังกันด้วย ตอนนี้ไข้เลือดออกกำลังระบาดหนักในเมืองไทย  ทั่วทุกภาค  ทางกระทรวงสาธารณสุขโทษว่า ที่เป็นกันมาก เพราะประชากรมากเกินไป  ยุงลายเลยแพร่พันธ์ง่าย  เป็นคำตอบที่น่ารักมาก  กระทรวงลืมไปแล้ว  สมันผมเด็ก ๆ มีการฉีด DDT ทุกหมู่บ้าน  ยุงลาย  มาเลเรีย เคยหายไปจากเมืองไทย  แต่เดี๋ยวนี้กลับมาชุกชุมอีก  อย่างไรก็ไม่รู้  ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อน หมอมีไม่มาก  งบประมาณก็น้อย

                      ไข้เลือดออกตัวใหม่เป็นทั้งเด็ก และผู้ใหญ่  ผมจำชื่อไม่ได้  ระบาดหนักขณะนี้  ถ้าเป็นไข้หวัดสามวันไม่หาย  ให้สันนิฐานว่ามีโอกาสเป็นไข้เลือดออกสายพันธฺ์ใหม่  ท่านต้องไปหาหมอโดยด่วน

                       ค่ำนี้ขอลาไปก่อน  ได้เวลา ทำวัตรเย็น ก่อนนอน แล้วครับ

                       ราตรีสวัสดิ์ ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9869 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2556, 05:13:18 »

สวัสดียามเช้ามืดครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                     เช้านี้ได้หุงข้าวแล้ว ได้สวดมนต์ทำวัตรแล้ว ได้แผ่เมตตาแล้ว และได้นั่งภาวนาแล้ว

                     ตอนนี้ก้ได้เวลาสอนธรรมะ

                     แต่เนื่องจากต้องออกจากบ้านก่อนหกโมงเช้า และมีกิจวัตรประจำวันต้องกระทำหลายเรื่อง ก็ขอรวบรัดในข้อทำที่พอจะนึกออกและเป็นประโยชน์

                     พระพุทธองค์ทรงสอนว่า "ผู้ใดเห็นธรรม  ผู้นั้นเห็นตถาคต  ผู้ใดไม่เห็นธรรม  ผู้นั้นไม่เห็นตถาคต"

                     หมายความว่า ผู้ใดก็ตามแม้จะอยู่ไกลแสนไกล แต่ประพฤติตนทางกาย  วาจา  ใจ เป็นปกติ อยู่ในศีล ๕ หรือศีล ๘ หรือศีล ๑๐ หรือศีล ๒๒๗  ไม่ทำให้สัตว์ เดรฉาร  ตนเองเดือร้อน  ศึกษา และปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทะองค์สม่ำเสมอ หรือ มี ศีล  สมาธิ ปัญญา หรือมีมรรค ๘ อยู่ในจิตใจ  ผู้นั้นได้ชื่อว่ามี เห็นพระพุทธองค์เสมอ หรืออยู่ใกล้พระพุทธองค์เสมอ

                     ส่วนผู้ใดที่อยู่ใกล้พระพุทธองค์  หรือแม้กระทั่งเดินตามพระพุทธองค์ทุกฝีก้าว  จับสังฆาฏิพระพุทธองค์ก็ดี  แต่ยังประพฤติไปในทางที่เบียดเบียนสัตว์  เอาเปรียบคน  ยังโลภ  ยังโกรธ  ยังหลง ยังประพฤติในทางที่ไม่ดี  ผู้นั้นยังไม่เห็นพระพุทธองค์  อยู่ไกลจากพระพุทธองค์มากนั้น

                      ฉันใด ฉันนั้น

                      ปัจจุบันนั้น คนเรานั้น ชอบใฝ่หาว่ามีพระองค์ใด  ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ก็ดั้นก้นไปเพื่อกราบไหว้  เอาปัจจัยไปถวาย เพื่อว่าตนเองจะได้อานิสสงค์บ้าง  แต่ไม่ตั้งหน้าปฏิบัติธรรมของพระพุทธองค์เลย  ผลคือ ไม่ได้อะไรเลยทั้งสิ้น

