01 กรกฎาคม 2567, 16:00:55
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 372 373 [374] 375 376 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3338949 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
suriya2513
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,457

« ตอบ #9325 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 11:36:48 »

สาธุ มะยังภันเต
      บันทึกการเข้า

[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี  คลิ๊ก->
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9326 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 20:32:54 »

อ้างถึง
ข้อความของ suriya2513 เมื่อ 13 มิถุนายน 2556, 11:36:48
สาธุ มะยังภันเต

                สาธุ เป็นการแสดงถึงการกราบไหว้ มี ๒ อย่าง คือ กราบด้วยความจริงใจ  กับกราบด้วยการไม่ตั้งใจ กระทำไปตามประเพณีนิยม ไม่ให้คนอื่นดูแคลนได้

                แต่ถ้ากราบด้วยความตั้งใจ จะมีอานิสสงค์มาก กุศลจะบังเกิดกับผู้กราบ  ผู้พบเห็นย่อมสรรเสริญว่าดี

                แต่ถ้ากราบด้วยความไม่ตั้งใจ ผู้พบเห็นจะนินทา

                ภันเต เป็นภาษาฮินดี ทีคนอินเดียปัจจุบัน เรียกพระในพุทธศาสนาว่า ภันเต

                มะยัง นั้นไม่ทราบเพราะไม่ได้เรียนภาษาบาลี  แต่ถ้าให้เดา มันเป็น คำแสดงการเริ่มต้นในการขอรับศีลจากพระ

                สาธุ มะยังภันเต  เรียนเชิญทุกท่าน แปลกันเอง

                สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9327 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 21:06:22 »



ได้เห็นบ่อย ๆ เป็นการสอนจิต ให้มีสำนึก จะได้กระทำตาม  มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์ที่ต้องกระทำ


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                   เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะรับประทานอาหารเพล และพักเที่ยง ได้พูดคุยกับลูกชาย Big Boss ที่สมุทรสาคร เนื่องจากท่านเป็นศิษย์ เคยไปปฏิบัติธรรมและติดตามการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของ พระอาจารย์มัตซุโอะ  ได้สอบถามผมถึงเรื่องที่เกิดขึ้น  ผมก็ได้อธิบายให้ท่านเข้าใจ  ตามแบบที่อธิบายให้ ดร.สุริยา รับทราบ

                    ท่านก็สรุปเองว่า มันก็จริงของอาจารย์  มันเป็นเรื่องของพระอาจารย์มัตซุโอะ  ท่านตัดสินใจของท่านเอง  เราต่างหากที่ไปกังวล  ไปเดือดร้อน  ไปเสียดาย แทนท่าน  ทั้ง ๆ ท่านพระอาจารย์มัตซุโอะ ท่านก็สุขสบายดี ไม่ได้กังวลอะไรเลย

                   จิตมนุษย์ มันเป็นเช่นนี้เอง  ชอบเรื่องของชาวบ้าน  ไม่อยู่กับกายตน

                   เนื่องจากท่านต้องรับงานจากคุณพ่อ กังวลเรื่องตัวเอง  กังวลเรื่องลูก (จบวิศวกรโยธาจากอเมริกา มีเมียฝรั่ง มีลูก) และกังวลเรื่องงาน  จนผมสังเกตได้ว่า ร่างกายดูไม่สดชื่นเลย เหมือนอมทุกข์เอาไว้ในใจ  ผมเลยต้องพูดให้ฟังเรื่องพฤติกรรมของจิต  ที่ชอบกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง  เสียดายเวลา โอกาส ที่ผ่านไป  ไม่อยู่กับปัจจุบัน  ลืมสิ่งที่ต้องกระทำอยู่ตรงหน้า สอนให้เห็นความจริงแห่งจิต

                    ผมได้สอนให้เขาตามจิตให้เป็นปัจจุบัน  มันจะได้ไม่คิด  ทำในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า  ด้วยการมีสติ-สัมปะชัญญะ  พูดง่าย ๆ สอนให้ภาวนา และเอาสติมาใช้ในการทำงาน ไม่ให้หลงอยู่ในความคิด  อยู่กับความเป็นจริง ด้วยเหตุ-ปัจจัย  อธิบายอยู่สองชั่วโมง  จนท่านสามารถเข้าใจได้ดี  พอมีสติ ความกังวลมันก็หมดไป  ได้อธิบาย อริยสัจ ๔ และสติปัฏฐาน ๔ ให้เข้าใจ และเอาสติ-สัมปชัญญะนั้นมาใช้ทำงานและเรื่องส่วนตัว  ธรรมะของพระพุทธองค์นั้น สามารถเอามาใช้ในการทำงานได้ เพราะท่านสอนคนให้มีสติ-สัมปะชัญญา  ใช้ปัญญา  อยู่ด้วยเหตุ-ปัจจัย และอยู่กับความเป็นจริง

                    หลังจากนั้นบ่ายสองจึงกลับบ้านเพื่อไปงานพระราชทานเพลิงศพพี่สวัสดิ์   โสภะ

                    พรุ่งนี้เช้าอยู่บ้าน คงได้หุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน

                    หลังจากนั้น เดินทางไปทำงานที่สมุทรสาคร ในช่วงเช้า ที่จะทำเครื่องมือช่วยเทคอนกรีต

                    สำหรับนครศรีธรรมราชนั้น ไปเช้าวันเสาร์ boarding 09:15 น. มีประชุมกรรมการบริหารวันอาทิตย์เช้า กลับ กทม. boarding 15:55 น.

