02 กรกฎาคม 2567, 09:31:04
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 326 327 [328] 329 330 ... 681   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: คุย กับ คุณมานพ กลับดี อดีตประธานชมรม ๓ สมัย  (อ่าน 3340649 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 14 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #8175 เมื่อ: 29 มกราคม 2556, 00:07:54 »

ตู่มีwifiของโทรศัพท์ บ้านและที่สนามบอลค่ะ

แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว

แต่ไปซื้อwifiของaisไว้อีก...

เพราะคิดว่าเผื่อไปเล่นที่อื่น

ถ้าภายหลังมันเกินความจำเป็น...ก็จะยกเลิกค่ะ
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8176 เมื่อ: 29 มกราคม 2556, 07:35:37 »


สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มาเยือน ที่รักทุกท่าน

                        วันนี้อยู่บ้าน ได้มีโอกาสหุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้าน  วันนี้ท่านมหาฯ มาบิณฑบาตรกับพระอีกองค์หนึ่งที่มาประจำ เดือนนี้ท่านมหา  พาอุบาสก  อุบาสิกาของวัดลาดพร้าว ไปไหว้พระ ที่ประเทศพม่า สามสิบท่านด้วยกัน

                         อาหารเช้าของผมก็เป็นจั้งฟู๊ดแบบไทย ๆ คือ ต้มข่าไก่  ไข่พะโล้ และผักสดเป็นเครื่องเคียง  ก็รับประทานไปตามหน้าที่ ที่จะต้องกินวันละสองมื้อ  ไม่ได้คิดอะไรมาก  วันหนึ่ง ๆ มีแต่เรื่องหุงข้าว  ซื้อกับข้าว  ใส่บาตรพระ กิน  ล้างชามข้าว เท่านั้น  แต่ช่วงนี้ได้ทบทวนทางด้านวิชาการ  ได้อ่านหนังสือ และเตรียมทำการบ้านเอาไว้บ้าง

                         สำหรับกอล์ฟนั้น  ไม่ได้ไปออกรอบเป็นประจำแบบเดิมอีกแล้ว  มีโอกาสก็ไปซ้อมที่สนามไดรฟ์ เพื่อให้กล้ามเนื้อได้จำ ถือเป็นการออกกำลังกาย และพักผ่อน เท่านั้น

                         วันนี้เช้า ตั้งใจเอารถไปล้างอัดฉีดห้องเครื่อง เพื่อตรวจสอบการไหลซึมของน้ำมันพาวเวอร์พวงมาลัยรถ  ที่ยังสร้างความรำคาญใจอยู่  ไม่กล้าขับไปไหนไกล ๆ  ก็ดีไปอย่าง  จะได้อยู่บ้าน ไม่เสียค่าน้ำมันรถ

                          ผลการประชุมกรมการผู้ริเริ่มก่อการ ในการหาเงินทุนสมทบสร้างหอพัก ๑๗ ชั้น ยังไม่ทราบ  ดร.สุริยา  ยังไม่เอามาบอกให้ทราบเลย

                          บอกให้ทราบล่วงหน้า วันเสาร์ที่ ๒ มกราคม ผมไม่ได้ไปประชุมใหญ่ สมาคมฯ และไม่ได้ไปดูฟุตบอลล์ประเพณีด้วย เนื่องจากทำงานอยู่ที่นครศรีธรรมราช  จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว

                          คุณทรงเกียรติ  บอกว่า "คนถือศีล ก็ทำงานหาเงินได้"

                          มันก็จริง เพราะพระท่านก็หาเงินสร้างวัดกันเป็นส่วนใหญ่

                          แต่สำหรับผม มองว่าเป็นการทำให้คนอื่นเดือดร้อย  ถ้าเขาไม่เต็มใจบริจาคด้วยใจจริง 

                          จะเห็นว่า ที่ผ่านมาเราทำบุญทอดกฐิน  ทอดผ้าป่า  ล้วนทำด้วยความเกรงใจ  หรือเสียไม่ได้  แล้วมันจะได้บุญได้อย่างไร เพราะใจเป็นอกุศลเสียแล้ว  

                          อย่าลืม พระท่านต้องการหาแก่นไม้  แต่ไปติดอยู่ที่ใบไม้ กิ่งไม้เสียสิ้น ซึ่งพระพุทธองค์หมายถึงลาภ  สักการะที่ญาติโยมทำบุญ  มันจึงไม่ไปถึงไหนเลยในทางธรรม

                          เกิดพี่จุ๊ก มาถามผม  เมื่อผมไปขอให้พี่จุ๊ก ช่วยบริจาคเงินสร้างหอพัก ๑๗ ชั้น ว่า สิงห์ คนปฏิบัติธรรม ถือศีล  ตัดกิเลสแล้ว ทำไมยังมาขอให้ช่วยบริจาค เงินสร้างหอพักอยู่อีก มันไม่สมควรนา

                          ผมก็จะตอบพี่จุ๊ก  ไม่ได้  โกหกก็ไม่ได้  

                          สู้ขอช่วยทำในสิ่งที่สมควร และไม่ทำให้ใครเดือดร้อนดีกว่า

                          อย่าลืม พฤติกรรมของจิตมนุษย์นั้น เหมือนกัน

                          แต่อย่าลืม มนุษย์ที่ยังยึดมั่นถือมั่น นั้น คิดไม่เหมือนกัน ครับ


                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8177 เมื่อ: 29 มกราคม 2556, 08:09:09 »



                        เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาที่เชียงใหม่

                        ผู้เข้าสัมมนาสองท่าน ทำแผ่นพื้นหล่อสำเร็จขาย อยู่ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่  ผมได้ไปสอนเอาไว้ให้นานมาแล้ว เป็นสิบปี ได้ตั้คำถามกับผมสองคำถามด้วยกัน คือเขาเปิดสำนักปฏิบัติธรรมสายมหายาน เป็นสาขาจากวัดที่ประเทศใต้หวัน  สถานที่ดีมากอยู่เชิงเขา และล้อมรอบไปด้วยสวนผลไม้เมืองเหนือ  ผมเคยไปมาครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

                        คำถามแรกคือ ทำไม? อาจารย์มานพ  เอาคำสอนของพระพุทธองค์ มาสอนในการบริหารงานได้อย่างดีมาก และก็เป็นตามนั้น  ไม่เห็นมีใครเอามาสอนกันเลย

                        ผมก็ตอบว่า อย่าลืม คำสอนของพระพุทธองค์ คือสอนคน สอนให้มนุษย์พ้นทุกข์ สอนให้คนทำงานสำเร็จ สอนให้สังคมมนุษย์มีแต่ความสงบ ไม่เบียดเบียน  ช่วยเหลือเกื้อกูล มีเมตตาต่อกัน  จึงสามารถเอามาสอนให้คนทำงานได้สำเร็จ  มันก็เป็นจริงตามนั้น

                        คำถามที่สอง  มีแม่ชีที่สำนัก  บวชมาสิบกว่าปีแล้ว ท่านยังไม่สำเร็จธรรม อะไรเลย  ทั้งๆ ที่ก็ปฏิบัติตามที่สำนักสอนให้ปฏิบัติ เลยมีความสงสัยขึ้นมา  หนูก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี  อาจารย์ว่าเป็นเพราะอะไรค่ะ