                       จริงอยู่การไปกราบพระ เข้าวัด ฟังธรรม นั้นดี  แต่เราต้องเอามาปฏิบัติในชีวิตประจำวันเราด้วย เช่น ศีล ๕ มันก้ได้ชื่อว่าเข้าใกล้พระพุทะองค์  แต่ส่วนใหญ่บรรดาคนใฝ่หาไปกราบหลวงพ่อดัง ๆ นั้น ยังประพฤติไปในทางเบียดเบียนสัตว์ เป็นส่วนใหญ่  ได้ชื่อว่ายังไม่เข้าใกล้พระพุทธองค์เลย

                        นอกจากนี้พระท่านก็คิดมาก เพราะมีคนมากราบไหว้บูชามาก  มีลาภสักการะมาก  มีโยมอุปัฏฐากมาก ก็เลยหลงตนเองใหญ่ จึงมีสำนักสงฆ์เกิดขึ้นมากมาย เกินจำเป็นโดยมีข้ออ้างบำรุงพุทธศาสนา  แต่จริง ๆ แล้วท่านทำเพื่อตนเองมากกว่า

                             ปัจจุบันเมืองไทยเรามีวัดมากมาย เป็นวัดล้าง และวัดแต่ละวัดแถวบ้านนอกก็มีพระอยู่น้อย  ควรจะหยุดสร้างวัด สร้างสำนักสงฆ์กันได้แล้ว  หันมากระทำตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน  อย่างน้อยรักษาศ๊ล ๕ ให้มั่นก็เพียงพอแล้ว

                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9870 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2556, 05:32:10 »

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9871 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2556, 05:40:56 »

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9872 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2556, 06:51:57 »

ไต้ฝุ่น "อูตอร์" จะขึ้นฝั่งที่มณฑลกวางตุ้งในช่วงค่ำของคืนนี้ ความเร็วศูนย์กลางอยู่ประมาณ 150 กม./ชม.
แต่ช่วงนี้ประเทศไทยรับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงจากทะเลอันดามันและอ่าวไทย
ทำให้ทุกภาคมีฝนอยู่ในช่วง 60-70% ของพื้นที่


พยากรณ์อากาศ ประจำวันพุธที่ 14 สิงหาคม 2556
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"พายุไต้ฝุ่น “อูตอร์” "

ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2556

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.  เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (14 ส.ค.56) พายุไต้ฝุ่น “อูตอร์” (UTOR) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 200 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกของเกาะไหหลำ ประเทศจีน หรือที่ละติจูด 20.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะขึ้นฝั่งบริเวณมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนในคืนนี้ (14 ส.ค.56) จากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน และพายุดีเปรสชันตามลำดับ สำหรับพายุ “อูตอร์” (UTOR) นี้เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกแรกที่เกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ของปีนี้ โดยมีความรุนแรงเทียบเคียงกับพายุไต้ฝุ่นเกย์ (GAY) ที่มีผลกระทบต่อภาคใต้ของประเทศไทยในอดีตที่ผ่านมา ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศจีนตอนใต้ และเกาะฮ่องกงขอให้ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางไว้ด้วย
อนึ่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันตกและชายฝั่งภาคตะวันออกมีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย
 
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัด
เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย
บึงกาฬ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร และขอนแก่น

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคกลาง  มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
 
ภาคตะวันออก  มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
 
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
 
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆมากกับมีโอกาสฝนตก ร้อยละ 70
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
 
 
      บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #9873 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2556, 19:07:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 สิงหาคม 2556, 20:14:28
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                       ลิงอุรังอุตัง มีชาติพันธ์ใกล้เคียงมนุษย์ที่สุด และเป็นสัตว์กินพืช ผัก  ผลไม้ ไม่กินเนื้อสัตว์ จึงไม่เจ็บป่วยอะไร จึงเป็นแบบอย่างที่มนุษย์ ควรจะกินแบบนั้น คือกินผัก ผลไม้ให้มาก และหลากหลาย งดกินเนื้อสัตว์ที่เลี้ยลูกด้วยน้ำนม(กินได้แต่ไม่ควรกินมาก คือบ่อย ๆ)