                    วันจันทร์มีนัดกับพี่พงษ์ศักด์  คุณดิเรก และเทรากาว่าซัง นัดตีกอล์ฟ คุยเรื่องงาน กันที่สนาม เซอร์เจมส์ ปากช่อง

                    ชีวิตผม มันก็เป็นอย่างนี้  วันนี้อยู่บ้านในช่วงเช้า  ไม่มีอะไรทำ  ได้พิจารณาตัวเอง เพราะห่างไกลการเดินทาง-งาน เป็นเวลาดี ได้กับมาดูจิต ได้เข้าถึงอารมณ์สุขที่ถาวร แต่เป็นชั่วครู่ชั่วยาม  ทำให้ไม่ลืม

                     แต่บ่ายมีนัดกับพรรคพวก วศ.๑๓ ไปตีกอล์ฟที่สนามงู ในทีม วศ.๑๓ เล่นได้เจ็ดหลุม ฝนตก เลยเลิกกลับบ้านดีกว่า  มันไม่คุ้ม เล่นกลางฝน  ฟ้าแรง และอาจเป็นหวัดได้

                     เป็นโปร.นี่ไม่ดีเลย เพื่อนฝูง ตั้งความหวังเอาไว้สูง ดร.พิมพ์วรินทร์อยากเล่นด้วย และมาดูการ TEE OFF หลุมแรก เพราะอยากดูฝีมือ บังเอิญผม Drive ได้ไกล ตรง ทิ้งเพื่อนร่วมรุ่นอีกสี่คนประมาณ ๕๐ หลา ดร. บอกว่าไม่ผิดหวังสมราคาที่เป็นโปร. อยากเล่นด้วยจริง ๆ  ผมก็บอกว่าเอาไว้วันหลังจะไปเล่นด้วย

                     ก็รายงานให้ทราบ สำหรับวันนี้

                     ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
พธู ๒๕๒๔
Administrator
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ซื่อต่อนายไม่หน่ายมิตรใกล้ชิดลูกน้องคุ้มครองชาวBan
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 64
คณะ: niti
กระทู้: 7,842

เว็บไซต์
« ตอบ #9328 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 23:27:44 »

มะยัง (We) เป็นภาษาบาลี แปลว่า พวกเรา
      บันทึกการเข้า

เว้นชั่ว ประพฤติชอบประกอบแต่สิ่งดีงาม ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9329 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2556, 05:45:59 »

อ้างถึง
ข้อความของ พธู ๒๕๒๔ เมื่อ 13 มิถุนายน 2556, 23:27:44
มะยัง (We) เป็นภาษาบาลี แปลว่า พวกเรา
ได้เห็นบ่อย ๆ เป็นการสอนจิต ให้มีสำนึก



จิตปุถุชนม์โดยทั่วไปที่มิได้สดับ(เป็นอวิชชา)



จิตบุคคลที่ได้สดับ(วิชชา) และลงมือภาวนาและตื่นแล้ว



จิตบุคคลที่บรรลุเจโตวิมุติ



สวัสดีครับ ป๋าทู(พธู)๒๕๒๔ และชาวซีมะโด่ง-แขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                     เป็นความรู้ใหม่ มะยัง แปลว่า พวกเรา  ก็น่าจะถูกต้องแล้ว

                     สาธุ มะยังภันเต   แปลว่า พวกเราขอกราบพระคุณเจ้าทั้งหลายเพื่อ...........

                     แต่ ดร.สุริยา  เขาไม่กราบเราจริงหรอก!

                    (ผิดอีกแล้วหนอเรา เป็นการคิดไปเอง คิดแทน ดร.สุริยา เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เป็นการก่อทุกข์ คือความกังวลไปในอดีต ไม่สมควรที่จะคิดแทนผู้อื่น หรือกังวลในสิ่งที่เรายังไม่ได้ทำ นี่ละสาเหตุใหญ่ขอมนุษย์ คือความวิตกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง คิดแทนผู้อื่น หรือนินทาเรื่องของชาวบ้านนั่นเอง เพราะมนุษย์ชอบอิจฉาโดยไม่รู้ตัว......อีกมาก)

                     เมื่อเรารู้พฤติกรรมจิต  มันเป็นอย่างนี้เราต้องคอยเตื่อนตัวเอง  ซึ่งบางครั้งกระทำได้  ถึงมันจะเป็นอนัตตาก็จริง การเตือน คือการรู้ตัว หรือรู้สึกตัว มันจะมีสติ  พอมีสติ สิ่งที่คิดมันจะหยุดกลายเป็นอดีต จะได้คิด ว่าอะไรก่อประโยชน์ สมควร ถูกต้องก็กระทำ  แต่ถ้าไม่ถูกต้อง ไม่ก่อประโยชน์ ก็อุเบกขาเสีย

                      จิตคนสามารถฝึกได้  เตือนตัวเองให้บ่อย ๆ คอยระลึกอยู่เสมอว่า ณ ปัจจุบันจิตเรา(ความรู้สึก) มันอยู่ที่ไหน  ตามให้ทันเข้าไว้  สิ่งดี ๆ มันจะมาเองโดยธรรมชาติ

                       เช้านี้ฝากทุกท่านเป็นข้อคิดครับ

                       ต้องขอบคุณพธูู๒๕๒๔ เพราะทำให้มีอะไรเขียนสู่กันพิจารณา

                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9330 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2556, 20:52:54 »

สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                       ไม่รู้จะเริ่มต้นอะไรเหมือนกัน  วันนี้ปัญญามันไม่เกิด เพราะจิตมันยังหลงในกามฉันท คือความพอใจ ความยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสทางกาย  จนทำให้เกิดโมหะ คิดเข้าข้างตนเอง แบบข้าง ๆ คู เอาเหตุผลมาเข้าข้างตนเอง  ปัญญาภายในมันจึงทึบ

                       พระพุทธองค์ท่านจึงทรงสอนว่า ผู้ทียังประพฤติอกุศลอยู่  ไม่ควรมีคุณสมบัติบรรลุธรรม  มันก็เป็นความจริงครับ

                       แต่เพราะความลังเลสงสัย นี่ละ  จึงอยากลอง  จะได้รู้ว่ามันจริงหรือไม่  และรู้แล้ว

                       ดังนั้น ผู้ที่จะภาวนาเพื่อเข้าถึงแก่นพุทธศาสนา สูงสุด คือนิพพาน นั้น ท่านต้องกระทำตามลำดับ คือ

                       ๑. สำรวมอินทรีย์ทั้ง ๖ ให้เป็นปกติ คือสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ยินดียินร้ายในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย และไม่ปล่อยใจนึกคิด  โดยมีอิทธิบาท ๔ เป็นตัวกำกับ

                       ๒. ต้องมีการกระทำทางกายสุจริต  มีวาจาสุจริต และมีใจสุจริต ด้วยการรักษาศีล อย่างน้อยศีล ๕ ให้มั่นตามหลักอิทธิบาท ๔