                        ผมก็ตอบว่า เนื่องจากผมไม่รู้ว่า แม่ชีท่านปฏิบัติธรรมแบบไหน  วิธีการย่างไร คำสอนของมหายานที่สำนักให้ทำอย่างไร แต่เชื่อว่า ท่านยังไม่สามารถแยกรูป-นามได้  หรือยังแยกความระลึกได้   แยกความคิด  แยกสภาวะธรรม  ยังไม่ได้  ได้แต่ความสงบเท่านั้น มันเป็นเรื่องของสมถะ ไปเสียสิ้นไม่ใช่วิปัสสนา  ไม่ได้ศึกษาดูรูป-นาม ตนเอง หรือจิตตนเอง  จึงไม่ทราบอะไรเลย ในกาย-จิต ตนเอง  คงต้องเริ่มต้นใหม่ที่ถูกวิธี  ให้ลองไปทบทวนดูว่าได้ปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ ครบถ้วนตามนั้นจริง หรือเปล่า  เพราะพระพุทธองค์ก็สอนว่า "ตราบใดที่พระภิกษุ  อุบาสก  อุบาสิกา  ยังปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามมรรคมีองค์ ๘ เมื่อนั้น พระอรหันต์ก็จะยังไม่สิ้นไปจากโลก" มันเป็นความจริง ที่จะเข้าใจได้ ลองไปทบทวนดูดี ๆ ก็แล้วกัน อาจารย์เชื่อว่า ไม่ได้ดูจิตตนเองเลย

                         อีกคนเป็นผู้สอนชาวบ้านในทางธรรม แถบนั้นส่วนใหญ่เป็นชาวเขา และชาวจีนฮ้ออพยบมาจากแผ่นดินใหญ่ สอดขึ้นมาว่า  อาจารย์รู้ธรรมมาก เหมือนท่านพระมหากัสสปะที่เกิดเห็นดอกบานแย้มกลีบบ้านขึ้นมาในจิต ท่ามกลางพระภิกษุสงฆ์ ๑๒๕๐ รูป คือรู้ธรรม  ผมก็ตอบว่า อย่าไปเปรียบแบบนั้น  ผมไม่รู้อะไรเลย เพียงแต่อ่านพระไตรปิฎกแล้ว ก็เห็นจริงตามนั้น เท่านั้น  ส่วนเรื่องราวในอดีตนั้นเราเพียงรับทราบ มันเป็นเรื่องของ คนเขียนหนังสือ รุ่นใหม่อย่าไปยึดติดมันเลย  เราต้องปฏิบัติธรรมเอาจริง ๆ  เอาสิ่งที่เราทราบนั้นมาสอน ควบคู่ไปกับคำสอนของพระพุทธองค์ที่มีในพระไตรปิฎก ดีกว่า จึงจะถูกต้อง

                          สุดท้าย ทั้งสองท่านขอเรียนเชิญให้ผมไปที่สำนักปฏิบัติธรรม ของเขาที่เชียงดาว  จังหวัดเชียงใหม่

                          แต่ผมจำได้แม่นยำเสมอ ในคำสอนของพระพุทธองค์ ที่พระอานนท์ได้สอบถามว่า ถ้าสุภาพสตรีมาพบ  จะทำประการใด พระพุทธองค์ทรงตอบว่า อย่าให้พบ  ถ้าเขามาแล้วจะทำประการใด  พระพุทธองค์ทรงตอบว่า อย่ามองหน้า  ตั้งสติให้มั่น

                          สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8178 เมื่อ: 29 มกราคม 2556, 16:29:37 »

เพื่อจรรยาบรรณทางการแพทย์และมนุษยธรรม หรือเสี่ยงต่อการติดคุก


                   พี่หมอโอภาส  เคยพูดให้ฟังว่า ในชีวิตของสูตินารีแพทย์นั้น มีโอกาสที่จะเจอกับ Case หนัก ๆ ที่เสี่ยงต่อการติดคุก คือ สภาวะช๊อค ขณะกำลังจะคลอด ชีวิตของแม่-ลูก อยู่ที่การตัดสินใจของแพทย์ และต้องมาถึงแพทย์ทันที ดังนั้น สูตินารีแพทย์ นั้น นับวันจะมีคนเรียนน้อยลงเพราะเสี่ยงต่อการถูกฟ้องจากคนไข้ เป็นอย่างมาก

                   คุณหมอเกื้อหนุ๋น หรือคุณหมอนุ่น  ลูกสาวของคุณน้องจุ๋ม ที่ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลสกลนคร  ก้เกือบจะโดนฟ้องครับ

                   เรื่องของเรื่องมีว่า (คุณน้องจุ้มเล่าให้ฟัง) มีครอบครัวหนึ่งมีลูกสาวหนึ่งคนแล้ว สามีอยากมีลูกอีกหนึ่งคน ได้ไปพบสูตินารีแพทย์ แพทย์บอกว่าสุขภาพของภรรยา ไม่ดี ไม่ควรจะมีลูก  แต่สามีก็ไม่ยอมผลคือ เมียท้องขึ้นมา และไปพบสูตินารีแพทย์ฝากครัน และทำตามที่แพทย์แนะนำ แต่ไม่ใช่คุณหมอนุ่นของเรานะครับ

                   เมื่อท้องแก่ไกล้คลอดเต็มทีญาติได้พามาโรงพยาบาล พร้อมลุกสาวที่เรียนอยู่ชั้น ม.๖  สามีไม่ได้มาด้วย คงติดธุระ ปวดท้องมากจะคลอด มาถึงโรงพยาบาลเช้า ปรากฏว่า คุณหมอเวร  ไม่อยู่  สูตินารีแพทย์ที่ฝากครัน ก็ไม่อยู่  หมอฝ่าตัดก็ไม่อยู่ คนไข้อยู่ในสภาวะช๊อค ปรากฏว่าคุณหมอนุ่น ผ่านมาพบโดยบังเอิญ  ด้วยเป็นคนใจดีมีเมตตา ไม่ได้คิดอะไร เห็นอาการแล้ว จึงรีบช่วยเหลือทันทีให้เอาคนไข้ไปห้องผ่าตัด เตรียมผ่าตัดเอาเด็กออกทันที ไม่รอเจ้าของไข้ และหมดผ่าตัด เพราะคนไข้อยู่ในสภาวะช๊อค คือสลบหมดสติ

                     คุณหมอนุ่น เป็นสูตินารีแพทย์ และเป็นผู้เชี่ยวชาญมะเร็งในมดลูกด้วย  จบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสูตินารีแพทย์เชียงใหม่ด้วย

                     ก่อนที่คนไข้จะได้รับการผ่าตัดนั้น เพราะเด็กก็จะคลอดอยู่นั้น คนไข้ได้เสียชีวิตลงก่อน เนื่องจากช๊อค หมด สติ คุณหมอนุ่น เลยได้ปั้มอ๊อกซิเจน และทำการผ่าตัดช่วยชีวิตเด้กออกมาได้อย่างปลอดภัย ในขระที่แม่ตายก่อนทำการผ่าตัด

                     ลูกสาวของคนไข้ผู้อยู่ในเหตุการ เข้าใจดีจากการกระทำของคุณหมอนุ่น  จึงไม่เอาผิด เพราะหมอนุ่นเข้ามาช่วยฉุกเฉิน และคนไข้ได้เสียชีวิตลงก่อนที่จะทำการผ่าตัดเอาเด็กออกมา

                     ทางโรงพยาบาล เพื่อลบล้างความผิดของหมอเวร  และหมอฝากครัน ที่ไม่อยู่ในขณะนั้น  ต้องช่วยกันเป็นเจ้าภาพงานศพ จนเสร็จงาน
ส่วนลูกนั้น แม่ของเจ้าของไข้ไม่ต้องการ เพราะถือว่าเพราะเด็กคนนี้เอง แม่จึงต้องตาย  แต่สุดท้ายคุณหมอก้พยายามอธิบายให้เข้าใจ และรับเด้กไปเลี้ยง  ทุกคนเลยโทษสามีที่อยากมีลูก ทั้งๆ ที่หมอก็เตือนแล้ว

