Khun28
Full Member
ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์
รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784
|
|
« ตอบ #7275 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2555, 20:30:06 » |
|
ไปกับพี่หมอโอภาศหรือเปล่าครับ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7276 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2555, 20:45:02 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
บทสวดมนต์ของพระนั้น ที่ท่านท่องบนกันเอาไว้นั้น แท้จริงคือตัวคำสอนของพระพุทธองค์แท้ๆ ที่พระสงฆ์ ได้ท่องต่อ ๆ กันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลเลยทีเดียว ถ้าใครรู้คำแปลแล้ว จะสามารถทราบความจริงในคำสอนของพระพุทธองค์ ได้ย่างดี
เสียดายที่พระท่านสวดมนต์เฉพาะภาษาบาลี พวกเราชาวบ้านเลยไม่ทราบความจริง ในคำสอนของพระพุทธองค์
พระท่านก็มีส่วนดีตรงนี้ละที่สามารถท่องบ่นบทสวดมนต์ รักษาคำสอนแท้ๆ ของพระพุทธองค์เอาไว้ได้ สืบต่อกันมาถึง ๒๕๕๕ ปีแล้ว
บทสวดมนต์บทไหนที่มีแต่อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครอง นั้นไม่ใช่ของพระพุทธองค์ เป็นเรื่องของพระรุ่นใหม่แต่งขึ้นมาเอาใจคนรุ่นใหม่ แบบศาสนาพราหมณ์ ต้องแยกแยะให้ออก สำหรับนักปฏิบัติธรรม
พรุ่งนี้เป็นวันออกพรรษา ที่พระท่านต้องทำมหาปวารนา คือ พระสามารถว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ไม่จำกัดในเรื่องอาวุโส และถือว่าไม่เอาความต่อกัน เพราะตลอดพรรษาพระบางรูปอาจจะกระทำอะไรผิด หรือล่วงเกินต่อกันก็ว่ากล่าวกันได้ในวันนี้ เสร็จแล้วก็เลิกลากันไปไม่เก็บเอาไปแก้แค้นใดๆกันอีก
ส้วนวันแรมหนึ่งค่ำเดือนสิบสองก็เป็นวันตักบาตรเทโว ด้วยข้าวต้มลูกโยน
ในสมัยพุทธกาลภายหลังจากพระองค์เสร็จสิ้นจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงค์เพื่อทรงโปรดพระมารดาแล้ว ก้เสด็จกลับสู่โลกมนุษย์ โดยมีท้าวสักกะเทวราชนำหน้า และพระพุทธองค์ได้เปิดโลกสามให้ได้เห็นกัน คือ โลกเทวดา โลกมนุษย์ และสัตว์นรก เพื่อว่าคนจะได้เห็นคุณโทษของการทำดีได้ไปเกิดในสวรรค์ ทำชั่วจะต้องไปเกิดในนรก มนุษย์โลกจะได้กระทำแต่ความดี แต่น่าเสียดาย มนุษย์ยังทำอยู่มีอยู่โดยไม่เกรงกลัวต่อนรก เลย
ส่วนวันตักบาตรเทโวนั้น ในสมัยพุทธกาลพอรุ่งขึ้นอีกวัน ชาวบ้านก็ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า โดยได้นำอาหารไปถวายโดยได้ปั้นข้าวเป็นก้อนใส่บาตร เลยกลายเป็นข้าวต้มลูกโยน ในบ้านเรา
พี่สิงห์ว่าจะไปทำบุญที่บ้าน วันตักบาตรเทโว ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7277 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2555, 20:59:06 » |
|
วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นสำคัญวันหนึ่งของพระภิกษุสงฆ์ คือ เป็นวันสิ้นสุดการจำพรรษา หรือออกจากพรรษาที่ได้อธิษฐานเข้าจำพรรษาตลอดระยะเวลา3 เดือน ในวันออกพรรษาในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า เป็นวันที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มายังโลกมนุษย์ หลังจากที่พระองค์ได้เสด็จไปจำพรรษา และแสดงพระธรรมเทศนาโปรดเทพบุตรพุทธมารดา ซึ่งอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต แต่ลงมาฟังพระธรรมเทศนาที่ชั้นดาวดึงส์
วันออกพรรษา หมายถึงวันที่พ้นจากข้อกำหนดทางพระวินัยที่ต้องอยู่ประจำที่หรือในวัดแห่งเดียวตลอด3 เดือน ในฤดูฝน กล่าวคือ เมื่อพระภิกษุได้อธิษฐานอยู่จำพรรษาในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 แล้วอยู่ประจำที่หรือวัดนั้นเรื่อยไป จนสิ้นสุดในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หลังจากวันออกพรรษาแล้วก็สามารถจาริกไปค้างแรมที่อื่นได้