                       ๓. ตั้งสติปัฏฐาน ๔ มีสติ-สัมปะชัญญะ ณ ปัจจุบัน

                       ๔. มีสัมมัปทาน ๔

                       ๕. เพียรละนิวรณ์ ๕ ด้วยด้วยอินทรีย์ ๕ และพละ ๕

                       ๖. ใช้โพฌงค์ ๗ เป็นแนวทางในการปฏิบัติ

                       ๗. ดำรงค์อยู่ด้วย มรรค ๘

                           จนกระทั่งบรรลุเจโตวิมุติ ซึ่งผมก็ยังทำไม่ได้  ได้แต่รู้แนวทาง นี้แล้วเท่านั้น

                           แต่อย่างน้อยก็เข้าใจ  ฝังยั่งรากลึกในจิต ไม่คลอนแคลนแล้วในพุทธศาสนาของสมณโคดม ที่แท้จริง

                           ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

                            
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #9331 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2556, 22:54:34 »


สวัสดีค่ะพี่สิงห์
ขอบพระคุณที่เป็นตัวอย่างที่ดีในการรู้ทันจิตของตนเอง
โอปนยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ-ติ



อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 14 มิถุนายน 2556, 20:52:54
สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                       ไม่รู้จะเริ่มต้นอะไรเหมือนกัน  วันนี้ปัญญามันไม่เกิด เพราะจิตมันยังหลงในกามฉันท คือความพอใจ ความยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสทางกาย  จนทำให้เกิดโมหะ คิดเข้าข้างตนเอง แบบข้าง ๆ คู เอาเหตุผลมาเข้าข้างตนเอง  ปัญญาภายในมันจึงทึบ

                       พระพุทธองค์ท่านจึงทรงสอนว่า ผู้ทียังประพฤติอกุศลอยู่  ไม่ควรมีคุณสมบัติบรรลุธรรม  มันก็เป็นความจริงครับ

                       แต่เพราะความลังเลสงสัย นี่ละ  จึงอยากลอง  จะได้รู้ว่ามันจริงหรือไม่  และรู้แล้ว

                       ดังนั้น ผู้ที่จะภาวนาเพื่อเข้าถึงแก่นพุทธศาสนา สูงสุด คือนิพพาน นั้น ท่านต้องกระทำตามลำดับ คือ

                       ๑. สำรวมอินทรีย์ทั้ง ๖ ให้เป็นปกติ คือสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ยินดียินร้ายในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย และปล่อยใจนึกคิด  โดยมีอิทธิบาท ๔ เป็นตัวกำกับ

                       ๒. ต้องมีการกระทำทางกายสุจริต  มีวาจาสุจริต และมีใจสุจริต ด้วยการรักษาศีล อย่างน้อยศีล ๕ ให้มั่นตามหลักอิทธิบาท ๔

                       ๓. ตั้งสติปัฏฐาน ๔ มีสติ-สัมปะชัญญะ ณ ปัจจุบัน

                       ๔. มีสัมมัปทาน ๔

                       ๕. เพียรละนิวรณ์ ๕ ด้วยด้วยอินทรีย์ ๕ และพละ ๕

                       ๖. ใช้โพฌงค์ ๗ เป็นแนวทางในการปฏิบัติ

                       ๗. ดำรงค์อยู่ด้วย มรรค ๘

                           จนกระทั่งบรรลุเจโตวิมุติ ซึ่งผมก็ยังทำไม่ได้  ได้แต่รู้แนวทาง นี้แล้วเท่านั้น

                           แต่อย่างน้อยก็เข้าใจ  ฝังยั่งรากลึกในจิต ไม่คลอนแคลนแล้วในพุทธศาสนาของสมณโคดม ที่แท้จริง

                           ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

                           

      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9332 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 05:46:12 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                          เช้านี้ จิตเป็นปกติ ได้สวดมนต์ทำวัตรเช้า ทบทวนรับศีล ๘ พิจารณาสังขาร และนั่งภาวนา

                          วันนี้ได้หุงข้าวแล้ว  รอเดินไปซื้อกับข้าว เพื่อใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน

                            กินข้าวเช้าแล้วต้องรีบไปสนามบินดอนเมือง เพื่อไปทำงานที่นครศรีธรรมราช

                             วันนี้ วศ. ๑๓ มีนัดพบปะสังสรรค์ ประจำปี  ผมคงไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมด้วย

                              และขอบคุณ คุณน้องจันทร์ฉาย  ที่เข้ามาทักทาย  ย้ำเตือนพี่สิงห์ ให้ประพฤติธรรม

                               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9333 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 06:22:08 »



                                 การใส่บาตรพระ  เป็นการฝึกจิตตนเองอย่างหนึ่ง 

                                 เพื่อให้จิตมันได้รู้อารมณ์แห่งการให้ เสียสละ อนุเคราะห์ ผู้ที่สมควรได้รับ

                                 เมื่อใส่บาตรพระแล้ว เราได้แผ่เมตตาให้ผู้มีพระคุณ ญาติ มิตร เราสบายใจ  สุขใจ

                                  ดร.สุริยา   ลองตื่นมาใส่บาตรทุกวันสิ  แล้วจะรู้ว่า  ความวิตก  กังวล  มันไม่มีเลย  และดีต่อสุขภาพกาย-ใจ

                                    สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9334 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 08:34:08 »



สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                   พี่สิงห์ อยู่สนามบินดอนเมือง รอขึ้นเครื่องไปนครศรีธรรมราช Boarding 09:15 น.