                     นี่ละสูตินารีแพทย์  จะเจอ case แบบนี้เสมอ ไม่ละเว้น พี่หมอโอภาส  เคยบอกเอาไว้

                     วันนี้เช่นกัน ตอนเที่ยงผมเปิดประตูบ้านก็พบเพื่อนบ้านอุ้มหมาผ่านหน้าบ้านไปหาสัตว์แพทย์ที่ Big C บอกว่า หมาde]y'0tจะคลอดลูก แต่ลูกไม่ยอมคลอดเลยพาไปหาหมอให้เอาออกให้

                      เย็นผมกลับบ้านถามว่า หมาเป็นอย่างไรบ้าง คำตอบคือ แม่หมาไม่มีน้ำล่อเลี้ยงเพียงพอให้ลูกคลอด  จึงคลอดไม่ได้  หมอต้องผ่าตัดปรากฏว่า ลูกหมาสี่ตัวตายในท้อง  ส่วนแม่หมารอด ครับ

                      มันเป็นเช่นนี้เอง  หมาคงแก่เกินไป  ไม่ควรมีลูก

                      ตอนเดินจงกรมออกกำลังกาย นึกถึงย่ารอดขึ้นมาได้  ย่ารอดตาบอด มีอาชีพหมอตำแย ประจำตำบล ตั้งแต่คนรุ่นเก่า จนถึงน้องสาวผม ไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปีขึ้นไป  ย่ารอดเป็นคนทำคลอดทั้งนั้น และไม่เคยมีใครตายเลยสักคนทั้งแม่และลูก  ก่อนคลอดสามวันย่ารอดจะไปอยู่ด้วยและมีลูกมือไปสองคนคือ อาพิมพ์ และยายน้อม ไปเตรียมการ ส่วนย่ารอดจะมีหน้าที่ จับเด็กในท้องให้หันทิศทางคลอดได้สะดวก และทำคลอดให้จนสำเร็จ ทุกรายไป   นี่ละคนตาบอดที่ธรรมชาติสร้างมาให้ทำงานพิเศษได้  ย่ารอดเก่งเรื่องหมอนวด และทำคลอด

                      ปัจจุบันหมอตำแยไม่มีแล้ว มีแต่สูตินารีแพทย์ แต่ก็ประสบกับความลำบากในการทำคลอดแบบสมันใหม่  ส่วนมากหมอจึงขอผ่าตัดมันง่ายดี และไม่เสี่ยงมาก

                       ก็เรียนให้ทุกท่านได้ทราบกันครับ

                        สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8179 เมื่อ: 29 มกราคม 2556, 20:42:58 »

สวัสดียามค่ำ ครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                       อากาศ กทม. เย็น  ผลคือ ยุงที่บ้านผมมันแยะมาก  ไม่รู้จะทำอย่างไรดี  จะฆ่าก็บาป  ผิดศีล  พยายามไล่ให้มันออกไปจากบ้าน มันก้ไม่ยอม มันกัดก็แพ้ยูง  ก็ได้แต่บอก ดร.สุริยา  ให้ทราบ

                       ส่วนเวลานอนก็เอาผ้าห่มผืนเล็ก ๆ มาคุมศรีษะ และใบหน้า ไม่ให้ยูงมันกัดและกวนใจ เหลือเพียงจมูกหายใจ ก็ทำได้เพียงแค่นี้ครับ  อยากจะให้มันหายอากาศเย็น ยูงจะได้หมดไปเสียที

                       อีกเรื่องหนึ่งผมลืมสนิทเลย  นึกขึ้นได้ว่า วันที่ ยี่สิบกว่า ๆ หรือวันที่ ๑๘ ที่ผ่านมานั้น เป็นวันเกิด ดร.สุริยา  เจ้าตัวก็ไม่บอก  ผมก็ลืมตามประสาคนแก่  เลยไม่ได้อวยพรวันเกิดเลยครับ

                       ค่ำนี้ลาไปก่อนครับ

                       ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
roong15
Full Member
**


Peaceful and Useful Life
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514

« ตอบ #8180 เมื่อ: 29 มกราคม 2556, 22:24:32 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 29 มกราคม 2556, 20:42:58
สวัสดียามค่ำ ครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                       อากาศ กทม. เย็น  ผลคือ ยุงที่บ้านผมมันแยะมาก  ไม่รู้จะทำอย่างไรดี  จะฆ่าก็บาป  ผิดศีล  พยายามไล่ให้มันออกไปจากบ้าน มันก้ไม่ยอม มันกัดก็แพ้ยูง  ก็ได้แต่บอก ดร.สุริยา  ให้ทราบ

                       ส่วนเวลานอนก็เอาผ้าห่มผืนเล็ก ๆ มาคุมศรีษะ และใบหน้า ไม่ให้ยูงมันกัดและกวนใจ เหลือเพียงจมูกหายใจ ก็ทำได้เพียงแค่นี้ครับ  อยากจะให้มันหายอากาศเย็น ยูงจะได้หมดไปเสียที

                       อีกเรื่องหนึ่งผมลืมสนิทเลย  นึกขึ้นได้ว่า วันที่ ยี่สิบกว่า ๆ หรือวันที่ ๑๘ ที่ผ่านมานั้น เป็นวันเกิด ดร.สุริยา  เจ้าตัวก็ไม่บอก  ผมก็ลืมตามประสาคนแก่  เลยไม่ได้อวยพรวันเกิดเลยครับ

                       ค่ำนี้ลาไปก่อนครับ

                       ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ



เรียนพี่สิงห์ที่เคารพ

ลองใช้มุ้งไหมครับ ผมใช้อยู่ เป็นมุ้งครอบขนาดใหญ่หน่อย สามารถนั่งสร้างจังหวะในมุ้งโดยไม่ติดศีรษะครับ ผมซื้อที่พาหุรัดครับ

พระบางวัด ก็ให้โยมซื้อมุ้งแบบนี้ไปถวายครับ






 sleep sleep sleep
      บันทึกการเข้า

Peaceful and Useful Life
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8181 เมื่อ: 30 มกราคม 2556, 10:22:41 »

สวัสดีครับ อาจารย์รุ่งศักดิ์

                                 พี่สิงห์ เคยเห็น ญาติโยมเอามุ้งแบบนี้ไปใช้เวลาไปนั่งปฏิบัติธรรม ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา  อินเดีย

                                 คงจะต้องไปหา  มาเอาไว้ใช้แล้วครับ

                                 ในห้องนอนผมก็เอาขันน้ำใส่น้ำไปล่อยุง  มันก็ได้ผลพอสมควร

                                  สวััสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8182 เมื่อ: 30 มกราคม 2556, 12:37:06 »

สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                              วันนี้เช้า ไปตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟ President เสร็จแล้วเอารถมาซ่อมพาวเวอร์พวงมาลัยที่อู่ Honda บางชัน  ดังนั้นเช้านี้เลยไม่ได้ใส่บาตรพระ  วันนี้เช้าสนามกอล์ฟแน่นมาก มี Tour เกาหลีมาลง  ก็ดี ทำให้สนามกอล์ฟมีรายได้

                              เมื่อเช้าขณะขับรถไปสนามกอล์ฟ ได้เปิดวิทยุฟังรายการพลังชีวิต ของคุณอำมร  บรรจง ได้ฟังธรรมะของท่าน ว.วัชรเมธี  ท่านเทศนาเรื่องตัณหา หรือความโลภของมนุษย์ ก็ขอเอามาถ่ายทอดให้ท่านได้รับทราบ เท่าที่ปัญญาจะจดจำเอามาได้ครับ

                              สวัสดี


ตัณหา หรือความโลภของมนุษย์

                             ท่าน ว.วัชรเมธี ท่านเทศนาที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษให้กับญาติโยมคนไทยที่นั่นฟัง