วันออกพรรษา เรียกว่าอย่างหนึ่งว่า “วันปวารณา” หรือ “วันมหาปวารณา”คือวันที่พระสงฆ์ทำปวารณากรรม คือเปิดโอกาสให้เพื่อนพระภิกษุว่ากล่าวตักเตือนกันด้วยเมตตาจิตได้ เมื่อได้เห็นได้ทั้งหรือสงสัยในพฤติกรรมของกันและกัน วันออกพรรษา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดเทพบุตรพุทธมารดา
ความสำคัญของวันออกพรรษา
วันออกพรรษา เป็นวันสำคัญของพุทธศาสนา ด้วยเหตุผลดังนี้ 1. หลังจากวันออกพรรษาพระสงฆ์ได้รับพระบรมพุทธานุญาตให้จาริกไปค้างแรมที่อื่นได้ 2.เมื่อออกพรรษาแล้วพระสงฆ์จะได้นำความรู้จากหลักธรรมและประสบการณ์ที่ได้รับระหว่างพรรษาไปเผยแผ่แก่ประชาชน 3. ในวันออกพรรษาพระสงฆ์ได้ทำปวารณา เปิดโอกาสให้เพื่อนพระภิกษุว่ากล่าวตักเตือนเรื่องความประพฤติของตนเพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ ความเคารพนับถือและความสามัคคีกัน 4. พุทธศาสนิกชนได้นำแบบอย่างไปทำปวารณาเปิดโอกาสให้ผู้อื่นว่ากล่าว ตักเตือนตนเองเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาตนและสร้างสรรค์สังคมต่อไป ประวัติความเป็นมาของวันออกพรรษา
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษาอยู่ ณ พระเชตุวันมหาวิหาร กรุงสาวัตถี มีพระภิกษุเหล่านั้นเกรงจะเกิดการขัดแย้งกันจนอยู่ไม่สุขตลอดพรรษา จึงได้ตั้งกติกาว่าจะไม่พูดจากัน (มูควัตร) เมื่อถึงวันออกพรรษาพระภิกษุเหล่านั้นก็พากันไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่พระเชตวันมหาวิหาร กราบทูลเรื่องทั้งหมดให้ทรงทราบ พระพุทธเจ้าทรงตำหนิ แล้วทรงมีพระบรมพุทธานุญาตให้พระภิกษุกระทำการปวารณาต่อกันว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาแล้วปวารณากันในสามลักษณะ คือด้วยการเห็นก็ดี ด้วยการได้ยินก็ดี ด้วยการสงสัยก็ดี” การถือปฏิบัติวันออกพรรษาในประเทศไทย
วันออกพรรษา เป็นวันปวารณาของพระสงฆ์โดยตรง ที่จะต้องประชุมกันทำปวารณากรรมแทนอุโบสถกรรม สำหรับพุทธศาสนิกชนฝ่ายคฤหัสถ์ ก็ถือว่าเป็นวันพระสำคัญ มักนิยมไปทำทานรักษาศีลและฟังธรรมเป็นกรณีพิเศษ
นอกจากนี้ ยังมีประเพณีเนื่องด้วยวันออกพรรษาอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า “ประเพณีตักบาตรเทโว” วันออกพรรษา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเสด็จลงสู่มนุษย์โลกทางบันไดพาดลงใกล้เมืองสังกัสสะ
คำว่า “ตักบาตรเทโว” มาจากคำเต็มว่า “ตักบาตรเทโวโรหณะ” คือการตักบาตรเนื่องในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งคัมภีร์อรรถกถาธรรมบทบันทึกไว้ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงบยมกปาฏิหาริย์ (ปาฏิหาริย์เป็นคู่ๆ)ที่ต้นมะม่วงใกล้เมืองสาวัตถีแล้วก็เสด็จขึ้นไปจำพรรษาที่ 7บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อเทศนาพระอภิธรรมโปรดพุทธมารดาเป็นเวลา 3 เดือน ครั้นออกพรรษาแล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเสด็จลงสู่มนุษย์โลกทางบันไดพาดลงใกล้เมืองสังกัสสะ
หลักธรรมที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา ในเทศกาลออกพรรษา มีหลักธรรมสำคัญที่ควรนำไปปฏิบัติ คือ ปวารณา การเปิดโอกาสให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนตนเองได้ ในการปวารณานี้อาจแบ่งบุคคลออกเป็น 2 ฝ่าย คือ
1. ผู้ว่ากล่าวตักเตือน จะต้องเป็นผู้มีเมตตา ปรารถนาดีต่อผู้ที่ตนว่ากล่าวตักเตือน เรียกว่ามีเมตตาทางกาย ทางวาจา และทางใจ พร้อมมูล 2. ผู้ถูกว่ากล่าวตักเตือน ต้องมีใจกว้าง มองเห็นความปรารถนาดีของผู้ตักเตือน ดีใจดังมีผู้มาบอกขุมทรัพย์ให้การปวารณา จึงเป็นคุณธรรมสร้างความสมัครสมานสามัคคีและดำรงความบริสุทธิ์หมดจดไว้ในสังคมพระสงฆ์ การปวารณา แม้จะเป็นสังฆกรรมของสงฆ์ ก็อาจนำมาประยุกต์ใช้กับสังคมชาวบ้าน เช่น การปวารณากันระหว่างสมาชิกในครอบครัว ในสถานศึกษา ในสถานที่ทำงาน พนักงานในห้างร้าน บริษัทและหน่วยงานราชการ เป็นต้น