                   เช้านี้สนามบินเงียบเหงาครับ คนไม่มากเท่าไร แสดงว่าไม่ใช่น่าท่องเที่ยว มันก็จริงเป็นฤดูฝนแล้วครับ

                   ฤดูฝน นกกระจาบที่สนามกอล์ฟ President กำลังเร่งทำรัง เพื่อ วางไข่ ฟักไข่ ลูกน้อยจะได้เติบโตทันเวลาข้าวออกรวง

                   ได้ใส่บาตร สติปัญญา กลับมาแล้ว  ขอทบทวนแนวทางปฏิบัติธรรม เพื่อบรรลุเจโตวิมุติ นิพพาน เพื่อให้ กระจ่างในจิต

                   พระพุทธองค์ทรงสอนว่า แนวทางในการบรรลุนิพพาน นั้น ต้องใช้โพธิปักขิยะธรรม ๓๗ ประการ ที่ประกอบไปด้วย

                   - อิทธิบาท ๔ (ฉันทะ  วิริยะ  จิตตะ  และวิมังสา) พึงนำอิทธิบาท ๔ มาใช้เพื่อประคองจิต เพื่อสำรวมอิมทรีย์ คือกาย วาจา  ใจ หรือใช้ในการรักษาศีล อย่างน้อย ศีล ๕ นั่นเอง และประคองตั้งจิตไว้ไม่ให้หลงระเริงในกามฉันท คือควรระวังตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย ไม่ให้ยินดีเมื่อตาเห็นรูป  หูได้ยินเสียง  จมูกได้ดมกลิ่น  ลิ้นได้สัมผัสรส  กายได้สัมผัสสิ่งภายนอก  เมื่อใดหย่อนยานก็นำอิทธิบาทมาใช้งานให้ทัน

                   - ตั้งมหาสติปัฏฐาน ๔ คือให้มีสติ ระลึกรู้อยู่ที่กาย เวทนา จิต ธรรม ทั้งตัวเรา และบุคคลอื่น ไม่ยินดี  ไม่เศร้าโศก ไม่ยึดมั่นว่าเป็นตน บุคคล  สัตว์ สิ่งของ ในธรรมทั้งหลาย และในรูป-นาม

                   - สัมมัปทาน ๔ คือประคองตั้งจิตไว้ในการที่จะพึงเพียรทำกุศลที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น  เพียรละอกุศลที่ยังไม่เกิดขึ้น ไม่ให้เกิดขึ้น  เพียรละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้สิ้นไป และเพียรสร้างกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป (ข้อนี้คือข้อที่แตกต่างจาก ศาสนาอื่น ๆ )

                   - อินทรีย์ ๕ คือธรรมที่เป็นใหญ่เพื่อจะละนิวรณ์ ๕ (กามฉันท  พยาบาท ถีนะมิทธะ อุทัจจะกุกัจจะ และวิจิกิจฉา)ที่เกิดขึ้นให้หมดไป ประกอบด้วย ศรัทธา  วิริยะ  สติ  สมาธิ และปัญญา

                   - พละ ๕ คือกำลัง หรือพลังเสริมแรงใจที่สามารถจะเอาชนะนิวรณ์ทั้ง ๕ ได้ ประกอบไปด้วย พลังศรัทธา  พลังวิริยะ  พลังสติ  พลังสมาธิ และพลังปัญญา

                   - โภชฌงค์ ๗ คือ แนวทางดำเนินในการภาวนาให้สำเร็จ หรือเพื่อบรรลุธรรม ประกอบด้วย สติ  ธัมมะวิจยะ วิริยะ ปีติ  ปัสสัทธิ  สมาธิ และอุเบกขา

                   - มรรค ๘ คือ ดำรงจิตของตนอยู่ด้วย มรรค ๘ ประกอบด้วย สัมมาทิฏฐิ  สัมมาสังกัปปะ  สัมมาวาจา  สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ  สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ

                     รวมเป็นโพธิปักขิยะธรรม ๓๗ ประการ

                     สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกเหนือจากการตามจิตให้ทันด้วยการมีสติ-สัมปะชัญญะ และเป็นสมาธิแล้ว  ท่านต้องพิจารณาธรรม  ให้จิตมันเห็นธรรมตามความเป็นจริงให้ได้ นะครับ เพราะท่านหยุดคิดไม่ได้  จะอยู่เพียงสมถะสงบจิตไม่ได้  มันต้องเกิดวิปัสสนาญาณจากธัมมะวิจยะ นี่ละครับ

                     สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9335 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 11:32:58 »

อาลัย รัก พี่เปรมประจักษ์ อดีตประธานชมรม ๒ สมัย ผู้จากไปไม่กลับ





                       พี่สิงห์  อยู่นครศรีธรรมราช แล้ว

                       ดร.สุริยา  ได้โทรศัพท์มา ขณะอยู่บนเครื่องบิน  จึงไม่ได้รับสาย

                       เมื่อเปิดโทรศัพท์ดู  จึงโทรกลับ

                       ได้รับข่าว พี่เปรมประจักษ์ อดีตประธานชมรม ๒ สมัย ได้เสียชีวิตลงอีกท่านหนึ่ง

                       ก็ได้แต่แสดงความเสียใจกับครอบครัวของพี่เปรมประจักษ์

                       มนุษย์เรา ถ้าไม่ดูแลร่างกายตั้งแต่ยังหนุ่ม  ย่อมเป็นโรคเรื้อรัง ความดัน  เบา  หวาน  หลอดเลือดหัวใจ แบบนี้แหละ

                       ตอนหนุ่มก็ บอกว่ากูไม่เป็นไร  แต่พอเป็นเข้าแล้วเมื่ออายุมากขึ้น  แก้ไขอะไรไม่ได้  ต้องทนทุกข์ และจากไปในที่สุด

                       ขอให้พิจารณาความจริงอันนี้ เอามาเป็นบทเรียนสำหรับตัวเรา

                       สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9336 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 12:40:49 »

อาลัย ระลึกถึง พี่เปรมประจักษ์ อดีตประธานชมรม ฯ





<a href="http://cmadong.com/mediaplayer.swf?file=http://www.cmadong.com/board/files/song/Track13.mp3" target="_blank">http://cmadong.com/mediaplayer.swf?file=http://www.cmadong.com/board/files/song/Track13.mp3</a>

ขับร้องโดย : พี่เปรมประจักษ์ โปตะวณิช

ระลึกถึงพี่เปรม ก็ฟังเสียงแทนครับ


ความตาย  มนุษย์ทุกคนย่อมประสบไม่ละเว้น ไม่ช้าก็เร็ว มันเป็นไปตามกรรม

ขอจงมีสติ - สัมปะชัญญะ

อยู่ด้วยความไม่ประมาท




                       เจ้าของเพลง "ลมสื่อรัก"

                                         ลมแผ่วโบย  โชยพัดวี  จามจุรี  ใบไหวเอน  เช่นลมรัก โชยฤทัย......