                             เรื่องแรกที่ท่านเทศนา คือ โอกาสของผู้ที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นคนไทย ที่มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาตินั้นยากมาก ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยท่านยกชาดกเอามาเล่าสู่กันฟัง คือ มีเต่าตาบอดอาศัยอยู่ที่ก้นทะเลลึก กว่าที่เต่าจะขึ้นมาสู่ผิวน้ำ และเกาะขอนไม้ที่ลอยอยู่เพื่อหายใจนั้น ต้องใช้เวลาถึง ๑๐๐ ปี ในการพยายามว่ายน้ำขึ้นสู่ผิว มาเกาะขอนไม้ได้หายใจ  ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก ผู้ที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ก็เหมือนกัน ไม่ใช่ใครจะมาเกิดเป็นคนไทยได้ และได้มีโอกาสพบพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ได้  ต้องใช้เวลามากกว่าเต่าตาบอดนั้นอีก

                              ดังนั้น เมื่อเรามีโอกาสก็ควรที่จะไขว่คว้า ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเสีย เมื่อไม่มีโอกาสแล้วจะรู้สึกเสียดาย และมันก็สายไปเสียแล้ว คือไม่มีโอกาส อย่ามีข้ออ้างต่าง ๆ นา ๆ เป็นเหตุให้ไม่ได้ฟังธรรม และปฏิบัติธรรม

                              เรื่องที่สองเรื่องความโลภของมนุษย์ พระพุทธองค์ทรงเล่าว่ามีจักรพรรดิองค์หนึ่งทรงพระนามว่าพัทราช (ไม่แน่ใจว่าจำถูกต้อง) มีทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาลเหลือคณานับ เพียงปรลมือ ทองก็ไหลมากองเต็มตรงหน้า ทรงปกครองโลกมนุษย์อยู่ถึง ๘๔๐๐ ปี วันหนึ่งจึงถามมหาดเล็กว่ามีที่ใดที่มีทรัพย์สินเงินทองมากกว่าเราบ้าง มหาดเล็กบอกว่ามี อยู่ที่สวรรค์ที่ซึ่งพวกเทวดาอาสัยอยู่ พระองค์ก็ทรงขี่จักรแก้ววิเศษไปสวรรค์ชั้นที่หนึ่งที่เทวดาอาสัยอยู่  พวกเทวดาเห็นจักรพรรดิ์พัทราชเสด็จมากลัวว่าพวกตนจะเดือดร้อนก็ยอมยกสวรรค์ชั้นที่หนึ่งให้พระองค์ ๆ อยู่ในสวรรค์นั้น ๘๔๐๐ ปี  อยู่มาวันหนึ่งก็ทรงโลภ  ถามมหาดเล้กว่ามีที่ใดที่มีแก้วแหวนเงินทองมากกว่าโลกมนุษย์และสวรรค์ชั้นที่หนึ่งบ้าง มหาดเล้กก็ตอบว่ามี คือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระองค์ก็ใช้จักรแก้ววิเศษ เหาะขึ้นไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์ทั้ง ๓๒ ตนที่อาสัยอยู่กลัวอำนาจของจักรพรรดิ์ ก็เลยมาขอเจรจาตกลงจะยกสมบัติต่างในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้นปกครองครึ่งหนึ่ง  จักรพรรดิ์ก็ทรงยินยอมได้อาศัยมาอีก ๘๔๐๐ ปี ก็เกิดความโลภอยากจะได้สมมบัติที่มากกว่าในโลกมนุษย์ สวรรค์ชั้นที่ ๑ และสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่ตนครอบครองอยู่ พอคิดเรื่องความโลภขึ้นเท่านั้น พระองค์ก็ตกจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาสู่โลกมนุษย์ทันที เพราะสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้น มีกฏอยู่ว่าถ้าใครเกิดความโลภขึ้นมา จะอยู่ไม่ได้จะตกไปสู้ภูมิของตนทันที

                            จัรพรรดิ์เมื่อตกมายังโลกกระแทกอย่างแรง ก่อนเสียชีวิต ได้บอกกับชายคนหนึ่งว่า ตนเป็นใคร เพราะความโลภของพระองค์นี่ละ จนทำให้พระองค์ต้องตกมายังโลกและถึงความตาย ของให้นำคำของพระองค์ไปบอกต่อ ๆ กันว่า ความโลภนั้นไม่มีที่สิ้นสุด และสุดท้ายจะทำลายตัวเอง ขอให้ละเสีย

                            อีกเรื่องหนึ่งท่าน ว.วชิรเมธี เทศนาต่อว่า

                            มีพระอินทร์ตนหนึ่งถึงเวลาที่จะต้องไปจุติแล้ว ก็จะต้องไปเสาะหาผู้ที่จะมาเป็นพระอินทร์แทนตน แต่มีข้อแม้ว่า จะต้องเป็นคนไม่โลภ  พระอินทร์ตนนั้นจึงเหาะมายังโลกมนุษย์ ปลอมเป็นหนุ่มน้อยเที่ยวได้เสาะหามนุษย์ที่ไม่มีความโลภเอาไปเป็นพระอินทร์ ก็ไม่สามารถหาได้ในหมู่มนุษย์ที่ไม่มีความโลภ

                            ก็เห็นมัคคทายกวันหนึ่ง ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอยู่ที่วัด  จึงเข้ามาทักทาย และได้ชี้นิ้วไปที่ก้อนดินก้อนหนึ่งกลายเป็นทองเอาไปให้มัคคทายก มัคคทายกก็เอาทองก้อนนั้นแล้วจากไป พระอินทร์ก็พูดกับตัวเองว่า มัคคทายกนี้ไม่มีความโลภ เราให้ทองไปก้อนหนึ่ง  ไม่โลภที่จะขอทองจากเราเพิ่มแต่ประการใด น่าที่จะไปเป็นพระอินทร์ได้  ผ่านไปมัคคทายกก็กลับมาพร้อมทั้งขับรถเก๋งมาเลย และได้ไปขนลูกนิมิตมาสามก้อนเพื่อให้พระอินทร์ได้ใช้นิ้วชี้ให้เป็นทอง  พระอินทร์ก็ได้แต่ส่ายหน้า แม้แต่มัคคทายกก็ยังโลภไม่สิ้นสุด  จึงจากไป

                           ก็เสาะหาต่อไปก็ไม่พบมนุษย์ที่ไม่มีความโลภเลย มนุษย์มีแต่ความโลภไม่สิ้นสุดจริง ๆ ตัณหานี่ไม่มีที่สุดไม่มีประมาณจริง ๆ สงสัยตนจะต้องเป็นพระอินทร์ต่อไป ก้เสาะหาไปในป่าเจอพระธุดงรูปหนึ่งปักกรดนั่งภาวนาอยู่  ได้คิดว่าสมณนี้น่าที่จะไม่มีความโลภ เพราะอยู่ป่า นั่งภาวนาคงสิ้นความโลภแล้ว จึงแวะเข้าไปหา

                           พระธุดงค์ก็นั่งหลับตาภาวนาต่อไป พระอินทร์ก็เอานิ้วชี้ไปที่บาตรพระ บาตรก็กลายเป็นบาตรทองเหลืองอร่าม พระธุดงค์ก็ลืมตาเห็นบาตรเป็นทองก็ไม่ยินดี ยินร้าย หลับตาภาวนาต่อไป  พระอินทร์ก็เอานิ้วชี้ไปที่จอมปลวกเบื้องหลังของพระธุดงค์ ก็กายเป็นจอมปลวกทองทันที พระธุดงค์ท่านก็ยังวางเฉยไม่สนใจต่อทองจอมปลวกอีก ยังคงนั่งภาวนาต่อไป

                           พระอินทร์ ท่านก็เอานิ้วชี้ไปที่ภูเขารอบ ๆ พระธุดงค์  ภูเขาก็กลายเป็นทองเหลืองอร่ามไปหมด พระธุดงดค์ท่านก็ลืมตามาดูทันที

                          น่าเสียดายรถถึงสนามกอล์ฟพอดี  จึงไม่ได้ฟังต่อครับ

                          สวัสดี
      บันทึกการเข้า
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #8183 เมื่อ: 30 มกราคม 2556, 15:07:49 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 30 มกราคม 2556, 10:22:41
สวัสดีครับ อาจารย์รุ่งศักดิ์

                                 พี่สิงห์ เคยเห็น ญาติโยมเอามุ้งแบบนี้ไปใช้เวลาไปนั่งปฏิบัติธรรม ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา  อินเดีย

                                 คงจะต้องไปหา  มาเอาไว้ใช้แล้วครับ

                                 ในห้องนอนผมก็เอาขันน้ำใส่น้ำไปล่อยุง  มันก็ได้ผลพอสมควร

                                  สวััสดี

         พี่สิงห์คะ..