วัตถุประสงค์ของกิจกรรมวันออกพรรษา
1.เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของวันออกพรรษารวมทั้งหลักธรรม เรื่อง ปวารณาและแนวทางปฏิบัติ 2.เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมีทักษะในการคิดและการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องในวันออกพรรษา และสามารถเลือกสรรหลักธรรม คือปวารณา ไปใช้ในการดำเนินชีวิตเพื่อพัฒนาตนและสังคม 3. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเกิดเจตคติที่ดีต่อวันออกพรรษา และเห็นคุณค่าของการดำเนินชีวิตตามหลักธรรมคือ ปวารณา 4. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเกิดศรัทธาซาบซึ้งและตระหนักถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนา 5. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีและปฏิบัติตนตามหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนได้อย่างถูกต้อง
วันมหาปวารณา เปิดโอกาสให้เพื่อนพระภิกษุว่ากล่าวตักเตือนเรื่องความประพฤติของตนเพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาสู่เมืองสังกัสสะนครนั้น พระองค์ทรงเนรมิตให้เทวดามนุษย์ และสัตว์นรก สามารถมองเห็นซึ่งกันและกันได้ ซึ่งต่อมาเรียกกันว่าเป็น“วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก”วันออกพรรษา ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วันมหาปวารณา” เป็นวันที่พระภิกษุสงฆ์เปิดโอกาสให้เพื่อนพระภิกษุว่ากล่าวตักเตือนกันด้วยเมตตาจิต ปรารถนาดีต่อผู้ถูกตัวเตือน ทั้งกาย วาจา ใจ ส่วนผู้ถูกตักเตือนก็ต้องมีใจกว้าง มองเห็นความปรารถนาดีของผู้กล่าวตักเตือน โดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงมีพุทธานุญาตให้พระภิกษุกระทำการปวารณาต่อกันโดยมีความหมายว่า“ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาแล้ว ปวารณากันในสามลักษณะคือ ด้วยการเห็นก็ดี ด้วยการได้ยินก็ดี และด้วยการสงสัยก็ดี”ประเพณีของชาวพุทธที่นิยมกระทำในเทศกาลออกพรรษาคือ
ประเพณีตักบาตรเป็นประเพณีที่ปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยครั้งพุทธกาล
1. ประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ โดยในหลายที่ยังทำเป็นข้าวต้มลูกโยน มาไว้สำหรับใส่บาตรการตักบาตรเทโวเริ่มมาตั้งแต่ตอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พุทธศาสนิกชนจึงได้พร้อมใจกันนำภัตตาหารมาถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จนั้นมีจำนวนมาก บางพวกที่อยู่ห่างจึงไม่สามารถใส่อาหารลงในบาตรได้ จึงต้องทำข้าวให้เป็นก้อน แล้วโยนใส่บาตร จนกระทั่งเป็นประเพณีนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
ตักบาตรเทโว หมายถึง วันทำบุญตักบาตรในเทศกาลวันออกพรรษาตามความเชื่อของพระพุทธศาสนิกชนว่าเป็นวันที่เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์หลังจากเทศนาอภิธรรมปิฎกโปรดพุทธมารดา
“เทโว” ย่อมาจากคำว่า “เทโวโรหนะ” ซึ่งแปลว่า การหยั่งลงจากเทวโลก หมายถึง เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิณาณ แล้วทรงเทศนาโปรดประชาชนในแคว้นต่างๆ ของอินเดียตอนเหนือ ตั้งแต่เมืองราชคฤห์ เมืองพาราณสี เมืองสาวัตถี ตลอดถึงเมืองกบิลพัสดุ์ ซึ่งเป็นบิตุภูมิของพระองค์ทรงเทศนาโปรดพระประยูรญาติทั้งหลายถ้วนหน้า แล้วทรงปรารถนาจะสนองคุณพระมารดา ซึ่งหลังจากประสูติพระองค์ได้ 7 วัน ก็สิ้นพระชนม์ และได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต ฉะนั้นในพรรษาที่ 