          วันนี้ วันเสาร์ที่ ๑๕ มิถุนายน เวลา๑๖:๓๐ น. รดน้ำศพพี่เปรมประจักษ์  ศาลา ๑ วัดมงกุฏฯ

          วันอังคารที่ ๑๘ มิถุนายน เวลา ๑๘:๓๐ น. ทางสมาคมฯ จะเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพ

          วันอาทิตย์ที่ ๒๓ มิถุนายน ฌาปนกิจศพ พี่เปรมประจักษ์ เวลา ๑๔:๐๐ น.


                        ขอเรียนเชิญ ชาวซีมะโด่งทุกท่าน ที่ยังระลึกถึง พี่เปรมประจักษ์ ไปร่วมงานด้วยครับ

                        ขอบคุณมาก

                        มานพ  กลับดี




      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9337 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 16:40:23 »

อาการป่วยของ พี่เปรมประจักษ์ โปตะวณิช ระยะสุดท้าย


                       หลังจากที่ไปรักษาตัวที่ รพ.โรคทรวงอก
                       หมอได้ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ก่อนที่จะให้พี่เปรมไปพักรักษาตัวที่บ้านต่อ
                       ประมาณ 1 เดือนจึงทราบว่า พี่เปรม เป็นมะเร็งปอด ระยะสุดท้าย
                       ซึ่งลุกลามเข้าไปในกระดูกแล้ว ไม่ได้รู้มาก่อนเลย

                       พอรู้ผลการตรวจ พี่แดงก็พาพี่เปรมไปรักษาอาการที่สถาบันจุฬาภรณ์
                       พยายามจะติดต่อเพื่อนๆ แต่ไปกดปุ่มลบเบอร์ที่บันทึกไว้...หายหมดเลย
                       จะฉีดครีโมฯ  หมอก็บอกว่าทรมานมาก ให้พี่เปรมไปแบบสบายเถอะ
                       ช่วง 6 วันที่อยู่ รพ.จุฬาภรณ์ ก็ยังคุยเล่นกับพยาบาล
                       บอกว่า ... เรียนถาปัด มามีมุข เยอะ
                       อาการก็เป็นที่รู้กันว่า...ช่วงสุดท้ายเหมือนไม่เป็นอะไรเลย
                       เมื่อคืน ตอน 2 ทุ่ม พี่เปรมก็นอนหลับไป
                       และไม่ตื่นอีกเลย ไม่ได้เจ็บปวดอะไร
                       พี่เปรมไปสบายแล้วครับ...















ผมลาจากไปแล้วครับ  พวกคุณ จงอยู่ด้วยความไม่ประมาท


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                        พี่สวัสดิ์   โสภะ  จากไปด้วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่ตับอ่อน ตรวจไม่พบมาก่อน

                        พี่เปรมประจักษ์   โปตะวณิช  จากไปด้วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ตรวจไม่พบมาก่อน

                        เรารู้ว่ามะเร็งมีในคนทุกคน แต่ธรรมชาติได้สร้างภูมิต้านมะเร็งอยู่ในร่างกายสมดุลย์กัน

                         แต่ถ้าเราประมาท  ขาดสติ-สัมปชัญญะ หลงระเริงในรสของอาหาร ไม่ออกกำลังกาย  พักผ่อนไม่เพียงพอ  วิตกกังวล  มะเร็งก็จะมีอำนาจเหนือ ภูมิต้านทานจากธรรมชาติ  หรือท่านที่เป็นโรคเรื้อรังอยู่ก่อนแล้ว ก็จะพัฒนาเป็นมะเร็งได้ ........... ไม่รู้สาเหตอีกมากในการเกิดมะเร็ง

                          แต่ถ้าเราได้ดูแลร่างกายของเราอยู่ได้ด้วยความไม่ประมาทแล้ว  มันยังเป็นมะเร็ง  ก็จงทำใจว่ามันเป็นกรรมเก่าในอดีต มาชดใช้ชาตินี้ให้หมดสิ้นไป  มันก็สบายใจ  อยู่กับมันได้

                          ก็บอกความจริงให้พิจารณา  กันด้วยปัญญา ครับ

                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9338 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 19:48:21 »

 รดน้ำศพ พี่เปรมประจักษ์   โปตะวณิช



พี่เปรม  จากไปแล้วจริง ๆ

อีกไม่ช้า ไม่นานเราก็ต้องไปแบบนี้เช่นเดียวกัน หนีไม่พ้น

ชีวิตนี้สั้นนัก  เหลือไว้แต่คุณความดีให้ระลึกถึงกัน

จงอยู่ด้วยความไม่ประมาท  ด้วยการมีสติ - สัมปะชัญญะ




ภรรยาพี่เปรมประจักษ์



ท่านอาจารญเผ่า   สุวรรณศักดิ์ศรี










สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือนที่รัก ทุกท่าน

                    คุณอดิสร  ได้ไปร่วมงานรดน้ำศพ พี่เปรมปรุจักษ์   โปตะวณิช  และส่งภาพมาให้  

                    ต้องขอขอบคุณ อดิสร   มา ณ  ที่นี้ด้วยครับ  ที่ให้ความกรุณา อย่างดียิ่ง

                     คุณอดิสร  กับพี่เปรม  นั้นสนิทกันพอสมควร เพราะทำงานร่วมกันมาให้กับชมรมซีมะโด่ง

                     ต้องขอขอบคุณท่านอาจารย์เผ่า  คุณรองรัตน์  คุณหนุ๋น และคุณอดิสร  ที่เป็นตัวแทนชาวซีมะโด่ง ในพิธีรดน้ำศพ พี่เปรมประจักษ์   โปตะวณิช   ในวันนี้ด้วยครับ

                     ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ

      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9339 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 05:44:39 »

วันนี้ ทางหอพักนิสิต  จัดทำบุญประจำปีเพื่อเป็นสิริมงคล และ

อุทิสส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับเช่น อาจารย์ประยูร  ร่มโพธิ์ อดีตอนุสาสกผู้ก่อตั้งชมรมซีมะโด่ง









สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                        เช้านี้ เวลา 10:30 น. ทางหอพักนิสิต  ได้จัดทำบุญประจำปีที่หอพัก เรียนเชิญทุกท่านที่มีเวลาไปร่วมทำบุญครับ  สำหรับผมคงไม่ได้ไปเพราะรู้ช้าเกินไป จองตั๋วเครื่องบินไว้ก่อนแล้ว และมีประชุมกรรมการบริหาร SICON ที่ย้ายวันประชุมจากวันเสาร์ มาเป็นวันอาทิตย์แทน

                        เช้านี้ขอยกเอาพระสูตรของพระองค์ที่ทรงสอนอยู่ในโอวาทปาฏิโมกข์ มาให้ทุกท่านได้พิจารณา คือ "มัตตัญญุตา  จะ  ภัตตัสฺมิง  แปลความว่า ความเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค" พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนให้มีสติในการบริโภค เพราะภิกษุต้องอาศัยข้าวจากชาวบ้านคือ อะไรที่บริโภคมากเกินไปจะก่อโรค  ต้องการฉันอาหารที่ปราณ๊ตเกินไปชาวบ้านจะเดือดร้อน ไม่กินตามใจปราถนา ไม่กินอย่างปุถุชนม์

                         การกินอย่างรู้ประมาณ ในฐานะเราเป็นปุถุชนม์ผู้สดับ คือ

                         ๑. กินในปริมาณที่พอเหมาะพอดี เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย  กินมากจะสะสมเป็นไขมัน ก่อโรคเรื้อรัง

                         ๒. กินให้ครบหมู่ ๕ หมู่ ไม่จำเจ  และ "กินอาหารให้เป็นยา"

                         ๓. กินให้ตรงเวลา และมื้อเช้าเป็นมือสำคัญ

                         ๔. ไม่กินตามใจปาก

                         ๕. ไม่กินผัดน้ำมันมากเกินไป หรือที่มีรสจัด เปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน

                         ๖. ที่สำคัญกินอย่างมีสติ

                              พิจารณาเอาเอง  ถ้ากินด้วยความขาดสติ โรคเรื้อรัง  มะเร็ง จะมาพรากชีวิตของเราเร็วเกินเวลา

                              สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9340 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 08:27:41 »



"มัตตัญญุตา  จะ  ภัตตัสฺมิง  แปลความว่า ความเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค"


สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                        เช่านี้อากาศที่นครศรีธรรมราช เมื่อคืนมีฝนตกพรำ ๆ ตลอด มองไปทางเขาหลวงมีเมฆฝนหนาทึบ ฝนคงตกทุกวันในช่วงนี้ จะมากจะน้อยต่างกันไปเท่านั้น ครับ

                        เช้านี้ผมก็ยังรับประทานตามในภาพที่ท่านเห็น  เรากินเพื่ออยู่  ไม่ได้อยู่พื่อกิน

                        การรู้ประมาณในการกิน คือ กินอย่างมีสติ ประกอบไปด้วยประโยชน์ต่อตนเอง และไม่ให้ผู้อื่นเดือดร้อน

                        อาหารมื้อเช้า ต้องกินอย่างราชา เพื่อสุขภาพกาย ใจ ที่ผ่องใส ตลอดวัน

                        อาหารมื้อกลางวัน กินแบบสุภาพสตรี(รักษาควมสวย ความงาม) จะทำให้ไม่ง่วง หรือเซื่องซึม

                        อาหารมื้อเย็นนั้น ต้องกินแบบปู่ย่าตายาย คือ กินผักเป็นพื้น และต้ม  แต่ถ้ากินแบบยาจก กรรมกร ไม่สมควรเพราะมีแต่จั๊งฟู๊ด

                        อาหารถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่เราจะต้องเอาชนะใจเรา อย่ากินตามปาก หรือ กินตามความอยาก

                        อย่าลืม "กินอย่างไร  ได้อย่างนั้น"

                        ถ้าท่านไม่เห็นจริงตามนี้ ท่านจะมีแต่โรคเรื้อรัง และบุตร หลานท่านจะเดือดร้อนเพราะท่าน

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9341 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 20:41:21 »

สวัสดียามค่ำครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                       พี่สิงห์  อยู่กรุงเทพฯ แล้วครับ

                       เดี๋ยวนี้พี่สิงห์  กลายเป็นคนแก่  ยิ่งแต่งชุดอุบาสก ไปทำงานด้วย ได้รับการกราบไหว้ หลีกทางให้  อำนวยความสะดวก ในที่สาธารณะ มาก จนเกรงใจต้องรีบขอบคุณ และไหว้ตอบ

                       คราวที่แล้วนั่ง Nok Air ไปนครศรีธรรมราช โดยมี สว.นครศรีธรรมราช นั่งแถวเดียวกัน  พอลงจอด ยืนขึ้นเพื่อจะไปหยิบกระเป๋า Computer ท่าน สว.นครศรีธรรมราช  รีบยกลงมาให้ทันที  ต้องรีบกราบขอบคุณทันที

                       วันนี้เป็นวันพระ  ขอให้ทุกท่านสวดมนต์ ทำจิตให้ผ่องใส หยุดคิด  ด้วยการมีสติ ก่อนนอน  จะได้หลับอย่างมีสติ  ดีต่อสุขภาพ  สำหรับผมวันนี้ตั้งใจสวด มรรค๘ ต่อจากบทสวดมนต์ทำวัตรเย็น เป็นการทบทวนตัวเอง ให้ดำรงค์อยู่ด้วย มรรค ๘ อย่างมีสติ-สัมปะชัญญะ

                       ทุกวันพระบทที่หน้าสวดเพิ่มก็มี มรรค ๘  อิทัปปัจจยตา  ธัมจักรกัปวนสูตร อนันตลักขณสูตร อาทิตยสูตร มงคล ๓๒ ประการ เป็นต้น สวดเพื่อนำไปปฏิบัติ และสวดให้เกิดปัญญา  ลองดูครับ

                       ค่ำนี้ไม่มีอะไรจะให้พิจารณาครับ

                       ราตรีสวัสดิ์ทุกท่าน
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #9342 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 20:53:15 »