               เขามีมุ้งที่พับเป็นวงกลมแบนๆเวลาปล่อยมันจะเด้งขึ้นมาเหมือนเต้นท์ ราคาอยู่ราวๆ2ไม่เกิน3ร้อยบาท
    
               ที่ตลาดนัดที่ทำงานอ้อยเขาขายอยู่ประจำ พี่สิงห์สนใจไหมคะ?...
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #8184 เมื่อ: 30 มกราคม 2556, 18:49:47 »

มุ้งที่พี่อ้อยว่า น่าจะเป็นแบบนี้    ปิ๊งๆ





หยีเคยเห็นอีกแบบหนึ่งค่ะ
พกง่าย ความกว้างขยายได้มาก คลุมเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบาย ๆ


      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
Pete15
Cmadong Member
Cmadong ชั้นเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,460

« ตอบ #8185 เมื่อ: 30 มกราคม 2556, 20:21:25 »

สีชมพูน่าจะใช้งานได้สะดวกกว่า เพราะเขาทรงตัว ด้วยตัวเอง  ไม่ต้องมีจุดแขวน ตรงกลาง (เทวดาไม่รับถือ) หรือไม่ก็ต้องไป
พึ่ง กิ่งก้านไม้ใหญ่ ให้ช่วยรับห้อยด้วย ซึ่งอาจจะเป็นที่ ที่เคยมีเจ้าของมาแล้วก็ได้... เจ้าของเขาจะไม่ Happy ฟันธงสีชมพู
เหมาะ สะดวกเป็นเจดีย์ ครอบเวลานั่ง สมาธิแล้วยังเหลือที่ให้ กุมาร วิ่งรอบได้.........อยากได้เหมือนกัน...... ฮิฮิ
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #8186 เมื่อ: 30 มกราคม 2556, 20:28:25 »

อ้างถึง
ข้อความของ Pete15 เมื่อ 30 มกราคม 2556, 20:21:25
สีชมพูน่าจะใช้งานได้สะดวกกว่า เพราะเขาทรงตัว ด้วยตัวเอง  ไม่ต้องมีจุดแขวน ตรงกลาง (เทวดาไม่รับถือ) หรือไม่ก็ต้องไป
พึ่ง กิ่งก้านไม้ใหญ่ ให้ช่วยรับห้อยด้วย ซึ่งอาจจะเป็นที่ ที่เคยมีเจ้าของมาแล้วก็ได้... เจ้าของเขาจะไม่ Happy ฟันธงสีชมพู
เหมาะ สะดวกเป็นเจดีย์ ครอบเวลานั่ง สมาธิแล้วยังเหลือที่ให้ กุมาร วิ่งรอบได้.........อยากได้เหมือนกัน...... ฮิฮิ


 เหอๆๆ   เหอๆๆ
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #8187 เมื่อ: 30 มกราคม 2556, 20:32:12 »

อ้างถึง
ข้อความของ swsm เมื่อ 30 มกราคม 2556, 18:49:47
มุ้งที่พี่อ้อยว่า น่าจะเป็นแบบนี้    ปิ๊งๆ





หยีเคยเห็นอีกแบบหนึ่งค่ะ
พกง่าย ความกว้างขยายได้มาก คลุมเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบาย ๆ



         ใช่แล้วน้องหยี...ที่เห็นเป็นแบบภาพบนค่ะ แต่เป็นสีขาวค่ะ

        พี่ปิ๊ดสนใจจะรับด้วยหรือคะ...
      บันทึกการเข้า
swsm
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


@@ ยาหยี @@
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: Rcu2523
คณะ: Comm Arts
กระทู้: 28,369

« ตอบ #8188 เมื่อ: 30 มกราคม 2556, 20:36:54 »

สีขาว .. ก็ยิ่งเหมาะใหญ่เลย สำหรับภารกิจของพี่สิงห์และพี่ปี๊ด    บ่ฮู้บ่หัน
      บันทึกการเข้า

.. don't play with me, cos I know how to play it too .. may be better than you do ..
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8189 เมื่อ: 30 มกราคม 2556, 20:52:55 »


สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย ๑๗ และคุณน้องยาหยี ที่รัก

                   ร่มแบบในภาพนั้น ตอนพี่สิงห์ เห็นครั้งแรกนั้น ตอนไปอินเดียครั้งแรก และจะไปปฏิบัติธรรมกันที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา ญาติโยมที่ไปรวมทั้งพระอีกสองรูป ก็เอามุ้ง แบบในภาพไปกางนั่งปฏิบัติธรรม ยกเว้นพี่สิงห์ คนเดียวในเมื่อตั้งใจไปปฏิบัติธรรมก็ต้องปฏิบัติธรรมทั้งคืนไม่นอน แล้วจะเอามุ้งไปทำไม  ยูงกัดเราก็ใส่เสื้อผ้าหนาเพราะหนาว และเราก็ทายากันยูงเป็นอย่างมากแล้ว จึงไม่เอามุ้งของวัดไป (ส่วน ดร.กุศล  เกิดความกลัว อดนอนขึ้นมา  มีข้ออ้างสาระพัด สุดท้าย นอนที่วัด)

                   ผลคือทุกท่านที่ไปปฏิบัติธรรมนั้น เขานั่งกันเพียงสิบถึงยี่สิบนาทีเท่านั้นเสร็จแล้วก็นอนหลับกันหมดในมุ้งนั้น เหลือแต่พี่สิงห์ และคณะอื่นที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมตลอดคืนไม่นอน

                   คุณน้องอ้อยฝากซื้อให้หนึ่งหลังเอาสีขาว จะเอาไปใช้นั่งปฏิบัติธรรม  ตามวัด  ตามป่า  ตามต้นไม้ ครับ  เมื่อซื้อแล้ววันหลังนัดกัน พี่สิงห์ จะขับรถไปแวะรับมาและจ่ายสตางค์  หรือไม่ ถ้าคุณรองรัตน์ ไปเอามาไว้ที่บ้านก็จะขอบคุณมากครับ

                   สำหรับในห้องนอน  ถ้ายูงมันรบกวนหนัก  จะเอากาละมังใส่น้ำใหญ่ ๆ ไปตั้งไว้ในห้อง  ยูงจะได้มาเล่นน้ำ ไม่รบกวน  แต่ใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมหัวก็ใช้ได้ผลครับ ป้องกันเสียงร้อง และยูงไม่กัดด้วย

                   สวัสดี


หมายเหตุ

                  ตอนไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าสุคะโต  ชัยภูมิ  ทางวัดก็มีมุ้งแจก เป็นแบบมุ้งครอบแบบเด็ก แต่หลังใหญ่หน่อย  มันก็ดีเหมือนกันได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง

                  คุณน้องอ้อย เขามีเสื่อผืนเล็ก ๆ ที่นั่งคนเดียว พับได้ และมีหูหิ้วในตัวมีขายไหม  จะซื้อเอาไปปูนั่งที่อินเดีย ๒ อัน ฝาก ดร.กุศลด้วย
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8190 เมื่อ: 30 มกราคม 2556, 21:27:15 »