7หลังจากตรัสรู้พระพุทธองค์จึงเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทศนาพระอภิธรรมปิฎกโปรดพุทธมารดาอยู่พรรษาหนึ่ง ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11จึงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาประทับที่เมืองสังกัสสะ ประชาชน พากันไปเฝ้าพระพุทธองค์ เพื่อทำบุญตักบาตรอย่างหนาแน่น บางวัดก็ทำในวันออกพรรษา คือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 บางวัดก็ทำในวันรุ่งขึ้น คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11ทั้งนี้ แล้วแต่ความตกลงร่วมใจทั้งทางวัดและทางบ้านพิธีทำนั้นทางวัดอัญเชิญพระพุทธรูปประดิษฐานในบุษบก ซึ่งตั้งอยู่บนล้อเลื่อนไปช้าๆ นำหน้าพระสงฆ์ พระภิกษุสามเณรถือบาตรเดินตามไปโดยลำดับ พุทธศาสนิกชนต่างก็นำอาหารมาเรียงรายกันอยู่เป็นแถว ตามแนวทางที่รถบุษบกนั้นจะผ่านเพื่อตักบาตร ของที่นิยมใช้ตักบาตรเทโว ซึ่งนอกจากเป็นข้าวปลาอาหารทั่วๆ ไปแล้วยังมีข้าวต้มมัดใต้และข้าวต้มลูกโยนอีกด้วย
การที่พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปจำพรรษาอยู่เพียงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็เนื่องจากมีพระประสงค์จะให้พระพุทธมารดาได้บรรลุโลกุตรธรรมอันเป็นธรรมชั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้
2. ประเพณีทอดกฐิน ถือเป็นกาลทาน ที่เป็นประเพณีสำคัญของพุทธศาสนิกชนอย่างหนึ่ง โดยมีระยะเวลา 1 เดือน หลังจากวันออกพรรษาคือวันแรม 1 ค่ำเดือน 11ไปจนถึงกลางเดือน 12 ประเพณีทอดกฐินมีระยะเวลา 1 เดือน หลังจากวันออกพรรษา
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7278 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2555, 21:00:18 » |
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7279 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2555, 21:20:03 » |
|
ดร.สุริยา คุณเหยง และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
วันนี้ผมได้ไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลมา แม่มีเสมหะมาก ต้องใช้เครื่องดูดออก วันนี้พยาบาลได้เอาเลือกแม่ไปตรวจสารอาหาร ผลคือ แขนแม่จะเป็นรอยช้ำอย่างมาก
เนื่องจากว่าทางคุณหมอวิทิต และน้องสาว มีความเกรงใจต่อทางโรงพยาบาล ในฐานะผู้บริหาร และเป็นรายแรกด้วย วันอังคารนี้ แม่ต้องกลับไปอยู่บ้าน ทั้ง ๆ ที่แผลยังต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง ยังต้องดูดเสมหะออกเพื่อให้การหายใจสะดวก ยังต้องสวมท่อปัสสาวะ ผมทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ต้องปล่อยวาง และเชื่อได้เลยไม่เกินสามวันแม่ก็ต้องกลับมาอยู่โรงพยาบาลอีก
ผมสอบถามพยาบาลแล้วว่า ทางตึกไม่มีปัญหา ห้องว่าง แต่ไม่รู้ทำไมคุณหมอให้กลับบ้าน
ความจริงเป็นสิทธิของเราตามกฏหมายที่จะอยู่ได้ แต่ผมต้องเคารพการตัดสินใจของคุณหมอ ครับ
ก็เรียนให้ทราบ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7280 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2555, 21:23:54 » |
|
ถ้าผมจะปลูกบ้าน จะคล้ายแบบนี้ แต่เล็กกว่านี้แบบบ้านปู่ของผม ที่ยังจำได้ มีสี่ระดับ
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7281 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2555, 12:30:19 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...เมื่อวานตู่ไปทำบุญที่วัดมาแล้วค่ะ...
...วันนี้และพรุ่งนี้ไม่ไปค่ะ...เพราะคนจะไปกันเยอะมากๆ...
...อนุโมทนาบุญกับพี่สิงห์ด้วยค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7282 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2555, 12:32:02 » |
|
...พี่สิงหคะ...
...ถ้าสร้างอย่างในแบบนี้จะตกงบประมาณเท่าไหร่คะ...
...แบบประหยัดๆเลยน่ะค่ะ...