สวัสดีครับพี่สิงห์

วันนี้วันพระ แต่เป็นวันหวยออกด้วย!!
น่าเศร้าครับ หวยเลขรถยนต์นายกฯ ไม่ออก เลขเด่นไม่ออกเลย เจ้ามือกินรวบ
ไปตลาดเก้าเลี้ยวช่วงสี่โมงเย็น มีแต่แม่ค้าครับ ไม่มีคนเดินเลย หวยกินหมด
น่าเศร้าใจจริง ??
คนเล่นหวย-เจ๊งหวย ไม่มีเงินซื้อของ, แถมพาแม่ค้า-แม่ขายเจ๊งตามไปด้วย
      บันทึกการเข้า
lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #9343 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 21:31:46 »

สวัสดีพี่สิงห์และชาวซีมะโด่งทุกท่านครับ วันนี้ผมขอนำ VDO เมื่อ 10ปีแล้วมั้งที่พี่มอบหมายให้ผมไปถ่าย VDO สัมภาษณ์พี่เก่ามาครับ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=b6t0kVHr3nM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=b6t0kVHr3nM</a>
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9344 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 05:35:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ lek_adisorn เมื่อ 16 มิถุนายน 2556, 21:31:46
สวัสดีพี่สิงห์และชาวซีมะโด่งทุกท่านครับ วันนี้ผมขอนำ VDO เมื่อ 10ปีแล้วมั้งที่พี่มอบหมายให้ผมไปถ่าย VDO สัมภาษณ์พี่เก่ามาครับ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=b6t0kVHr3nM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=b6t0kVHr3nM</a>


สวัสดีครับ คุณอดิสร

                         ขอบคุณมากครับ  ในการที่ยังรักษา VDO นี้เอาไว้ได้  มันมีค่ายิ่งในตอนนี้

                         และจะมีค่ามากยิ่งขึ้น เมื่อพวกเราชาวซีมะโด่ง ไปร่วมกันเป็นเจ้าภาพ และเผาศพพี่เปรม กันให้มาก ๆ นั่นคือสิ่งที่เราจะสามารถกระทำให้พี่เปรม  ได้ในเวลานี้

                         สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9345 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 05:44:22 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 มิถุนายน 2556, 20:53:15
สวัสดีครับพี่สิงห์

วันนี้วันพระ แต่เป็นวันหวยออกด้วย!!
น่าเศร้าครับ หวยเลขรถยนต์นายกฯ ไม่ออก เลขเด่นไม่ออกเลย เจ้ามือกินรวบ
ไปตลาดเก้าเลี้ยวช่วงสี่โมงเย็น มีแต่แม่ค้าครับ ไม่มีคนเดินเลย หวยกินหมด
น่าเศร้าใจจริง ??
คนเล่นหวย-เจ๊งหวย ไม่มีเงินซื้อของ, แถมพาแม่ค้า-แม่ขายเจ๊งตามไปด้วย


สวัสดีครับ คุณเหยง

              วันหวยออก

                         - ก่อนหวยออก ประชาชนที่ซื้อหวย จะมีความสุขอยู่ด้วยความหวังว่าจะถูกรางวัล

                         - เมื่อหวยออกแล้ว  ประสบแด่ความทุกข์ เพราะผิดหวัง  ยิ่งไปกู้เงินเขามาซื้อหวย ยิ่งทุกข์ใหญ่

               ประชาชนคนไทย ไม่เห็นความจริงอันนี้  ก็เป็นอย่างที่คุณเหยงเห็น นั่นแหละ

               จริง ๆ รัฐบาล หรือกองสลาก ควรจะมีสำนึก ในฐานะพุทธศาสนิกชนม์ที่ดี  ควรงดการออกสลากในวันพระ  คุณเหยงช่วยด้วยก็แล้วกันในเรื่องนี้ ผมทำไม่ได้แล้ว

               วันศุกร์ที่แล้ว หัวหน้าโฟร์แมน  ถามผมว่า อาจารย์ครับ จะทำอย่างไรให้คนงานเลิกเหล้า  ผมก็บอกว่า ก็ให้คนงานท่อง ศีล ๕ ทุกวัน ทำได้ไหม? ถ้าทำได้ทุกวันไม่เกิน ๓ เดือน การกินเหล้าลดลง และจะหมดไป เพราะเกิดจิตสำนึกได้เอง เมื่อต้องท่องทุกวัน  ที่สำคัญต้องท่องทุกวัน เช้า-เย็น

               ขอบคุณมาก

               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #9346 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 08:03:39 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

              ขอแสดงความยินดีกับ ดร.สุริยา  ที่คุณแทนคุณ สส.ป้ายแดงพรรค ปชป. ชนะเลือกตั้งเหนือ คุณแซมยุรนันท์ แห่งพรรคเพื่อไทย  คุณแซมให้สัมภาษย์(ไม่ได้ตั้งใจฟัง ชาวบ้านเปิดวิทยุเอาไว้ พอดีเดินผ่าน ในระหว่างไปซื้อกับข้าวเมื่อเช้านี้ จึงทราบข่าว) ว่ายอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ อาจจะเป็นผลมาจากนโยบายของพรรคที่ผิดพลาดต่าง ๆ เริ่มส่งผลออกมา (คนมีความรู้เลยไม่เลือกพรรคเพื่อไทย : ความเห็นผม)

              ก็ต้องยอมรับ คุณแทนคุณ ก่อนเลือกตั้ง สู้คุณแซม  ไม่ได้เลยในทุกกรณี คุณแซม ควรชนะแบบใส ๆ เพราะเขตดอนเมืองเป็นของพรรคเพื่อไทย และเป็นเขตที่ประกาศชัดเจน เป็นพื้นที่ของพวกท่าน

              ก็ผ่านไปสำหรับการเลือกตั้ง สส. กทม.