                        วันนี้ขณะซ้อมไดรฟ์กอล์ฟอยู่ที่สนาม All star อยู่นั้น เห็นสุภาพสตรีนักกอล์ฟต่างชาติ ท่านหนึ่งเดินผ่านมา จำได้ทันทีว่านี่คือ Momoko Ueda แช้มป์ Mizuno Classic 2012 นักกอล์ฟ ญี่ปุ่นหมายเลข ๒ เป็นรองจาก Ai Miyasato

                         เห็นในทีวี ดูตัวเล็ก ไม่ยิ้ม  แต่ตัวจริง ท่อนขาแข็งแรงใหญ่มาก ผมไปยืนดูเธอซ้อมกอล์ฟ เธอตีดุดัน ลงเหล็กหนักกว่าผมอีก วงสวิงสวยมาก เป็นคนเสียงใหญ่กว่าสาวญี่ปุ่นทั่วไป  แต่ยังคงเอกลักษณ์ คือยิ้มยาก

                         เธอมาซ้อมก่อนล่วงหน้า เธอจะแข่ง HONDA LPGA 2013 ที่สนามไทยคันทรี พัทยา อาทิตย์หน้าครับ  ท่าทางเธอเตรียมตัวมาอย่างดี เพราะมีแต่กล้ามเนื้อล้วน ๆ ตัวหนาขึ้น ตัวเล็กตีไกล เป็นสาวหน้าตาดี  หุ่นดี กว่าในทีวีมาก ปีนี้เธอคงฟิตจัดมาแน่นอน  ไม่แน่เธออาจจะเป็นแช้มรายการนี้ก็ได้ เพราะแช้มรายการนี้เป็นนักกอล์ฟเอเซียส่วนใหญ่

                          ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8191 เมื่อ: 31 มกราคม 2556, 07:17:39 »



อาหาร - ปัจจัย สำหรับใส่บาตรพระ ที่หน้าบ้านเช้านี้



อาหารเช้าวันนี้  เชิญทุกท่านรับประทานด้วยกันครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8192 เมื่อ: 31 มกราคม 2556, 07:19:57 »

สวัสดีครับพี่สิงห์

นครสวรรค์ ฝนกำลังตกในระดับหนักพอสมควรทีเดียว โดยเริ่มมาตั้งแต่ 06.30 น.โดยประมาณ
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8193 เมื่อ: 31 มกราคม 2556, 07:39:33 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 31 มกราคม 2556, 07:19:57
สวัสดีครับพี่สิงห์

นครสวรรค์ ฝนกำลังตกในระดับหนักพอสมควรทีเดียว โดยเริ่มมาตั้งแต่ 06.30 น.โดยประมาณ

สวัสดีครับ คุณเหยง

                  เช่นเดียวกัน กรุงเทพฯ ฝนตกพร่ำ ๆ ตอน 06:15 น. พี่สิงห์ อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เลยมานั่งจิบกาแฟ  รอที่จะออกไปซื้อกับข้าวมาใส่บาตรพระตอนเช้า คิดไปว่าคงไม่ได้ไปซื้อกับข้าว ใส่แต่ข้าวเปล่า น้ำ นมกล่อง  สบู่  ยาสีฟัน และปัจจัย ก็เพียง พอ เวลา 06:30 น. ฝนหยุด จึงเดินไปซื้อกับข้าวมาใส่บาตรพระ และรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วครับ วันนี้พระมา ๒ รูป ท่านมหาก็มาครับ

                  พระท่านให้รักษาสุขภาพ  คุณเหยงก็ดูแลสุขภาพตนเอง ด้วยครับ

                  สวัสดี
      บันทึกการเข้า
อ้อย17
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,908

« ตอบ #8194 เมื่อ: 31 มกราคม 2556, 07:48:16 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 30 มกราคม 2556, 20:52:55

สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย ๑๗ และคุณน้องยาหยี ที่รัก

                   ร่มแบบในภาพนั้น ตอนพี่สิงห์ เห็นครั้งแรกนั้น ตอนไปอินเดียครั้งแรก และจะไปปฏิบัติธรรมกันที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา ญาติโยมที่ไปรวมทั้งพระอีกสองรูป ก็เอามุ้ง แบบในภาพไปกางนั่งปฏิบัติธรรม ยกเว้นพี่สิงห์ คนเดียวในเมื่อตั้งใจไปปฏิบัติธรรมก็ต้องปฏิบัติธรรมทั้งคืนไม่นอน แล้วจะเอามุ้งไปทำไม  ยูงกัดเราก็ใส่เสื้อผ้าหนาเพราะหนาว และเราก็ทายากันยูงเป็นอย่างมากแล้ว จึงไม่เอามุ้งของวัดไป (ส่วน ดร.กุศล  เกิดความกลัว อดนอนขึ้นมา  มีข้ออ้างสาระพัด สุดท้าย นอนที่วัด)

                   ผลคือทุกท่านที่ไปปฏิบัติธรรมนั้น เขานั่งกันเพียงสิบถึงยี่สิบนาทีเท่านั้นเสร็จแล้วก็นอนหลับกันหมดในมุ้งนั้น เหลือแต่พี่สิงห์ และคณะอื่นที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมตลอดคืนไม่นอน

                   คุณน้องอ้อยฝากซื้อให้หนึ่งหลังเอาสีขาว จะเอาไปใช้นั่งปฏิบัติธรรม  ตามวัด  ตามป่า  ตามต้นไม้ ครับ  เมื่อซื้อแล้ววันหลังนัดกัน พี่สิงห์ จะขับรถไปแวะรับมาและจ่ายสตางค์  หรือไม่ ถ้าคุณรองรัตน์ ไปเอามาไว้ที่บ้านก็จะขอบคุณมากครับ

                   สำหรับในห้องนอน  ถ้ายูงมันรบกวนหนัก  จะเอากาละมังใส่น้ำใหญ่ ๆ ไปตั้งไว้ในห้อง  ยูงจะได้มาเล่นน้ำ ไม่รบกวน  แต่ใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมหัวก็ใช้ได้ผลครับ ป้องกันเสียงร้อง และยูงไม่กัดด้วย

                   สวัสดี


หมายเหตุ

                  ตอนไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าสุคะโต  ชัยภูมิ  ทางวัดก็มีมุ้งแจก เป็นแบบมุ้งครอบแบบเด็ก แต่หลังใหญ่หน่อย  มันก็ดีเหมือนกันได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง

                  คุณน้องอ้อย เขามีเสื่อผืนเล็ก ๆ ที่นั่งคนเดียว พับได้ และมีหูหิ้วในตัวมีขายไหม  จะซื้อเอาไปปูนั่งที่อินเดีย ๒ อัน ฝาก ดร.กุศลด้วย


           สวัสดีค่ะ..พี่สิงห์

         ตกลงว่าพี่สิงห์ต้องการมุ้ง 1 หลัง  และเสื่อแบบอาสนะ 2 ผืนนะคะ  ปกติเขามีขายทุกวันศุกร์ค่ะ

        แต่ช่วงนี้มีงานเกษตรแฟร์  ตลาดนัดคงปิดไป 2 ศุกร์   แต่น่าจะทันพี่ไปอินเดีย แน่ๆ  แล้วจะแจ้งให้ทราบนะคะ

             
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #8195 เมื่อ: 31 มกราคม 2556, 08:02:40 »

อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 31 มกราคม 2556, 07:39:33
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 31 มกราคม 2556, 07:19:57
สวัสดีครับพี่สิงห์