                       เหตุที่ลิงอุรังอุตัง ท้องปลิ้น ป่อง เพราะ มันยืนแบบคนไม่ได้ ต้องเดินสี่ขา พุงมันเลยป่องเป็นธรรมชาติของมัน

                       สัตว์ที่กินพืช  จะตัวใหญ่ และแข็งแรง เช่น ช้าง  แรด  ควาย  ยีราฟ ม้า......... ขยัน และอายุยืน

                       สัตว์กินเนื้อ อายุสั้น มีแต่โรคโดยเฉพาะไวรัส เช่น สิงโต  เสือ  จรเข้ หมาป่า ....และขี้เกียจ

                       ดังนั้น เราควรกินผัก  ผลไม้ให้มาก ตามฤดูกาล  แต่โปรตีนก็สำคัญ  กินเนื้อบ้างแต่ให้น้อย

                       สำหรับพี่สิงห์ ได้กลิ่นเนื้อ หมู  ไก่  ปลา  มันชักไม่ชวนรับประทานแล้ว มันเหม็น  แต่ก็ต้องฝืนกินบ้าง เพื่อไม่ให้ขาดโปรตีน  ช่วงเดือน สองเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากกินเนื้อสัตว์น้อย  ผลคือ ตีกอล์ฟไม่ไกล เลย กล้ามเนื้อรีบ ไม่มีกำลัง  ระยะหายไปแบบน่าตกใจมาก  ถ้าเป็นแบบนี้คงเล่นเพื่ออกกำลังกายแล้ว  แข่งขันไม่ได้เพราะตีสั้นเกินไป  ต้องยอมรับความจริงแล้ว  จน Caddy ยังรู้เลย  

                       สวัสดีค่ะ


พี่สิงห์ที่เคารพ
อายุมากขึ้นฟันฟางก็ไม่แข็งแรง
จาเคี้ยวเนื้อก็ค่อยๆงึดงึดงึด..
เนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อหอยคะพอได้

ขาดโปรตีนแล้วไม่มีกำลังคะ นึกภาพออก
มีผลิตภัณฑ์จากนมพี่ทานแทนได้ค่ะ!
cheeseไงพี่ มีแคลเซี่ยมสูงด้วยคะ

ไม่ใช่Schimpanseเหรอพี่?
หรือape ที่มีความใกล้เคียงมนุษย์??
ไม่ใช่Urang-utangแน่ๆขนแดงออกยังงั้น!!
      บันทึกการเข้า


Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9874 เมื่อ: 14 สิงหาคม 2556, 19:57:56 »

อ้างถึง
ข้อความของ khesorn mueller เมื่อ 14 สิงหาคม 2556, 19:07:54
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 13 สิงหาคม 2556, 20:14:28
สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋ง ที่รัก

                       ลิงอุรังอุตัง มีชาติพันธ์ใกล้เคียงมนุษย์ที่สุด และเป็นสัตว์กินพืช ผัก  ผลไม้ ไม่กินเนื้อสัตว์ จึงไม่เจ็บป่วยอะไร จึงเป็นแบบอย่างที่มนุษย์ ควรจะกินแบบนั้น คือกินผัก ผลไม้ให้มาก และหลากหลาย งดกินเนื้อสัตว์ที่เลี้ยลูกด้วยน้ำนม(กินได้แต่ไม่ควรกินมาก คือบ่อย ๆ)

                       เหตุที่ลิงอุรังอุตัง ท้องปลิ้น ป่อง เพราะ มันยืนแบบคนไม่ได้ ต้องเดินสี่ขา พุงมันเลยป่องเป็นธรรมชาติของมัน

                       สัตว์ที่กินพืช  จะตัวใหญ่ และแข็งแรง เช่น ช้าง  แรด  ควาย  ยีราฟ ม้า......... ขยัน และอายุยืน