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7283 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2555, 21:06:00 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
วันนี้พี่สิงห์ ไม่ได้ไปทำบุญที่วัด เพราะคนจะแยะมากเลยไม่ไป และพระท่านก็ไม่ได้มาบิณฑบาตร ที่หน้าบ้านด้วย เลยเอารถไปซ้อมที่ศูนย์ Honda บางชัน บ่ายไปพบลูกค้าที่ได้นัดกันไว้ จะไปออกแบบโรงงานผลิตแผ่นพื้นให้เขา ครับ
ราคาบ้านนั้น พี่สิงห์ ก็ตอบไม่ได้ ครับถ้าจ้างเขามันแพงมาก พี่สิงห์กะว่าจะปลูกเอง เพราะเคยช่วยพ่อสร้างบ้านมาตั้งแต่เด็ก แต่ต้องสะสมหาไม้ก่อนแบบไปซื้อบ้านเก่า เพราะคนสมัยใหม่ชอบอยู่บ้านคอนกรีตแทนบ้านไม้
ในภาพฐานราก เสา คานเป็นคอนกรีต เพราะจะป้องกันปลวกและทำได้ง่าย ส่วนพื้น ผนังเป็นไม้แบบแต่งลายประกอบ มันแพงเกินจำเป็น ในภาพต้องมีมากกว่า สิบล้าน บาท พี่สิงห์ไม่เอาด้วยหรอกครับ
สู้บ้านไม้ตีฝาธรรมดา ไม่ได้ เย็นดี มีนอกชานเอาไว้นอนดูดาว และเดินจงกรม ห้องไม่ต้องมี เพราะไม่มีทรัพย์สินใดๆ จะได้มีอากาศหายใจสะดวก มีห้องครัวอยู่ตรงข้ามกับที่นอนระหว่างนอกชาน งบประมาณพี่สิงห์ ไม่เกินห้าแสนบาท มากกว่านี้ขออยู่บ้านดิน ครับ
พรุ่งนี้ตักบาตรเทโว กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะไปดีหรือไม่ เพราะต้องขับรถไปสิงห์บุรี เช้ามืด บ่ายต้องประชุมที่สระบุรี จะไหวไหมหนอ ? ไม่งั้นก็หุงข้าวใส่บาตรที่หน้าบ้านแทนเอาก็ได้ ได้ใส่บาตรพระเหมือนกัน
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
|
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7285 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2555, 21:37:04 » |
|
วันที่ ๑ - ๕ ธันวาคม ต้องไปกับคุณแววตา - พี่หมอโอภาส เวียตนาม
ต้องเสียเงินเอง ไม่เหมือนไปกับ SIW ฟรีทุกอย่างมีคนดูแลอย่างดีสงสัยจิตมันชอบแน่ๆ ให้กลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิม !
|
|
|
|
suriya2513
|
|
« ตอบ #7286 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2555, 23:45:36 » |
|
ถ้าคิดว่าจะสร้างบุญสร้างกุศล ด้วยการให้ช่างก่อสร้าง ผู้ร่วมอาชีพกับเรามีงานทำ ก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถ้าคิดว่า การที่ได้อยู่บ้านอย่างนี้แล้วมีความสุข มันคงไม่เป็นสิ่งทำได้ง่ายๆ อย่างนั้นกระมังครับ
|
[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี คลิ๊ก->
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7287 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2555, 07:46:00 » |
|
ดร. สุริยา เคยบอกแล้วว่ามันมาถึงทางสองแพร่ง
๑. บวชอยู่ในสังคมพุทธศาสนาแบบไทยๆ มันเป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้วหรือ