              วันนี้ผมต้องเดินทางไปร่วมเล่นกอล์ฟที่สนามเซอร์เจมส์รีสอร์ท ปากช่อง ร่วมกับทาง PSTC มีคุณพงษ์ศักดิ์ คุณดิเรก ทางนิเชียสตีล มีคุณเทรากาว่าซัง ทาง SIW มีคุณกล้า ร่วมเล่นกอล์ฟ โดยคุณกล้าจะมารับผมที่บ้าน  คงกลับ กทม. ค่ำๆ

              เช้านี้ที่ผ่านมาได้ หุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน อุทิสส่วนกุศลให้พี่เปรมประจักษ์  โปตะวณิช พี่ซีมะโด่งที่จากไปแบบไม่กลับ

              ทุกท่านคงจะได้ทราบประวัติพี่เปรมประจักษ์  จากตัวของพี่เปรมประจักษ์ เองไปแล้ว จาก VDO ที่คุณอดิสร แ๊ะเอาไว้ให้  ดังที่พี่เปรมได้บอกไว้  พี่เปรมทำคุณประโยชน์  ร่วมกิจกรรมในหอพัก ที่ผ่านมา  มากกว่าชาวหอเสียอีก ในช่วงที่ยังเป็นสิงหอ  แล้วท่านล่ะ ร่วมบริจาคสร้างหอพักหลังใหม่กันหรือยัง  มากน้อยไม่สำคัญขอให้มีส่วนร่วมเป็นใช้ได้ ครับ

              เช้านี้ขอยกเอาเรื่องอิทธิบาท ๔ มาทบทวนในการปฏิบัติธรรม


  อิทธิบาท ๔


               อิทธิบาท ๔ คือ ธรรมอันเมื่อดำท่านเอาไปใช้ จะในการกระทำหรือปฏิบัติ จะประสบความสำเร็จได้ เป็นธรรมที่ให้กำลังใจ ใคร่ครวญด้วยเหตุ-ผล และใช้ปัญญา ประกอบด้วย

              ๑. ฉันทะ  คือมีใจรัก หรือศรัทธาที่จะกระทำงานนั้น  สิ่งนั้น และภาวนา

              ๒. วิริยะ คือมีความอุตสาหะ บากบั่นกระทำด้วยความอดทน ถึงที่สุด จนกว่างานนั้นจะสำเร็จ เอาชนะอุปสรรคที่ขวางกั้นทุกประการด้วยความเพียร มีมานะ  และอดทน

              ๓. จิตตะ คือการะทำด้วยจิตใจที่แน่วแน่  มั่นคง กระทำจริง ไม่คลอนแคลน หรือล้มเลิกกางคัน

              ๔. วิมังสา คือใช้ปัญญา ใครครวญ หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อแก้ไขอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จนสามารถกระทำจนสำเร็จงานนั้นได้

                  ในการปฏิบัติธรรมนั้น สิ่งแรก คือท่านต้องพิจารณาคือการเอาชนะใจตนเอง ด้วยการระวังกาย วาจา และใจ ให้เป็นปกติด้วยการรักษาศีล อย่างน้อยศีล ๕ และระวังเมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้ดมกลิ่น ลิ้นได้ลิ้มรส และเมื่อสัมผัสทางกาย  บางครั้งท่านแพ้ใจหย่อนยาน ในการกระทำนั้น ท่านต้องนึกถึงอิทธิบาท ๔ เอามาแก้ไข  ให้ท่านยังสามารถสำรวมกายวาจา ใจ ได้  ไม่มีธรรมอื่นใดที่จะแก้ปัญหาได้เท่ากับอิทธิบาท ๔ ครับ

                   นอกจากนี้ในการทำงานอะไรก็แล้วแต่  สามารถกระทำงานนั้นให้สำเร็จได้ ด้วยการใช้หลักธรรม อิทธิบาท ๔ นี้เป็นจริงทุกประการ

                    อย่าลืม พุทธดำรัสที่มีต่อพระอานนท์ ผู้ใดเจริญอิทธิบาท ๔ ให้มากแล้ว สามารถจะมีอายุไขได้ ๑ กัปป์

                    สวัสดี
      บันทึกการเข้า
lek_adisorn
Hero Cmadong Member
***

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,595

« ตอบ #9347 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 15:28:18 »

เพลงลาแล้วจามจุรี และเสียงของพี่เปรมเมื่อบันทึกเสียงใช้ในการทำ VDO ประวัติหอฯที่ห้องบันทึกเสียงของพี่บรรยงค์ สุวรรณผ่อง นิเทศ10ครับ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=KeNV0N9Py88" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=KeNV0N9Py88</a>
      บันทึกการเข้า
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #9348 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 18:10:04 »

อ้างถึง
ข้อความของ lek_adisorn เมื่อ 17 มิถุนายน 2556, 15:28:18
เพลงลาแล้วจามจุรี และเสียงของพี่เปรมเมื่อบันทึกเสียงใช้ในการทำ VDO ประวัติหอฯที่ห้องบันทึกเสียงของพี่บรรยงค์ สุวรรณผ่อง นิเทศ10ครับ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=KeNV0N9Py88" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=KeNV0N9Py88</a>

ชอบเพลงนี้มานาน  เคยอยากทราบว่า"ใครนะเป็นคนแต่ง" 
           
มาทราบก็ตอนพี่จากไปแล้ว  ขอให้ดวงวิญญาณของพี่ไปสู่สุคตินะคะ

เพลงนี้จะอยู่เคียงคู่กับชาวcuตราบนานเท่านานค่ะ
   
                 Nok15
      บันทึกการเข้า
nok15
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 529

« ตอบ #9349 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556, 18:16:46 »

อ้างถึง
ข้อความของ nok15 เมื่อ 17 มิถุนายน 2556, 18:10:04
อ้างถึง
ข้อความของ lek_adisorn เมื่อ 17 มิถุนายน 2556, 15:28:18
เพลงลาแล้วจามจุรี และเสียงของพี่เปรมเมื่อบันทึกเสียงใช้ในการทำ VDO ประวัติหอฯที่ห้องบันทึกเสียงของพี่บรรยงค์ สุวรรณผ่อง นิเทศ10ครับ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=KeNV0N9Py88" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=KeNV0N9Py88</a>

ชอบเพลงนี้มานาน  เคยอยากทราบว่า"ใครนะเป็นคนแต่ง"
มาทราบก็ตอนพี่จากไปแล้ว
ขอให้ดวงวิญญาณของพี่ไปสู่สุคตินะคะ
เพลงนี้จะอยู่เคียงคู่กับชาว "ซีมะโด่ง" ตราบนานเท่านานค่ะ
      เคารพพี่..เคารพพี่..พี่ผู้มีอาวุโสจากจุฬา
                 Nok15
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 372 373 [374] 375 376 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><