                       สัตว์กินเนื้อ อายุสั้น มีแต่โรคโดยเฉพาะไวรัส เช่น สิงโต  เสือ  จรเข้ หมาป่า ....และขี้เกียจ

                       ดังนั้น เราควรกินผัก  ผลไม้ให้มาก ตามฤดูกาล  แต่โปรตีนก็สำคัญ  กินเนื้อบ้างแต่ให้น้อย

                       สำหรับพี่สิงห์ ได้กลิ่นเนื้อ หมู  ไก่  ปลา  มันชักไม่ชวนรับประทานแล้ว มันเหม็น  แต่ก็ต้องฝืนกินบ้าง เพื่อไม่ให้ขาดโปรตีน  ช่วงเดือน สองเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากกินเนื้อสัตว์น้อย  ผลคือ ตีกอล์ฟไม่ไกล เลย กล้ามเนื้อรีบ ไม่มีกำลัง  ระยะหายไปแบบน่าตกใจมาก  ถ้าเป็นแบบนี้คงเล่นเพื่ออกกำลังกายแล้ว  แข่งขันไม่ได้เพราะตีสั้นเกินไป  ต้องยอมรับความจริงแล้ว  จน Caddy ยังรู้เลย  

                       สวัสดีค่ะ


พี่สิงห์ที่เคารพ
อายุมากขึ้นฟันฟางก็ไม่แข็งแรง
จาเคี้ยวเนื้อก็ค่อยๆงึดงึดงึด..
เนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อหอยคะพอได้

ขาดโปรตีนแล้วไม่มีกำลังคะ นึกภาพออก
มีผลิตภัณฑ์จากนมพี่ทานแทนได้ค่ะ!
cheeseไงพี่ มีแคลเซี่ยมสูงด้วยคะ

ไม่ใช่Schimpanseเหรอพี่?
หรือape ที่มีความใกล้เคียงมนุษย์??
ไม่ใช่Urang-utangแน่ๆขนแดงออกยังงั้น!!


สวัสดีค่ะ คุณน้องหนุ๋งหนิ๋่ง และทุกท่าน ที่รัก

                         กินอาหารแบบลิง นั้นดีที่สุด จะลิงชนิดไหน ได้ทั้งนั้น เพราะมันกินผลไม้  ไม่กินเนื้อสัตว์

                         แต่อย่ากินอาหารแบบพี่สิงห์เลย คือ  สักแต่ว่ากิน  ไม่มีรสชาด  กินเพราะรู้ว่ามันมีประโยชน์

                         ไม่ได้กินเพราะความอยาก

                        ปีนี้ ณ ปัจจุบัน คนไทยเป็นโรคไข้เลือดออกเดงกี้แสนกว่าคน และเสียชีวิตไปแล้วแปดสิบกว่าคน สาเหตุ ไปถึงมือแพทย์ช้าไป  คนที่ตายเป็นผู้ใหญ่ และเด็กพอ ๆ กัน  รายงานโดยกระทรวงสาธารณสุข น่ากลัวมาก เพราะโรคซา  ไข้หวัดนก ยังตายน้อยกว่า และป่วยน้อยกว่า เป็นข่าวใหญ่

                         แต่ไข่เลือดออก ระบาดหนักอย่างนี้  คนตายมากอย่างนี้  ไม่มีการรณรงค์เท่าที่ควร คนไทยยังนิ่งเฉย มันเงียบเกินไป  จนรับไม่ไหวแล้ว  ขอให้ตระหนักกันด้วยครับ  อย่าให้ยุงกัด หรือวางไข่ได้ในบ้านของเรา

                         ดังนั้น  จงระวัง จงหนัก  อย่าให้ยุงกัด เพราะมันกำลังระบาดหนัก ป้องกันไม่อยู่  ต้องช่่วยตัวเอง


                         พี่สิงห์ กลับจากทำงานถึงบ้านแล้ว

                         สวัสดี
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 393 394 [395] 396 397 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><