๒. ถ้าไม่บวช เราเป็นฆาราวาส สามารถปฏิบัติธรรมได้ บ้านไม้ราคาไม่เกินห้าแสนบาท มันคงไม่ใหญ่โตอะไร มีเพียงนอกชานกว้าง ๆ พอคุ้มฝนเท่านั้น มีอากาศไหลผ่าน โล่ง ๆ จะได้ดีต่อรูป-นาม และสามารถตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ช่วยแนะนำชาวบ้าน เรื่องดูแลสุขภาพไปในตัว ไม่ได้หวังสุชสบายอะไรเลย เพราะเอาแต่ Plan Lay out ที่ดูแล้วดี แต่ฝาตีไม้แบบธรรมดาราคาถูกๆ แบบที่พ่อเคยทำ ส่วนหลังคานั้น ขอเป็นหลังคาสังกะสี มันจะร้อนก็เป็นเรื่องของรูปธรรมดา แต่เราจะได้มีน้ำฝนเอาไว้ดื่ม ถ้ากลัวว่ามันจะสกปรกก็ผ่านเครื่องกรองน้ำแบบวัดป่าสุคะโต ไม่ต้องไปซื้อน้ำมาดื่ม กลางวันอยู่ใต้ถุนบ้าน ปฏิบัติธรรม เดินจงกรมได้ บนบ้านก็สามารถเดินจงกรมได้ โดยลดขนาดให้เหลือเพียงส่วนหนึ่ง คือส่วนที่เป็นห้องนอนน-เอนกประสงค์ขนาด 3.50x7.00 m. นอกชาน(ลดระดับลงมา 0.20 m.) ขนาด 3.50x7.00 m. ห้องครัวขนาด 3.50x7.00 m. แบ่งออกเป็นสองห้อง คือ ครัว กับ รับประทาน และมีบันใดลดระดับลงมาแบบในรูป ในส่วนที่ไม่เป็นห้องก็ทำรั้วโปรงรอบ ให้อากาศผ่านได้ พระพุทธองค์ไม่ส่งเสริมให้อยู่แบบลำบาก ให้ยึดทางสายกลาง
เพื่อนฝูงสามารถมานอนได้ เป็นสิบ เพราะไม่มีห้องนอนใดๆ มีแต่พื้นโล่งเท่านั้น สมบัติก็ไม่มี ไม่ต้องกลัวขโมย ห้าแสนบาทมันสร้างใหญ่ไม่ได้ สวยไม่ได้ ใช้ของดีก็ไม่ได้ แล้วมันจะสุขสบายได้อย่างไร
จะไปอาศัยบ้านคนอื่นมันก็ไม่สมควร ไปอาสัยวัด ถ้าไม่ทำงานชาวบ้านก็จะด่าว่าเอา มันก็มีความจำเป็นต้องมีบ้าน จะไปอยู่ตามโคนต้นไม้ มันก้ไม่งาม
โลกมนุษย์มีแต่ความวุ่นวาย ไม่รู้จบ
อย่าไปสนใจใครทั้งสิ้น ระวังแต่ตัวเรา ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน สบายใจ เป็นใช้ได้
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7288 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2555, 07:51:25 » |
|
สวัสดี คุณน้องตู่ และชาวซีมะโด่ง ที่รักทุกท่าน
ตักบาตรเทโว พี่สิงห์ไม่ได้ไปที่สิงห์บุรี
เช้านี้พี่สิงห์ หุงข้าวใส่บาตรพระที่หน้าบ้านแทน วันนี้คนใส่บาตรมากหน่อย มี ๗ คน ครับ
วันนี้มีเรื่องที่ต้องกระทำ สี่ เรื่อง ๑. ไปต่อทะเบียนรถ
๒. ไปประชุมที่สระบุรี ถึง หกโมงเย็น
๓. ติดต่อหลวงพ่อ ดร.พระมหาสุเทพ เรื่องไปอินเดีย คราวนี้ไปที่ รอล่าอาเจนต้าด้วย ๑๓ วัน
๔. จ่ายเงินค่าโทรศัพท์
สวัสดี
|
|
|
|
too_ploenpit
|
|
« ตอบ #7289 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2555, 08:50:36 » |
|
...สวัสดีค่ะ...พี่สิงห์...
...รูปบ้านตัวอย่างที่พี่สิงห์โพสท์ให้ดู...สวยนะคะ...
...ตู่เคยไปดูบ้านสำเร็จรูปที่เค้าปลูกแล้วตั้งโชว์เอาไว้ข้างทาง...
...แบบนั้นก็สวยค่ะ...แต่ขนาดเล็กๆ...เคยคิดไว้ว่าจะซื้อเอาไปถวายวัด...
...เป็นกุฎิของฆราวาสที่ปฎิบัติธรรม...
...แต่สตางค์ยังมีไม่พอค่ะ...
...เลยตั้งใจไว้ว่าขายห้องตึกแถวได้เมื่อไหร่...
...จะแบ่งเงินนั้นไปทำบุญโดยซื้อบ้านแบบนี้ค่ะ...
...กุฎิของแม่ชีและฆราวาสที่วัดที่พระต้นจำพรรษาอยู่...
...ส่วนมากเค้าจะออกเงินสร้างกันเองค่ะ...
...แต่ก่อนก็ประมาณแสนนึง...
...เดี๋ยวนี้ถ้าหลังโตขึ้นมาหน่อยก็ประมาณสองแสนหรือกว่านิดๆค่ะ...
...ตู่ได้นำรูปกุฎิหลังแรกที่พระต้นไปจำพรรษาไปลงไว้ที่เฟสบุ๊คค่ะ...