นครสวรรค์ ฝนกำลังตกในระดับหนักพอสมควรทีเดียว โดยเริ่มมาตั้งแต่ 06.30 น.โดยประมาณ

สวัสดีครับ คุณเหยง

                  เช่นเดียวกัน กรุงเทพฯ ฝนตกพร่ำ ๆ ตอน 06:15 น. พี่สิงห์ อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เลยมานั่งจิบกาแฟ  รอที่จะออกไปซื้อกับข้าวมาใส่บาตรพระตอนเช้า คิดไปว่าคงไม่ได้ไปซื้อกับข้าว ใส่แต่ข้าวเปล่า น้ำ นมกล่อง  สบู่  ยาสีฟัน และปัจจัย ก็เพียง พอ เวลา 06:30 น. ฝนหยุด จึงเดินไปซื้อกับข้าวมาใส่บาตรพระ และรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วครับ วันนี้พระมา ๒ รูป ท่านมหาก็มาครับ

                  พระท่านให้รักษาสุขภาพ  คุณเหยงก็ดูแลสุขภาพตนเอง ด้วยครับ

                  สวัสดี


ขอบคุณสำหรับความห่วงใยครับ

มีอาหารแห้งไว้บ้างก็ดีครับ เผื่อไม่สามารถหากับข้าวใส่บาตรพระ ท่านจะได้จัดการกับภัตตาหารมื้อเช้าได้เอง
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8196 เมื่อ: 31 มกราคม 2556, 08:20:55 »

สวัสดียามเช้าครับ ชาวซีมะโด่ง แขกผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                       ฝนตกแบบนี้  อากาศแบบนี้ ระวังสุขภาพด้วยครับ  จะเป็นหวัดได้โดยง่าย  ใส่เสื้อหนา ๆ  จิบน้ำร้อน-อุ่น มาก ๆ ครับ

                       วันนี้โชคดี  ได้ สวัสดีกับคุณเหยง  ยามเช้า  จิตเป็นกุศล  ธาตุเดียวกัน  คือเข้าเวบพร้อมกัน ต้องการสร้างสัมพันธ์ในหมู่พี่-น้องซีมะโด่ง ให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปเหมือนกัน

                       วันนี้ต้องเดินทางไปทำงานที่นครศรีธรรมราช Boarding 14:15 น. by Nok Air

                       ความโลภของคนปฏิบัติธรรมนั้น คือปฏิบัติไปมาก ๆ ก็เกิดคิดว่าตัวเองรู้  อยากสอนในสิ่งที่ตัวเองรู้ ก็ไม่เป็นไรเป็นสิ่งที่พึงกระทำ  แต่พวกคิดว่าตนเองเป็นโสดาบัน นาคามี  อนาคามี และอรหันต์  นี่หนักหน่อย  เพราะมันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก อย่าหลงตนลืมตัวเลย  ใครไม่รู้  แต่ตัวเราเองรู้ดีกว่าใครว่าบรรลุหรือไม่  อย่าฝืนธรรมชาติ  ถ้าฝืนมีแต่พินาศตามมา ไม่ละเว้น ในพุทธกาลก็มีให้เห็นเสมอ

                       ตัณหา  ความโลภ  ความยึดมั่นถือมั่นในความคิดตนเอง สามอย่างนี้ มันเกาะอยู่ในจิตของมนุษย์ทุกคนไม่ละเว้น  มันเอาออกยาก ยิ่งกว่าทากาวตีนตุ๊กแก เป็นหมื่อนเท่าไหน ๆ

                        การวางอุเบกขา  มันวางด้วยชั่วครั้ง ชั่วคราว เท่านั้น ถ้าสิ่งนั้นใช้ปัญญา หรือบังคับ

                        การวางอุเบกขาถาวร  จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ จิตมันเห็นความจริง ว่าทุกข์สิ่งล้วนเป็นอนัตตา  จิตมันวางของมันเอง  จึงจะเกิดอุเบกขาถาวรได้

                        แต่อย่างไรก็ตาม การละตัณหา  การละความโลภ  การละตวามยึดมั่นถือมั่นในตนเองนั้น  มันก็จางลงได้ระดับหนึ่ง ด้วยการใช้ปัญญา ทั้งปัญญาภายใน(จิตมันยอมรับเอง เพราะรู้ความจริง) ปัญญาภายนอก (เกิดจากความรู้ที่มาจาก การฟัง การอ่าน การวิเคราะห์) และการมีสติ เมื่อใดเรามีสติ (การระลึกได้) เมื่อนั้นจะรู้ตน รู้จิต ไม่หลงอยู่ในความคิด และถ้าจิตเป็นกุศลมีสัมมาวายามะ(เพียรละอกุศลที่ยังไม่เกิด ไม่ให้เกิดขึ้น เพียรละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ให้หมดไป เพียรกระทำกุศลที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น เพียรกระทำกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ให้เจริญ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป) ด้วยละก็ เกิดอุเบกขาได้แน่นอน จะพบแต่สุข สงบ  เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับชีวิต ที่เหลือก่อนตายแล้วครับ

                         วันหนึ่ง ๆ อย่าลืมกรรมฐานของเณร ที่สอนพระใบลานที่ว่า "มีสัตว์เข้าไปในอยู่ในอุโมงทั้ง ๖ การจะจับสัตว์ได้นั้น ต้องปิดอุโมงทั้ง ๕ เปิดอุโมงที่ ๖ เดินเข้าไปในอุโมงที่ ๖ จะจับสัตว์ได้เอง"

                         หมายความว่า "ตัวสัตว์ที่เราจะจับนั้น คือจิตตนเอง  จิตตนเองนั้นไม่รู้อยู่ที่ไหน จิตเกิดจากการรับรู้ สัมผัส ได้ทางตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย และใจ(นึกคิด) ถ้าเราระลึกได้ (มีสติ) อุโมงทั้ง ๖ คือ ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  และใจ(นึกคิด) เราต้องปิดอุโมง ทั้ง ๕ ด้วยเห็นสักแต่ว่าเห็น ไม่มีการปรุงแต่งทางความคิดต่อ ได้ยินเสียง สักแต่ว่าได้ยินเสียง ไม่ปรุงแต่งทางความคิดต่อ ได้กลิ่นสักแต่ว่าได้กลิ่น ไม่ปรุงแต่งทางความคิดต่อ ได้ลิ้มรส สักแต่ว่าได้ลิ้มรส ไม่ปรุงแต่งต่อ ได้สัมผัสทางกาย คือผ่านอวัยวะ ก็สักแต่ว่าได้สัมผัสทางกาย ไม่ปรุงแต่ทางความคิด เพราะในชีวิตประจำวันของเรานั้น เรายังต้องกิน  ทำกิจวัตร  ทำงาน  ติดต่อคน ต้องรับผิดชอบสังคม และต้องรับผิดชอบครอบครัว เรายังต้องรับรู้  เรายังต้องสัมผัส  เรายังต้องคิด"

                          สามเณรท่านให้ เปิดทวรที่ ๖ คือปล่อยให้ใจมันคิด แต่เราต้องมีการระลึกได้ คือมีสติ  คอยระลึกได้ที่จิต ตนเอง คอนศึกษาตัวจิตเรา (เมื่อคิดก็รู้ว่าคิด ไม่ปล่อยใจลอย จนหลงตนลืมตัว) เพราะจิตเรากับจิตคนอื่น ๆ มันมีพฤติกรรมเหมือนกัน แต่ต่างกันทางความคิดจากความยึดมั่นถือมั่นตนเอง เมื่อเราศึกษาจิต เราก็จะรู้ความจริง คือรู้พฤติกรรมของจิต  จนจิตมันปล่อยวางของมันเอง คือจับสัตว์ได้ คือจิตหยุดการปรุงแต่ง  หยุดการยึดมั่นถือมั่นในตนเอง (ผมคาดเดาเอาเอง เพราะขนาดยังไม่บรรลุอะไร  มันก็รู้ เอามาใช้ประโยชน์  มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมเป็นไหน ๆ  ก็พอใจแล้วครับ)