...เป็นกุฎิที่ฆราวาสสร้างถวายวัด...และสำหรับอุบาสกที่มาถือศีลค่ะ...http://www.facebook.com/#!/media/set/?set=a.110100839150298.18865.100004511473950&type=3
|
i love pink, you are pink = i love you
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7290 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2555, 10:37:49 » |
|
สวัสดีค่ะ คุณน้องตู่ ที่รัก
บ้านทรงไทยที่เธอเห็นตามที่เขาทำสำเร็จรูปขายนั้น ราคาแพงมากอยู่ในระดับ 500,000 - 700,000 บาท พี่สิงห์ เคยแวะไปถามหลายครั้งแล้ว และก็หลังเล็กมาก เหมือนนอนในโรงศพ สู้เป็นแบบอย่ากั้นห้อง หรืออย่าทำให้ทึบ ให้ลมผ่านได้มากๆ ใช้กางมุ้งเอาดีกว่า เป็นผลดีต่อสุขภาพด้วยครับ มีฝาเพียงกันฝนเท่านั้นก็พอ สมบัติก็ไม่มี ไม่ต้องกลัวขโมยทั้งสิ้น
ที่วัดป่าสุคะโต พระท่านใช้คอนกรีตทำแต่เป็นบ้านสำเร็จรูปสำหรับสร้างให้ฆารวาส อยู่ราคาไม่แพงเพียงแค่หลักหมื่อเอง
พี่สิงห์ มีเวลาจะลองออกแบบดูบ้าง เป็นบ้านสำเร็จรูปคอนกรีตอัดแรง ให้ราคาไม่เกินแสนบาท สามารถสร้างเสร็จในหนึ่งอาทิตย์แต่ไม่รวมฐานราก แต่มีพื้นที่อาศัยพอสมควร คือหนึ่งห้องน้ำ หนึ่งห้องนอน-รับแขก-ทำงานแบบสบายๆ อยู่ในห้องเดียวกัน หรือ หนึ่งห้องน้ำ หนึ่งห้องนอน และหนึ่งห้องรับแขก และมีระเบียงบันใด
ขอเวลาหน่อยครับ
ข้อเสียของบ้านคอนกรีตนั้น ไม่ดีต่อสุขภาพ สู้บ้านดิน บ้านไม้ไม่ได้ แต่บ้านไม้ต้องไปหาซื้อบ้านเก่าๆ มาสะสมเอาไว้ให้พอก่อนแล้วจึงสร้าง ครับ
ที่ ST Group สูงเนิน มีเศษไม้ที่เหลือจากการทำวงกบ ประตู หน้าต่างไม้แยะมาก พี่สิงห์ กำลังคิดจะเอามาทำเป็นฝาบ้าน เพราะมันยังใช้ได้อยู่ ดีกว่าขายเอาไปทำฟืน
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7291 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2555, 10:56:36 » |
|
ดร.กุศล ทราบ
วันพฤหัสบดีที่ ๑ พฤศจิกายน ก่อนเที่ยง พี่สิงห์ จะไปหาหลวงพ่อ ดร.พระมหาสุเทพ และคุณนิจ ที่สถานีวิทยุ ครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Khun28
Full Member
ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม
ออฟไลน์
รุ่น: RCU2528
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์
กระทู้: 784
|
|
« ตอบ #7292 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2555, 21:08:27 » |
|
ผมชอบกุฏิหลวงพ่อคำเขียนครับ ออกแบบได้สวยดี เดินได้รอบ
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7293 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2555, 21:10:15 » |
|
สวัสดีครับ ชาวซีมะโด่ง และแขกที่มาเยี่ยมเยือน ที่รักทุกท่าน
ชีวิตทางโลกนี้ วุ่นวายจริงหนอ !
ตราบใดที่ยังต้องทำงาน เกี่ยวข้องกับบุคคล มีแต่ทุกข์ โดยผู้อื่นเอามาให้ มันก็ดีเหมือนกัน จะได้เรียนรู้จิตใจตนเองได้มากขึ้น
การทำงานมันเป็นเรื่องการคิด การแสดงความเห็นประกอบ ผิดถูกมันอยู่ที่วิญญูชนม์เท่านั้นจะตัดสินใจ ไม่ใช่เรา หรือผู้อื่น แต่น่าเสียดายผู้อื่นโดยมากคิดเข้าข้างตนเองเสมอ และละเสียซึ่งศีล ๕ สิ้น จึงมองไม่เห็นจิตตนเอง คิดว่าตนเองถูกเสมอ บุคคลประเภทนี้เราต้องยอมๆ ไป ไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่ผลประโยชน์ด้านตัวเองเป็นหลัก
ทำไฉนเราจะแบ่งแยกคำว่าอายารย์ที่หวังดีต่อลูกศิษย์ แต่ลูกศิษย์ตามความคิดอาจารย์ไม่ทัน พื้นฐานก็อ่อนมาก ความหวังดีของอาจารย์ กลายเป็นการลงโทษลูกศิษย์ ไม่ดีเลย
ถ้าไม่มีความหวังดีต่อลุกศิษย์ สบายกว่าแยะ คือปล่อยวางมันไป ไม่ต้องสนใจทั้งสิ้น มันก็ดีเหมือนกัน เพราะมันไม่ใช่ตัวเรา เป็นเรื่องของคนอื่น เกิดเป็นมนุษย์ มันเลยมีแต่ทุกข์ ไม่รู้จบ รู้สิ้น สู้ไม่เกิดเสียเลยดีกว่า
พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปทำงานที่ นครศรีธรรมราช ครับ
ตอนนี้มีแต่ข่าวฝนแล้ง ข้าวจะตาย ไม่มีน้ำใช้ ขอให้รัญบาลช่วยด่วน
สส. ฝ่ายรัฐฐาลเสนอให้เจาะบาดาลเอาน้ำใต้ดินมาใช้ปลูกข้าว ใหญ่ ไม่คิดเก็บน้ำใต้ดินเอาไว้ใช้ยามจำเป็นเลยหรือไร ยากจะเห็นแผ่นดินทรุดเหมือนกรุงเทพฯ หรือไร ยิ่งไปสูบน้ำใต้ดินเอามาใช้มาก ๆ ความชุ่มชื้นผิวดินยิ่งไม่มีใหญ่เลย ตรองกันให้ดีๆ
นี่ละเพราะโรคกลัวน้ำท้วม เกินเหตุ ปล่อยน้ำทิ้งจนหมดเขือน ผลมันจึงเป็นอย่างนี้ ไม่ตรองด้วยปัญญา เอาแต่แก้คนกลัวน้ำท้วม ผลมันจึงตามมาแบบนี้ ทั้งๆ ที่ผมบอกนักบอกหนาว่า น้ำไม่ท้วม ฝนแล้ง ก็ไม่ฟัง ผ่านไปไม่ถึงเดือนมันกลับตะละปัดตรงกันข้ามทันทีจากกลัวน้ำท้วมเป็นน้ำไม่มี กลายเป็นไม่มีน้ำใช้ สนุกดีประเทสไทย จงเจริญ
วันเพ็ญเดือนสิบสองน้ำเหลือก้นคลอง มีแต่ตะลิ่ง พวกเราทั้งหลายชายหญิง โศกเศร้ากันจริงวันลอยกระทง ลอย ลอยกระมง ลอย ลอยกระทง ต้องลอยกระทงบนฟ้าแล้วครับปีนี้
ออกพรรษานี้ น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สิงห์บุรี แถบจะไม่มีน้ำให้แข่งเรือยาว สนุกจริงๆ
ราตรีสวัสดิ์ทุกท่าน
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7294 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2555, 21:14:30 » |
|
สวัสดีครับ ท่านขุน
พี่สิงห์ ก็แอบชอบเหมือนกัน และเล็กกระทัดลัดดี ทำด้วยไม้ อยู่ใต้ร่มเงาของป่าไผ่
ท่านขุนปีนี้พี่สิงห์ ไปอินเดีย ๑๓ วันออกเดินทาง วันที่ ๑๖ ก.พ. และไปรอล่าอาจันต่า ด้วย ตอนนี้หลวงพ่อ ดร.พระมหาสุเทพ บอกว่าต้องรีบจองตั๋วรถไฟ เป็นการด่วน แล้ว พรุ่งนี้พี่สิงห์เลยต้องไปจ่ายสตางค์ เพราะรถไฟอินเดียต้องจองตั๋วล่วงหน้าก่อนสามเดือนครับ
สวัสดี
|
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7295 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2555, 21:21:15 » |
|
คุณเหยง ช่วยจับ ดร.สุริยา เป็นนางแมว แห่รอบวัดที ฝนตกแน่
สงสัยวันนี้เรามีแต่จิตอกุศล คิดแบบนี้ได้อย่างไร เสียหายหมด เศร้าจริงหนอเรา !
|
|
|
|
pusadee sitthiphong
|
|
« ตอบ #7296 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2555, 21:28:54 » |
|
รอดูแบบค่ะ ไม่แพงดี พี่สิงห์อย่าลืมเอามาโชว์ตรงนี้นะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
|
pom shi 2516
|
|
|
suriya2513
|
|
« ตอบ #7297 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2555, 22:29:54 » |
|
|
[โบราณคดี]จุดกำเนิดเริ่มต้นของ cmadong.com by : มานพ กลับดี คลิ๊ก->
|
|
|
Manop Klabdee
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
พอเพียง มีสติ เกิดปัญญา
ออฟไลน์
รุ่น: 2513 วศ. รุ่นที่ 54
คณะ: วิศวกรรมศาสตร์ แผนกวิชาวิศวกรรมโยธา
กระทู้: 11,644
|
|
« ตอบ #7298 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2555, 08:02:38 » |
|
ส่งทั้งสองคนเป็นการดี คือ ดร.สุริยา และ ดร.กุศล
เพราะธรรมดาจะแห่เป็นคู่ คู่ผัว-เมีย
ฝนตก ชาวบ้านมีน้ำใช้ ต้นข้าวเติบโต มนุษย์สิ้นเคราะห์
ได้อานิสสงฆ์มาก
|
|
|
|
|
|