                           การปฏิบัติธรรม ก็มีเพียงเท่านี้เอง ครับ ง่ายๆ แต่ทำยากมาก ๆ

                           สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8197 เมื่อ: 31 มกราคม 2556, 08:23:42 »

อ้างถึง
ข้อความของ อ้อย17 เมื่อ 31 มกราคม 2556, 07:48:16
อ้างถึง
ข้อความของ Manop  Klabdee เมื่อ 30 มกราคม 2556, 20:52:55

สวัสดีค่ะ คุณน้องอ้อย ๑๗ และคุณน้องยาหยี ที่รัก

                   ร่มแบบในภาพนั้น ตอนพี่สิงห์ เห็นครั้งแรกนั้น ตอนไปอินเดียครั้งแรก และจะไปปฏิบัติธรรมกันที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา ญาติโยมที่ไปรวมทั้งพระอีกสองรูป ก็เอามุ้ง แบบในภาพไปกางนั่งปฏิบัติธรรม ยกเว้นพี่สิงห์ คนเดียวในเมื่อตั้งใจไปปฏิบัติธรรมก็ต้องปฏิบัติธรรมทั้งคืนไม่นอน แล้วจะเอามุ้งไปทำไม  ยูงกัดเราก็ใส่เสื้อผ้าหนาเพราะหนาว และเราก็ทายากันยูงเป็นอย่างมากแล้ว จึงไม่เอามุ้งของวัดไป (ส่วน ดร.กุศล  เกิดความกลัว อดนอนขึ้นมา  มีข้ออ้างสาระพัด สุดท้าย นอนที่วัด)

                   ผลคือทุกท่านที่ไปปฏิบัติธรรมนั้น เขานั่งกันเพียงสิบถึงยี่สิบนาทีเท่านั้นเสร็จแล้วก็นอนหลับกันหมดในมุ้งนั้น เหลือแต่พี่สิงห์ และคณะอื่นที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมตลอดคืนไม่นอน

                   คุณน้องอ้อยฝากซื้อให้หนึ่งหลังเอาสีขาว จะเอาไปใช้นั่งปฏิบัติธรรม  ตามวัด  ตามป่า  ตามต้นไม้ ครับ  เมื่อซื้อแล้ววันหลังนัดกัน พี่สิงห์ จะขับรถไปแวะรับมาและจ่ายสตางค์  หรือไม่ ถ้าคุณรองรัตน์ ไปเอามาไว้ที่บ้านก็จะขอบคุณมากครับ

                   สำหรับในห้องนอน  ถ้ายูงมันรบกวนหนัก  จะเอากาละมังใส่น้ำใหญ่ ๆ ไปตั้งไว้ในห้อง  ยูงจะได้มาเล่นน้ำ ไม่รบกวน  แต่ใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมหัวก็ใช้ได้ผลครับ ป้องกันเสียงร้อง และยูงไม่กัดด้วย

                   สวัสดี


หมายเหตุ

                  ตอนไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าสุคะโต  ชัยภูมิ  ทางวัดก็มีมุ้งแจก เป็นแบบมุ้งครอบแบบเด็ก แต่หลังใหญ่หน่อย  มันก็ดีเหมือนกันได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง

                  คุณน้องอ้อย เขามีเสื่อผืนเล็ก ๆ ที่นั่งคนเดียว พับได้ และมีหูหิ้วในตัวมีขายไหม  จะซื้อเอาไปปูนั่งที่อินเดีย ๒ อัน ฝาก ดร.กุศลด้วย


           สวัสดีค่ะ..พี่สิงห์

         ตกลงว่าพี่สิงห์ต้องการมุ้ง 1 หลัง  และเสื่อแบบอาสนะ 2 ผืนนะคะ  ปกติเขามีขายทุกวันศุกร์ค่ะ

        แต่ช่วงนี้มีงานเกษตรแฟร์  ตลาดนัดคงปิดไป 2 ศุกร์   แต่น่าจะทันพี่ไปอินเดีย แน่ๆ  แล้วจะแจ้งให้ทราบนะคะ

             

               ขอบพระคุณมาก ครับ คุณน้องอ้อย ๑๗ ที่เมตตา

               สวัสดี
      บันทึกการเข้า
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644

« ตอบ #8198 เมื่อ: 31 มกราคม 2556, 13:09:31 »

สวัสดีตอนกลางวันครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกผู้มีเกียรติ ที่รักทุกท่าน

                        พี่สิงห์ อยู่สนามบินดอนเมือง วันนี้ผู้โดยสารสายภายในประเทศ ฝรั่งแยะมากครับ เป็นเรื่องที่ดี สำหรับการท่องเที่ยว นอกจากนี้เป็นชาวจีนก็มากอยู่ แสดงว่าเศรษฐกิจของจีนดีกว่าเรา คนไทยคงต้องอพยพไปอยู่ประเทศจีนบ้างแล้วครับ

                         เมื่อวานได้คุยกับ ดร.สุริยา  ขอทราบผลของการประชุมนิสิตเก่าหอพัก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา  ที่คุณบวร เป็นคนกำหนด ปรากฏว่า คุณบวร  ก็ไม่มา  คุณราเมศวร์  ก็ติดธุระ  มีผู้มาประชุมสิบกว่าท่าน มีท่านรองอธิการบดี จุฬาฯ มาสังเกตการด้วย จึงยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ ออกมา เนื่องจากมีคนมาประชุมน้อย  ดร.สุริยา  บอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย น่าเป็นห่วง  

                         มันก็เป็นเช่นนี้ละ อย่าไปกังวลมันเลย

                         จิตมนุษย์นั้น มีพฤติกรรมเหมือนกัน  แต่คิดไม่เหมือนกัน เพราะความยึดมั่นถือมั่นตนเอง

                         มีเรื่องหนึ่งที่จะบอก ดร.สุริยา  แต่ลืมไปแล้ว เวลานี้นึกขึ้นได้แล้วครับ

                         ว.วชิระเมธี  ท่านเทศนาที่อังกฤษ เพิ่มเต็มคือ

                         มีวัด ๆ หนึ่งเปิดให้อุบาสก  อุบาสีกา  มาปฏิบัติธรรมที่วัด แบบถือศีล ๘ นอนค้างคืนที่วัดด้วย ผ่านไปสามวัน มีการสอบอารมณ์ของผู้ปฏิบัติธรรม  หลวงพ่อเป็นองค์สอบอารมณ์  มีอุบาสกผู้สูงอายุท่านหนึ่งบอกหลวงพ่อว่า จากการปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องมาสามวัน ตนรู้สึกว่าจิตหลุดพ้นแล้ว  สามารถบรรลุเป็นพระนาคามี (ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ อีกครั้งหนึ่ง) แล้ว  หลวงพ่อผู้สอบอารมณ์ก็ถามว่า  จริงหรือไอ้แก่  เท่านั้นแหละ อุบาสกท่านนั้น ก็ลุกขึ้นด้วยความโกรธ เดินลงบันไดศาลาวัดไปเลย  

                          นี่ละจิตมนุษย์อยากบรรลุธรรม  สามารถที่จะโกหกตนเอง  สร้างภาพลักษณ์ให้กับตนเอง  น่าเสียดายจริง ๆ

                          สวัสดีครับ
      บันทึกการเข้า
too_ploenpit
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2514
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 7,778

เว็บไซต์
« ตอบ #8199 เมื่อ: 31 มกราคม 2556, 15:36:51 »


...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...

...ติดตามกระทู้ค่ะ...

...รองอธิการบดีจุฬา...ท่านชื่ออะไรเหรอคะ...
      บันทึกการเข้า

i love pink, you are pink = i love you
  หน้า: 1 ... 326 327 [328] 329 330 ... 681   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><